บันทึกของพระคุณลุงคนเชียงใหม่ถึงหลานๆ เรื่องภัยพิบัติ

FYI ครับ..

ควัน-น้ำร้อน ปริศนา พุ่งออกจากรูพื้นบ้าน
หนุ่ม กทม. เผย มีควันและน้ำร้อนพวยพุ่งออกมาจากรูเล็ก ๆ หลังบ้านย่านลาดพร้าวซอย 101 ทั้งยังมีกลิ่นกำมะถัน วอนเจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อม กทม. เร่งมาตรวจสอบ หวั่นเป็นอันตราย

วันพุธ 28 พฤษภาคม 2557 เวลา 15:00 น.
อ้างอิง : ควัน-น้ำร้อน ปริศนา พุ่งออกจากรูพื้นบ้าน | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

...............................................................................

มันน่ากลัวตรงดันมีกลิ่นกำมะถันด้วยนี่นะสิครับ..!!!

 

น่าจะเป็นกลิ่นน้ำมันดิบครับ เพราะ กทม. และสถานที่รอบๆ มีน้ำมันดิบเต็มไปหมด

 

สวัสดีครับ..

ก็ลองติดตามข่าวสารกันต่อไปครับ..
ธรรมชาติได้ส่งสัญญาณมาให้ทราบกันแล้ว...!!!

ก็หาข้อมูลเตรียมตัวกันนะครับ..
แบบฟรีๆก็สามารถหาได้มาเน็ตครับ..
ส่วนถ้าท่านอยากจะหาหนังสือมาลองอ่านหาความรู้เพิ่มเติมละก็...
ที่เห็นเอาเข้ามาวางขายในบ้านเรา ก็ดูจะมีอยู่ 2 เล่มนะครับ คือ

1. American Survival Guide
เป็นหนังสือนิตยสารราย 2 เดือน ราคาก็ $ 8.99 ครับ..
มีขายที่ร้านหนังสือ Asia Book ขายอยู่เล่มละ 545 บาท

2. Offgrid
เป็นหนังสือนิตยสาร ราคาก็ $ 8.99 เช่นกันครับ
มีขายที่ร้านหนังสือ Kinokuniya ขายอยู่ราว 500 กว่าบาทครับ..

ถ้าผ่านร้านหนังสือที่ว่า.. ก็ลองเข้าไปเปิดดูเนื้อหาดูสิครับ
อาจจะมีเนื้อหาสาระอะไรปิ๊งๆบ้าง ???

สำหรับผมเองนั้น.. จะชอบสไตล์นำเสนอของ American Survival Guide มากกว่า
ด้วยความที่ว่า ได้ติดตามซื้อหามาอ่านได้ 3 เล่มแล้ว

ส่วน Offgrid นั้น.. ก็โอเคครับ เพิ่งจะได้มา
ทั้งสองเล่ม.. ผมจะชอบดูพวกโฆษณาของอุปกรณ์ของใช้แนว survival ซะเป็นส่วนใหญ่ครับ..

พอดีเมื่อต้นเดือนได้มีโอกาสไปประชุมที่อเมริกามา..
เลยได้ไปซื้อหนังสือทั้งสองเล่มมันซะที่โน้นซะเลย จะถูกสตางค์กว่าหน่อยครับ..!!!

เลยหาโอกาสเข้าร้านหนังสือแถวๆโรงแรมที่พัก
ก็เลยได้หนังสือติดกลับมาด้วยอีก 3 เล่มครับ..

- The homeowener's Energy Handbook
- Camping & Survival
- SAS Survival Handbook

เผื่อท่านใดสนใจ.. ก็ลองเข้าไปดูเนื้อหาได้ใน Amazon ได้เลยนะครับ..
ถ้าให้เลือก 1 เล่มจากทั้ง 3 เล่มข้างบน..
ผมชอบ Camping & Survival มากที่สุดครับ.. ราคาราวๆ $ 30 ครับ..
เปิดดูแค่หน้าสองหน้า ก็รู้ว่าเล่มนี้ต้องซื้อ..ต้องซื้อครับเล่มนี้
หนีไม่ออกจริงๆ.. เนื้อหาเพียบ.. เพียบจริงๆครับ !!!

 

ขอโอกาสค่ะ หากท่านต้องการฝึกสมาธิ ขอแนะนำหลักการเจริญสมาธิด้วย อานาปานสติ ตามหลักของพุทธวจน คือคำสอนที่องค์ตถาคตได้ตรัสเอาไว้ เพื่อให้ท่านได้มรรควิธีที่ถูกต้องตรงกับที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแล้ว บัญญัติแล้ว...เพื่อ ความดำรงตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม ค่ะ

พร้อมนี้ได้แนบหนังสือพุทธวจน ฉบับอานาปานสติสำหรับผู้ที่สนใจค่ะ

กรุณาดูตามไฟล์แนบค่ะ

 

นอนฝันไปเมื่อกี้นี้เอง มันน่ากลัวมาก พอได้สติตื่นขึ้น ในฝันพบว่า
ตรงจุดนี้ วิทยุ AM คลื่นความถี่สูงๆต่ำๆของผม ตรวจพบว่า มันโยงลึกลงไป ลึกลงไป ลึกลงไปอีก จนถึงจุดเดือดข้างล่าง !!! มันเป็นลอยเลื่อนด้วย !!!
ถ้าแผ่นดินไหวบ้านหลังนี้จักหายไปในพริบตา ...
ใครมีความสามารถ ทำแผนที่แล้วมาร์คจุดตำแหน่งบ้านหลังนี้
ให้ได้บ้าง นำมาแสดงหน่อยครับ ผมกำลังจะตามเรื่องนี้ลงในรายละเอียด ให้ระมัดระวังกัน

ปล. อย่าเชื่อผมมาก ผมชอบฝันเรื่อยๆ ฝันไปเล่าไป ผิดๆถูกๆ แต่ไม่มีวัตถุมงคลขายหรอกนะครับ

 

ผมโหลดไฟล์อ่านแล้วครับ เนื้อหาดีมาก แต่คำนำอาจจะสะกิดใจตรงสาวกภูมิอาจบิดเบือน สำนวน ให้พิศดาร ไม่ตรงตามพุทธวจนะ...

สหายในธรรม พระสูตรก็ดี พระวินัยก็ดี ผมอ่านมาหมดตู้ ได้ความรู้เต็มศรีษะแต่ไม่ได้ธรรมะเกิดขึ้นกับใจนี้เลย ยิ่งพระอภิธรรมอ่านไม่เข้าใจเลย ยากมากๆ
.......................................................

