ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    งานมงคลสมรสของพระเมษโปดก
    กับเสียงร้องฮาเลลูยา 19:6-10

    [​IMG]


    หลังจากที่นครบาบิโลนล่มสลายแล้ว บนสวรรค์นั้นมีเสียงร้อง ฮาเลลูยา คือ สรรเสริญพระเจ้า

    1. ฝูงชนจำนวนมากในสวรรค์ร้อง ฮาเลลูยา เพราะการพิพากษาที่เที่ยงตรงและยุติธรรมของพระองค์ (19:1-3) และเมื่อพวกเขาร้องครั้งที่สอง ไฟที่เกิดจากนครนั้นก็ลุกอยู่ตลอดไป นั้นหมายถึงบึงไฟกำมะถัน

    2. ผู้อาวุโส 24 คนกับสัตว์ทั้งสี่ร้อง อาเมน ฮาเลลูยา ผู้อาวุโสเหล่านี้อยู่ในสวรรค์ก่อนแล้วพวกเขาต่างก็แสดงความเห็นที่ให้สรรเสริญพระเจ้า เพราะความเที่ยงตรงและยุติธรรมของพระองค์ นอกจากนั้นยังมีเสียงจากพระที่นั่งให้ผู้รับใช้พระเจ้าทุกคนจงสรรเสริญพระเจ้า (19:4-5)

    3. ฝูงชนเป็นอันมากได้ร่วมกันร้องว่า ฮาเลลูยา เพราะว่าพระเจ้าของเราผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุดทรงครอบครองอยู่ และถึงเวลาพิธีมงคลสมรสของพระเมษโปดกกับคริสตจักรของพระองค์ เจ้าสาวคือคริสตจักรที่เตรียมพร้อมแล้ว (19:6-7) พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด เป็นคำแสดงถึงสิทธิอำนาจของพระเจ้าที่ทรงเป็นพระผู้สร้างและครอบครองสรรพสิ่งทั้งปวงตลอดไปเป็นนิตย์

    ที่มาhttp://www.geocities.com/janejira_jc/Rev/Rev_10.html

    [​IMG]

    "ฮาเลลูย่า" ในศาสนาคริสต์ คืออะไรครับ?

    ได้ยินเค้าคุยกัน (คนที่เราไม่รู้จัก) ประมาณว่าเป็นการขอพรจากพระเจ้า แล้วจะสมหวังประมาณนี้รึเปล่าครับ? แล้วทราบวิธีการฮาเลลูย่าไหมครับต้องทำอย่างไร?

    จากคุณ : Gunnur 17 ต.ค.50

    ความคิดเห็นที่ 1

    เป็นคำสรรเสริญพระเจ้า ใช้ร้องกันในเพลงสวดตามโบสถ์

    จากคุณ : จ้องจนปวด - [ วันรัฐธรรมนูญ 15:55:23 ]

    ความคิดเห็นที่ 2

    "Hallelujah" หรือ "Halleluyah" เป็นคำพูดสรรเสริญพระเจ้าในภาษาฮิบรูค่ะ ในภาษาละตินก็นำมาใช้ แต่เขียนอีกแบบ ถือเป็นคำที่ที่สวยงามที่สุดในการแสดงความขอบคุณหรือสรรเสริญพระเจ้าค่ะ

    มีอีกคำนะคะ อธิบายไว้เลย คือ Amen อันนั้นจะเป็นคำตอบรับ เวลาที่เราได้ยินคำสอน หรือเมื่อเรากล่าวบทสวดเสร็จ เป็นการแสดงการตอบรับคำสอนนั้นค่ะ

    จากคุณ : GiRLGeNiuS - [ วันรัฐธรรมนูญ 16:04:39 ]

    ความคิดเห็นที่ 3

    "ฮาเลลูยา" เป็นคำภาษาฮีบรู แปลว่า "สรรเสริญพระเจ้า"
    คำว่า "อาเมน" แปลว่า ขอให้เป็นดังนั้น คล้ายๆกับคำว่า "สาธุ" ของไทย

    จากคุณ : รักเฌอ..ประเทศไทย - [ วันรัฐธรรมนูญ 19:51:01 ]

    ความคิดเห็นที่ 4

    มีเพลงนมัสการพระเจ้าเพลงนึง เพราะดีครับ
    "จะบอกว่า ฮาเลลูยา ..
    .. จะบอกว่าฮาเลลูยา อาเมน
    ให้ดวงใจสรรเสริญพระองค์ทุกวัน ทุกเวลา .." ..

    จากคุณ : เด็กชายหัวหอม - [ 11 ธ.ค. 50 01:05:10 ]

    ความคิดเห็นที่ 5

    สะกดแบบนี้ก็ได้ครับ "alleluia"

    จากคุณ : A Muggle - [ 11 ธ.ค. 50 08:00:39 ]

    ที่มา http://th.answers.yahoo.com/question/index?qid=20080116173308AAG5diS
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤษภาคม 2009
  2. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    โปรดร่วมกันช่วยเหลือ " น้องออมทรัพย์ "ด้วยนะครับ น้องเค้าเป็นโรคหลับไม่ได้ เพราะหัวใจจะหยุดเต้น

    เงินของท่านเพียง 100 - 200 บาท อาจจะช่วยน้องวัยสองขวบได้ครับ เพราะน้องเค้าจะหลับไม่ได้ หากหลับจะหยุดหายใจครับ

    รายละเอียด

    http://www.showded.com/myprofile/news_post_nc.php?newId=96553

    http://www.pantip.com/cafe/siam/topic/F7882905/F7882905.html


    สามารถบริจาคไปได้ที่
    บัญชีคุณแม่ น้องออมทรัพย์


    น.ส. นนทิญา อินต๊ะ เพื่อ ด.ญ. ฐิติญาพร วัตรเยื้อง
    ธ. กสิกรไทย สาขาตลาดคลองสวน
    เลขที่บัญชี 310-2-31383-5
    เบอร์โทร คุณแม่ น้องออมทรัพย์ 087-301-6230

    และ

    ชื่อบัญชี "หน่วยกุมารเวชศาสตร์ โรคระบบหายใจ "
    ธ.ไทยพาณิชย์ สาขา สภากาชาดไทย
    เลขที่บัญชี 045-2-941-49-6
    เบอร์โทร รพ.จุฬา 02-256-4996 ต่อ 129

    ถ้าต้องการรับใบเสร็จ แฟกซ์ใบโอนเงินที่เบอร์ 02-256-4911
     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เกิดแผ่นดินไหวปานกลางที่ไต้หวัน

    [​IMG]

    ไทเป 27 พ.ค. - เจ้าหน้าที่สำนักงานอุตุนิยมวิทยาไต้หวัน แถลงว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.8 ริกเตอร์ทางใต้ของไต้หวันในวันนี้ แต่ยังไม่มีรายงานความเสียหายหรือผู้บาดเจ็บ

    แผ่นดินไหวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 05.27 น.วันนี้ตามเวลาในไทย ห่างไปทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองเกาสงราว 124 กิโลเมตร และอยู่ลึกใต้พื้นดิน 78 กิโลเมตร ทั้งนี้แผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งของไต้หวันเกิดขึ้นเมื่อเดือนกันยายน ปี 2542 ขนาด 7.6 ริกเตอร์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2,400 คน และบ้านเรือนเสียหาย 50,000 หลัง.- สำนักข่าวไทย

    2009-05-27 10:08:01

    ไซโคลนไอลาคร่าชีวิตผู้คน 168 คน ในอินเดียและบังกลาเทศ

    [​IMG]

    กัลกัตตา 27 พ.ค. - ยอดผู้เสียชีวิตจากไซโคลนไอลา พัดถล่มทางตะวันออกของอินเดียและบังกลาเทศ พุ่งไปอยู่ที่อย่างน้อย 168 คน ในวันนี้ พายุยังส่งผลให้เกิดดินถล่มอย่างรุนแรงและทำให้การช่วยเหลือดำเนินไปอย่างล่าช้า ขณะที่ฝนยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง

    ยอดผู้เสียชีวิตในอินเดียอยู่ที่ 68 คน ในวันนี้ ตามการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่อาวุโสในรัฐเบงกอลตะวันตก ซึ่งเป็นพื้นที่ประสบภัยหนักที่สุด ส่วนกระทรวงจัดการภัยพิบัติและอาหารในบังกลาเทศ ระบุตัวเลขผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 100 คน ส่วนใหญ่เสียชีวิตเพราะจมน้ำหรือถูกกระแสน้ำพัดพาไปไกล

    คาดว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตอาจมีมากกว่านี้ทั้งในอินเดียและบังกลาเทศ ในช่วงที่เจ้าหน้าที่พยายามเข้าไปยังพื้นที่ประสบภัยซึ่งยากต่อการเข้าถึง ไซโคลนไอลายังทำลายบ้านเรือนไปหลายพันหลัง ประชาชนหลายหมื่นคนติดค้างอยู่ในหมู่บ้านที่เกิดน้ำท่วม ก่อนที่สถานการณ์จะบรรเทาลงเมื่อวาน

    พายุฝนในครั้งนี้ยังส่งผลกระทบกับอุทยานแห่งชาติซันดาร์บาน เป็นป่าโกงกางชายฝั่งครอบคลุมพื้นที่ในส่วนของอินเดียและบังกลาเทศ และเป็นพื้นที่ที่มีเสืออาศัยอยู่มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก น้ำที่ไหลเข้าท่วมอุทยานทำให้นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมพลอยวิตกในชะตากรรมของเสือเหล่านี้ เจ้าหน้าที่จากสมาคมคุ้มครองสัตว์ป่าต้องฉีดยาสลบให้เสือตัวหนึ่ง และนำมันเข้ามาในบ้านพัก รอให้น้ำลดแล้วจึงปล่อยมันกลับอุทยานอีกครั้ง แต่ล่าสุด ระดับน้ำยังท่วมสูง ทำให้นักนิเวศวิทยาและเจ้าหน้าที่ป่าไม้ยากที่จะเข้าไปในอุทยานเพื่อประเมินความเสียหาย. -สำนักข่าวไทย

    2009-05-27 15:03:33

    เกิดคาร์บอมบ์ในปากีสถานมีผู้เสียชีวิต 15 คน บาดเจ็บ 126 คน

    [​IMG]

    ละฮอร์ 27 พ.ค. - เจ้าหน้าที่ปากีสถาน เผยว่าเกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายด้วยรถยนต์โจมตีอาคารสำนักงานตำรวจในเมืองละฮอร์วันนี้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 15 คน บาดเจ็บอีกราว 126 คน และมีตำรวจติดอยู่ใต้ซากอาคารที่ถล่มลงมาอีกหลายนาย

    นายตำรวจระดับสูงเมืองละฮอร์ ระบุว่า เหตุโจมตีครั้งนี้มีผู้เสียชีวิต 15 คน ด้านแพทย์ของโรงพยาบาลหลักเมืองละฮอร์ เผยว่า มีผู้บาดเจ็บราว 126 คน ซึ่งบางคนติดอยู่ใต้ซากอาคารที่พังถล่มลงมา

    นายสัจจาด บุตตา หัวหน้าฝ่ายบริหารเมืองละฮอร์ กล่าวว่า คนร้ายพยายามขับรถฝ่าแนวกั้นของหน่วยรักษาความปลอดภัยเข้าไปในอาคารที่ทำการตำรวจ ก่อนจะปลดชนวนระเบิดที่ด้านนอก ส่งผลให้อาคารของตำรวจหน่วยฉุกเฉินพังถล่มลงมา สร้างความเสียหายแก่อาคารใกล้เคียง และยานพาหนะบริเวณเกิดเหตุ ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยต่างเร่งนำคนเจ็บออกจากซากอาคาร

    เหตุรุนแรงครั้งนี้มีขึ้นหลังจากเมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุโจมตีโรงเรียนนายร้อยตำรวจชานเมืองละฮอร์ เป็นเหตุให้ตำรวจเสียชีวิต 7 นาย และพลเรือนเสียชีวิต 1 คน โดยกลุ่มนักรบตอลีบาน ในปากีสถานอ้างเป็นผู้ก่อเหตุ. -สำนักข่าวไทย

    2009-05-27 14:04:57

    เกาหลีเหนือฉลองใหญ่หลังทดสอบนิวเคลียร์สำเร็จ

    [​IMG]

    โซล 27 พ.ค.- ชาวเกาหลีเหนือต่างออกมารวมตัวกันครั้งใหญ่ยังสนามกีฬาในร่มที่กรุงเปียงยางเมื่อวานนี้ เพื่อเฉลิมฉลองที่ทดสอบนิวเคลียร์เป็นหนที่สองได้สำเร็จ เป็นการทดลองที่ทรงอานุภาพมากกว่าหลายเท่าเมื่อเทียบกับการทดลองนิวเคลียร์ครั้งแรกเมื่อ 3 ปีก่อน

    เลขาธิการคณะกรรมการกลางของพรรคคนงานเกาหลี ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลในเกาหลีเหนือ บอกว่า เป็นเพราะภัยคุกคามทางทหารจากสหรัฐและมาตรการคว่ำบาตร บีบให้เกาหลีเหนือต้องทดสอบนิวเคลียร์เป็นหนที่สอง เพื่อแสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการป้องกันตัวเองและธำรงไว้ซึ่งอำนาจอธิปไตย ทั้งยังเผยถึงสถานการณ์ในเกาหลีเหนือขณะนี้ว่า ตึงเครียดมากขึ้น เพราะถูกสหรัฐ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ดำเนินนโยบายที่ไม่เป็นมิตร แต่การมีนิวเคลียร์ไว้ป้องกันตนเอง ก็ทำให้เกาหลีเหนือมีความคืบหน้ามากขึ้นในการบริหารประเทศได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องถูกชาติใดคุกคาม

    เลขาธิการคณะกรรมการกลางของพรรคคนงานเกาหลี ยังประชาสัมพันธ์แผนการรณรงค์ 150 วัน ซึ่งเป็นความพยายามครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือที่จะเพิ่มผลผลิตในประเทศ โดยรัฐบาลเกาหลีเหนือต้องการสร้างประเทศให้ยิ่งใหญ่ มั่งคั่ง และทรงอิทธิพล ให้สำเร็จก่อนปี 2555 ซึ่งตรงกับวาระครบรอบ 100 ปี วันเกิดของอดีตประธานาธิบดีคิม อิล ซุง ผู้ก่อตั้งเกาหลีเหนือ -สำนักข่าวไทย

    2009-05-27 09:23:34

    เกาหลีเหนือเตือนจะใช้กำลังทหารต่อเกาหลีใต้

    [​IMG]

    โซล 27 พ.ค.-เกาหลีเหนือเตือนว่าอาจใช้กำลังทหารตอบโต้ หลังจากที่เกาหลีใต้เข้าร่วมการฝึกกับสหรัฐ ในการต่อต้านการแพร่กระจายอาวุธทำลายล้างสูง นอกจากนี้ เกาหลีเหนือเผยว่าจะไม่ผูกมัดกับข้อตกลงสงบศึกชั่วคราวปี 1953 ซึ่งทำให้สงครามเกาหลียุติลง

    เกาหลีเหนือแถลงว่าจะไม่รับประกันความปลอดภัยของการเดินเรือที่บริเวณชายฝั่งตะวันตก และได้ย้ำว่าการตัดสินใจของเกาหลีใต้ที่เข้าร่วมกับสหรัฐ ในการต่อต้านการแพร่กระจายอาวุธทำลายล้างสูง ก็เหมือนกับเป็นการประกาศสงครามกับเกาหลีเหนือ

    แถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า การกระทำที่แสดงความเป็นศัตรูต่อเกาหลีเหนือ เช่น การสั่งหยุดและเข้าตรวจค้นเรือ จะถูกเกาหลีเหนือตอบโต้ด้วยกำลังทหารอย่างหนักหน่วงและโดยทันที.-สำนักข่าวไทย

    2009-05-27 11:26:25

    สหรัฐว่าเกาหลีเหนือจะต้องรับโทษหากยังทดลองอาวุธอีก

    [​IMG]

    สหประชาชาติ 26 พ.ค.- นางซูซาน ไรซ์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ แถลงว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือจะต้องรับโทษหากยังคงทดลองอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธ ซึ่งละเมิดต่อหลักกฎหมายระหว่างประเทศ

    นางไรซ์ กล่าวต่อสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นในสหรัฐ ว่า หากเกาหลีเหนือต้องการทดลองอาวุธและยั่วยุประชาคมโลกต่อไป เกาหลีเหนือจะต้องชดใช้ต่อการกระทำดังกล่าวเนื่องจากประชาคมระหว่างประเทศไม่อาจยอมรับได้- สำนักข่าวไทย

    2009-05-26 19:00:29

    ออสเตรเลียจะฉีดวัคซีนหวัดใหญ่ 2009 ครั้งใหญ่แก่ประชาชน

    [​IMG]

    แคนเบอร์รา 27 พ.ค. - รัฐวิกตอเรีย ซึ่งได้รับผลกระทบจากไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 หนักที่สุดในออสเตรเลียจะจัดฉีดวัคซีนครั้งใหญ่ให้ประชาชนที่ต้องสงสัยติดเชื้อ ขณะที่ยอดผู้ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อในออสเตรเลียเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าไปอยู่ที่ 59 คน

    เจ้าหน้าที่สาธารณสุขรัฐวิกตอเรีย ซึ่งพบผู้ได้รับการยืนยันติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 32 คน ระบุว่า จะเปิดคลินิกพิเศษขึ้นมาแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาล รับมือกับการแพร่ระบาดและจัดการเรื่องยาต้านไวรัสให้แก่ผู้ติดเชื้อ

    ด้านนางนิโคลา โรซอน รัฐมนตรีสาธารณสุขออสเตรเลีย กล่าวว่า รัฐบาลออสเตรเลียจะไม่จำกัดการเดินทางภายในประเทศ หลังทางการรัฐนิวเซาท์เวลส์ วิจารณ์กรณีที่ไม่มีการแยกกักตัวผู้โดยสารหลายร้อยคนบนเรือสำราญที่พบผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เพื่อเฝ้าสังเกตอาการ. -สำนักข่าวไทย

    2009-05-27 11:17:00

    อนามัยโลกพิจารณายกระดับเตือนภัยหวัดใหญ่ 2009

    [​IMG]

    เม็กซิโก 27 พ.ค. - นักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลกกำลังพิจารณาปรับยกระดับเตือนภัยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ขึ้นเป็นการระบาดใหญ่ทั่วโลก เพราะยังพบการระบาดอย่างต่อเนื่องล่าสุดยอดผู้ติดเชื้อเกือบแตะ 13,000 คนแล้ว

    ทางการเม็กซิโกรายงานเมื่อวานนี้ว่า พบผู้เสียชีวิตจากไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 เพิ่มอีก 2 คน ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งเป็น 85 คน และมีผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 4,721 คน ข้อมูลล่าสุดขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อที่ได้รับรายงานทั่วโลกอยู่ที่ 12,954 คน ใน 46 ประเทศ และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 92 คน นับแต่พบการระบาดของโรคเมื่อเดือนก่อน

    จากอัตราการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องทำให้องค์การอนามัยโลกขอให้คณะนักวิทยาศาสตร์ช่วยสร้างความชัดเจนของหลักเกณฑ์ที่จำเป็นในการประกาศยกระดับเตือนภัยการระบาดใหญ่ทั่วโลก ท่ามกลางความวิตกว่า การตอบสนองขององค์การอนามัยโลกจะก่อให้เกิดความตื่นกลัว และความวุ่นวายเกินจำเป็น นายเคอิจิ ฟูกูดะ รักษาการผู้ช่วยผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก กล่าวว่า ขณะนี้องค์การอนามัยโลกกำลังพิจารณาหลักเกณฑ์เพื่อให้แน่ใจว่า การกำหนดระดับเตือนภัยการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่จะเหมาะสมกับสถานการณ์อย่างแท้จริง

    ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากหลายประเทศขอร้องให้องค์การอนามัยโลกระมัดระวังก่อนจะยกระดับเตือนภัยจากระดับ 5 เป็นระดับ 6 ซึ่งเป็นการประกาศว่าเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ได้แพร่ระบาดไปทั่วโลก โดยในหลายพื้นที่ทั่วโลก ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ได้ส่งผลกระทบการค้า และก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจชัดเจนยิ่งขึ้น กลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารในเม็กซิโก ระบุวานนี้ว่า ภัตตาคารราว 6,500 แห่งยังปิดให้บริการเนื่องจากสูญเสียรายได้ในช่วงไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ระบาด และทำให้ตำแหน่งงานหายไปกว่า 55,000 ตำแหน่ง -สำนักข่าวไทย

    2009-05-27 10:24:15

    เสือขาวขย้ำพนักงานสวนสัตว์นิวซีแลนด์เสียชีวิต

    [​IMG]

    เวลลิงตัน 27 พ.ค. - สำนักข่าวนิวซีแลนด์ เพรส แอสโซซิเอชั่น รายงานว่า เกิดเหตุเสือขาวในสวนสัตว์แห่งหนึ่งของนิวซีแลนด์ ทำร้ายเจ้าหน้าที่สวนสัตว์จนเสียชีวิตในวันนี้

    เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นที่สวนสัตว์ไซออน ไวด์ไลฟ์ การ์เดนส์ ในเมืองวางกาเร ห่างจากเมืองออคแลนด์ไปทางเหนือราว 200 กม. ขณะที่เจ้าหน้าที่สวนสัตว์ 2 คนเข้าไปทำความสะอาดกรงเสือขาว จากนั้นเสือเข้าจู่โจมเจ้าหน้าที่สวนสัตว์คนหนึ่งและไม่ยอมปล่อยแม้ว่าเจ้าหน้าที่อีกคนจะพยายามเข้าไปช่วยชีวิตเพื่อน ระหว่างนั้นมีนักท่องเที่ยงกลุ่มเห็นเหตุการณ์ โดยหลังเกิดเหตุสวนสัตว์ได้ปิดให้บริการ และมีรายงานเสือตัวดังกล่าวถูกฆ่าตาย ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่เกษตร สาธารณสุข และความปลอดภัยกำลังสอบสวนเหตุโจมตีครั้งนี้

    สวนสัตว์แห่งนี้เป็นบ้านของเสือและสิงโต 42 ตัว และถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำรายการเรียลตี้ของนายเครก บุช ผู้ก่อตั้งสวนสัตว์ซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม “ไลออน แมน” เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาเคยเกิดเหตุเสือขาวในสวนสัตว์อีกตัวทำร้ายเจ้าหน้าที่สวนสัตว์จนต้องเข้ารับการผ่าตัดหัวเข่า -สำนักข่าวไทย

    2009-05-27 11:58:45

    ที่มา http://news.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. tum399

    tum399 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    732
    ค่าพลัง:
    +2,908
    เกาหลีเหนือนี่สร้างปัญหาไม่หยุดเลย พม่าอีกประเทศนึง สองประเทศนี้จัดอยู่ในประเทศคนพาลไม่น่าคบเลย เกาหลีเหนือนี่น่าจะเป็นตัวจริงที่จะทำให้เกิดสงครามในอนาคต โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกานี่จดจ้องจะตอบโต้ให้บทเรียนแก่เกาหลีเหนือ ญี่ปุ่นก็เป็นอีกประเทศนึงที่จะร่วมมือกับอเมริกาในการตอบโต้ด้วย
     
  5. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ชี้ราคาน้ำมันพุ่ง เก็งกำไร บวกภาษีอีกเพียบ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมัน และ อดีตรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท บางจาก ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)

    ให้สัมภาษณ์ไทยรัฐออนไลน์ ถึงราคาน้ำมันในปัจจุบันที่ปรับตัวสูงขึ้นตามตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง ว่า เกิดจากการเก็งกำไรบางส่วน เพราะกองทุนต่างๆ เริ่มโยกย้ายเงินเข้ามาสู่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์มากขึ้น เนื่องจากผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้ กับตลาดการเงินน้อยลง และมองไปข้างหน้าว่า ในอีก 6 เ ดือน สถานการณ์เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว มีความเสี่ยงน้อยลง จึงโยกย้ายเงินมาลงทุนในตลาดหุ้น และตลาดโภคภัณฑ์ สำหรับการตั้งราคาขายในประเทศนั้น นายมนูญ กล่าวว่า การตั้งราคาสินค้าโภคภัณฑ์ มีการตั้งราคาสินค้าอยู่ 2 แบบ คือ คอร์ส พลัส คือราคาน้ำมันดิบบวกกำไร

    และอีกวิธีที่ใช้กันทั่วโลก คือ เรฟเฟอเรนซ์ ไพรซ์ หรือราคาอ้างอิง คือ ดูราคาในตลาดแล้วตั้งราคา โดยเทียบเคียงกับตลาดที่อยู่ใกล้มากที่สุด

    และเป็นตลาดซื้อขายที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งในกรณีของประเทศไทย คือ สิงคโปร์ แม้จะไม่ได้ซื้อน้ำมันจากสิงคโปร์ เพราะไทยซื้อจากตะวันออกกลางแล้วนำมากลั่น และการตั้งราคาจะต้องสะท้อนการค้าขายในตลาดโลก ทั้งนี้ราคาที่สิงคโปร์กับตะวันออกกลาง จะต่างกันไม่มาก ถ้าเป็นน้ำมันดิบชนิดเดียวกัน โรงกลั่นมีขนาดเท่ากัน เป็นโรงกลั่นประเภทเดียวกัน ต้นทุนจะพอๆ กัน ดังนั้นในแง่นี้ไม่มีความแตกต่าง

    ส่วนที่ว่า ราคาน้ำมันที่ส่งออกขายสิงคโปร์ ถูกกว่าในประเทศนั้น นายมนูญ กล่าวว่า ไทยส่งออกน้ำมันไปยังสิงคโปร์ เพราะมีกำลังการกลั่นส่วนเกินอยู่ 200,000 บาร์เรล

