ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ศาลกันทรลักษ์ยกฟ้อง! 2 หนุ่มไม่สวมหน้ากากอนามัยออกจากบ้าน ชี้เจ้าพนักงานไม่มีอำนาจออกคำสั่งเพิ่ม
    เผยแพร่: 17 เม.ย. 2563 02:52 ปรับปรุง: 17 เม.ย. 2563 08:20

    563000004121201.jpg
    ศรีสะเกษ- ศาลจังหวัดกันทรลักษ์ ยกฟ้องคดีตำรวจจับ 2 หนุ่มฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อไม่สวมหน้ากากอนามัยออกนอกบ้านป้องกันโรคโควิด-19 ระบุกฎหมายไม่ได้ให้อำนาจเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อออกคำสั่งกำหนดเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่บัญญัติไว้ และไม่มีกฎหมายกำหนดห้ามและกำหนดโทษไว้

    วันนี้ (16 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สภ.เบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ร.ต.อ.กฤษดา นาคสุข พนักงานสอบสวน สภ.เบญจลักษ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 2563 ที่ผ่านมา ตนได้ทำบันทึกข้อความ รายงาน ผกก.สภ.เบญจลักษ์ เรื่อง ศาลจังหวัดกันทรลักษ์มีคำพิพากษายกฟ้องในคดีอาญาที่ 104/2563 ฐานความผิดกระทำการหรือดำเนินการใด ๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดเผยแพร่ออกไปในสถานที่สาธารณะหรือสถานที่ใด ๆ

    563000004121202.jpg

    โดยคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 เม.ย. 2563 เวลาประมาณ 10.00 น.ที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เบญจลักษ์ตั้งจุดตรวจอยู่บริเวณถนนสาธารณะสาย 2085 กันทรลักษ์ -กันทรารมย์ บริเวณตู้ยามเฉลิมพระเกียรติ บ้านเสียว ม.7 ต.บ้านเสียว อ.เบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พบผู้ต้องหาที่ 1 คือ นายวัตน์ (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี 5 เดือน ชาวบ้านหมู่ 13 ต.หนองงูเหลือม อ.เบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กำลังขี่รถจักรยานยนต์ โดยไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าและไม่สวมหมวกนิรภัย ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 คือ นายสิทธิ์ (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี 4 เดือน ชาวบ้านหมู่ 2 ต.หนองงูเหลือม เป็นผู้โดยสารซ้อนท้าย ก็ไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า และไม่สวมหมวกนิรภัยด้วยเช่นกัน จึงเรียกให้หยุดรถ และทำการจับกุม


    โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ตั้งข้อหาจำเลยที่ 1 ว่า กระทำการหรือดำเนินการใด ๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดเผยแพร่ออกไปโดยการไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าก่อนออกจากเคหะสถานหรือเดินทางไปในสถานที่สาธารณะหรือสถานที่ใด ๆ , ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่สวมหมวกที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อป้องกันอันตราย, ขับขี่รถจักรยานยนต์ในขณะที่คนโดยสารไม่สวมหมวกจัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อป้องกันอันตราย

    ส่วนจำเลยที่ 2 ได้ตั้งข้อหาว่า ว่า กระทำการหรือดำเนินการใด ๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดเผยแพร่ออกไปโดยการไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าก่อนออกจากเคหะสถานหรือเดินทางไปในสถานที่สาธารณะหรือสถานที่ใด ๆ , โดยสารรถจักรยานยนต์ ไม่สวมหมวกที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อป้องกันอันตราย, ขับขี่รถจักรยานยนต์ ในขณะที่คนโดยสารไม่สวมหมวกจัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อป้องกันอันตราย ซึ่งในชั้นพนักงานสอบสวน ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ได้ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยในส่วนที่เกี่ยวกับความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 พนักงานสอบสวนได้เปรียบเทียบปรับแล้ว และได้มีความเห็นควรสั่งฟ้องในฐานความผิดอื่น จากนั้น ตนได้นำตัวผู้ต้องหา ทั้ง 2 ราย นำส่ง พนักงานอัยการจังหวัดกันทรลักษ์ และได้นำตัวส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดกันทรลักษ์เพื่อพิจารณาต่อไป



    563000004121203.jpg

    ต่อมาในวันที่ 15 เม.ย. 2563 ศาลจังหวัดกันทรลักษณ์มีคำพิพากษายกฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมด ในฐานความผิดกระทำการหรือดำเนินการใด ๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดแพร่ออกไปโดยการไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าก่อนออกจากเคหสถานหรือเดินทางไปในสถานที่สาธารณะ หรือสถานที่ใด ๆ โดยศาลเห็นว่า ความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อนั้น พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มาตรา 34 (6) กำหนดแต่เพียงว่า ห้ามมิให้ผู้กระทำการใด ๆ ซึ่งก่อให้เกิดภาวะไม่ถูกสุขลักษณะซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดแพร่ออกไป โดยไม่ได้ให้อำนาจเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อออกคำสั่งกำหนดการกระทำการเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่บัญญัติไว้ในมาตราดังกล่าว

    ประกอบกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 บัญญัติให้บุคคลจะต้องรับโทษในทางอาญาต่อเมื่อได้กระทำการอันกฎหมายนี้ใช้ในการกระทำความผิดและกำหนดโทษไว้ เมื่อการไม่ใส่หน้ากากอนามัยออกจากเคหสถานไม่มีกฎหมายกำหนดห้ามและกำหนดโทษไว้ ประกอบกับลำพังเพียงแต่การไม่ใส่หน้ากากอนามัยออกจากเคหสถานโดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงอื่นประกอบ ไม่น่าจะเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดแพร่ออกไป การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิด พิพากษายกฟ้อง

    ร.ต.อ.กฤษดา นาคสุข พนักงานสอบสวน สภ.เบญจลักษ์ กล่าวอีกว่า เมื่อศาลจังหวัดกันทรลักษ์มีคำพิพากษาดังกล่าวออกมาแล้ว คดีนี้เป็นเรื่องที่ทางอัยการจังหวัดกันทรลักษ์ จะได้มีการพิจารณาต่อไปว่า จะมีการอุทธรณ์คำสั่งศาลจังหวัดกันทรลักษ์เรื่องนี้หรือไม่อย่างไร เพราะว่าเป็นคดีตัวอย่าง เนื่องจากมีหลายจังหวัดของประเทศไทยที่มีการออกประกาศในลักษณะเดียวกันนี้ว่า จะต้องสวมหน้ากากผ้าก่อนออกจากเคหะสถานหรือเดินทางไปในสถานที่สาธารณะหรือสถานที่ใด ๆ

    https://news1live.com/detail/963000...ZGbyyiZpztGLpw3MWwZESuMik8QrYHbctGORDfy11Mrgc
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า +873 จุด (+3.73%) ในช่วงเช้านี้
    2Fuploads%2F2019%2F05%2F%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99.jpg
    ขานรับรายงานข่าวที่ว่า ผลการทดสอบยา Remdesivir ซึ่งเป็นยาต้านไวรัสที่ผลิตโดยบริษัท Gilead Sciences พบว่า ยาดังกล่าวมีประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19

    หลังจาก STAT News ซึ่งเป็นนิตยสารด้านสุขภาพรายงานว่า ผลการทดสอบยา Remdesivir ซึ่งเป็นยาต้านไวรัสที่ผลิตโดยบริษัท Gilead Sciences ของสหรัฐ พบว่า ยาดังกล่าวสามารถใช้รักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จนหายดีได้

    ตลาดหุ้นญี่ปุ่นก็พุ่ง +527.30 (+2.73%)
    https://www.kaohoon.com/content/355...njWXu3jaPUuWSwXfokxe9vSqsEJDqYc5zjKDpNvIOe47c
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #คลื่นไวรัสระลอกใหม่ที่สิงคโปร์
    #ชีวิตแรงงานต่างชาติ

    เมื่อวานนี้ 16 เมษายน ตอนหัวค่ำ สิงคโปร์ประกาศตัวเลขผู้ติดเชื้อ Covid-19 ล่าสุด พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นถึง 728 คน ในรอบวันเดียว นับเป็นสถิติผู้ติดเชื้อรายวันมากที่สุดในสิงค์โปร์ ซึ่งผู้ป่วยรายใหม่ในจำนวนนี้ เกือบ 90% เป็นแรงงานต่างชาติในหอพักแรงงานในสิงคโปร์

    ทำให้สิงคโปร์มียอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ 4,427 คน เพิ่มเกือบ 3 พันคนในเวลาแค่สัปดาห์เดียว โดยที่สิงคโปร์ไม่พบผู้ติดเชื้อที่มาจากต่างประเทศเลย ติดต่อกันมา 7 วันแล้ว ดังนั้นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็วตลอดสัปดาห์เป็นผู้ที่ติดเชื้อในประเทศทั้งสิ้น

    และแน่นอนว่า ส่วนใหญ่มาจากแรงงานต่างชาติในหอพัก

    ในสิงคโปร์ มีหอพักแรงงานต่างชาติอยู่ 43 แห่ง บางหอก็เป็นหอพักขนาดใหญ่ จุคนได้ตั้งแต่ 3,000 คนขึ้นไปจนถึงเกือบหมื่นก็มี บางแห่งก็เป็นหอพักขนาดเล็กที่จุคนได้ แค่หลักสิบ หลักร้อย

    แต่ประมาณว่ามีแรงงานต่างชาติอาศัยในหอพักแรงงานทั้งหมด เกือบ 200,000 คน ที่ส่วนใหญ่เป็นแรงงานจากเอเชียใต้ และก็มีบางส่วนเป็นแรงงานจากเพื่อนบ้านย่านอาเซียน รวมถึงแรงงานคนไทยด้วย