เกลือที่เค้าว่ากันว่าเค็มผมลองชิมดูแล้ว มันเค็มจริงๆ ปฏิบัติตามใจชอบเถิดครับ แนวไหนที่ทำให้ท่านได้กินเกลือ ไม่มีผิด เส้นทางไป กทม.นี้ ไปได้หลายทาง จะเริ่มจากสุพรรณบุรี นครสวรรค์ ชัยนาท ประจวบ เชียงใหม่ เริ่มจากไหนก็ถึงเหมือนกัน ฉันใดก็ฉันนั้นการปฏิบัติของคนจริงจุดหมายตั้งไว้แล้วมันไปได้แน่ๆ เมื่อนั้นท่านจะถึงบางอ้อเอง แล้วพระพุทธเจ้าก็จะอยู่ในใจท่าน เป็นสรณะ เป็นที่พึ่ง เมื่อใดที่ท่านกราบพระ 3 ครั้ง ปีติเกิดขึ้น(ขนลุกชูชัน) แสดงว่าจิตท่านอ่อนน้อมต่อองค์พระประทีปแก้วเป็นอันมาก เคารพท่านเป็นอันมาก จิตท่านอ่อนไม่แข็งกระด้าง ชุ่มเย็น สงบดี นั่นก็แสดงว่าจิตของท่านเข้าถึงแล้วในสมาธิระดับใดระดับหนึ่งแล้วละครับ ข้าพเจ้าบอกแนวทางลัดก็เพื่อให้ได้กันเร็วๆโดยนำเอาแนวทางของหลวงพ่อฤาษีลิงดำมาบอกกล่าว แต่ย่นย่อให้มันง่ายขึ้นอีก แบบลูกทุ่งๆอาจจะไม่ตามหลักของพุทธวจนทุกถ้อยคำ แต่.. สาธุ จิตนี้ไม่คิดบิดเบือน ถ้าบิดเบือนคงไม่ได้วิทยุเอเอ็มมาฟังคลื่นธรรมะตอนดึกๆเป็นแน่ ข้อนี้ผมมั่นใจว่าพระอริยะเจ้าทั้งหลายท่านรู้วาระจิตของผมดี อีกประการหนึ่งจิตพวกเรามันแข็งมาก มันหยาบกระด้าง ขัดเกลายากมาก ฟุ้งซ่านก็เป็นที่หนึ่ง คนทำคนปฏิบัติย่อมรู้ดี ว่าผมปราถนาให้ท่านเข้าสมาธิกันได้โดยไวที่สุด (ถ้าท่านทำจริง) แม้ไม่ได้กินเกลือตามหลักโภชนาการ ตามปริมาณที่ตำราอ้างอิงไว้ แต่ผมเองก็หวังให้ท่านได้ชิมซักปลายๆช้อนชานิดนึง ผมก็พอใจแล้ว ...คิดเช่นนี้จริงๆ...

ปล.ภาพที่ 3 เหมือนแผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์ ที่หน่วยงานผมจัดทำ มันยากมากสำหรับการทำตามนั้น ชาวบ้านงงกันมากๆ สอนเท่าไหร่ก็ทำไม่ได้ ในทางกลับกัน หลักธรรมะอิงวิชาการใดๆก็ตาม ณ. พ.ศ.นี้ วัตถุมันครอบงำจิตมากขึ้นๆ จึงหาทางลัดให้ ก็ประมาณนี้ละครับ วิทยุเก่ามากแล้วสิ้นปีนีอาจซื้อรุ่นใหม่ซักเครื่อง

 

สาธุ และกราบขอบพระคุณที่ช่วยชี้แนะแนวทางปฏิบัติครับผม
กระผมจะพยายามปฏิบัติครับ
เนื่องด้วยจิตกระผมยังไม่มีความสงบนิ่ง จิตมันคอยจะสอดส่าย ฟุ้งซ่านคิดเรื่องต่างๆตลอดครับ
ถ้าท่านเมตตาช่วยชี้แนะแนวให้บัวใต้โคลนอย่างกระผม
พอจะมีโอกาสได้พ้นจากโคลนตมด้วยครับ
ขอโมทนาในมหากุศล โดยการเมตตาเผยแผ่หลักคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งช่วยให้สัตว์ทั้งหลายได้พ้นจากความทุกข์
ขอบพระคุณมากครับผม..

 

ขอบพระคุณ คุณDNA มากๆ ที่กรุณาแนะนำวิธีที่ทำได้ง่ายมากๆขึ้น

ด้วยความคิดว่าตัวเองก็ทำมาแล้วตามคำสอนหลวงพ่อ ไม่ว่าจะจับลม-จับภาพพระ-ภาวนา
แต่ว่า ถ้าอยากจะจับได้ทั้งวันต้องเป็นจับลมจริงๆตามคุณ DNA ว่า
เพราะภาระหน้าที่การงาน ทำให้เราตั้งสติมารู้ตัวยาก

แต่ถ้าจับลม แล้วนึกตามไปด้วยว่า อ้อ..เรายังไม่ตายยังมีลมหายใจอยู่ ก็จะรู้ตัวได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น
ส่วนจับลม-จับภาพพระ-ภาวนา พร้อมกันต้องรอทำตอนที่เราสะดวกแล้ว

อยากรบกวนคุณ DNA ดูสภาพจิตให้ด้วยค่ะ ไปถึงไหนมีอนาคตไหม ขอบพระคุณค่ะ

 

ประมาณ 5 ทุ่ม-เที่ยงคืน จะเปิดวิทยุหาคลื่นในปัจจุบัน และในอนาคตให้ครับว่าจะได้ความหรือไม่ แต่ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรเรากำหนดชะตาเราได้ครับ อย่าท้อถอยกัน

ผมนี่แย่ที่สุดในบรรดาลูกๆของแม่ เป็นพี่ชายคนโต แต่ด้อยกว่าน้องๆมากในเบื้องต้น แต่ด้วยใจที่มุ่งมั่น อดทน ไม่ลดละทั้งวันทั้งคืน จนเกิดปฏิกริยาคล้ายไฟฟ้าช๊อตที่หลัง ปวดร้าวมากๆ จนต้องใช้เข็มขัดลัดเอวไว้รีบไปพบพระอาจารย์ ท่านว่า เร่งฝึกมากเกินขีดจำกัดของตัวเอง เปรียบเหมือนเรามีแบตเตอรี่แค่ 50 แอมป์ แต่พยายามประจุไฟเข้าไปจนเกินขีดจำกัด ไฟฟ้าเลยตีกลับ ช๊อทกลางกลังบริเวณจักระจุดที่ 3 อาจารย์ให้ลดระดับการฝึก ให้ทำน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง ไม่ใช่นั่งเอาเป็นเอาตาย ทีละ 2-3 ชม. เป็นประสบการณ์ตรงครับที่เล่ามา ปัจจุบันอยู่ตัวแล้วไฟไม่ช๊อตแล้ว ..

