ติดตามสถานะการณ์

เฮีย Ray Dalio ฟันธงวิกฤตโควิดจะทำให้โลกเปลี่ยนขั้วอำนาจ

.

#ลงทุนนอกโลก โดยเพจ #ถามอีกกับอิก

.

ผู้ก่อตั้ง Hedgefund ที่ใหญ่ที่สุดในโลกให้สัมภาษณ์อย่างเป็นกันเอง กับ Nikkei Asian Review ครับ

.

มาลุยเติมความรู้กันครับ

.

============

.

เจ้าไวรัสกำลังสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่!

.

1.ไวรัส ทำให้เศรษฐกิจถดถอย แต่จะว่าไปแล้วจริงๆเศรษฐกิจโลกเองก็เปราะบางอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนมีไวรัสเสียอีกครับ

.

2.ในขณะเดียวกันธนาคารกลางทั่วโลกเองก็เริ่มหมดกระสุนในการช่วยประเทศที่มีหนี้เยอะมากๆ และมีความเหลื่อมล้ำ ซึ่งมันคล้ายๆกับช่วง 1930-1945 เลยครับ (ตอนนี้เราเลยเห็นว่ารัฐบาลต่างๆและธนาคารกลางหลายๆแห่งพยายามพิมเงินออกมา เพื่อเติมรายได้ และอุดรูรั่วในงบดุลให้ทั้งประชาชนและบริษัท)

.

3.ประเด็นคืออย่างนี้ครับ วิกฤตรอบนี้อาจจะทำให้ประชาชนหรือ บริษัท หรือแม้แต่ประเทศอาจจะเจ๊งได้เลย ถ้าหากไม่มีเงินเก็บมากพอครับ

.

และถ้ามองในภาพใหญ่วิกฤตรอบนี้กำลังจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของภูมิรัฐศาสตร์ระดับโลก และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของความเป็นมหาอำนาจ และระเบียบโลกเลยครับ

.

4.สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้คือ การปะทะกันระหว่างอำนาจและความมั่งคั่ง ซึ่งก็เหมือนๆกันแหละครับที่จะมีการปะทะกันทางความคิดถึงความชอบทำของระบบทุนนิยมและสังคมนิยม โดยเฉพาะใน สหรัฐ และในจีนครับ

.

============

.

สิ่งที่สหรัฐ จะได้รับจากการเปลี่ยนแปลงรอบนี้

.

1.ในระยะสั้น สหรัฐจะยังเป็นมหาอำนาจในด้าน สกุลเงินดอลลาร์ เพราะแต่ละประเทศจะต้องการระดมทุนหนี้ ในสกุลเงินดอลลาร์ ซึ่งน่าจะยังทำให้สหรัฐยังคงสถานะการเป็นมหาอำนาจได้อีก (อย่างน้อยๆก็ในระยะนี้)

.

2.แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มีการผิดนัดชำระหนี้ หรือมีการพิมพ์เงินดอลลาร์ ในช่วง 2-3 ปีนี้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือค่าเงินดอลลาร์จะร่วงลง และลดลงในฐานะที่เป็นสกุลเงินสำรอง

.

3.“ในท้ายที่สุดก็จะเป็นตัวบั่นทอนความเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของสหรัฐครับ” เหตุผลเพราะในอดีต ความยิ่งใหญ่ของแต่ละมหาอำนาจก็ล้วนแล้วแต่เกิดจากการ เพิ่มขึ้นหรือลดลง ของภาระหนี้ และบทบาทของสกุลเงินของมหาอำนาจในเวลานั้น

.

4.คล้ายๆกับที่อาณาจักรอังกฤษ และเนเธอร์แลนด์เคยประสบพบเจอมา ในอดีต (และในท้ายที่สุดก็นำไปสู่การล่มสลายของบทบาทการเป็นเงินสำรอง และบทบาทความเป็นมหาอำนาจครับ)

.

============

.

จีนมีโอกาสสูงมาก ที่จะเป็นมหาอำนาจ และเงินหยวนจะกลายเป็นสกุลเงินสำรองที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกครับ

.

1.เฮีย Ray Dalio มั่นใจว่าจีนจะกลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจที่สำคัญมากที่สุดในโลก ภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ครับ

.

2.และก็ยังมั่นใจด้วยว่าสหรัฐจะเป็นคู่แข่ง ด้านมหาอำนาจไปอีกสักระยะครับ และแน่นอนว่าการปะทะของพญาช้างสาร ย่อมส่งผลกระทบไปทั้งโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ

.

3.ถ้าเป็นมุมของสกุลเงิน ก็มั่นใจว่าเงินหยวนจะได้รับการยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างช้าๆ เพราะสกุลเงินสำรองที่ได้รับการยอมรับระดับโลก มักจะมาช้ากว่าการเป็นมหาอำนาจ

.

4.และการที่จะก้าวขึ้นมาเป้นสกุลเงินสำรอง ที่ทั้งโลกให้การยอมรับจะต้องมีตลาดทุนที่เปิด (อิสระเสรี) และมั่นใจว่าจีนจะมีความสำคัญต่อโลกมากขึ้นเรื่อยๆในช่วง 10 ปีข้างหน้านี้ครับ

.

============

.

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลต่างๆถือว่าช่วยได้เยอะ

.

1.แต่จริงๆแล้วผลกระทบเศรษฐกิจอาจจะไม่มาก ถ้าหากว่าโลกใบนี้ไม่มีหนี้สินมากมายเหมือนในปัจจุบัน

.

หลักๆแล้วคนที่จะอยู่รอด หรือบริษัทไหน หรือประเทศไหนที่จะอยู่รอด ขึ้นอยู่กับว่ามีเงินเก็บแค่ไหน เมื่อเทียบกับภาระหนี้สิน “คนไหนที่มีงบดุลที่แข็งแรงก็จะเป็นผู้ชนะ” “คนไหนที่มีหนี้สินเยอะก็จะเจ็บหนัก”

.

2.สิ่งหนึ่งที่น่าพอใจคือ รัฐบาลต่างๆจัดเต็มมากๆทั้งพิมพ์เงินและสร้างหนี้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นความจำเป็นเพื่อที่จะเสริมความแข็งแรงของงบดุลของตัวเอง

.

3.สำหรับประเทศในตลาดเกิดใหม่ ที่มีงบดุลที่อ่อนแอ และไม่สามารถพิมพ์เงินออกมาได้กำลังจะเจอปัญหาด้านหนี้ และอัตราเงินเฟ้อ

.

นอกจากนี้จะยังต้องการความช่วยเหลือด้านการเงินมหาศาล เพราะมิฉะนั้นก็คงจะต้องเจ๊งไป

.

============

.

ระเบียบโลกจะเปลี่ยนไปแน่นอน และจะกระทบกับระบบทุนนิยม

.

1.เฮีย Ray Dalio มั่นใจว่าจะเกิดการต่อสู้ทางความคิดระหว่างระบบทุนนิยมและระบบสังคมนิยมครับ และจะทำให้เกิดการกระจายความมั่งคั่งอย่างมหาศาล

.

2.สิ่งที่ Ray Dalio กังวลคือกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์เหมือนช่วงยุค 1930 ครับ ซึ่งมองว่าอาจจะใช้เวลาในการจัดระเบียบสังคมใหม่อย่างน้อยๆก็ 5 ปีครับ หลังจากนั้นจะเห็นภาพชัดเจนว่าใครจะเป็นผู้ชนะหรือผู้แพ้จากศึกนี้

.

3.ในระยะสั้นสหรัฐจะเจอกับปัญหาการปรับโครงสร้างหนี้ครั้งใหญ่ แต่ในท้ายที่สุดก็จะผ่านไปได้ด้วยดี

.

4.แต่ปัญหาระยะยาวนี่สิ สำคัญมาก และขึ้นอยู่กับว่าสหรัฐจะยังคงมีคุณภาพการศึกษาที่ดี, ความสามารถด้านนวัตกรรม, ธรรมาภิบาลด้านการทำงาน, เคารพกฏหมาย และ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ระหว่างคนอเมริกันเอง

.

5.คุณภาพชีวิตของคนอเมริกันจะดีมากขึ้นเรื่อยๆแน่ๆครับ แต่จะช้ากว่าคนจีน แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่า สหรัฐและจีนจะคุยกันยังไงในช่วงที่มีความขัดแย้งกัน

.

“ถ้าเค้าคุยกันไม่รู้เรื่อง ก็จะเจ็บตัวทั้งคู่” ผลที่จะเกิดขึ้นจะขึ้นอยู่กับว่าทั้งคู่จะคุยกันแบบสันติภาพหรือใช้วิธีคุยกันด้วยความรุนแรง

.

========

.

