สารพันปัญหา ตอบโดยคุณ nopphakan

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย รูปติดบัตร, 26 พฤศจิกายน 2016.

  1. jttm

    jttm สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +16
    อือหือยาวเลย ก็อย่างว่าครับเรื่อง อจิณไตย เรื่องใบไม้นอกกำมือ ส่วนเรื่องจิต รูป นาม จักรวาล แนวปฏิบัติ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล อธิบายได้ลึกซึ้งมากครับ

    http://www.e4thai.com/e4e/images/pdf2/LuangPoo-Doon.pdf
     
  2. atitarn333

    atitarn333 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2018
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +14
    กราบเรียนถามท่านอาจารย์นพค่ะ เวลาที่หนูรู้ลมหายใจไปจนถึงตอนที่จิตสงบแล้ว จะรู้สึกเหมือนลมหายใจมันตื้นขึ้นเหมือนจะขาดๆ ถึงตอนนี้ไม่รอดค่ะ จะรู้สึกไม่แน่ใจค่ะว่าคิดไปเองหรือจิตจะเข้าฌาณ4จริง เหมือนมันตื่นเต้นด้วยอ่ะค่ะ วิตกวิจารณ์มาหมด แหะๆ จิตถอยกลับออกมารู้กายชัดขึ้นรู้ลมชัดขึ้นอีก จะแก้ยังไงดีคะ หรือต้องเจริญสติให้ต่อเนื่องสะสมกำลังให้มากว่านี้แล้วจะเป็นผ่านจุดนี้ไปได้เองคะ (อยากให้ สมถะ กับ วิปัสสนา เจริญคู่กันไปน่ะค่ะ)

    กราบขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2018
  3. maxmi

    maxmi แม็กคับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2017
    โพสต์:
    479
    ค่าพลัง:
    +1,205
    ดีคับ อยากรบกวนถามคุณนพว่า การจัดการความรักใช้วิธีเดียวกันกับ การจัดการความโกรธมั้ยคับ ทำไมตัดใจไม่ได้สักที
     
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,044
    ช่วงนี้เดินทางอยู่
    ว่างเมื่อไรจะมาตอบให้
    ทั้ง ๒ คนที่ถามมา ^_^
     
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,044
    ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ ไม่ใช่กิเลส แต่เป็นภายนอก
    ที่มีอยู่ของมันแล้วเป็นปกติ แต่ตัว โทสะ โมหะ โลภะ
    ที่อยู่ในจิตเรา(ปกติทุกคน เพราะถ้าไม่มีพวกนี้
    ก็จะไม่ตัวเราหรือใครๆ) ที่มันส่งออก ผ่านมาทางตา
    ทางหู ทางใจ ทางกาย ทางลิ้น นั้นมัน
    ไปดึงเอาสิ่งต่างๆภายนอกเข้าเหล่านี้เข้ามา
    นี่หละเราเรียกว่า กิเลส........
    จนกลายเป็นตัวตนของเรา.....ปัญหามันเริ่มจากตรงนี้
    เหมือนๆกันทุกคน ทุกกรณีนั่นหละ

    ดังนั้นวิธีการที่ดีสุด ก็คือ อย่าเริ่มส่งออก
    กระบวณ การให้จิตเริ่มสร้างตัววิญญาฯในการส่งออก
    (ในที่นี้คือ ส่งตัววิญญานการรับรูป
    ผ่านอายตนะทั้งหมดออกไปภายนอกนั้นหละ)