เดี๋ยวผมตอบทางข้อความนะครับ คุณ พลังทิพย์

 

รอบทต่อไปค่ะ คุณDNA1126 ฝึกตามที่แนะนำแล้วเผอบ้างหลุดบ้าง ทรงได้บ้าง พยายามจับลมหายใจไว้ เป็นประโยชน์มากตอนรู้สึกโกรธ รบกวนลงบทต่อไปด้วยได้ไหมค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

 

มันจบในบทเดียวครับ ไม่มีภาคต่อ ถ้าทรงอารมณ์เดี๋ยวได้ เดี๋ยวหลุด ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง อย่างนี้ยังไม่เข้าเขตการทรงอารมณ์ที่ดี ถ้าจะให้ดี คือทรงได้ 10 ครั้ง 20 ครั้ง 30 40 50 60 ....ตลอดวันโดยไม่มีอารมณ์อื่นแทรกเข้ามาได้เลย และถึงแม้มีเหตุการณ์เฉพาะหน้า ก็สักแต่ว่าเห็น ใจไม่คิดต่อยอดออกไปอีก เช่น เห็นชายหนุ่มหล่อมาก สูงขาว จมูกโด่ง เราก็สักแต่ว่าเห็น จิตไม่คิดต่อยอดออกไปว่า เอ เค้ามีแฟนหรือยังหนอ น่ารักจริงๆ ถ้าได้มาเป็นแฟนเรา เราคงจะมีความสุขมากๆในชีวิต...นี่ คือจิตคิดต่อยอดออกไปแล้ว ลืมการทรงลมหายใจไปแล้ววววววว.....แน่นอน คุณพลาดแล้วครับ อานาปานสติกรรมฐาน คือกรรมฐานอันเกี่ยวเนื่องกับลมหายใจ ที่รู้อยู่ตลอดเวลา ย้ำว่ารู้อยู่ตลอดเวลา อืมส์.... พอเข้าใจบ้างไหมหนอ ..... อ่านอีกรอบที่ผมโพสไว้ถ้ายังจำไม่ได้ ก็อ่านอีก อ่านอีก แล้วก็ลงมือทำ ทำจิงๆจังๆนะครับ แล้วธรรมจะเป็นของคุณ
..............................................................................................................

อารมณ์ทรงตัว มันเป็นอาการเฉย ที่มีสติกำกับอยู่ทุกลมหายใจ เฉยๆ ธรรมดาๆ ปกติถ้ามีเรื่องร้ายๆเข้ามากระทบโดยตรง เช่น คนข้างบ้านตีวัวกระทบคราดใส่เรา ถามว่าเราได้ยินเต็มๆจะเป็นยังไงถ้าไม่กำหนดจับลมหายใจไว้ ....พังแน่ ...ราบเป็นหน้ากลอง อิฉันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใครด้านฝีปาก !!! หากจับลมหายใจอยู่ หูมันได้ยินชัดๆ เต็มๆ แต่ว่าจิตมันจับลมหายใจอยู่ มันไม่วิเคราะห์ต่อยอดออกไป อารมณ์มันเฉยๆ จับลมไว้ให้มั่นครับ อารมณ์เป็นดังคลื่นกระทบนั้น มันจะหล่นลงข้างหน้าเราในทันที อีกประการครับ จิตที่ทรงฌาญใครใส่ร้าย ด่าว่า เรา เราเฉยๆไว้ ผมรับรองได้มันสะท้อนกลับหาผู้นั้นในบัดดล ยิ่งถ้ากำลังฌาญสูงๆ ยิ่งให้ผลไวมากและทวีคูณ อานิสงค์ปลีกย่อยที่ผมบอกๆกันไว้ มันดีอย่างนี้และมันยังมีดีกว่านี้มาก พิศดารกว่านี้มาก เอาแค่นี้ก่อนนะครับ...

สวัสดี

 

ในที่สุดในโลกใบนี้ก็ได้ให้มีผู้ให้กำเนิด เครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าแบบ infinity ได้ทำสำเร็จ พลังงานไม่รู้จบ ฟรี ไม่มีมลพิษ ไม่มีค่าใช้จ่าย ในอนาคตอันใกล้นี้ เรากำลังเข้าใกล้ ยุคพลังงานใหม่ พลังงานเชื้อเพลิงแบบเดิมๆ คงจะหมดไป โลกคงจะเย็นลง ไม่ร้อนเหมือนทุกวันนี้ ดูรายละเอียดได้จากที่นี่ ครับ

Platinum Invests' Palladium assembly photos and video

 

ช่วงนี้ไม่ขอเปิดวิทยุรับดูกระแสคลื่นความถี่ในสมองของใครนะครับ แบบว่าเหนื่อยมาก
การตรวจแต่ละคนผมต้องเร่งจูนคลื่นของตัวเองให้สูงถึงขีดสุด อัดประจุเข้าแบตเตอรีตัวเอง แล้วนำวิทยุ AM เอนกประสงค์มาวัดแอมป์มิเตอร์ของแต่ละคน ซึ่งบางท่านอาจจะยังไม่ได้เริ่มปฏิบัติตามแนวทางที่ให้ไว้เลย ขอเช็คจิตเสียแล้ว ..???
โถท่าน ท่านก็น่าจะรู้ตัวเองว่ามันทำไปได้แค่ไหน มันทรงอารมณ์อยู่คงที่ได้กี่นาที ตรงจุดนี้ท่านจะรู้ตัวเองดีที่สุด ไม่ต้องวัดสัญญาณใดๆหรอกขอรับ

งานนี้เหนื่อยครับ บางท่านผมก็ตอบเป็นกรณีพิเศษ ถอยหลังคลื่นวิทยุจาก ณ วันนี้ไปดูวันก่อนๆโน้นนนนนนนนนให้ด้วย ถ้าไม่รักกันจริงไม่ทำให้ดอกท่านเอ๋ย...เอาเป็นว่าปิดสถานีวิทยุชุมชนคนรักธรรมสัก 20 วัน เพื่อความมั่นคงของชาติ ... วันที่ 20 มิย.57 ค่อยเริ่มเปิดสถานีวิทยุ AM ระบบโบราณ กันใหม่ครับ ถึงเวลานั้นใครที่ปฏิบัติจริงๆแล้วมันติดขัดตรงไหน ก็ให้รีบถามไถ่กันเข้ามาครับ พอสิ้นเดือน มิย.57 ขอปิดสถานีถาวรเลย

ใครทำได้ก็ได้ ใครทำไม่ได้ก็ทำต่อไป อย่าท้อถอย ไม่ได้ให้ไปรบกับใคร เพียงแค่ให้รบกับอารมณ์ที่มาแทรก โดยมีอาวุธคือลมหายใจของตัวเองแค่นั้นเอง(ซึ่งก็หายใจกันอยู่ทุกๆวัน)..
วันๆอย่าหายใจทิ้งไปเฉยๆ หายใจเอาบุญนี่ง่ายสุด ประหยัดที่สุดแล้วครับ

