เรื่องเด่น พระโพธิสัตว์ หลวงปู่พา วัดถ้ำตับเต่า

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 6 มกราคม 2020.

  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,419
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,473
    พระโพธิสัตว์ หลวงปู่พา

    c_oc=AQmaLl1HVMtq72wlHuel177WomooDSTHzaQHhpJIww0eP8zfexvY05bYj4ndWB3BEhc&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg






    ผู้ข้าฯ ขึ้นไปอำเภอฝาง เชียงใหม่ ไปพักกับหลวงปู่พา ถ้ำตับเต่า
    ถ้ำตับเต่า นี้เคยเป็นที่ละขันธ์นิพพานของพระกิมพิละเถรเจ้า
    เราไปที่แรกไม่รู้จักหลวงปู่พา เคยได้ยินกิตติศัพท์อยู่ว่าเป็นพระภิกษุอาวุโส บวชมานาน เป็นคนภูไท บ้านม่วงไข่ พรรณานิคม สกลนคร
    เป็นญาติของอาญาครูดี เป็นลูกศิษย์ของเพิ่นครูอาจารย์มั่น (ภูริทตฺโต)
    นิยมชมชอบกับการก่อสร้างพระ ปั้นพระพุทธรูป เราไปเห็นตาเถรเฒ่า
    ผมสั้นอย่างเดียวกับพระเณร การนุ่งห่ม นุ่งผ้าเตี่ยว เอาผ้าอังสะสีเก่าซีดคล้องคอเหน็บเข้าขี้ปุ๋ม (ชายพก) กำลังถางหญ้าขวากๆ อยู่
    เราก็เข้าไปถาม “ โยมพ่ออุ้ย เขาว่าหลวงปู่พา อยู่ถ้ำตับเต่า เพิ่นอยู่ที่ไหน ” ?
    คนเฒ่าหยุดงานก็ไปล้างมือล้างแขนล้างหน้าล้างตา ยังไม่พูดกับเรา
    เราก็นึกว่าคนใบ้คนบ้า แล้วก็เดินนำเข้าถ้ำ ถึงปากถ้ำ คนเฒ่าก็ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าที่นุ่งออกไป เอาผ้าของภิกษุมาห่ม คุกเข่ากราบไหว้พระ
    ( หลวงปู่พา ถาม ) “ ตุ๊หลานมาแต่ที่ไหน ”... ?
    ( ผู้ข้าฯ ) “ มาแต่ห้วยน้ำริน ขึ้นมาเรื่อยๆ เสาะหาที่ภาวนา อยากมาขอพักอยู่ภาวนากับหลวงปู่พา เพิ่นอยู่ที่ไหนครับ ? ”...
    ( หลวงปู่พา ) “ ตุ๊ปู่นี้หล่ะเป็นหลวงปู่พา ”...
    เราก็งง จุดใต้ตำตอ...
    ( หลวงปู่พา ) “ตุ๊หลานเป็นคนภูไทหรือ”... ?
    ( ผู้ข้าฯ ) “ครับผม”...
    ( หลวงปู่พา ) “ ตุ๊หลานเป็นศิษย์ของเพิ่นครูอาจารย์มั่น (ภูริทัตโต) หรือ ”... ?
    “ครับผม”...(หลวงปู่จาม)
    ( หลวงปู่พา ) “ ถ้าอย่างนั้นก็อยู่กับตุ๊ปู่ได้ จะอยู่ถ้ำหรือจะอยู่กุฎิ ”...?
    ( ผู้ข้าฯ ) “ สุดแท้แต่หลวงปู่ครับ”...
    เพิ่นเลยให้ไปอยู่กุฎิ เพราะกลัวจะเป็นไข้เป็นหนาว หากอยู่ถ้ำยังไม่คุ้นเคยกับดินฟ้าอากาศ
