@@..คำครู ผู้ชี้-นำ-อุปถัมภ์ สู่พระโพธิญาณ & เรื่องเล่าจากกัลยาณมิตร.@@

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 10 กรกฎาคม 2015.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    ?temp_hash=cd97dfdd90b64f08e446661f72e75706.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    G4v-IBJn1fEhDQORO01wzJdcMjmRbBReV4aU-gFHLREg&_nc_ohc=2Nsrk1m0hCMAX--zzyd&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    ☀️พระพุทธจักรพรรดิรัตนวรมหามุนี องค์พระธาตุพนม☀️​
    " ข้อดี " ของ ... ความลำบาก
    คือ... ได้รู้ " ธาตุแท้ " ของคน ...
    คบกัน... ยามสบายเป็นปี
    ยัง... ไม่รู้จัก" นิสัยกันดี " เท่ากับ ...
    " ลำบาก " ด้วยกัน ...ไม่กี่วัน

    ทำดี ... เพื่อเอาหน้า ... ไม่ได้หน้าก็เสียใจ
    ทำดี ... เพื่อให้คนรัก ... ไม่มีใครรักก็น้อยใจ
    ทำดี ... เพื่อเอาบุญ ... ใครจะอย่างไร..ก็ไม่ทุกข์ใจ

    หัดทำ " ความดี " โดย... ไม่คาดหวังอะไรจากใคร..??

    #เราจะได้สุขใจทุกครั้งที่ทำความดี
    #อนุโมทนาเจ้าของบทความ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    C_ms40EqKY-5jRFW_Tgb2h5y81scdAWvtYVBUIv2ANXP&_nc_ohc=PqL2701VPN4AX8_GSom&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg


    ⚜️ #ท่านกวนอูตายแล้วไปสวรรค์⚜️

    ...เวลาประมาณ 2 ทุ่ม ยังนั่งอ่านหนังสืออยู่ ไฟฟ้ายังสว่าง #เวลานั้นอาตมาอยู่วัดปากคลองมะขามเฒ่า ขโมยมันมาซุ่มอยู่ในป่าไผ่ จะขึ้นหลังกุฏิพระครูวิชาญฯ เพราะมีพระพุทธรูปเก่ามาก #ขณะนั่งอยู่นั้นอาตมาเห็นคนแต่งตัวเป็นเจ๊กเครื่องแบบนักรบมาถึงนั่งกราบแบบเจ๊ก

    #ถามว่า “ใคร”

    #ตอบว่า “ผมกวนอูครับ”

    #ถามว่า “มาทำไม”

    #ตอบว่า “พวกโจรมันมาซุ่มอยู่หลังป่าไผ่ 5 คน”

    #ถามว่า “จะทำอย่างไร เพราะวัดไม่มีอาวุธ ไม่มีปืน ขโมยมีปืนไหม”

    #ท่านตอบว่า “มีปืนทุกคน กลางคืนตอนดึกมันจะใช้ยารมให้หลับก่อน ตอนดึกลมจะพัดเข้า มันจะขึ้นหลังกุฏิพระครูวิชาญฯ #ผมจะจัดกองทัพของผมเอง #ก็หมาของท่านนั่นแหละจัดเป็นกองทัพ

    ‍...#วัดปากคลองมะขามเฒ่าตอนนั้นมีหมา 3 ฝูง ของอาตมาฝูงหนึ่ง ของพระครูวิชาญฯฝูงหนึ่ง ลูกศิษย์ครูหง่าฝูงหนึ่ง รวมแล้ว 50 กว่าตัว ปกติหมา 3 ฝูงนี่มันจะเข้ากันไม่ได้มันอยู่ตามเขตของมัน ท่านกวนอูบอกว่า “พอ 3 ทุ่มผมจะจัดกองทัพ พอถึงตี 1 กว่าๆ หมาไม่นอนกันแล้ว พอตี 2 เสียงโฮกมันเข้าถึงกุฏิแล้ว ถ้าเห่าๆ มันยังไม่เข้า มันกำลังจะใช้ยาเข้ารม หมาเงียบหมด เงียบสนิทนึกว่าหมาหลับ พอเสียงโฮกไปดู ได้ทั้งปืนได้ทั้งเสื้อ ผ้าขาวม้า ได้ปืน 2 กระบอก มีดพก 1 เล่ม ขโมยหนีเข้าป่า มันกัดหน้าแหลกรานเลย ท่านกวนอูบอก “พรุ่งนี้บอกตำรวจได้ทั้ง 5 คน” ก็ได้จริงๆ หมาตั้ง 3 ฝูง ปืนยิงมันกัดเสียปืนหล่น

    ...ทราบทีหลังว่า ที่วัดปากคลองมะขามเฒ่ามีศาลาท่านกวนอู และอาตมาก็อยู่ใกล้ศาลาท่าน ต่อมาวันหลังนึกถึงท่านกวนอูวันที่ท่านมาในภาพนักรบจีน เลยอยากถามท่านว่า “จริงๆ แล้วท่านเป็นอะไร” ท่านก็มาใหม่เป็นเทวดาใส่ชฎาพราวเลย จึงถามท่านว่า “#ท่านเป็นนักรบ #เป็นเทวดาได้อย่างไร

    #ท่านตอบว่า #นักรบก็ทำบุญเป็นนะครับ #สมัยโบราณยามว่างก็ทำบุญกันอยู่เรื่อย #ท่านนึกถึงพระที่อกอยู่เรื่อย

    ️“ตายแล้วไม่สูญ…แล้วไปไหน” ตอนที่ 74
    ⚜️พระราชพรหมยานเถระ⚜️
    หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

    ️คัดลอกแบ่งปันเป็นธรรมทานโดย⚜️
    จิตหนึ่งประภัสสรสุดยอดคือพระนิพพาน
     
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    kpbdzfcwub2iwsknsxkezwekelrqbt3y3ke9toyh-_nc_ohc-vsol4u7gndsax9pihs7-_nc_ht-scontent-fcnx3-1-jpg.jpg
    "อย่าไปพูดถึงเจ้าถึงราชวงศ์ในทางที่ไม่ดี
    ถ้าท่านไม่มีบารมีมาเกิด
    ท่านก็เกิดเป็นเชื้อพระวงศ์ไม่ได้
    จะเป็นบาปเป็นกรรมกับเรา "

    หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    wJVpZbwDREwJ89o81ErPKQxmZr3i-7deQcDeKySwhazahl69IPuDcN-pU5GHIvAyIcNVURGB&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    หลวงพ่อต้องฝึกทั้ง 4 สาย
    ผู้ถาม : ทำไมหลวงพ่อต้องฝึกทั้ง 4 สายล่ะครับ? คือ สุกขวิปัสสโก เตวิชโช ฉฬภิญโญ ปฏิสัมภิทัปปัตโต
    หลวงพ่อ : ความจริงมันไม่จำเป็นต้องทำถึง 4 สายหรอก สายเดียวก็พอแล้ว แต่เราไม่หมดสงสัยนี่ ใช่ไหม..ไม่งั้นคุยกับพวกเขามันไม่เข้าใจ อ่านแค่หนังสือมันเข้าใจจริงๆ น่ะเรื่องของด้านจิตใจ ถ้าอ่านหนังสืออย่างเดียวยังหยาบมาก แค่ฌาน 2 นี่พังแล้ว เราดูตำราคล่องเป็นครูเขาด้วย เคยเทศน์ด้วย ตั้งแต่ฌานต้นถึงนิพพานเราพูดได้ พอทำจริงถึงฌาน 2 พังเลย! ไม่รู้!
    ฌานที่ 1 มันมีองค์ 5 คือ วิตก วิจาร ปีติ สุข และ เอกัคคตา ใช่ไหม พอถึงฌานที่ 2 วิตก วิจาร ออกไป..เหลือ ปีติ สุข เอกัคคตา พอทำเข้าจริงๆ ปั๊บ! พอถึงฌาน 2 มันหยุดภาวนา เราเลยไม่รู้เรื่องเลย พอหยุดไปพอจิตมันตกปั๊บ! อุ๊ยตายจริง! ลืมภาวนานี่หว่า นี่ไม่รู้ว่าเข้าญาน 2 แค่นี้แค่ฌานโลกีย์ ถ้าสูงขึ้นไปยิ่งแย่ใหญ่
    ผู้ถาม มันไม่เป็นมารใช่ไหมครับ?
    หลวงพ่อ ไม่ใช่มาร มันเข้าใจผิดว่าคือเข้าฌาน 2 เขาตัด วิตก วิจาร ใช่ไหม พอมันตัดเข้าจริงๆ เราไม่รู้ว่าตัด วิตก-ตรึก วิจาร-ตรอง ใช่ไหม แต่ความจริงไอ้ตัวภาวนานี่มันทั้งตรึกทั้งตรอง พอเข้าถึงญาณ 2 ปั๊บ! มันตัดของมันเอง เราก็เข้าใจผิดคิดว่าหลับ แค่นี้เองไม่ถึงแค่ไหนเลย แค่ประถมปีที่ 2 ตายแล้ว จึงบอกว่าถ้าปฏิบัติไม่ถึงแล้ว อย่าไปคุยกันเลย ท่านได้ขั้นไหน เราถามท่านอธิบายขั้นนั้นเลยไปท่านอธิบายเท่าไรก็ผิด
    ฉะนั้น ท่านที่ได้พระโสดาบัน ถ้าไปถามอารมณ์ของพระสกิทาคามี พระอนาคามี ท่านไม่ตอบ ท่านพูดแค่นั้น ถ้าถามต่อไปท่านไม่พูด ถ้าพูดผิดแน่!
    แต่ความจริงพวก "สาวกภูมิ" นี่เขาสบาย ถ้าเป็นฝ่ายสุกขวิปัสสโกนะ เขาก็เรียนกันแค่นั้นแหละ! เรียนง่ายๆ จุดใดจุดหนึ่ง ไม่ต้องเอาทั้งหมด แต่ว่าถ้าเราจะเรียนเตวิชโช ฉฬภิญโญ ปฏิสัมภิทัปปัตโต ต้องเรียนมากหน่อย ถ้าจะเรียนถึงขั้นเตวิชโชขึ้นไป ต้องละเอียดนิดหนึ่ง ต้องไปมั่วสุมกับนิวรณ์ 5 ประการให้คล่องตัว แล้วจะต้องไปคบหาสมาคมกับกสิณ ถ้าหากว่าไม่ไปคบกับกสิณ ไม่มีทางได้วิชชาสามใช่ไหม ถ้าเป็น อาทิกัมมิกบุคคล คือ ผู้ที่ยังไม่เคยได้มาก่อน ต้องไปเริ่มต้นใช้กสิน 3 อย่าง คือ กสิณไฟ กสิณสีขาว กสิณแสงสว่าง แต่ว่าคนที่ฝึกมาแล้วในกาลก่อนกสิณอะไรก็ใช้ได้ เพราะเคยได้มาแล้ว
    อันนี้หมายความว่าจะต้องได้ถึงฌาน 4 แล้วจะมาปล้ำอารมณ์ให้ได้ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ กับ ทิพจักขุญาณ ไม่ใช่ของง่ายเลย ใช้เวลาเยอะ! ต้องใช้ความเพียรอย่างหนัก ต้องใช้ความบ้าพอ ถ้าบ้าไม่พอไม่ได้ ต้องใช้อารมณ์เกินกว่าคนธรรมดา หมายความว่าเราจะต้องไม่หนักใจ ไอ้เรื่องความทุกข์ยากลำบากในการฝึก ไม่หนักใจสู้สะบัด แล้วต้องมั่นใจในกำลังใจของตนเอง
    ประการที่ 2 ไม่เห็นความสำคัญของชีวิต จุดนี้แหละเป็นจุดที่มีความสำคัญที่สุด ไม่ว่าฌานชั้นไหนล่ะ! ถ้ายังมีความห่วงในชีวิต ไม่มีทาง บางทีร่างกายดีๆ พอนั่งปุ๊บ! ท้องมันเสียดอืดขึ้นมาแล้ว ฉันเคยโดนหลายหน มันไม่อืดเฉยๆ มันแน่นจุกขึ้นมาหน้าอก ทำท่าจะตาย ทำไงก็ไม่หาย ลองดูสิว่าไม่หายก็กินยาเรื่อย กินยาก็ไม่หาย ดมยาก็ไม่หาย ผลที่สุดจุดธูปจุดเทียนบูชาพระรัตนตรัยบอก เออ..มึงพังได้ก็ดีสิวะ! กูจะได้สบายเสียที เป็นขี้ข้ามานานแล้ว เอ้า! เอาเลยรวบรวมกำลังใจ พอจับลมหายใจเข้าออกมันหายเลย
    ไอ้นี่เขาเรียกอะไรรู้ไหม "ขันธมาร" การป่วยไข้ไม่สบาย การปวดโน่นเจ็บนี่เขาเรียกว่า "ขันธมาร"
    ขันธ์ คือร่างกาย มาร คือผู้ฆ่า อาการทางร่างกายมันเกิดขึ้นมาเป็นการฆ่ากำลังใจที่จะก้าวเข้าสู่ความดี ถ้าเราแพ้มันตอนนี้เราพัง นี่ถ้าคนดีเขาไม่ไหวแล้ว หายใจไม่ออกอึ้ดๆ ไม่ไหวเลิกเดี๋ยวตาย แต่คนบ้าบอก เอ้า! จะตายก็ช่างมัน! พอมันเห็นเราบ้ากับมันก็ไม่เอาไปเลย นี่หลายวาระที่มีอาการแบบนี้ บางทีนั่งๆไป หวัดก็ไม่เป็นดันเสือกหายใจไม่ออกเสียอีกแล้ว จมูกตันมาเฉยๆ ก็หายานัตถุ์หายาดมมันก็ไม่หาย ถ้าเชื้อสายของการเป็นหวัดมันมีอยู่เราก็ไม่ว่า ไอ้นี่มันดีโปร่งๆ สบายทั้งกายและใจโปร่งหมด พอเริ่มจับจิตเข้าถึงอุปจารสมาธิมันมาเลย พอมันมาปั๊บคลายอารมณ์มาหน่อย ยอมแพ้มันนิดเอายาที่เคยใช้ทำไปซีไม่มีอีกแล้ว ไอ้นี่มาอีกแล้วเคยเจอบ่อยๆ เลยบอก เอาเลยเพื่อนเอ๋ย! ตามสบายเถอะ! ถ้าเอ็งอยากจะทรมานขันธ์ 5 ก็ทรมานเถอะ! แต่เอ็งอย่าทรมานข้าคือจิต ไม่มีทาง ร่างกายพังเมื่อไรกูสบายเมื่อนั้น จับอารมณ์ตึ้ก โน่นเผ่นพรวดไปนอนบ้านสบายใช่ไหม ตอนนั้นบ้านอยู่แค่พรหม เพราะว่ายังเป็น "พุทธภูมิ" ขึ้นไปนอนกระดิกเท้าสบายโก๋ มองมาข้างล่างเน่าแล้วยังหว่า..ไม่เน่าก็นอนต่อไป
    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 213 เดือนธันวาคม 2541 หน้า 58-60)
     
  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    Y4Q4mR3GqIojSFkjHFgMwVBXYhBDbDVc0epdC3NTI4tX&_nc_ohc=f6t5fsT59fAAX8pOTVo&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    [​IMG]
    [​IMG]
    “พระคาถาเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์”

    เมื่อราว ๕๐ ปีก่อน ด้วยความห่วงใยในสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้แต่งพระคาถาให้พระเณรและญาติโยมสวดกันทั่วประเทศ พร้อมทั้งให้น้อมจิตให้เกิดความรัก ความสามัคคี เพื่อเป็นเครื่องพยุงสถาบันทั้ง ๓ ให้คงอยู่ตลอดไป

    พระคาถานี้ เป็นคำบาลี อ่านได้ว่า
    “รัฐฐะ ปาลา สะมัคคา สะทาโหนตุ” (สวด ๑๕ จบ)

    จำได้ว่าเมื่อตอนไปกราบหลวงปู่ดู่ใหม่ๆ ท่านก็ให้สวดพระคาถานี้ ตามแบบหลวงพ่อเกษม พร้อมทั้งให้ทำสมาธิอธิษฐานจิตขอพระพุทธานุภาพ พระธรรมานุภาพ พระสังฆานุภาพ ปกปักรักษาชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ด้วย

    ไฟล์ที่แนบมา:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    fsxwzwZX0WkwthprPMMVXN0Vy-NlbO5Xw1vuAQwyH3mJ&_nc_ohc=1IHKvHJeiiMAX8Z4Pki&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    ถาม : หลวงพี่คะ มีปัญหาเลยต้องมาสอบถาม ก็คือแฟน หัวหน้าเขาจะหาเรื่องไล่ออก ?
    ตอบ : ก็ไปเสียเลย

    ถาม : เย้ย ! มีวิธีแก้ไหมคะหลวงพี่ ขอความเมตตาค่ะหลวงพี่ ?
    ตอบ : ใช้คาถาหลวงพ่อแช่มวัดฉลอง พระอะระหัง สุคะโตภะคะวา นะเมตตาจิต เวลาท่องก็นึกถึงหน้าหัวหน้า ให้แฟนเขาท่องนะไม่ใช่ให้เราท่อง สักครึ่งชั่วโมง ให้กำลังใจทรงตัวแล้วค่อยไป ทำอย่างนั้นทุกวัน นึกถึงหน้าเขาแล้วท่องคาถานี้
    __________________