    มันเริ่มกระบวณการตรงนี้ จาก
    การที่ เราไประลึกขึ้นมา นึกขึ้นได้ คิดขึ้นได้
    ก่อนที่มันจะปรุงแต่งไปต่างๆนาๆ
    ถ้าถูกใจวัยรุ่น เป็นอย่างที่เราคิดไว้
    เราก็จะรู้สึกดี แต่ถ้าไม่เป็นอย่างที่เราคิดไว้
    เราก็จะรู้สึก So sad Sa เซนั่นหละ...
    มันคือเรื่อง ปกติธรรมดามา ของชาวโลก จร้า......
    และจะธรรมดาได้มากยิ่งขึ้น หากมันอยู่ในช่วงวัย
    ในช่วงที่ เหตุและปัจจัย เรามันต้องการที่จะมี
    สิ่งต่างๆภายนอกเหล่านั้นด้วย (ทางปฏิบัติเรียกมี
    กำลังมาก) เช่น วัยเด็กโตอยากได้จักรยาน
    โตมาหน่อยอยากได้รถจักรยานยนต์ โตมาอยากได้รถยนต์
    อยากได้ โน้นนั่นนี่ สังเกตุไหม มันจะเป็นไปตามสภาพแวดล้อม
    ที่มาหนุน ความต้องการตรงนี้.......

    ดังนั้น เราต้องถอยออกมาดูก่อน ว่าเราเผลอเข้าไปอยู่
    ในกระแสสภาพแวดล้อม และเผลอไปสร้างกระบวณการ
    ต่างๆเหล่านี้ ให้มันเกิดขึ้นด้วยความคาดไม่ถึงหรือเปล่า
    ถ้าใช่.....อะไรคือ ตัวช่วย......



    กำลังสติทางธรรม ที่ได้จากการเจริญสติในชีวิตประจำวัน
    ของเราเองนั้นหละ. ที่จะคอยควบคุม พฤติกรรม
    ความคิดต่างๆพวก
    การระลึก นึกขึ้น การคิดได้ ต่างๆเหล่านี้ ให้มันค่อยๆคลาย
    จากตัวจิต ให้มันค่อยๆละ ค่อยๆวาง ลงไปตามลำดับของมัน
    แต่ต้องเจริญสติในชีวิตประจำวันให้ต่อเนื่องจริงๆ
    ประเภทเดินไปเข้าห้องน้ำ ทานข้าว ยังต้องพอรู้ว่า กี่ก้าว
    และในเวลาทำงานให้ตั้งใจทำงานเต็มที่
    เวลานิ่งๆก็ระลึกรู้ลมหายใจเข้าและออก ให้หยุดที่ปลายจมูก
    และหายใจเข้าออกให้ลึกถึงท้อง แต่อย่าไปตามลม


    มันก็จะมีเครื่องมือ ที่ใช้ควบคุมความคิดและพฤิกรรมของจิต
    รวมทั้งกำลังสมาธิสะสมเล็กๆน้อยๆ เพื่อเอาไว้คอย
    ควบคุมดูแลเรื่องพวกนี้ด้วย ไม่ใช่แค่ความรัก
    รวมทั้ง ความอยากได้ต่างๆ ความโกรธต่างๆก็ด้วยเช่นกัน


    เด่วพอควบคุมได้ จนจิตเราเป็นกลางและรู้สึกเฉยๆได้แล้ว
    เด่วมันจะรับรู้และเข้าใจอารมย์ และเข้าใจได้ของมันเอง
    เราก็จะรู้สึกคลายความยึดมั่นถือมั่นได้......

    สเตปต่อมา ค่อยมาเพิ่มการสังเกตุว่า เหตุเกิดเพราะอะไร
    ดับเพราะอะไร ดับตอนไหน เกิดเวลาไหน
    เราก็จะมีพัฒนาการได้ของเราเองตามลำดับ
    ในเรื่อง ที่จะไปดึงสิ่งๆต่างๆภายนอกเข้ามา

    ปล. ค่อยๆเป็นค่อยๆไปตามลำดับ.....พอเข้าใจเนาะ
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,044
    หลักสังเกตุนะ ถ้าเข้าใจประกันได้ว่า จะไม่หลงสภาวะ
    และหลงตัวเองแน่นอน......
    ตรรกะง่ายๆนะ ถ้าเรานั่งสมาธิแค่จิตสงบลง
    เสียงที่ปกติไม่ได้ยินเรายังได้ยินเลย เช่น เสียงนาฬิกา
    กำลังเดิน เสียงก๊อกๆแก๊ก เสียงต้นไม้ ใบไม้ ฯลฯ
    ในกำลังระดับฌาน ๔ นั้น ประกันได้ว่า แค่ลมพัดเบาๆ
    เหมือนได้ยินประมาณ หูแทบแตก....ลองใช้ตรรกะนี้
    ในการพิจารณก่อนนะ.....