เริ่มต้นวันนี้ดีที่สุด ขอให้ทุกท่านโชคดีและมีอิสรภาพในการใช้ชีวิต

.

อิสรภาพชีวิต !! อยู่ไหนก็ไม่พลาด อย่าลืมกดติดตามนะครับ หรือเพิ่มช่องทางการสื่อสารได้เลย

.

ส่งข่าวสารถึงมือผ่าน Line@: http://bit.ly/TAM-EIG_LINE

คลิกเลย

 

#ข่าวเช้าตรู่ส่งถึงมือคุณ! โดยเพจ "ถามอีก กับอิก"

.

========

.

1.เทรนด์นี้มาแน่! เมื่อ Apple ซื้อกิจการ NextVR ผู้ให้บริการ VR

.

เป็นการเปิดศึก VR เต็มตัวแล้วครับเมื่อ Apple ประกาศเข้าซื้อ NextVR ที่เพิ่งก่อตั้งเมื่อปี 2009 นี้เอง

.

“Apple เข้าซื้อบริษัทเทคโนโลยีขนาดเล็กเรื่อยๆอยู่แล้ว และเราไม่อยากจะบอกจุดประสงค์หรือเหตุผลในการซื้อเท่าไหร่” โฆษกของ Apple ขออุบเอาไว้ก่อนครับ โดยไม่ได้บอกว่าการซื้อรอบนี้มีมูลค่าเท่าไหร่ แต่เบื้องต้นมองว่าจะมีมูลค่า 100 ล้านเหรียญครับ

.

จุดที่น่าสนใจคือ NextVR เก่งในด้านถ่ายทอดสด และทำ live หรือ บันทึกเหตุการณ์ต่างๆเช่น กีฬา และคอนเสิร์ต ในรูปแบบ VR ครับ ปัจจุบันมีพนักงาน 95 คนครับ

.

นอกจากนี้ยังได้เจรจากับ NBA ในการทำถ่ายทอดสด Highlights การแข่งขันรอบสุดท้ายของบาสเกตบอล และได้มีการระดมทุนสูงถึง 116 ล้านเหรียญก่อนหน้านี้

.

เฮีย Tim Cook เคยบอกไว้เหมือนกันครับว่านับจากนี้ไป การบุกตะลุยธุรกิจ AR, VR จะเป็นกลยุทธ์ใหม่ที่บริษัท Apple ให้ความสนใจ

.

แต่ยังไม่ชัดเจนว่าธุรกิจจะเปิดตัวเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกนี้เมื่อไหร่ แต่คิดว่าน่าจะใกล้ความฝันทุกขณะแล้วครับ คงต้องคอยดูว่าระหว่าง Apple กับเฟสบุคใครจะเปิดตัวและเอาจริงเอาจังเรื่องนี้ได้ประสบความสำเร็จก่อนกันครับ

.

========

.

2.Nike เริ่มกลับมาเปิดสาขาในสหรัฐแล้วครับแต่ยอมรับว่า โควิด-19 กระทบธุรกิจหนักพอควร

.

“ธุรกิจในอเมริกาเหนือ, ยุโรป และเอเชีย มีแนวโน้มได้รับผลกระทบหนักเหมือนกันครับ” แต่ข่าวดีทั้งนี้ Nike เริ่มกลับมาเปิดสาขาใน 15 ประเทศแล้วครับ เช่น เยอรมนี, ฝรั่งเศส, เนเธอร์แลนด์ และสหรัฐ

.

ในขณะที่ตอนนี้สาขาในจีนและเกาหลีใต้เริ่มกลับมาดำเนินการเปิดตามปกติในสัดส่วน 95% แล้วครับ

.

และจุดที่น่าสนใจคือ ตอนนี้แบรนด์เสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬาชื่อดังอย่าง Nike เริ่มเห็นแนวโน้มยอดขายทางออนไลน์เติบโตอย่างก้าวกระโดดครับ (ผ่านทางเวปไซต์ และผ่านทางแอปโทรศัพท์มือถือ) และคิดว่าจะช่วยชดเชยขาดทุนในภูมิภาคอื่นได้บ้างครับ

.

ปัจจุบัน Nike มีจำนวนสาขา 384 แห่งในสหรัฐ (รวมถึง Converse) และเมื่อรวมสาขาในต่างประเทศก็มีมากกว่า 750 สาขาเลย ครับ

“แต่แน่นอนครับ การปิดสาขาย่อมส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ” และอีกประเด็นที่ได้รับผลกระทบคือ การส่งสินค้าให้กับผู้ค้าส่ง ทำให้รายได้ลดลงและมีสต๊อคสินค้าในมือมากขึ้น

.

ซึ่งไม่ใช่เฉพาะ Nike ที่เจอแรงกระแทกครับ แต่ Under Armour คู่แข่งเองก็เช่นกันที่มองว่าผลประกอบการมีโอกาสลดลงมากถึง 60% ในไตรมาสหน้าครับ ส่วน Adidas ก็กำลังได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐเพื่อต่อสายป่านให้ยาวขึ้นครับ

.

========

.

3.GM ปลดพนักงานแผนกรถยนต์ไร้คนขับ โดยลดสัดส่วนประมาณ 8% ของพนักงานทั้งหมดครับ

.

เป็นอีกแผนกที่ได้รับผลกระทบทางอ้อมจากโควิดครับ โดยหลักแล้วเป็นการปลดพนักงานวิศวกร และบางส่วนก็ปลดแผนกทรัพยากรบุคคลด้วยครับ

.

GM มีพนักงานประมาณ 1,800 คนในแผนกรถยนต์ไร้คนขับ และการปลดครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางช่วงเวลาที่การแพร่ระบาดโควิด 19 ทำให้โรงงานผลิตหยุดชะงักไปและทำให้ยอดขายรถยนต์ทั้งโลกลดลงอย่างเห็นได้ชัด

.

หลักๆแล้วการปลดพนักงานรอบนี้เป็นเพราะต้องการรักษาเงินสดครับ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เพิ่งจะสั่งหยุดโรงงานผลิตแห่งนึงไป

.

เช่นเดียวกับ คู่แข่งอย่าง Ford Motor ครับที่เพิ่งประกาศว่าจะเลื่อนแผนในการเปิดตัวรถยนต์ไร้คนขับจากปีหน้า กลายเป็นปี 2022 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ครับ

.

========

.

4.เฮีย Ray Dalio ฟันธงวิกฤตโควิดจะทำให้โลกเปลี่ยนขั้วอำนาจ

.

#ลงทุนนอกโลก โดยเพจ #ถามอีกกับอิก

.

ผู้ก่อตั้ง Hedgefund ที่ใหญ่ที่สุดในโลกให้สัมภาษณ์อย่างเป็นกันเอง กับ Nikkei Asian Review ครับ

.

มาลุยเติมความรู้กันครับ

.



========

.

5.พี่โจ ลูกอีสาน มองวิกฤตรอบนี้ยังไง? คำแนะนำสำหรับนักลงทุนไทยคืออะไร?

.

ถามอีก กับ พี่โจ คุณอนุรักษ์ บุญแสวง นักลงทุนหุ้นคุณค่าขวัญใจมหาชน

.

คลิกเลย นาทีที่ 02:30

.

.

ถ้าชื่นชอบเนื้อหา และไม่อยากพลาดข้อมูลการลงทุนอย่าลืม กด subscribe และกดกระดิ่งด้วยนะครับ

.

========

.

6.ทะลุเป้าหมายแล้วครับ! ยอดระดมทุน วันที่ 17 ของ โครงการ "ช่วยทันที ฮีโร่ไทยต้านโควิด"

.

เพื่อจัดหาชุด PPE ป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ของคุณหมอและบุคคลากรทางการแพทย์ 19 โรงพยาบาลทั่วประเทศ

.

"1,260,123 บาท" คิดเป็นสัดส่วน 105% ของเป้าหมายการระดมทุนครับ

.

แต่เนื่องจากทางโครงการสามารถระดมทุนได้เร็วกว่ากำหนด 20 วัน เลยสรุปกันว่า จะระดมทุนให้ครบตามจำนวนวันที่กำหนดไว้ ส่วนยอดที่ระดมทุนได้เกิน 1.2 ล้านบาท

.



.

========

.

7.มาอัพเดทตลาดกันหน่อยครับ

.

สหรัฐ ผันผวนหนักพลิกกลับมาบวก 1.62%

.

เยอรมนี ร่วง 1.95%

.

ทองคำ 1738 เหรียญ เพิ่มขึ้นแรง

.

น้ำมัน Brent 31.45 หรียญ บวกแรง

.

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก Fox, CNN, Yahoo Finance

.

========

.

เริ่มต้นวันนี้ดีที่สุด ขอให้ทุกท่านโชคดีและมีอิสรภาพในการใช้ชีวิต

.

