จิตพุทธะสว่างขึ้นได้ในชั่วปัจจุบันขณะจิตเดียว

ซารุป นะ ซารุป

ไม่ต้องไปหา พระหรอก อินทรียภาวนาไม่มี

 

ชักมันส์ ได้อรรถรส ไม่น่าเบื่อ

ลุงเคยสดับว่าพระสูตรเดียวก็บรรลุ และถือว่าเป็นพหูสูตรไหมครับ
นี่ไงครับ กำลัง แค่คุณสดับ จิตไม่เที่ยง เป็นทุกข์ อนตตา

คุณมีกำลังเห็นมัน เหมือนที่คุณชอบกล่าว ชาญเที่ยงหรือไม่เที่ยง นี่ไงครับ

พระสุตรเดียว พหุสูตรได้เลย

 

นักภาวนา ที่สัญญาเยอะ ก็อาจลากไปหลายเรื่องหน่อย อสุภะ สังขาร บลาๆ จนกำลังไม่มีกลายเป็นฟุ้งซ่านในสมาธิ เพราะกลัวจิตเอคตา

เก็ทยังครับ ผู้อ่าน คนดู

 

ถ้า อินทรียภาวนาไม่มี

การไปหา พระ จะต้องใช้แผนสองคือ "ไปขอนิสัย"

ซึ่ง จะต้องบวช แล้ว ทำตาม จรณ ของท่าน 5ปี
ท่านจึงจะเริ่มสอนให้ ภาวนาได้

ซึ่งพระท่านออกตัวว่า 70แล้ว ไม่นานก็ ......

ก็นะ

หากจะไปหา จะบวช ก็ ถามท่านไปตรงๆ ทัน 5 ปีไหม

 

กายคตา ก็อานาปา ตัวเดียวกัน ที่ผมอธิบายอยู่ไงครับ

 

เป็นลูกศิษย์ ควรไปขอ ให้ท่านอยู่ 1 กัป นะครับ พระพุทธเจ้าไม่เคยโกหก ท่านว่าอรหันต์ทำได้ (พูดไปตามเนื้อผ้า ไม่ได้รับรองใครนะครับ) ขอ 3 ครั้ง

1 กัป ในทางสงฆ์จะหมายถึง 100 กว่าปี หรือ กี่ปีผมไม่รู้นะครับ หน่วยวัดสมัยนั้น บางทีปรับตามธาตุ (เช่นโลก 1 กัปไม่ได้หมายถึง 100 ปี). อันนี้ให้นักวิชาการเขามาบอกครับ รอเสพ

 

เชย ระเบิด ระเบ้อ

พหุสูต คือ ทรงไว้ซึ่ง ธรรม สองปัจจัยการ แล้วเห็น
ความเกิด ความดับ ของ ธรรมตามปัจจัยการนั้นๆ แค่ 2 หัวข้อ

ธรรมหนาสันติสนามหลวง ไปโน้น จำสองพระสูตร

สาวก ไม่ใช่ผู้ฉลาดในมรรค จะเห็นได้ สองปัจจัยการ
แทบจะไม่มี ฐานะ จะเป็นไปได้

 

จะเถียง พุทธะ ก็เอาเลยครับ ค้นยูตูป ให้ตรงคำค้น ก็ขึ้นมาตรึมละครับ

 

มั่วแล้วลุง
อสุภะที่จิตได้ปฎิภาคนั่นแหล่ะสมาธิตั้งมั่น นิวรณ์ก้อสงบด้วย ระดับความตั้งมั่นของจิตอยู่ที่ความชัดของปฎิภาค

แต่ถ้าไม่มีวิปัสสนาผสมกับอสุภะ จิตที่ได้ปฎิภาคจะกลัวปฎิภาค แล้วรังเกียจร่างกาย/กลัวไปจนฆ่าตัวตายก้อมี เช่นในสมัยพุทธกาล คือการหลงผิดในร่างกายตัวเอง แทนที่จะคลายความยึดออก แต่ดันกลายเป็นไปยึดด้านลบแทน จุดจบก้อไม่สวย

 

กั๊กๆๆๆ

เห็น มะ ควักกะปิ มาป้ายหน้า แทน ธรรมในตน แว้ว


ฮิววววววววววววววววววววส์

 

ปฏิภาคนี่ชานอะไร ตอบมาสักชานผมก็ไม่แย้งนะ
ผมต้องการแค่ลงที่ เอกคตา และไม่ฟุ้งซ่านเกินไปกว่าองค์ชานนั้นๆ

 

ไม่เข้าใจครับ ขอหนักๆ โหดๆ

 

กำลังร่าเริงในธรรมครับ

 

อาวร้าว จับหลักปักคลี่เลย สู้

อย่าให้แพ้กระต่ายนะ กระต่ายมันมีขาเดียว


ฮิววววววววววววววววส์

 

จิตที่ตั้งขึ้นเห็นการแปรเปลี่ยนไปของจิต ไม่ได้เห้นกันง่ายๆ

ส่วนมากคิดเอาว่าเห็น

อย่างคำว่าเกิดดับ ก้คิดเอา ว่าเห็นเกิดดับ
อย่างคำว่าไตรลักษณ์ญาน ก็คิดเอาว่าเห็น มันถึงมีเข้าๆออก
เข้าแล้วเข้าอีก เข้าแล้วเข้าอีก
ที่ผมอธิบายในแง่ สมถะ ลุงจะมีจุดเทียบเคียงกันได้

ส่วน คำว่าฌาน มันพูดได้สองแบบ

ฌานของสมถะ ฌานของวิปัสนา

ฌานของสมถะ คือ สมาธิจิตรู้อารมเดียว
ฌานของวิปัสนา คือ สัมมาสมาธิ จิตรู้ลักษณะความนิ่งและเคลื่อนไหว

มีหลวงปุ่เทสก์องค์เดียว ที่ แยก คำว่า ฌานกับสมาธิออกจากกัน
ถ้าเป็นหลวงปู่พุธ จะแยก ฌานกับสมาธิ มาโดยยกมาทั้งสองส่วน
แต่โดยผลหรือนัยยะของ สภาวะ จะเหมือนกัน วัดกันที่ความเป็นผลของจิต

คนที่เป็น จะอธิบายได้ในความต่างยันออกมาได้

ฉะนั้น ถ้าวันไหนลุงพูดได้จังหวะจะอธิบาย ในอีกแบบผมจะพูดต่อได้
บางทีเอา แบบ ลอยๆ ผมก้พูดไม่ออก

 

เข้าไป ส่วนสุด หละไม่ว่า

เท่านีใช่ อย่างอื่น ไม่ตรงจาย มะช่ายๆ

 

ไม่เลยกะลังสนุก ถกให้สุด ประเด็นที่ค้างคา แลกหมัดกัน

 

อารมณ์นี้มาไม่บ่อยนะฮับ ผมผิดมนุษย์ ไม่ได้มาทุกวัน

 

ที่พูดมานี่เข้าใจอยู่ อาจจะเพราะยังไม่ตั้งใจจะลงรายละเอียดใช่มะ

 

กั๊กๆๆ งั้น ถามก่อง

ทั้งชีวิต เคยสอนอะไรใคร แล้ว เขาทำตามได้ที่สอน มาก่องเป่า !?