บางคนบ่นๆว่าไม่มีเวลาไปวัดทำบุญเลย งานยุ่งมากๆ โถ..ถามว่ามีเวลาหายใจกันบ้างไหม ถ้ามี ก็ลุยกันเลย นี่มันทางลัดที่สุดแล้วครับ ในแดนนรกภูมินั้นบุญอื่นใดปลดโซ่ตรวนที่พันธนาการพ่อแม่พี่น้องลูกเมียของเรา ไม่ได้เลย มีเพียงบุญพระกรรมฐานเท่านั้น ที่ปลดโซ่ตรวนได้ ยิ่งอยู่ลึกๆ ยิ่งต้องใช้พลังงานสูงมากๆช่วยท่าน

ถ้ามันตื้นๆกรรมเบาบางลงมากแล้ว ในวันโกน วันพระ เป็นวันหยุดราชการของข้างล่าง ท่านปล่อยวิญญาณที่กรรมไม่หนักให้ขึ้นมา รอรับบุญ จากลูกหลาน ถ้าตรงนี้บุญสังฆทานก็ถึง บุญอะไรก็ถึงครับ บุญหายใจนี่ก็ถึง ถึงเร็วซะด้วยเพียงชั่วลัดนิ้วมือเดียว เพียงชั่วพริบตา ผมถึงได้เน้นแล้วเน้นอีกว่าให้จริงจังกันหน่อย คนที่เลี้ยงเรามารอบุญจากเราผู้ไม่เอาถ่านอยู่นะครับ บางท่านอาจจะแย้งว่า พ่อทำบุญสร้างโบสถ์วิหาร 30 วัด สร้างพระใหญ่ นับไม่ถ้วน ถวายเงินสดๆกับท่านเจ้าคุณ 10 ล้าน พ่อไปดีแน่ๆ....!!! ผมขอเตือนท่านก่อนนะครับจิตสุดท้าย ของลมหายใจเฮือกสุดท้าย เป็นตัวชี้วัดว่าบุคคลคนนั้นจะไปนะที่แห่งใด ยกตัวอย่าง ทั้งชีวิตอาจทำบุญมามาก แต่เผอิญจิตสุดท้ายห่วงภรรยาที่ยังสาวยังสวยอยู่ งานนี้เป็นตุ๊กแกเฝ้าบ้าน หรือไม่ก็เปรต ...ถ้าฆ่าสัตว์ไว้มากๆ ดื่มสุรามากๆ กาเม โกหก ลักทรัพย์ของสงฆ์ อาฆาตแค้น จิตเศร้าหมองลงข้างล่างไปเลย นานแสนนาน..

ก็ในเมื่อหายใจกันอยู่ทุกๆวัน ก็พ่วงบุญไปด้วย

3-20 วินาที ก็ยังดี

30-59 วิ ดีขึ้นมาก

1 นาที เริ่มได้มาตรฐาน ISSO 2014

5 นาที สุดยอด

10 นาที นี่มันนักกรรมฐานแล้ว

20นาที-1 ชม. โอ้.. ไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดา

ทั้งวัน จนกระทั่งนอน ท่านเป็นผู้ทรงฌาญฉบับสมบูรณ์แล้ว

ท่านทั้งหลายเพียง 3 วินาที ที่ท่านไม่ให้อารมณ์อื่นแทรกได้มันก็อยู่ในเขตของบุญแล้ว มันจะสมาธิอะไร ขั้นไหน ช่างมันเถอะ เอาให้อยู่ในเขตของบุญบ่อยๆ เท่าที่จะทำได้ นั่นละที่ผมตั้งใจอยากให้ท่านเป็น.. อยากให้ท่านทำ.....

สวัสดี < DNA1126 >

 

อ่านไปขำไป

เอ้า พี่ๆ น้องๆ หายใจเข้า หายใจออกอย่าหายใจทิ้งขว้างๆ นึกๆ รู้ๆ ได้บ้างก็ยังดีค่ะ

ยิ่งตอนจะนอนนี่ ทำเลย หลับกี่ชั่วโมง ได้กำไรเท่านั้น

:boo:

 

รู้แล้วว่าใครคือลุงคนเชียงใหม่ คนที่เสียเงินทองไปเพราะกระทู้นี้ คุณต้องติดต่อผู้ดูแลกันเอาเอง

หลังจากโดนบี้หนักๆเข้า นายคนนี้ก็ล็อกอินเข้ามาในชื่อลุงคนเชียงใหม่เมื่อสี่วันก่อน(วันที่29พ.ค.2557)เพื่อเข้ามาดูกระทู้นี้ หลังจากที่ล็อกเข้ามาตลอดแต่ไม่เคยดูอะไร คราวนี้เข้ามากระทู้นี้กระทู้เดียวเลยในรอบปีกว่า

ในวันเดียวกันเวลาใกล้ๆกัน(วันที่29พ.ค.2557) นายนี่ล็อกอินเข้ามาก่อนแล้วในอีกชื่อหนึ่งที่เป็นอีกตัวตนหนึ่งที่มักจะอวยลุงคนเชียงใหม่ โดยเข้ามาลบและแก้ไขข้อความตัวเอง เริ่มตั้งแต่หน้าที่6ของกระทู้นี้ การแก้ไขข้อความส่วนใหญ่จะเป็นการลบข้อความที่จะสาวมาถึงตัวเอง โดยเฉพาะรูปรถมอเตอร์ไซค์ที่มีป้ายทะเบียนอยู่และรูปอื่นๆ ใช้เวลาไป2ชั่วโมงกว่า โดยเริ่มแก้ไขข้อความตั้งแต่หน้าที่6จนถึงประมาณหน้า20กว่าๆ

เขาอาจจะไม่ได้หลอกลวงเงินทองคุณ แต่ก็ทำให้คุณหลงเชื่อ หลายคนเสียเงินไปมากๆ อาจจะเพราะความสนุกหรืออะไรก็ตาม แต่คุณมีสิทธิที่จะร้องไปยังwebsnowหรือผู้ดูแลครับ

 

ที่บอกว่าไปบี้นายนี่มากๆ มันก็มีวิธีของมันอยู่ มันถึงได้หูตาตื่นล็อกอินเข้ามาทั้งชื่อ ลุงคนเชียงใหม่ กับอีกชื่อหนึ่ง ในวันเดียวกัน

แล้วตุๆกันหรือเปล่าที่คนๆหนึ่งไปไล่แก้โพสตัวเองที่โพสไว้สองปีครึ่งที่แล้ว ไล่แก้มาเป็นสิบกว่าหน้า วันที่แก้ไขมันก็บันทึกไว้ในแต่ละโพสนั่นแหละ

ใครเสียรู้ เสียเงิน ก็ติดต่อคนดูแลเว็บให้เขาตรวจเช็คได้ว่าหมายเลขไอพีบางโพสมันจะซ้ำกันอยู่ คุณwebsnowจะทำได้เร็วที่สุดเพราะมีสิทธิมากที่สุด ผู้ดูแลคนอื่นจะใช้เวลาหน่อย

 

ออ เปิดมาจิ รู้นะตัวเอง 555+ คุณลุง ปล่อยเขาไปเหอะ 555+ หมดไปหลายแล้วนิ

รอของจริงดีกว่า

มีชื่อในใจกันรึยังละพี่น้อง

 