อิสรภาพชีวิต !! อยู่ไหนก็ไม่พลาด อย่าลืมกดติดตามนะครับ หรือเพิ่มช่องทางการสื่อสารได้เลย

.

ส่งข่าวสารถึงมือผ่าน Line@: http://bit.ly/TAM-EIG_LINE

คลิกเลย

 

(May 15) IMFชี้ดีมานด์ล่มฉุดจีดีพีโลกลบขั้นต่ำ3% 'เฟด'หนุนอัดฉีดอุ้มศก.มะกันฝ่าวิกฤตเรื้อรัง - "ไอเอ็มเอฟ" ชี้ดีมานด์ที่ ล่มสลายจากวิกฤตไวรัสสนับสนุนการ คาดการณ์ว่า จีดีพีโลกปีนี้จะติดลบถึง 3% และอาจถึง 6% ถ้าสถานการณ์เลวร้ายยืดเยื้อ ขณะที่ "เฟด" ก็ระบุมาตรการใช้จ่ายเพื่อเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 แม้มีต้นทุนสูงแต่ก็จำเป็น เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เศรษฐกิจอเมริกาอาจเสียหายร้ายแรงและเรื้อรัง

จิตา โกปินาถ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) แถลงในงานประชุมที่จัดโดยหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์เมื่อวันพุธ (13 พ.ค.) ว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่รวบรวมมาตั้งแต่เดือนเมษายน ยืนยันการคาดการณ์ของไอเอ็มเอฟว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) โลกปีนี้จะติดลบถึง 3% และการบริโภคที่ล่มสลายมีแนวโน้มทำให้อาจต้องปรับการคาดการณ์ติดลบมากขึ้น

ทั้งนี้ เดือนเมษายนที่ผ่านมา ไอเอ็มเอฟย้ำว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอนอย่างมาก พร้อมตั้ง ข้อสังเกตว่า หากวิกฤตโรคระบาดยืดเยื้อและรุนแรงขึ้น จีดีพีโลกอาจหดตัวถึง 6% ในปีนี้ และ 0% สำหรับอัตราการเติบโตในปีหน้า โดยจะไม่มีประเทศไหน หลีกเลี่ยงผลกระทบได้เลย ขณะที่ประเทศกำลังพัฒนาและประเทศเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่จะมีความเสี่ยงอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม โกปินาถเสริมว่า มีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัว หลังจากที่ประเทศต่างๆ เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทว่า ต้องมีการ ตรวจหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวมทั้งการติดตามผู้ติดต่อสัมผัสโรค และการ กักตัวผู้ป่วยอย่างเหมาะสมด้วย

หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ ไอเอ็มเอฟอ้างอิงการฟื้นตัวในจีน ซึ่ง แม้ดีมานด์ภายนอกยังซบเซา แต่ดีมานด์ในประเทศกำลังกระเตื้องขึ้น

โกปินาถสำทับว่า เพื่อหลีกเลี่ยงการซ้ำเติมเศรษฐกิจโลก ประเทศต่างๆ ต้องร่วมกันลดความตึงเครียดทางการค้าและลดการบ่อนทำลายกระแสเงินทุนข้ามพรมแดน คำพูดนี้เป็นการพาดพิงถึงความตึงเครียดระหว่างอเมริกากับจีนอย่างชัดเจน

เธอยังย้ำความจำเป็นในการจัดหาสภาพคล่องให้ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตไวรัสโคโรนาอย่างรุนแรง โดยตั้งข้อสังเกตว่า ประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนามีแนวโน้มต้องการเงินอัดฉีดเกินจำนวน 2.5 ล้านล้านที่ไอเอ็มเอฟคาดการณ์ก่อนหน้านี้

วันเดียวกัน เจอโรม พาวเวลล์ ประธานของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กล่าวว่า มาตรการใช้จ่ายเพื่อเยียวยาวิกฤตแม้มีต้นทุนสูงแต่ก็จำเป็น เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจทำให้เศรษฐกิจอเมริกาเสียหายร้ายแรงขึ้น

ในการปราศรัยทางไกลไปยังที่ประชุมของสถาบันปีเตอร์สัน อินสติติวท์ ฟอร์ อินเตอร์เนชันแนล อิโคโนมิกส์ คราวนี้ พาวเวลล์เตือนว่า มาตรการ ล็อกดาวน์ที่บังคับใช้เป็นเวลานานอาจทำให้เศรษฐกิจอเมริกาเสียหายยาวนาน และจำเป็นต้องออกนโยบายเพิ่มเติม เพื่อรับมือความเสี่ยงดังกล่าว ซึ่งรวมถึงมาตรการใช้จ่ายมูลค่าเกือบ 3 ล้าน ล้านดอลลาร์ที่รัฐสภาอนุมัติไปแล้ว

ประธานเฟดสำทับว่า แม้การสนับสนุนทางการคลังเพิ่มเติมอาจ ต้องใช้เงินอีกมหาศาล แต่ถือว่าคุ้มค่า หากสามารถป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจในระยะยาว และทำให้อเมริกาฟื้นตัวอย่างเข้มแข็ง

ทั้งนี้ ในช่วงเวลาไม่ถึง 2 เดือน ชาวอเมริกัน 82,000 คนต้องสังเวยชีวิตในวิกฤตโรคระบาด และกว่า 21 ล้านคนตกงาน โดยอัตราการว่างงานพุ่งขึ้นไป อยู่ที่ 14.7% ในเดือนเมษายน

พาวเวลล์เสริมว่า แม้เฟดออกมาตรการหลายชุดเพื่อปล่อยกู้ให้บริษัททุกขนาด อัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ ผ่อนคลายข้อกำหนดเพื่อให้แบงก์ ปล่อยกู้ได้ง่ายขึ้น และพร้อมใช้เครื่องมือทั้งหมดจนกว่าวิกฤตจะผ่านพ้นและเศรษฐกิจฟื้น แต่ปัญหาคือ เฟดมีอำนาจในการปล่อยกู้เท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับ การใช้จ่าย ซึ่งเท่ากับเป็นการเรียกร้องให้รัฐสภาหาวิธีปกป้องเศรษฐกิจจากปัญหาระยะยาวที่สืบเนื่องจากการชัตดาวน์ อย่างกว้างขวาง

ประธานเฟดชี้ว่า ความอยู่รอด ของบริษัทขนาดกลางและเล็กมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากกิจการเหล่านี้เป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจและการจ้างงาน และคลื่นการล้มละลายอาจสร้างภาระต่อกิจกรรมเศรษฐกิจนานหลายปี

เขายังตั้งข้อสังเกตว่า มีสัญญาณมากขึ้นว่า การฟื้นตัวอาจช้ากว่าที่เคย คาดไว้ แต่เศรษฐกิจอาจฟื้นหลังจากสามารถควบคุมการระบาดได้แล้ว และเพิ่มเติมว่า อัตราว่างงานอาจพุ่งสู่ระดับสูงสุดในเดือนหน้าหรือหลังจากนั้น ก่อนลดลงเมื่อกิจกรรมเศรษฐกิจกลับสู่ภาวะปกติมากขึ้น

Source: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา
https://mgronline.com/around/detail/9630000050539

เพิ่มเติม
- Collapse in consumption dragging down global economic outlook: IMF
https://www.reuters.com/article/us-...own-global-economic-outlook-imf-idUSKBN22P2WI

 

ซาโนฟีถอนคำพูด หลังแย้มให้สหรัฐได้วัคซีนโควิดก่อน- บริษัทซาโนฟี หนึ่งในผู้ผลิตยารายใหญ่ของโลกจากฝรั่งเศส ยืนยันว่าทั่วโลกจะสามารถเข้าถึงวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาได้พร้อมกัน หลังก่อนหน้านั้นซีอีโอของบริษัทเปรยว่า "จะให้สหรัฐก่อน" จนรัฐบาลปารีสตำหนิอย่างหนัก

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 15 พ..ค ว่านายแซร์จ ไวน์แบร์ก ประธานคณะกรรมการบริหารของบริษัทซาโนฟี หนึ่งในบริษัทข้ามชาติด้านเภสัชอุตสาหกรรมรายใหญ่ของโลกจากฝรั่งเศส กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี ว่าซาโนฟีเป็นหนึ่งในหน่วยงานเอกชนที่กำลังพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 เมื่อประสบผลสำเร็จและได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ ทุกประเทศบนโลกสามารถเข้าถึงวัคซีนของซาโนฟีอย่างเท่าเทียมกัน ไม่มีประเทศใดได้รับสิทธิพิเศษแน่นอน