    เพิ่นชวนให้อยู่จำพรรษาด้วยกัน แต่มีข้อแม้ว่า การสังฆกรรมใดๆ
    นับแต่ปลงอาบัติ อยู่กิน ขอให้เป็นของใครของมัน และจะถือตุ๊ปู่ไม่ได้หน๋า
    เพราะทำการก่อสร้างปั้นพระรูปหล่อพระพุทธเจ้าอยู่ ทำสวนกล้วย
    สวนมะละกอ หมากพริก หมากเขือ เก็บไปขายเอาเงินไปซื้ออุปกรณ์
    ในการปั้นพระพุทธรูปในถ้ำ
    ก็มีพวกญาติโยมที่เขามีศรัทธามาช่วยทำสวน มาช่วยปั้นพระรูปหล่อพระพุทธเจ้า
    แต่โดยมากแล้วเป็นหลวงปู่เฒ่าทั้งหมดทำเองเกือบทั้งหมด
    พระพุทธรูปที่เพิ่นปั้นไว้แล้วนั้นก็มีมากหลายสิบองค์ องค์เล็กองค์ใหญ่
    ปีที่ไปพักอยู่ด้วยนั้น กำลังปั้นพระองค์ใหญ่ที่สุด
    ไปอัศจรรย์ใจที่สุดคือ หลวงปู่พา ยกเสาไม้สักตีเปลือกทำเป็นกระดูกสันหลังพระพุทธพระเจ้า ไม้ท่อนยาวใหญ่ หลวงปู่พา ยกคนเดียวขึ้นได้
    ( ผู้ข้าฯ ) “ หลวงปู่ใครมายกช่วย ”... ?
    ( หลวงปู่พา ) “ ยกเอง ”...
    ( ผู้ข้าฯ ) “ ยกตั้งขึ้นได้อย่างใดครับ ”... ?
    ( หลวงปู่พา ) “ คนโบราณเพิ่นก็มีวิธีของเพิ่น ”...
    ทีนี้เราก็ถามพวกชาวบ้านเวลาออกไปบิณฑบาต เวลาที่ชาวบ้านลูกศิษย์ของเพิ่นเข้ามาช่วยงาน
    เขาก็ว่าได้แต่ตีเปลือกให้ตอนกลางวัน พอเช้าวันใหม่ไม้แก่นหลังพระเจ้าก็ตั้งอยู่แล้ว ตุ๊ปู่เพิ่นยกขึ้นเอง
    เทวดาออกจากถ้ำมาช่วย ตุ๊ปู่ยกขึ้นแต่เมื่อคืน ชาวบ้านเขาเชื่ออย่างนั้น
    เราพิจารณาแล้วก็น่าจะเป็นอย่างนั้นเช่นกัน
    โห้... อยู่กับหลวงปู่เฒ่าหลายวันเกือบเดือน พระพุทธรูปปั้นในถ้ำของเก่าแก่โบราณก็มีมาก
    องค์ที่หลวงปู่พา เพิ่นก่อปั้นขึ้นมาใหม่ก็หลายองค์ ลึกเข้าไปข้างใน
    พระพุทธรูปทองก็มีอยู่มากองค์เล็กองค์ใหญ่ เข้าไปข้างในถ้ำลึกเข้าไปมีหลายซอกหลายซอย
    จุดตะเกียงอีด้าส่องทางเข้าไป จุดโหล (หลัว) ไม้ไผ่แห้งปักไว้
    ข้างในถ้ำลึกสุดได้เจดีย์น้อยองค์หนึ่งเขาก่อไว้ไม่รู้จักมาแต่สมัยได๋
    ถามหลวงปู่พา เพิ่นก็ไม่รู้จัก ถามชาวบ้านก็ไม่รู้จัก
    ภายหลังมา ท่านอาจารย์ชอบ (ฐานสโม) ว่าเป็นเจดีย์ บรรจุพระธาตุของพระเถระเจ้า
    มาแต่ยุคต้นศาสนา น่าแปลกอยู่อันหนึ่งก็คือ พวกลิง ชะนี อีเห็น อีบิ้งบิ้ว
    กระรอกกระแต นกยูง นกขวา นกเขา นกต่างๆ เสือตะกูด งูหลามงูพิษ