    จากปัญหาการแพร่ระบาด Covid-19 ภายในหอพักแรงงาน ทำให้รัฐบาลสิงคโปร์ สั่ง Lockdown ให้คนงานนับแสน อยู่แต่บริเวณที่พัก ไม่ให้ออกไปไหน

    และมีบางหอพักที่คนงานต้องถูกกักตัวอยู่แต่ในห้องเพราะพบการติดเชื้อเป็นจำนวนมาก นับจนถึงวันนี้ สิงคโปร์ได้ประกาศให้ หอพักแรงงาน 12 แห่ง ที่เข้ากลุ่มเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่

    S11 Dormitory @ Puggol
    Westlite Toh Guan
    Toh Guan Dormitory
    Sungei Tengoh Lodge
    Tampines Dormitory
    Acacia Lodge
    Cochrane Lodge 1
    Cochrane Lodge 2
    Mandai Lodge 1
    Shaw Lodge
    North Coast Lodge
    Tuas View Dormitory

    คนงานในหอพักเหล่านี้ ต้องถูกกักตัวในห้อง 14 วัน
    โดยเฉพาะ S11 Dormitory ที่เป็นหอพักคนงานขนาดใหญ่ หอแรกๆที่พบผู้ติดเชื้อ และมีจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุดในจำนวนหอพักทั้งหมด คือ 797 เคส

    ส่วนรัฐบาลสิงคโปร์ก็ได้ระดมทีมแพทย์ กองกำลังทหาร ตำรวจ ส่งความช่วยเหลือไปให้คนงาน ที่ต้องกักบริเวณในหอพัก และรัฐบาลได้มีแผนชดเชยแรงงานให้ในระหว่างที่ต้องหยุดงาน

    ในจำนวนหอพักแรงงานกลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษนั้น ยังไม่พบข่าวว่ามีกลุ่มพี่แรงงานไทยพักอยู่หรือไม่ แต่จากข้อมูล ของกระทรวงแรงงานเมื่อนานมาแล้ว เคยระบุว่ามีกลุ่มแรงงานคนไทยราวๆ 200 คน พักอยู่ที่หอพัก Changi Lodge 2 ที่ส่วนมากเป็นแรงงานก่อสร้างที่ได้รับการสปอนเซอร์จากนายจ้างในสิงคโปร์

    ก็อยากฝากข่าวนี้ให้กับทางการไทย ลองติดตามความเป็นอยู่ของแรงงานไทยที่อาจต้องถูกกักโรคในสิงคโปร์ว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง ถึงแม้ว่าทางรัฐบาลสิงคโปร์จะมีมาตรการดูแลที่ค่อนข้างดีแล้วก็ตาม

    และจากตัวเลขที่อยู่ดีๆก็พุ่งสูงขึ้นก็เป็นเครื่องเตือนใจที่ดีว่า เจ้าเชื้อ Covid-19 นี่มันร้ายนัก ประมาทไม่ได้จริงๆ การ์ดตกนิดเดียว ก็กลับมาเล่นงานได้ทันทีเลยนะคะ

    แหล่งข้อมูล

    https://www.straitstimes.com/singapore/singapore-coronavirus-cases-cross-4000-with-728-cases-in-new-daily-record?utm_medium=social&utm_source=facebook&utm_campaign=stfb
    https://www.scmp.com/week-asia/health-environment/article/3079675/coronavirus-singapore-migrant-worker-dormitories-still
    https://www.channelnewsasia.com/news/singapore/covid-19-foreign-worker-dormitories-medical-teams-doctors-nurses-12640818
    https://www.mol.go.th/en/news/office-of-labour-affairs-in-singapore-visits-thai-workers-dormitory-2/

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เช้านี้ที่ท่าแพเขาแจกข้าว

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วัดดอนเมือง แจกข้าวสารอาหารแห้ง ปชช.นับพัน ยืนเข้าแถว เสี่ยงติดโควิด19
    zw&w=476&h=249&url=https%3A%2F%2Fspcdn.springnews.co.th%2Fwp-content%2Fuploads%2F2020%2F04%2Fsdc.jpg
    วัดดอนเมือง ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก หมอแล็บแพนด้า ออกมาเผยภาพ ประชาชนจำนวนมาก ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 กำลังยืนเข้าแถวต่อคิวรับข้าวสารอาหารแห้ง แต่เมื่อดูจากภาพกลับพบว่า ไม่มีการเว้นระยะห่าง ไม่มีการจัดระเบียบของผู้ที่มารับข้าวของบริจาค

    ทั้งนี้โพสต์ดังกล่าวระบุข้อความว่า แถวๆวัดดอนเมือง ช่วยๆกันจัดระเบียบให้รักษาระยะห่างด้วยนะครับ

    The post วัดดอนเมือง แจกข้าวสารอาหารแห้ง ปชช.นับพัน ยืนเข้าแถว เสี่ยงติดโควิด19 appeared first on SpringNews.

    Source : #Springnews #สปริงนิวส์

    https://www.springnews.co.th/social/651329
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบ่งปันจาก Richard Whitt

    'อินโดนีเซีย' ระดมกำลังผลิต 'เครื่องช่วยหายใจ'

    =282&url=https%3A%2F%2Fcdn.medcom.id%2Fdynamic%2Fcontent%2F2020%2F04%2F16%2F1133838%2FvN3pywQ76c.jpg
    • สำนักข่าว MedCom ID รายงานว่า 'รัฐบาลอินโดนีเซียมอบหมายให้กลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ 3 บริษัท ได้แก่

    ❶ บริษัทผู้ผลิตอาวุธ PT Pindad

    ❷ บริษัทผู้ผลิตอากาศยาน PT Dirgantara

    ❸ บริษัทเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ LEN Industry

    • ผลิตเครื่องช่วยหายใจให้แก่รัฐบาลเพื่อใช้ในห้วงที่มีการระบาดของเชื้อ COVID-19 โดยคาดว่าบริษัททั้ง 3 ดังกล่าวจะสามารถผลิตเครื่องช่วยหายใจได้หลายพันเครื่องต่อเดือน

    • ทางหน่วยงานภาครัฐประธานาธิบดี 'โจโก วิโดโด' (Joko Widodo) ของอินโดนีเซีย มีนโยบายให้โรงงานอุตสาหกรรมในประเทศเร่งการผลิตเวชภัณฑ์เพื่อสนองตอบความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก รวมถึงอินโดนีเซียที่ไม่สามารถจัดหาเวชภัณฑ์ให้เพียงพอกับความต้องการในประเทศ
    https://www.medcom.id/english/natio...rz1BVk7cx5BZnY0kIa3zy6oj_Uz-JgsUJruTuELLmIMmw
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบ่งปันจาก Richard Whitt

    ยอมไม่ได้
    540&h=282&url=http%3A%2F%2Fres.heraldm.com%2Fcontent%2Fimage%2F2020%2F04%2F01%2F20200401000451_0.jpg
    • สำนักข่าว The Korea Herald รายงานว่า 'เครื่องบินตรวจตราของสหรัฐอเมริกา รุ่น The Lockheed EP-3E Aries บินปฏิบัติการบนคาบสมุทรเกาหลีเพื่อติดตามความเคลื่อนไหวยุทธวิธีทางทหารของเกาหลีเหนือทันที'...หลังจากในวันเดียวกันเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธแบบร่อน หรือ Cruise Missile ใกล้กับบริเวณชายฝั่งตะวันออกของเกาหลีเหนือ เมื่อเวลาประมาณ 07.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น)

    • การยิงทดสอบขีปนาวุธดังกล่าวมีขึ้นก่อนการเฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 108 ปีของนาย 'คิม อิลซุง' ผู้ก่อตั้งเกาหลีเหนือ และเกิดขึ้นเพียง 1 วันก่อนการเลือกตั้งทั่วไปของเกาหลีใต้ในวันพุธที่ 15 เมษายน ค.ศ. 2020

    • วัตถุประสงค์การยิงทดสอบขีปนาวุธแบบร่อนของ 'เกาหลีเหนือ' ล่าสุดก็เพื่อเป็นแผนที่นำทาง 'วิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค (SWOT Analysis) พร้อมทั้งประเมินความเสี่ยงด้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยี (Technological Innovation) ภายใต้นโยบายเสริมสร้างศักยภาพของกองทัพและระบบป้องกันประเทศให้ทันสมัย มีความพร้อมในการรักษาอธิปไตย และผลประโยชน์แห่งชาติ ปลอดพ้นจากภัยคุกคามทุกรูปแบบ'...และเป็นครั้งที่ 5 ที่เกาหลีเหนือดำเนินการในปี ค.ศ. 2020 โดยการทดสอบ 4 ครั้งก่อนหน้านี้มีขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม
    http://www.koreaherald.com/view.php...rDIY4vZyfWzNibfT17Z6VFFrm4wOC5WzZxXhgL_9Dzg9E
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบ่งปันจาก Richard Whitt

    'มาเลเซีย' ขอบคุณ 'อินเดีย' มิตรในยามยาก ที่บรรลุข้อตกลงในการส่งออกยา HydroxyChloroQuine
    -hydroxychloroquine-prescription-during-the-coronavirus-disease--covid-19--outbreak-in-seattle-1.jpg
    • สำนักข่าว Channel News Asia รายงานอ้างถ้อยแถลงของนาย Kamarudin Jaffar รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซียที่ระบุว่า 'อินเดียซึ่งเป็นผู้ผลิตยา HydroxyChloroQuine (HCQ) รายใหญ่ที่สุดของโลก อนุมัติให้มาเลเซียสามารถนำเข้ายาดังกล่าวได้จำนวน 89,100 เม็ด จากความต้องการ 1 ล้านเม็ด สำหรับใช้กับผู้ติดเชื้อ COVID-19 ร่วมกับยาชนิดอื่น ๆ เพื่อหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อและลดการอักเสบของปอด'