คำกล่าวของไวน์แบร์กมีขึ้นหลังนายพอล ฮัดสัน ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร ( ซีอีโอ ) ของซาโนฟี ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวลูมเบิร์ก เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ว่าทันทีที่การพัฒนาและทดสอบวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ประสบความสำเร็จ สหรัฐ "มีสิทธิ์ก่อน" ในการสั่งจองสินค้า เนื่องจากรัฐบาลวอชิงตันให้ความสนับสนุนโครงพารพัฒนาวัคซีนของซาโนฟีมากที่สุด

หลังจากนั้นไม่นาน นายเอดูอาร์ ฟิลิป นายกรัฐมตรีฝรั่งเศส กล่าวว่าวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 "คือสินค้าสาธารณะสำหรับทั้งโลก" ทุกประเทศต้องเข้าถึงวัคซีนได้อย่างเท่าเทียมกัน "อย่างไม่มีเงื่อนไข" ด้านทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศสออกแถลงการณ์ว่า ประธานธิบดีเอมมานูเอล มาครง "มีความกังวล" ต่อคำกล่าวของฮัดสัน ซึ่งออกมาขอโทษในเวลาต่อมา และเตรียมเข้าพบผู้นำฝรั่งเศสในสัปดาห์หน้า

ด้านนายไมค์ ปอมเปโอ รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่าไม่ว่าใครพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้ เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทั่วโลกจะได้รับการแบ่งปันอย่างเท่าเทียมกัน และกล่าวว่าประชาคมโลกควรร่วมกันสนับสนุนให้ผู้ผลิตสามารถผลิตวัคซีนได้ครั้งละจำนวนมาก เพิ่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงวัคซีนได้เร็วที่สุด

แม้รายงานวิจัยหลายชิ้นยืนยันไปในทางเดียวกัน ว่าวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 น่าจะเข้าสู่ขั้นตอนทดสอบทางคลินิกภายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ก่อนใช้งานจริงได้ในอีก 12 เดือนถัดไป แต่สมมติฐานดังกล่าวเป็นเพียงทฤษฎี หมายความว่าระยะเวลาจริงอาจนานกว่านั้น "หรืออาจไม่สามารถเกิดขึ้นได้" เนื่องจากจนถึงปัจจุบันโลกยังไม่มีวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสเอชไอวี และซาร์ส

Source: เดลินิวส์ออนไลน์ : https://www.dailynews.co.th/foreign/774525

*********************

ฝรั่งเศสรับไม่ได้ 'ซาโนฟี่'ประกาศชัดส่งวัคซีนให้สหรัฐก่อน : รัฐบาลฝรั่งเศสไม่พอใจกับคำกล่าวของผู้บริหารบริษัทยายักษ์ใหญ่ "ซาโนฟี่" ที่ประกาศจะส่งวัคซีนโควิด-19 ชุดแรกที่ผลิตได้ให้กับสหรัฐก่อน ระบุเป็นเรื่องที่ "ยอมรับไม่ได้" ขณะบริษัทอ้างว่ารัฐบาลสหรัฐให้ทุนก้อนโตในการพัฒนา แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ฝรั่งเศสสนับสนุนทุนวิจัยของซาโนฟี่นับร้อยล้านยูโรมานานหลายปี

รายงานเอเอฟพีเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม เผยว่า พอล ฮัดสัน ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเภสัชกรรมข้ามชาติจากฝรั่งเศส กล่าวกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กเมื่อวันพุธว่า ซาโนฟี่จะส่งวัคซีนชุดแรกที่ผลิตได้ให้กับสหรัฐเป็นประเทศแรก เพราะรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สนับสนุนเงินทุนในการวิจัยวัคซีนนี้

"รัฐบาลสหรัฐมีสิทธิที่จะสั่งซื้อล่วงหน้าจำนวนมากที่สุด เพราะสหรัฐเสี่ยงลงทุน" ผู้บริหารชาวอังกฤษซึ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อปีที่แล้ว กล่าว โดยอ้างว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะว่ารัฐบาลสหรัฐลงทุนเพื่อการทดลองและปกป้องประชากรของตนและเพื่อเริ่มต้นเศรษฐกิจใหม่ ตัวเขารณรงค์อยู่ในยุโรปขณะนี้เพื่อบอกว่าสหรัฐจะได้วัคซีนก่อนใคร

คำกล่าวของผู้บริหารซาโนฟี่ทำให้เจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์หลายรายเป็นเดือดเป็นแค้น พวกเขาย้ำเตือนว่าซาโนฟี่ได้ประโยชน์จากสินเชื่อเพื่อการวิจัยนับร้อยล้านยูโรจากรัฐบาลฝรั่งเศสในช่วงหลายปีมานี้

อานเญส ปันนีเยร์-รูนาแชร์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังของฝรั่งเศส กล่าวกับสถานีวิทยุซูด์เมื่อวันพฤหัสบดีว่า สำหรับฝรั่งเศสแล้ว เป็นเรื่องยอมรับไม่ได้ที่ประเทศหนึ่งใดจะได้สิทธิพิเศษในการเข้าถึงยาก่อนด้วยเหตุผลทางการเงิน เธอกล่าวด้วยว่า ภายหลังคำกล่าวของผู้บริหารซาโนฟี่ เธอได้ติดต่อไปยังบริษัทซาโนฟี่สาขาฝรั่งเศสทันที และพวกเขายืนยันว่า ทุกประเทศจะได้รับวัคซีน รวมถึงฝรั่งเศสด้วย และไม่ใช่เพราะพวกเขาผลิตมันได้ในฝรั่งเศส

ซาโนฟี่ร่วมมือกับบริษัท กลาโซสมิธไคลน์ เมื่อเดือนเมษายน เพื่อร่วมกันพัฒนาวัคซีนโควิด-19 แต่ขณะนี้ยังไม่ได้เริ่มการทดลอง และคาดว่าต้องรอถึงสิ้นปีหน้าจึงจะประสบความสำเร็จ โครงการนี้ได้รับทุนสนับสนุนส่วนหนึ่งจากองค์การพัฒนาและวิจัยก้าวหน้าด้านชีวเวช (BARDA) ของกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ของสหรัฐ และเป็นหนึ่งในหลายสิบโครงการวัคซีนที่พัฒนากันอยู่ทั่วโลก

ต้นเดือนนี้สหภาพยุโรปเพิ่งเป็นโต้โผระดมทุนจากทั่วโลกสำหรับการค้นคว้าวิจัยวัคซีน, การรักษาและการตรวจเชื้อ ได้ทุนมาราว 8,000 ล้านดอลลาร์ แต่รัฐบาลทรัมป์ไม่เข้าร่วมด้วย โดยอ้างว่าสหรัฐได้ให้ทุนสนับสนุนบริษัทเอกชนพัฒนาวัคซีนแล้ว ทรัมป์ยังคุยด้วยว่า เขามั่นใจว่าจะได้วัคซีนภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขเพียงไม่กี่คนที่เชื่อว่าเป็นไปได้

Source: Thaipost
https://www.thaipost.net/main/detail/65957

-Sanofi sparks French outcry after saying US likely to get first Covid-19 vaccine : https://www.ft.com/content/60434224-a70d-4a8d-821f-6ac239b4a349

 

ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เตือนมาตรการ lockdown จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะยาว พร้อมทั้งส่งสัญญาณการดำเนินมาตรการ Quantitative Easing หรือ QE เพิ่มเติม เพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจ แต่ยังไม่พิจารณาการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ:

นาย Andrew Bailey ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) กล่าวผ่าน webinar ซึ่งจัดขึ้นโดย Financial Times ว่า มาตรการ lockdown ที่ถูกประกาศใช้เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อ Covid-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรในระยะยาว แต่ยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่มากว่าขนาดของผลกระทบจะรุนแรงมากเพียงใด ซึ่งความไม่ชัดเจนดังกล่าว ส่งผลให้ยังไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัดว่า เศรษฐกิจสหราชอาณาจักรในช่วงครึ่งแรกของปี 2020 จะหดตัวมากถึงร้อยละ 30 ตามประมาณการของ BoE ที่เปิดเผยไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วหรือไม่ แต่ นาย Bailey มองว่า มีโอกาสที่จะเป็นไปได้

ตั้งแต่เดือน มี.ค. 2020 BoE ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปแล้ว 2 ครั้ง มาอยู่ที่ร้อยละ 0.1 ในปัจจุบัน พร้อมทั้งส่งสัญญาณเข้าซื้อพันธบัตรเพิ่มเติมตามมาตรการ Quantitative Easing หรือ QE เพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจ ขณะที่นักลงทุนในตลาดเงินเริ่มคาดการณ์ถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจนต่ำกว่าร้อยละ 0 โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) และ BoE ซึ่ง นาย Bailey กล่าวว่า ขณะนี้ BoE ยังไม่ได้มีการพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจนอยู่ในระดับติดลบ แต่เป็นแนวทางที่อาจจะพิจารณานำมาใช้ได้ในอนาคตหากเหมาะสมกับสถานการณ์