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    วัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

    คัดลอกข้อความมาจาก
    https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=805
     
  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    ?temp_hash=b52ecf9256a4f179fe70326322cd516f.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    Cp3lomyQkrtGkDH0zwk_d9URBiROp_fsSi3lz9_lQCuU&_nc_ohc=8JFka8T9otgAX9kvXCJ&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    +++ วิชาต้อนศพ +++

    ถาม :
    พวกผีดิบ ซอมบี้มีจริงไหมครับ ?
    ตอบ : มี..หากจะว่าไปแล้วพวกวิชาการเหล่านี้ ประเทศจีนเขามีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว #เขาเรียกว่าวิชาต้อนศพ #เป็นของพวกนักพรตเหมาซาน สมัยก่อนการเดินทางในประเทศจีนนี่ สุดเหนือสุดใต้เป็นพัน ๆ กิโลเมตร แล้วรถราม้าช้างก็ไม่ได้คล่องตัวเหมือนกับสมัยนี้ #ถึงเวลาไปตายต่างแดนก็ต้องจ้างพวกนี้ให้เขาต้อนศพกลับบ้าน เขาจะมี ๒ คน คุมหน้าคนหนึ่ง คุมหลังคนหนึ่ง ถึงเวลาก็ไปพักโรงเตี๊ยม

    เขามีคำพูดว่า ถ้ามา ๓ คนกินข้าวแค่ ๒ คน ให้รู้เลยว่าเป็นพวกต้อนศพ เพราะอีกคนไม่ต้องกิน #แต่ถ้าเดินระยะทางไกล ๆ เป็นเดือน ๆ #ก็ต้องให้ศพกินข้าว เขาจะให้กินข้าวเปล่า ไม่ให้กินพวกกับข้าว #เขาบอกว่าถ้าให้กินศพจะรู้ตัวว่าตายแล้ว #และจะหนีไป ไม่ยอมกลับบ้าน

    ทำไมเรื่องนี้ไปตรงกับทางด้านเฮติก็ไม่รู้ เพราะคนละซีกโลกเลย #พวกเฮติที่เขาปลุกศพขึ้นมาใช้งานก็เหมือนกัน #เขาให้กินแต่พวกข้าวเปล่า ถ้ากินเกลือเมื่อไรศพก็หนีกลับทันทีเหมือนกัน ไปตรงกันได้อย่างไรไม่รู้ แต่ว่าวิชาการพวกนี้ก็เหมือน ๆ กัน #แต่ทางเฮตินั้นเขาต้องการแรงงานไปใช้งาน #ไม่ต้องจ่ายค่าแรงนอกจากให้ข้าวกินวันละมื้อเดียว เพียงอย่าเผลอให้กินเกลือนะ ให้กินเกลือเมื่อไรก็เป็นเรื่องเมื่อนั้น ถ้าเราดูหนังประเภทผีกัด จะเห็นว่าเขาให้ผีกินแต่ข้าวเปล่า ไปตรงกันได้ ฉะนั้น..#พวกที่ปลุกศพขึ้นมาใช้งานนี่แหละคือต้นตำหรับของซอมบี้

    ถาม : เขาคุมได้อย่างไร ?
    ตอบ : #เขาใช้คาถาสะกดเอาไว้ ขณะเดียวกันก็เลี้ยงด้วยอาหาร พอจะมีอาหารหล่อเลี้ยงศพไว้ แต่ว่าต้องเป็นศพที่ตายใหม่ ๆ ถ้าตายนานแล้วเดี๋ยวอวัยวะภายในไม่ทำงาน

    ถาม : มีแต่ตัวเปล่า ๆ ใช่ไหมคะ ?
    ตอบ : #ถ้าไม่ใช่มีแต่ตัวก็คงใช้พวกสัมภเวสีหรือว่าอสุรกายบางอย่างไปบังคับร่าง แต่ว่าเขาก็เก่งนะ เพราะว่าคนจีนเขาใช้วิธีนี้มาเป็นพันปีแล้ว ถึงเวลาต้อนศพเดินทาง ถ้าคนไหนเก่ง ๆ ก็ต้อนไปที ๕ - ๑๐ ศพ แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วเขารับ ๑ ศพ จะมี ๒ คนคุมหัวคุมท้าย จนกระทั่งกลายเป็นวลีว่า "มา ๓ คนกินข้าวแค่ ๒ คน" ก็ให้รู้เลยว่าพวกนี้แหละ

    แต่เขาจะบอกเลยว่า #ไปถึงให้ทางญาติเตรียมโลงเตรียมอะไรไว้ให้พร้อม พอปล่อยผีลงโลงต้องรีบปิดเลย เพราะว่าตายมานานแค่ไหนก็จะเน่าเละแค่นั้น #พอเขาถอนเวทย์มนต์คาถาหรือผีที่คุมร่างออก #ศพจะเน่าเท่ากับที่ตายมา ถือว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์อย่างหนึ่งเหมือนกัน

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    (หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกันยายน ๒๕๕๗
     
  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    ?temp_hash=9092e17d2090734088342c558364cd8a.jpg




    พระอรหันต์ผู้มีลาภและอิทธิฤทธิ์มาก !!

    #พระอุปคุตเป็นผู้มีบารมีมาก_มีอิทธิฤทธิ์ด้วย มีฤทธิ์มากมันเป็นยังไง พระอุปคุตนี่...อยู่ในน้ำก็ได้ อยู่ในน้ำเหมือนกับเราอยู่ในศาลาอย่างนี้น่ะ อยู่ใต้สะดือทะเล จำพรรษาอยู่ที่นั้น ๓ เดือน ก็อยู่ในน้ำอย่างนี้ (มีฤทธิ์มากในการปราบมารและภูติผีปีศาจร้ายทั้งหลาย)

    ใครละมันจะไปอยู่ได้ พวกเราจะไม่สะอักน้ำตายหรอ นี่มันเป็นอย่างนี้ แต่ว่าพระอุปคุตนี่ท่านอยู่บนบกก็ได้ อยู่ในน้ำก็ได้ นี่พระอุปคุตท่านมีฤทธิ์มากน่ะ เมื่อไปจำพรรษาอยู่ในทะเลก็มีพวก กุ้ง หอย ปู ปลา เต่า สัตว์น้ำทุกประเภทมาเป็นบริวาร อยู่บนบกก็มีมนุษย์ มีสัตว์ทุกประเภทที่อยู่บนบกมาเป็นบริวารน่ะ

    นี้คือพระมหาอุปคุต ท่านจึงเป็นผู้มีบุญมาก มีอำนาจวาสนาบารมีแตกต่างกับคนอื่น นี่ละคือการสร้างบารมีเป็นอย่างนี้

    เพราะฉะนั้นคนเรานี่ เกิดมาก็ต้องอาศัยบารมีที่ตนเองเคยได้สั่งสมบารมีมาตั้งแต่ชาติปางก่อน จนถึงปัจจุบันชาติ ถ้าใครที่มีความสามารถที่จะรู้ที่จะมองเห็นภพชาติของตนเองตั้งแต่ชาติปางก่อน เมื่อได้ยินได้ฟังในภพปัจจุบันก็ให้เอามาพิจารณา

    เอามาพิจารณายังไง ?
    แต่ละคนนี่เกิดขึ้นมาไม่สม่ำเสมอกันแต่กิเลสนี่สม่ำเสมอกันน่ะ คำว่าความอยากนี่สม่ำเสมอกัน อยากรวยก็อยากรวยเหมือนกัน ไม่มีใครอยากจน ทุกคนไม่มีใครอยากจน อยู่ที่นี้มีแต่คนอยากรวย

    ถ้าหลวงปู่พูดว่า... “มานี่เอากระเป๋ามานี่ หลวงปู่จะเจิมกระเป๋าให้รวยๆ” โอ้ย เจิมไม่ไหว ! (ลป.ขำ) มีแต่คนอยากรวยมันเป็นอย่างนั้น เลยไม่มีคนอยากจน แล้วก็ไม่มีคนอยากทุกข์ มีแต่คนอยากมีความสุข นี่คือความต้องการของมนุษย์เรา

    ถอดจากเทปพระธรรมเทศนา
    ♦️หลวงปู่ไม อินทสิริ
    วัดป่าเขาภูหลวง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

    ถอดเทป/เรียบเรียง : นรินทร์ ศรีสุทธิ์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
     