    • ทั้งนี้ 'การบรรลุข้อตกลงดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นระหว่างประเทศทั้งสอง หลังจากเกิดความบาดหมางจากการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของอินเดียในช่วงที่ ดร. 'มหาเธร์ โมฮัมหมัด' ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย'

    • ปัจจุบันมาเลเซียมีผู้ติดเชื้อ COVID-19 รวม 5,072 ราย มากเป็นอันดับที่ 3 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รักษาหายแล้ว 2,647 ราย และเสียชีวิต 83 ราย
    https://www.channelnewsasia.com/new...Gb6YiRHxQyHR9jo5VP4PqtE#.Xpk74rhdwlA.facebook
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Richard Whitt

    'อินโดนีเซีย' ระดมกำลังผลิต 'เครื่องช่วยหายใจ'
    =282&url=https%3A%2F%2Fcdn.medcom.id%2Fdynamic%2Fcontent%2F2020%2F04%2F16%2F1133838%2FvN3pywQ76c.jpg
    • สำนักข่าว MedCom ID รายงานว่า 'รัฐบาลอินโดนีเซียมอบหมายให้กลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ 3 บริษัท ได้แก่

    ❶ บริษัทผู้ผลิตอาวุธ PT Pindad

    ❷ บริษัทผู้ผลิตอากาศยาน PT Dirgantara

    ❸ บริษัทเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ LEN Industry

    • ผลิตเครื่องช่วยหายใจให้แก่รัฐบาลเพื่อใช้ในห้วงที่มีการระบาดของเชื้อ COVID-19 โดยคาดว่าบริษัททั้ง 3 ดังกล่าวจะสามารถผลิตเครื่องช่วยหายใจได้หลายพันเครื่องต่อเดือน

    • ทางหน่วยงานภาครัฐประธานาธิบดี 'โจโก วิโดโด' (Joko Widodo) ของอินโดนีเซีย มีนโยบายให้โรงงานอุตสาหกรรมในประเทศเร่งการผลิตเวชภัณฑ์เพื่อสนองตอบความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก รวมถึงอินโดนีเซียที่ไม่สามารถจัดหาเวชภัณฑ์ให้เพียงพอกับความต้องการในประเทศ
    https://www.medcom.id/english/natio...rz1BVk7cx5BZnY0kIa3zy6oj_Uz-JgsUJruTuELLmIMmw
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โควิด: อู่ฮั่นปรับยอดติดเชื้อ-เสียชีวิต เพิ่มอีกกว่า 1,600 คน โบ้ยข้อมูลพลาด-ล่าช้า

    ChinarevisesWuhan01.jpg
    17 เม.ย. 2563-11:50 น.

    โควิด: อู่ฮั่นปรับยอดติดเชื้อ-เสียชีวิต เพิ่มอีกกว่า 1,600 คน โบ้ยข้อมูลพลาด-ล่าช้า
    โควิด: อู่ฮั่นปรับยอดติดเชื้อ-เสียชีวิต - วันที่ 17 เม.ย. มิร์เรอร์ รายงานจากสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีของจีนว่า ทางการท้องถิ่น เมืองอู่ฮั่น ในมณฑลหูเป่ย ประเทศจีน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ 2019 หรือ โควิด-19 แห่งแรกของโลก

    ปรับเพิ่มจำนวนผู้ติดเชื้ออีก 325 คน และเพิ่มจำนวนผู้เสียชีวิตอีก 1,290 คน ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตรวมเพิ่มเป็น 3,869 คน โดยระบุว่าตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเป็นความผิดพลาดจากการรายงานข้อมูลที่คลาดเคลื่อน การทำงานล่าช้า และการถูกละเลยของผู้ติดเชื้อที่เสียชีวิตลำพังในบ้าน

    ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นพัยง 1 วันหลังจาก ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา แถลงโจมตีจีนซึ่งๆ หน้าอีกครั้งว่าโกหกจำนวนผู้เสียชีวิต โดยนายทรัมป์ตอบคำถามสื่อมวลชนที่กล่าวถึงสหรัฐว่าเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มากถึงร้อยละ 24 ของโลก ว่า

    “คุณคิดจริงๆ เหรอว่าคุณได้รู้ตัวเลขที่ซื่อสัตย์จากกลุ่มประเทศเหล่านั้น คุณเชื่อในตัวเลขของประเทศอันแสนกว้างใหญ่มหาศาลที่เรียกว่าจีนเหรอ มีใครเชื่อไหม? รายงานของเราซึ่งน่าเชื่อถือและเรารายงานการเสียชีวิตทุกราย เรามีผู้ป่วยมากกว่าเพราะเรารายงานมากกว่า” นายทรัมป์กล่าว

    ขณะที่นายไมก์ พอมเพโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ เรียกร้องให้รัฐบาลจีนเปิดเผยข้อมูลจริงเพื่อให้การต่อสู้กับไวรัสร้ายเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง ภายหลังรายงานจากเจ้าหน้าที่สายลับของสหรัฐที่ส่งตรงถึงทำเนียบขาวยืนยันว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตในจีนเป็นตัวเลขเท็จ และประเมินจากแหล่งข่าวต่างๆ ว่า ยอดผู้เสียชีวิตเฉพาะแค่ในเมืองอู่ฮั่นมีราว 42,000 คน


    https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_3964819
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จดหมายจาก “นวพร เรืองสกุล” อดีตผู้บริหารแบงก์ชาติ ถึงพี่-น้องในวังบางขุนพรหม