คนเรานี่มันก็แปลกดีนะ ถ้ามันไม่ใช่การลวงโลกจริงจะร้อนตัวเดือดร้อนไปทำไม
เล่นแก้โพสแบบนี้มันก็ฟ้องทุกอย่างแล้วว่าอะไรเป็นอะไร ไม่ต้องใช้การทำนาย
หรือเห็นอนาคตอะไรเลยมันชัดเจนด้วยความจริงของการกระทำ

สรุปคือ ลุงแกสร้างเรื่องโกหกขึ้นมา แต่เพื่อ???อะไรนั้นไม่มีใครทราบได้

จะไปหวังให้ทางทีมงานเวปมาทำอะไรคงจะหวังเล็กๆแบบไม่ต้องหวังเลยดีกว่า
นะครัชชช ถ้าเค้าสนใจดูแลจริงกระทู้นี้คงหายไปตั้งแต่เรื่องโกหกได้ถูกเปิดเผย
แล้ว คุณป้ามหาภัยสัญญาณหมาเดือนภัยพิบัติ/พีระมิดเมาแล้วคลาน/ลูกแก้ว
มะล็อกก๊อกแก๊ก/จิตบ้าข้ามจักรวาล กระทู้พวกนี้ยังถูกจัดการไปหมดแล้วคงจะเหลือ
แค่กระทู้นี้กับอีกกระทู้นึงที่ยังเพ้อเจ้อเวิ่นเว้อกันไม่เลิก กระทู้หมาเตือนภัยก็เงียบๆไป
แล้วเพราะเล่นยกระดับมารอบที่ 9999 ยกจนไม่มีอะไรให้ยกระดับแล้ว

 

ขอโอกาสค่ะ ขอนำพุทธวจน:คำสอนจากพระโอษฐ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้า มาแสดง ดังนี้


ชนเหล่าใด เกิดในมนุษยโลกแล้ว
เมื่อพระตถาคตทรงประกาศสัทธรรม
ไม่เข้าถึงขณะ ชนเหล่านั้นเชื่อว่าล่วงขณะ

ชนเป็นอันมากกล่าวเวลาที่เสียไปว่า
กระทำอันตรายแก่ตน

พระตถาคตเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลก
ในกาลบางครั้งบางคราว

การที่พระตถาคตเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ๑
การได้กำเนิดเป็นมนุษย์ ๑
การแสดงสัทธรรม ๑
ที่จะพร้อมกันเข้าได้ หาได้ยากในโลก

ชนผู้ใคร่ต่อประโยชน์
จึงควรพยายามในกาลดังกล่าวมานั้น
ที่ตนพอจะรู้จะเข้าใจสัทธรรมได้

ขณะอย่าล่วงเลยท่านทั้งหลายไปเสีย
เพราะบุคคลที่ปล่อยเวลาให้ล่วงไป
พากันยัดเยียดในนรก ย่อมเศร้าโศกอยู่

หากเขาจะไม่สำเร็จอริยมรรค
อันเป็นธรรมตรงต่อสัทธรรมในโลกนี้ได้
เขาผู้มีประโยชน์อันล่วงเสียแล้ว จักเดือดร้อนสิ้นกาลนาน
เหมือนพ่อค้าผู้ปล่อยให้ประโยชน์ล่วงไปเดือดร้อนอยู่

ฉะนั้น คนผู้ถูกอวิชชาหุ้มห่อไว้ พรากจากสัทธรรม
จักเสวยแต่สงสาร คือ ชาติและมรณะสิ้นกาลนาน

ส่วนชนเหล่าใดได้อัตภาพเป็นมนุษย์แล้ว
เมื่อพระตถาคตประกาศสัทธรรม
ได้กระทำแล้ว จักกระทำ หรือกระทำอยู่
ตามพระดำรัสของพระศาสดา
ชนเหล่านั้นชื่อว่าได้ประสบขณะ
คือ การประพฤติพรหมจรรย์อันยอดเยี่ยมในโลก

ชนเหล่าใดดำเนินไปตามมรรคา
ที่พระตถาคตเจ้าทรงประกาศแล้ว
สำรวมในศีลสังวรที่พระตถาคตเจ้าผู้มีจักษุ
เป็นเผ่าพันธุ์แห่งพระอาทิตย์ ทรงแสดงแล้ว
คุ้มครองอินทรีย์ มีสติทุกเมื่อ ไม่ชุ่มด้วยกิเลส
ตัดอนุสัยทั้งปวงอันแล่นไปตามกระแสบ่วงมาร

ชนเหล่านั้นแล บรรลุความสิ้นอาสวะ
ถึงฝั่ง คือ นิพพานในโลกแล้ว ฯ
......................................
พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๒๓
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕
หน้าที่ ๑๗๕- ๑๗๖ ข้อที่ ๑๑๙

 

ทำไมต้องพุทธวจน

ผ่านมา ๒,๕๐๐ กว่าปี ก็เกิดมีหลายสำนัก
หลายครูบาอาจารย์ ทำให้มาตรฐานเริ่มมากในสังคม
เริ่มหามาตรฐานกลางไม่ได้ ต่างคนต่างใช้ความเห็นของหมู่คณะ
หรือความเห็นของผู้นำหมู่คณะของตน
เราต้องกลับมาถามว่าหมู่คณะนั้นใช้คำของพระตถาคต
เป็นมาตรฐานรึเปล่า พระพุทธเจ้าท่านทรงเห็นถึงปัญหานี้
และท่านได้ตรัสกำชับในหลายๆครั้ง
ซึ่งรวบรวมข้อความสำคัญได้ถึง ๑๐ พระสูตร

๑๐พระสูตรของความสำคัญที่ชาวพุทธต้องศึกษา

๑. พระองค์ทรงสามารถกำหนดสมาธิ เมื่อจะพูดทุกถ้อยคำ จึงไม่ผิดพลาด
อัคคิเวสนะ ! เรานั้นหรือ, จำเดิมแต่เริ่มแสดง กระทั่งคำสุดท้ายแห่งการ
กล่าวเรื่องนั้นๆ ย่อมตั้งไว้ ซึ่งจิตในสมาธินิมิตอันเป็นภายในโดยแท้ ให้จิต
ดำรงอยู่ ให้จิตตั้งมั่นอยู่ กระทำให้มีจิตเป็นเอก ดังเช่นที่คนทั้งหลายเคย
ได้ยินว่าเรากระทำอยู่เป็นประจำ ดังนี้.
มหาสัจจกสูตร มู.ม. ๑๒ / ๔๖๐ / ๔๓๐
พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ น. ๒๔๗