    สัตว์ต่างๆ หากเขามาในบริเวณที่เพิ่นปักเขตไว้ สัตว์เหล่านั้นเป็นศัตรูกันแท้ๆ
    ก็ไม่ทำร้ายเบียดเบียนกันต่างคนต่างอยู่ ต่างตัวต่างไป
    หมากฮุงสุก(มะละกอสุก) หมากพริกสด กล้วยสุก ก็อยู่เหมือนไม่มีสัตว์มากัดกินได้
    แต่รอบนอกออกไปเพิ่น ก็ไปปลูกไว้ให้สัตว์หมู่นั้นกิน ดูเหมือนสัตว์เหล่านั้นก็เชื่อฟัง
    น้ำอาบน้ำใช้ก็ใช้น้ำไหลในห้วยธารใกล้ถ้ำ น้ำฉันก็ขุดเป็นบ่อไว้เฉพาะ
    ข้าวเหลือจากก้นบาตร ก็โปรยหว่านให้พวกนกหนูสัตว์ป่านั้นได้มากิน
    เพิ่นเอาไปเทไว้เป็นจุดเป็นจุด
    ( ผู้ข้าฯ ) ถามหลวงปู่พาว่า “ หลวงปู่ทำไมจึงสร้างพระเจ้าไว้นัก(มาก) แท้ล่ะครับ”...?
    ( หลวงปู่พา ) “สร้างบูชาพระ (พุทธ) เจ้า หลานเอ๋ย”...
    ( ผู้ข้าฯ ) “ มิแม้น หลวงปู่อยากจะเป็นพระ (พุทธ) เจ้าหรือครับ”... ?
    (หลวงปู่พา) “ ก็ทำไว้อย่างนี้หล่ะ หลานเอ๋ย ขอให้เป็นนิสสัยปัจจัย เนื้อเอ็นเป็นกระดูกพระพุทธเจ้า ไปทีละเล็กละน้อย มามากหลายชาติก็คงจะสมบูรณ์บริบูรณ์ไปเองได้ ”...
    ( ผู้ข้าฯ ) “ หลวงปู่รู้ตัวเองข้างหน้าไหมครับว่าจะตั้งอยู่ในกัปป์ใด กัลป์ใด” … ?
    ( หลวงปู่พา ) “ ยังหลานเอ๋ย แต่เพิ่นครูอาจารย์มั่น (ภูริทัตโต) รับรองไว้ให้ว่าจะได้นิสสัยแน่นอน การปั้นพระ การค้าขาย เพิ่นมาเห็นเพิ่น ก็ไม่ตำหนิว่าอะไรนิสสัยของใครของมัน หลานล่ะรู้จักตัวเองแล้วหรือ ? ”...
    ( ผู้ข้าฯ ) “ ไม่รู้ครับรู้ แต่ว่าบวชแล้วเป็นตุ๊ก็ภาวนาไปตามเรื่อง ”...
    หลวงปู่พา นี้เป็นลูกศิษย์ของเพิ่นครูอาจารย์มั่น (ภูริทัตโต)
    แต่สมัยที่เพิ่นครูอาจารย์มั่น (ภูริทตฺโต) อยู่ทางสามผงดงพะเนาว์
    แต่หลวงปู่พา เป็นคนพรรณานิคม บ้านม่วงไข่ บวชมหานิกายพร้อมกับญาครูดี บ้านม่วงไข่ แต่มิได้ญัติติเป็นพระธรรมยุติ
    เข้าศึกษาธรรมะกับเพิ่นครูอาจารย์เสาร์(กันตสีโล) เพิ่นครูอาจารย์มั่น (ภูริทตฺโต) แล้วก็ธุดงค์เลาะน้ำโขงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงเชียงแสน วกลงมาอยู่ถ้ำตับเต่า เมืองฝาง เหมาะใจก็เลยอยู่ตลอด
    ( หลวงปู่พา )“ ตุ๊ปู่นี้จะตายอยู่นี้ล่ะหลานเอ๋ย ไม่กลับไปตายอีสานดอก
    ถ้ำนี้ทิ้งกระดูกไว้ได้ หากนับชีวิตนี้ได้ครบ ๔ หมื่น นับแต่สัตว์ ๔ เท้ากับมนุษย์เท่านั้น ”...