  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    QcoSaamusxlrlWmMptaLSDLnQ2V6qhBvMuRLtIwi3pIe&_nc_ohc=6Vn9zsopXgsAX9GyNEW&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ เมื่อวานนี้ได้กล่าวถึงการปฏิบัติธรรมของพวกเรา ซึ่งจะว่าไปแล้ว ก็ต้องอาศัยสถานการณ์ที่โลกของเรามีทุกข์มีภัยต่าง ๆ นำมาเป็นเครื่องสอนใจ ให้ตัวเราพินิจพิจารณาให้เห็นความเป็นจริง แล้วก็ประพฤติปฏิบัติธรรมอย่างเต็มที่

    เพราะว่าอันดับแรก ชีวิตของเรานี้เป็นของน้อย จะตายลงไปเมื่อไรก็ไม่รู้ อันดับที่สอง ร่างกายของเรานี้ ไม่แน่เหมือนกันว่าจะอยู่ได้นานสักเท่าไร เพราะว่าถ้าหากเรายังมีร่างกายที่แข็งแรง สามารถเข้าวัดเข้าวาปฏิบัติธรรมได้ ก็ถือว่าโชคดี แต่ถ้าต้องล้มหมอนนอนเสื่อติดเตียง ถ้าทำใจไม่ได้ก็อาจจะกลายเป็นการขัดขวางการปฏิบัติธรรมเสียด้วยซ้ำไป

    สำหรับวันนี้ อยากจะกล่าวถึงบุคคลที่ต้องบอกว่าไม่ได้แตกต่างจากพวกเราเท่าไร เนื่องจากว่าท่านทั้งหลายเหล่านี้ ก็มีครอบครัว มีการทำมาหากินเป็นปกติ แต่ถึงเวลาแล้วท่านสามารถประพฤติปฏิบัติจนกระทั่งกลายเป็นพระอริยเจ้า หลายท่านก็หลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานไปแล้ว

    ถ้าในสมัยพุทธกาล ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด อย่างเช่นนางวิสาขามหาอุบาสิกา เป็นพระโสดาบันตั้งแต่อายุเพิ่งจะ ๗ ขวบ อนาถบิณฑิกเศรษฐี นี่ก็เป็นพ่อค้าใหญ่เป็นมหาเศรษฐี เป็นผู้ที่สร้างวัดในพระพุทธศาสนา ต้องบอกว่าเป็นวัดที่สำคัญที่สุด เป็นวัดที่พระพุทธเจ้าอยู่จำพรรษามากที่สุด

    หรือไม่ก็ท่านอื่น ๆ ที่เราอาจไม่คุ้นเคยชื่อเสียงเรียงนาม อย่างเช่นว่า นางมาติกมาตา ที่โจรไปปล้นบ้าน ตนเองก็อยากจะฟังธรรม ปล่อยให้โจรปล้นไป ไม่ได้ใส่ใจที่จะปกป้องทรัพย์สิน เพราะถือว่าธรรมะเป็นของที่มีคุณค่ามากกว่านั้น

    หรือว่าถ้าเอาอย่างสมัยของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง หรือถ้าเอาอย่างสมัยของหลวงปู่ปาน ก็จะมีฆราวาสอย่างขรัวอีโต้ อย่างก๋งจาบ หรือแม้กระทั่งรุ่นปลาย ๆ แถว นายแจ่ม เปาเล้ง นายห้างประยงค์ ตั้งตรงจิตร เป็นต้น เราจะเห็นว่ามีทั้งนายห้างขายยา มีทั้งหมอแผนโบราณ มีทั้งชาวไร่ชาวนาอย่างนายแจ่ม

    มาอย่างสมัยของหลวงพ่อวัดท่าซุง ก็มีตัวอย่างจ่านายสิบตำรวจพัว ชระเอม ซึ่งรายนี้ก็เข้าสู่พระนิพพานไปแล้ว หรือไม่ก็ คุณสุวรรณ คุณจันทนา วีระผล ซึ่งปฏิบัติธรรมจนถึงที่สุดของทุกข์เช่นกัน หรือไม่ก็ คุณสมบูรณ์ เวสารัชชานนท์ ท่านทั้งหลายเหล่านี้ มีทั้งตำรวจ มีทั้งเจ้าของสวน เจ้าของกิจการใหญ่

    ความหลากหลายของท่านทั้งหลายเหล่านี้ เป็นเครื่องยืนยันได้ว่า หลักธรรมของพระพุทธเจ้านั้น สำคัญที่ว่าเราทำจริงแค่ไหน ถ้าหากว่าเราทำจริง ย่อมได้ผลจริงอย่างท่านทั้งหลายเหล่านั้น ท่านเป็นฆราวาส ทำไมถึงทรงฤทธิ์ทรงอภิญญาสมาบัติ แล้วท้ายสุดก็กลายเป็นพระอริยเจ้า พระโสดาบันบ้าง พระสกิทาคามีบ้าง พระอนาคามีบ้าง และพระอรหันต์บ้าง

    สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าหากว่าขาดอิทธิบาท ก็คือหลักธรรมที่เป็นพื้นฐานของความสำเร็จ ก็ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้อย่างท่านที่ได้ยกตัวอย่างมา

    ทุกวันนี้พวกเราปฏิบัติธรรม อาตมาเคยใช้คำว่า ทำเหมือนกับแก้บน ก็คือไม่ได้จริง ไม่ได้จังอะไร บุคคลที่ปฏิบัติธรรมจริงจัง ฉันทะ...ต้องพอเพียง วิริยะ...ความพากเพียรต้องเต็มเกินร้อย จิตตะ...กำลังใจปักมั่นอยู่กับเป้าหมายไม่เปลี่ยนแปลง วิมังสา...รู้จักไตร่ตรองทบทวนว่าเราทำอะไรเพื่ออะไร ? บัดนี้ทำไปถึงไหน ? ยังจะต้องทำจุดไหนเพื่อก้าวไปสู่จุดหมายของเรา ? เป็นต้น

    คราวนี้ในส่วนนี้ของเรา เมื่อขาดอิทธิบาท ๔ เราก็จะไม่จริงไม่จังในการปฏิบัติ มีโอกาสที่จะเกิดโทษในการปรามาสพระรัตนตรัยอีกด้วย

    ฉะนั้น...ขอให้ท่านทั้งหลายเพียรสังวรระวังไว้ โดยเฉพาะท่านที่ตั้งความปรารถนาในพระนิพพาน เท่ากับท่านกำหนดเป้าหมายสูงสุดเอาไว้แล้ว ถ้าหากว่าท่านไปไม่ถึงเป้าหมายนั้น ก็ต้องบอกว่าท่านอาจจะโดนบังคับ

    ถามว่าบังคับอย่างไร ? ก็คือว่าบุคคลที่จะเข้าถึงพระนิพพานได้ ต้องเห็นทุกข์อย่างชัดแจ้ง ทำความเข้าใจว่าทุกข์นั้นเป็นสิ่งที่ธรรมดา แล้วก็วางทุกข์นั้นลง โดยเห็นว่าเป็นภาระ หรือเป็นธรรมะที่มีมาพร้อมร่างกายนี้ ความทุกข์เป็นเรื่องของร่างกาย ไม่ใช่เรื่องของจิตใจ เป็นต้น

    เมื่อทำความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง สามารถแยกแยะออกได้อย่างชัดเจนว่า ทุกข์นั้นเป็นอย่างไร ทุกข์นั้นเกิดอย่างไร ทุกข์นั้นจะดับลงได้ด้วยวิธีไหน และเข้าถึงความดับทุกข์แล้วจะเป็นอย่างไร เป็นต้น

    ถ้าเราไม่สามารถเข้าถึงตรงนี้ หรือไม่พยายามทำเข้ามาตรงจุดนี้ โอกาสที่จะเข้าพระนิพพานของเราก็ไม่มี ในเมื่อไม่สามารถจะเข้าถึงพระนิพพานได้ แต่ว่าเราไปตั้งเป้าว่าจะเอาให้ได้ บางทีเราก็จะโดนบังคับให้ทุกข์ อย่างเช่นว่า บ้านแตกสาแหรกขาด หน้าที่การงานล้มเหลว หรือว่าเกิดความเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา เพื่อบังคับให้เราเห็นว่าความทุกข์เป็นเรื่องปกติ

    แต่ถ้าหากว่าท่านความคิดน้อย ด้อยปัญญา บางทีขนาดโดนทำให้ทุกข์ ท่านก็ยังไม่เข้าใจเสียอีก ดีไม่ดีก็โทษส่งเดชไปเลยว่า เป็นเพราะการปฏิบัติธรรม ถึงทำให้ตัวเองลำบากอย่างนี้ โดยไม่ได้ดูว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เกิดขึ้น เพราะความประสงค์ของเรากับการกระทำนั้นขัดกัน ตั้งใจจะไปพระนิพพาน แต่ไม่พิจารณาให้เห็นความเป็นจริงของร่างกาย ไม่เห็นความเป็นจริงของโลก ก็ต้องโดนบังคับให้เห็น เป็นต้น