    NITA SAN·วันศุกร์ที่ 17 เมษายน 2020·2 นาที
    เขียนจดหมายเปิดผนึก ถึงพี่-น้อง ในธนาคารแห่งประเทศไทย มีข้อความดังนี้…
    ถึงน้องๆ ในธนาคารแห่งประเทศไทย
    ยังจำได้ไหม ครั้งหนึ่งในไตรมาสแรกของปี 2541 น้องหลายคนตอบรับคำชวนมาร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน ที่บางกอกคลับ ถนนสาทร ทุกคนได้พูดคุย แสดงความคิดเห็น และตอบคำถามของคุณนุกูล ประจวบเหมาะ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธนาคารชาติ) ซึ่งตอนนั้นท่านทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการศึกษาและเสนอแนะมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการระบบการเงินของประเทศ (ศปร.) ก่อนที่ทางคณะกรรมการจะนำเสนอรายงานต่อท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นรายงานลงวันที่ 31 มีนาคม 2541
    ในวันนั้น บางคนที่อยู่ต่างประเทศถึงกับส่ง telex ฝากมากับเพื่อนๆ ความจริงใจและความใส่ใจของน้องๆ สร้างความประทับใจให้กับท่านผู้ว่าการมาก ทราบไหมว่าครั้งนั้นท่านผู้ว่าการนุกูลฯ บอกว่า ฝากอนาคตของธนาคารชาติไว้ในมือน้องๆ ได้
    22 ปีผ่านไป วันนี้น้องๆ เปลี่ยนจากพนักงานชั้นผู้น้อยมาเป็นพนักงานระดับบริหารกันหมดแล้ว ทุกคนที่อยู่ในธนาคารชาติกำลังเผชิญกับวิกฤติการณ์ใหม่แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ขอให้น้องๆ ทุกคนตั้งสติ ทำงานเต็มความสามารถ เรียนรู้สิ่งที่เคยผิดพลาด
    หวังว่าน้องๆ จะไม่ทำให้พวกเราที่ทำเรื่อง ศปร. ผิดหวัง
    มีบางอย่างที่อยากจะทบทวนให้เห็นมิติทางการเงินที่กำลังเผชิญในคราวนี้
    1. มองย้อนหลัง นโยบายด้านการช่วยสถาบันการเงินในปี 2438-40 ผิดพลาดเพราะวินิจฉัยว่า “สภาพคล่อง” เป็นรากเหง้าของปัญหา ทั้งๆ ที่ปัญหาของบริษัทเงินทุนในเวลานั้น เป็นปัญหาไม่มีความสามารถจะชำระหนี้ได้ เมื่อมองต้นเหตุผิด มรรควิธีในการแก้ปัญหาก็พลาดเป้าอย่างรุนแรง ปัญหากลับบานปลายสุดคาดหมาย (ไม่นับเรื่องการแทรกแซงรักษาค่าเงินบาทไว้) และเมื่อเรื่องบานปลายไปแล้ว สิ่งผิดพลาดที่ตามมาคือ เราไม่ได้ออกแบบวิธีการให้สามารถช่วยลูกหนี้ดีที่ไปอยู่ในสถาบันการเงินที่ถูกปิดอย่างเหมาะสม ความบอบช้ำจึงสูงมาก แก้ปัญหาผิด ปัญหาไม่ได้แก้ แล้วยังเสียทั้งเงิน ทั้งเวลา อีกด้วย
    คราวนี้ธนาคารชาติมองว่า ตลาดทุนไทยกำลังเผชิญกับปัญหา “สภาพคล่อง” และ เกรงไปว่าจะมีผลกระทบถึงธนาคารพาณิชย์ จึงจะเข้าไป bail out ตราสารหนี้ โดยให้ธนาคารพาณิชย์เข้ามาเป็นผู้รับความเสี่ยงบางส่วน แต่แท้จริงแล้ว ครั้งนี้เรามีปัญหา “สภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ” ทั้งหมด เพราะคนหยุดใช้จ่าย แม้แต่เครื่องบินก็จอดนิ่งอยู่ในสนามบินทั่วโลก กิจกรรมทางเศรษฐกิจทุกอย่างเข้าสู่ภาวะ “จำศีล” เงินหมุนเวียนร่อยหรอ คนมีเงินออมเลือกที่จะถือเงินสด (เงินฝากธนาคาร) แทนการลงทุนในตราสารต่างๆ
    ปัญหาคราวนี้แปลกและใหญ่หลวงนัก ถ้าผิดคราวนี้ กู่ไม่กลับอีกจะเป็นยังไง
    สิ่งที่ธนาคารชาติพึงทำในยามนี้ คือปล่อยเงินเข้าไปหล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจให้มากขึ้น ซึ่งควรทำให้ตรงจุด และก็ทำได้ไม่ยาก (ดูข้อ 3) sector ไหนเจอผลกระทบรุนแรง แต่ว่ามีอนาคต ก็ควรให้แน่ใจว่ากิจการใน sector นั้นเข้าถึงเงินทุนเพื่อหล่อเลี้ยงตัวเองให้ผ่านพ้นห้วงเวลานี้ไปให้ได้ ในสมัยก่อนโน้น ธนาคารชาติคิดว่าควรปล่อยสินเชื่อเพื่อการส่งออก เราทำ rediscount ตั๋วส่งออกผ่านธนาคารพาณิชย์ ในอัตราดอกเบี้ยต่ำมาก แต่ครั้งนี้ก็คงต้องคิดวิธีการให้เข้ากับสมัย
    ขอให้ชัดเจนกับสิ่งที่ต้องทำ และรับรู้ผลที่จะตามมา ทั้งความเสียหายทางการเงินที่รุนแรงสำหรับ “ประชาชน” และความน่าเชื่อถือของธนาคารกลาง
    2. ในปี พ.ศ. 2544 เงินทุนของธนาคารชาติตามที่แสดงในงบการเงินของธนาคารชาติ ติดลบอยู่ 137,047 ล้านบาท ยังไม่นับหนี้ของกองทุนฟื้นฟูฯ ที่เข้าไปแก้ปัญหา “สภาพคล่อง” ตามข้อ 1. ข้างต้น อีกเป็นล้านล้านบาท ที่ให้กระทรวงการคลังชดใช้ ในตอนนั้น ผู้ว่าการธนาคารชาติยืนยันว่า ความมั่นคงของธนาคารกลางของประเทศอยู่ที่ต้องมีเงินกองทุนเป็นบวก จึงโน้มน้าวให้รัฐบาลออก พรก. โอนสินทรัพย์ในบัญชีสำรองพิเศษของประเทศ เข้าไปล้างขาดทุนสะสมให้ธนาคารชาติ เป็นเงิน 165,000 ล้านบาท ทำให้ปี พ.ศ. 2545 เงินกองทุนของธนาคารชาติกลับเป็นบวกอีกครั้ง ในจำนวน 39,845 ล้านบาท
    แต่แล้วในเวลาเพียงไม่กี่ปี ธนาคารชาติก็สามารถทำตัวเลขขาดทุนเพิ่มขึ้นใหม่ได้ ทั้งๆ ที่ไม่มีวิกฤตใดๆ มองย้อนหลังไปแค่ 4-5 ปีที่เพิ่งผ่านมา ธนาคารชาติขาดทุนปีละ 7- 8 หมื่นล้านทุกปี ทุนของธนาคารติดลบเพิ่มขึ้นๆ จนกระทั่งเป็นติดลบ 1,170,420 ล้านบาท ตามงบการเงินปี 2561 (เคยได้ยินว่าการขาดทุนเกิดจากการตีราคาอัตราแลกเปลี่ยน แต่งงว่าไม่ว่าอัตราแลกเปลี่ยนจะขึ้นหรือลงเทียบกับปีก่อน ธนาคารชาติก็ขาดทุน) และก็น่าแปลกใจที่ไม่มีผู้ว่าการคนใดออกมาเอะอะว่า กองทุนติดลบทำให้ธนาคารกลางไม่มั่นคง
    ธนาคารชาติออกตราสารหนี้แบบต่างๆ มาดูดเงินออกจากตลาดเรื่อยมา จากใกล้ๆ สองแสนล้านบาทในปี 2546 เป็น 4,537,253 ล้านบาทในวันสิ้นปี พ.ศ. 2561 (ยังไม่นับการขายหลักทรัพย์โดยมีสัญญาซื้อคืนในปีเดียวกันนี้อีกกว่าห้าแสนล้านบาท) ทั้งหมดมีดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย และดอกเบี้ยจ่ายในช่วงหลังก็มากกว่าดอกเบี้ยรับ
    ธนาคารชาติไม่ได้บอกชัดเจนว่าทำไปทำไม แต่ปริมาณธุรกรรมของธนาคารชาติอยู่ในระดับที่คนไม่อ่านงบการเงินของธนาคารชาติคงคิดไม่ถึง น้องๆ ทำอะไรกัน ลอจิกตรงไหนผิดไปหรือเปล่า ถ้าในยามสงบขาดทุนขนาดนี้ ในยามวิกฤตเราจะไปทางไหนได้ อย่างมีความเป็นอิสระในตนเอง
    3. สภาพตลาดตราสารหนี้ในปัจจุบัน
    (1) มองความสำคัญเปรียบเทียบระหว่างตราสารหนี้กับสินเชื่อ ซึ่งรวมกันนับเป็นตลาดเครดิตภาคเอกชน ตราสารหนี้เอกชนคิดเป็นประมาณ 19% ของตลาดเครดิต ที่เหลือคือสินเชื่อจากสถาบันการเงินต่างๆ อีกข้อมูลหนึ่งคือ ตลาดตราสารหนี้มีผู้ออกตราสารมากู้เงินแค่ 200 กว่ารายเท่านั้น
    (2) หลายๆ ปีมานี้ ธนาคารชาติช่วยให้ตลาดตราสารหนี้เติบโตเกินควร มีหุ้นระดับต่ำกว่าระดับ investment grade และเฉียดๆ คือ BBB- เพิ่มขึ้น และลงโทษทั้งผู้ฝากเงินและผู้กู้เงินจากสถาบันการเงิน นโยบายดอกเบี้ยของธนาคารชาติไม่ได้ส่งต่อถึงภาคเศรษฐกิจโดยรวม (ดูข้อ 6) เท่ากับว่าดูแลคนในระบบเศรษฐกิจไม่ทั่วถึง แล้วตอนนี้ยังลำเอียงเข้าข้างตลาดทุนโดยจะทุ่มเงินเข้าไปอุ้มอีก ทั้งๆ ที่ควรดูระบบเศรษฐกิจทั้งระบบเป็นหลัก

    10818347008_n.jpg?_nc_cat=101&_nc_sid=32a93c&_nc_ohc=0UvqCM_PiFUAX9-X-uG&_nc_ht=scontent.fbkk6-2.jpg
    (3) ตลาดทุนเป็นปรอทวัดความเป็นไปของตลาดการการเงินที่ไวที่สุด โดยแสดงออกผ่าน liquidity risk premium เมื่อ yield ในตลาดตราสารหนี้กระโดด ก็เป็นสัญญานว่าเงินจำนวนหนึ่งออกจากตลาดนี้ ดังนั้นปัญหาที่ตลาดตราสารหนี้เป็นปลายเหตุ พฤติกรรมของ flight for liquidity and flight for quality น่าจะเป็นต้นเหตุ การแก้ที่ต้นเหตุน่าจะได้ผลตรงกว่า

    24328761344_n.jpg?_nc_cat=110&_nc_sid=32a93c&_nc_ohc=m83cgPsIfsMAX86kZ1O&_nc_ht=scontent.fbkk6-1.jpg

    16012728320_n.jpg?_nc_cat=102&_nc_sid=32a93c&_nc_ohc=tzEis_dl72IAX81LTia&_nc_ht=scontent.fbkk6-1.jpg
    (4) ตลาดทุนเป็นตลาดที่อ่อนไหวง่าย เพราะผู้ลงทุนรู้ดีว่าตราสารหนี้และหุ้นมีความเสี่ยงสูงกว่าการฝากเงินกับธนาคาร ถ้าอยากช่วยตลาดนี้ก็ทำเงียบๆ ถ้าอยากเปิดเผย ก็ออกมาแจกแจงข้อจริงว่าเกิดอะไร ที่ไหน เพราะอะไร แต่เมื่อเรียงหน้ากันออกมาบอกว่า “อย่าเป็นห่วงกองทุนรวม ทางการกำลังดูแล” คำปลอบใจเป็นสิ่งสุดท้ายที่นักลงทุนต้องการ เพราะแปลว่า “มีอะไรน่าเป็นห่วง” แน่ๆ บางคนที่ไม่เคยรู้เรื่องกองทุนรวมบางกองมีปัญหา ก็รู้จากการแถลงข่าวนั่นเอง
    (5) ตลาดทุนมีตราสารอะไรซื้อขายกันบ้าง