ความเห็นดังกล่าวต่างจาก นาย Jerome Powell ประธาน FED ที่ออกมาปฏิเสธนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบไปก่อนหน้านี้ พร้อมกล่าวว่าการนำนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบมาใช้จะมีความท้าทายด้านการสื่อสารต่อสาธารณชน และจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจธนาคาร รวมถึงอาจบั่นทอนความสามารถในการส่งผ่านนโยบายการเงินไปสู่ภาคเศรษฐกิจจริงได้ในท้ายที่สุด

รัฐบาลสหราชอาณาจักรอาจกู้ยืมเงินเพิ่มเติมเกินกว่าแผนงบประมาณที่ 300 พันล้านปอนด์สเตอร์ลิง ในปีงบประมาณปัจจุบัน เนื่องจากจำเป็นต้องปรับเพิ่มการใช้จ่ายเพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจของประเทศและชดเชยรายได้ให้แก่กลุ่มแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโรคระบาด ซึ่ง นาย Bailey ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่า BoE ได้ปล่อยเงินกู้ยืมให้แก่รัฐบาล และยืนยันว่า BoE ไม่มีนโยบายจะทำ “extreme notions of monetary financing” พร้อมทั้งมีความเห็นว่า ควรมีการประเมินและตรวจสอบมาตรการ QE ที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2008 เพราะส่งผลให้งบดุลของ BoE มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างมาก อีกทั้งควรพิจารณาว่าจะบริหารจัดการงบดุลของ BoE ต่อไปอย่างไร ร่วมด้วย

Source: BoTSS

- Bank of England not considering taking rates below zero: Andrew Bailey: https://m.economictimes.com/markets...w-zero-andrew-bailey/articleshow/75740439.cms

 

มาเลเซีย : ตม. ส่งกลับแรงงานที่ตกค้าง เข้าเมืองผิดกฏหมาย บัตรอนุญาตหมดอายุ และจับแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก เป็นอีกวิธีหนึงที่รัฐบาลนำมาใช้คุมโรคโควิด ที่อาจติดจากกลุ่มแรงงาน
ภาพ :1-2 แรงงานพม่า 395 คน ถ่ายภาพหน้าสนามบินกำลังจะถูกส่งกลับ 2 เที่ยวบินในวันที่ 11 พค.
ภาพ :3-6 ตรวจจับแรงงานต่างด้าวในวันที่13 พค.
จับแรงงาน 1380 คน
พม่า 790 คน อินโดนีเซีย 421 บังกลาเทศ 78
อินเดีย 54 ปากีสถาน 6 ที่เหลือเป็นชาติอื่นๆ
ทั้งหมดจะถูกผลักดันกลับ รวมทั้งอาจดำเนินคดี และแบนห้ามเข้าประเทศ

ยอดติดเชื้อมาเลเซีย 6819 เสียชีวิต 112 คน
อันตราการเพิ่มรายวัน 14 พค.40 ราย
บางส่วน friends of immigration

 

สหรัฐอเมริกา : แคลิฟอร์เนีย
ฝูงแพะหลุดออกจากคอก200 ตัว หลังจากเจ้าของกลับมาเจอต้องรีบต้อน พวกมันเดินเข้ามาโซนพักอาศัยเกือบสวนเกลี้ยง

 

เวียดนาม :ไซต์งานก่อสร้างถล่มวานนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิต ทั้งหมด 10 คนบาดเจ็บ 17 คน ขณะก่อสร้างอาคารโรงงานของ บ.เกาหลีอาคารสูง 29 เมตรสำนักงาน อาคารถล่มขณะสร้างได้เพียง 8.8 เมตร
ทางการกำลังตรวจสอบ หากฝ่าฝืน กม. อาจโดนปรับเป็นเงิน และจำคุกถึง10 ปีพร้อมยึดใบอนุญาต

 

มาเลเซีย : ชาวสวนบนเขา เคมารอนไฮแลนด์ ขายผักบนออนไลน์ลาซาด้า อาทิกะหล่ำปลี แครอท 3.5 ตันขายหมดเกลี้ยงภายในเวลาน้อยกว่า 30 นาที เริ่มจากช่วงมีนาคม ขาวสวนต้องทิ้งผักจำนวนมากเพราะร้านอาหาร ตลาดสด ซูเปอร์มาเก็ตหลายแห่งปิดผลจากไวรัส หลังได้รับคำแนะนำส่งผักขายออนไลน์จึงทดลองทำ พบว่า 3 วันแรกขายได้วันละ 1.5 ตัน วันที่ 4ขายได้ 3.5 ตันใช้เวลาน้อยกว่า 30 นาที ในการขาย 3 สัปดาห์ผักถูกขายส่งจากสวนถึง 70 ตัน ราคาเริ่มต้น 240 บาท/ กล่อง ส่งฟรี มีหลายขนาดให้เลือก ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มยังขยายฐานการขายสินค้าสดจากสวน ไปในหลายประเทศในอาเซียน
Cr :ภาพ wargabiz

 

สหรัฐ : องค์การอาหารและยาสหรัฐแจงรถแช่เย็นจำนวนมากที่นำมาใช้แช่เย็นศพผู้ป่วยโควิดในนิวยอร์ก จะถูกนำกลับมาใช้แช่อาหารอีกครั้ง โดยผ่านการล้างฆ่าเชื้อและนำกลับมาใช้ใหม่ รถถูกออกแบบให้ทำความสะอาดล้างได้หากมีเลือดหรือของเหลวร่วงลงพื้นผิว ก่อนหน้าเหตุเสียชีวิตในนิวยอร์กสูง จนห้องเย็นและโรงพยาบาลล้น
จึงได้นำรถแช่เย็นมาใช้เป็นสถานที่้ก็บศพ
ตัวเลขผู้ติดเชื้อสหรัฐ 1,457,593 เสียชีวิต 86,912 ราย
dailymail

 

ยูเครน : กรุงเคียฟเด็กๆ 46 คน เกิดจากรับจ้างอุ้มบุญ ไม่สามารถส่งมอบได้เพราะปิดเมืองจากไวรัส ทางคลีนิคได้เช่าโรงแรมเป็นสถานที่เลี้ยงรอพ่อแม่ที่สั่งทำเด็ก ส่วนมากเป็นผู้มีบุตรยากและ LGBT ในยุโรป ลาตินอเมริกา เอเชีย จนได้ฉายาโรงงานผลิตเด็ก พ่อแม่ต้องจ่ายเงินเกือบ 50000 ปอนด์ ในการรับจ้างอุ้มบุญ
อัตราการเติบโตการอุ้มบุญในยูเครนโตขึ้นหลายเท่าเนื่องจากกฏหมายที่เปิด และการแบนอุ้มบุญในไทย เนปาล และเอเชียหลายประเทศ จึงทำให้เกิดคลีนิคในยูเครนมากมาย ทั้งถูกต้อง และเถื่อน

# ทางเพจเคยนำเสนอเรื่องคลีนิคเถื่อนในยูเครน >

 

บังกลาเทศ : ค่ายผู้ลี้ภัยโรฮิงญา Cox's Bazar
ตรวจพบ 2 รายแรกติดไวรัสโควิด 1,900 คนกำลังแยกตรวจ ค่ายผู้ลี้ภัยแห่งนี้มีผู้ลี้ภัยถึง 1 ล้านคน อยู่อย่างแออัด หวั่นการระบาดในชุมชน

 

เวียดนาม : สื่อในเวียดนามนำเสนอเรือดูดทรายจีนหลายลำในทะเลจีนใต้ภาพถ่ายดาวเทียมจาก forbes แสดงให้เห็นเรือดูดจีนจำนวนมากในทะเลจีนใต้ จากสื่อใต้หวันอ้างว่า 40 ลำ สอดคล้องกับเวียดนามนำเสนอ เรือจำนวนมากกำลังดูดทรายวันละ 100,000 ตัน เพื่อทำอะไรสักอย่าง ในข่าวกำลังสงสัยว่า จะถมท่าเรือในจีนเพิ่ม หรือ ถมสนามบินฮ่องกง จีนนอกจากจะเป็นภัยคุกคาม ในทะเลจีนใต้ การกระทำดังกล่าวส่งผลต่อสภาพแวดล้อม ทางทะเล

 