    ที่นี้มาทางปฏิบัตินะ....อาการที่เล่าให้ฟังมา ลืมไปให้หมด
    เลยนะ..เพราะว่า ระบบลมหายใจเรายังละเอียดไม่พอ
    เพราะว่า เผลอเอาจิตไปตามลมหายใจอย่างคาดไม่ถึง
    กิริยามันจะแป๊กที่เต็มที่ ปฐมฌาน อย่างที่เราเจอนั้นหละ
    และถ้าเราปล่อยไป ด้วยกำลังระดับนี้ มันจะสามารถตัดลม
    หายใจที่จะผ่านไปยังปอดเราได้เมื่อจิตเราเริ่มสงบลงได้
    นั่นหละเป็นเหตุที่ทำให้เราอึดอัด พออึดอัด มันก็ส่งผลต่อกาย
    มันก็เริ่มสร้างความคิดขึ้นมา
    ก็จะเป็นอย่างอาการที่เราเป็นนั้นหละ


    ให้ปรับระบบลมหายใจใหม่ คือ หายใจเข้าออกให้ระลึกรู้ลม
    เข้าและออกหยุดที่ปลายจมูกพอ แต่ดันลมหายใจให้ลึกถึงท้อง
    คือหายใจเข้าท้องพอง หายใจออกท้องยุบ แรกๆฝืนๆทำไปก่อน
    วิธีการทดสอบ ว่าถูกไหม คือ ให้ลองเอานิ้วชี้ ไว้ที่ปลายจมูก
    แล้วลองหายใจดู เราจะต้องรู้สึกว่า ลมมันกระทบนิ้วชี้เรา
    อยู่ตลอดเวลาทั้งเวลาหายใจเข้าและออก ในขณะที่ท้องเราก็
    พองและยุบด้วย

    ส่วนในเวลาปกติ ถ้าทำงานตั้งใจทำงานเต็มที่
    ถ้าเดินให้นับก้าวเดิน ว่าไปโน้นนี่นั้น เดินได้กี่ก้าว
    เช่น ไปเข้าห้องน้ำ ทานข้าว ไปนั้นโน่นนี่
    ถ้านิ่งๆ ไม่ได้ ทำงาน ก็ให้มาระลึกลมหายใจอย่างที่บอก


    ที่นี้ พอมานั่งสมาธิ นอกจากมันจะสงบได้เองแล้ว
    เราอาจจะพบกับอาการคล้ายๆ จมหรือแช่ คือนั่งๆไป
    รู้สึกตัวอีกทีก็จิตสงบแล้ว แบบไม่รู้ตัว และก็เกิดการระลึก
    ขึ้นได้ ตรงนี้สำคัญคือ อย่าไปสนใจเรื่องลมหายใจว่า
    กำลังภาวนาอะไรอยู่ แต่ให้ไม่ต้องลืมตา และค่อยๆ
    ดึงร่างกายให้กลับมาอยู่ในท่าเดิม แล้วก็ระลึกรู้ลมหาย
    ใจไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ต้องสนใจว่า จะภาวนาคำว่าอะไร
    มาก่อนหน้านี้.
    และถ้ามันสงบได้ดีขึ้น แต่ดันมีความคิดในอดีตมันผุดขึ้นมา
    ก็ไม่ต้องสนใจ ให้เราลุกขึ้นมา เดินจงกลมหรือไปหาอะไรทำ
    แต่ที่สำคัญคือ รักษาลมหายใจไว้ให้เป็นปกติ พอรู้สึกสงบ
    เมื่อไรก็ค่อยมาตั้งต่อ.....