    ซึ่งสิงคโปร์จะซื้อน้ำมันจากไทยไปส่งออกในราคาที่ถูก ทั้งนี้สิงคโปร์ใช้น้ำมันในประเทศน้อยมาก เพราะโรงกลั่นของสิงคโปร์ เป็นการกลั่นเพื่อส่งออก และเป็นจุดศูนย์รวมของเทรดเดอร์ทั่วโลก ต่อข้อถามว่าราคาน้ำมันที่สิงคโปร์ ได้รับผลกระทบจากตลาดล่วงหน้านิวยอร์ก หรือไนเม็กซ์ เร็ว เพราะเหตุใด นายมนูญ กล่าวว่า ราคาน้ำมันทั่วโลกมีความสัมพันธ์กัน ยกตัวอย่าง ราคาน้ำมันดิบนิวยอร์ก คือ ราคามาตรฐานสำหรับทวีปอเมริกา ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ที่ตลาดลอนดอน เป็นน้ำมันดิบ มาตรฐานสำหรับยุโรป ราคาน้ำมันดิบดูไบ หรือ โอมาน เป็นราคาน้ำมันดิบมาตรฐานสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และตะวันออกกลาง เพราะฉะนั้น แต่ละตลาดแม้จะซื้อขายโดยเฉพาะ แต่ราคาเชืื่อมโยงกัน ทำให้ราคาส่งผลมายังตลาดในตะวันออกกลาง คือ โอมานกับดูไบ ดังนั้น ถ้าติดตามราคาน้ำมันดิบทุกวันจะพบว่า ไม่ว่าตลาดไหนราคาเปลี่ยนแปลงไป จะกระทบกับทุกตลาดในชั่วข้ามคืน

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>ผู้สื่อข่าวถามว่า ราคาน้ำมันไนเม็กซ์เหมือนหุ้น เป็นการปั่นราคาขึ้นไป ไม่ใช่ราคาน้ำมันดิบที่แท้จริง

    นายมนูญ ตอบว่า ราคาน้ำมันที่ไนเม็กซ์เป็นราคาตลาดล่วงหน้า 1 เดือน ซึ่งจะเป็นราคาที่อ้างอิงให้ตลาดสป็อต (ราคาน้ำมันดิบที่ซื้อขายกันทันทีในวันนั้น มีการส่งมอบกันจริง) ตลาดสป็อต จะดูด้วย ว่าเดือนต่อไปจะขึ้นยังไงและอ้างอิงราคาล่วงหน้า ส่วนที่มีการบอกว่าราคาน้ำมัน 100 เหรียญสหรัฐฯ เท่ากับ 22 บาท นายมนูญ กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบ 22 บาทยังไม่รวมภาษี อย่างเช่น ขายน้ำมันเบนซิน ที่ 29 บาทต่อลิตร เป็นราคาโรงกลั่น 15 บาท เป็นภาษี 14บาท คือ ภาษีสรรพสามิต 7 บาท ภาษีเทศบาล 70 สตางค์ เงินเข้ากองทุนน้ำมัน 3.90 บาท เข้ากองทุนอนุรักษ์พลังงาน 75 สตางค์ ภาษีมูลค่าเพิ่ม 2 บาท จึงกลายเป็น 29 บาท และบวกกำไรของโรงกลั่น กำไรของบริษัทน้ำมัน อีกประมาณ 2 บาท จึงกลายเป็น 31 บาท

    นายมนูญ กล่าวเพิ่มเติมว่า ราคาน้ำมัน 100 เหรียญสหรัฐ ต่อบาร์เรล คือ น้ำมันดิบ ถ้าแปลงเป็นน้ำมันสำเร็จ รูป จะเท่ากับประมาณ 120 เหรียญ

    เช่น ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กเท่ากับ 60 เหรียญ ราคาน้ำมันเบนซินที่สิงคโปร์วันนี้ อยู่ที่ 70 เหรียญ ดังนั้นถ้าอยากรู้ว่าเป็นราคาน้ำมันต่อลิตรเท่าใด ก็ต้องเอา 70 เหรียญ หารด้วย 159 ลิตร (1 บาร์เรล เท่ากับ 159 ลิตร ) ก็เท่ากับ 44 เซ็นต์ นำมาคำนวณอัตราแลกเปลี่ยน 34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ก็ออกมาเท่ากับ 15 บาท ขณะที่การขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันนั้น นายมนูญกล่าวว่า การขึ้นภาษีครั้งนี้ ต่างจากเดิมคือ ขึ้นภาษี 2 บาทแล้วลดเงินเก็บเข้ากองทุน 2 บาท ดังนั้น จึงหักกลบลบหนี้ไม่มีกำไร ทำให้ราคาขายปลีกไม่เปลี่ยนแปลง ไม่จำเป็นต้องวัดสต็อกน้ำมัน เพราะก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่กระทรวงพลังงานจะขึ้นภาษี จะวัดสต็อกในคลังน้ำมันเพื่อที่จะเก็บภาษี เพื่อไม่ให้บริษัทน้ำมันมีกำไร

    'ธุรกิจน้ำมัน อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงพลังงานทุกขั้นตอน เพราะฉะนั้นกระทรวงพลังงานจะมีตัวเลข กำไรขาดทุน ค่าการกลั่นของทุกโรงกลั่น ไม่มีใครหลอกกระทรวงพลังงานได้ ซึ่งความรู้เรื่องน้ำมันทันกันหมดแล้วและไม่เป็นความลับ หากบริษัทน้ำมันให้ข้อมูลเป็นเท็จ จะติดคุก จึงไม่ต้องกลัวเรื่องลับลมคมใน ตอนนี้ธุรกิจน้ำมันถือเป็นธุรกิจที่โปร่งใส แต่มีความซับซ้อนในเรื่องตัวเลข การดำเนินการ และคนที่จะเข้าใจธุรกิจน้ำมันจริงๆ จะต้องเป็นคนที่คลุกคลีอยู่กับน้ำมัน และเข้าใจเรื่องกลไกการค้าน้ำมันจริงๆ'นายมนูญกล่าว


    นายมนูญ กล่าวอีกว่า ราคาน้ำมันสูงสุดของปีนี้ จะเป็นช่วงปลายปีซึ่งเป็นช่วงหน้าหนาวและราคาน้ำมันจะขึ้นไปประมาณ 70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

    ดังนั้นน้ำมันเบนซินน่าจะอยู่ที่ 35 บาทต่อลิตร ในขณะที่น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อาจจะอยู่ประมาณ 30 บาท ดีเซล อยู่ที่ประมาณเกือบ 30 บาท การหลีกเลี่ยงราคาน้ำมันจากการเก็งกำไรคงลำบาก เพราะต้องอ้างอิงราคาตลาดโลก แต่การเก็งกำไรก็ลดลงจากแต่ก่อน เพราะสหรัฐฯ เริ่มมีมาตรการในการสกัดการเก็งกำไร จากเดิมมีสัดส่วนการเก็งกำไรถึงประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ แต่ตอนนี้ลดเหลือแค่ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าเศรษฐกิจฟื้นการเก็งกำไรก็ต้องกลับคืนมา เพราะการเก็งกำไรคือธรรมชาติของระบบทุนนิยม ไทยเป็นประเทศผู้นำเข้าต้องประหยัดพลังงานจะเรียกร้องให้พลังงานราคาถูกไม่ถูกต้อง เพราะยิ่งราคาถูกคนยิ่งใช้กันมากขึ้น


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>โสมแดงทดลองขีปนาวุธอีกลูก เช้าวันนี้</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>สำนักข่าวยอนฮัพของเกาหลีใต้ รายงานว่า เกาหลีเหนือได้ทดลองยิงขีปนาวุธอีกลูกหนึ่ง ในช่วงเช้าวันนี้ (27 พ.ค.)

    ซึ่งนับเป็นการทดลองยิง ครั้งล่าสุด นับตั้งแต่เกาหลีเหนือได้ทดลองนิวเคลียร์ และยิงขีปนาวุธ เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา โดยสำนักข่าวดังกล่าว ได้อ้างถ้อยแถลงของรัฐบาลเกาหลีใต้ ที่ระบุว่า เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ เข้าไปในทะเลญี่ปุ่น หรือทะเลตะวันออก เมื่อคืนนี้ (26 พ.ค.) และเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของเกาหลีใต้ กำลังตรวจดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ในขณะนี้

    ขณะที่นายโรเบิร์ต เกตส์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ จะพบปะกับรัฐมนตรีกลาโหมของญี่ปุ่น กับเกาหลีใต้ ที่สิงคโปร์ ในวันเสาร์ที่จะถึงนี้

    เพื่อหารือถึงพฤติกรรมของเกาหลีเหนือ ด้านนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ เรียกร้องให้นายเซอร์ไก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย มีจุดยืนเดียวกับประชาคมโลก เพื่อตอบโต้การกระทำของเกาหลีเหนือ

    อย่างไรก็ตาม นายปัก ต๊อก ฮุน ผู้ช่วยทูตเกาหลีเหนือประจำสหประชาชาติ กล่าวว่า

    การทดลองนิวเคลียร์ใต้ดินของเกาหลีเหนือ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (25 พ.ค.) ไม่มีจุดประสงค์อื่นใด นอกเหนือจากความพยายามป้องกันตัวเอง จากชาติที่เป็นศัตรู ประชาคมโลกจึงควรยุติการแสดงความเห็นในเชิงลบ ต่อการทดลองนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือครั้งนี้

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ตื่นจักจั่นมีเขา-แห่หาแน่นวัด</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 26 พ.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดป่าศรีสุธาทิพย์ หมู่ที่ 17 ต. หนองเม็ก อ. หนองหาน จ. อุดรธานี

    ริมถนนสายอุดรธานี-สกลนคร หลังทราบว่าที่วัดดังกล่าวซึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้ป่า มีผู้มาหาจักจั่นลักษณะแปลกคือมีเขายาวสวยงาม ทำให้มีประชาชนที่ทราบข่าวมาหากันจำนวนมาก เมื่อไปถึงพบชาวบ้านหลายคน กำลังหาจักจั่นดังกล่าวตามต้นไม้กันอย่างคึกคัก จากการสอบถาม นางอ่อนศรี ลาดละคร 58 ชาวบ้านที่มาหาจักจั่น กล่าวว่า ในวันนี้ได้มาตั้งแต่เช้าจับจักจั่นมีเขาได้ 2 ตัว เขายาวสวยงาม มีคนมาขอซื้อตัวละ 1,000 บาท แต่ตนไม่ขายจะเก็บไว้บูชาเป็นสิริมงคลกับตัวเองและครอบครัว ตัวจักจั่นจะอาศัยอยู่ในพื้นดินขุดรูอยู่ ถ้ามองดูจะพบเพียงส่วนที่งอกเป็นเขาโผล่พ้นดินขึ้นมาประมาณ 1 ซ.ม. ดูแล้วเหมือนกับเขากวาง ให้รีบขุดทันทีถ้าหากช้าก็จะได้เพียงเขา ไม่ได้ตัว

    นางยวน หาสุนโม อายุ 59 ปี อยู่อ.กุดจับ จ.อุดรธานี กล่าวว่า กลุ่มพวกตนได้เก็บตัวเรไรไว้คนละ 2-4 ตัว และทำตากแห้งเก็บไว้เป็นสิริมงคล

    การบูชาคือไหว้ด้วยดอกไม้ขาว 5 คู่ เทียนขาว 5 คู่ น้ำฝน 1 แก้ว หากใครโชคดีจะมีเสียงเพราะเหมือนจักจั่นเรไร ก่อนหน้านี้เคยไปหาที่อ.นากลาง บางคนโชคดีได้ 2-3 คู่ คนแก่คนเฒ่ากล่าวว่า ประมาณ 40 ปีจะมีเช่นนี้ครั้งหนึ่ง จากการสังเกตลักษณะเป็นยางไม้เกาะหัวจักจั่นที่กำลังเข้าดักแด้ มีน้ำมันไหลออกมากลิ่นหอม

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้มีสามเณรในวัดพบตัวจักจั่นมีเขา และมีคนมาซื้อในราคาตัวละ 100-1,000 บาท

    ทำให้ชาวบ้าน พระภิกษุสามเณรนักเรียน ออกมาค้นหาเพื่อนำไปสักการะเชื่อว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ บางคนนำไปอัดกรอบห้อยคอ เพราะเชื่อว่าจะทำให้ค้าขายคล่อง พระอาจารย์สุทิน พระลูกวัดป่าศรีสุธาทิพย์ กล่าวว่าเมื่อประมาณ 2 ปีก่อนมาสามเณรเข้าไปในป่า พบจักจั่นที่มีเขางอกออกจากหัวมาให้ดูแต่ตนไม่สนใจ พอมาปีนี้มีชาวบ้านมาค้นหา และมีคนมาขอซื้อจากคนที่พบในราคาตัวละ 1,000 บาท เมื่อสอบถามก็บอกว่าเก็บไว้เป็นสิริมงคลกับตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องการทำมาค้าขาย เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ไม่สามารถที่จะห้ามได้

    พระครูมหาวาปีคณารักษ์ เจ้าอาวาสวัดป่าศรีสุธาทิพย์ กล่าวว่า ที่ชาวบ้านมาหาจักจั่นกันนี้ ตนก็ไม่ห้ามแต่ให้ระวังอันตรายจากงู เพราะบริเวณวัดเป็นป่าไม้หนาทึบ คนที่ค้นหาได้ก็ถือว่าเป็นโชคของใครของมัน

    วันเดียวกัน ที่วัดป่าเทวาพิทักษ์ ต.จังหาร อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด มีนางสมบูรณ์ ศรีหาวงศ์ อายุ 33 ปี นำจักจั่นมีเขามาให้หลวงปู่ฤๅษีสร้อย เจ้าอาวาสพิจารณา โดยนางสมบูรณ์กล่าวว่า นำจักจั่นมีเขามาให้พระคุณเจ้าดูและลงรักมหานิยมให้ ตัวจักจั่นของตนมีตา มีขา แต่ไม่มีปีก ความยาวประมาณ 2 ซ.ม. ช่วงหัวเป็นดอกไม้ขึ้นสูงประมาณ 1 นิ้ว ตัวผู้มีลักษณะคล้ายเขากวาง ส่วนตัวเมียคล้ายเกสรดอกไม้ ด้านหลวงปู่ฤๅษีสร้อย กล่าวว่า ในปีนี้มีคนนำจักจั่นมาให้ดู 2 ครั้ง ให้พิจารณาว่าเป็นของจริงหรือปลอม ซึ่งดูแล้วเป็นตัวจริง

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ฮือฮา!ลูกวัวแสนรู้เดินตามพระบิณฑบาตทุกเช้า</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>เมื่อเวลา 05.30 น. วันที่ 27 พ.ค. ผู้สื่อข่าว จ.สิงห์บุรี ได้เดินทางไปที่วัดสะเดา ม.7 ต. บางกระบือ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี

    เพื่อไปสังเกตการณ์กรณีที่ชาวบ้านโจษจันกันมาว่ามีลูกวัวแสนรู้เป็นลูกศิษย์พระเดินตามออกบิณฑบาตทุกเช้า จึงไปดักรอที่บ้านเลขที่ 82 ม. 7 บ้านของนายพเยาว์ ไม้ดัด อายุ 54 ปี พบว่ามีชาวบ้านมายืนรอใส่ บาตรหลายคน พอถึงเวลาพระมนัส เข็มงาม อายุ 44 ปี เดินมาถึงบริเวณดังกล่าว ได้มีลูกวัวเพศเมียแสนรู้ ชื่อ “สีนวล” อายุ 1 ปี เดินตามหลังพระมาด้วย โดยไม่มีอาการตื่นคนแม้จะมีสุนัขเดินตามก็ไม่กลัว

    พระมนัส กล่าวว่า วัวแสนรู้ตัวดังกล่าวเป็นวัวของนางสุพรรณี นิลเนตร อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/2 ม. 4 ต. เชียงรากน้อย อ. บางไทร จ. พระนครศรีอยุธยา

    คลอดจากแม่วัวที่เสียชีวิตหลังคลอดเพียงแค่ 3 วัน จึงต้องใช้นมผงเลี้ยงเด็กเลี้ยงแทน พออายุประมาณ 2 เดือน จึงนำมาถวายพระครูวีระธรรมโสภณ เจ้าอาวาสวัดสะเดา และเจ้าอาวาสได้มอบให้ตน เป็นผู้เลี้ยงดู

    พระมนัสกล่าวว่า สีนวลเป็นวัวแสนรู้ ชอบกินข้าวก้นบาตรและน้ำอัดลม ไม่กินหญ้าเป็นอาหารมานานตั้งแต่เข้ามาอยู่วัด

    ของโปรดก็คือข้าวก้นบาตรและน้ำอัดลม กินจุมากหลังจากพระฉันอาหารแล้วต้องนำข้าวก้นบาตรมาคลุกอาหารให้กิน ทุกเช้าจะมายืนรอตนเพื่อรอออกไปบิณฑบาตพร้อมกัน โดยจะเดินตามทุกวันเป็นระยะทาง 2 กิโลเมตร เมื่ออยู่ในวัดก็ชอบเดินเคลียคลอกับประชาชนที่เข้ามาในวัดเหมือนกับเด็กที่ประจบผู้ใหญ่เพื่อขอน้ำอัดลมดื่ม ผู้ที่เข้ามาในวัดต่างรักใคร่ลูกวัวสีนวลมาก

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    คำทำนายของ Mother Shipton

    [​IMG]

    คำทำนายนี้อายุแถวๆ ห้าร้อยปีมาแล้วโดย Mother Shipton เกิดก่อนนอสตราดามุสสักสิบห้าปี เป็นชาวอังกฤษในปี ค.ศ. 1488 เดิมชื่อว่า Ursula Sontheil ตายเมื่อปี ค.ศ. 1561 จากการถูกเผา คาดว่าถูกจับหาว่าเป็นแม่มดเนื่องจากความสามารถการมองอนาคตของเธอ ต่อมาแต่งงานกับ Toby Shipton ไม่มีลูกแต่คนก็เรียกเธอว่า Mother Shipton. ​

    มีหนังสือเกี่ยวกับคำทำนายของเธอมาตั้งแต่ ค.ศ. 1641 ที่พิมพ์เป็นรูปเล่มขึ้นมา ลองอ่านแปลดูนะครับ คิดว่าเมื่อห้าร้อยปีที่แล้ว สังคมความเป็นอยู่ การรับรู้ข่าวสารตอนนั้นไม่เท่าปัจจุบัน ตอนที่อเมริกายังไม่ถูกค้นพบ เครื่องจักรไอน้ำยังไม่มี ข้อความหลายๆอย่างฟังดูวิทยาศาสตร์ เกินยุคเกินสมัย บางอย่างที่ยังไม่เกิดก็จะเริ่มมีเค้าให้เห็น อ่านจบก็อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้เธอบ้างนะครับ

    คำทำนายของ Mother Shipton ฉบับแปลเป็นภาษาไทย

    นี่คือกลอนที่คล้องจองบ้างไม่คล้องจองบ้าง ของสิ่งที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า

    แล้วโลกจะเปลี่ยนไปคนละเรื่องเลย และทองจะพบได้ที่รากของต้นไม้ ลูกหลานชาวอังกฤษทุกคนที่ทำเกษตรไถดิน ก็จะพบเห็นว่าเป็นผู้ถือหนังสือในมือ คนจนก็จะกลายเป็นปราชญ์ที่เลื่องลือ บ้านหลังใหญ่ๆ ก็จะปลูกอยู่ในหุบเขาที่ไกลออกไป ทั้งหมดจะถูกปกคลุมด้วยหิมะและลูกเห็บ

    ตู้เกวียนโดยไม่มีม้าจะเคลื่อนไป ความหายนะจะทำให้โลกเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ในลอนดอนที่ Primrose Hill ก็จะเป็น ในที่ตรงกลางจะเป็นสำนักงานของบิช๊อฟ

    Note: Primrose Hill คือยอดเนินที่ใกล้ใจกลาง ลอนดอนที่สุด น่าจะสูงกว่าทุกตึกในเมือง

    รอบโลกความคิดของคนจะบินไป เร็วเหมือนกับตาขยิบ และน้ำก็จะเพิ่มปริมาณขึ้นอย่างมาก แปลกใช่ไหม และมันก็จะเป็นความจริง (อินเตอร์เน็ต, น้ำท่วม?)

    ผู้คนจะขับขี่ทะลุภูเขาใหญ่ทั้งหลาย ไม่มีม้าหรือลาไปเคลื่อนที่ไปด้วยกับเขา ที่ใต้ผิวน้ำ ก็จะสามารถเดินไปมา จะมีการขับขี่, มีการนอนหลับ กระทั่งพูดกันได้ และมนุษย์ก็จะขึ้นไปอยู่ในอากาศ ในสีขาวและดำ แม้กระทั่งสีเขียว (อุโมงค์ลอดเขา การดำน้ำ scuba diving, การเดินอากาศ )

    ผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง ก็จะมาปรากฏแล้วก็จะไป สำหรับคำทำนายนี้ประกาศไว้ ดังนั้นในน้ำ เหล็กก็จะสามารถลอยอยู่ได้ ง่ายๆเหมือนกับเรือไม้

    ทองจะพบได้ทั้งในสายน้ำ และในก้อนหิน ในแผ่นดินที่เรายังไม่รู้จัก (เรือเดินสมุทร ทองในอเมริกายุคบุกเบิก?)

    อังกฤษจะเข้าร่วมกับยิว คุณคิดว่าแปลกไหม แต่มันคือความจริง ชาวยิวที่ครั้งหนึ่งไม่มีใครไว้ใจ จะเป็นพวกกับคริสเตียนและจะเกิดขึ้น

    บ้านหลังหนึ่งทำด้วยกระจกจะมาถึงในอังกฤษ แต่ช่างเศร้าจริงหนอ สงครามจะตามมาด้วยผลงานนี้ ในที่ๆพวกนอกคริสเตียนและพวกตุรกีอาศัยอยู่ (คริสตัลพาเลสเป็น ศูนย์จัดแสดงงานและราชวัง เป็นสิ่งปลูกสร้างที่เป็นกระจก เกิดก่อนสงคราม โลกครั้งที่หนึ่งประมาณหกสิบปี)

    รัฐเหล่านั้นจะถูกขังอยู่ในการต่อสู้ที่รุนแรงอย่างที่สุด และหาทางจะทำลายชีวิตของผู้อื่น เมื่อทางเหนือจะแยกออกจากทางใต้ และอินทรีย์จะสร้างในปากสิงห์โต ตามด้วยภาษีเลือดและสงครามอันทารุณ จะมาเยือนทุกบ้านราษฏร์ทั่วไป (อินทรีย์และสิงห์โต หมายถึงอเมริกาและอังกฤษ)

    สามครั้งที่ประเทศฝรั่งเศสเมืองอันอุดมแดด จะนำเข้าสู่่การเต้นรำเลือด ก่อนที่ประชาชนจะเป็นอิสระ จะมีผู้ปกครองทรราชสามคนให้เห็น (การปฏิวัติฝรั่งเศส)

    ผู้ปกครองสามคนต่อกันมาจะ มาเป็นบุตรหลานของต่างราชวงศ์ และเมื่อความรุนแรงเหี้ยมโหดผ่านไป อังกฤษและฝรั่งเศษจะรวมเป็นหนึ่ง มะกอกอังกฤษต่อไปจะ แต่งงานกับองุ่นเยอรมัน มนุษย์เดินอยู่ใต้และเหนือสายน้ำ เมื่อทำได้ตามนั้นก็จะเป็นความฝันที่น่าอัศจรรย์

    ความน่าประหลาดใจยังไม่หมดแค่นั้น ผู้หญิงก็จะทำตามความนิยมทั่วไปคือ แต่งตัวเหมือนผู้ชาย ใส่กางเกงขายาว และตัดผมของตัวเองออก พวกเธอจะขี่คร่อมขาไปอย่างไม่อาย อย่างกับพวกแม่มดขี่ไม้กวาดตอนนี้ (ผู้หญิงนุ่งยีนส์ หรือ สูท+กางเกงตอนทำงาน, ทรงผมที่สั้นลง, ท่าทางที่ไม่เรียบร้อยเหมือน สมัยนั้น)

    Note: สมัยนั้นถ้าผู้หญิงจะขี่ม้า ก็จะเอาขาทั้ง สองข้าง พาดไว้ข้างเดียวกันของม้า ไม่ได้คร่อมขี่ เหมือนปัจจุบัน

    สัตว์ประหลาดที่คำรามโดยมีคนอยู่ข้างบน ทำเหมือนกับจะกินสิ่งที่อยู่ในแปลงเพาะปลูก คนก็จะบินเหมือนกับที่นกทำได้ในตอนนี้ และก็จะไม่ได้ใช้ม้ากับคราดอีก (เครื่องจักรกลการเกษตร เช่นเครื่องเก็บเกี่ยว)

    Note: ที่อังกฤษสมัยก่อนใช้ม้าลาก คันไถ-คราด ในการเพาะปลูกพืชที่เป็นแปลงใหญ่ๆ

    มันจะมีสัญลักษณ์ปรากฏให้เห็น เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ความรักจะหายไป การแต่งงานจะลดลง และประเทศชาติทั้งหลายจะไม่มั่นคงเพราะเด็กเกิดลดลง (เกิดสงครามและโรคระบาด อดอยากไปทั่วโลก?)

    เหล่าภรรยาก็จะลูบไล้แมวและหมาอย่างรักใคร่ มนุษย์(หรือผู้ชาย) อาศัยอยู่อย่างกับหมู บ้านทั้งหลายที่ใช้ฟางและกิ่งไม้ในการสร้างจะมีจำนวนน้อย และจะมีการเตรียมตัวเข้าสู่สงคราม ไฟและดาบก็จะกวาดเข้ามาในแผ่นดิน

    เมื่อภาพทั้งหลายเหมือนมีชีวิต และเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ เมื่อเรือที่เหมือนปลาจะเวียนว่ายอยู่ใต้ทะเล เมื่อมนุษย์จะบินเหมือนนกที่สำรวจไปทั่วท้องฟ้า ตอนนั้น ครึ่งโลก พวกที่โชกเลือดอยู่ก็จะตาย (ทีวี, เรือดำน้ำ, การสำรวจอวกาศ/ท้องฟ้า,สงคราม,โรคระบาด)

    สำหรับพวกที่ได้อยู่ในศตวรรษนั้น ความกลัวและสั่นจะทำให้ อพยพไปอยู่บนเขาและถ้ำ ไปในที่แฉะน้ำคล้ายทุ่งนา, ป่าและแหล่งที่ราบต่ำตามธรรมชาติ (การหนีเข้าป่า หรือออกจากเมือง แต่ทำไมล่ะ?)