    เมื่อท่านรู้แล้วก็โปรดใช้วิปัสสนาญาณ อย่างที่ได้กล่าวเอาไว้เมื่อวานนี้ ก็คือต้องพินิจพิจารณาบ่อย ๆ ทำทุกวัน ทำให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ สภาพจิตเมื่อเห็นแจ้งแล้ว จะได้ปล่อยวางจากการยึดมั่นถือมั่นในร่างกายนี้ ปล่อยวางจากการยึดมั่นถือมั่นในโลกนี้ ถ้าอย่างนั้น เราก็ไม่ต้องโดนบังคับให้ทุกข์ เพราะว่าเราเป็นผู้ที่เห็นทุกข์ชัดแจ้งแล้ว ไม่พึงปรารถนาการเกิดมามีร่างกายที่เต็มไปด้วยความทุกข์เช่นนี้อีก เกิดความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด ถอนจิตจากความยึดมั่นถือมั่นในร่างกายนี้ลงไปได้ เราก็จะก้าวล่วงจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน

    ลำดับต่อไปให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
    วันเสาร์ที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๓
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย คะน้า)

    ที่มา
    http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=7171
    https://youtu.be/-SCNJ7q417o
     
  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    คำสอนที่องค์ดาไลลามะใช้สอนในวันที่ 4-6 กันยายนนี้