    37250856960_n.jpg?_nc_cat=102&_nc_sid=32a93c&_nc_ohc=weG8D_BENUUAX_IzwwE&_nc_ht=scontent.fbkk6-1.jpg
    มองเลยภาคเอกชนออกไปก็จะเห็นว่าธนาคารชาติออกมากู้เงินไปประมาณเท่ากับหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด ดังนั้น แค่ธนาคารชาติคืนเงินกู้ เงินก็จะไหลออกมาจากธนาคารกลางสู่ระบบเศรษฐกิจ โดยไม่ต้องทำอะไรอีก แล้วค่อยไปตามดูว่าอยากให้เงินไหลไปไหน จะต้องขุดคูคลองทะลวงจุดอุดตันตรงไหน ให้เงินหมุนเวียนได้(ข้อ 5 )
    การคืนเงินกู้ก่อนกำหนด ทำได้หลายแบบและทำได้ไม่ยาก เชื่อว่าคนทำเรื่องการเงินรู้อยู่แล้ว ทำตรงนี้ง่ายกว่าไหม
    (6) ใครถือตราสารหนี้บ้าง และใครถือตราสารประเภทไหน
    60485179392_n.jpg?_nc_cat=104&_nc_sid=32a93c&_nc_ohc=2sKIfXbqznwAX--sjDW&_nc_ht=scontent.fbkk6-2.jpg

    97495504896_n.jpg?_nc_cat=110&_nc_sid=32a93c&_nc_ohc=HfMchYbAGc4AX8PlLk5&_nc_ht=scontent.fbkk6-1.jpg
    จากข้อมูลนี้ ชี้ให้เห็นว่าแต่ละองค์กรเลือกลงทุนต่างกัน ดังนั้นความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า การตัดสินใจลงทุนหรือไม่ลงทุนในตราสารใดของแต่ละองค์กรเป็นเพราะเหตุใด ติดกฎกติกาหรือข้อจำกัดใดบ้าง จะช่วยให้ออกแบบวิธีแก้ปัญหาได้ดีขึ้น
    อีกประการหนึ่ง ถ้าคิดจะชักชวนองค์กรต่างๆ มาร่วมทำงานกับธนาคารชาติ ก้าวสำคัญที่นำไปสู่การทำดีลให้สำเร็จจำเป็นต้องฟังให้เข้าใจปัญหาของอีกฝ่าย และคิดหาทางแก้ข้อติดขัดนั้นๆ และมองปัญหาจากมุมของอีกฝ่ายด้วย เช่น คนที่เป็นเจ้าของเงินจะพิจารณาว่าใครบริหาร ใครตัดสินใจใช้เงินของกองทุน
    ในฐานะที่เคยบริหารกองทุนระยะยาว ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ ขอบอกว่า risk perception ระหว่างการลงทุนเองกับให้ผู้อื่นบริหารจัดการจะแตกต่างกันประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่งการร่วมทุนอีกรายหนึ่งหรือการร่วมลงขันกันเป็นกลุ่ม risk perception ก็แตกต่างออกไปอีก แน่นอนว่าทุกคนไม่อยากมีเรื่องกับธนาคารชาติซึ่งเป็นผู้พิมพ์ธนบัตร เป็นต้นธารของสภาพคล่องของประเทศ ถ้ากังวลใจก็คงไม่มีใครบอกตรงๆ แต่คงจะหาเหตุสร้างเงื่อนไขที่จะไม่ต้องเข้ามาร่วมมือด้วยอย่างนุ่มนวล จึงต้องมองให้ออกด้วยว่า ถ้าชวนแล้วไม่สำเร็จเป็นเพราะอะไรแน่ อาจจะเป็นเพราะไม่เข้าใจวิธีคิด ไม่เข้าใจข้อติดขัดของผู้จะมาร่วมลงทุนหรือเปล่า
    (7) เมื่อตระหนกว่าตราสารหนี้ (หรือหุ้นกู้) ที่ครบจะไม่มีคนซื้อ เราต้องมองสองอย่างว่า
    ก. หุ้นของใครครบ
    ข. เงินที่ไม่ซื้อจะไปไหน

    55828422656_n.jpg?_nc_cat=109&_nc_sid=32a93c&_nc_ohc=rTaS_c3OHqgAX_FeH-d&_nc_ht=scontent.fbkk6-2.jpg

    45650378752_n.jpg?_nc_cat=101&_nc_sid=32a93c&_nc_ohc=xO_YwXR-UXkAX8kbiNU&_nc_ht=scontent.fbkk6-2.jpg
    ตราสารหนี้ที่จะครบปีนี้ 71% เป็นของบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับระดับ A ขึ้นไป (ยก 15 อันดับแรกมาแสดงไว้) ดังนั้นไม่น่ามีปัญหาการออกตราสารหนี้ใหม่เพื่อ roll over ยกเว้นการบินไทยที่ตราสารหนี้จะครบกำหนดจำนวน 9,085 ล้านบาท ไม่ควร roll over ได้จากเงินในตลาด เพราะอยู่ในระหว่าง restructure บริษัท ดังนั้นไม่น่าห่วงเรื่องกู้เงินไม่ได้
    ในตลาดทุน ถ้าต้องการขายตราสารหนี้ให้ได้ก็ต้องมีผู้เชี่ยวชาญไปจัดการเพื่อ enhance credit ทำ ให้ความเสี่ยงของผู้ลงทุนลดลง ซึ่งทำได้หลากหลายวิธี แล้วเงินลงทุนก็จะเข้ามาเอง ซึ่งไม่เกี่ยวกับการเอาเงินของธนาคารชาติไปซื้อ ส่วนตราสารหนี้ที่อยู่ในระดับร่อแร่อยู่แล้ว เมื่อสภาพเศรษฐกิจมีปัญหา ใครก็ไม่กล้าลงทุน แต่อาจจะยังกล้าปล่อยสินเชื่อถ้ากิจการยังไปได้ ต้องคิดให้ทะลุว่า ถ้าจะเข้าไปช่วย เราช่วยใครหรืออะไรแน่
    ทางด้านผู้ลงทุนที่ได้เงินคืนมาแต่ไม่ซื้อตราสารหนี้ต่อ ต้องมองให้ออกว่า ผู้ลงทุนจะเอาเงินไปไว้ที่ไหนได้บ้าง (ตามภาพหัวเรื่อง) หรือว่ามีความจำเป็นต้องเอาไปใช้จ่าย เมื่อเห็นชัดแล้วจีงออกแบบการหมุนเงินสู่ระบบต่อไป
    4. ความเป็นไปได้ยากของกองทุนที่ธนาคารชาติตั้ง
    จากรายชื่อของกรรมการที่ได้รับทราบมา กรรมการมีตำแหน่งและมีความรู้ แต่ยังไม่อาจสร้างความมั่นใจได้ว่าจะตัดสินเรื่องการลงทุนได้อย่างมืออาชีพ และมี liable to ผลสำเร็จและความล้มเหลวของสิ่งที่จะทำหรือไม่ อันเป็น fiduciary duty สำคัญของการตัดสินใจลงทุน การจะจ่ายเงินซื้อหุ้นกู้ใดๆ ไม่ใช่ว่ามีเช็คลิสต์อย่างเดียวแล้วตัดสินใจได้ ที่สำคัญที่สุดจำเป็นต้องมีผู้ตัดสินใจที่รู้จริง มีความเชี่ยวชาญจากประสบการณ์ตรง และมี track record ผลงานอย่างชัดเจน
    ถ้าจะให้ธนาคารพาณิชย์ให้สินเชื่อเป็นคนแรก ทำไมต้องวกไปออกตราสารให้กองทุน ทั้งๆ ที่ตราสารหนี้กับสินเชื่อใช้สัญญาคนละแบบ คนละกฎหมาย
    กรรมการ และผู้บริหารกองทุน มีหน้าที่ทำอะไรบ้าง รู้กันว่าความเสี่ยงสุดท้ายธนาคารพาณิชย์กับกระทรวงการคลังรับ แต่ในระหว่างกระบวนการ มีคนได้รายได้ไป ซึ่งถ้าจัดวิธีการช่วยเหลือแบบอื่น ลูกหนี้ก็จะประหยัดค่าใช้จ่ายได้
    ด้วยเหตุเหล่านี้ “กองทุน” ตาม พ.ร.ก. น่าจะมีผลสามทางคือ
    (1) ไม่มีใครมาใช้บริการ
    (2) มีบางธนาคารเอาหนี้ร่อแร่จวนตก rating มากู้ แต่ในเมื่อกำหนดสัดส่วนเกรดบริษัทเอาไว้ ก็คงให้กู้ได้เพียงเล็กน้อย แต่ถ้าไม่กำหนดเกรดบริษัท วันหนึ่งธนาคารชาติอาจจะเจอคำถามว่าเอาเงินไปถลุงอย่างนี้ได้อย่างไร แบบที่เคยมีข้อถามจนต้องตั้ง ศปร. มาวิเคราะห์
    (3) ดีลซับซ้อน ย้อนแย้ง มีขั้นตอนยุ่งยากมาก มักเกิดคำถามว่า ธนาคารชาติทำตามใบสั่งหรือเปล่า ทำไมจึงตั้งอกตั้งใจช่วยแต่ผู้ออกตราสารหนี้ ทำเพื่อช่วยใครเป็นการเฉพาะหรือเปล่า ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้ทำอาจจะไม่เฉลียวว่าคนคิดดีลมีวาระแอบแฝง แต่ถ้าพลาดคือธนาคารกลางพลาด เพราะแทนที่จะช่วยระบบกลับช่วยบริษัทแค่บางบริษัท
    5. ข้อเสนอแนะ
    (1) Facilitate เงินไปให้ถูก sector ถูกตัวลูกหนี้
    ธนาคารชาติเป็นผู้กำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ และธนาคารชาติเคยเชี่ยวชาญในการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ผ่านธนาคารพาณิชย์ไปถึงผู้กู้ ควรทำแบบนั้นเพราะว่า ง่าย ชัดเจน ตรวจสอบได้ และ at arm’s length
    ในกรณีนี้ทำดังนี้
    ก. แบ่งเงิน ๔ แสนล้านออกเป็นกองๆ แต่ละกองก็ให้เป็น matching fund ให้ ธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่ง ไปบริหาร
    ข. ธนาคารพาณิชย์จะให้เงินกู้แบบใดก็ได้
    ค. ธนาคารพาณิชย์เลือกกิจการที่ดี ที่จะสามารถชำระหนี้ได้
    ง. ธนาคารชาติอาจจะระบุกิจการที่ประสบปัญหาเฉพาะหน้าจริงๆ แต่กิจการเองยังไปได้เมื่อเศรษฐกิจกลับเปิดอีกครั้งหนึ่ง (และพึงระวังไม่ให้ใครเอาเงินทั้งก้อนไปให้รายเดียวกู้)
    จ. ถ้าอยากขยายวงออกไป ก็แบ่งเงินในสี่แสนล้านนั้น ให้กิจการประกันชีวิต และสถาบันการเงินอื่นของรัฐไปบริหารด้วย
    สิ่งที่เสนอมีเหตุผลดังนี้
    ก. เงินไปได้ทั่วถึงกว่า
    ข. ลูกหนี้หลากหลายกว่า ไม่ใช่เฉพาะคนที่เคยเข้าถึงตลาดทุนเท่านั้น
    ค. รวดเร็ว จบการกู้ง่าย ไม่หลายขั้นตอน
    ง. ต้นทุนต่อผู้กู้ ต่ำมาก
    จ. ธนาคารพาณิชย์/ บริษัทประกัน/สถาบันการเงินเฉพาะกิจ ที่ร่วมโครงการใส่เงินเข้ามาในกองนี้ด้วยไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง ดังนั้นแต่ละแห่งจะดูแลเงินแบบร่วมหัวจมท้ายด้วยกันโดยไม่มี agency conflict ส่วนธนาคารชาติก็ตามดูอีกทอดหนึ่งในฐานะผู้ร่วมทุน
    ฉ. เมื่อปิดกองก็จะประเมินได้ว่า กองไหนทำได้ดีเพียงใด ในประเด็นใด เป็นการแข่งกันเก่ง
    (2) Facilitate regulation เพื่อให้เงินไหลไปได้คล่องตัว อุปสรรคอยู่ที่ไหนก็ไปแก้ที่นั่น เช่น
    ก. ธนาคารพาณิชย์ติดเกณฑ์อะไรบ้าง เช่น ลงทุนถือเงินในกองทุนนี้ไม่ได้ หรือว่าให้กู้ติดซีลลิ่งลูกหนี้รายใหญ่ ติดเรื่องภาษี ฯลฯ ก็ไปหาทางยกเว้นเฉพาะกิจ
    ข. กิจการประกันชีวิตติดกฎเกณฑ์อะไรบ้าง
    ธนาคารชาติเป็นพี่ใหญ่ มีความรู้ความชำนาญในเรื่องการกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ ควรจะไปช่วยแก้ปัญหาข้อติดของกิจการประกันชีวิตที่ คปภ. ด้วย คปภ. ถนัดด้านการดูแลการออกกรมธรรม์ แต่ไม่ชำนาญด้านการกำหนดกติกาต้านการลงทุนเงินที่ได้มาจากกรมธรรม์ ในขณะที่กิจการประกันชีวิตเติบโตอย่างก้าวกระโดด เราไม่อาจจะเลยความสำคัญของกิจการประกันชีวิตได้แล้ว จึงควรเปิดให้บริษัทประกันชีวิตมีบทบาทสูงกว่านี้ได้ในตลาดสินเชื่อและการลงทุนอื่นๆ แทนที่จะจำกัดเพียงการลงทุนในตราสารหนี้เป็นหลัก เป็นที่รู้กันว่าการปล่อยสินเชื่ออาจจะมั่นคงกว่าการลงทุนแต่ในตราสารหนี้ บริษัทประกันมีศักยภาพที่จะทำได้ถ้าไม่ติดขัดกฎกติกาของ คปภ.
    6. สรุปว่า ธนาคารชาติควรทำหน้าที่ของตัวเอง ทำแบบง่ายๆ มองออก ตรวจสอบง่าย และเป็นแบบที่ตัวเองถนัด
    ที่ผ่านมา ธนาคารชาติไม่ประสบความสำเร็จในการดูแลเรื่องการส่งต่อของนโยบายดอกเบี้ย จนกระทั่งตลาดตราสารหนี้บูมเกิน เพราะดอกเบี้ยนโยบายลดลงมากมายเพียงใด มีแต่ทำให้ดอกเบี้ยเงินฝากลดลง แต่ไม่กระเทือนไปถึงดอกเบี้ยเงินกู้ทั่วไป ดูได้จาก MLR ที่ยังสูง จึงเกิดช่องว่างระหว่างดอกเบี้ยเงินฝากที่ต่ำเตี้ย กับ MLR ที่สูงลิ่ว ผู้ฝากกับผู้กู้บางรายจึงหาประโยชน์ตรงระหว่างกลาง โดยไม่ทันคิดเรื่องสภาพคล่องอาจเปลี่ยนทิศตามปกติของตลาดทุน