    พายุทั้งหลายจะบ้าคลั่งและมหาสมุทรจะคำราม เมื่อยมทูตยืนในทะเลและชายฝั่ง เมื่อเขาเป่าเขาสัตว์อันประหลาดนั้น โลกเก่าทั้งหลายก็จะตาย และโลกใหม่ก็จะเกิด

    มังกรที่น่าสะพรึงกลัวตัวหนึ่งจะบินผ่าท้องฟ้า หกครั้งก่อนที่โลกจะตาย มนุษย์ชาติจะสั่นไหวและหวาดกลัว สำหรับครั้งที่หกนั้นก็จะอยู่ในคำทำนายนี้

    ทั้งเจ็ดวันเจ็ดคืน ผู้คนจะเฝ้าดูสั่งอันน่ากลัวนี้ ระดับน้ำจะขึ้นเกินกว่าที่เราจะคาดคิด น้ำจะกวาดชายฝั่งทั้งหลายและจากนั้น ภูเขาทั้งหลายก็จะเริ่มคำราม แผ่นดินไหวหลายครั้งจะทำให้ที่ราบกลายเป็นชายฝั่ง

    และท่วมเต็มไปด้วยน้ำ ที่รี่เข้ามา จะท่วมพื้นที่ทั้งหลาย ด้วยเสียงสนั่นหวั่นไหว ที่ทำให้มนุษย์ชาติล่าถอยหรือเข้าไปหลบในโคลนเลน และจะข่มขู่คนรอบข้างให้กลัวเกรง เขาจะแยกเขี้ยวขึ้นขู่ สู้ และ ฆ่าฟัน เพื่อซ่อนอาหาร ในเนินเขาลับ และจากความกลัวนั้น เขาก็หลอกลวง เพื่อที่จะฆ่าพวกมาค้นหาอาหาร, ขโมย และพวกหาข่าว

    ผู้คนจะอพยพออกไป จากความกลัวที่เกิดจากน้ำท่วม ฆ่า และข่มขืน และ จมอยู่ในกองเลือด การหลั่งเลือดก็จะเกิดขึ้นจากน้ำมือของมนุษย์ จะกลายเป็นรอยด่างและความขมขื่นสำหรับหลายๆพื้นที่

    เมื่อหางมังกรได้ผ่านไปแล้ว ผู้คนก็ลืมกันไป ยิ้มและมีชีวิตอยู่ต่อไป (to apply himself) สายไปแล้ว สายไปแล้ว สำหรับมนุษย์ชาติที่ได้รับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างสาสม

    ใบหน้าที่แสร้งยิ้มของเขา - ความเป็นผู้ดีจอมปลอมของเขา ที่จะรับใช้พระเจ้าทั้งหลาย และพวกเขาก็จะส่งมังกรกลับมา เพื่อจะจุดให้ท้องฟ้าสว่างไสว - หางของมันจะแตกออก ลงบนผิวโลก และทำให้โลกแยกออก ประชาชนก็จะอพยพหลบหนีทั้ง กษัตริย์ ขุนนาง และผู้ใช้แรงงาน

    พวกเขาก็จะแยกออกไปตามเส้นทางอย่างช้าๆ เพื่อค้นหาท่อส่งน้ำที่แทบจะไม่เหลือแล้ว และคนก็จะตายไปก่อนแล้วจากความกระหายน้ำ มหาสมุทรก็จะสูงขึ้น ขยับเข้าไปในชายฝั่ง ผืนที่ดินก็จะแตกและแยกออกจากกันอย่างแรงอีกครั้ง คุณติดว่ามันแปลกใช่ไหม แต่มันจะเป็นจริง

    ในแผ่นดินหนึ่งที่ไกลออกไป ยังมีคนอยู่บ้าง - โอ! มันเหลือน้อยเหลือเกิน จะต้องออกจากภูเขาอันแข็งแกร่งของเขา กระจายตัวออกไปยังที่ต่างๆของโลก แต่ก็น้อยเต็มที ผู้ที่รอดชีวิตจาก (ต้นฉบับก็อ่านไม่ออก) และจะเป็นจุดเริ่มต้นของมนุษย์ชาติอีกครั้ง

    ไม่ใช่บนแผ่นดินที่มีอยู่แล้ว แต่อยู่บนพื้นมหาสมุทรที่ไม่คุ้นเคย แห้งแล้ง และว่างเปล่า ไม่ใช่ว่าทุกวิญญาณบนผิวโลกนี้จะตาย ในขณะที่ หางมังกร กวาดผ่านไป ไม่ใช่ว่าทุกแผ่นดินบนผิวโลกจะจมน้ำ แต่แผ่นดินเหล่านั้นจะเกลือกกลิ้งอยู่ในสิ่งที่เน่าเหม็น ของร่างกายที่เริ่มเน่า ของสัตว์ร้ายและผู้คน และของพืชที่อยู่บนพื้นที่นั้น

    แต่ก็จะมีแผ่นดินหนึ่งที่โผล่ขึ้นมาจากทะเล จะแห้ง สะอาด อ่อนนุ่ม และ ว่างเปล่าจาก ฝุ่นผงของมนุษย์ชาติ ดังนั้นมันจึงกลายเป็น แหล่งที่จะเจริญต่อไปของผู้คน

    ผู้ที่ยังมีชีวิตนั้นก็จะหวาดกลัวภัยของ หางมังกร ต่อไปอีกหลายๆปี แต่เวลาก็จะสลายความทรงจำเหล่านั้น คุณคิดว่ามันแปลกใช่ไหม แต่มันจะเป็นอย่างนั้น(หางมังกร อาจหมายถึงพายุทอร์นาโด,พายุฟ้าผ่า,คลื่นยักษ์จากทะเล?)

    ก่อนที่มนุษย์ชาติจะเริ่มต้นใหม่ งูใหญ่สีเงินจะมาให้เห็น และคายมนุษย์ที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อนออกมา จะเข้าร่วมกับโลกก็จะมีมากขึ้น ความหนาวเย็นจากความร้อนของมัน และผู้คนเหล่านี้สามารถ ทำให้จิตใจของคนในอนาคตบรรลุธรรม (มนุษย์ต่างดาว ในยานทรงกระบอก ให้ความช่วยเหลือ?)

    เพื่อที่จะอยู่ร่วมกันได้ และแสดงให้ทุกคนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันด้วย ความรัก และ การให้อภัยกัน เด็กเหล่านี้ที่มีสายตาที่สอง เป็นเรื่องธรรมชาติที่พวกเขาจะ เติบโตอย่างสง่างาม, เรียบง่าย และเมื่อพวกเขาโตขึ้น ยุคทองก็จะเริ่มต้นใหม่

    หางมังกรนี้เป็นเครื่องหมาย แห่งการล่มสลายมนุษย์ชาติ การถดถอยของมนุษย์ และก่อนที่คำทำนายนี้จะจบนั้น ฉันก็จะถูกเผาอยู่ที่ลานประหาร ขณะเดียวกัน ร่างกายของฉันจะโหยหวล และวิญญาณของฉันจะเป็นอิสระ คุณคิดว่าฉันเป็นผู้ลบหลู่ไม่นับถือพระเจ้าหรือ คุณผิดเสียแล้วหละ ของเหล่านี้มันปรากฏแก่ฉันเอง คำพยากรณ์นี้จะเป็นจริง

    ข้อความเหล่านี้ปรากฏอยู่ตรงห่อของม้วนข้อความ ฉันรู้ว่าฉันจะต้องไป ฉันก็รู้ว่าฉันจะเป็นอิสระ ฉันรู้ว่าสิ่งนี้จะกลายเป็นความจริง จึงต้องซ่อนคำทำนายอันนี้เอาไว้ เพื่อสิ่งนี้จะได้ พบเจอในราชวงศ์ถัดไป ผู้รีดนมวัวคนหนึ่ง เป็นสาวผอมติดกระดูก จะเตะห่อม้วนข้อความอันนี้เข้าขณะที่เธอเดินผ่านไป และเธอจะมีลูกหลานไปถึงห้ารุ่น ก่อนที่เด็กชายคนหนึ่งเรียนรู้ที่จะอ่านข้อความนี้

    และคำทำนายนี้จะอยู่ต่อไปปีแล้วปีเล่า จนกว่าสัตว์ประหลาดเหล็ก มาเขย่าความกลัว กัดกินกระดาษที่ใช้เขียน คำต่างๆจาก ปากกา น้ำหมึก มนุษย์ชาติก็จะมีเวลาที่จะคิด และตอนที่คำทำนายนี้กำลังเกิดขึ้นเท่านั้น มนุษย์ชาติจะมาอ่านคำทำนายนี้ แต่คนกลุ่มหนึ่งจะชื่นชอบ กลุ่มอื่นๆจะมีความทุกข์ ดังนั้นฉันจะไม่ถูกเผาไปอย่างไร้ค่า

    -หมวดข้างล่างนี้แยกออกมาจากส่วนอื่น แต่พบว่า มันเขียนด้วยกันถึงแม้จะเก็บอยู่คนละไหก็ตาม

    สัญญาณทั้งหลายจะมีอยู่เพื่อให้คนทั้งหลายได้รับรู้ เมื่อมนุษย์จะทำในสิ่งที่เลวร้ายอย่างแรง คนจะทำลายชีวิตของพวกเด็กๆ โดยนำมาเป็นภรรยาของตน และเข่นฆ่าผู้คนที่ตนไม่รู้จักอย่างเลือดเย็น การกระทำอันโหดเหี้ยม เมื่อคนจะมีความคิดอย่างเห็นแก่ตัวเท่านั้น คนจะเดินเหมือนกับกำลังหลับ เขาจะไม่มองอะไร และคนก็ไม่แม้กระทั่งจะสนใจเหลือบมองเขา คนเหล็ก ... และรถเหล็กและยานพาหนะก็เหมือนกัน

    กษัตริย์(ผู้นำประเทศต่างๆ) จะให้สัญญาหลอกๆ จะพูดก็สักแต่ว่าพูด และชาติทั้งหลายก็จะวางแผนทำสงครามที่น่ากลัว มันเหมือนกับอะไรที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ภาษีทั้งหลายก็จะขึ้นสูง ในขณะที่ความเป็นอยู่แย่ลง และประเทศต่างๆก็จะทำหน้านิ่ว

    ยังมีสัญญาณอื่นที่จะมีให้เห็นอีก ขณะที่คนเข้าไปใกล้ศตวรรษหลังๆ ภูเขาสามลูกที่หลับอยู่จะเริ่มหายใจ และพ่นโคลน และน้ำแข็งแห่งความตาย แผ่นดินไหวจะกลืนกินเมืองแล้วเมืองเล่า ในดินแดนที่ตอนนี้ฉันก็ยังไม่รู้จักชื่อ

    คริสเตียนนึงสู้กับอีกคริสเตียนนึง ประเทศทั้งหลายต่างถอนหายใจ แต่ก็จะไม่ทำอะไร และมนุษย์สีเหลืองก็จะมีอำนาจขึ้น จากหมีที่ทรงอำนาจด้วยผู้ที่เขาได้วางเอาไว้แล้ว

    พวกทรราชที่ทรงพลังจะทำไม่สำเร็จ เขาทำไม่สำเร็จที่จะแยกโลกออกเป็นสองข้าง แต่สิ่งที่เขาทำลงไปนั้นจะเพาะเชื้ออันตราย เชื้อโรคร้ายแรงชนิดหนึ่ง ทำให้คนตายไปมาก และก็จะหมดหนทางเยี่ยวยา อันนี้จะแย่ยิ่งกว่าโรคเรื้อนเสียอีก

    โอ!... สัญญาณหลายอย่างจะปรากฏให้เห็น ความจริงของคำทำนายอันถูกต้องนี้

    ที่มา http://palungjitrescuedisaster.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤษภาคม 2009
  7. โชตนา

    โชตนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +773

    ดีใจจังที่มีคนเข้าดูกระทู้นี้มากๆจะได้สดงความเห็นในสิ่งที่เราไม่รู้เยอะๆ ( เมฆสีรุ้ง)
     
  8. doodee1

    doodee1 คนละพวก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,718
    วันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6755 ข่าวสดรายวัน


    ไซโคลนคร่าเอเชียใต้



    เมื่อ 27 พ.ค. เอเอฟพีรายงานว่า พายุไซ โคลนไอลา พัดถล่มบังกลาเทศ และอินเดีย มีผู้เสียชีวิตรวมกัน 180 ราย ไร้ที่อยู่อาศัยอีกหลายแสนคน ขณะที่ระดับน้ำทะเลสูงท่วมชายฝั่ง ด้านนักอนุรักษ์ในสองประเทศตั้งทีมออกค้นหาเสือเบงกอล ซึ่งเหลือแค่ 650 ตัว เพราะกลัวถูกไซโคลนซัดตายหมด

    โสมเหนือเลิกสงบศึกโสมใต้



    เมื่อ 27 พ.ค. เคซีเอ็นเอแจ้งว่า กองทัพเกาหลีเหนือประกาศถอนตัวจากข้อตกลงสงบศึกปีค.ศ.1953 ที่ทำกับฝ่ายเกาหลีใต้เพื่อยุติสงครามเกาหลี และยังขู่ว่าอาจโจมตีเรือรบสหรัฐและเรือรบเกาหลีใต้ที่เคลื่อนกำลังเข้าสู่ชายฝั่งด้านตะวันตก ท่าทีแข็งกร้าวนี้มีขึ้นหลังจากโดนรุมประณามอย่างหนักฐานทด ลองระเบิดนิวเคลียร์ใต้ดินครั้งใหม่ และไม่พอใจที่เกาหลีใต้จับมือสหรัฐเพื่อปราบปรามการแพร่กระจายอาวุธอานุภาพทำลายล้างสูง

    รัฐแคลิฟอร์เนียชี้ขาดห้ามเกย์วิวาห์



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    วิวาห์เกย์ - กลุ่มหญิงรักหญิงชาวอเมริกัน จูบปากโชว์อย่างดูดดื่มระหว่างร่วมม็อบเดินขบวนในนครลอสแองเจลิส ประท้วงคำสั่งศาลสูงรัฐแคลิฟอร์เนีย พิพากษาว่าการแต่งงานของคนเพศเดียวกันเป็นเรื่องผิดกฎหมาย เมื่อ 27 พ.ค. (เอเอฟพี)


    </TD></TR></TBODY></TABLE>เอเอฟพีรายงานว่า เมื่อ 27 พ.ค. กลุ่มรักเพศเดียวกันทั้งเกย์และเลสเบี้ยนในรัฐแคลิ ฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ผิดหวังเสียใจไปตามๆ กัน เมื่อผู้พิพากษาศาลฎีกายืนคำตัดสินตามศาลอุทธรณ์มีมติให้ออกกฎหมายห้ามการแต่งงานในกลุ่มคนรักเพศเดียวกันตามผลการลงประชามติเมื่อเดือนพ.ย.ปีก่อน แต่ยกประโยชน์ให้คู่รักที่แต่งงานไปแล้ว 18,000 คู่ก่อนหน้าที่กฎหมายจะประกาศใช้จะยังคงมีผลตามกฎหมาย

    ผู้พิพากษาศาลฎีกาแคลิฟอร์เนีย 6 ต่อ 1 เห็นด้วยกับประชามติที่จะให้กฎหมายห้ามการแต่งงานในคนเพศเดียวกันออกบังคับใช้ โดยผลประชามติผู้ที่เห็นด้วยกับกฎหมายมีร้อยละ 52.5 ไม่เห็นด้วยร้อยละ 47.5

    กลุ่มผู้สนับสนุนการแต่งงานของคนเพศเดียวกันชุมนุมประท้วงคำตัดสินทั่วรัฐแคลิฟอร์เนีย ตำรวจซานฟรานซิสโกจับกุมไว้ 175 คนที่ปิดถนนใกล้ศาล ขณะที่อีกเกือบ 1,000 คนเดินขบวนไปยังศาลากลางซานฟรานซิสโก ด้านนายอาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียเรียกร้องให้ชุมนุมอย่างสงบและอยู่ในกฎหมาย

    ตาลิบันบึ้มถล่มตึกตร.ปากีฯพังยับ



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อ 27 พ.ค. บีบีซีรายงานว่า เกิดเหตุวางระเบิดพลีชีพด้วยรถยนต์โจมตีอาคารสำนักงานตำรวจในเมืองละฮอร์ เมืองใหญ่อันดับสองของปากีสถาน ถล่มอาคารหน่วยฉุกเฉินพังครืนทั้งหลัง พบผู้เสียชีวิตเบื้องต้น 23 ราย บาดเจ็บ 200 คนและมีตำรวจหลายนายติดอยู่ใต้ซากอาคาร นอกจากนี้แรงระเบิดยังทำให้อาคารหน่วยข่าวกรอง (ไอเอสไอ) ที่อยู่ใกล้เคียงได้รับความเสียหายยับเยินด้วย

    เจ้าหน้าที่มหาดไทยเชื่อว่าการโจมตีดังกล่าวเป็นฝีมือขบวนการตาลิบันในปากีสถาน ที่ต้องการล้างแค้นที่ถูกรัฐบาลปราบปรามอย่างหนัก และกลุ่มตาลิบันเพิ่งโจมตีโรงเรียนนายร้อยตำรวจชานเมืองละฮอร์ เมื่อ 30 มี.ค. มีตำรวจเสียชีวิต 7 นาย พลเรือน 1 ราย

    "โอบามา"ซัดพม่ากุคดีแกล้ง"ซูจี"



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    วาระสำคัญ - ผู้สนับสนุนนางออง ซาน ซู จี ชุมนุมที่พรรคเอ็นแอลดี ในย่างกุ้ง เพื่อรำลึกวาระครบรอบ 19 ปีที่พรรคของนางซู จี ชนะการเลือกตั้งถล่มทลาย ก่อนถูกทหารพม่าปล้นชัย เมื่อ 27 พ.ค. วันเดียวกัน บารัก โอบามา ผู้นำสหรัฐเรียกร้องให้พม่าปล่อยนางซู จี (เอพี)


    </TD></TR></TBODY></TABLE>เอเอฟพีรายงานว่า เมื่อ 27 พ.ค. ประธานา ธิบดีบารัก โอบามา ผู้นำสหรัฐ ออกโรงเรียกร้องให้รัฐบาลเผด็จการทหารพม่าปล่อยตัวนาง ออง ซาน ซู จี ผู้นำประชาธิปไตยในทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไข เพราะนางซู จี เป็นเหยื่อของคดีลวงโลกที่รัฐบาลเผด็จการทหารพม่าสร้างขึ้นเอง นับเป็นแรงกดดันต่อรัฐบาลทหารพม่าที่ชัดเจนเป็นครั้งแรกจากสหรัฐตั้งแต่ที่นางซู จี ถูกจับดำเนินคดีในข้อหาละเมิดกฎกักบริเวณ

    "ผมขอเรียกร้องให้รัฐบาลพม่าปล่อยตัวออง ซาน ซู จี หัวหน้าพรรคเอ็นแอลดีและเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไข พร้อมด้วยนักโทษการเมืองทั้งหมด ผมขอประณามการกักบริเวณและการควบคุมตัวเช่นเดียวกับที่ทั่วโลกประณาม การกักตัว โดดเดี่ยว และดำเนินคดีลวงโลกที่ไม่มีมูลความจริงกับนางซู จี ทำให้เกิดข้อกังขาถึงความตั้งใจของรัฐบาลทหารพม่าในการเป็นสมาชิกประชาคมโลก" นายโอบามากล่าว และบอกเป็นนัยว่าอนาคตของพม่าที่จะทำธุรกิจกับตะวันตกจะเป็นไปในทิศทางใด ขึ้นอยู่กับวิธีที่พม่าเลือกปฏิบัติ

    ด้านกลุ่มประชาคมโลกที่สนับสนุนนางซู จี เปิดตัวเว็บไซต์ 64 Words for Aung San Suu Kyi รณรงค์ให้พม่าปล่อยตัวนางซู จี โดยมีบุคคลมีชื่อเสียงจากวงการต่างๆ ร่วมส่งข้อความสนับสนุน เช่น นายกรัฐมนตรีกอร์ดอน บราวน์ ของอังกฤษ บาทหลวงเดสมอนด์ ตูตู เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ จอร์จ คลูนีย์ ดารา-ผู้กำกับฯ ฮอลลีวู้ด เดวิด เบ๊กแฮม นักฟุตบอลดาวดัง ดาเนียล เคร้ก พระเอกเจมส์บอนด์ เป็นต้น โดยชื่อของเว็บไซต์ที่มีเลข 64 มาจากอายุของนางซู จี ที่จะครบรอบในวันเกิด 19 มิ.ย.ที่จะถึงนี้

    ส่วนที่นครย่างกุ้ง สมาชิกพรรคฝ่ายค้านและประชาชนราว 300 คน รวมถึงนักการทูตจากชาติตะวันตก ร่วมกันจัดงานครบรอบ 19 ปีที่พรรคเอ็นแอลดีของนางซู จี ได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งที่สุดท้ายรัฐบาลทหารพม่าปล้นชิงไป ที่สำนักงานใหญ่ของพรรค

    โวยคนนอกพื้นที่-บุกรุกถ้ำน้ำลอด ขุดทราย-ขน"พระธาตุ"-ไม่เคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์



    พะเยา - ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากประชาชนพื้นที่ ต.ร่มเย็น อ.เชียงคำ จ.พะเยา ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ มีบุคคลแอบอ้างเป็นนายทหารจากมูลนิธิแห่งหนึ่ง เข้ามาขุดและขนทรายภายในถ้ำ บริเวณต้นน้ำยวน ต.ร่มเย็น ออกไปในช่วงกลางดึกทำให้ประชาชนไม่พอใจอย่างมาก

    นายศรีธน หลายแห่ง ผู้ใหญ่บ้านบ้านปางปอบ หมู่ 9 ต.ร่มเย็น กล่าวว่า กลุ่มคนดังกล่าวได้เดินทางเข้ามากลางดึกของวันที่ 22 พ.ค. มีข้าราชการฝ่ายปกครองเป็นคนนำคณะเดินทางเข้ามา ในกลุ่มคนดังกล่าวมีผู้บริหารของอบต.มาด้วย จากนั้นกลางดึกวันที่ 24 พ.ค. ก็เดินทางออกไปด้วยรถกระบะ ทะเบียนกรุงเทพฯ บรรทุกกระสอบฟางกว่า 10 กระสอบ ไปด้วย

    นายศรีธน กล่าวว่า จากการสอบถามประชาชนที่เป็นลูกบ้านที่ได้รับการว่าจ้างของคณะดังกล่าว กล่าวว่า ได้รับการว่าจ้างให้เข้าไปขุดทรายภายในถ้ำน้ำลอดใกล้ถ้ำผาแดงภายในเขตอนุรักษ์ของอุทยานแห่งชาติภูซาง จำนวนมาก จากนี้ไปคงต้องจัดเวรยามภายในหมู่บ้านมาเฝ้าหน้าถ้ำน้ำลอดเพื่อป้องกันสิ่งของศักดิ์สิทธิ์ภายในถ้ำตลอด 24 ชั่วโมง

    นายเจริญ แจ้งสว่าง กำนัน ต.ร่มเย็น กล่าวว่า สิ่งของที่คณะบุคคลดังกล่าวนำไปนั้นเป็นสิ่งของที่คนร่มเย็นหวงแหนอย่างมาก เพราะเป็นวัตถุที่มีค่าทางพระพุทธศาสนาซึ่งชาวบ้านเรียกว่าพระธาตุ ลักษณะคล้ายกับพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งมีอยู่ปะปนกับทรายท้องน้ำภายในถ้ำน้ำลอดจำนวนมาก แต่ด้วยความเคารพศรัทธาชาวบ้านจึงไม่มีใครเข้าไปรบกวนและนำออกมา แต่ครั้งนี้ปรากฏว่ามีคนนอกแอบอ้างผู้มีอำนาจแล้วเข้าไปลักลอบขุดออกไปอย่างไม่เกรงใจและไม่เคารพ ชาวบ้านจึงจะมีการประชุมเพื่อหารือจัดมาตรการรักษาถ้ำอย่างเข้มงวดต่อไป

    ผวา"ชิคุนกุนยา" คนตรังแห่ซื้อมุ้ง



    ตรัง - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการลงพื้นที่ไปสำรวจร้านจำหน่ายมุ้ง ภายในเขตเทศบาลนครตรัง หลังพบการแพร่ระบาดของโรคชิคุน กุนยา ทุกพื้นที่ของจังหวัด ส่งผลให้ประชาชนตื่นตัวและรู้จักป้องกันตนเองมากขึ้น โดยเฉพาะการระมัดระวังมิให้ตนเองถูกยุงลายกัด

    นายสุธี จงเชี่ยวชำนาญ เจ้าของร้านนิวเจริญพร ร้านจำหน่ายมุ้งรายใหญ่ในเขตเทศบาลนครตรัง กล่าวว่า จากข่าวการแพร่ระบาดของโรคชิคุนกุนยาในพื้นที่ ทำให้มีประชาชนชาวตรังออกมาหาซื้อมุ้งกันมาก ซึ่งเดิมแทบจะไม่ค่อยมีผู้คนมาหาซื้อมุ้งกัน เพราะบ้านเรือนส่วนใหญ่จะติดมุ้งลวดแล้ว แต่ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีประชาชนมาซื้อมุ้งกันมากข ทำให้ยอดจำหน่ายเพิ่มสูงขึ้นจากปกติ 20-30% มีราคาตั้งแต่หลังละ 100-450 บาท แต่ที่ขายดีที่สุดคือ ราคาหลังละ 100 บาท

    ทะเลกรด

    หมุนก่อนโลก



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>ภูเขาไฟใต้น้ำ "NW-Rota 1" ใกล้กับเกาะกวม ในทะเลแปซิฟิก สำแดงเดชปะทุมาได้ 3 ปีแล้ว

    เมื่อมองดูจะเห็นกลุ่มควันหนาใต้ท้องทะเลพวยพุ่งขึ้นจนกลายเป็นรูปกรวย สูง 131 ฟุต กว้าง 984 ฟุต หรือเท่ากับตึก 12 ชั้น