    Cr.Aloneape Aun
    .
    "วิถีปฏิบัติ 37 ประการของพระโพธิสัตว์"
    โดย ท่านเกียวเซ ทอกเม ซังโป
    .
    ข้าขอน้อมเคารพโดยวิถีทั้งสาม คือกาย วาจา ใจ
    แด่ พระอวโลกิเตศวร คุรุอาจารย์สูงสุดและผู้ปกป้องของข้า
    แม้ท่านเห็นปรากฏการณ์ต่างๆว่าไร้การมาและการไป
    แต่ท่านยังตั้งมั่นเด็ดเดี่ยวในการทำประโยชน์เพื่อสรรพชีวิตทั้งมวล"
    .
    พุทธะผู้เพรียบพร้อม เป็นต้นธารแห่งความอยู่ดีและมีสุข
    ปรากฏขึ้นจากการบรรลุธรรมผ่านคำสอนอันยอดเยี่ยม
    ซึ่งเกิดขึ้นได้เพราะรู้ซึ้งถึงข้อปฏิบัติต่างๆเหล่านี้
    ดังนั้น ข้าจะขอสาธยาย ถึงวิถีปฏิบัติของพระโพธิสัตว์
    1
    ยากนักที่จะได้มีอิสรภาพและความรุ่มรวยเช่นนี้, ดังนั้น
    จงสดับฟัง, พิจารณา และภาวนาอย่างไม่ลดละทั้งวันทั้งคืนเถิด
    เพื่อจะได้ปลดปล่อยตนเองและผู้อื่น
    ออกจากมหาสมุทรแห่งวัฏสงสาร
    นี่คือวิถีแห่งพระโพธิสัตว์
    2
    เมื่อยึดติดกับผู้เป็นที่รัก เธอจึงสั่นไหวเหมือนสายน้ำ
    เมื่อเกลียดชังต่อศัตรู เธอจึงถูกไหม้เหมือนไฟเผา
    ในความมืดมิดและสับสน เธอหลงลืมไปว่าสิ่งใดควรรักษา สิ่งใดควรละวาง
    “จงปล่อยวางถิ่นฐานบ้านเกิด”
    นี่คือวิถีแห่งพระโพธิสัตว์
    3
    เมื่อหลีกเลี่ยงวัตถุโทษ , สิ่งรบกวนอารมณ์จึงค่อยๆลดลง
    เมื่อใจไม่ถูกรบกวน กุศลธรรมจึงเพิ่มพูนตามธรรมชาติ
    ด้วยจิตใจที่ใสกระจ่าง ความเชื่อมั่นในคำสอนจึงปรากฏ
    “จงปลูกฝังความสันโดษ”
    นี่คือวิถีแห่งพระโพธิสัตว์
    4
    คนรักซึ่งคุ้นเคยกันนานมาต้องลาจาก
    ความมั่งคั่งที่ลำบากสร้างมาต้องถูกทิ้ง
    วิญญาณรับรู้ ผู้เป็นแขกมาเยือน, จักต้องลาบ้านเช่าคือกายนี้
    “จงปล่อยวางชีวิตนี้”
    นี่คือวิถีแห่งพระโพธิสัตว์
    5
    เมื่อเธอคลอเคลียกับอกุศลธรรมทั้งสาม, ยาพิษเหล่านั้นจึงพัฒนา
    การสดับฟัง, พิจารณา และภาวนาจึงถดถอย
    สิ่งนี้ทำให้เธอสูญเสียความรักและความกรุณาของเธอ
    “จงละทิ้งมิตรชั่ว”
    นี่คือวิถีแห่งพระโพธิสัตว์
    6
    เมื่อพึ่งพิงคุรุทางจิตวิญาณ ความผิดพลาดทั้งหลายจึงสิ้นสุดลง
    และคุณสมบัติที่ดีของเธอจะเติบโตเหมือนดวงจันทร์นวลผ่อง
    จงเชิดชูบูชาเหล่าคุรุทางจิตวิญญาณ
    ยิ่งกว่าร่างกายของเธอเอง
    นี่คือวิถีแห่งพระโพธิสัตว์
    7
    เมื่อยังผูกมัดจองจำตนเอง อยู่ในวัฏจักรสังสาร
    โลกียเทพองค์ใดกันจะปกป้องเธอได้
    ดังนั้น เมื่อเธอแสวงหาสรณะที่พึ่ง,
    จงพึ่งในไตรสรณะคมณ์ ซึ่งจะไม่มีวันทอดทิ้งเธอ
    นี่คือวิถีแห่งพระโพธิสัตว์
    8
    ท่านผู้พิชิตกล่าวว่า ทุกข์อันเหลือทนทั้งหมด
    จากการเกิดใหม่ในภาพภูมิต่ำ เป็นผลพวกจากทำกรรมผิดๆ
    ดังนั้น แม้ต้องแลกด้วยชีวิต
    จงอย่าทำกรรมชั่ว
    นี่คือวิถีแห่งพระโพธิสัตว์
    9
    เฉกเช่นน้ำค้างบนยอดหญ้า, ความสุขใดๆในสามโลก
    ดำรงอยู่เพียงชั่วขณะก็สูญสลาย
    จงมุ่งมั่นต่อสิ่งอันไม่เปลี่ยนแปลง
    ภาวะสูงสุดแห่งการหลุดพ้น
    นี่คือวิถีแห่งพระโพธิสัตว์
    10
    เมื่อแม่ผู้รักเธอตลอดมาตั้งแต่ก่อนกาลเวลาปรากฏ ยังจมทุกข์อยู่,
    ความสุขของเธอจะมีประโยชน์อะไร?
    ดังนั้น เพื่อปลดปล่อยสรรพสัตว์อันไม่มีประมาณ
    จงพัฒนาความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
    นี่คือวิถีแห่งพระโพธิสัตว์
    11
    ความทุกข์ทั้งมวลมาจากการแสวงหาความสุขเพื่อตนเอง
    เหล่าพุทธะทั้งหลายล้วนเกิดจากเจตนาที่จะช่วยเหลือผู้อื่น
    ดังนั้น จงแลกเปลี่ยนความสุขส่วนตัวของเธอ
    กับความทุกข์ยากของผู้อื่น
    นี่คือวิถีแห่งพระโพธิสัตว์
    12
    แม้มีใครบางคนโดนความอยากครอบงำ
    เขาได้ขโมยทรัพย์ทั้งหมดของเธอหรือทำมันสูญหาย
    ขอจงอุทิศทั้งร่างกาย, ทรัพย์สินและคุณธรรมของเธอ
    ทั้งในอดีต,ปัจจุบันและอนาคต ให้แก่เขาเถิด
    นี่คือวิถีแห่งพระโพธิสัตว์
    13
    แม้จะมีคนพยายามตัดศีรษะของเธอ
    ทั้งที่เธอไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้นที่ผิดพลาด
    จงยอมรับกรรมชั่วของเขานั้น ไว้ที่ตัวเธอเอง
    ด้วยความเมตตา
    นี่คือวิถีแห่งพระโพธิสัตว์
    14
    แม้ใครจะป่าวประกาศ คำว่าร้ายไม่น่าฟังทั้งหลาย
    เกี่ยวกับเธอไปทั่วทั้งสามพันโลกธาตุ
    จงตอบแทนเขา ด้วยจิตอันเปี่ยมรัก
    โดยกล่าวถึงคุณสมบัติอันดีงามของเขาเถิด
    นี่คือวิถีแห่งพระโพธิสัตว์
    15
    แม้บางคนอาจเยอะเย้ยและเอ่ยคำหยาบช้า
    เกี่ยวกับเธอท่ามกลางสาธารณะชน
    โปรดมองเขาเป็นดั่งคุรุทางจิตวิญญาณ
    จงน้อมกราบท่านด้วยความเคารพ
    นี่คือวิถีแห่งพระโพธิสัตว์
    16
    แม้ว่าคนที่เธอเคยห่วงใย
    ดั่งลูกในใส้จะถือเธอเป็นเช่นศัตรู
    จงทะนุถนอมเขาเป็นพิเศษเช่นมารดา
    ที่ดูแลลูกของเธอที่ป่วยด้วยโรคร้าย
    นี่คือวิถีแห่งพระโพธิสัตว์
    17
    ถ้าคนที่เท่าเทียมหรือด้อยกว่า
    เหยียดหยามเธอด้วยความเย่อหยิ่ง
    จงวางเขาไว้ ณ มงกุฏกลางกระหม่อม อย่างเคารพ
    มิให้ต่างจากคุรุทางจิตวิญญาณของเธอ
    นี่คือวิถีแห่งพระโพธิสัตว์
    18
    แม้เธอจะขาดแคลนสิ่งที่จำเป็น และถูกดูหมิ่นเหยียดหยามอยู่เสมอ
    ซ้ำยังโดนโรคภัยและวิญญาณร้ายรบกวน
    จงอย่าย่อท้อ, แต่จงขอรับการกระทำผิดพลาดนานา
    และความเจ็บปวดของสรรพชีวิตทั้งมวลไว้ที่เธอเอง
    นี่คือวิถีแห่งพระโพธิสัตว์
    19
    แม้เธอจะโด่งดังจนผู้คนก้มศรีษะคาราวะเธอ
    และร่ำรวยขึ้นจน เทียบเท่าท่าน Vaishravana
    จงเห็นความไร้แก่นสารในทรัพย์ทางโลกเหล่านั้น
    อย่าเย่อหยิ่ง
    นี่คือวิถีแห่งพระโพธิสัตว์
    20
    เมื่อความโกรธ, อันเป็นศัตรูภายในของเธอยังไม่ถูกจัดการ
    แม้เธอจะชนะภาวะภายนอกใดๆ ศัตรูภายในก็ยังจะมีแต่เพิ่มพูน
    ดังนั้น, จงกำราบจิตของตัวเอง
    ด้วยกองทัพแห่งความรักและความเมตตา
    นี่คือวิถีแห่งพระโพธิสัตว์
    21
    ความสุขทางผัสสะเปรียบได้ดั่งน้ำเค็ม
    ยิ่งดื่มด่ำความกระหายก็ยิ่งพอกพูน
    จงละทิ้งสิ่งอันคอยเสริมเติม
    ความยึดมั่นถือมั่น เหล่านั้นเถิด
    นี่คือวิถีแห่งพระโพธิสัตว์
    22
    สิ่งต่างๆที่ปรากฏล้วนคือจิตของเธอเอง
    จิตของเธอนั้นเป็นอิสระจากการปรุงแต่งใดๆมาแต่เดิม
    ด้วยความเข้าใจนี้ จงอย่างถือเอาว่าจิตนั้น
    แยกเป็นสิ่งนี้และสิ่งนั้น (โดยตัวของมันเอง)
    นี่คือวิถีแห่งพระโพธิสัตว์
    23
    เมื่อเธอพบเจอสิ่งอันน่าดึงดูดพอใจ
    แม้มันจะสวยราวรุ้งงามยามหน้าร้อน
    จงอย่ามองมันเป็นจริงเป็นจัง
    และปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่น
    นี่คือวิถีแห่งพระโพธิสัตว์
    24
    ความทุกข์ใดๆเป็นดั่งทารกตายในความฝัน
    การถือภาพลวงว่าเป็นจริง ย่อมทำให้เธอเบื่อหน่าย เหนื่อยล้า
    ดังนั้น เมื่อเธอพบกับสถานการณ์ที่ไม่ปรารถนา
    จงเห็นว่ามันเป็นมายาลวงตา
    นี่คือวิถีแห่งพระโพธิสัตว์
    25
    เมื่อผู้แสวงหาการรู้แจ้ง จำต้องทอดทิ้งแม้ร่างของเขา
    ประโยชน์อะไรจะกล่าวถึงสิ่งอื่นใดภายนอก
    ดังนั้น อย่าหวังผลตอบแทนหรือบุญคุณใดๆ
    จงสละให้ด้วยใจเมตตา
    นี่คือวิถีแห่งพระโพธิสัตว์
    26
    เพราะไร้จริยธรรม เธอจึงไม่สามารถอยู่ดีมีสุข
    การปรารถนาจะช่วยผู้อื่นจึงเป็นเรื่องน่าขบขัน
    ดังนั้น จงปกป้องรักษาจริยธรรมของเธอ
    โดยไม่โหยหาความปรารถนาทางโลก
    นี่คือวิถีแห่งพระโพธิสัตว์
    27
    สำหรับพระโพธิสัตว์ผู้ปรารถนาอริยทรัพย์
    ผู้ที่ทำร้ายท่านกลับเป็นดั่งสมบัติล้ำค่า
    ดังนั้นจงปลูกฝังขันติธรรมต่อทุกสิ่ง
    อย่าให้มีศัตรูในใจ
    นี่คือวิถีแห่งพระโพธิสัตว์
    28
    แม้แต่เหล่าสาวกและพระปัจเจกพุทธะ,
    ผู้ปรารถนาความหลุดพ้นแก่ตนเอง
    ก็ยังมีความเพียรราวกับรีบดับไฟที่ไหม้ศรีษะตน
    ดังนั้น จงกระตือรือล้นทำความเพียรซึ่งเป็นบ่อเกิดแห่งกุศลทั้งปวงเถิด
    เพื่อประโยชน์แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย
    นี่คือวิถีแห่งพระโพธิสัตว์
    29
    เมื่อรู้ว่ากิเลสธรรมย่อมถูกชำระล้างได้
    ก็โดยเจริญความสงบสมถะ และปัญญาวิปัสสนาญาณ
    จงเจริญสมาธิที่ข้ามพ้นไปจาก
    ฌาณอันปราศจากรูปทั้งสี่ (อรูปฌาน)
    นี่คือวิถีแห่งพระโพธิสัตว์
    30
    เพียงบารมีทั้งห้าโดยปราศจากปัญญา
    ยังไม่อาจนำพาไปสู่การตรัสรู้อันสมบูรณ์
    จงเจริญปัญญาโดยกุศโลบายอันแยบคาย
    โดยที่ใจไม่ยึดมั่นในโลกทั้งสาม (ว่าป็นจริง)
    นี่คือวิถีแห่งพระโพธิสัตว์
    31
    เมื่อไม่ตรวจสอบข้อบกพร่องของตนเอง
    เธออาจดูคล้ายผู้ปฏิบัติ แต่ไม่ได้ทำตัวดั่งผู้ปฏิบัติ
    ดังนั้น, จงตรวจสอบข้อผิดพลาดของตัวเองอยู่เสมอ
    และสละมันออกไป
    นี่คือวิถีแห่งพระโพธิสัตว์
    32
    ถ้าหากเธอโดนกิเลสครอบงำ
    จนไปตู่ตำหนิโทษพระโพธิสัตว์ท่านอื่นๆ
    เธอเองนั้นหละจะด่างพร้อย, ดังนั้น เว้นห่างจากคำกล่าวโทษ
    ผู้ที่เข้าสู่เส้นทางแห่ง “มหายาน”
    นี่คือวิถีแห่งพระโพธิสัตว์
    33
    ลาภยศสรรเสริญทำให้เกิดวิวาทะ
    ซึ่งทำให้การสดับฟัง, พิจารณา, และภาวนาถดถอย
    ด้วยเหตุนี้ จงปล่อยวางความยึดมั่น
    ต่อญาติ มิตร และผู้อุปัฏฐากทั้งหลายเถิด
    นี่คือวิถีแห่งพระโพธิสัตว์
    34
    คำพูดที่รุนแรงย่อมรบกวนจิตใจของผู้อื่น
    และทำจริยวัตรของพระโพธิสัตว์ให้เสื่อมถอย
    ดังนั้นจงเลิกละถ้อยคำที่รุนแรง
    อันไม่มีใครปรารถนาจะได้ยิน
    นี่คือวิถีแห่งพระโพธิสัตว์
    35
    กิเลสในระดับสัญชาติญาณ(อาสวะ)นั้นยากจะแก้ด้วยอุบายคัดคาน
    ดำรงจิตที่มีสติระลึกรู้และตื่นตัว ให้เป็นดั่งทหารที่คอยต้านศัตรู
    ทำลายกิเลสเช่นความยึดมั่นถือมั่น
    ในทันทีที่มันปรากฏ
    นี่คือวิถีแห่งพระโพธิสัตว์
    36
    โดยสรุปแล้ว, ไม่ว่าเธอกำลังทำอะไร
    ถามตัวเองว่า ‘สภาพจิตใจของฉันเป็นอย่างไรในขณะนี้?'
    ด้วยการมีความระลึกรู้และความตื่นตัวอย่างต่อเนื่อง
    จึงบรรลุความดีงามเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น
    นี่คือวิถีแห่งพระโพธิสัตว์
    37
    เพื่อขจัดความทุกข์ของสรรพชีวิตอันมากมายไม่มีประมาณ
    จงเข้าถึงความบริสุทธิ์แห่งภูมิทั้งสาม
    อุทิศอานิสงส์จากความพยายามทั้งปวงเหล่านั้น
    เพื่อการตรัสรู้
    นี่คือวิถีแห่งพระโพธิสัตว์
    .
    สำหรับทุกท่านที่ต้องการเจริญตามรอยพระโพธิสัตว์
    ฉันได้เขียนวิถีปฏิบัติสามสิบเจ็ดประการของพระโพธิสัตว์
    ตามสิ่งที่ได้กล่าวไว้โดยผู้รู้อันเลิศทั้งหลาย
    เกี่ยวกับความหมายของพระสูตร คำสอนตันตระ และคำภีร์ต่างๆ
    .
    แม้ว่ามันอาจไม่เป็นที่พอใจของนักวิชาการทางฉันท์กลอน
    จากความด้อยปัญญาและขาดการศึกษาของฉัน
    ฉันอาศัยเรียบเรียงจากพระสูตรและคำพูดของผู้รู้ทั้งหลาย
    จึงเชื่อว่าวิถีปฏิบัติของพระโพธิสัตว์เหล่านี้ไม่มีข้อผิดนัก
    .
    อย่างไรก็ตามการกระทำของพระโพธิสัตว์นั้นยิ่งใหญ่
    ยากที่จะเข้าใจได้หมดจดด้วยสติปัญญาที่อ่อนด้อยนี้
    ฉันขอให้ท่านผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย ให้อภัยต่อความผิดพลาดทั้งหลาย
    เช่นความขัดแย้งและความไม่ต่อเนื่องของเรื่องราว
    .
    คุณธรรมใดที่ได้จากงานเขียนนี้
    ขอให้สรรพชีวิตทั้งมวล
    เข้าถึงความเมตตาอาทรทั้งในระดับปรมัตถ์และสมมติ
    อันจะทำให้เป็นดั่งพระอวโลกิเตศวร
    ผู้ไม่ดำรงอยู่ในความสุดโต่งทั้งสองฝั่ง
    ไม่ว่าในโลกนี้หรือในความสงบ
    .
    บทกวีนี้ เขียนขึ้นเพื่อประโยชน์ของตนเองและผู้อื่นโดยภิกษุทองเม (Togmay) ซึ่งเป็นผู้ขยายความของพระคัมภีร์และการพิจารณา ณ ถ้ำแห่งเกาชู ริกเชน (Ngulchu Rinchen)
    .
    ติดตามฟัง LIVE ภาษาไทย อย่างเป็นทางการได้ที่
    https://web.facebook.com/ASEAN-Dhammaduta-Project-101654675012504/