ยกระดับเฝ้าระวังโควิดในอู่ฮั่น ป้องกันระบาดรอบสอง
.
1/ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเมืองอู่ฮั่น เมืองเอกของมณฑลหูเป่ย ศูนย์กลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ ธ.ค.ปีที่แล้ว กำลังปฏิบัติภารกิจอย่างหนัก
.
2/ ภารกิจนั้นคือ การเร่งตรวจคัดกรองชาวเมืองอู่ฮั่น เพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยวิธีตรวจหากรดนิวคลิอิก
.
3/ มีชาวอู่ฮั่นเข้ารับการตรวจแล้วประมาณ 3 ล้านคน จากจำนวนประชากรอู่ฮั่นราว 11 ล้านคน
.
4/ ภารกิจ ‘ต่อสู้ 10 วัน ตรวจโควิดชาวอู่ฮั่น 11 ล้านคน’ เริ่มต้นมาตั้งแต่ต้นสัปดาห์ | อ่านเพิ่มเติม:
.
5/ อังคารที่ 12 พ.ค. ที่ผ่านมา ทุกเขตในเมืองอู่ฮั่นต้องส่งแผนการตรวจโควิดในพื้นที่ของตัวเอง เมื่อแผนได้รับความเห็นชอบ จึงเริ่มต้นปฏิบัติการ เพื่อเป้าหมายตรวจประชาชนชาวอู่ฮั่นทั้ง 11 ล้านคนให้เสร็จสิ้นภายใน 10 วัน
.
6/ สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สี จิ้นผิง ผู้นำจีนกำชับให้เมืองอู่ฮั่นของมณฑลหูเป่ย มณฑลจี๋หลิน และมณฑลเฮย์หลงเจียง ยกระดับมาตรการเฝ้าระวังโรคโควิด-19 ให้กลับมาอยู่ในระดับสูงกว่าปกติ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดรอบสอง
.
7/ ทั้ง 3 พื้นที่นั้น พบการติดเชื้อภายในชุมชนเพิ่มขึ้น ตั้งแต่สุดสัปดาห์ที่แล้ว
.
8/ สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดในจีน ตั้งแต่ธันวาคมปีที่แล้วถึงวันนี้ มีผู้ป่วยสะสม 82,933 คน เหลือผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษา 91 คน ในจำนวนนี้ 11 คนมีอาการขั้นวิกฤต
.
9/ ผู้ป่วย 4 คนล่าสุดที่พบ อยู่ที่มณฑลจี๋หลิน และยังตรวจพบผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการอีก 11 คน ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมยังคงที่อยู่ที่ 4,633 คน
.
ขอบคุณภาพจาก...https://www.aljazeera.com/news/2020...us-epidemic-live-updates-200514234435155.html
.

 

“ผิดหวังกับจีนมาก ผมกำลังพิจารณามาตรการต่อจีน ซึ่งอาจจะเป็นการยุติความสัมพันธ์” โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าว
.
1/ เอฟบีไอและสำนักงานความปลอดภัยไซเบอร์และความมั่นคงด้านโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯออกแถลงการณ์เมื่อวันพุธที่ 13 พ.ค. ตรวจพบการเคลื่อนไหวของแฮกเกอร์ ที่สหรัฐฯระบุว่า ‘อยู่สังกัดรัฐบาลจีน’
.
2/ แฮกเกอร์กลุ่มนี้พยายามจารกรรมข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จากระบบของหน่วยงานรัฐและเอกชนในหลายประเทศ
.
3/ วันถัดมา พฤหัสฯที่ 14 พ.ค. (อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับกรณีแฮกเกอร์ก็ได้) โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กล่าว รู้สึกผิดหวังอย่างมากกับท่าทีของจีนที่มีต่อวิกฤตโควิดแพร่ระบาดที่เริ่มต้นมาจากจีน
.
4/ โดนัลด์ ทรัมป์ บอกว่า ต้องมีการปกปิดความจริงอะไรบางอย่างเป็นแน่ และมันก็ทำให้เขาไม่ต้องการสนทนากับสี จิ้นผิง ผู้นำจีนอีก
.
5/ ทรัมป์เผยว่า กำลังพิจารณามาตรการต่อจีน ซึ่งอาจจะเป็นการ ‘ยุติความสัมพันธ์’
.
6/ การยุติความสัมพันธ์จะช่วยให้สหรัฐฯประหยัดเงินได้มากถึง 16 ล้านล้านบาท เท่ากับมูลค่าสินค้าเฉลี่ยที่สหรัฐฯนำเข้าจากจีนต่อปี
.
7/ “ในขณะที่ รัฐบาลสหรัฐฯและพันธมิตรร่วมมือกันปกป้องชีวิตของประชาชน แต่จีนยังคงปิดปากนักวิทยาศาสตร์ ผู้สื่อข่าว และพลเมืองของตน แล้วเดินหน้าเผยแพร่ข้อมูลที่บิดเบือน” ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯกล่าวเสริม
.
8/ ไมค์บอกว่า การกระทำของจีนมีแต่จะยิ่งส่งผลให้วิกฤตด้านสาธารณสุขเลวร้ายมากขึ้นไปอีก
.
9/ ล่าสุด ศุกร์ที่ 15 พ.ค. นายจ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวในช่วงหนึ่งระหว่างการแถลงประจำวันถึงสิ่งที่โดนัลด์ ทรัมป์พูดว่า ‘ยุติความสัมพันธ์’
.
10/ ซึ่ง....รัฐบาลจีนเห็นว่า สหรัฐฯและจีน ‘ควรพบกันครึ่งทาง’
.
11/ แม้จะไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจนนักว่า พบกันครึ่งทาง หมายความว่าอย่างไร แต่โฆษกฯกล่าวถัดมาว่า การจะฝ่าฟันวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 ได้ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับจีนควรดำเนินไปอย่างมั่นคง นั่นจะทำให้เกิดผลประโยชน์ร่วมกัน และนำมาซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพของโลก
.
12/ ย้อนกลับไป มกราคม 2561 สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ประเทศเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 1 และ 2 ของโลก ปะทุขึ้น มาถึงวันนี้ 2 ปี กับเกือบ 5 เดือนแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและจีน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย มาตลอด
.

 