    อีกทั้งยังมีลาวาและก๊าซพิษ ทำให้ท้องทะเลแถบนั้นแปรสภาพมีค่าเป็นกรด ที่มีความรุนแรงกว่ากรดในกระเพาะอาหารของเรา <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ดร.บิล แชดวิก ผู้เชี่ยวชาญด้านภูเขาไฟ จากมหาวิทยาลัยโอเรกอนสเตต สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า

    "แม้น้ำทะเลจะกลายเป็นกรดและเป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตมากขึ้น แต่สัตว์หลายพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในบริเวณ NW-Rota 1 เช่น กุ้ง ปู หอยทะเลและเพรียง ได้ปรับตัวให้อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมอย่างนี้"

    คณะของดร.แชดวิกตั้งใจศึกษาการปรับตัวของสัตว์ให้เข้ากับน้ำทะเลใกล้ภูเขาไฟก็เพราะว่า "ทะเลบนโลก" ของเรามีแนวโน้มปรับตัวเป็นกรดมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่น้ำทะเลตามปกติแล้วมีสภาพเป็นด่างเล็กน้อย

    แต่จากการที่คาร์บอนไดออกไซด์ หรือ ก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศละลายไปอยู่ในน้ำ จนกลายสภาพเป็นกรดคา บอนิก จะส่งผลกระทบต่อไข่ปลา ตัวอ่อน รวมทั้งการสร้างเปลือกหอยของหอยแน่นอน

    "NW Rota-1 นับเป็นห้องทดลองธรรมชาติที่ทำให้พวกเราสามารถสังเกตการปะทุของภูเขาไฟใต้น้ำ และความสัมพันธ์ระหว่างภูเขาไฟกับสารเคมีในระบบนิเวศวิทยา" ดร.แชดวิก กล่าวทิ้งท้ายถึงความสำคัญของปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับภูเขาไฟใต้น้ำลูกนี้

    เตือนปล่อยตัว"อ้วน"ช่วงวัยกลางคน ตอนแก่ร่างกายอ่อนแอ-ป่วยง่าย



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>ผลการศึกษาในประเทศฟินแลนด์พบว่า คนที่ปล่อยตัวจนอ้วนในช่วงวัยกลางคนมีความเสี่ยงสุขภาพอ่อนแอหนักกว่าคนทั่วไปเมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีน้ำหนักลดตอนแก่จะมีความเสี่ยงสูงสุด

    วารสารโรคหัวใจยุโรป รายงานว่า นักวิจัยฟินแลนด์ศึกษาติดตามเก็บข้อมูลจากผู้ชายมากกว่า 1,000 คน อายุตั้งแต่ 25 ปีไปจนถึง 70 กว่าปี พบว่า ผู้ที่เริ่มมีปัญหาเรื่องความอ้วนในวัย 40 กว่าปี มีสุขภาพแย่กว่าผู้มีน้ำหนักตัวปกติ และมีความเสี่ยงเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดหัวใจมากที่สุด

    สิ่งที่น่าแปลกใจจากการค้นพบครั้งนี้ก็คือ หากคนอ้วนช่วงวัยกลางคนมีน้ำหนักตัวลดลงในภายหลัง จะมีความเสี่ยงเสียชีวิตและเจ็บป่วยสูงที่สุดเมื่อเข้าสู่วัย 70 กว่าปี นักวิจัยสันนิษฐานว่าสาเหตุที่คนอ้วนในวัยกลางคนเสี่ยงอ่อนแอเมื่อเข้าสู่วัยชราน่าจะเกิดจากปัญหาเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ เช่น ความดันโลหิตสูง รวมถึงการเป็นเบาหวานระยะแรกๆ

    นอกจากนั้น ประเด็นที่นักวิจัยให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ได้แก่ กลุ่มผู้สูงอายุที่มีน้ำหนักตัวลดลงจะมีอาการสุขภาพอ่อนแอง่ายกว่าคนชราที่มีรูปร่างปกติทั่วไป เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง เหนื่อยง่ายแม้ออกกำลังกายเพียงเล็กน้อยทั้งที่ไม่ได้ป่วย เช่น เป็นโรคหัวใจ โรคมะเร็ง ดังนั้น แพทย์จึงควรสังเกตสัญญาณเบื้องต้นแต่เนิ่นๆ เพราะสุขภาพอ่อนแอจะนำไปสู่การเสียชีวิตและความพิการ

    ในอนาคต นักวิจัยจะศึกษาต่อไปว่าผู้สูงอายุกลุ่มใดมีสุขภาพดีที่สุด คาดว่าอาจเป็นกลุ่มที่รักษาน้ำหนักตัวให้สมดุลได้ตลอดเวลา หรือผู้ที่มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเข้าสู่วัย 60-70 กว่าปี


    [​IMG]

    ฟังเสียงของโลกร้อน คอยฟังเสียงพายุจะยิ่งรุนแรงใหญ่โตขึ้น
    [​IMG]


    การศึกษาล่าสุดทำให้รู้แล้วว่า เราสามารถจะฟังเสียงคำรนคำรามของโลกร้อน โดยฟังจากเสียงพายุที่นับวันจะยิ่งใหญ่โต และยิ่งรุนแรงขึ้น ซึ่งเป็นเครื่องแสดงให้เห็นถึงดินฟ้าอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป

    ผู้เชี่ยวชาญแผ่นดินไหวได้กรองเสียงของคลื่นที่เกิดจากพายุในมหาสมุทร ถาโถมเข้ากระทบฝั่ง มานานหลายสิบปีแล้ว การคอยฟังเสียงอันน่ารำคาญนี้ ก็เพื่อคอยฟังถึงแผ่นดินไหว

    รายงานในข่าวภูมิศาสตร์แห่งชาติของสหรัฐฯ แจ้งว่าผู้เชี่ยวชาญบางคนได้ดักฟังเสียงแผ่นดินไหวทางอิเล็กทรอนิกส์ และเร่งฟังเสียงของคลื่นที่เกิดจากพายุให้ดังขึ้นเสียงของคลื่นที่กระแทกฝั่ง ก่อให้เกิดความสั่นไหวแบบหนึ่ง และความสั่นไหวส่อให้รู้ถึงว่า พายุ ในทะเลแท้จริงจะรุนแรงขนาดไหน

    นักวิทยาศาสตร์ของสถาบันสมุทรศาสตร์ สคริปปส์ได้ศึกษาข้อมูลแผ่นดินไหวจากพายุ ตั้งแต่ ทศวรรษ พ.ศ. 2473 เป็นต้นมา และเตรียมจะเปิดเผยผลการวิเคราะห์ให้ทราบ กล่าวแจ้งว่า "แต่ตอนนี้ก็ได้เห็นแนวโน้มชัดแจ้งขึ้นอยู่แล้ว มันจะมีห่าพายุที่รุนแรงเพิ่มขึ้นในเวลาของปีที่กำลังจะมาถึง ซึ่งจะรุนแรงขึ้นอย่างแน่นอน".


    <OBJECT class=sIFR-flash id=sIFR_replacement_2 height=18 width=190 classid=clsid:D27CDB6E-AE6D-11cf-96B8-444553540000>
























    </OBJECT>ไทยรัฐออนไลน์


    • โดย ทีมข่าววิทยาการ-ไอที
    • 28 พฤษภาคม 2552, 05:40 น.

    tags:
    โลกร้อน,พายุ,แผ่นดินไหว,ฟังเสียง
    พบสมุนไพรใหม่ คาวตอง ทางเลือกสู้หวัด09
    [​IMG]

    ผอ.สนช. เผยเป็นพืชสมุนไพรพื้นบ้านของไทยตระกูลเดียวกับพลู พบมากทางภาคเหนือ ได้รับความนิยมมากในเกาหลี อินเดีย และอาเซียน ขอเวลาวิจัย-พัฒนา 2 ปีเชื่อ ต้านเชื้อไวรัสชนิดอื่นๆ ได้

    วันนี้ (28 พ.ค.) นายศุภชัย หล่อโลหการ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ(สนช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) กล่าวว่า ขณะนี้ สนช. สนับสนุนงบประมาณการวิจัยพืชสมุนไพรทางการแพทย์เพื่อรักษาโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดต่างๆ รวมทั้งเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ล่าสุด ได้มีการค้นพบสมุนไพรพื้นบ้านที่เรียกว่า คาวตอง หรือ พลูคาว เป็นพืชสมุนไพรพื้นบ้านของไทยตระกูลเดียวกับพลู พบมากทางภาคเหนือของประเทศ ลักษณะเป็นพืชล้มลุกชนิดเถา มีกลิ่นค่อนข้างคาวเหมือนคาวปลา แต่มีคุณสมบัติพิเศษในการรักษาการติดเชื้อ รักษา แผล รักษามะเร็ง ต้านเชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้ สมุนไพรดังกล่าวชาวบ้านทางภาคเหนือนิยมนำไปเป็นส่วนผสมของอาหาร แต่ไม่ได้รับความนิยมมาก เพราะมีกลิ่นแรง ไม่หอมเหมือนใบโหระพา และ กระเพรา ทำให้ไม่เป็นที่นิยม อย่างไรก็ตาม สมุนไพรดังกล่าวได้รับความนิยมมากในประเทศเกาหลี อินเดีย และกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในการนำสมุนไพรดังกล่าวไปรักษาโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็ง โรคริดสีดวงทวาร โรคติดเชื้อ เป็นต้น

    นายศุภชัย กล่าวต่อว่า การสนับสนุนพืชสมุนไพรดังกล่าวเพื่อพัฒนาสมุนไพรไทย ที่มีคุณสมบัติในการรักษาโรคให้เป็นยาที่ได้รับการยอมรับ โดย สนช. ได้ร่วมกับ นพ.กำพล ศรีวัฒนกุล ประธานบริษัท ไบโอคอนซัลท์ จำกัด ดำเนินการวิจัยสมุนไพรคาวตอง โดยจะศึกษาคุณสมบัติเชิงลึกว่าทำงานได้อย่างไร และมีประโยชน์ในการต้านไวรัสชนิดใดได้บ้าง คาดว่าใช้เวลาการวิจัยและพัฒนา 2 ปี

    ด้าน นพ.กำพล กล่าวว่า ตนเตรียมหารือกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อศึกษาคุณสมบัติของคาวตอง ว่า สามารถนำมาพัฒนาเป็นยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้หรือไม่ เชื่อว่าจะสามารถต้านเชื้อไวรัสชนิดอื่นๆ ได้เช่นกัน โดยเฉพาะเชื้อเอชไอวี โดยอาจต้องใช้ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่น เช่น ฟ้าทะลายโจน มีคุณสมบัติเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย อย่างไรก็ตาม ในต้นเดือนมิ.ย.นี้ ตนจะหารือกับกลุ่มแพทย์จากประเทศญี่ปุ่น นำโดย นพ.ฮิราชิ เพื่อที่จะพัฒนาวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เนื่องจากกลุ่มแพทย์ดังกล่าวกำลังมองหาเครือข่ายจากประเทศต่างๆ ประเทศไทยก็สนใจเช่นกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤษภาคม 2009
  9. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    <table border="0" cellpadding="1" cellspacing="1"><tbody><tr><th> </th> <th align="center">MAG </th> <th align="center">UTC DATE-TIME
    y/m/d h:m:s
    </th> <th align="center">LAT
    deg
    </th> <th align="center">LON
    deg
    </th> <th align="center">DEPTH
    km
    </th> <th> Region</th> </tr> <tr><td valign="top" align="center" nowrap="nowrap">MAP</td><td valign="top" align="center" nowrap="nowrap"> 2.9 </td><td valign="top" align="center" nowrap="nowrap">2009/05/28 08:37:48 </td><td valign="top" align="right" nowrap="nowrap"> 33.656 </td><td valign="top" align="right" nowrap="nowrap"> -116.759 </td><td valign="top" align="right" nowrap="nowrap"> 17.7 </td><td valign="top"> SOUTHERN CALIFORNIA</td></tr> <tr><td valign="top" align="center" nowrap="nowrap">MAP</td><td valign="top" align="center" nowrap="nowrap"> 7.1 </td><td valign="top" align="center" nowrap="nowrap">2009/05/28 08:24:46 </td><td valign="top" align="right" nowrap="nowrap"> 16.783 </td><td valign="top" align="right" nowrap="nowrap"> -86.166 </td><td valign="top" align="right" nowrap="nowrap"> 10.0 </td><td valign="top"> OFFSHORE HONDURAS</td></tr> <tr><td valign="top" align="center" nowrap="nowrap">MAP</td><td valign="top" align="center" nowrap="nowrap"> 5.0 </td><td valign="top" align="center" nowrap="nowrap">2009/05/28 05:12:43 </td><td valign="top" align="right" nowrap="nowrap"> -23.916 </td><td valign="top" align="right" nowrap="nowrap"> -179.722 </td><td valign="top" align="right" nowrap="nowrap">537.9 </td><td valign="top"> SOUTH OF THE FIJI ISLANDS</td></tr> <tr><td valign="top" align="center" nowrap="nowrap">MAP</td><td valign="top" align="center" nowrap="nowrap"> 4.9 </td><td valign="top" align="center" nowrap="nowrap">2009/05/28 00:23:47 </td><td valign="top" align="right" nowrap="nowrap"> 14.534 </td><td valign="top" align="right" nowrap="nowrap"> -92.263 </td><td valign="top" align="right" nowrap="nowrap"> 67.0 </td><td valign="top"> OFFSHORE CHIAPAS, MEXICO</td></tr></tbody></table>
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เกิดปรากฏการณ์สาหร่ายบูมปลายแหลมสะพานหิน

    [​IMG]

    ภูเก็ต 28 พ.ค.- นักวิชาการภูเก็ตชี้สาหร่ายบูมปลายแหลมสะพานหินยังไม่มีผลกระทบ แต่บ่งบอกถึงน้ำทะเลเริ่มมีปัญหาการปนเปื้อน และเกิดขึ้นทุกปีที่หาดป่าตอง ส่วนจะอันตรายหรือไม่ขึ้นอยู่กับชนิดสาหร่าย

    นายอุกกฤต สตภูมินทร์ นักวิชาการประมงชำนาญการพิเศษ สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน จ.ภูเก็ต เปิดเผยถึงการตรวจสอบปรากฏการณ์สาหร่ายบูม หรือสาหร่ายสะพรั่งที่ทะเลบริเวณปลายแหลมสะพานหิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ที่เกิดขึ้นตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา พบเป็นสาหร่ายสีเขียวชนิดหนึ่ง หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า สาหร่ายผักกาด มีสภาพที่งอกงามสมบูรณ์มากกว่าเดิม เนื่องจากขณะนั้นทะเลมีธาตุอาหารสูงและมีแสงที่เหมาะสม เมื่อสาหร่ายโตมากจะถูกซัดเข้าหาฝั่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเก็บสาหร่ายไปทำลายแล้ว ส่วนการบูมมีหลายสาเหตุทั้งเกิดจากน้ำเสียไหลลงทะเล และการเปิดหน้าดินเนื่องจากการพัฒนาเมือง ซึ่งในส่วนนี้มีการเปิดหน้าดินจำนวนมาก เมื่อฝนตกน้ำที่ไหลลงทะเลจะมีดินโคลนปนเปื้อน

    นายอุกกฤต กล่าวว่า การบูมของสาหร่ายปลายแหลมสะพานหินนั้น เป็นตัวบ่งชี้ได้อย่างหนึ่งว่าคุณภาพน้ำบริเวณดังกล่าวเริ่มมีปัญหา เพราะบริเวณสะพานหินนั้นเป็นจุดรองรับน้ำเสียจากชุมชน แม้จะมีระบบบำบัด แต่อาจมีน้ำเสียบางส่วนที่ไม่ได้เข้าสู่ระบบบำบัดเล็ดลอดมา ทำให้น้ำทะเลเปลี่ยนแปลง จากการตรวจวัดคุณภาพน้ำพบว่าออกซิเจนละลายน้ำต่ำ เริ่มมีกลิ่นเหม็น เป็นการบอกถึงสภาพน้ำเน่า

    อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้มีผลกระทบมากนัก แต่ถ้าไปเกิดตามแหล่งท่องเที่ยวชายหาดจะส่งผลกระทบได้ สำหรับจังหวัดภุูเก็ตจะเกิดสาหร่ายบูมเป็นประจำทุกปีบริเวณชายหาดป่าตองช่วงเดือน ธ.ค-ก.พ. ซึ่งเป็นช่วงแสงแดดดี ทำให้ชายหาดไม่สวยงาม และการสะพรั่งของสาหร่ายจะเปลี่ยนไปตามชนิดต่างๆ น้ำทะเลจะเปลี่ยนสีไปตามสีของสาหร่าย ส่วนจะเป็นอันตรายหรือไม่อยู่ที่ว่าหากเป็นสาหร่ายพิษ เมื่อสัตว์น้ำไปกินเป็นอาหารแล้วคนนำสัตว์น้ำมารับประทานอาจเป็นพิษได้ แต่เท่าที่พบสาหร่ายที่บูมเป็นสาหร่ายทั่วไป ไม่มีพิษ.-สำนักข่าวไทย

    2009-05-28 13:49:58

    อุตรดิตถ์ซ้อมแผนอพยพชาวบ้านพื้นที่เสี่ยงภัยดินโคลนถล่ม

    [​IMG]

    อุตรดิตถ์ 27 พ.ค. - นายธวัชชัย ฟักอังกูร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุตรดิตถ์ และองค์กการบริหารส่วนตำบล (อบต.) แม่พูล อ.ลับแล ร่วมกันซ้อมแผนอุทกภัยดินโคลนถล่ม ที่วัดศรีอุทุมภรณ์คณารักษ์ ต.แม่พูล อ.ลับแล เพื่อเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์และลดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

    เนื่องจาก ต.แม่พูล เป็นพื้นที่สีแดงอันดับหนึ่งของการเกิดภัยธรรมชาติดินโคลนถล่ม และเคยเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวมาแล้ว เมื่อเดือน พ.ค. 2549 สร้างความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สินประชาชน 2549 คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 2,000 ล้านบาท ล่าสุดมีประชาชนอาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยกว่า 1,000 ครอบครัว ใน 5 หมู่บ้าน และชาวบ้านยังคงมีความหวาดกลัว โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน การซ้อมแผนดังกล่าวมีการจำลองสถานการณ์เหมือนจริง เน้นการเรียนรู้วิธีการตรวจวัดปริมาณน้ำฝน การใช้อุปกรณ์เตือนภัย และอพยพประชาชนมาอยู่ในสถานที่ปลอดภัย

    นอกจากนี้ จังหวัดได้จัดสรรงบประมาณกว่า 1 ล้านบาท เพื่อให้ทุกอำเภอจัดซ้อมแผนในลักษณะดังกล่าว แม้จะไม่ใช่พื้นที่สีแดงก็ตาม ทั้งนี้ จังหวัดอุตรดิตถ์สำรวจพบพื้นที่เสี่ยงภัยดินโคลนถล่ม 213 หมู่บ้าน โดยอำเภอลับแลมีพื้นที่เสี่ยงภัยมากที่สุดถึง 65 หมู่บ้าน.- สำนักข่าวไทย

    2009-05-27 14:42:16

    ชาวบ้านอุดรฯ กินเห็ดพิษ อาเจียน-ท้องร่วง

    [​IMG]
    ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต

    อุดรธานี 26 พ.ค. - นพ.ประวิทย์ พัฒนสุกาญจน์กูล แพทย์รักษาโรคทั่วไป โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี เปิดเผยว่า ช่วงเช้าวันนี้ (26 พ.ค.) มีชาวบ้านชาย-หญิง 9 คน เดินทางมารักษาตัวที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี เนื่องจากรับประทานเห็ดพิษ มีอาการทางระบบทางเดินอาหาร อาเจียน ท้องร่วง

    จึงรักษาด้วยการให้น้ำเกลือและล้างพิษ และเฝ้าดูอาการระบบหายใจ และความดันโลหิต แต่เนื่องจากได้รับประทานเห็ดพิษไม่รุนแรง อาการจึงดีขึ้นภายใน 6 ชั่วโมง แต่ถ้าเป็นเห็ดพิษที่รุนแรง จะมีผลต่อระบบตับ ไต อาจทำให้ตับและไตวายได้ การล้างพิษจะทำให้มีปัญหาทางสมอง

    จึงขอเตือนชาวบ้านที่มักจะเก็บเห็ดมาทำอาหาร ถึงแม้ว่าจะเป็นเห็ดที่คุ้นเคย และกินเป็นประจำก็ตาม ควรจะนำเห็ดมาต้มให้สุก และทิ้งน้ำต้มเห็ดครั้งแรกออกก่อนนำมาปรุงอาหารรับประทาน ซึ่งเป็นการล้างพิษหรือเจือจางพิษเห็ดให้เหลือน้อยลง โชคดีที่คนไข้ทั้งหมดรับประทานเห็ดพิษไม่รุนแรง แพทย์จะให้นอนสังเกตอาการ 1 วัน ก่อนจะอนุญาตกลับบ้านได้. -สำนักข่าวไทย

    2009-05-26 17:39:11

    ยะลาพบภาพผู้ต้องสงสัยวางระเบิดป่วนเมือง

    [​IMG]

    ยะลา 27 พ.ค.- ตำรวจ สภ.เมืองยะลา เร่งขยายผลเหตุระเบิด-วางเพลิงป่วนหลายจุด พบภาพ 2 ผู้ต้องสงสัยจากกล้องวงจรปิดข้างโรงแรม ล่าสุดระเบิดป่วนอีกลูกในห้างดัง ไม่มีผู้บาดเจ็บ

    พ.ต.อ.เอกกฤต วิริยะภาพ ผกก.สภ.เมืองยะลา เปิดเผยถึงเหตุไม่สงบเกิดขึ้นหลายจุดในพื้นที่ตั้งแต่เวลา 04.00 น.วันนี้ ( 27 พ.ค.) ว่า จุดแรกที่ สภ.เมืองยะลา รับแจ้งเป็นเหตุเพลิงไหม้พร้อมกัน 4 แห่ง คือ โกดังศรีสมัย ถนนเฉลิมชัย โกดังศรีสมัย ถนนจารู ร้านอภิรักษ์เฟอร์นิเจอร์ ถนนเปรมจิต-สุรพันธ์ และโกดังร้านย่งฮวด ต.ท่าสาป เจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงไว้ได้ โดยร้านอภิรักษ์เฟอร์นิเจอร์และร้านย่งฮวดเสียหายทั้งหมด ส่วนโกดังศรีสมัย ทั้ง 2 แห่ง เสียหายเล็กน้อย เนื่องจากชาวบ้านช่วยกันดับเพลิงไว้ได้ สำหรับความเสียหายประเมินไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท และการตรวจสอบเบื้องต้นที่โกดังศรีสมัย ถนนจารู เจ้าหน้าที่พบขวดบรรจุน้ำมันใช้ขว้างใส่โกดัง แต่เพลิงไม่ลุก เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อตรวจสอบหาลายนิ้วมือแฝงของผู้ก่อเหตุ

    เวลาไล่เลี่ยกันมีระเบิดอีก 3 จุด คือ ป้ายหน้าบริษัทอีซูซุ ถนนเพชรเกษม เสียหายเล็กน้อย ริมถนนข้างโรงแรมยะลารามา ทำให้กระจกร้านอาหารแตก และรถยนต์ที่จอดอยู่เสียหาย 4 คัน รวมทั้งด้านข้างตู้เอทีเอ็ม ธนาคารกสิกรไทย สาขายะลา ทำให้กระจกของธนาคารเสียหาย ซึ่งทั้ง 3 แห่ง ไม่มีผู้บาดเจ็บ และคาดว่าเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่องน้ำหนักประมาณ 3-5 กิโลกรัม เพราะพบชิ้นส่วนกล่องเหล็กและวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบันทึกภาพเมื่อเวลา 03.30 น. บริเวณหน้าโรงแรมยะลารามา พบผู้ต้องสงสัย 2 คน ใช้รถจักรยานยนต์ ขับมาจอดก่อนที่คนซ้อนท้ายจะเดินไปพร้อมกระเป๋าสะพาย มาวางไว้ริมถนน จากนั้นเวลา 05.40 น. สภ.เมืองยะลา รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้เสาส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือของทรู หมู่ 4 ต.เป๊าะเส้ง อ.เมือง เสียหาย 1 แห่ง

    ล่าสุดเวลา 08.00 น. วันนี้ (27 พ.ค.) เกิดเหตุระเบิดขึ้นบริเวณชั้น 2 ของห้างซูเปอร์ ถนนรัฐคำนึง เขตเทศบาลนครยะลา ขณะที่พนักงานของห้างทยอยเดินทางมาทำงาน เพื่อเตรียมเปิดบริการ ทำให้พนักงานตกใจพากันวิ่งหนี เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ

    พ.ต.อ.เอกกฤต กล่าวว่า เหตุที่เกิดขึ้นนั้นผู้ไม่หวังดีพยายามจะสร้างความก่อกวน ประกอบกับขณะนี้ในพื้นที่เขตเทศบาลนครยะลาจัดงานสมโภชหลักเมืองและงานกาชาด จึงมีกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างเข้มงวด ทำให้ไม่สามารถก่อเหตุได้รุนแรง ส่วนพยานหลักฐานที่ได้จากกล้องวงจรปิดได้ให้ชุดสืบสวนไปขยายผลแล้ว อย่างไรก็ตาม ขอฝากถึงประชาชนช่วยกันสอดส่องดูแล หากพบความผิดปกติให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบทันที.-สำนักข่าวไทย

    2009-05-27 11:18:46

    ยะลาขยายผลเหตุระเบิดป่วนเมือง-ยิงปะทะ 2 ศพ

    [​IMG]

    ยะลา 28 พ.ค.- ผบช.ศปก.จชต.คาดผู้ก่อเหตุวางระเบิด-เผาหลายจุดเมื่อคืนก่อนเป็นกลุ่มเดียวกันวางแผนก่อนลงมือ เผยรู้ชื่อแล้ว 4 คน โดยเฉพาะตัวแกนนำ ส่วนเหตุปะทะที่ปะแตขยายผลรู้ชื่อ 2 ศพแล้ว เป็นคนในพื้นที่อยู่ในกลุ่มอาร์เคเค