๒. แต่ละคำพูดเป็นอกาลิโก คือ ถูกต้องตรงจริงไม่จำกัดกาลเวลา
ภิกษุทั้งหลาย ! พวกเธอทั้งหลายเป็นผู้ที่เรานำไปแล้วด้วยธรรมนี้ อันเป็นธรรม
ที่บุคคลจะพึงเห็นได้ด้วยตนเอง (สนฺทิฏฐิโก), เป็นธรรมให้ผลไม่จำกัดกาล
(อกาลิโก), เป็นธรรมที่ควรเรียกกันมาดู (เอหิปสฺสิโก), ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว
(โอปนยิโก), อันวิญญูชนจะพึงรู้ได้เฉพาะตน (ปจฺจตฺตํ เวทตพฺโพ วิญฺญูหิ).
มหาตัณหาสังขยสูตร ม. ม. ๑๒ / ๔๘๕ / ๔๕๐.
ปฎิจจสมุปบาทจากพระโอษฐ์ น. ๔๓๑

๓. คำพูดที่พูดมาทั้งหมดนับแต่วันตรัสรู้นั้น สอดรับไม่ขัดแย้งกัน
ภิกษุทั้งหลาย ! นับตั้งแต่ราตรี ที่ตถาคตได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
จนกระทั่งถึงราตรีที่ตถาคตปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ, ตลอดเวลา
ระหว่างนั้น ตถาคตได้กล่าวสอน พร่ำสอน แสดงออก ซึ่งถ้อยคำใด ถ้อยคำ
เหล่านั้นทั้งหมด ย่อมเข้ากันได้โดยประการเดียวทั้งสิ้น ไม่แย้งกันเป็น
ประการอื่นเลย.
อิติวุ. ขุ. ๒๕ / ๓๒๑ / ๒๙๓
พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ น. ๒๘๕

๔. ทรงบอกเหตุแห่งความอันตรธานของคำสอนเปรียบด้วยกลองศึก
ภิกษุทั้งหลาย ! เรื่องนี้เคยมีมาแล้ว : กลองศึกของกษัตริย์พวกทสารหะ เรียกว่า
อานกะ มีอยู่. เมื่อกลองอานกะนี้ มีแผลแตกหรือลิ, พวกกษัตริย์ทสารหะได้หา
เนื้อไม้อื่นทำเป็นลิ่ม เสริมลงในรอยแตกของกลองนั้น (ทุกคราวไป) ภิกษุทั้งหลาย!
เมื่อเชื่อมปะเข้าหลายครั้งหลายคราวเช่นนั้น นานเข้าก็ถึงสมัยหนึ่ง ซึ่งเนื้อไม้เดิม
ของตัวกลองหมดสิ้นไปเหลืออยู่แต่เนื้อไม้ที่ทำเสริมเข้าใหม่เท่านั้น ;
ภิกษุทั้งหลาย ! ฉันใดก็ฉันนั้น : ในกาลยืดยาวฝ่ายอนาคต จักมีภิกษุทั้งหลาย,
สุตตันตะเหล่าใด ที่เป็นคำของตถาคต เป็นข้อความลึกมีความหมายซึ่ง เป็นชั้น
โลกุตตระ ว่าเฉพาะด้วยเรื่องสุญญตา, เมื่อมีผู้นำสุตตันตะเหล่านั้นมากล่าวอยู่.
เธอจักไม่ฟังด้วยดี จักไม่เงี่ยหูฟัง จักไม่ตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึง และจักไม่สำคัญว่า
เป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน. ส่วนสุตตันตะเหล่าใด ที่นักกวีแต่งขึ้นใหม่ เป็นคำร้อยกรองประเภทกาพย์กลอน มีอักษรสละสลวย มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นเรื่อง
นอกแนว เป็นคำกล่าวของสาวก, เมื่อมีผู้นำสูตรที่นักกวีแต่งขึ้นใหม่เหล่านั้นมา
กล่าวอยู่, เธอจักฟังด้วยดี จักเงี่ยหูฟัง จักตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึง และจักสำคัญว่า
เป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียนไป.
ภิกษุทั้งหลาย ! ความอันตรธานของสุตตันตะเหล่านั้น ที่เป็นคำของ
ตถาคต เป็นข้อความลึก มีความหมายซึ้ง เป็นชั้นโลกุตตระ ว่าเฉพาะด้วย
เรื่องสุญญตา จักมีได้ด้วยอาการอย่างนี้ แล.
นิทาน. สํ. ๑๖ / ๓๑๑ / ๖๗๒-๓
ขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์ น. ๑๐๗