    .............................................

    "The 37 Practices of the Bodhisattavas
    by Gyalse Tokme Zangpo
    .
    I pay constant homage through my three doors,
    To my supreme teacher and protector Chenrezig,
    Who while seeing all phenomena lack coming and going,
    Makes single-minded effort for the good of living beings.
    .
    Perfect Buddhas, source of all well-being and happiness,
    Arise from accomplishing the excellent teachings,
    And this depends on knowing the practices.
    So I will explain the practices of Bodhisattvas.
    1
    Having gained this rare ship of freedom and fortune,
    Hear, think and meditate unwaveringly night and day,
    In order to free yourself and others
    From the ocean of cyclic existence
    This is the practice of Bodhisattvas
    2
    Attached to your loved ones you're stirred up like water.
    Hating your enemies you burn like fire.
    In the darkness of confusion you forget what to adopt and discard.
    Give up your homeland
    This is the practice of Bodhisattvas.
    3
    By avoiding bad objects disturbing emotions gradually decrease.
    Without distraction virtuous activities naturally increase.
    With clarity of mind conviction in the teaching arises.
    Cultivate seclusion
    This is the practice of Bodhisattvas.
    4
    Loved ones who have long kept company will part.
    Wealth created with difficulty will be left behind.
    Consciousness, the guest, will leave the guest-house of the body. Let go of this life
    This is the practice of Bodhisattvas.
    5
    When you keep their company your three poisons increase,
    Your activities of hearing, thinking and meditating decline,
    And they make you lose your love and compassion.
    Give up bad friends
    This is the practice of Bodhisattvas.
    6
    When you rely on them your faults come to an end,
    And your good qualities grow like the waxing moon.
    Cherish the spiritual teacher
    Even more than your own body
    This is the practice of Bodhisattvas.
    7
    Bound himself in the jail of cyclic existence,
    What worldly god can give you protection?
    Therefore when you seek refuge,
    take refuge in The Three Jewels which will not betray you
    This is the practice of Bodhisattvas.
    8
    The Subduer said all the unbearable suffering
    Of bad rebirths is the fruit of wrong-doing.
    Therefore, even at the cost of your life,
    Never do wrong
    This is the practice of Bodhisattvas
    9
    Like dew on the tip of a grass, pleasures of the three worlds,
    Last only a while and then vanish.
    Aspire to the never changing
    Supreme state of liberation
    This is the practice of Bodhisattvas.
    10
    When your mothers, who've loved you since time without beginning,
    Are suffering, what use is your own happiness?
    Therefore to free limitless living beings
    Develop the altruistic intention
    This is the practice of Bodhisattvas.
    11
    All suffering comes from the wish for your own happiness.
    Perfect Buddhas are born from the thought to help others.
    Therefore exchange your own happiness
    For the suffering of others
    This is the practice of Bodhisattvas.
    12
    Even if someone out of strong desire
    Steals all your wealth or has it stolen,
    Dedicate to him your body, possessions
    And your virtue, past, present and future
    This is the practice of Bodhisattvas.
    13
    Even if someone tries to cut off your head,
    When you haven't done the slightest thing wrong,
    Out of compassion take all his misdeeds
    Upon yourself
    This is the practice of Bodhisattvas.
    14
    Even if someone broadcasts all kinds of unpleasant remarks
    About you throughout the three thousand worlds,
    In return, with a loving mind,
    Speak of his good qualities
    This is the practice of Bodhisattvas.
    15
    Though someone may deride and speak bad words
    About you in a public gathering,
    Looking on him as a spiritual teacher,
    Bow to him with respect
    This is the practice of Bodhisattvas.
    16
    Even if a person for whom you've cared
    Like your own child regards you as an enemy,
    Cherish him specially, like a mother
    Does her child who is stricken by sickness
    This is the practice of Bodhisattvas.
    17
    If an equal or inferior person
    Disparages you out of pride,
    Place him, as you would your spiritual teacher,
    With respect on the crown of your head
    This is the practice of Bodhisattvas.
    18
    Though you lack what you need and are constantly disparaged,
    Are afflicted by dangerous sickness and spirits,
    Without discouragement take on the misdeeds
    And the pain of all living beings
    This is the practice of Bodhisattvas.
    19
    Though you become famous and many bow to you,
    And you gain riches to equal Vaishravana's,
    See that worldly fortune is without essence,
    And don't be conceited
    This is the practice of Bodhisattvas.
    20
    While the enemy of your own anger is unsubdued,
    Though you conquer external foes, they will only increase.
    Therefore with the militia of love and compassion
    Subdue your own mind
    This is the practice of Bodhisattvas.
    21
    Sensual pleasures are like saltwater.
    The more you indulge, the more thirst increases.
    Abandon at once those things which breed
    Clinging attachment
    This is the practice of Bodhisattvas.
    22
    Whatever appears is your own mind.
    Your mind from the start was free from fabricated extremes.
    Understanding this, do not take to mind
    [Inherent] signs of subject and object
    This is the practice of Bodhisattvas.
    23
    When you encounter attractive objects,
    Though they seem beautiful
    Like a rainbow in summer, don't regard them as real
    And give up attachment
    This is the practice of Bodhisattvas.
    24
    All forms of suffering are like a child's death in a dream.
    Holding illusory appearances to be true makes you weary.
    Therefore when you meet with disagreeable circumstances,
    See them as illusory
    This is the practice of Bodhisattvas.
    25
    When those who want enlightenment must give even their body,
    There's no need to mention external things.
    Therefore without hope for return or any fruition
    Give generously
    This is the practice of Bodhisattvas.
    26
    Without ethics you can't accomplish your own well-being,
    So wanting to accomplish others' is laughable.
    Therefore without worldly aspirations
    Safeguard your ethical discipline
    This is the practice of Bodhisattvas.
    27
    To Bodhisattvas who wants a wealth of virtue
    Those who harm are like a precious treasure.
    Therefore towards all cultivate patience
    Without hostility
    This is the practice of Bodhisattvas.
    28
    Seeing even Hearers and Solitary Realizers, who accomplish
    Only their own good, strive as if to put out a fire on their head,
    For the sake of all beings make enthusiastic effort,
    The source of all good qualities
    This is the practice of Bodhisattvas.
    29
    Understanding that disturbing emotions are destroyed
    By special insight with calm abiding,
    Cultivate concentration which surpasses
    The four formless absorptions
    This is the practice of Bodhisattvas.
    30
    Since the five perfections without wisdom,
    Cannot bring perfect enlightenment,
    Along with skillful means cultivate the wisdom
    Which does not conceive the three spheres [as real]
    This is the practice of Bodhisattvas.
    31
    If you don't examine your own errors,
    You may look like a practitioner but not act as one.
    Therefore, always examining your own errors,
    Rid yourself of them
    This is the practice of Bodhisattvas.
    32
    If through the influence of disturbing emotions
    You point out the faults of another Bodhisattva,
    You yourself are diminished, so don't mention the faults
    Of those who have entered the Great Vehicle
    This is the practice of Bodhisattvas.
    33
    Reward and respect cause us to quarrel
    And make hearing, thinking and meditation decline.
    For this reason give up attachment to
    The households of friends, relations and benefactors
    This is the practice of Bodhisattvas.
    34
    Harsh words disturb the minds of others
    And cause deterioration in a Bodhisattva's conduct.
    Therefore give up harsh words
    Which are unpleasant to others -
    This is the practice of Bodhisattvas."
    "35
    Habitual disturbing emotions are hard to stop through counteractions.
    Armed with antidotes, the guards of mindfulness and mental alertness
    Destroy disturbing emotions like attachment
    At once, as soon as they arise
    This is the practice of Bodhisattvas.
    36
    In brief, whatever you are doing,
    Ask yourself 'What's the state of my mind?'
    With constant mindfulness and mental alertness
    Accomplish others' good
    This is the practice of Bodhisattvas.
    37
    To remove the suffering of limitless beings,
    Understanding the purity of the three spheres,
    Dedicate the virtue from making such effort
    To enlightenment
    This is the practice of Bodhisattvas.
    .
    For all who want to train on the Bodhisattva path,
    I have written the Thirty-seven Practices of Bodhisattvas,
    Following what has been said by the excellent ones
    On the meaning of the sutras, tantras and treatises.
    .
    Though not poetically pleasing to scholars,
    Owing to my poor intelligence and lack of learning,
    I've relied on the sutras and the words of the excellent,
    So I think these Bodhisattva practices are without error.
    .
    However, as the great deeds of Bodhisattvas
    Are hard to fathom for one of my poor intelligence,
    I beg the excellent to forgive all faults,
    Such as contradictions and non sequiturs.
    .
    Through the virtue from this may all living beings
    Gain the ultimate and conventional altruistic intention
    And thereby become like the Protector Chenrezig
    Who dwells in neither extreme -
    not in the world nor in peace.
    .
    This was written for his own and others’ benefit.
    By the monk Togmay, an exponent of scripture and reasoning, in a cave in Ngulchu Rinchen.