    83339460608_n.jpg?_nc_cat=107&_nc_sid=32a93c&_nc_ohc=g3lLfyA53RAAX_Xj-8u&_nc_ht=scontent.fbkk6-2.jpg

    68397379584_n.jpg?_nc_cat=111&_nc_sid=32a93c&_nc_ohc=nmu5W8z8nk0AX9welSH&_nc_ht=scontent.fbkk6-1.jpg
    เพราะฉะนั้น ตอนนี้ไม่ควรเข้าไปกอบกู้ตลาดทุน แต่ควรพยายามเพิ่มขึ้นที่จะหาทางลดดอกเบี้ยเงินกู้ที่ธนาคารพาณิชย์ เพราะลูกหนี้ก็ไม่มีรายได้ (ตามข้อ 1) วิธีการต้องดีพอ ไม่ใช่อยู่ๆ ก็สั่งธนาคารพาณิชย์ลดเฉยๆ
    การ subsidize ดอกเบี้ยเงินกู้จริงๆ แรงๆ ในยามเศรษฐกิจหยุด จะเพิ่มเวลาให้ธุรกิจที่มีอนาคตได้หายใจ เมื่อเศรษฐกิจของเราฟื้นตัว เราก็จะทะยานไปข้างหน้าได้อย่างแข็งแรง
    รายละเอียดวิธีการจะเป็นอย่างไร ปล่อยให้น้องๆ คิดนะ
    หวังว่าที่เขียนมานี้จะช่วยเปิดมุมมองเพื่อหาทางออกที่ practical ให้น้องๆ วิธีคิดของ ดร. ป๋วย อึ๊งภากรณ์ อดีตผู้ว่าการคือ “ให้พวกเราคนแบงก์ชาติออกไปช่วยข้างนอก เพื่อเป็นแนวป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาที่ในที่สุดก็จะมาถึงเรา” ที่ท่านสอนและทำไว้นั้น ไม่เคยให้ธนาคารชาติออกไปต่อสู้วิกฤตนอกขอบเขตอำนาจหน้าที่ ไม่เคยสอนให้ทุ่มเงิน แต่สอนให้กันดีกว่าแก้โดยการสร้างสถาบัน สร้างกลไกต่างๆ ที่จะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
    มีผู้ยกตัวอย่างอเมริกันและอังกฤษว่าทำนโยบายการเงินอย่างนั้นอย่างนี้ อย่าลืมว่า ในเรื่อง COVID-19 คนตายมากในสองประเทศนั้นประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งในบริบทสังคมและบริบทการเงินที่แตกต่างกัน นโยบายลอกกันไม่ได้ นี่เป็นสิ่งที่พี่ได้เรียนรู้มาตลอดเวลาที่ทำงานในธนาคารชาติ ธนาคารชาติของเราทำอะไรที่ผาดแผลง แปลกใหม่ได้ และเราก็เคยทำมาแล้วทั้งในยามปกติและยามฉุกเฉิน แต่ต้องทำอย่างเป็นตัวของตัวเอง อย่างคนรู้จริงในสิ่งที่ทำ และทำในสิ่งที่ถนัด
    ขอร้องว่า ขอให้คิดให้ดี คิดให้เร็ว ทำอย่างเร่งด่วน แต่ไม่ใช่ทำผิดทิศแล้วนึกเอาเองว่าทำแล้ว ทั้งๆ ที่ทำไปก็ไม่ได้แก้ที่สมุฎฐาน เสียทั้งเวลา เสียทั้งเงิน และมิหนำซ้ำทำให้ปัญหาลุกลามใหญ่โตขึ้นไปอีก
    อีกประการหนึ่ง อะไรที่ทำแล้วเปิดช่องให้มีข้อครหาว่าคอรัปชั่น หรือถูกใช้เป็นเครื่องมือให้คนอื่นนำไปใช้ในทางมิชอบ จะเปลืองตัวและเสียชื่อของธนาคารกลาง ไม่ควรทำ จะได้ไม่ต้องมี ศปร. หรือกรรมการอะไรทำนองนั้นอีกหลังจากวิกฤตคราวนี้ ขอให้น้องทุกคนตั้งสติ เปิดใจฟัง แล้วใช้ปัญญาวินิจฉัยหาทางแก้ปัญหาที่ต้นตอ แม้จะมีอุปสรรคทางความคิดจากรอบด้าน ก็ขอให้มั่นคง เพื่อรักษาจิตวิญญาณธนาคารกลางที่รับผิดชอบต่อสังคมเอาไว้ แบบที่ว่าเมื่อมองย้อนกลับไปก็ยังเคารพตนเองได้
    นวพร เรืองสกุล ๑๕ เมษายน ๒๕๖๓
    ขอบคุณ “ฮุ่ยอิ๋น” ผู้หาและจัดทำข้อมูล
    ข้อมูลมาจาก website ต่อไปนี้ : Thai BMA, AIMC, BOT, คปภ, GPF, SSO
    หมายเหตุ *** บทความชิ้นนี้เผยแพร่ใน บล็อก Thai Dialogue เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2563
    *“นวพร เรืองสกุล” อดีตนักเรียนทุนแบงก์ชาติ และมีประสบการณ์ทำงานในรั้ววังบางขุนพรหม ภายใต้การบริหารของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ถึง 5 คน นับตั้งแต่ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์, พิสุทธิ์ นิมมานเหมินท์, ดร.เสนาะ อุนากูล, นุกูล ประจวบเหมาะ และ กำจร สถิรกุล และเป็นผู้ได้รับโอกาสทำงานบุกเบิกหน่วยงานใหม่ ๆ ของธนาคารแห่งประเทศไทย อย่างเช่น การเป็นผู้บริหารกองทุนฟื้นฟูสถาบันการเงินคนแรกเคยเป็นอดีตเลขาธิการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ, ประธานกรรมการ บมจ.ธนาคารเกียรตินาคิน – ประธานกรรมการ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์
    https://www.prachachat.net/finance/news-450157
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นักวิจัยเผย ไวรัสโควิด-19 สุดอึด เจอความร้อน 60 องศายังไม่ตาย
    .
    สำนักข่าว เซาธ์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงาน ทีมนักวิจัยของมหาวิทยาลัยเอ็กซ์-มาร์กเซย์ ของฝรั่งเศส เผยแพร่ผลการวิจัยล่าสุดพบว่า เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือเชื้อโควิด-19 สามารถกลับมามีชีวิตและแตกตัวแพร่กระจายได้อีก หลังจากที่เผชิญกับความร้อนในห้องทดลองสูงถึง 60 องศาเซลเซียส นานถึง 1 ชั่วโมง
    .
    ศาสตราจารย์ เรมี่ ชาร์แรล หนึ่งในผู้นำการวิจัยครั้งนี้ เผยว่า การค้นพบครั้งนี้ ถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนว่า ไวรัสชนิดนี้มีความทนทาน และบรรดานักวิทยาศาสตร์ที่ต้องทำงานสัมผัสใกล้ชิดกับไวรัสตัวนี้ในห้องแล็บ ควรเพิ่มความระมัดระวังขณะปฏิบัติงาน เพื่อลดความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ หรือทำให้ไวรัสแพร่กระจาย อีกทั้งยังควรสวมชุดป้องกันเชื้อเต็มรูปแบบทุกครั้งขณะทำงาน และต้องกำจัดเชื้ออย่างถูกต้อง หลังเสร็จสิ้นกระบวนการวิจัยแล้ว
    .
    ปกติแล้ว การให้ความร้อนที่อุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 1 ชั่วโมง สามารถทำลายเชื้อไวรัสได้หลายชนิด รวมถึงเชื้ออีโบล่า ในขณะที่ทีมวิจัยของฝรั่งเศสทีมนี้ระบุว่าต้องเพิ่มความร้อนระหว่างการทดลองเป็น 92 องศาเซลเซียส นาน 15 นาที จึงจะสามารถทำลายไวรัสโควิด-19 ได้
    .
    ทั้งนี้ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกล่าสุดได้เพิ่มจำนวนเป็นอย่างน้อย 2,082,296 คน และมีผู้เสียชีวิตทั่วโลกแล้วอย่างน้อย 134,540 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 16 มี.ค. เวลา 7.16 น.เวลาไทย)