    พล.ต.ต.พีระ พุ่มพิเชฎฐ์ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผบช.ศปก.จชต.) และชุดสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าพื้นที่ จ.ยะลา เช้าวันนี้ (28 พ.ค.) เพื่อติดตามสถานการณ์ความไม่สงบ หลังเกิดเหตุลอบวางระเบิดและวางเพลิงหลายจุดวานนี้ (27 พ.ค.) โดยกำชับเจ้าหน้าที่เร่งคลี่คลายคดีให้เร็วที่สุด และว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เบาะแสกลุ่มผู้ก่อเหตุแล้ว หลังตรวจสอบจากภาพกล้องวงจรปิด คาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มเดียวกันและวางแผนกันมาก่อน เพราะลงมือตั้งแต่เวลา 04.00-05.30 น. ในพื้นที่ย่านธุรกิจ ซึ่งจะต้องประสานกับฝ่ายทหาร ฝ่ายชุมชนในพื้นที่ เพื่อปรับแผนรับมือ สำหรับกลุ่มผู้ก่อเหตุนั้นเจ้าหน้าที่ทราบชื่อแล้วบางส่วน 4 ราย โดยเฉพาะระดับแกนนำ

    ส่วนเหตุปะทะกันระหว่างชุดตรวจค้นทหาร-ตำรวจ สภ.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา กับอีกฝ่ายไม่ทราบกลุ่มเมื่อคืนที่ผ่านมา ( 27 พ.ค.) ในพื้นที่ ม.4 บ้านอุเบง ต.ปะแต และเจ้าหน้าที่สามารถวิสามัญฯ ได้ 2 ราย พร้อมยึดอาวุธปืนเอชเคและปืนเอ็ม 16 รวมทั้งอุปกรณ์การประกอบระเบิดแสวงเครื่อง และเสบียงอาหารอีก 6 กระสอบ ล่าสุดทราบชื่อผู้เสียชีวิตทั้งสองแล้ว คือ นายสูคอนัย ลือบาน๊ะ อายุ 20 ปี กับนายอิบรอเฮม แวะหะยี อายุ 23 ปี เป็นคนในพื้นที่และเป็นแนวร่วมกลุ่มอาร์เคเค เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ ต.ปะแต

    พ.ต.อ.ภูมิเพ็ชร พิพัฒน์เพ็ชรภูมิ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา กล่าวว่า กลุ่มที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ตำบลปะแต ก็จะมีการรวมศูนย์สั่งการ ที่เชื่อมต่อกับเขตอำเภอยะหา อำเภอเมือง อำเภอกาบัง รอยต่ออำเภอสะบ้าย้อย จ.สงขลา มีการประสานงานก่อเหตุสนับสนุนรอยต่อเขตต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเห็นได้ว่าในช่วงเดือนที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ในเขตรอยต่อบ่อยครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม การทำงานของตำรวจภูธรจังหวัดยะลามีการทำงานร่วมกับฝ่ายทหารในพื้นที่ต่าง ๆ เป็นอย่างดี การทำงานในพื้นที่ทุกครั้งก็จะได้รับความร่วมมือจากผู้บัญชาการหน่วยเฉพาะกิจต่าง ๆ และฝ่ายปกครอง โดยเหตุการณ์นี้สามารถคุมผู้ต้องสงสัยในที่เกิดเหตุไว้ได้ 7 คน และอยู่ระหว่างการซักถามขยายผล.-สำนักข่าวไทย

    2009-05-28 11:47:16

    ยอดผู้ป่วยชิคุนกุนยาสงขลาพุ่งเกือบ 9,000 ราย

    [​IMG]

    สงขลา 27 พ.ค. - นพ.สุเทพ วัชรปิยานันทน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2552-27 พฤษภาคม 2552 สสจ.สงขลา ได้รับรายงานผู้ป่วยโรคไข้ปวดข้อยุงลายหรือชิคุนกุนยา (Chikungunya fever) จำนวนทั้งสิ้น 8,863 ราย

    มีผู้ป่วยกระจายในพื้นที่ 14 อำเภอ จากทั้งหมด 16 อำเภอของจังหวัด ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยเสียชีวิต และขณะนี้ยังพบผู้ป่วยต่อเนื่อง แม้ว่าจำนวนผู้ป่วยในเดือน พ.ค. ลดลงจากเดือน เม.ย. ร้อยละ 50 แล้ว แต่ สสจ.ยังคงเร่งจัดเจ้าหน้าที่ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นปฏิบัติการฉีดพ่นสารเคมีกำจัดยุงลายในจุดที่ยังคงมีการแพร่ระบาดของโรค โดยเฉพาะในพื้นที่ที่พบผู้ป่วยรายใหม่ พร้อมทำความเข้าใจกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดอัตราการระบาด

    นอกจากนี้ยังได้ขอความร่วมมือร้านขายยา คลินิก และโรงพยาบาลเอกชน ให้ช่วยเหลือผู้ป่วยชิคุนกุนยา ด้วยการคิดค่ารักษาพยาบาลอย่างเป็นธรรม และหากพบผู้ป่วยในพื้นที่ใด ขอให้รีบแจ้งให้สำนักงานสาธารณสุขอำเภอในพื้นที่ทันที เพื่อดำเนินการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโรคอย่างทันท่วงที. - สำนักข่าวไทย

    2009-05-27 14:02:11

    กาฬสินธุ์มีผู้ป่วยไข้เลือดออกถึง 167 คนแล้ว

    [​IMG]

    กาฬสินธุ์ 28 พ.ค. - เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ พร้อมฝ่ายสุขศึกษา ระดมเจ้าหน้าที่ออกรณรงค์ร่วมกันกำจัดลูกน้ำยุงลาย และพ่นหมอกควัน กำจัดยุงลาย เนื่องจากขณะนี้สภาพอากาศชื้น มียุงลายเป็นจำนวนมากเป็นพาหะ ทำให้ป่วยเป็นโรคไข้เลือดออก

    ข้อมูลล่าสุดที่จังหวัดกาฬสินธุ์ มีผู้ป่วยแล้ว 167 คน พบมากที่สุดที่อำเภอกุฉินารายณ์ และอำเภอคำม่วง หากประชาชนเป็นไข้ตัวร้อนในช่วงนี้ ควรไปพบแพทย์ทันที.-สำนักข่าวไทย

    2009-05-28 10:24:40

    ปล่อยเต่าตนุ-ลูกกุ้ง ลงทะเล เพิ่มปริมาณสัตว์น้ำ

    [​IMG]

    ประจวบคีรีขันธ์ 27 พ.ค. - นายจรูญศักดิ์ เพชรศรี หัวหน้าศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเล ภาคใต้ตอนบน จ.ชุมพร นำเจ้าหน้าที่ กลุ่มชาวประมงบ้านฝั่งแดง เยาวชน และกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ร่วมกันปล่อยลูกเต่าตนุอายุระหว่าง 8 เดือน-1 ปี จำนวน 20 ตัว

    ที่นำมาจากจากศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก และลูกกุ้งแชบ๊วยอีกจำนวน 200,000 ตัว ที่บริเวณชายหาดบ้านฝั่งแดง ต.ทรายทอง อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในวันนี้ (27 พ.ค.) เพื่อเพิ่มปริมาณสัตว์น้ำ และสร้างจิตสำนึกให้กับคนในชุมชน เยาวชน ให้เข้ามามีบทบาทในการจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำร่วมกัน โดยลูกเต่าตนุทั้งหมด เจ้าหน้าที่ฯ ได้ติดไมโครชิป พร้อมจดบันทึกลงรายละเอียดเกี่ยวกับที่มา และบริเวณที่ปล่อยเต่า เพื่อเก็บเป็นฐานข้องมูลเพื่อการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเต่าตนุต่อไป.- สำนักข่าวไทย

    2009-05-27 14:10:55

    ปลาเลี้ยงกระชังยโสธรตายเกลื่อนเสียหายนับ 10 ล้านบาท

    [​IMG]

    ยโสธร 27 พ.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชังตามลำน้ำยัง กว่า 100 ราย ในตำบลค้อเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร ว่า หลังจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้ปลาเลี้ยงที่เกษตรกรเตรียมจับขายลอยตายเกลื่อน เสียหายกว่า 10 ล้านบาท

    โดย นายนัฐพันธ์ จันทร์ดอนแดง อายุ 40 ปี หนึ่งในเกษตรกรที่เสียหาย หมู่ 5 ต.ค้อเหนือ ระบุว่า กระชังปลาทั้งหมด 30 กระชัง ประมาณ 45,000 ตัว เงินลงทุน 700,000 บาท ต้องขาดทุนไปโดยปริยายแค่เพียงวันเดียว และขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบดูแล

    ส่วนสาเหตุคาดว่า ฝนชะล้างสารเคมียาปราบศัตรูพืชไหลลงสู่ลำน้ำ หรือโรงงานแอบปล่อยน้ำเสีย ทำให้ลำน้ำยังขาดออกซิเจน จึงอยากให้เจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจวิเคราะห์ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง เพราะปลาที่ตายครั้งนี้มีจำนวนมากอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน.- สำนักข่าวไทย

    2009-05-27 18:18:40

    ที่มา http://news.mcot.net/local/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    หากระทู้ อจ ปริญญาไม่เจอ
    แม่นายมล ฝากมาโพสต์ว่า

    อจ ปริญญามีบรรยายที่ชั้น 10 เดอะทราวเวอร์เลอร์
    7 มิย นี้ เรื่อง
    "อีก 3 ปีโลกนี้จะมีภัย"


     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    “อีก 3 ปีโลกนี้จะมีภัย”

    [​IMG]
    อ.ปริญญา ตันสกุล

    เนื่องจากว่าโลกมีภัยพิบัติเกิดขึ้นทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นภัยธรรมชาติ แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ภัยจากเชื้อโรคร้าย รวมทั้งภัยจากนอกโลก เช่นอุกาบาต ชมรมจิตจักรวาลศึกษาแห่งโลกและชมรมผู้ประพฤติธรรมแห่งประเทศ ได้มีการจัดฝึกอบรมธรรมะภาคปฏิบัติ ด้วยวิธีการถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล โดยท่านอาจารย์ปริญญา ตันสกุล นักวิชาการสัมผัสพิเศษคนเดียวในประเทศไทย และเป็นผู้ที่บอกคลื่นสึนามิคนแรก ด้วยรหัส 11 : 11 รหัสหายนะโลก

    ด้วยเหตุนี้ชมรมจิตจักรวาลฯ ขอเชิญศาสนิกชนทุกท่านที่สนใจร่วมรับฟัง ตามวันเวลาในประกาศที่แนบมาโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น นอกจากนี้เราจะบอกอีกด้วยว่าอะไรจะเกิดขึ้นภายใน 3 ปีนี้ พร้อมกับการสอนธรรมะเพื่อเตรียมตัวและเตรียมจิตวิญญาณเผชิญกับสถานะการอันเลวร้ายนี้

    รายละเอียดการอบรมมีดังนี้

    ขอเชิญท่านผู้สนใจร่วมเข้าอบรมเพื่อการพัฒนาจิตปัญญา ครั้งที่ 152
    โดย อ.ปริญญา ตันสกุล นักวิชาการสัมผัสพิเศษคนเดียวในประเทศไทย และเป็นผู้ที่บอกคลื่นสึนามิคนแรก ด้วยรหัส 11 : 11 รหัสหายนะโลก

    เรื่อง “อีก 3 ปีโลกนี้จะมีภัย”

    วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน 2552 เวลา 13.00 – 18.00 น.
    ห้องเดอะสกาย โรงแรมเดอะแทรเวลเลอร์ ถ.รัชดาภิเษก

    สนใจลงทะเบียนเข้ารับการอบรมฟรีโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น โทร. 089 1052727 หรือ 02-5123176

    (สำนักพิมพ์จิตจักรวาลและชมรมจิตจักรวาลศึกษาแห่งโลก )

    ที่มา http://talk.mthai.com/topic/60152
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2009
  13. lnwSomphun

    lnwSomphun สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    สมาชิกใหม่รายงานตัว...ค่ะ อยากทราบรายละเอียดที่ อ.ปริญญา พูดไว้เกี่ยวกับ สัตว์ประหลาดที่มากับดาวหาง DeepInpact ค่ะ ใครรู้ข้อลิงค์ด้วยค่ะ ขอบคุณล่วงหน้า
    fishh_
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    สัตว์โลกในจักรวาลนี้มีโอกาสไปเกิดในจักวาลอื่นได้ไหม?

    [​IMG]

    ถาม - ถ้าเรามีโอกาสไปเกิดในจักวาลอื่นได้ อะไรคือตัวกำหนดคะ แค่เกิดข้ามทวีป(เกิดต่างดวงดาว) ในจักรวาลเดียวกันนี่ก็สงสัยอยู่แล้วค่ะ จักรวาลที่เราอยู่ก็มี ๔ ทวีปแล้ว ทำไมเราถึงได้มาเกิดในทวีปนี้(ชมภูทวีป)ล่ะคะ มนุษย์ในทวีปอื่นเขารู้จักทวีปเราไหมคะ เขาสงสัยแบบนี้อยู่เหมือนกันมั้ยคะ

    โดยคุณ sky noi 10/3/2008 12:50

    ตอบ - ในความคิดด้วยสติปัญญาอันน้อยนิดของผม ผมคิดว่าการที่จะพลัดหลงไปเกิดที่จักรวาลอื่นได้นั้น ช่วงเวลาและบุพกรรม เป็นตัวกำหนดครับ

    คำตอบของเรื่องนี้ อยู่ในธรรมเทศนา เรื่อง อบายภูมิ 4 ของพระอาจารย์ สมชาย ฐานะพุทโธ เสียดายผมไม่มีเทปธรรมะของท่านแล้วจึงไม่สามารถโหลดมาให้ฟังกันได้ ต้องขออภัยมา ณ.ที่นี้ด้วยครับ แต่พอเล่าให้ฟังได้คร่าวๆดังนี้ครับ

    ต้องท้าวความไปยังช่วงสิ้นกัป หรือช่วงที่โลกเริ่มถูกทำลายจากไฟบรรลัยกันต์ ความร้อนจากการทำลายนั้น รุนแรงถึงสวรรค์ชั้นพรหมในภพเบื้องบน ดังนั้นในช่วงสิ้นกัปนี้เหล่าเทวดาจะเร่งบำเพ็ญบารมีของตัวเอง เพื่อให้สามารถเลื่อนชั้นไปอยู่ชั้นพรหมได้ ซึ่งเป็นชั้นที่ความร้อนจากเพลิงบรรลัยกันต์นี้ไปไม่ถึง แล้วภพเบื้องล่างล่ะ อันนี้ไม่ต้องพูดถึง ขนาดสวรรค์ยังโดนแล้วนรกจะเหลือหรือจริงไหมครับ

    ความร้อนในนรกถูกความร้อนจากไฟบรรลัยกันต์เข้าเสริม ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น แม้แต่เจ้าหน้าที่หรือสัตว์นรกก็อยู่ไม่ได้ อ้าว! แล้วจะหนีได้ยังไงล่ะ จะทำบาปเพิ่มเพื่อให้ลงในขุมที่ลึกลงไปอย่างนั้นหรือ

    คำตอบคือ ภพเบื้องล่าง(นรก เปรต อสุรกาย รวมทั้งวิญญาณของคนและสัตว์ชนิดต่างๆ) จะถูกย้ายไปยังจักรวาลอื่น ที่ไฟบรรลัยกันต์สงบลงและเริ่มเย็นตัวลงแล้วครับ และเช่นเดียวกัน เมื่อจักรวาลที่เราอยู่เริ่มเย็นตัว นรกที่โดนลุกไหม้ในจักรวาลอื่นก็จะย้ายมาแทนที่ เป็นวงจรลูกโซ่ของจักรวาลเช่นนี้ไปเรื่อยๆ

    นี่คือที่มาของประโยคที่พูดว่า พลัดไปเกิดในจักรวาลอื่น ยังไงล่ะครับ เข้าข่ายที่ว่า โลกต้องการเฉพาะคนดีอยู่ คนไม่ดีโลกไม่ต้องการ ยังไงล่ะครับ

    ส่วนคำถามที่ว่า "มนุษย์ในทวีปอื่นเขารู้จักทวีปเราไหม เขาสงสัยแบบนี้อยู่เหมือนกันมั้ย" ผมขอถามคุณผู้ตั้งคำถามนี้สักนิดนะครับว่า สมมุติคุณเจ้าของกระทู้ ได้อยู่ในเมืองที่มีสภาพแวดล้อมที่ดีเป็นเมืองที่สวยงาม อุดมสมบูรณ์ อยากได้อะไรเพียงไปยืนที่ใต้ต้นไม้สักต้น แล้วนึกอธิฐานก็บังเกิดของสิ่งนั้นดังใจประสงค์ มีสิ่งอำนวยความสะดวกเหมือนอยู่บนสวรรค์ก็ไม่ปาน หากคุณเจ้าของคำถามนี้ มีชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ คุณจะยังมีใจไปสนในสถานที่อื่นอีกหรือครับ ฉันใดฉันนั้น

    ปัจจัยที่จะทำให้ไปเกิดในจักรวาลอื่น ก็ได้บอกไปแล้วนะครับ ว่าเป็นเพราะ กรรม สมดังพุทธภาษิตที่ว่า "กรรม ย่อมจำแนก(แบ่งแยก)หมู่สัตว์"

    ส่วนมนุษย์ในทวีปอื่น เขาจะรู้จักทวีปเราไหม ก็ต้องย้อนถามน้องไปว่า มนุษย์ในทวีปเรา รู้จักทวีปอื่นไหม คำตอบ พี่จะตอบแทนให้ว่า มนุษย์ในทวีปเรา ที่รู้จักทวีปอื่น ก็มีอยู่ และที่ไม่รู้จักทวีปอื่น ก็มีอยู่เช่นกัน ใช่มั้ยครับ ดังนั้น มนุษย์ในทวีปอื่น ก็มีทั้งประเภทที่รู้จัก และประเภทที่ไม่รู้จักทวีปเราครับ มันเป็นเรื่องปรกติ ลองสังเกตุง่ายๆ สิครับว่า เราเรียนกับเพื่อนๆ ในห้องเดียวกัน ครูสอนคนเดียวกันแท้ๆ แต่ยังรู้ไม่เท่ากันเลย ผลสอบออกมาก็ไม่เท่ากัน ลองไปสังเกตุสิครับ ว่าเพราะอะไร ดังนั้น เรื่องนี้ก็แบบเดียวกันนั่นแหละครับ

    เขาสงสัยแบบนี้อยู่เหมือนกันมั้ย คำตอบ ที่สงสัยก็มี ที่ไม่สงสัยก็มาก แต่ที่ไม่สงสัยนั้น ไม่ได้หมายความว่า วันนี้เขาไม่สงสัย แล้ววันหน้าเขาก็จะไม่สงสัยไปตลอดนะครับ มันอาจจะยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะสงสัยขึ้นมาก็ได้ เพราะตราบใดมีมนุษย์ และสรรพสัตว์ ยังมีอวิชชาอยู่ (ความไม่รู้จริง) เมื่อนั้น ความสงสัย ซึ่งเป็นหนึ่งในกิเลส จะไม่มีวันหมดไปจากใจของสรรพสัตว์ เพียงแต่ว่า ถึงเวลาสำแดงออกมาแล้วหรือยัง เท่านั้นแหละครับ

    สรุปแล้ว สถานที่ที่ต้องการคนดีอยู่จริงๆ ทั้งหมดไม่ใช่โลก แต่เป็น นิพพานน่ะครับ ส่วนชีวิตในโลก ก็เป็นอย่างที่น้องเข้าใจ คือ มีทั้งคนดี และคนไม่ดี ผสมผสานกันไป และยังเปลี่ยนแปรไปมาได้ บางคนชาตินี้เป็นคนดี แต่ชาติต่อไปกลายเป็นคนไม่ดีก็มี หรือ ตรงกันข้ามกันก็มาก

    จะหาอะไรแน่นอนในสังสารวัฏนี้ได้ยากยิ่งนัก ควรรีบเร่งบำเพ็ญเพียรให้หลุดพ้นเฉพาะตน หรือไม่ก็ชักชวนกันรื้อสัตว์ขนสัตว์เป็นหมู่คณะใหญ่ ดังเช่นที่หมู่คณะของเรากำลังทำอยู่ เพื่อให้ทุกชีวิต พ้นจากห้วงทุกข์ พบสุขแท้จริงไปด้วยกันตลอด


    โดยคุณ หัดฝัน 10/3/2008 14:54

    ที่มา http://www.dmc.tv/forum/index.php?showtopic=15397
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 070904B_02.jpg
      070904B_02.jpg
      ขนาดไฟล์:
      41.5 KB
      เปิดดู:
      2,150
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    [​IMG]

    [​IMG]

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->mead<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_824556", true); </SCRIPT> สมาชิก

    อันนี้โพสต์ไว้โดยคุณชยุต สิ่งที่ท่านเรียกว่า "Alient Crisis -11"

    อ.ปริญญา ตันสกุล ท่านว่า ความจริงมันถูกกำหนดให้มาที่โลก พร้อมการการมาชนของดาวหางหลังเกิดเหตุการ "56 วัน" (วันชำระโลก) ผ่านไปแล้ว เพื่อให้พวกมันมากินซากศพ มาเป็นผู้เก็บกวาดซากปรักหักพังที่จะมีมากบนโลก แต่ก็มีมนุษย์หัวใสชาติหนึ่ง ที่ส่งยานอวกาศลำหนึ่ง(เทมเพล 1) ไปยิงระเบิดใส่อุกาบาศก์หรือดาวหางลูกหนึ่ง ที่โคจรมาเฉียดๆโลก เมื่อหลายเดือนก่อน

    เพื่อศึกษาปรากฎการอะไรก็จำไม่ได้แล้ว ที่มีข่าวไปทั่วโลกนั่นแหละ ทำให้ตัวอ่อนของมันซึ่งอยู่ในแคปซูลที่เป็นเจลใสและถูกแช่แข็งอยู่ หลุดออกมาจากอุกาบาศก์ลูกนั้น แล้วตกลงมาในโลก เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 49 ที่ผ่านมา ที่มีข่าวชาวบ้านเจอวัตถุประหลาดเป็นเจลใสเหมือนเยลลี่นั่นแหละครับ แล้วพวกนักวิทยาศาสตร์ที่คิดว่าตัวเองฉลาดก็มาบอกว่ามันเป็นแค่"เจลลดไข้" เท่านั้นเอง อาจารย์ว่า เจลที่เห็นคือเจลที่หุ้มตัวมันอยู่ แต่ตัวมันเหลือรอดชีวิตอยู่ 12 ตัว ลงทะเลไปแล้วครับตอนนี้

    มันมีปีก หัวเหมือนแมงมุม ตอนเล็กๆมันก็จะกินสัตว์เล็กสัตว์น้อยในทะเล พอโตขึ้นๆก็จะกินสัตว์ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ อายุ 7 เดือนมันจะตัวโตเท่าลูกควาย ผมจำไม่ได้ว่ามันเริ่มสืบพันธุ์ตอนอายุเท่าไหร่ และจำไม่ได้ว่าอีกกี่เดือนที่ในทะเลและมหาสมุทรบนโลกเรานี้จะมีพวกมันอยู่เป็นแสนๆตัว ภายใน 3 ปี ปกติมันมีนิสัยชอบกัดชอบแทะอยู่แล้ว ดังนั้นพื้นดิน พื้นหินมันก็จะกัดกินไปทั่ว และตัวมันจะใหญ่มากๆครับ

    ปี 50 จะเริ่มหาปลาในทะเลได้น้อยลงอย่างชัดเจน เพราะมันกินไปหมด และเมื่ออะไรๆไม่มีให้มันกินแล้ว มันจะกินเรือทั้งลำครับ ฯลฯ ยังมีรายละเอียดอีกครับ แต่ผมทั้งจดและจำแต่ไม่ค่อยทัน รอลุ้นอีกเหตุการณ์ดีกว่า อ.ปริญญา ตันสกุล ท่านว่า"ภายในปลายปีนี้ จะมีเหตุการณ์อะไรดีๆให้เราได้เผชิญกันอีกแน่นอน"และก็รอดูเจ้า "Alient Crisis" นี่ดีกว่าครับ อีกแค่ปีหน้าเท่านั้นเองก็จะเห็นผลแล้วครับ คงได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับมันบ้างแหละครับ

    ลักษณะของ Alien Crysis 11 มีขาข้างละ 6 ขา รวม 2 ข้าง เป็น 12 ขา แต่ละขามีหนามแหลมคมล้อมรอบ มีโหนกแหลมคมบนหลัง มีหางพับเก็บได้ หายใจด้วยครีบที่อยู่ใต้ท้องทั้ง 2 ข้าง มีเขี้ยวบนล่างอันแข็งแกร่ง บนหลังมีแต้มอยู่ 11 ขีด โตเต็มที่ 1 ปี 7 เดือน สามารถขยายลุกหลานโดยไม่ต้องผสมพันธ์ ออกไข่ทีละร้อยๆฟอง เป็นสัตว์ที่เคลื่อนที่เร็ว อาศัยเป็นกลุ่มๆ มีความดุร้ายมาก

    มนุษย์ที่อยู่ตามชายฝั่งทะเลเนื้อจะเน่าเองโดยไม่ทราบสาเหตุ เพราะถูกน้ำลายเจ้าสัตว์ร้าย Aliens Crisis 11 (ตามคัมภีร์ไบเบิ้ล) มนุษย์จะจับสัตว์ทะเลไม่ได้เหมือนก่อน อาหารแพงขึ้น ทำให้คนจนลำบากยิ่งขึ้น เรือจะหาย(ถูกกิน) มันจะกินได้ทุกอย่างที่ขวางหน้า กินได้แม้กระทั่งปลาวาฬ


    อาจารย์ปริญญา ตันสกุล บอกว่า ไม่ต้องเชื่อเรื่องเหล่านี้ในตอนนี้ แต่ให้ติดตามดูเหตุการณ์ต่อไป เพราะบอกไปก็เหมือนเรื่องเหลวไหลเกินจะมีใครเชื่อได้ หน้าที่ของอาจารย์มีสามอย่าง

    -แจ้งข่าวสารการชำระโลก
    -ช่วยสร้างสติทางวิญญาณด้วยความรู้
    -ช่วยสร้างปณิธานแห่งนิพพานกับรูปธรรมมนุษย์<!-- google_ad_section_end -->