NEWS: รัสเซียมาแล้ว! ตรวจเจอผู้ติดเชื้อ COVID-19 วันละ 10,000 คน ติดกัน 10 วัน ขึ้นอันดับ 2 ของโลก
.
ตอนนี้หลาย ๆ คนก็เริ่มชินชากับ COVID-19 แล้ว เรียกได้ว่าขี้เกียจอัปเดตตัวเลขผู้ติดเชื้อแล้ว ก็อยู่ ๆ กันไปกับมัน อย่างไรก็ดีสถานการณ์ปัจจุบันของการระบาดในโลก ยังมีเรื่องที่น่าจับตาเป็นพิเศษเรื่อย ๆ
.
ซึ่งในอาทิตย์นี้ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องจากรัสเซีย ที่ตรวจเจอผู้ติดเชื้อเกิน 10,000 คนติดกันเป็นสิบวัน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสูงเป็นอันดับสองของโลก ชนะสเปนไปเรียบร้อย และเป็นรองแค่อเมริกา และที่มันกว่านั้นก็คือ ทั้ง ๆ ที่รัสเซียยังตรวจเจอผู้ติดเชื้อเป็นหมื่นคนอยู่ทุกวัน ทางรัสเซียก็เริ่มคลายล็อกดาวน์เรียบร้อยแล้ว
.
ล่าสุด เมื่อวันอังคารที่ 12 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โรงงานต่าง ๆ เริ่มกลับมาเปิดทำการ โดยมีเงื่อนไขว่าคนงานต้องใส่หน้ากากอนามัย และถุงมือขณะทำงาน
.
เราอาจรู้สึกว่าไม่เข้าใจเลยที่รัสเซียคลายล็อกดาวน์ทั้ง ๆ ที่ยังตรวจเจอผู้ติดเชื้อเป็นหมื่นคนต่อวัน แต่ในความเป็นจริง เงื่อนไขการคลายล็อกดาวน์ของทุกประเทศ ในทางปฏิบัติก็ไม่จำเป็นต้องรอให้ตรวจพบผู้ติดเชื้อเป็นหลักหน่วยต่อวัน แต่ขึ้นอยู่กับว่าประเทศจะสามารถ “ทน” ให้เศรษฐกิจหยุดนิ่งได้ยาวนานแค่ไหน ซึ่งรัสเซีย ก็เหมือนชาติอื่น ๆ คือล็อกดาวน์กันมา 6 สัปดาห์ตั้งแต่ช่วงปลายมีนาคม ถ้าจะล็อกดาวน์ต่อ เศรษฐกิจคงจะพัง ยังไงก็ต้องคลาย
.
สำหรับรัสเซีย เราอาจไม่ค่อยได้ยินข่าวเท่าไร แต่จริง ๆ สถานการณ์ในรัสเซียก็เดือดพอควร เพราะผู้ติดเชื้อก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และคนระดับคนใหญ่คนโตแบบรัฐมนตรีของหลายกระทรวงไปถึงโฆษกประธานาธิบดี ก็ติด COVID-19 กันรายแล้วรายเล่า
.
และเรื่องที่เดือดไม่แพ้กันก็คือ ในขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ก็มีการที่มี “หมอ” ถึง 3 คน “ตกตึก” อย่างลึกลับภายในช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งหมอพวกนี้ ถ้าดูย้อนคือคนที่ออกมาทำคลิป “แฉ” ว่าตัวเองต้องทำงานต่อทั้งที่ติดเชื้อไปแล้วบ้าง และบางคนก็ออกมาแฉถึงภาวะอุปกรณ์ทางการแพทย์ขาดแคลนในโรงพยาบาล
.
ซึ่งนี่เป็นเรื่องใหญ่พอควรในรัสเซีย เพราะในโซเชียลมีเดียก็ไม่พลาดที่จะมองว่าหมอเหล่านี้ถูกรัฐบาล “เก็บ” กลับมาที่สถานการณ์ระบาด เอาจริง ๆ ตัวเลขมันเยอะ ส่วนหนึ่งก็เพราะประชากรรัสเซียก็เยอะ (ประชากรของเขาเกือบ 150 ล้านคน คิดเป็นอันดับ 9 ของโลก มากกว่าไทยประมาณ 2 เท่าตัวกว่า ๆ)
.
อีกส่วนก็เพราะรัสเซียก็ทำการตรวจรัว ๆ ดังนั้นตัวเลขผู้ป่วยที่เยอะ จึงเกิดจากการตรวจเยอะ คนตายจริง ๆ มีน้อย เพราะอัตราการตายของผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในรัสเซียอยู่ที่ราว ๆ 1% เท่านั้น เรียกได้ว่าคนละโลกกับสเปนที่มีผู้ติดเชื้อน้อยกว่ารัสเซีย แต่มีคนตายมากกว่ารัสเซียเกิน 10 เท่าตัว นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รัสเซียนั้น “ชิล” และเริ่มคลายล็อกดาวน์
.
ทั้งนี้ ศูนย์กลางระบาดใหญ่ของรัสเซียอยู่ที่กรุงมอสโก ผู้ป่วยและผู้ตายจาก COVID-19 ครึ่งนึงอยู่ที่นี่ มอสโกจึงเป็นเมืองเดียวในรัสเซียที่ทำการล็อกดาวน์พิเศษต่อจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้
.
อ้างอิง: BBC. Coronavirus: Russia now has second highest virus case total. https://bbc.in/35ZDwXw
Mary Ilyushina
https://cnn.it/2LtCGJb
.
#Covid19 #Russia #BrandThink
#ส่งต่อความคิดสู้COVID19
#แชร์สิ่งเล็กๆให้ยิ่งใหญ่
#sharingIsEmpowering
อัปเดตและติดตามข่าวสารได้ที่
Line: @brandthink (มี @ ด้วยนะครับ)
Instagram: instagram.com/brandthink.me
Website: www.brandthink.me
Twitter: twitter.com/BrandThinkme

 

เครื่องบินระเบิดกลางอากาศ ฉีกเป็นสามส่วน ตกในเวียดนาม
ลูกเรือ และผู้โดยสารที่ไม่ได้รัดเข็มขัดที่นั่ง หลุดออกมาจากเครื่องบิน
ผลการสอบสวน สมัยนั้นระบุว่า มีผู้ต้องสงสัยหนึ่งราย เป็นตำรวจไทย ได้ทำการใส่ระเบิดเวลา ไว้ในกล่องเครื่องสำอางของคู่หมั้นของตนเอง โดยตั้งเวลาให้ระเบิด ระหว่างเที่ยวบินยังบินอยู่กลางอากาศ

โดยทีมสอบสวนได้ตั้งข้อสงสัยหลายข้อเกี่ยวกับตำรวจนายนี้ เนื่องจากที่สนามบินดอนเมืองนั้น ในจังหวะเช็คอิน ได้มีการพยายามเลือกที่นั่งให้คู่หมั้น และลูกสาวของตนเอง ตรงกับบริเวณปีกของเครื่องบิน
- การซื้อ และเพิ่มวงเงินประกันการเดินทาง โดยกำหนดให้ตัวเองเป็นผู้รับผลประโยชน์เต็ม
- พนักงานสอบสวนชาวต่างชาติ งุนงงกับพฤติกรรมที่ไม่รู้สึกเสียใจต่อการจากไปของญาติ แต่กลับมีพฤติกรรมน่าสงสัย ในการพยายามขออับเดทถึงวัตถุพยาน และสาเหตุการตกมากกว่า

️ ท้ายที่สุดทีมสอบสวน รวมถึงตำรวจไทย และสากล ไม่สามารถรวบรวมหลักฐานได้มากพอ ศาลไทยตัดสินว่าไม่ผิด โดยอ้างถึงหลักฐานที่ไม่มากพอ ที่จะสรุปตัดสินความว่านายตำรวจคนนี้ เป็นผู้วางระเบิดเครื่องบิน คาดหวังผลเงินเอาประกัน จากการเสียชีวิตของลูกสาว และแฟนใหม่ (คู่หมั้น)

ตำรวจพ้นข้อกล่าวหาทั้งหมด โดยยึดอ้างประโยคสำคัญที่ว่า "คนเป็นพ่อ ยังไงก็ไม่มีวันฆ่าลูกสาวตัวเอง" และได้รับเงินเยียวยาจากอุบัติเหตุไปทั้งหมด 5.5 ล้านบาท (มูลค่าเงิน เมื่อ 47 ปีที่แล้ว)

☠️ อย่างไรก็ตาม หลังได้รับค่าประกันยอดดังกล่าวเพียงไม่กี่ปี แล้วย้ายไปตั้งรกรากที่อเมริกา นายตำรวจคนนี้ก็เสียชีวิตจากโรคมะเร็งตับ ในประเทศไทย

️ เหตุการณ์นี้คร่าชีวิตผู้โดยสาร และลูกเรือไปกว่า 81 คน ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ถือเป็นเหตุการณ์เครื่องบินตกที่เกิดจากการวางระเบิด เพียงไม่กี่คดี ที่บทสรุปไม่สามารถระบุ และเอาผิดผู้วางระเบิดได้

┏━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━┓
✈️ สายการบิน: Cathay Pacific
✈️ รุ่นเครื่องบิน: Convair CV-880-22M-21
️ วันเกิดเหตุ: 15 มิถุนายน 2515 (ค.ศ. 1972)
เที่ยวบิน: CX700Z
เส้นทางบิน: สิงคโปร์ > กรุงเทพ (แวะรับผู้โดยสาร) > ฮ่องกง
จำนวนคน: 81 คน (ผู้โดยสาร 71 คน, พนักงานสายการบิน 10 คน)

#สนามบิน ที่เกิดเหตุทั้ง 3 สนามบิน เป็นสนามบินเก่า ของทั้ง 3 เมือง
สิงคโปร์ > สนามบินกัลลัง
กรุงเทพ > สนามบินดอนเมือง
ฮ่องกง > สนามบินไคตัก
┗━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━┛
╔═══════════════════════════╗
ข้อสังเกตเพิ่มเติม:
️ เชื่อว่า สมัยนั้นการรักษาความปลอดภัยในสนามบิน น่าจะยังไม่รัดกุมเท่าในปัจจุบัน หน่วยงานความปลอดภัยยังไม่คานอำนาจกัน อย่างเคสนี้ผู้ต้องสงสัยเป็นตำรวจ ทำให้เชื่อกันว่า มีอำนาจในการขอปรับเปลี่ยนที่นั่ง และทำให้กระเป๋าที่เป็นวัตถุระเบิด ผ่านการตรวจ และถูกถือขึ้นเครื่องได้

แอดเลือกที่จะไม่ระบุ ชื่อ และนามสกุล นายตำรวจที่เป็นผู้ต้องสงสัย เพราะเหตุที่เหตุการณ์ เกิดขึ้นมาเกือบ 50 ปีแล้ว

แอดยอมรับว่ารู้สึกแปลกใจเคส CX700Z มากเพราะการเสริชหาข้อมูลมาเขียน ผ่าน google ผลเสริชทั้งข้อมูลภาษาไทย และอังกฤษ ให้ผลออกมาน้อยมาก

‼️ แต่เท่าที่สอบถาม กลุ่มคนมีอายุ ที่สนใจเรื่องข่าวสารมาตลอด ก็ได้รับการยืนยันว่า ณ เวลานั้น ข่าวนี้ถือเป็นข่าวใหญ่มาก
╚═══════════════════════════╝