๕. ทรงกำชับให้ศึกษาปฏิบัติเฉพาะจากคำของพระองค์เท่านั้น อย่าฟังคนอื่น
ภิกษุทั้งหลาย ! พวกภิกษุบริษัทในกรณีนี้, สุตตันตะเหล่าใด ที่กวีแต่งขึ้นใหม่
เป็นคำร้อยกรองประเภทกาพย์กลอน มีอักษรสละสลวย มีพยัญชนะอันวิจิตร
เป็นเรื่องนอกแนว เป็นคำกล่าวของสาวก เมื่อมีผู้นำสุตตันตะเหล่านั้นมากล่าวอยู่
เธอจักไม่ฟังด้วยดี ไม่เงี่ยหูฟัง ไม่ตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึง และจักไม่สำคัญว่าเป็นสิ่งที่
ตนควรศึกษาเล่าเรียน.
ภิกษุทั้งหลาย ! ส่วนสุตตันตะเหล่าใด ที่เป็นคำของตถาคต เป็นข้อความลึก
มีความหมายซึ้ง เป็นชั้นโลกุตตระ ว่าเฉพาะด้วยเรื่องสุญญตา, เมื่อมีผู้นำ
สุตตันตะเหล่านั้นมากล่าวอยู่; เธอย่อมฟังด้วยดี ย่อมเงี่ยหูฟัง ย่อมตั้งจิตเพื่อจะ
รู้ทั่วถึง และย่อมสำคัญว่าเป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน จึงพากันเล่าเรียน
ไต่ถาม ทวนถามแก่กันและกันอยู่ว่า “ข้อนี้เป็นอย่างไร? มีความหมายกี่นัย?” ดังนี้.
ด้วยการ ทำดังนี้ เธอย่อมเปิดธรรมที่ถูกปิดไว้ได้. ธรรมที่ยังไม่ปรากฏ เธอก็ทำให้
ปรากฏได้, ความสงสัยในธรรมหลายประการที่น่าสงสัยเธอก็บรรเทา ลงได้
ทุก. อํ. ๒๐ / ๙๒ / ๒๙๒
ขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์ น. ๓๕๒
ภิกษุทั้งหลาย ! บริษัทชื่อ อุกกาจิตวินีตา ปริสา โน ปฏิปุจฉาวินีตา
เป็นอย่างไรเล่า?
ภิกษุทั้งหลาย ! ในกรณีนี้คือ ภิกษุทั้งหลายในบริษัทใด, เมื่อสุตตันตะ
ทั้งหลาย ตถาคตภาสิตา-อันเป็นตถาคตภาษิต คมฺภีรา-อันลึกซึ้ง คมฺภีรตฺถา-
มีอรรถอันลึกซึ้ง โลกุตฺตรา-เป็นโลกุตตระ สุญฺญตปฏิสํยุตฺตา-ประกอบด้วย
เรื่องสุญญตา อันบุคคลนำมากล่าวอยู่, ก็ไม่ฟังด้วยดี ไม่เงี่ยหูฟัง ไม่เข้าไป
ตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึง และไม่สำคัญว่า เป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน.
ส่วนสุตตันตะเหล่าใด ที่กวีแต่งขึ้นใหม่ เป็นคำร้อยกรองประเภทกาพย์
กลอนมีอักษรสละสลวย มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นเรื่องนอกแนว เป็นคำกล่าว
ของสาวก, เมื่อมีผู้นำสุตตันตะเหล่านี้มากล่าวอยู่ พวกเธอย่อมฟังด้วยดี
เงี่ยหูฟัง ตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึง และสำคัญไปว่าเป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน.
พวกเธอเล่าเรียนธรรมอันกวีแต่งใหม่นั้นแล้ว ก็ไม่สอบถามซึ่งกันและกัน ไม่ทำให้
เปิดเผยแจ่มแจ้งออกมาว่า ข้อนี้พยัญชนะเป็นอย่างไร อรรถะเป็นอย่างไร
ดังนี้. เธอเหล่านั้นเปิดเผยสิ่งที่ยังไม่เปิดเผยไม่ได้ ไม่หงายของที่คว่ำอยู่ให้
หงายขึ้นได้ ไม่บรรเทาความสงสัยในธรรมทั้งหลายอันเป็นที่ตั้งแห่งความสงสัย
มีอย่างต่างๆ ได้. ภิกษุทั้งหลาย ! นี้เราเรียกว่า อุกกาจิตวินีตา ปริสา โน
ปฏิปุจฉาวินีตา.
ภิกษุทั้งหลาย ! บริษัทชื่อ ปฏิปุจฉาวินีตา ปริสา โน อุกกาจิตวินีตา
เป็นอย่างไรเล่า? ภิกษุทั้งหลาย ! ในกรณีนี้คือ ภิกษุทั้งหลายในบริษัทใด, เมื่อ
สุตตันตะทั้งหลาย ที่กวีแต่งขึ้นใหม่ เป็นคำร้อยกรองประเภทกาพย์กลอนมีอักษร
สละสลวย มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นเรื่องนอกแนว เป็นคำกล่าวของสาวก
อันบุคคลนำมากล่าวอยู่, ก็ไม่ฟังด้วยดี ไม่เงี่ยหูฟัง ไม่เข้าไปตั้งจิตเพื่อจะรู้
ทั่วถึง และไม่สำคัญว่าเป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน. ส่วนสุตตันตะ เหล่าใด
อันเป็น ตถาคตภาษิตอันลึกซึ้ง มีอรรถอันลึกซึ้ง เป็นโลกุตตระ ประกอบ
ด้วยเรื่องสุญญตา, เมื่อมีผู้นำสุตตันตะเหล่านี้มากล่าวอยู่ พวกเธอย่อมฟัง
ด้วยดี ย่อมเงี่ยหูฟัง ย่อมเข้าไปตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึง และย่อมสำคัญว่าเป็นสิ่ง
ที่ควรศึกษา เล่าเรียน. พวกเธอเล่าเรียนธรรมที่เป็นตถาคตภาษิตนั้นแล้ว
ก็สอบถาม ซึ่งกันและกัน ทำให้เปิดเผยแจ่มแจ้งออกมาว่า ข้อนี้พยัญชนะเป็น
อย่างไร อรรถะเป็นอย่างไร ดังนี้. เธอเหล่านั้นเปิดเผยสิ่งที่ยังไม่เปิดเผยได้
หงายของที่คว่ำอยู่ให้หงายขึ้นได้ บรรเทาความสงสัยในธรรมทั้งหลายอันเป็นที่ตั้งแห่งความสงสัย มีอย่างต่างๆ ได้. ภิกษุทั้งหลาย! นี้เราเรียกว่า ปฏิปุจฉาวินีตา
ปริสา โน อุกกาจิตวินีตา.
ภิกษุทั้งหลาย ! เหล่านี้แลบริษัท ๒ จำพวกนั้น ภิกษุทั้งหลาย ! บริษัท
ที่เลิศ ในบรรดาบริษัททั้งสองพวกนั้นคือ บริษัทปฏิปุจฉาวินีตา ปริสา โน อุกกา
จิตวินีตา (บริษัทที่อาศัยการสอบสวนทบทวนกันเอาเองเป็นเครื่องนำไป:ไม่อาศัย
ความเชื่อจากบุคคลภายนอกเป็นเครื่องนำไป) แล.
ทุก. อํ. ๒๐ / ๙๑ / ๒๙๒
อริยสัจจากพระโอษฐ์ ภาคต้น น. ๕๐๕

๖. ทรงห้ามบัญญัติเพิ่มหรือตัดทอนสิ่งที่บัญญัติไว้
ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุทั้งหลายจักไม่บัญญัติสิ่งที่ไม่เคยบัญญัติ จักไม่เพิก
ถอนสิ่งที่บัญญัติไว้แล้ว, จักสมาทานศึกษาในสิกขาบทที่บัญญัติไว้แล้ว อย่าง
เคร่งครัด อยู่เพียงใด, ความเจริญก็เป็นสิ่งที่ภิกษุทั้งหลายหวังได้ ไม่มีความ
เสื่อมเลย อยู่เพียงนั้น.
มหาปรินิพพานสูตร มหา. ที. ๑๐ / ๘๙ / ๖๙
พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ น. ๔๖๕

๗. สำนึกเสมอว่าตนเองเป็นเพียงผู้เดินตามพระองค์เท่านั้นถึงแม้
จะเป็นอรหันต์ผู้เลิศทางปัญญาก็ตาม
ภิกษุทั้งหลาย ! ตถาคตผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะ ได้ทำมรรคที่ยังไม่เกิดให้
เกิดขึ้น ได้ทำมรรคที่ยังไม่มีใครรู้ให้มีคนรู้ ได้ทำมรรคที่ยังไม่มีใครกล่าวให้เป็น
มรรคที่กล่าวกันแล้ว ตถาคตเป็นมัคคัญญู (รู้มรรค) เป็นมัคควิทู (รู้แจ้งมรรค)
เป็นมัคคโกวิโท (ฉลาดในมรรค). ภิกษุทั้งหลาย! ส่วนสาวกทั้งหลายในกาลนี้
เป็นมัคคานุคา (ผู้เดินตามมรรค) เป็นผู้ตามมาในภายหลัง.
ภิกษุทั้งหลาย ! นี้แล เป็นความผิดแผกแตกต่างกัน เป็นความมุ่งหมาย
ที่แตกต่างกัน เป็นเครื่องกระทำให้แตกต่างกัน ระหว่างตถาคตผู้อรหันตสัมมา-
สัมพุทธะกับภิกษุผู้ปัญญาวิมุตติ
ขนฺธ. สํ. ๑๗ /๘๑ / ๑๒๕
อริยสัจจากพระโอษฐ์ ภาคต้น น. ๗๒๑