    และที่สำคัญอีกอย่าง คืออย่าไปเปรียบเทียบและคาดหวังผลของ
    การนั่ง วันนี้ได้แค่ไหนก็แค่นั้น ไม่ต้องไปหวังว่า วันนี้จะดีกว่าเมื่อวาน หรือ ทำไมวันนี้นั่งได้ไม่เหมือนเมื่อวาน
    เอาว่า วันนี้ได้แค่ไหนก็แค่นั้นพอ
    จะได้ไม่สร้างความอยากเล็กๆน้อยๆ
    และสร้างความเครียดให้เกิดขึ้นกับจิต
    อย่างคาดไม่ถึง ซึ่งตรงนี้มันจะขวางการพัฒนา
    ยกระดับสมาธิเราได้.......


    และทำสำมะคัญเลย ก็คือ ห้ามไปสนใจทุกๆกิริยา
    ไม่ว่าเสียง แสง สี ภาพต่างๆ ไม่ว่า จะเห็นใครก็ตาม
    ห้ามลืมตา ห้ามสนใจ ให้นั่งของเราไป และก็ไม่ควรลืม
    การขอขมาพระรัตนตรัยก่อนนั้น เพื่อให้ใจเราคลี่คลาย
    และทำบุญอุทิศส่วนกุศลหลังจากนั่งเสร็จทุกครั้ง
    เพื่อเป็นอุบายให้จิตเราได้เข้าถึงกระแสที่ดีๆ
    ซึ่งมันจะส่งผลให้เรายกพัฒนาระดับสมาธิได้เร็วขึ้น


    ก็นั่งไปเรื่อยๆ จนกว่า จะหลุดออกไปข้างนอกเลย
    ไม่ต้องตกใจ เพราะเป็นเรื่องปกติ
    แล้วค่อยมาเน้นเจริญสติในชีวิตให้ต่อเนื่องเพิ่มขึ้น


    วิธีการนี้ ถึงจะได้ ทั้ง สมถะ แอน วิปัสสนาอย่างที่
    เราตั้งเป้าเอาไว้....
    เอาจุดนี้ก่อน....เรื่องอื่นๆค่อยว่ากันภายหลัง.....
     
  7. atitarn333

    atitarn333 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2018
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +14
    กราบขอบพระคุณในความเมตตาอย่างสูงค่ะท่าน
     
  8. maxmi

    maxmi แม็กคับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2017
    โพสต์:
    479
    ค่าพลัง:
    +1,205
    แต่ก่อนผมก็กำหนดลมหายใจที่จมูกล่ะ ต่อมาไปอ่านเว็บหนึ่งคนนึงบอกว่าให้กำหนด 3 ฐานไม่งั้นจะเข้าไม่ถึงณาน 4 ก็เลยทำตาม ตามลมเต็มๆเลย พอมาอ่านที่ อ.นพ บอก นี่ทำผิดแล้วเหรอ แต่ตอนนี้พยายามกลับมากำหนดตามที่ อ.บอก กำหนดไว้จุดเดียว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2018
  9. atitarn333