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นายกฯ เรียกประชุมทีมเคอร์ฟิว เตรียมแจงความคืบหน้ามาตรการ "โควิด-19" เย็นนี้
    .
    วันนี้(17 เม.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐฯได้เรียก พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงการปราบปรามอาชญากรรมทุกประเภท และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร เข้าพบที่ตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อติดตามความคืบหน้าสถานการณ์ด้านความมั่นคง ในช่วงการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะคดีอาชญากรรมต่าง ๆ การตั้งด่านตรวจสกัด และคนฝ่าฝืนเคอร์ฟิว เพื่อนำมาพิจารณาผ่อนปรนมาตรการ
    .
    นอกจากนี้ยังประเมินกรณีคนไทยจากต่างประเทศทั้ง มาเลเซีย อินโดนีเซีย ที่จะเดินทางกลับในช่วง 1-2 วันนี้ เตรียมความพร้อมรับมือ พร้อมกำชับให้ผู้บังคับบัญชาสถานการณ์ ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้ดีที่สุด เพราะต้องควบคุมการแพร่ระบาดที่สถานการณ์อาจยืดเยื้อ
    .
    อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ได้บันทึกเทปการรายงานสถานการณ์และความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ให้ประชาชนได้รับทราบ โดยจะออกอากาศผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) ในเวลา 18.00 น. ทั้งนี้ยังไม่มีการประกาศเพิ่มเติมหรือประกาศผ่อนปรนมาตรการที่เข้มงวดแต่อย่างใด

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันนี้(17 เม.ย.) ศบค. เปิดสถิติผู้ฝ่าฝืนเคอร์ฟิว ตั้งแต่วันที่ 4-17 เม.ย.63 พบชลบุรีนำโด่งเป็นอันดับ 1 ด้านตัวเลขของ 17 เม.ย. พบมีผู้ฝ่าฝืนเคอร์ฟิว 929 ราย ลดลงจากวันก่อนหน้า 71 ราย

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #UPDATE สำหรับกลุ่มผู้ป่วยที่ติดเชื้อใหม่ในวันนี้ (17 เม.ย.) แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ ผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ป่วยเดิม 16 ราย, ผู้ป่วยรายใหม่ 5 รายอยู่ระหว่างการสอบสวน 7 ราย

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    บริษัทญี่ปุ่นให้เช่า "ที่หลบภัย" สำหรับคนที่มีปัญหาครอบครัวช่วงกักตัว #ไวรัสโคโรนา #โควิด19 เช่น ไม่มีสมาธิทำงาน ความเครียด ทะเลาะกัน ไปจนถึงความรุนแรงในครอบครัว ระบุเพื่อช่วยลด "การหย่าร้างจากไวรัสโคโรนา"

    ราคาคืนละ 4,400 เยน (~1,300 บาท) แถมฟรีบริการปรึกษาการหย่าร้าง 30 นาที
    บริษัทดังกล่าวชื่อ Kasoku เริ่มให้บริการเมื่อต้นเดือน เม.ย. หลังประเด็นปัญหาครอบครัวช่วงกักตัวกลายเป็นเทรนด์บนโลกออนไลน์ญี่ปุ่น

    เจ้าของเปิดเผยว่ามีลูกค้าแล้วมากกว่า 20 คน หลายคนเป็นผู้หญิงที่ต้องการเวลาส่วนตัว ทะเลาะกับสามี หรือถูกสามีทำร้ายร่างกายก็มี
    Credit Twitter #benwonx

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    11 ชาติอาเซียนที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมมากที่สุด
    FB_IMG_1587116127432.jpg
    17 เมษายน 2563

    อ่านต่อ>>https://mgronline.com/around/detail/9630000040000

    #อาเซียน #asean #ยอดผู้ติดเชื้อโควิดในอาเซียน #covid19 #aec

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สูตร ไก่ทอดหาดใหญ่

    ส่วนผสม - อกไก่หรือสะโพกไก่ล้างให้สะอาด พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ 10 ชิ้น

    – พริกไทย 2 ช้อนชา

    – ซีอิ้วขาว 1/ 4 ถ้วย

    – น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ

    – น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ

    – น้ำมันพืชสำหรับทอด

    – หอมเจียว

    วิธีทำไก่ทอดหาดใหญ่

    1. เคล้าอกไก่ สะโพกไก่ กับพริกไทย ซีอิ้วขาว น้ำมันหอย น้ำตาลทราย ให้ทั่วกัน หมักทิ้งไว้ในตู้เย็นอย่างน้อย 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง

    2. นำไก่ที่หมักเสร็จเรียบร้อยแล้วลงทอดในน้ำมันร้อนจัด ไฟปากกลาง ให้สุกเหลือง หนังกรอบทั่วกัน ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน โรยด้วยหอมเจียว เสิร์ฟร้อน ๆ พร้อมน้ำจิ้มและข้าวเหนียว

    วิธีทำน้ำจิ้มไก่

    1. โขลกรากผักชีหั่นหยาบ ๆ 2 ช้อนโต๊ะ กับพริกป่น 1/ 4 ถ้วย ให้เข้ากันดี

    2. จากนั้นผสมน้ำปลา 1/ 4 ถ้วย ซีอิ้วหวาน 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 1/ 4 ถ้วย และน้ำส้มสายชู 1/ 4 ถ้วย ลงในหม้อเคลือบ ยกขึ้นตั้งไฟพอน้ำตาลละลาย ยกลงพักไว้ให้อุ่น จึงใส่เครื่องที่โขลกไว้ในข้อ 1 คนให้เข้ากัน

    เคล็ดลับความอร่อย

    เสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของ “ไก่ทอดหาดใหญ่” คือ เนื้อไก่ที่ทอดเสร็จแล้ว จะต้องแห้ง ไม่อมน้ำมัน หนังไก่จะต้องกรอบ และมีการเพิ่มความหอมของไก่ที่ทอดเสร็จแล้วด้วยการโรยหอมเจียวลงบนชิ้นไก่ รสชาติของไก่ที่ทอดเสร็จจะต้องออกรสเค็มนิดหน่อย นิยมนำมารับประทานคู่กับน้ำจิ้มและข้าวเหนียวที่โรยหน้าด้วยหอมเจียวเช่นเดียวกัน