๘. ตรัสไว้ว่าให้ทรงจำบทพยัญชนะและคำอธิบายอย่างถูกต้อง
พร้อมขยันถ่ายทอดบอกสอนกันต่อไป
ภิกษุทั้งหลาย ! พวกภิกษุในธรรมวินัยนี้ เล่าเรียนสูตรอันถือกันมาถูก
ด้วยบทพยัญชนะที่ใช้กันถูก ความหมายแห่งบทพยัญชนะที่ใช้กันก็ถูก ย่อมมีนัยอันถูกต้องเช่นนั้น ภิกษุทั้งหลาย ! นี่เป็นมูลกรณีที่หนึ่ง ซึ่งทำให้ พระสัทธรรม
ตั้งอยู่ได้ไม่เลอะเลือนจนเสื่อมสูญไป..
ภิกษุทั้งหลาย ! พวกภิกษุเหล่าใด เป็นพหุสูต คล่องแคล่ว ในหลักพระพุทธ
วจน ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา (แม่บท) พวกภิกษุเหล่านั้น เอาใจใส่
บอกสอน เนื้อความแห่งสูตรทั้งหลายแก่คนอื่นๆ, เมื่อท่านเหล่านั้นล่วงลับไป สูตร
ทั้งหลาย ก็ไม่ขาดผู้เป็นมูลราก (อาจารย์) มีที่อาศัยสืบกันไป. ภิกษุทั้งหลาย !
นี่เป็นมูลกรณีที่สาม ซึ่งทำให้พระสัทธรรม ตั้งอยู่ได้ไม่เลอะเลือนจนเสื่อมสูญไป...
(ในที่นี้ยกมาเพียง 2 ข้อ จาก 4 ข้อ ของเหตุเจริญแห่งพระศาสนา)
จตุกฺก. อํ. ๒๑ /๑๙๘ / ๑๖๐
ขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์ น. ๓๕๕

๙. ทรงบอกวิธีแก้ไขความผิดเพี้ยนในคำสอน
๑. (หากมี) ภิกษุในธรรมวินัยนี้กล่าวอย่างนี้ว่า ผู้มีอายุข้าพเจ้าได้สดับรับ
มาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคว่า “นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสอนของ
พระศาสดา”...
๒. (หากมี) ภิกษุในธรรมวินัยนี้กล่าวอย่างนี้ว่า ในอาวาสชื่อโน้นมีสงฆ์อยู่
พร้อมด้วยพระเถระ พร้อมด้วยปาโมกข์ ข้าพเจ้าได้สดับมาเฉพาะหน้าสงฆ์นั้นว่า
“นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสอนของพระศาสดา”...
๓. (หากมี) ภิกษุในธรรมวินัยนี้กล่าวอย่างนี้ว่า ในอาวาสชื่อโน้น มีภิกษุ
ผู้เป็นเถระอยู่จำนวนมากเป็นพหูสูตร เรียนคำภีร์ ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา
ข้าพเจ้าได้สดับมาเฉพาะหน้าพระเถระเหล่านั้นว่า “นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็น
คำสอนของพระศาสดา”...
๔. (หากมี) ภิกษุในธรรมวินัยนี้กล่าวอย่างนี้ว่า ในอาวาสชื่อโน้นมีภิกษุ
ผู้เป็นเถระ อยู่รูปหนึ่งเป็นพหูสูตร เรียนคำภีร์ ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา
ข้าพเจ้าได้สดับเฉพาะหน้าพระเถระรูปนั้นว่า “นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสอน
ของพระศาสดา”...
เธอทั้งหลายยังไม่พึงชื่นชม ยังไม่พึงคัดค้านคำกล่าวของผู้นั้น พึงเรียนบท
และพยัญชนะเหล่านั้นให้ดี แล้วพึงสอบสวนลงในพระสูตร เทียบเคียงดูในวินัย
ถ้าบทและพยัญชนะเหล่านั้น สอบลงในสูตรก็ไม่ได้ เทียบเข้าในวินัยก็ไม่ได้ พึงลง
สันนิษฐานว่า “นี้มิใช่พระดำรัสของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นแน่นอน และภิกษุ
นี้รับมาผิด” เธอทั้งหลายพึงทิ้งคำนั้นเสีย ถ้าบทและพยัญชนะเหล่านั้น สอบลง
ในสูตรก็ได้ เทียบเข้าในวินัยก็ได้ พึงลงสันนิษฐานว่า “นี้เป็นพระดำรัสของพระ
ผู้มีพระภาคพระองค์นั้นแน่นอน และภิกษุนั้นรับมาด้วยดี”เธอทั้งหลายพึงจำ
มหาปเทส.. นี้ไว้
อุปริ. ม. ๑๔ / ๕๓ / ๔๑
อริยวินัย น. ๓๙๙

๑๐. ทรงตรัสแก่พระอานนท์ ให้ใช้ธรรมวินัยที่ตรัสไว้เป็นศาสดาแทนต่อไป
อานนท์ ! ความคิดอาจมีแก่พวกเธออย่างนี้ว่า “ธรรมวินัยของพวกเรามี
พระศาสดา ล่วงลับไปเสียแล้ว พวกเราไม่มีพระศาสดา” ดังนี้. อานนท์ ! พวกเธอ
อย่าคิดอย่างนั้น. อานนท์ ! ธรรมก็ดี วินัยก็ดี ที่เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้ว
แก่พวกเธอทั้งหลาย ธรรมวินัยนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอทั้งหลายโดยกาล
ล่วงไปแห่งเรา
อานนท์ ! ในกาลบัดนี้ก็ดี ในกาลล่วงไปแห่งเราก็ดี ใครก็ตามจักต้องมีตน
เป็นประทีป มีตนเป็นสรณะ ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ; มีธรรมเป็นประทีป
มีธรรม เป็นสรณะ ไม่เอาสิ่งอื่น เป็นสรณะ เป็นอยู่ อานนท์! ภิกษุพวกใด
เป็นผู้ใคร่ ในสิกขา, ภิกษุพวกนั้นจักเป็นผู้อยู่ใน สถานะอันเลิศที่สุดแล.
มหาปรินิพพานสูตร มหา.ที. ๑๐ / ๑๕๙ / ๑๒๘

อานนท์ ! ความขาดสูญแห่งกัลยาณวัตรนี้ มีในยุคแห่งบุรุษใด บุรุษนั้นชื่อว่า
เป็นบุรุษ คนสุดท้ายแห่งบุรุษทั้งหลาย.... เราขอกล่าวย้ำกะเธอว่า... เธอทั้งหลาย
อย่าเป็นบุรุษพวกสุดท้ายของเราเลย
ม. ม. ๑๓ / ๔๒๗ / ๔๖๓.