    -------------------------------------------------------------------------

    นอกจากนี้ หลวงปู่เครา ท่านยังบอกว่าเรื่องตัวประหลาดใต้ทะเลมีอยู่จริง..ตาสีแดงตัวเท่าควาย กำลังขยายพันธุ์อยู่ใต้ทะเล พวกนี้จะทำให้เรือประมงเสียหายจาการพุ่งชน และจะทำให้เกิดคลื่นยักษ์ใต้ทะเลด้วย..พอท่านรู้ว่า อ.ปริญญา ก็เคยบอกไว้เหมือนกัน ท่านก็บอกว่ากลุ่มนี้ใช้ได้ทีเดียวที่รู้เรื่องนี้...แต่ท่านเรียกเจ้าตัวนี้ว่า "อสูรใต้น้ำ" ก็คือเจ้า Alien crisis 11 ที่ อ.ปริญญา เคยกล่าวไว้ครับ ถ้าต้องไปทะเลลึกๆ ต้องระวังเป็นพิเศษ ดูเหมือนมีมูลความจริงปรากฎชัดขึ้นแม้จะดูเหลือเชื่อก็ตาม<!-- google_ad_section_end -->

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->mead<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_824556", true); </SCRIPT> 21-11-2007, 07:18 AM

    ------------------------------------------------------------------------
    ที่มาhttp://palungjit.org/threads/ข่าวสารจากจิตจักรวาล.66981/page-8
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2009
  16. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    [FONT=Tahoma,]คำพยากรณ์อวสานของโลก

    โดย วสิษฐ เดชกุญชร



    วัน หนึ่งๆ มีผู้ส่งข้อความ เรื่องและหรือภาพมาให้ผมอ่านและชมทางอินเตอร์เน็ตหลายราย บ้างก็ชวนให้ขบขันและคลายเครียด บ้างก็มีประโยชน์ให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพอนามัย

    แต่รายหนึ่งที่ส่งมาเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว อ่านแล้วอาจจะทำให้เป็นทุกข์มาก

    เพราะ เรื่องที่ส่งมานี้เป็นเรื่องอวสานของโลก ซึ่งผู้ส่งอ้างอิงจากหลายแหล่งว่าตรงกันว่า โลกจะประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งใหญ่ถึงขั้นแตกทำลาย ในวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ.2555

    ผู้ส่งข้อความอ้างว่า มีประกาศขององค์การ NASA (National Aeronautics and Space Administration คือองค์การอวกาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา) ว่า ในวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ.2555 นั้น แกนของโลกจะพลิกกลับ ขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้จะสับตำแหน่งกัน ในช่วงเวลานั้น โลกจะไม่มีสนามพลังแม่เหล็กที่จะป้องกันตัวเองจากพลังแม่เหล็ก และรังสีต่างๆ ที่มาจากอวกาศ และวันนั้น ดวงอาทิตย์ก็จะพลิกกลับขั้วเช่นเดียวกัน ผู้ส่งข้อความอ้างองค์การ NASA อีกว่า ดวงอาทิตย์พลิกกลับขั้วทุกๆ 11 ปี ปีล่าสุดคือปี พ.ศ.2544 วันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ.2555 ก็จะครบรอบ 11 ปีพอดี ขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังพลิกกลับขั้วนั้น ดวงอาทิตย์จะแผ่สนามแม่เหล็ก และรังสีความร้อนสูงมายังโลก ซึ่งเป็นเวลาที่โลกกำลังไร้สนามแม่เหล็กป้องกัน ผลก็คือ น้ำแข็งขั้วโลกจะละลายยลงอย่างฉับพลัน และน้ำจะท่วมโลกทันที ไม่มีใครหนีได้ทัน

    แค่นั้นยังไม่พอ ผู้ส่งข้อความนี้อ้างต่อไปด้วยว่า ปฏิทินที่ชนเผ่ามายาแห่งอเมริกากลางใช้มาตั้งแต่ 1,000 ปีมาแล้ว ก็คำนวณวันสุดท้ายของปฏิทินเอาไว้ที่วันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ.2555 และชนเผ่ามายาบอกไว้ด้วยว่า วันนั้นจะเป็นวันถึงที่สุดของโลก

    ผู้ส่ง ข้อความอ้างต่อไปด้วยว่า ทั้งประกาศขององค์การ NASA และคำพยากรณ์ปฏิทินของชนเผ่ามายา ยังพ้องกันอย่างประหลาดกับคำพยากรณ์ของนายกอร์ดอน ไมเคิล สแกลเลียน (Gordon-Michael Scallion) ซึ่งเป็นผู้มีความสามารถพิเศษ พยากรณ์อนาคตได้แม่นยำ นายสแกล เลียนทำนายว่า น้ำกำลังจะท่วมโลก หลายประเทศจะหายไปจากแผนที่ ประเทศที่เป็นเกาะจะจมน้ำทั้งหมด ประชากรโลกจะรอดตายเพียงร้อยละ 10 เท่านั้น เขาบอกว่าความวิบัติจะเกิดขึ้นในช่วงปี 2541-2555 ก่อนหน้านั้นเมื่อปี 2521 นายสแกลเลียนได้เขียนแผนที่โลกใหม่ แสดงโลกหลังน้ำท่วมครั้งใหญ่ ในแผนที่นั้น ปรากฏว่าประเทศไทยเหลือเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น

    เรื่อง นี้ "หลวงปู่" ก็มีบทบาทกับเขาเหมือนกันนะครับ ผู้ส่งข้อความอ้างว่า หลวงปู่ "สรวง ออยเตียนสรูล" (ฟังนามสกุลหรือฉายาคล้ายจะเป็นเขมร) บอกไว้ว่า พ.ศ.2550-2555 นาค (ไม่บอกว่าตัวไหน) เอาหางกวาดน้ำให้โลกมาได้ครึ่งหนึ่งแล้ว และกำลังจะกวาดน้ำขึ้นมาล้างทั้งโลก คราวนี้ จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ คนไม่ดีไม่มีศีลธรรม จะล้มตายมาก ส่วนคนดีมีศีลธรรม จะอยู่รอดปลอดภัย

    ผม ไม่มีเวลาจะตรวจสอบสิ่งที่ผู้ส่งข้อความอ้างที่มาว่าถูกต้องหรือไม่ แต่เข้าใจว่าคงมีผู้ที่ได้อ่านเรื่องอวสานโลกฉบับเดียวกับที่ผมได้รับนี้ หลายคน และผมกลัวว่า อาจจจะมีบางคนหรือหลายคนลงมือลงทุน ต่อเรือและตุนสรรพวัสดุอุปกรณ์เอาไว้แล้ว สำหรับให้ตนเองและลูกหลานใช้เมื่อน้ำท่วมโลกในวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ.2555

    มี ใครคิดบ้างแล้วหรือยังว่า จะมีหรือไม่มีคำพยากรณ์อะไรของใคร และในวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ.2555 จะเกิดน้ำท่วมโลกจนคนจมน้ำตายเหลือเพียงร้อยละ 10 หรือไม่ คนทุกคนก็จะต้องตายด้วยกันอยู่แล้ว และไม่มีใครรู้ว่าตัวเองจะตายเมื่อไหร่ ตายที่ไหน หรือตายอย่างไร?

    เรา ควรจะเตรียมตัวเผชิญกับวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ.2555 ที่จะมาถึงอีกกว่าสามปีข้างหน้า หรือควรจะเตรียมตัวเผชิญกับความตายที่อาจจะมาถึงในปีหน้า หรือเดือนหน้า หรือสัปดาห์หน้า หรือพรุ่งนี้ หรือวันนี้ หรือเดี๋ยวนี้?

    ก่อนเสด็จ ดับขันธ์สู่ปรินิพพาน (ตาย) เมื่อประมาณ 2552 ปีมาแล้ว สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสปัจฉิมโอวาท (โอวาทสุดท้าย) กับสาวกที่เฝ้าอยู่ว่า "ภิกษุทั้งหลาย! บัดนี้เราขอเตือนพวกท่านให้รู้ว่า สิ่งทั้งหลายที่เกิดมาในโลกมีความเสื่อมสลายเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงทำหน้าที่อันเป็นประโยชน์แก่ตนและคนอื่นให้สำเร็จบริบูรณ์ ด้วยความไม่ประมาทเถิด"

    ปัจฉิมโอวาทนั้น เป็นคำสอนการเตรียมตัวเผชิญกับความตายที่สมบูรณ์ที่สุด ใช้ได้กับความตายที่จะมาถึงทุกขณะทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นเมื่อใด วันนี้ หรือในวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ.2555

    ทรงเตือนว่าทุกสิ่ง (รวมทั้งโลกด้วย) มีความเสื่อมสลายเป็นธรรมดา ไม่มีอะไรถาวรหรือยั่งยืน และสิ่งที่เราควรจะทำให้เสร็จบริบูรณ์ก่อนตายนั้น คือทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ทั้งแก่ตนและแก่ผู้อื่น และทำก็ให้ทำด้วยความไม่ประมาท

    คำว่า "ประมาท" นั้นแปลว่าเลินเล่อ เผลอ ขาดสติ หรือปล่อยปละละเลย ฉะนั้น ความไม่ประมาทจึงหมายถึงความไม่เลินเล่อ ไม่เผลอ ไม่ขาดสติ แต่มีสติรอบคอบ ไม่ปล่อยปละละเลย ระวังไม่ทำอะไรที่เป็นเหตุแห่งความผิดพลาดเสียหาย และเมื่อมีโอกาสจะทำความดีก็ไม่มัวผัดมัวคอย หรือละเลยโอกาสนั้น

    ผม เกือบลืมบอกว่า ผู้ส่งเรื่องอวสานโลกมาให้ผมนั้นเองได้ปรารภไว้ด้วยว่า "เวลาที่เหลืออีกแค่ 3 ปี เหล่ามนุษย์มัวทำอะไรกันอยู่นะ ควรเร่ง ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา กันนะคะ จะหมดเวลาทำแล้วค่ะ เลิกห่วงทรัพย์สมบัติ ทรัพย์สิน เงินทอง รถยนต์ บ้าน มือถือ ฯลฯ ได้แล้วค่ะ เพราะตายไปก็เอาไปไม่ได้ เอาไปได้แค่ บุญ-บาป เท่านั้นเอง"

    เป็นคำ ปรารภหรือคำเตือนที่สอดคล้องที่สุดกับปัจฉิมโอวาทหรือคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นคำเตือนที่คนกลัวตายทั้งหลายควรปฏิบัติตาม และควรปฏิบัติเดี๋ยวนี้ ไม่ใช่รอไปทำเอาพรุ่งนี้ หรือสัปดาห์หน้า หรือเดือนหน้า หรือในวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ.2555

    สำหรับบางคน เดี๋ยวนี้ก็อาจจะช้าไปแล้วนะครับ


    ที่มา ˹ѧ
     
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>แผ่นดินไหวทำฮอนดูรัสต้องปิดท่าเรือสำคัญ-ยอดตายเพิ่มเป็น 5 ศพ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>29 พฤษภาคม 2552 03:14 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>
    ถนนเลนหนึ่งของสะพานในเมืองแห่งหนึ่งของฮอนดูรัสถึงกับขาดจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง


    เอเจนซี/เอเอฟพี - ฮอนดูรัสจะปิดท่าเรือเปอร์โต คอร์เตส ซึ่งเป็นท่าเรือสำคัญใช้ส่งออกสินค้าถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของการส่งออกทั้งหมดของประเทศ ตามหลังเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อวันพฤหัสบดี (28) ที่ล่าสุดพบผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 5 ราย

    “มีความเสียหายเกิดขึ้นกับกลไกและอุปกรณ์” โรแบร์โต บาบัม หัวหน้าการท่าเรือของฮอนดูรัสบอกกับสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น ทั้งนี้เปอร์โต คอร์เตส เป็นเมืองท่าที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในประเืทศ โดยเป็นศูนย์กลางรับส่งสินค้าทั้งกล้วย กาแฟ มะพร้าวและไม้เนื้อแข็ง

    ด้าน โฮเซ อังเคล ซาเวดรา บริษัทผู้ผลิตกาแฟและสมาชิกของกลุ่มIHCAFE กล่าวว่าไม่มีสัญญาณแห่งความเสียหายของฟาร์มกาแฟในฮอนดูรัส จากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงครั้งที่ผ่านมา

    แผ่นดินไหววัดความรุนแรงได้ 7.1 ริกเตอร์ เขย่านอกชายฝั่งทางเหนือฮอนดูรัสเมื่อวันพฤหัสบดี (28) พบผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 5 ราย บาดเจ็บ 13 คน บ้านเรือนหลายหลังพังถล่มลงมาและยังสร้างความเสียหายขยายวงกว้างไปถึงกัวเตมาลา ชาติเพื่อนเลยบ้านทีเดียว

    ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่คาดหมายว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจะสูงขึ้นกว่านี้เมื่อได้รับรายงานจากพื้นที่แถบภูเขารอบชายฝั่ง

    แผ่นดินไหวสร้างความเสียหายแก่อาคารที่ตั้งอยู่รอบๆ เชิงเขาทางตอนเหนือของฮอนดูรัส ประเทศยากจนที่มีประชากร 7 ล้านคน และได้จุดชนวนให้มีคำเตือนสึนามิบริเวณฝั่งทะเลแคริบเบียนของอเมริกากลาง แต่ภายหลังถูกยกเลิกไป

    เด็ก 4 คนอายุระหว่าง 3 ถึง 15 ปี จากถูกบ้านถล่มทับหลังเกิดแผ่นดินไหวขึ้นในเวลา 02.24 น.ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับเมืองไทย 15.24 น.) มีศูนย์กลางที่เกาะรัวทัน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของฮอนดูรัส ซึ่งเป็นแหล่งดำน้ำลึกอันขึ้นชื่อ โดยมีจุดศูนย์กลางลึกลงไปจากพื้นดิน 10 กิโลเมตร

    “พวกเขากำลังหลับใหล ทั้งหมดเสียชีวิตเพราะถูกทับ” รันดอลโฟ ฟูเนส เจ้าหน้าที่ระดับสูงของศูนย์ปกป้องพลเรือนของฮอนดูรัสกล่าว “อาจจะมีผู้เสียชีวิตมากกว่านี้”

    ในเมืองรัวทัน เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยกล่าวว่า แผ่นดินไหวทำให้ไฟดับและสร้างความเสียหายแก่ตัวอาคารเล็กน้อย ประชาชนหนีตายออกจากบ้านพักและได้รับคำเตือนให้อยู่ห่างชายฝั่ง

    ที่เมืองซานตาบาร์บารา ทางตะวันตกเฉียงเหนือของฮอนดูรัส มีรายงานว่า บ้านจำนวนหนึ่งพังถล่มลงมา ขณะที่ผู้คนวิ่งออกมาตามท้องถนน กระแสไฟฟ้าดับในบางพื้นที่

    นอกจากในฮอนดูรัสแล้ว แผ่นดินไหวยังทำให้ไฟฟ้าดับใน 2 เมืองทางตะวันออกของประเทศกัวเตมาลาและมีอีกเมืองที่อยู่ในพื้นที่เดียวกันถูกตัดขาดเนื่องจากถนนได้รับความเสียหาย

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9520000060239
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2009
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ชาวบ้านพัทลุงผวาพบผู้เสียชีวิตป่วยชิคุนกุนยา แพทย์ยังระบุสาเหตุไม่ได้</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>29 พฤษภาคม 2552 11:56 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    พัทลุง – สถานการณ์โรคชิคุนกุนยาในจังหวัดพัทลุงน่าเป็นห่วง ล่าสุดพบผู้ป่วยต้องสงสัยเสียชีวิต 1 ราย โดยญาติเผยป่วย 7 วันดื่มน้ำก่อนช็อกหมดสติ แพทย์ยังไม่ระบุสาเหตุการตายที่แน่ชัด

    วันนี้ (29 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคชิคุนกุนยาในพื้นที่จังหวัดพัทลุง อาการยังน่าเป็นห่วง ล่าสุดพบผู้ป่วยต้องสงสัยเสียชีวิตเป็นเพศหญิงวัย 40 ปี หนึ่งราย โดยทราบชื่อ คือนางรอพิหย๊ะ สุรเจียร อายุ 40 ปี อาชีพทำสวนยางพารา อยู่บ้านด่านโลด หมู่ 3 ต.แม่ขรี อ.ตะโหมด จ.พัทลุง โดยเสียชีวิตเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา

    นายสุชาติ สาเหล็ม ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 ต.แม่ขรี ญาติผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า นางรอพิหย๊ะ ได้ป่วยเป็นไข้ชิคุนกุนยา รักษาตัวอยู่ที่บ้าน โดยการทานยาเขียวใหญ่ผสมน้ำมะพร้าว และยาจากสถานีอนามัยบ้านด่านโลด มาประมาณ 4 วัน แต่อาการไม่ดีขึ้น ตามลำตัวมีผื่นแดงขึ้น และมีอาการอ่อนเพลีย ปวดข้อ และขณะที่ดื่มน้ำเกิดอาการช็อค ญาติได้นำตัวส่ง โรงพยาบาลตะโหมด รักษาตัว 1 วัน อาการยังหนัก แพทย์จึงได้ส่งตัวรักษาต่อที่โรงพยาบาลพัทลุง 3 วัน จนกระทั่งเสียชีวิตดังกล่าว

    นายสุชาติยังกล่าวอีกว่า จนถึงขณะนี้แพทย์ยังไม่ระบุสาเหตุการตายที่แน่ชัด แต่ตนและญาติเชื่อว่าป่วยเสียชีวิตด้วยโรคชิคุนกุนยาอย่างแน่นอน เพราะผู้ตายไม่มีโรคอื่นแทรกซ้อน และขณะนี้ในหมู่บ้านยังมีผู้ป่วยด้วยโรคดังกล่าวนับพันคน บางรายยังนอนลุกไม่ขึ้น ไปหาหมอก็ได้แค่ยาพาราเซตามอล และหลังจากที่มีผู้เสียชีวิตไปทำให้ชาวบ้านที่ป่วยเริ่มผวาหวั่นเกรงจะได้รับอันตรายถึงชีวิต

    ขณะเดียวกัน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพัทลุงกำลังเร่งเดินหน้าฉีดพ่นหมอกควันทุกหมู่บ้านเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด พร้อมเร่งสำรวจข้อมูลผู้เจ็บป่วยทั้งหมด โดนการคาดการในเบื้อง มีผู้ป่วยด้วยโรคดังกล่าวแล้วกว่า 7,500 คน และอำเภอที่พบมากที่สุด คือ อำเภอตะโหมด อ.กงหรา อ.ป่าบอน ศรีนครินทร์ ศรีบรรพต ที่มีพื้นที่ติดป่าเทือกเขาบรรทัด

    ที่มา http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000060308

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ไข้เลือดออกระบาดหนักทั่วประเทศ เผย 1 สัปดาห์ป่วยอีก 1,500 ราย</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>29 พฤษภาคม 2552 11:06 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข

    “มานิต” เผยยอดผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกเพิ่มสูงขึ้น ระยะเวลา 1 สัปดาห์พบผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น 1,543 ราย แนะจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประชาชนทุกครัวเรือน ต้องทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ตัดโอกาสลูกน้ำโตเป็นยุงทุก 7 วันอย่างต่อเนื่อง พร้อมเพรียงกันทุกพื้นที่

    วันนี้ (29 พ.ค.) นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เดินทางไปมอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่อำเภอเขาค้อ อำเภอเมือง อำเภอหล่มเก่า อำเภอน้ำหนาว และอำเภอหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เพื่อควบคุมโรคติดต่อในพื้นทื่

    นายมานิตกล่าวว่า ขณะนี้มีงานด่วนที่ต้องอาศัยกำลัง อสม.ช่วยในการเผยแพร่ความรู้ เพื่อลดความตื่นตระหนกของประชาชนหลายโรค ทั้งโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่ระบาดในต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการแพร่ระบาดในประเทศไทย โรคไข้เลือดออก โรคไข้ปวดข้อยุงลายหรือโรคชิคุนกุนยา (Chikungunya Fever) โดยเฉพาะโรคไข้เลือดออก ที่เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ เนื่องจากมีจำนวนผู้ป่วยสูงขึ้นมาโดยตลอด รัฐบาลต้องสูญเสียงบประมาณในการป้องกันโรคจำนวนมาก ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกขณะนี้มีทุกวัย หากได้รับการวินิจฉัยไม่ถูกต้อง รักษาไม่ทัน อาจทำให้เสียชีวิตได้ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้เฝ้าระวังการระบาดของโรคไข้เลือดออกอย่างใกล้ชิด

    สถานการณ์โรคไข้เลือดออกปีนี้ ตั้งแต่เดือนมกราคม – 23 พฤษภาคม 2552 มีผู้ป่วยทั่วประเทศ 11,094 ราย เสียชีวิต 12 ราย เมื่อเปรียบเทียบในกลุ่มประชากรทุก 1 แสนคน จะมีคนป่วยไข้เลือดออกเกือบ 18 คน เมื่อแยกพื้นที่การระบาดพบว่า ภาคกลางพบผู้ป่วยมากที่สุด 4,900 ราย เสียชีวิต 7 ราย รองลงมาคือภาคใต้ พบผู้ป่วย 3,211 ราย เสียชีวิต 3 ราย ภาคเหนือพบผู้ป่วย 1,688 ราย เสียชีวิต 2 ราย และภาคอีสานพบผู้ป่วย 1,295 ราย ไม่มีเสียชีวิต โดยในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้มีผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นสัปดาห์ละ 1,543 ราย

    นายมานิตกล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก ยังไม่สามารถลดได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากการกำจัดยุงลายให้หมดไปเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เพราะประเทศไทยอยู่ในเขตร้อนชื้น ยุงเจริญเติบโตได้ดี และขณะนี้อยู่ในฤดูฝน เป็นฤดูกาลระบาดของโรค วิธีการกำจัดยุงลายที่สะดวกและให้ผลดีที่สุด คือ การทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย ทั้งในโรงเรียน บ้านและในชุมชนทุก 7 วัน เพื่อตัดโอกาสลูกน้ำโตเป็นยุง ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานทุกฝ่าย ทั้งกระทรวงสาธารณสุข จังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประชาชนทุกครัวเรือน ต้องดำเนินการอย่างจริงจัง ต่อเนื่อง พร้อมเพรียงกันทุกพื้นที่ โดยมอบนโยบายให้อสม. ทั่วประเทศเป็นผู้นำในการรณรงค์ให้ประชาชนในพื้นที่ ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายทุก 7 วัน

    ทางด้าน นายแพทย์สมชัย นิจพานิช รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกที่พบกว่า ร้อยละ 85 ถูกยุงลายที่อยู่ในบ้านกัด หากคนในบ้านป่วยเป็นโรคไข้เลือดออก และถูกยุงลายกัด ก็มีโอกาสทำให้คนอื่นๆ ป่วยได้เช่นกัน โดยหลังรับเชื้อประมาณ 5-8 วัน จะเกิดอาการป่วย สัญญาณเฉพาะของโรคนี้คือมีไข้สูงเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน และไข้สูงติดต่อกัน 2-7 วัน เช็ดตัวหรือกินยาลดไข้แล้วไข้ไม่ลดลง มักจะไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก ในเด็กโตอาจบ่นปวดศีรษะ ปวดรอบกระบอกตา และมีคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร หน้าแดง อาจพบจุดเลือดที่ผิวหนัง ขอให้นึกถึงโรคไข้เลือดออก ให้รีบพาไปพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง

    ที่มา http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000060295
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2009
  19. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    ปฏิทินมายา


    [​IMG]

    วันสุดท้ายของปฏิทินของชาวมายา ว่ากันที่ตัวปฏิทินก่อนว่าทำไมมันจึงสำคัญและมีคนสนใจมันมากนัก...