#เคสเครื่องบินตกที่คนไทยควรรู้
#เที่ยวทุกที่ #BoardingPass
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
#เที่ยวทุกที่ #ทุกข่าวเที่ยว
#BoardingPass #BoardingPassNEWS #TravelNEWS
#ข่าวเที่ยว #ข่าวท่องเที่ยว

 

SOCIETY: ตลาดนัดจตุจักรเปิดแล้ว
คนเยอะไหม? ขายของกันอย่างไร?
บรรยากาศเป็นแบบไหนบ้าง?
.
วันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา ตลาดนัดจตุจักรอันเป็นที่รักของใครหลายคนกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง พร้อมมาตรการดูแลคัดกรองผู้คนที่มาเยี่ยมเยือน
.
เชื่อว่าหลายท่านทนไม่ไหว อยากจะแวะเวียนไปในเสาร์อาทิตย์นี้เลย (หรือไปกันตั้งแต่อาทิตย์แรกที่เปิดแล้ว) แต่หลายท่านอาจจะยังชั่งใจว่าจะไปดีไหมนะ
คนเยอะหรือเปล่า?
แออัดหรือไม่?
ภาพถ่ายชุดนี้น่าจะเป็นตัวช่วยประกอบการตัดสินใจได้บ้าง
.
ในมุมของทีมงานที่ได้ลงพิ้นที่ หากเปรียบเทียบกับช่วงก่อนปิดตลาด ร้านค้าที่กลับมาค้าขายนับว่ายังน้อยอยู่มาก (เหลือบไปเห็นป้าย ‘เซ้ง’ เป็นระยะ) คนก็ยังบางตา ไม่ถึงกับแออัดอย่างที่เคยเป็น บางร้านที่คนเยอะก็ยังมีคนมุงซื้อ โดยไม่ค่อยเว้นระยะห่าง และเชื่อว่าผู้คนจะเริ่มเยอะขึ้นไปเรื่อย ๆ ในทุกสัปดาห์
.
นอกจากเรื่อง COVID-19 เราขอแอบกระซิบหน่อยว่า หากใครไปช่วงบ่าย อากาศจะค่อนข้างร้อนเป็นพิเศษ และยังจำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัยอยู่ อาจจะทำให้ใครหลายคนอึดอัดขึ้นไปอีก
.
เราขอแนะนำว่า อาจจะลองแวะเวียนไปช่วงเย็นประมาณ 4-5 โมงก็ได้ อากาศน่าจะเย็นขึ้นมาบ้าง (แต่ก็อย่าลืมว่าตลาดรอบนี้ปิดไว ปิดตั้งแต่หกโมงเย็นนะ)
.
เอาเป็นว่าตลาดเปิดครั้งนี้ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่เบื่อการกักตัวมาหลายเดือน และถ้าใครยังรู้สึกกังวล จะไว้ค่อยไปในอาทิตย์ถัด ๆ ไปก็ได้
.
ส่วนใครที่สนใจแวะเวียนไปในช่วงนี้ ก็อย่าลืมใส่หน้ากากอนามัยให้เรียบร้อย ล้างมือเป็นประจำ หรือจะพกเจลแอลกอฮอล์เพื่อทำความสะอาดระหว่างวันเลยก็ยิ่งดีครับ
.
ตลาดนัดจตุจักร
เริ่มเปิดตั้งแต่เวลา : 05.00-18.00 น.
.
*หมายเหตุ: ในส่วนของตลาดนัดกลางคืนยังไม่เปิดให้บริการนะครับ เพราะยังอยู่ภายใต้มาตรการเคอร์ฟิว
.
#Jatujak #Society #BrandThink
#แชร์สิ่งเล็กๆให้ยิ่งใหญ่
#sharingIsEmpowering
อัปเดตและติดตามข่าวสารได้ที่
Line: @brandthink (มี @ ด้วยนะครับ)
Instagram: instagram.com/brandthink.me
Website: www.brandthink.me
Twitter: twitter.com/BrandThinkme

 

แจง สธ.ถอด 4 ประเทศ พ้นเขตติดโควิด แต่ยังห้ามบิน "เข้า-ออก" ไทย
ผอ.กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค แจง สธ.ถอด "จีน-เกาหลี-มาเก๊า" ออกจากเขตโรคติดต่ออันตราย เหตุควบคุมการระบาดได้ดี-มีความพร้อมด้านการแพทย์-สาธารณสุข แต่ยังห้ามบิน "เข้า-ออก" ไทย
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

✅ ข่าวดีของตลาดน้ำมันในคืนนี้จากกลุ่มโอเปกครับ ! ทางโอเปกได้ออกมาประกาศว่าจุดที่แย่ที่สุดของตลาดน้ำมันน่าจะได้ผ่านผ้นไปแล้ว ! และสัญญาณจากราคาซื้อขายล่วงหน้าของน้ำมันหรือ Foward Curve ก็กำลังสื่อเช่นนั้นด้วย !

ราคาน้ำมันดิบ Brent และ WTI นั้นได้ทยอยปรับตัวขึ้นมาเรื่อยๆ 2-3 วันติดกันแล้ว ล่าสุดกำลังซื้อขายอยู่ที่ 31.5 และ 28.8 เหรียญ ตามลำดับ โดยในคืนนี้ทางเลขาธิการโอเปกนาย Mohammad Barkindo ได้กล่าวในการสัมภาษณ์กับ Bloomberg TV ว่า ทางกลุ่มมองว่าวิกฤตน้ำมันล้นโลกได้ผ่านจุดที่เลวร้ายที่สุดไปแล้วโดยมาจาก 2 ปัจจัยหลักๆด้วยกัน

1️⃣ กลุ่มโอเปกและพันธมิตรกำลังลดกำลังการผลิตกันตามสัญญาอย่างรวดเร็ว โดยเชื่อว่าเมื่อรวมกับทุกๆประเทศในโลกที่มาตกลงลดกำลังการผลิตร่วมกันแล้ว อาจทำให้มีน้ำมันหายไปจากตลาดรวมสูงถึง 17.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน

2️⃣ สัญญาณการใข้น้ำมันทั่วโลกกำลังเริ่มฟื้นตัวขึ้น ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีการเปิดประเทศต่างๆทำให้น้ำมันเครื่องบินยังมีการใช้น้อย แต่การกลับมาของการขับรถทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นในสหรัฐและยุโรปนั้นกำลังกลับมาได้เร็วกว่าที่คาด (บ้านเราก็เริ่มรถติดแล้วนะ)

สัญญาณจากราคาซื้อขายล่วงหน้า

หลังจากที่ตลาดอยู่ในรูปแบบ Supply > Demand มานานถึงเกือบ 3 เดือนและราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวลงไปอยู่ในรูปแบบ Contango หรือราคาส่งมอบเดือนใกล้นั้นต่ำกว่าเดือนไกล และเป็นความ Contango ที่สูงที่สุดในรอบ 20 ปีเลยทีเดียว

ล่าสุดนั้นราคาน้ำมันในเดือนใกล้นั้นกำลังจะปรับตัวขึ้นสูงกว่าราคาเดือนไกลแล้ว สำหรับทั้งน้ำมันดิบ Brent , WTI และ Dubai ด้วย (ในเดือนสั้นๆ) การที่ราคากำลังปรับเข้าสู่รูปแบบของ Backwardation นี้กำลังชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า Demand เริ่มกำลังจะกลับมา > Supply แล้ว

ส่วนตัวแล้วผมว่าสัญญาณที่ตลาดซื้อขายล่วงหน้ากำลังจะกลับด้านกลับมานี้ เป็นสัญญาณที่ดีกว่าข่าวใดๆที่ออกมาอีกครับ

กองทุนน้ำมันกำลังอาจกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง

อย่างที่ได้เคยเรียนไปว่าการลงทุนกองทุนน้ำมันในช่วงที่ตลาดเป็น Contango นั้นไม่เรื่องที่แนะนำเพราะว่าทุกๆครั้งที่กองทุนต้องทำการ Roll สัญญาหรือเปลี่ยนการถือสัญญาส่งมอบล่วงหน้าเป็นเดือนใหม่เมื่อสัญญาหมดอายุนั้น จะทำให้ผลตอบแทนของกองทุนเป็นลบทุกๆเดือน (หรือมีต้นทุนใหม่ที่แพงขึ้นทุกๆเดือน)

แต่หากเมื่อไหร่ที่ตลาดน้ำมันกลับรูปมาเป็น Backwardation และสามารถคงได้แล้ว กองทุนน้ำมันอาจน่ากลับมาลงทุนอีกครั้ง เพราะแปลว่าทุกๆเดือนที่มีกลายเปลี่ยนถ่ายสัญญา ต้นทุนใหม่ก็จะถูกลงในทุกๆเดือน

Cr : OilTradingKP
ข่าวต้นฉบับ
www.bloomberg.com