    atitarn333 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2018
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +14
    รบกวนถามอีกนิดนึงค่ะท่าน หนูยังติดสงสัยอยู่นิดนึงค่ะ
    สืบเนื่องจากตอนที่หนูหนาวมาก หรือปวดหัวมากๆ หนูเคยใช้วิธีมารู้อยู่ที่กลางอก+รู้ลมไหลเข้าออกผ่านกลางอก แล้วสำรวจดูว่าความทุกข์มันอยู่ตรงไหน รู้สึกว่าเหมือนความทุกข์นั้นมันเกาะกับจิต แล้วกำหนดวางความทุกข์ให้จิตใจแจ่มใสเบิกบานโดยอาศัยลมหายใจ คล้ายเปลี่ยนจิต หรือวางความทุกข์ความยึดมั่นในเวทนาทางกายนั้นไป ก็จะเห็นอาการปวดหัวสุดๆจนต้องร้องไห้ในตอนแรกแยกอยู่ต่างหากที่ศรีษะ แต่จิตแจ่มใสเบิกบานอยู่กลางอก(ไม่มีภาพเป็นความรู้สึก)ปิติเกิด มีความสุขทั้งๆที่กายเจ็บปวด แต่ตอนหลังบางครั้งที่ทำแบบนั้นไม่ได้ก็ลองเปลี่ยนค่ะ เปลี่ยนจากแยกจิตออกจากเวทนา เป็นเข้าไปหา เข้าไปๆให้ลึกที่สุด(ความรู้สึกเหมือนเจาะเข้าไปในเวทนานั้น) แล้วเหมือนตัวเองเข้าไปอยู่ตรงกลางความเจ็บปวดนั้น ความเจ็บที่เคยชัดก็จางๆเหมือนมันเป็นความเจ็บที่ระยิบระยับอยู่รอบดวงจิตแต่ไม่รู้สึกทรมาน แล้วมีอาการคล้ายพลุแตกการจายแบบสโลโมชั่นค่ะ แล้วไม่นานก็หายปวดค่ะ (ไม่ได้ทำได้ทุกครั้งที่ต้องการค่ะ ส่วนมากใช้วิธีแรก แยกออกมาจากเวทนาค่ะ)

    ทีนี้ที่สงสัยคือ หนูจะเอาวิธีกำหนดจิตอยู่กลางอกเหมือนที่ครูบาอาจารย์ท่านว่าให้จิตอยู่ที่ฐาน แล้วรู้ลมหายใจเข้าออกไปเรื่อยๆ แต่ผลคือมันน่าจะมุ่งไปที่วิปัสสนามากกว่าใช่มั้ยที่หนูเข้าใจ เพราะทำแล้วมันจะเห็นจิตที่ส่งออกไปรู้อารมณ์นั่นนี่ชัดกว่า (เหมือนเป็นทั้งสมถะและ วิปัสนาไปในตัว)

    แต่ถ้าตอนนี้หนูจะฝึกเข้าฌาณ4หนูต้องฝึกตามที่อาจารย์นพสอน ให้วางวิธีดูจิตแบบนี้ไปก่อนอย่าเพิ่งเอามาใช้ปนกัน หนูเข้าใจถูกต้องมั้ยคะ

    กราบขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
     
  10. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,044
    ระบบลมหายใจต้องละเอียดก่อน
    เป็นพื้นฐานเพื่อปรับความละเอียดของจิต

    ส่วนการกำหนดที่ตำ่แหน่งต่างตามร่างกาย
    มันเป็นเขิงเทคนิค
    ต่อให้ถึงฌาน ๔ เขื่อเหอะว่ายาก
    เพราะติตมันขาดเรื่องกำลังจิตมาหนุน
    และมันจะไม่ได้ทางด้าน
    ภูมิต้านท้านพลังงานภายนอก
    และจะได้แต่ด้านภายในเท่านั้น
    อาจทำให้หลงตัวเองได้ง่ายจากการไปยึด
    สัมผัสภายในพวกนี้

    ซึ่งไม่เพียงพอต่อการออกนอกบ้าน
    หรือไปตะลุยยุทธจักร
    ส่วนตัวไม่แนะนำใคร เพื่อให้ไปถูก
    จอมยุทธ์พรรคมารทำร้ายหรอก ๕๕

    การกำหนดจุดนั้น ถ้าจะได้กำลังจิต
    มันต้องไปสร้างอุคนิมิตภายนอกให้ได้ก่อน
    แล้วถึงดึงเข้ามาที่กาย
    และแต่ละจุดนั้นถ้าจะได้ผล
    มันจะต้องใช้จุดในร่างกายบังคับ
    ต่างกันเช่น กองเดียวใช้หน้าฝาก
    ๔ กองใช้หน้าอก ๑๐ กองใช้เหนือสะดือ
    พวกนี้มันเป็นทริค. ซึ่งจะทำได้นั้นระบบหายใจเราต้องพร้อมก่อน ไม่งั้นเสียเวลา
    ไปฝึกเฉยๆ. ให้ดูลมหายใจในเวลาปกติ
    ลึกถึงท้องได้หรือยังในเวลาใช้ชีวิตปกติ