    ชาวมายา ผู้อาศัยอยู่ในดินแดนยูคาทาน ในเม็กซิโกและกัวเตมาลาในราวศตวรรษที่ 3-16 ก่อนคริสตกาล นับเป็นอีกชนชาติหนึ่งที่มีความก้าวหน้าล้ำยุคจนนักวิชาการต่างๆ พากันส่ายหน้าปวดหัวด้วยความแปลกใจเป็นอันมาก
    กล่าวคือ ชาวมายามีความเป็นเลิศทางด้านการคำนวณและดาราศาสตร์


    สิ่งที่ชาวมายาคิดค้นได้ก็คือ ปฏิทินและการคำนวณบางประการที่ไม่น่าเชื่อว่า ชนเผ่าโบราณอันลึกลับนี้ จะสามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์สมัยใหม่อย่าพวกเราเข้าไปช่วยแม้แต่น้อย ปฏิทินของชาวมายาใช้ในระยะวงโคจร 5000 ปี และวงโคจรที่ใกล้กับปัจจุบันมากที่สุด จะจบลงในวันที่ 24 ธันวาคม ปี พ.ศ.2554 (ซึ่งตามความเชื่อของชาวมายาก็คือ พระเจ้า ของพวกเขาจะเสด็จกลับลงมายังโลกนี้อีกครั้ง ก่อนพูดถึงเรื่องอื่นต่อไป อยากให้ทุกคนทำความเข้าใจกับระบบตัวเลขและแนวคิดของชาวมายากันนิดนึงก่อน เริ่มกันที่เลข 20 อันเป็นเลขที่ชาวมายาเค้าถือกันว่าเป็นเลขศักดิ์สิทธิ์ คนโบราณพวกนี้มีแนวคิดทางตัวเลขที่น่าสนใจมาก กล่าวคือ มนุษย์ในปัจจุบันนิยมใช้เลขฐานสิบเป็นหลัก โดยยืนพื้นอยู่บนนิ้วมือทั้งสิบ แต่ชาวมายากลับแตกต่างกันไปเพราะพวกเขารวมนิ้วเท้าอีกสิบเข้าไปด้วยเป็นเลข ฐาน 20 พอดิบพอดี ลองมาดูสัญลักษณ์ของชาวมายาที่นับจาก 0-20 กันดีไหม? เลขศูนย์ถูกแทนด้วยสัญลักษณ์วงกลม เลขหนึ่งด้วยหนึ่งจุด เลขสองแทนด้วยจุดตามแนวนอน เลขสามด้วยจุดสามจุด เลขห้าแทนด้วยเส้นแนวขวาง เลขหกแทนด้วยจุดหนึ่งจุดเหนือเส้นแนวขวางและเป็นแบบนั้นไปตามลำดับ เลขสิบเก้าแทนด้วยจุดสี่เหลี่ยมเหนือเส้นแนวขวางสามเส้นที่ซ้อนกันขึ้นไป เลขยี่สิบแทนด้วยสัญลักษณ์คล้ายวงกลมที่มีจุดจุดหนึ่งอยู่ด้านบน

    [​IMG]

    ความสัมพันธ์อีกประการของปฏิทินของชาวมายาก็คือ หนึ่งอุยนัลหรือเดือนของพวกเขามีอยู่ 20 คิน หรือ 20วัน :)

    อาณาจักรมายาเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่มาแต่ครั้งโบราณ ปัจจุบันอยู่ในพื้นที่ประเทศกัวเตมาลา ครั้งหนึ่งอาณาจักรนี้เคยคึกคักรุ่งเรืองเป็นที่สุด เมืองใหญ่ๆเช่น ติกัลหรือพาเลงกอมีประชากรร่วมแสน เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้เรื่องคณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์ และเป็นเมืองที่มีอิทธิพลทางการค้าเป็นอย่างมาก แต่ด้วยเหตุผลกลใดหาใครทราบ เมืองยุคแรกของชาวมายาเช่นติกัลก็ได้เริ่มเสื่อมสลายทีละน้อยในช่วง ค.ศ. 200-900 นักโบราณคดีรู้สึก ประหลาดใจมากกับหลักฐานที่ว่า ด้วยเหตุผลบางประการชาวมายาได้ละทิ้งเมืองอันรุ่งเรืองของพวกเขาในช่วงเวลา นั้น หยุดชะงักอารยธรรมที่กำลังเติบโตทั้งหลายทั้งมวลคล้ายๆกับว่าจู่ๆพวกเขาหมด กำลังใจในชีวิตกันไปแล้ว

    บางคนอาจนึกถึงการเข้ามาของชาวยุโรปว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้อารยธรรมมายาล่ม สลายไป มันไม่ใช่อย่างนั้นน่ะ เพราะชาวยุโรปเข้ามายังโลกใหม่เมื่อราวๆศตวรรษที่ 17 ตอนนั้นอารยธรรมมายาเสื่อมสลายลงเกือบหมดแล้วเหลือเพียงชนพื้นเมืองกลุ่ม เล็กๆ กระจัดกระจายอยู่ทั่วคาบสมุทรยูคาทานกับเม็กซิโกตอนใต้เท่านั้น

    มีอะไรบางอย่างที่ทำให้ชาวมายาหยุดความก้าวหน้าทางอารยธรรมลง เหมือนชนชาติที่เสียแรงกระตุ้น เพราะจู่ๆพวกเขาก็หยุดชะงักเอาเฉยๆหลังจากรุ่งเรืองด้วยอารยธรรมอันน่าพิศวง สุดขีดมาหลายศตวรรษ อะไรที่ทำให้พวกเขาเป็นแบบนั้น?

    เนื่องจากเป็นเคสที่น่าสนใจจึงมีทฤษฎีว่าด้วยการล่มสลายของอารยธรรมมายาขึ้น มาเพียบ นักวิชาการบางคนเชื่อว่าเกิดจากการที่ทาสกับประชาชนลุกขึ้นมาโค่นล้มชนชั้น ปกครองผู้เผด็จการ แต่ไม่น่าเป็นไปได้ครับ เพราะอารยธรรมที่รุ่งเรืองขนาดนั้น สังคมที่แข็งแกร่งขนาดนั้นไม่น่าจะมาพังพาบง่ายๆกับอีเรื่องไม่เป็นเรื่อง แค่นี้ แถมไม่มีหลักฐานอะไรชี้ชัดเอาเสียเลยว่ามีการแข็งข้อแข็งเมืองเกิดขึ้นใน นครรัฐของชาวมายา การจะเข้าใจอารยธรรมมายาได้อย่างถ่องแถ้นั้นเราต้องเอาใจเราเข้าไปจับใจของ ชาวมายาเสียก่อน

    [​IMG]

    เลิกคิดแบบมนุษย์ปัจจุบัน เลิกยึดติดกับความรุ่งเรืองทางวัตถุแบบ อารยธรรมตะวันตก

    ในสายตาของมนุษย์สมัยใหม่ชาวมายาไม่ได้ต่างอะไรไปเลยจากมนุษย์ถ้ำสมัยหิน ไม่มีอะไรมากไปกว่าการสร้างปิระมิดด้วยศิลาอย่างไร้เหตุผล ไม่มีเทคโนโลยีด้านสกัดแร่หรือถลุงโลหะ ไม่มีอาวุธมากกว่ามีดและหอก

    นักวิชาการหลายคนมองชาวมายาเป็นอัจฉริยะผู้ไร้สติ คือทั้งๆที่พวกเขาเชี่ยวชาญด้านคณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์ และสถาปัตยกรรมอันไร้เทียมทาน
    แต่กลับไม่ได้นำมาสร้างสรรค์หรือแผ่ขยายอารยธรรมแต่ประการใดเลย
    นักวิชาการไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมอารยธรรมที่ฟันฝ่าอุปสรรคมาจนรุ่งเรือง ได้ขนาดนั้นจู่ๆกลับเสื่อมสลายลง อัจฉริยะทางดาราศาสตร์และคณิตศาสตร์ชาวมายาหายหัวไปไหนหมด

    พวกเขาส่งผ่านมรดกอะไรให้แก่ชนรุ่นหลังบ้าง ทำไมจึงทิ้งเมืองใหญ่อันโอฬารอย่าง ติกัล อักซมัล พาเลงกอ และชิตเซนอิซาเอาไว้ หลงเหลือแต่เพียงซากปรักหักพังอยู่กลางป่าดงดิบในกัวเตมาลา แล้วก็วาดภาพแกะสลัก ทำเส้นสายด้วยรหัสภาษาที่ไม่มีใครอ่านออกเอาไว้ ทิ้งให้นักโบราณคดีรุ่นหลังตีอกชกหัวกุมขมับปิ้มจะบ้าทำไม...

    เราคงตอบคำถามนี้ไม่ได้ตราบใดที่ไม่ขจัดปัญหาบางประการออกไปเสียก่อน ปัญหาที่ว่านี้ไม่ได้อยู่ที่ชาวมายา แต่อยู่ที่ทฤษฎีของพวกเรา อยู่ที่วิธีวัดความสำเร็จที่มนุษย์ปัจจุบันใช้กับชาวมายานั่นแหละ หลายศตวรรษที่ผ่านมาจนถึทุกวันนี้

    พวกเราวัดความรุ่งเรืองทางอารยธรรมของมนุษยชาติด้วยไม้บรรทัดที่ถือมาตั้ง แต่สมัยเรเนอซองส์ ทุกอย่างตั้งอยู่บนพื้นฐานของเทคโนโลยีทางวัตถุ นวัตกรรมใหม่ๆอันจะนำเอาความเจริญทางวัตถุมาให้มนุษย์

    ตั้งแต่ยุคเครื่องจักรไอน้ำจนถึงกระสวยอวกาศ ตั้งแต่ยุคหัวธนูจนถึงขีปนาวุธนิวเคลียร์ ตั้งแต่ยุคหลอดสูญญากาศจนถึงซิลิกอนชิป ชาวมายาล้าหลังจริงๆหากจะมองในแง่นั้น ทฤษฎีต่อไปนี้อาจจะบ้าหลุดโลกสำหรับพวกคุณ แต่ปฏิทินของชาวมายาเป็นตัวอย่างที่ดีที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่าง เวลาและตัวเลข ภาพด้านล่างเป็นตัวแทนวันในแต่ละเดือนของพวกเขา ซึ่งในบางครั้งจะถูกผนวกเข้ากับสัญลักษณ์ที่เรียกว่าโซลคินอันเป็นแกนตัวเลข 13 ตัว ถูกออกแบบให้อยู่ในลักษณะของแกนสอดประสาน เพื่อให้ได้มาซึ่งการประสานกันระหว่างจิตใจและแกแล็คซี่

    [​IMG]

    แกนตัวเลขสอดประสานเพื่อให้ได้มาซึ่งการสอดประสานกันของแกแล็คซี่ นักวิชาการน้อยคนนักที่จะเข้าใจเรื่องนี้ และผู้ที่เข้าใจก็ยากที่จะทำใจรับมันได้เนื่องจากค่อนข้างหลุดโลกเอาการอยู่

    แนวคิดนี้ขัดแย้งกับทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของ ปรากฏการณ์ทางกายภาพ ที่นักโบราณคดีงงเป็นไก่ตาแตกกับอารยธรรมมายาเนื่องจากว่าพวกเขายากที่จะทำ ใจมองข้ามแนวคิดแบบวิทยาศาสตร์
    หันไปมองแนวคิดทางจิตใจแบบชาวมายาได้ เพราะการมองแต่หลักฐานทางวัตถุนี่แหละ จึงทำให้นักโบราณคดีหลายคนไม่สามารถหาคำตอบได้ว่า ทำไมชาวมายาจึงพัฒนานครรัฐได้อย่างยิ่งใหญ่ สร้างสถาปัตยกรรมโอฬาริกได้มากมาย แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าพวกเขาจะประยุกต์นำความรู้นี้ไปใช้ และพัฒนาอารยธรรมของพวกเขาไปในรูปแบบอารยธรรมของชาวตะวันตกอย่างที่ควรจะทำ เช่น การยกระดับความเป็นอยู่ พัฒนาเรื่องการขนส่ง การสื่อสาร อาวุธยุทโธปกรณ์

    ซึ่งแน่นอนว่า ด้วยความก้าวหน้าขนาดคำนวณปฏิทินได้เป็นล้านๆปี รอบรู้เรื่องวงโคจรของดาวพระเคราะห์ต่างๆจนถึงขั้นคำนวณปฏิทินของดาวศุกร์ และดวงจันทร์ได้อย่างชาวมายานั้น การจะสร้างอารยธรรมให้ก้าวทันปัจจุบันเห็นจะไม่ใช่เรื่องยาก เพียงกินเวลาไม่กี่ร้อยปีเท่านั้นดีไม่ดีชาวมายาอาจครองยุโรปและเอเชีย จนถึงขั้นมีนครรัฐมายาแทนสหรัฐอเมริกาจอมเกเรอย่างทุกวันนี้ก็เป็นได้ เป็นไปได้ลองย้อนดูอารยธรรมของเราสิ เมื่อ 400 ปีก่อนเรามีเทคโนโลยีทางการแพทย์ เทคโนโลยีการสื่อสารแค่ขี้ปะติ๋วเท่านั้น แล้วดูตอนนี้สิ สี่ศตวรรษหรือหนึ่งแบ็กทันต่อมา เราพัฒนามาถึงไหนกันแล้วครับ เมื่อร้อยปีก่อนเรายังเคาะโทรเลขก๊อกแก๊กกันอยู่ แต่ตอนนี้เราถึงขั้นสื่อสารแบบไร้สายได้มีโอกาสมา "เธอวางก่อนดิ... ดิ ดิ ดิ..." อย่างง่ายๆราวปาฏิหารย์

    [​IMG]

    พวกเราสามารถสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกในรอบ 100 ปีได้มากกว่าที่เคยทำได้ในรอบ 1000 ปีเสียด้วยซ้ำ แล้วชาวมายาล่ะครับเขาทำอะไร เขาไม่ได้ทำอะไรกับความรู้อันสูงส่งของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย

    พวกเขาเป็นต้นแบบของนักการเมืองไทยในการถอยหลังลงคลอง ชาวมายาย้อนกลับไปสู่สังคมแบบพริมิทีฟเอามากๆ โดยเฉพาะตั้งแต่ประมาณ ค.ศ.83 ชาวมายาก็ได้เจริญลงๆ จนกระทั่งถึง ค.ศ. 900 หรือสิ้นสุดแบ็กทันที่ 10
    อารยธรรมอันมหัศจรรย์สมชื่อมายานี้ก็ได้ถึงการเสื่อมสลายลงอย่างสมบูรณ์ คิดแล้วก็น่าเศร้า? แบ็กทันคืออะไรอย่างนั้น?

    แบ็กทันเป็นมาตรวัดเวลาของชาวมายา กินเวลาราว 395 ปีของมนุษย์ปัจจุบัน แนวคิดนี้ค่อนข้างซับซ้อนแต่เชื่อว่าชาว Myth น่าจะทำความเข้าใจได้ไม่ยากเท่าไหร่

    แนวคิดนี้มีอยู่ว่า ชาวมายามีวัตถุประสงค์ในการอยู่บนโลกที่แตกต่างออกไป
    พูดง่ายๆคือมีหลักฐานมากพอที่จะชี้ให้เห็นว่าชาวมายามีหน้าที่วางตำแหน่งโลก และระบบสุริยะ ให้สอดคล้องกับประชาคมแกแล็กซี่ที่ใหญ่กว่า โดยได้รับบัญชาจากเทพเจ้าของพวกเขาซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นนักบินอวกาศ แห่งโบราณยุค พูดง่ายๆก็คืออาคันตุกะจากดาวดวงอื่นนั่นล่ะ

    ภารกิจหลักของชาวมายามีอะไรบ้างนั้นพวกเรายังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด เดาได้เพียงแต่ว่าเมื่อถึงประมาณ ค.ศ.830 หรือสิ้นสุดแบ็กทันที่เก้าชาวมายาก็ได้จากไป บางคนยังหลงเหลือทายาทไว้ที่นี่ในฐานะผู้พิทักษ์หรือการ์เดี้ยน
    ทิ้งรหัสของพวกเขาเอาไว้อันได้แก่โซลคินแกนตัวเลขประสานของชาวมายา
    เพื่อให้ได้มาซึ่งการสอดประสานแห่งห้วงจักรวาล

    [​IMG]

    เนื่องจากนี่เป็นเพียงข้อสมมติฐานของนักเขียนบางคนเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเชื่อตามนะ อันว่าสิ่งที่ชาวมายาทิ้งไว้นั้นเป็นเรื่องท้าทายวงการวิทยาศาสตร์อย่างหนัก เราจำเป็นต้องวางแนวคิดยึดติดวัตถุในรูปแบบเดิมเอาไว้เสียก่อน แล้วลองมามองจักรวาลอย่างที่ชาวมายาเขามองกัน ยกตัวอย่างปฏิทินของชาวมายากันสักเล็กน้อย เช่นเดียวกับพวกเราครับ ชาวมายาวัดขนาดของเวลาจากเล็กไปสู่ใหญ่ จากวินาทีเป็นนาที ชั่วโมง วัน เดือน ฯลฯ อารยธรรมตะวันตกวัดเวลาตามปฏิทินเกรเกอเรียนซึ่งกินเวลา 365 วัน/ปี อันเป็นคาบเวลาที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ ถัดจากปีเราก็มายืนอยู่บนเลขฐาน 10 นั่นคือ 10 ปีต่อ 1 ทศวรรษ, 10 ทศวรรษต่อ 1 ศตวรรษ, 10 ศตวรรษต่อ 1 สหัสวรรษ บลา บลา บลา...

    แต่ปฏิทินของชาวมายานั้นแตกต่างออกไปเพราะตั้งอยู่บนค่าของเลข 20 เป็นหลัก 1 คินจะแทนค่าแทน 1 วัน นับตามแบบของเราคือโลกหมุนรอบตัวเองครบ 1 รอบ อุยนัลแทนค่า 1 เดือนประกอบด้วย 20 คิน

    ส่วนปีของมายาแทนด้วนทันอันประกอบด้วย 18 อุยนัลหรือ 360 คิน(ใกล้เคียงกับ 365 วันของพวกเรามากทีเดียว) 1 คาทันของชาวมายาเทียบได้กับทศวรรษของพวกเราเพียงแต่ยาวกว่า 2 เท่า เพราะระบบเลขของพวกเขาคือฐาน 20

    ดังนั้น 1 คาทันจะมีความยาวประมาณ 19.5 ปี สำหรับ 1 แบ็กทันจะยาว 20 คาทันหรือประมาณ 394.5 ปี

    จุดเริ่มการสร้างสรรค์ของชาวมายาตามบันทึกของพวกเขาซึ่งบันทึกเวลาได้เที่ยงตรงมากนั้นจะอยู่ประมาณ 3116

    ปีก่อน ค.ศ. วงจรนี้จะกินเวลา 13 แบ็กทันของพวกเขาหรือ 5129 ปีของพวกเรา แบ็กทันที่เก้าสิ้นสุดลงราวปี ค.ศ. 830

    ดังนั้นจุดสิ้นสุดของแบ็กทันที่ 13 จึงน่าจะอยู่ที่ ค.ศ. 2012 โดยประมาณ ทีนี้ก็มาถึงประเด็นสำคัญล่ะว่า หนึ่งวงจรของชาวมายานั้นมีความสำคัญอย่างไร
    และนี่คือปฏิทินเทียบระหว่างปฏิทินของเรากับวงจรของชาวมายา รอบแบ็กทัน ปฏิทินมายา ปฏิทินเกรเกอเรียน เหตุการณ์สำคัญ

    1 1.0.0.0.0 3116-2734 BC จุดเริ่มต้น
    2 2.0.0.0.0 2734-2339 BC ยุคปิระมิด
    3 3.0.0.0.0 2339-1944 BC ยุคล้อ
    4 4.0.0.0.0 1944-1550 BC อารยธรรมอียิปต์
    5 5.0.0.0.0 1550-1155 BC อารยธรรมบ้านเชียง
    6 6.0.0.0.0 1155 - 761 BC สงครามม้า
    7 7.0.0.0.0 761-366 BC ยุคปรัชญา
    8 8.0.0.0.0 366 BC - ค.ศ. 28 ยุคเมสไซอาห์
    9 9.0.0.0.0 ค.ศ. 28-422 อาณาจักรโรมัน
    10 10.0.0.0.0 ค.ศ. 422-817 มายา
    11 11.0.0.0.0 ค.ศ. 817-1211 สงครามครูเสด
    12 12.0.0.0.0 ค.ศ. 1211-1606 ยุคล่าอาณานิคม
    13 13.0.0.0.0 ค.ศ. 1606-2012~ ยุคอุตสาหกรรมใหม่

    ... เป็นอันว่าเราเกือบครบรอบวงจรใหญ่ของชาวมายากันแล้ว โดยนับจากแบ็กทันแรกถึงแบ็กทันที่สิบสามตามเวลาปฏิทินของมนุษย์ยุคใหม่เรา
    ส่วนการอ่านปฏิทินตัวเลขของชาวมายานั้นให้อ่านแบบนี้ครับ ดูตัวเลขที่เรียกลำดับกัน 5 กลุ่ม แต่ละกลุ่มนั้นจะแทนช่วงลำดับเวลา ตามนี้

    แบ็กทัน, คาทัน, ทัน, อุยนัล, คิน
    คิน = 1 วัน
    อุยนัล = 20 คิน
    ทัน = 360 คิน
    คาทัน = 20 ทัน (7200 คิน)
    แบ็กทัน = 20 คาทัน (144000 คิน)

    จากนั้นก็คูณตัวเลขในแต่ละช่วงเวลาออกมาเพื่อให้ได้จำนวนวันจริงๆ

    แล้วเอาจำนวนวันจริงๆไปบวกจุดอ้างอิงของเราคือ 3116 BC. เราก็จะได้วันที่ตามปฏิทินสากลของเราแบบเท่ากันทุกประการ เป็นทฤษฎีที่หลุดโลกมาเลยใช่ไหมล่ะ ในข้อที่ว่าบรรพบุรุษของชาวมายาได้เดินทางจากห้วงอวกาศอันไกลโพ้นมาเยือนโลก พิภพของเรา เพื่อภารกิจในการสอดประสานระหว่างโลกมนุษย์กับแกแล็กซี่อื่น คุณอาจจะกำลังบริภาษอยู่ในใจว่าบ้าไปแล้วแน่ๆ
    มีหลักฐานหรือเปล่าว่าชาวมายาเดินทางมาจากดาวเคราะห์ดวงอื่น พวกเขามาที่โลกของเราได้ยังไง นั่งเรือมาเรอะ?

    หลักฐานการเดินทางล่ะมีไหม เอาล่ะ มีคำอยู่สองคำที่คุณต้องทำความรู้จักเอาไว้เสีย นั่นคือคำว่า ฮูแน็บ คู กับ คูซาน ซูอัม

    คำว่าฮูแน็บ คู หมายถึงผู้ให้การเคลื่อนไหวและมาตรวัดเดียว เป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่ที่ดำรงอยู่เหนือดวงอาทิตย์ เหนือแกนแกแล็กซี่ที่เป็นจุดกำเนิดของทุกสิ่งทุกอย่าง

    ส่วนคำหลังคือ คูซาน คูอัม ถนนสู่ท้องฟ้าที่นำไปสู่แกนแกแล็กซี่หรือฮูแน็บ คู ส่วนที่ตั้งของ ฮูแน็บ คู

    ตามแผนที่ดาราศาสตร์ปัจจุบันคือจุดระหว่างดาวฤกษ์สองดวงในกลุ่มดาวเซ็นทอร์ ใต้ มีระห่างจากโลกของเรา 139 ปีแสง จุดเชื่อมระหว่างโลกและดาวอันไกลโพ้นของชาวมายาดวงนี้ก็คือ คูซาน ซูอัม นั่นเอง

    [​IMG]

    เพ่งรูปนี้กันดีๆ ปากาล โวทาน ผู้นำชาวมายาผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา
    อาณาจักรมายาคลาสสิคมีความรุ่งเรืองถึงขีดสุดในยุคการปกครองของเขา
    ปากาลตายในปี ค.ศ. 683 ภาพนี้คัดลอกมาจากภาพนูนแกะสลักบนฝาหินของเขาที่พบใน ค.ศ. 1952 ในอุโมงค์ฝังศพที่ตบแต่งไว้อย่างสวยงาม ในวิหารแห่งคำจารึก (Temple of inscriptions) ที่พาเลงกอในเชียพัส ประเทศเม็กซิโก นักคิดนักเขียนบางคนเรียกปากาลว่าผู้แทนแห่งแกแล็กซี่ ผู้อาศัยคูซาน ซูอัม เพื่อไปถึง ฮูแน็บ คู หลังจากที่ภารกิจของเขาลุล่วงไปแล้ว

    ...อ่านแล้วก็ขนลุกขนพองตามใช่ไหม ทีนี้ก็มาถึงประเด็นสำคัญอีกประเด็นว่าทำไมถึงเป็นชาวมายา ไม่ใช่อียิปต์ อินคา หรือ สุเมเรียนที่เป็นอารยชนที่ยิ่งใหญ่พอๆกัน บอกได้เพียงแต่ชาวมายาก็มีอิทธิพลไม่น้อยในอารยธรรมอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น คำว่ามายาเป็นคำศาสนาฮินดูหมายถึงต้นกำเนิดของจักรวาล

    ในภาษาสันสกฤตเป็นคำที่เกี่ยวโยงกับสภาพจิตใจ เวทย์มนตร์คาถาและแม่
    แม้แต่พระมารดาของพระพุทธองค์เองก็มีนามว่าสิริมหามายา ในภาษา อียิปต์คำว่ามาเย็ตหมายถึงระเบียบของจักรวาล ส่วนในตำนานกรีกดาวที่ส่องสว่างที่สุดในกลุ่มดาวลูกไก่และเป็นน้องคนสุดท้อง ก็มีนามว่ามายาขนิษฐาของเฮดีส


    บทความวันนี้ เป็นข้อมูลเก่าแก่ที่ถูกทิ้งไว้นับพันๆ ปีโดยไม่ มีคนสนใจ ข้อมูลที่มีส่วนหนึ่งพ้องจองกับความเห็นและการคาดการณ์ทาง ด้านวิทยาศาสตร์แห่งยุคใหม่ ที่กล่าวมาข้างบนนั้นอย่างน่าแปลกใจ แต่ส่วนหนึ่งจะเป็นประเด็นทางจิตวิญญาณ โดยเฉพาะการเปลี่ยนย้าย กระบวนทัศน์ของมนุษยชาติและสังคมอย่างน่าสนใจ แม้ว่าอีกส่วนใหญ่ของ ข้อมูลเก่าแก่ที่ว่านี้จะเป็นคำทำนาย (กินเวลายาวนานถึง 64 ล้านปีของอ นาคต) ที่อยู่นอกความรู้ความเข้าใจจนเกินไป จนเป็นเหตุให้ข้อมูลถูกโยน ทิ้งหรือเก็บไว้จนหลงลืมกันไปทั้งหมด กระทั่งมีการรื้อฟื้นนำมาศึกษาติดตาม กันใหม่เมื่อทศวรรษที่แล้วๆ มานี้เอง

    ข้อมูลส่วนหนึ่งที่น่าสนใจดังกล่าว จึงเป็นเรื่องที่นักศึกษาด้าน ความสัมพันธ์ของวิชาความรู้ต่างสาขาน่าจะลองอ่านดู จริงๆ แล้วข้อมูลทั้ง หมดที่จะนำมาเล่าต่อไปนี้ เป็นกรณีศึกษาของโครงการรายวิชาของสถาบัน ความสัมพันธ์ทางความรู้ที่คณะหนึ่งของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย (California Insitute of Integral Studies) และกำลังเป็นประเด็นร้อนที่พูด กันมากในประเทศตะวันตกในเวลานี้ โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่เรียกกันว่ากลุ่ม นิวเอจ (newagers) และกลุ่มวัฒนธรรมสร้างสรรค์ (Cultural Creatives or CC) ด้วย นั่นคือสภาพของความสะท้านสะเทือนระดับโลกที่จะเกิดขึ้น ในปี 2012 และหลังจากนั้น (the shock of 2012) ซึ่งก็เป็นช่วงเวลา เดียวกับช่วงเวลาของการเดินทางของจิตวิญญาณ สู่มิติของธรรมจิตธรรม วิญญาณ (spiritual dimension)

    [​IMG]