    ( ผู้ข้าฯ )“ หลวงปู่ขึ้นมาเมืองฝาง ได้อย่างไรครับ”... ?
    ( หลวงปู่พา ) ““เลาะน้ำโขงขึ้นมาถึงเชียงแสน เข้าเชียงราย แล้วก็มาอยู่นี้
    เพราะเพิ่นครูอาจารย์มั่น (ภูริทตฺโต) บอกว่า...“ เวียงฝางเน้อ เป็นที่ของตนนะไปเสาะหาภาวนาเต๊อะ
    เพราะเป็นดินแดนวิเวกธรรมของปราชญ์เจ้าทั้งหลาย หลายชั่วหลายกาลมาแล้ว ”
    ตุ๊ปู่ก็ขึ้นมาก่อน เลาะน้ำโขงขึ้นมากับตุ๊ปู่แก้ว นาแก
    เพิ่นครูอาจารย์มั่น(ภูริทัตโต) ขึ้นมาทีหลัง ยังมาอยู่ด้วยในถ้ำนี้หลายเดือน
    มาอยู่ด้วยกับตุ๊ปู่นี้ ๓ รอบ ลงไปเชียงดาว ไปพร้าว ไปเชียงราย
    การปั้นพระ เพิ่นก็ไม่ตำหนิ การนุ่งห่มเป็นอยู่เพิ่นก็ไม่ตำหนิ ”
    หลวงปู่พา นี้กลางวันทำงานปั้นพระ กลางคืนเดินจงกรม นั่งภาวนา
    นอนพัก ๔ - ๕ ชั่วโมง กลางคืนก็ห่มจีวรพาดสังฆาฏิ ผ้ารัดอก ถือลูกประคำ
    เดินจงกรม ภาวนา อายุ ๘๑ ปี แล้วยังแข็งแรงทำงานเหมือนคนหนุ่มๆ
    ฉันจังหัน ก็ฉันไม่มาก แต่ฉันพวกผลไม้ ฉันกล้วยสุกน้ำว้ามะนีออง วันละ ๓ หวี
    เราไปอยู่ด้วยกับเพิ่นเกือบเดือนลาไป
    ( หลวงปู่พา ) “ มาอยู่ด้วยกันเน้อ หลานเน้อ ให้มาอีกหน๋า ”
    เราก็ได้แต่บอกว่า “ ไว้มีโอกาสจะมาอยู่ครับหลวงปู่ ”
    เพิ่นกำชับไล่หลังว่า “ หลานเอ้ย อย่าลืม เมตตาไม่มีประมาณเน้อ ”
    “ พระอีสานที่ขึ้นไปเมืองเหนืออีกองค์หนึ่งชื่อหลวงปู่แก้ว (สุทฺโธ)
    เป็นคนบ้านหนองบ่อ อำเภอนาแก นครพนม
    หลวงปู่แก้ว (สุทฺโธ) องค์นี้เป็นหมู่เพื่อนกันกับหลวงปู่พา ถ้ำตับเต่า เมืองฝาง
    ครูบาเฒ่าทั้งสององค์นี้ พากันตั้งใจในการบำเพ็ญบารมีที่จะเป็นพระพุทธเจ้า
    ซึ่งต่อไปเมื่อหน้า ครั้นบารมีพอแล้วก็จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในกัปที่ต่อกันไป
    หลวงปู่พา จะได้ตรัสรู้ ก่อนหลวงปู่แก้ว (สุทฺโธ) วัดดอยโมคคัลลาน์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ”

    ธรรมะประวัติหลวงปู่จาม มหาปุญโญ ครบรอบ ๑๐๘ ปี ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม(วัดหนองน่อง) บ้านห้วยทราย อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร



    https://www.facebook.com/พระอรหันต์...X8oG5X9C7PNnRLLPM4_nEZQ&__tn__=k*F&tn-str=k*F
     

แชร์หน้านี้

Loading...