    เทคนิคในการทอดไก่ให้เนื้อแห้งโดยไม่อมน้ำมัน

    ส่วนใหญ่แล้วจะใช้ทอดด้วยไฟแรงในตอนแรก แล้วหลังจากนั้นจึงลดไฟลง ทอดด้วยไฟกลางจนสุกกรอบ แต่บางร้านใช้วิธีทอด 2 ครั้ง (ใช้กระทะ 2 ใบ) โดยเริ่มจากนำไก่ที่หมักไว้แล้วลงทอดกระทะแรก กะว่าพอสุก ก็จะตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน จากนั้นก็นำไก่ที่ทอดเสร็จในขั้นตอนแรกลงไปทอดในกระทะที่สองที่เร่งไฟให้น้ำมันร้อนจัดอีกที แต่การทอดไก่ในกระทะที่สองนี้ จะทอดเพียงประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น แล้วก็ตักขึ้น นำไปพักไว้บนตะแกรง

    แหล่งที่มา : สมุนไพรซีเคร็ท

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พบกระแสพลาสมาดวงอาทิตย์ไหลเร็วขึ้น สู่ความเข้าใจใหม่ใน "วัฏจักรสุริยะ"
    เผยแพร่: 16 มี.ค. 2553 18:46 โดย: MGR Online
    553000003918701.jpg

    ภาพจำลองแถบสายพานยักษ์บนดวงอาทิตย์ ซึ่งนำพาพลาสมาร้อนจากภายในดวงอาทิตย์ขึ้นสู่พื้นผิว ใช้เวลา 40 ปีครบ 1 รอบ และมีอยู่ 2 สาย คือสายเหนือ และสายใต้ (นาซา/PhyOrg)
    นักวิทยาศาสตร์พบสายพานนำส่งพลาสมาบนดวงอาทิตย์เคลื่อนที่เร็วสุดในรอบ 5 ปี คาดเป็นสาเหตุอธิบายว่า เหตุใดดวงอาทิตย์คงมีจุดมืดบนดวงอาทิตย์ต่ำสุด และกินเวลาถึง 15 เดือน ซึ่งนานกว่าที่ทำนายไว้ และอาจนำไปสู่ความเข้าใจใหม่ในวัฏจักรสุริยะ

    “ผมเชื่อว่าปรากฏการณ์นี้ สามารถอธิบายความไม่ปกติลึกๆ ในช่วงต่ำสุดของดวงอาทิตย์ที่เรายังคงได้พบอยู่ ความเร็วสูงสุดของแถบสายพานนี้ ท้าทายแบบจำลองวัฏจักรสุริยะที่มีอยู่ และบีบให้เราต้องกลับไปทบทวนความคิดใหม่" สเปซด็อทคอม รายงานความเห็นของเดวิด แฮธาเวย์ (David Hathaway) นักฟิสิกส์สุริยะจากองค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) ซึ่งร่วมในการศึกษาครั้งนี้ด้วย

    สายพานดังกล่าวคือแถบสายพานยักษ์ (Great Conveyor Belt) และเป็นกระแสขนาดใหญ่ ที่ไหลเวียนพลาสมาร้อนจากภายในดวงอาทิตย์ ซึ่งมีอยู่ 2 สาย คือสายเหนือและสายใต้ โดยกว่าสายพานยักษ์นี้จะหมุนครบ 1 รอบต้องใช้เวลาถึง 40 ปี และนักวิทยาศาสตร์เชื่อด้วยว่า การหมุนเปลี่ยนทิศทางของสายพานยักษ์นี้ เป็นตัวกำหนดจุดมืดบนดวงอาทิตย์

    สำหรับช่วงต่ำสุดบนดวงอาทิตย์ (solar minimum) จะเกิดขึ้นในช่วงปลายวัฏจักรสุริยะซึ่งมีรอบนาน 11 ปี และเป็นช่วงที่จำนวนจุดมืด การลุกจ้า และการเคลื่อนไหวอื่นๆ บนดวงอาทิตย์ลดน้อยลง ซึ่ง PhyOrg.com ระบุว่าล่าสุดเกิดตั้งแต่ปี 2008 – ต้นปี 2009 เป็นเวลาถึง 15 เดือน และเป็นระยะเวลายาวกว่าที่คาดไว้

    การศึกษาครั้งนี้ ใช้ข้อมูลที่รวบรวมมา 13 ปีจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศโซโฮ (SOHO) กล้องโทรทรรศน์ที่ใช้สำรวจดวงอาทิตย์และชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์ ซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่างองค์การอวกาศยุโรป (อีซา) และนาซา

    ท่ามกลางข้อมูลเหล่านี้มีการวัดก๊าซที่แตกประทุ ซึ่งเคลื่อนจากเส้นศูนย์สูตรสู่ขั้วดวงอาทิตย์ หรือที่เรียกว่า “การไหลในแนวเส้นเมอริเดียน” (meridional flow) และนักวิทยาศาสตร์พยายามหาความสัมพันธ์ระหว่างการไหลนี้กับวัฏจักรของจุดมืด

    แฮธาเวย์ พร้อมด้วย ลิซา ไรท์เมียร์ (Lisa Rightmire) จากมหาวิทยาลัยเมมฟิส (University of Memphis) ในเทนเนสซี สหรัฐฯ พบว่าการไหลตามแนวเส้นเมอริเดียนซึ่งปกติจะไหลช้าๆ เริ่มไหลเร็วขึ้นในช่วง 2-3 ปีก่อนปี 2008 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่จำนวนจุดมืดลดลง โดยในช่วงต่ำสุดของดวงอาทิตย์ก่อนหน้านี้ความเร็วของการไหลอยู่ประมาณ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และในช่วงปี 2008-2009 ความเร็วเพิ่มขึ้นเป็น 47 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

    นักวิทยาศาสตร์ทั้งสองชี้ว่า ช่วงต่ำสุดของดวงอาทิตย์ล่าสุดนั้นยาวนานกว่าปกติ เพราะสนามแม่เหล็กที่เกิดจากการไหลของก๊าซบริเวณขั้วดวงอาทิตย์นั้นมีกำลังอ่อนลง แต่ยังไม่เป็นที่ทราบว่าเหตุใดความเร็วของการไหลในแนวเส้นเมอริเดียนจึงเพิ่มขึ้น

    ทั้งนี้ แฮธาเวย์กล่าวว่าการไหลในแนวเส้นเมอริเดียนนั้น นำพาสนามแม่เหล็กซึ่งต้านสสารที่มีความเป็นแม่เหล็กสูงบนพื้นผิวของดวงอาทิตย์ เมื่อการไหลเร็วขึ้นการต้านการไหลของสสารอื่นยิ่งแรงขึ้น สนามแม่เหล็กที่ขั้วดวงอาทิตย์จึงไม่อาจเข้มขึ้นได้ และนี่อาจเป็นเหตุให้การเริ่มต้นวัฏจักรสุริยะในปี 2009 ล่าช้า
    ความเข้มของการไหลสนามแม่เหล็กที่ขั้วดวงอาทิตย์มีความสำคัญ เพราะสนามแม่เหล็กตกอยู่ภายใต้พื้นผิวของดวงอาทิตย์และสร้างเงื่อนไขการเกิดจุดมืด และเมื่อสนามแม่เหล็กอ่อนลง จึงต้องใช้เวลานานขึ้นในการสร้างจุดมืด ซึ่งทั้งแฮธาเวย์และไรท์เมียร์ยังทำนายว่าวัฏจักรสุริยะในปัจจุบันมีกิจกรรมความเคลื่อนไหวน้อยกว่าวัฏจักรอื่นๆ ที่ผ่านมา

    ผลจากการศึกษาครั้งนี้ ซึ่งตีพิมพ์ลงวารสารไซน์ (Science) นั้นอาจจะช่วยปรับปรุงการทำนายช่วงเวลาและความเข้มข้นของวัฏจักรดวงอาทิตย์ในอนาคต และอาจเป็นผลงานที่มีคุณค่า เนื่องจากกิจกรรมบนดวงอาทิตย์บางอย่างนั้นสามารถสร้างม่านหมอกสนามแม่เหล็กของอนุภาคมีประจุ ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อดาวเทียมที่กำลังโคจรรอบโลก และรบกวนระบบจ่ายไฟบนโลกได้

    ทั้งนี้ การปรับปรุงวิธีทำนายวัฏจักรสุริยะจะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศทำนายวัฏจักรสุริยะในระยะยาวได้ และผลจากการศึกษาครั้งนี้ยังชี้ว่า นักวิทยาศาสตร์ต้องกลับมาทบทวนแบบจำลองซึ่งทำนายว่าการไหลในแนวเส้นเมอริเดียนจะเหนี่ยวนำให้สนามแม่เหล็กที่ขั้วดวงอาทิตย์เข้มขึ้นด้วย

    553000003918702.jpg

    ภาพจำลองกล้องโทรทรรศน์อวกาศโซลาร์ไดนามิกส์ (Solar Dynamics Observatory: SDO) ซึ่งส่งขึ้นเมื่อเดือน ก.พ.2010 เพื่อไปศึกษาแถบสายพานยักษ์บนดวงอาทิตย์โดยเฉพาะ (สเปซด็อทคอม/นาซา)

    https://mgronline.com/science/detail/9530000036894
     

แชร์หน้านี้

Loading...