    ข้อมูลดังกล่าว ได้มีการบันทึกเอาไว้ในปฏิทินของชาวเผ่า มายาแห่งอเมริกากลาง (Maya Calendar) มาตั้งแต่ช่วงต้นๆ ของคริสตกาล ชาวมายาเป็นชนเผ่าพันธุ์หนึ่งที่อยู่บริเวณพื้นที่ของกัวเตมาลา และบริเวณที่ เผ่าเซียปาสของเม็กซิโกอาศัยในปัจจุบัน แต่ไม่มีใครรู้ที่มาของชาวมายาว่า มาจากไหน เพราะเป็นชนผิวขาวร่างสูงและจมูกโด่ง มีริมฝีปากบางที่เป็น ตรงกันข้ามกับเผ่าโอลเม็คที่เป็นชนเผ่าเก่าแก่ที่สุดของอเมริกากลาง เป็นตรง กันข้ามในทุกกรณีดังภาพวาดภาพปั้นที่หลงเหลือมาตั้งแต่ช่วงเวลาก่อนคริสต กาล (อารยธรรม La Venta อาจย้อนหลังไปถึง 800 ปีก่อนคริสตกาล) นักมนุษยศาสตร์และนักโบราณคดีบางคนคิดว่า ชาวมายามีที่มาจากชาวกรี กหรืออียิปต์ในยุคหลังๆ (Jonarthan Leonard ; Ancient America, Time- Life Book, 1968) และที่น่าแปลกอีกก็คือ อยู่ๆ ชาวมายาทั้งเผ่าพันธุ์ก็ สลายหายตัวไปโดยไร้ร่องรอยหรือหลักฐานทางวิชาการใดๆ หลงเหลือให้นัก โบราณคดีสืบเสาะได้เลย

    ปฏิทินของชาวมายานั้นเป็นผลของการคำนวณทางดาราศาสตร์ ที่แม่นยำที่สุดยิ่งกว่าปฏิทินใดๆ การคำนวณเหตุการณ์ทางดาราศาสตร์ตามที่ บันทึกไว้นั้น (ชาวมายามีปฏิทินหลักหนึ่งปฏิทิน และมีปฏิทินที่คำนวณ เหตุการณ์ทางดาราศาสตร์อีก 22 ปฏิทิน) ที่มีความแม่นยำอย่างไม่น่าเชื่อ และยังไม่เคยปรากฏว่าผิดไปจากความจริง หรือแตกต่างไปจากการคำนวณ ของนักดาราศาสตร์ในเวลาปัจจุบันแม้แต่รายการเดียว ดังรายละเอียดบาง อย่างของปฏิทินของชาวมายาที่เอามาลงเพื่อให้ผู้อ่านสนใจจะได้พิจารณา และอาจติดตามต่อไปจากเอกสารอ้างอิงไว้ที่ท้ายของบทความนี้

    ชาวมายาสามารถคำนวณเวลาของการโคจรของดาวเคราะห์วิ่ง รอบดวงอาทิตย์ ที่ชาวมายารู้แต่แรกว่าเป็นแกนกลางของระบบสุริยะ ระบบที่เป็นเพียงส่วนน้อยส่วนหนึ่งของแขน (arm) หนึ่งของกาแล็กซีที่ชาว มายาบอกว่ามีแกนที่เป็นดวงอาทิตย์ศูนย์กลางอีกดวงหนึ่ง (sun alcione เป็นดาวฤกษ์ในกลุ่มไพลเอดส์) ปฏิทินของชาวมายาระบุว่า ดาวศุกร์ใช้เวลา เดินทางไปรอบดวงอาทิตย์ 584 วัน ซึ่งเท่ากับที่เป็นเวลาที่เรารู้กันทุกวันนี้ หรือบันทึกว่าโลกใช้เวลาเดินทางรอบดวงอาทิตย์หนึ่งรอบหรือหนึ่งปีเท่ากับ 365.2420 วัน ซึ่งตัวเลขที่แท้จริงทางดาราศาสตร์ปัจจุบันคือ 365.2422 วัน ปฏิทินของชาวมายายังระบุว่า ระบบสุริยะมีวัฏจักรของการเคลื่อนที่ไออยู่ใน ระนาบเดียวกัน (ecliptic) กับระนาบของแกนของแขนกาแล็กซีที่กล่าวมา ข้างต้นในทุกๆ 26,000 ปี โดยมีครึ่งหนึ่งของวัฏจักร จะมีวันที่เรียกว่า อะควิน็อกซ์ หรือวันที่มีเวลากลางวันเท่ากับกลางคืนเปลี่ยนไป (เช่นวันที่ 23 กันยายน คือวันอะควิน็อกซ์ของฤดูใบไม้ผลิของปฏิทินของปัจจุบัน) ระบบสุริยะ (รวมทั้งโลกและดาวเคราะห์ทั้งหลาย) จะเข้าสู่ระนาบเช่นนั้นใน เดือนธันวาคม ปี 2012 นี้



    หลังจากปี 2012 มีสี่ประการที่จะเกิดขึ้นคือ..

    1.มนุษยชาติจะก้าวล่วงเทคโนโลยีที่เราใช้และรู้จักในขณะนี้ แทบทั้งหมด

    2.มนุษยชาติจะก้าวล่วงรูปแบบของเวลาและเงินในรูปที่ใช้กัน ในขณะนี้

    3.เราจะผ่านเข้าสู่มิติที่ห้าอันเป็นมิติจิตวิญญาณ - จากมิติที่สี่ - วิกฤติที่เจ็บปวด

    4.ระนาบของระบบสุริยะจะอยู่ในระนาบเดียวกับระนาบของ กาแล็กซี



    ปฏิทินมายาบอกด้วยว่า ในช่วงเวลาตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 1987 กระทั่งถึงช่วงปี 2012 เป็นช่วงเวลาระหว่างกลางของมิติที่ 4 สู่มิติที่ 5 ซึ่งเป็นช่วงอันตราย เพราะเป็นช่วงที่จะมีความล่มสลายในทางธรรมชาติ และจิตวิญญาณของชาวโลกส่วนใหญ่ แต่ขณะเดียวกันก็จะมีการเปลี่ยน แปลงทางจิตวิญญาณของคนอีกส่วนหนึ่ง (apocalypse แปลว่าการเปิดเผยที่ หมายถึงวิวัฒนาการทางจิตอีกด้วย) น่าแปลกที่การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวของ เวลาจะสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของความถี่ของกระแสแม่เหล็กโลก ที่สะท้อนออกมาตามการหมุนรอบตัวเองของโลก (Schumann Resonance ที่เคยคงที่ที่ความถี่ 7.8 เฮิรตซ์ หรือรอบต่อวินาทีทุกวันนี้ได้สูงขึ้นเป็น 11.8 รอบต่อวินาที)

    โดยปฏิทินของชาวมายา มิติที่ 5 หรือหลังปี 2012 คือช่วงเวลาที่มนุษยชาติส่วนหนึ่ง จะมีวิวัฒนาการสู่แสงใสกระจ่าง (แปลกอีกที่ใช้คำว่า clear light เช่นเดียวกับในคัมภีร์พีระมิดของอียิปต์ และคัมภีร์มรณศาสตร์ของทิเบต ที่มีความหมายสู่จิตวิญญาณบริสุทธิ์)

    โศลกหลากหลายในอุปานิษัทบ่งบอกว่าพรหมันหรือปชาบดีที่เดียวดายไร้ความสุขโดย มายาจึงสร้าง "ลีลา" ที่ให้ความหลากหลายของจักรวาลแห่งกายปรากฏการณ์ขึ้นมาในภควัตคีตาที่อาจนับ ได้ว่าเป็นอุปนิษัทเล่มหนึ่ง ได้กล่าวถึงการสร้างจักรวาลและกาลเวลาในศาสนาพราหมณ์ว่า จักรวาลนั้นไม่มีการดับจึงไม่มีการเกิด (นะอันโต นะชาติ - BG XV) แต่ไม่เคยหยุดนิ่งอยู่กับที่ จึงมีแต่ความสั่นสะเทือน (vibration) ในทุกจุดทุกตำแหน่งตลอดเวลา (ศรีอรพินโธ) สำหรับเรื่องของสรรพสิ่งกับเวลานั้น "ในช่วงเริ่มของวันรูปพรหม (ภาพลักษณ์ของพรหมัณในจักรวาลแห่งปรากฏการณ์) สรรพสิ่งและปรากฏการณ์ทั้งหลายจะคลี่ขยายออกมาให้เห็น (manifested) จากองค์กรที่ปิดและซ่อนตัวเอง (unmanifested) และในช่วงเริ่มต้นของคืนสรรพสิ่งก็จะรวมตัวกลับไปสู่องค์กรเดิมนั้น" (BG. VIII และ IX) ส่วนเวลานั้นได้กล่าวถึงการสิ้นสุดเฉพาะโลกมนุษย์อาไว้ต่างหากโดยบอกว่า "หนึ่งปีของโลกมนุษย์ (360 วันกับคืน) เท่ากับหนึ่งวันและหนึ่งคืนของเทวดา...และเทวดานั้นมีอายุขัยเท่ากับหนึ่ง ยุค หรือ 12,000 ปีเทวดาซึ่งก็เป็นเพียงหนึ่งในพันของเวลาวันหนึ่ง (กลางวัน) ของรูปพรห์มเท่านั้น" รายละเอียดของกาลเวลาที่โลกแห่งชีวิตสิ้นสุดที่กล่าวไว้ในภควัตคีตาจะเป็น ดังนี้

    หนึ่งวันกับหนึ่งคืนของเทวดาเท่ากับหนึ่งปีของโลกมนุษย์
    หนึ่งปีเทวดา หรือ 360 วันเทวดาเท่ากับ 360 ปีของโลกมนุษย์
    หนึ่งยุค หรือ 12,000 ปีเทวดาจึงเท่ากับ 12,000x360 ปีของโลกมนุษย์
    หรือเท่ากับ 4,320,000 ปีของโลกมนุษย์
    1,000 ยุคของเทวดาเพียงเท่ากับหนึ่งวัน (กลางวัน) ของรูปพรหมหรือหนึ่งกัป
    หนึ่งกัปหรือหนึ่งกัลป์ของโลกมนุษย์เท่ากับ 1,000x4,320,000 เท่ากับ 4,320 ล้านปี
    ดังนั้น หนึ่งวันของพรหมคือหนึ่งกัป - เวลาที่โลกมนุษย์สิ้นสุดคือ 4,320 ล้านปี
    ในทางฟิสิกส์ดาราศาสตร์ โลกมนุษย์มีอายุประมาณ 4,500 ล้านปี

    [​IMG]

    เร็วๆ นี้ มีหนังสือสองเล่มที่พูดถึงชาวมายาแห่งอเมริกากลาง (เม็กซิโก-กัวเตมาลา) กับปฏิทินของชาวมายา ที่ผู้เขียนเคยเอามาเขียน (โลกหลัง 2012 สู่มิติที่ห้า) ประวัติศาสตร์คร่าวๆ ที่เราควรรู้ก็คือ เราไม่รู้ว่าเดิมทีชาวมายามาจากไหน แต่เชื่อว่าวัฒนธรรมเก่า "ยุคก่อนมายา" ที่มีวัฒนธรรมสืบเนื่องกับลาเวนด้ากว่า 800 ปีก่อนคริสตกาล หรืออาจก่อนหน้านั้นเช่นการค้นพบหลักฐานที่ชี้บ่งอารยธรรมสูงส่งที่เมืองอิ ซาปา (Izapa) ทางใต้ของเม็กซิโกย้อนหลังไปเป็นพันๆ ปีก่อนคริสตกาล เชื่อว่าความรู้เรื่องการคำนวณเวลาและดาราศาสตร์รวมทั้งปฏิทิน โดยเฉพาะศิลปกรรมและจิตกรรมมีมาแต่เวลานั้น ปฏิทินของชาวมายานั้น จริงๆ แล้วไม่ใช่เป็นเพียงการทำนายความล่มสลายของโลกที่เราทั่วไปคิดว่าไม่ควรให้ ความสนใจ แต่มีส่วนของข้อมูลที่ชี้ความสัมพันธ์ระหว่างชีวิตและวิวัฒนาการของจิตกับ ดาราศาสตร์อย่างน่าทึ่ง ข้อมูลส่วนหนึ่งที่นับได้ว่าเป็นข้อมูลเร้นลับว่าด้วยชีวิตและจิตวิญญาณ เท่าๆ กับอีกส่วนที่เป็นวิทยาการ โดยเฉพาะดาราศาสตร์และคณิตศาสตร์ว่าด้วยกาลเวลา โดยบันทึกเป็นรหัสในรูปของปฏิทิน ที่มี 22 ฉบับ (calendar) ที่มีความแม่นยำมาก แม้กระทั่งปัจจุบันและด้วยวิทยาการที่ก้าวหน้า กระนั้นผลของการคำนวณทางภูมิดาราศาสตร์ในปฏิทินต่างๆ เท่าที่ได้ถอดรหัสแปลออกมาแล้ว ปรากฏว่าไม่พบว่ามีการผิดพลาดระหว่างกันเลย เนื่องจากหนังสือทั้งสองเล่มให้ข้อมูลและการแปลข้อมูลไปในทางเดียวกัน ผู้เขียนจึงขอสรุปย่อของหนังสือทั้งสองเล่มในส่วนที่เกี่ยวกับการคาดการณ์ เรื่องของวิวัฒนาการของมนุษย์และจิตวิญญาณ กับประเด็นของความล่มสลายระดับโลกที่อาจจะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม 2012 โดยนำมารวมกัน หนังสือเล่มแรกเป็นหนังสือที่ขายดีมากๆ เขียนโดยบาบารา โคลว์ ที่เป็นนักมานุษยวิทยา (anthropology) ที่ตอนหลังมาเป็นโหรและคนทรง (Babara Clow : Catastrophobia ; The Truth Behind Earth Changes, 2002) มีนักคิดนักปราชญ์นักศาสนาเขียนชมมากมาย เป็นต้นว่า แมทธิว ฟอกซ์ (The Coming of Cosmic Christ) แอนดรูว์ คอลลินส์ (Gateway to Atlantis) ส่วนอีกเล่มหนึ่งเขียนโดยนักชีวโมเลกุลชาวสวีเดนที่ได้ศึกษาปฏิทินของชาว มายามาอย่างลึกซึ้งร่วมสิบปี (Carl Calleman : Solving The Greatest Mystery of Our Time, 2001)
    ประวัติศาสตร์เชื่อได้หรือเที่ยงตรงหรือไม่ขึ้นกับสามประเด็น คือหนึ่ง ข้อมูล สอง ผู้แปลพื้นฐานของผู้แปล และสาม ความสัมพันธ์ของสังคมในช่วงเวลานั้นๆ กับช่วงเวลาของการแปลข้อมูล ดังนั้น ประวัติของอดีตที่นานจริงๆ ที่การบันทึกโดยรหัสหรือสัญลักษณ์จึงมักแตกต่างกัน บางทีก็เป็นคนละเรื่องกันไปเลย สำหรับเรื่องของมายานั้น อาจสรุปได้ว่า ชาวมายาคำนวณเวลาไปตามการโคจรของดาวดวงอาทิตย์ โดยเฉพาะดวงจันทร์ที่เดินไปรอบโลก หนึ่งปีจึงมี 13 เดือน และเดือนละ 28 วัน เพียงแต่วันหนึ่งยาวกว่าเวลาปัจจุบันเล็กน้อย ทำให้วงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ของชาวมายาใช้เวลาเมื่อเทียบกับเวลาใน ปัจจุบันช้าไปเล็กน้อยด้วย คือ 365.2420 วัน ซึ่งผิดจากหนึ่งปีในปัจจุบันที่มี 365.2422 วัน ปฏิทินของชาวมายาเริ่มที่ปี 3112 ก่อนคริสตกาล และจะสิ้นสุดที่ปี ค.ศ. 2012 ซึ่งจากข้อมูลอาจแปลได้ว่า ชาวมายาพูดถึงอย่างจริงจังในเรื่องการสร้าง (creation) จิตวิญญาณ (sprituality) ชีวิตและวิวัฒนาการของจิตที่กำหนดไว้แล้วโดยมีเวลาเป็นตัวกำหนด เวลาที่เป็นสนามที่ให้ความสั่นสะเทือนมาสู่โลก - สู่สนามแม่เหล็กโลก - และก่อการเปลี่ยนแปลงนานา ช่วงเวลาของเดือนธันวาคม 2012 คือวันนั้น (การสั่นสะเทือนจากสนามแห่งเวลาของจักรวาลเป็นเรื่องของ "วิวัฒนาการของจิต" ความสั่นสะเทือนนั้นมาห่างๆ ราว 20 ปีต่อครั้งในตอนแรก และสู่คนจำนวนน้อยๆ ก่อน แต่ตั้งแต่หลังปี 1999 ความสั่นสะเทือนมีมาทุกๆ ช่วงหนึ่งปี และหลังปี 2011 จะมาทุกๆ 20 วัน แต่ละครั้งจะก่อการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพให้กับโลกรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม ปฏิทินมายาเน้นที่จิตของมุนษย์ และเดือนธันวาคม 2012 คือวันนั้น ปฏิทินก็สิ้นสุดที่วันและเวลานั้น

    [​IMG]

    คนทั่วไปส่วนไม่น้อยที่มองโลกไปติดกับวัตถุที่มีเงินเป็นปัจจัยและเป้าหมาย นักวิทยาศาสตร์ไม่ว่าสายไหนที่มองโลกไปติดที่เทคโนโลยี - ที่พยายามบอกคนที่ไม่รู้ว่าเป็นวิทยาศาสตร์ - ที่ก็มีเงินเป็นทั้งปัจจัยและเป้าหมาย ทั้งสองกลุ่มสองส่วน มักไม่ชอบหรือไม่ยอมอ่านเรื่องที่ว่าด้วยความพินาศโลกที่ผู้เขียนเอามาเขียน นี้ ซึ่งจริงๆ แล้วมันเป็นจังหวะที่เอื้อวิวัฒนาการทางจิต ไม่เห็นมีนักวิทยาศาสตร์ยุคใหม่คนไหนที่ไม่พูดว่าจิตคุมกายและอยู่เหนือสสาร ดังนั้นบทความทั้งสามบทความชี้บ่งความพินาศระดับโลกที่อาจไม่ยิ่งหย่อนไปจาก เมื่อ 65 ล้านปีก่อนมากนัก บทความสองบทความที่แล้วชี้บ่งเช่นนั้น ที่จริงปฏิทินมายาและบทความของวันนี้ก็พูดถึงความพินาศโลก เพียงแต่ไม่ระบุให้ชัด แต่สาเหตุก็อยู่ที่จิตจักรวาลหรือพระเจ้าก็สุดแท้แต่จะเรียก ปฏิทินพูดถึงจิตมนุษย์ที่ล้าหลังและสุดบอบช้ำจากกรณีแผ่นดินเปลือกโลกแยก เมื่อ 60,000 ปีก่อน - ช่วงที่มนุษย์นีอันเดอร์ธิงต้องสูญพันธุ์ไป - แต่ก็ทำให้เราที่เป็นโฮโมซาเปี้ยนส์


    เอกสารอ้างอิง :
    | ไทยโพสต์
    Mythland
    Bloggang.com : Tang_tpr :
     
  20. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    <table id="post2139597" class="tborder" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px;" width="175">2499<!-- google_ad_section_end --> <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_2139597", true); </script>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Sep 2005
    ข้อความ: 137
    Groans: 15
    Groaned at 1 Time in 1 Post
    ได้ให้อนุโมทนา: 256
    ได้รับอนุโมทนา 2,258 ครั้ง ใน 112 โพส
    พลังการให้คะแนน: 95 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_2139597" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <!-- google_ad_section_start -->
    มนุษย์จริงๆ แล้วมาจากไหน และอะไรเป็นเหตุให้เกิดภัยพิบัติ?

    โดย พระราชพรหมยาน วัดท่าซุง



    <dd>
    </dd><dd>[​IMG]


    </dd><dd>


    </dd><dd>หลวงพ่อ "ที่ว่าจะมีไฟบรรลัยกัลป์มา เพราะว่าคนมีจิตบาปมาก ศีล ๕ ทำไม่ค่อยจะครบ เช่นปาณาติบาตเป็นต้น อายุมันจะน้อยลงทุกที จนกระทั่งอายุถึง ๑๐ ปี เป็นอายุขัย </dd><dd>
    </dd><dd>
    </dd><dd>
    </dd><dd>
    </dd><dd>ตอน นี้เกิด "มิคสัญญี" ไม่มีการเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน จะรบราฆ่าฟันกันมากพระอาทิตย์ท่านรำคาญเต็มที่ โผล่มาทีละ ๒ ดวง ๓ ดวง ๔ ดวง ตายหมด ทีนี้ถึง ๗ ดวง น้ำในมหาสมุทรก็แห้ง ต้นไม้แห้งกรอบจัด ผลที่สุดเป็นไฟลุก ไฟไม่ได้ไหม้มาจากไหน อาศัยน้ำแห้ง ต้นไม้แห้งกรอบเต็มที่ ความร้อนหนัก ก็เกิดไฟลุกขึ้นก็ล้างกันเสียทีหนึ่ง </dd><dd>
    </dd><dd>
    </dd><dd>
    </dd><dd>เมื่อ อารมณ์สงสัยเกิดขึ้น ฉันก็อดที่จะอยากรู้ตามความเป็นจริงไม่ได้ ในที่สุดคืนวันหนึ่ง ฉันนั่งคุมกรรมฐานอยู่ความสงสัยเรื่องรู้เลยธงเกิดขึ้นมาขวางจิต จึงถามท่านผู้รู้ที่เป็นสัพพัญญวิสัย ท่านทรงพยากรณ์ให้ทราบดังนี้


    </dd><dd>หลัง จากกึ่งพุทธกาลไปแล้ว ๔,๐๐๐ ปี จะมีไฟล้างโลกล้างแต่โลกมนุษย์เท่านั้น ไม่ลุกลามไปถึงเทวดา ท่านบอกว่ามันเริ่มความเร่าร้อนตั้งแต่ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปี แล้วจากนั้นไปพวกอธรรมเกิดมาก มีอำนาจวาสนามาก ทำให้ความสงบสุขไม่มี เพราะพวกอธรรม เป็นพวกเห็นแก่ตัวมากกว่าเห็นแก่ส่วนรวม


    </dd><dd>โลก จะร้างไม่มีต้นหญ้ากอไม้ แม้แต่น้ำในมหาสมุทรก็ไม่มีไปครบ ๑,๐๐๐ ปี หลังจากนั้นแล้วจะมีฝนใหญ่ตกลงในมนุษยโลกแม่น้ำและมหาสมุทรจะเต็มไปด้วยน้ำ พื้นโลกจะชุ่มชื่น ต้นหญ้าต้นไม้ จะเริ่มงอกงามขึ้นเป็นลำดับ จนโลกทั้งโลกกลายเป็นป่าไม้ </dd><dd>


    </dd><dd>หลัง จากโลกที่เขียวชอุ่มไปด้วยต้นหญ้าใบไม้นั้นทิ้งระยะนาน ๑ หมื่นปี สัตว์โลกเริ่มเกิดสัตว์และคนที่มาเกิดยุคต้นนั้นไม่ได้อาศัยบิดามารดาเป็น แดนเกิด มาเกิดแบบโอปปาติกะ คือ มาเกิดด้วยอำนาจกรรม คือเป็นตัวตนขึ้น จะยังไม่มีพระอาทิตย์พระจันทร์ส่องแสง มีแสงสว่างเกิดจากอำนาจบุญของแต่ละบุคคล คือมีแสงสว่างออกจากตัวเองเป็นสำคัญ </dd><dd>


    </dd><dd>เรื่อง อาหารนั้น ในระยะแรกยังไม่ต้องการอาหาร มีความอิ่มด้วยธรรมปีติ เพราะแต่ละคนที่มาเกิด ล้วนแล้วแต่มาจากเทวดาหรือพรหมทั้งนั้น ไม่มีสัตว์นรกหรือเปรตเจือปน โลกจึงเต็มไปด้วยความสุข หาความทุกข์ไม่ได้ นอกจากกฎธรรมดา คือความเสื่อมของสังขาร </dd><dd>


    </dd><dd>เรื่อง การทะเลาะยื้อแย่งไม่มี คนทุกคนเป็นคนสวยหมด มีผิวขาวเหลือง เนื้อละเอียดทั้งหญิงและชาย มีแต่คนรวย ไม่มีใคนจน มีแต่คนใจบุญ ไม่มีใครใจบาป เมื่อโลกมีมนุษย์และสัตว์บริบูรณ์ มีดวงจันทร์ มีดวงอาทิตย์ ระยะเวลานับแต่มีสัตว์โลก เกิดในโลก เวลาล่วงมาได้ล้านปี </dd><dd>


    </dd><dd>คน สมัยนั้นมีอายุครองตนเองได้ ๔ หมื่นปี เป็นอายุขัย ท่านว่าตอนนั้น พระศรีอาริย์จะมาตรัสเป็นพระพุทธเจ้า เขตที่ท่านลงมาตรัส สมัยปัจจุบันเรียกว่า เขตเมืองพม่า พูดถึงไฟบรรลัยกัลป์แล้วน่ากลัวจริงๆ นะ แต่ถ้าคนชั่วมีมาก ก็ควรล้างกันเสียที"



    </dd>
    <dd>


    </dd><dd>บทสรุป



    </dd><dd>เรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่าสรรพสิ่งเกิดขึ้นจากจิตใจของคน ถ้ามีคนดีมีศีลธรรมมาก โลกก็ร่มเย็น ถ้ามีคนผิดศีลผิดธรรมมาก โลกก็จะเร่าร้อน เหมือนปัจจุบัน </dd><dd>
    </dd><dd>
    </dd><dd>อากาศจะร้อนมาก และดูคนสมัยนี้ ผิดศีลผิดธรรมกันมาก เรื่องกามราคะ เรื่องสุราเมรัย คนบางคนไม่เคยมีศีลไม่เคยรักษาศีลเลย สร้างแต่กรรมชั่ว </dd><dd>
    </dd><dd>ป้านิภาเคยบอกตอนนี้พระอาทิตย์ขึ้น ๒ ดวง ถึงเราจะมองเห็นดวงเดียว แต่ความร้อนเหมือนพระอาทิตย์ ๒ ดวงจริงๆ ครับ



    คัดลอกจาก http://palungjit.org/threads/ม�...��.189431/</dd>
    </td></tr></tbody></table>
     

แชร์หน้านี้

Loading...