    ที่เราถามมาพวกนี้ส่วนตัว
    ลองเล่นมาหมดแล้ว
    ตั้งแต่สมัยฝึกวิชาเดินธาตุโบราน
    เดินธาตุในดง และเดินธาตุ
    สายอดีตสมเด็จสังฆราชฯ
    หรือจะวิชาสายพิเศษต่างๆ เป็นที่มาของข้อแนะนำที่กล่าวมาข้างบนนั่นหละ


    ปล เล่าให้ฟังเฉยๆ. จบ
     
  11. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,044
    ใช่แบบเราทำเป็นแนวสายพระป่า
    เน้นผลวิปัสสนาเข้าใจถูกแล้ว
    ส่วนการรู้เห็นได้ชัดเจนเป็นผลของมัน
    ที่ท่านต้องให้มาจับเวทนา
    เพราะว่าจะมีนิวรณ์
    ๕ เรื่องพยาบาทเราตัดไม่ขาดจริงๆ
    และผลทั้งหมด
    จะเป็นอย่างที่เราเป็นนั้นหละ
    ก็ถือว่าดีแล้วหละในระดับ



    มีอะไรเล่าให้ฟัง
    แต่วิธีที่ส่วนตัวแนะนำ
    จิตจะวิ่งไปอวัยวะที่มีปัญหา
    แล้วมันจะเกิดระเบิดเสียงดังมาก
    ข้อดี อะไรที่เคยเป็นแบบเรื้อรัง
    ไม่ว่าจะเป็น มาแล้วกี่สิบปีจะหายขาด
    ได้อย่างไม่น่าเชื่อถ้าทำได้
    ประมานว่า อาการนี้เหมือนไม่เคยเกิดกับ
    ร่างกายเราเลย
    ในเวลาใช้ชีวิตปกติประจำวัน
    ถ้าไประเบิดที่อวัยวะชิ้นไหนได้นะ
    ซึ่งมันจะวิ่งเอง.
    นี่คือข้อแตกต่าง
    เล่าให้ฟังเล่นๆ ขำๆ จบ
     
  12. atitarn333

    atitarn333 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2018
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +14
    กราบขอบพระคุณค่ะท่านอาจารย์นพ

    ตั้งใจอยากเจริญทางสมถะเพิ่มค่ะ รู้สึกว่าอยากช่วยเหลือได้ทั้งตนเองและผู้อื่นค่ะ ส่วนตัวเป็นคนที่อยากช่วยเหลือผู้อื่นได้มาตั้งแต่ตอนเริ่มฝึกค่ะ อยากรุ้สึกว่าเกิดมาได้สร้างประโยชน์ให้โลก ให้เพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตายบ้างค่ะไม่มากก็น้อย และเชื่อว่าอย่างไรเสียสิ่งที่จะได้เรียนรู้เพิ่มจากการฝึกสมถะก็ไม่ใช่จะไม่มีประโยชน์ด้านปัญญา
    จะตั้งใจฝึกแบบที่อาจารย์นพแนะนำดูค่ะ

    เรื่องตัดนิวรณ์พยาบาท พยายามอยู่ค่ะ (ให้อภัย เจริญเมตตาค่ะ) แต่ใช้เวลาหน่อยนะคะ

    ปล.ยังไม่เคยถามเรื่องการปฏิบัติเป็นจริงเป็นจังกับท่านใดเลยค่ะ ท่านอาจารย์นพเป็นท่านแรกค่ะ(ตามอ่านมาพักใหญ่ค่ะ เพิ่งตัดสินใจถาม^_^) ขอบพระคุณอย่างสูงจริงๆค่ะ (ก่อนนี้ อาศัยอ่าน+ฟัง ยูทูปค่ะ)

    กราบขอบพระคุณอย่างสูงที่เมตตาค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2018
  13. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,044
    เราจะช่วยใครได้
    ภูมิต้านภายนอกและกำลังเราต้อง
    เพียงพอที่จะออกนอกบ้านได้
    มันถึงจะปลอดภัยทั้งกายและใจ
    และยังประโยชน์ต่อผู้อื่นได้มาก
    ประมานนี้. ค่อยๆอัพเลเวลไปเรื่อยๆ
    วิธีตามที่ส่วนตัวแนะนำนั่นหละ
    หายห่วงได้ ^_^
     
  14. atitarn333

    atitarn333 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2018
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +14


    น้อมรับคำแนะนำค่ะ

    ปล ลมหายใจเบาสบายขึ้นกว่าก่อนหน้านี้จริงๆค่ะ ทั้งตอนนั่งสมาธิ
    และตอนรู้สึกตัวขึ้นมาตอนนอนค่ะ รู้ลมกระทบปลายจมูก+ท้องพองยุบตลอดค่ะ
    (ส่วนตัวแค่ออกไปที่คนเยอะมากๆโดนพลังงานคนอื่นเข้าก็ต้องรีบกลับบ้านแล้วค่ะ ) อัพเลเวลวนไปค่ะ ^_^

    กราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะท่านอาจารย์นพ
     
  15. maxmi

    maxmi แม็กคับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2017
    โพสต์:
    479
    ค่าพลัง:
    +1,205
    หวัดดีคับ อยากถามว่าประเพญีสารทดือน 9 เดือน 10 ที่ต้องทำห่อข้าวเล็กไปวางตอนกลางคืน 6 ทุ่ม แล้วมีเรื่องเล่าว่า เขาจะปล่อยผีญาติ บรรพบุรุษ ที่ตกนรก ให้มารับส่วนบุญ เขาปล่อยมาจริงเหรอคับ แล้วที่ทำนี้ได้รับจริงมั้ยคับ
     
  16. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,044
    จริงทั้งหมด เหตุสืบมีมาตั้งแต่สมัย
    ผู้เป็นเลิศท่านยังมีกายสังขารอยู่
     
  17. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,870
    ท่าน นพ ครับ ในบรรดากสิณ 10 นี้ท่านว่า
    อันไหนผมพอไปได้ อันไหนผมอ่อนสุดครับ ?
     
  18. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,044
    ไล่ตามระดับความหล่อ เห้ย! ความแรง

    กสิณกลาง ( อากาศ ไฟ ลม พอๆกัน
    อดีตใช้ได้แบบสากล)
    ตามด้วยน้ำ และดินอ่อนสุด

    ส่วนกสิณสี ขาว เหลือง แดง เขียว ไล่ตามความแรง แต่ไม่หนาแน่น ฟ้องว่าเคยทำได้
    แต่ไม่ได้ต่อยอดทางกลุ่มนี้

    ปล กสิณกลางทุกกองเคยใช้งานได้มาก่อนในอดีต โดยเฉพาะกอง ที่บอกว่าพอๆกัน

    เครเนาะ
     
  19. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,870

    7923eb38dda2e92ab1a61e491ed920e7.jpg

    ขอบคุณท่านอาจารย์ นพ มากครับ
     
  20. ckj_tong1

    ckj_tong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    381
    ค่าพลัง:
    +931
    เรียน ถามท่านอาจารย์ นพ
    ผมอยากฝึกสมาธิเพื่อให้เกิดความก้าวหน้า แต่ปัจจุบันเหมือนยังนิ่งอยู่
    รบกวนขอคำแนะนำด้วยครับว่า "ผมต้องฝึกปฏิบัติตามแนวทางไหนดีหรือต้องเริ่มต้นอย่างไรดีครับ"
    ขอบคุณมากครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...