    FbFRP3qaxiGgSn4cHid6so-_YKXQsHpWeNvFgCYFp16l&_nc_ohc=BcNBo7PvrFEAX9497H1&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg


     
  15. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    " ใครบันทึกได้หนาแน่นเวลานึกไปที่ไหนหรือนึกถึงใครเขาก็จะนึกถึงเราด้วย จิตเป็นพลังงานบันทึกไปแล้วนิ่งๆนะดีมีประโยชน์นะ....ให้ใช้ไตรสรณคมน์ บทจักรพรรดิ ให้นึกถึงหลวงปู่ดู่ จะกำพระก็ได้ ให้กระแสจิตเกาะอยู่ตรงนั้น ทุกอย่างทำเพื่อสะสมพลังงาน สะสมกระแส อย่างเร็วต้องทำถึง 3 ปี หรือ 10 ปี ไม่ใช่จะเห็นผลแค่ปี 2 ปี...จะให้เป็นเร็วๆมันไม่ได้ มันต้องใช้เวลาสะสมและฝึกไปเรื่อยๆ.....นี่แหละสายหลวงปู่ "

    (พระเดชพระคุณหลวงตาม้า)

    LZaEewPEcyfDd6BdF8-wYiGqra03azSRnduj13AdXyDc&_nc_ohc=cKWz376_5g4AX_mWn_K&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    Dbb3IgB9-g4jLJEda9AYmcDzSRiif3P_jYxSWcxC5mtl&_nc_ohc=aYqiU5HwMhsAX8pur4g&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     
  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    สรรเสริญนามพระพุทธเจ้า

    พระกษิติครรภโพธิสัตว์ ได้ทูลพระพุทธองค์ว่า
    ข้าแต่พระผู้มีพระภาค สรรพสัตว์ในปัจจุบันและอนาคต
    หากสามารถระลึกถึงและสรรเสริญพระนามของพระพุทธเจ้าองค์เดียวก็จะมีกุศลที่ประมาณไม่ได้

    แล้วจะประสาใดกับการภาวนาพระนามของพระพุทธเจ้าหลายองค์สรรพสัตว์เหล่านั้นไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือสิ้นชีพไปแล้วต้นนั้นย่อมได้รับประโยชน์มหาศาลไม่ตกสู่อบายภูมิแม้ที่สุด

    หากมีผู้กำลังจะสิ้นชีพแล้วในบ้าน
    มีเพียงบุคคลเดียวที่สามารถภาวนาพระพุทธนาม
    ด้วยเสียงอันดัง แทนผู้ป่วยนั้น

    ผู้ที่สิ้นชีพไปแล้วนอกจากได้ทำอนันตริยกรรมเอาไว้
    กรรมอื่นๆนอกจากนี้ย่อมมลายสิ้นไป
    ก็อนันตริยกรรมนี้หากละเมิดแล้วย่อมเป็นกรรมใหญ่หลวงนัก แม้จะผ่านไปโกฏิกัลป์กันก็ไม่สามารถพ้นจากนรกได้

    แต่หากครอบครัวของผู้นั้นได้ภาวนาพุทธะนามแทนผู้นั้นแล้วไซร้ วิบากกรรมที่หนักของผู้นั้นก็จะค่อยดับสิ้นไปแล้ว

    จะประสาใดกับหมู่สัตว์ทั้งหลายที่ภาวนาพุทธะนามด้วยตนเองอีกเล่าเขาย่อมได้รับกุศลไม่มีประมาณและดับบาปที่ไม่มีประมาณด้วยตนเอง

    นะโมอนันตกายะตถาคต
    นะโมรัตนภาวะตถาคต
    นะโมปัทมวิชัยตถาคต
    นะโมสีหนาทตถาคต
    นะโมกกุสันโทตถาคต
    นะโมวิปัสสีตถาคต
    นะโมประภูตรัตนตถาคต
    นะโมรัตนลักษณตถาคต
    นะโมกษายเกตุตถาคต
    นะโมมหาอภิญญาคิรีราชตถาคต
    นะโมศุทธิจันทรตถาคต
    นะโมคิรีราชตถาคต
    นะโมสุเมธะตถาคต
    นะโมสุทธนามะตถาคต
    นะโมเมธคูตถาคต
    นะโมอนุตรตถาคต
    นะโมศรีสัททะตถาคต
    นะโมปูรณะจัทรตถาคต
    นะโมจันทรมุขตถาคต

    พุทธานุสติระลึกถึงปวงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์
    บังเกิดมหากุศล มิเข้าสู่อบาย เสวยสุขอันปราณีต
    ท้ายที่สุดสามารถบรรลุพระโพธิญาณ

    #คัดบางส่วน จากกษิติครรภโพธิสัตว์มูลปณิธานสูตร
    พระวิศวภัทร แปลครับ

    #พุทธานุสติดับอกุศลมรรค
    #พุทธานุสติคือการน้อมรับกายวาจาใจตถาคตมาใส่ตัว
    #เจริญพุทธานุสติผลน้อยที่สุดคือมหากุศลมากที่สุดคือโพธิญาณ
    #เจริญไว้ตั้งแต่แข็งแรงอย่ารอแก่แล้วค่อยทำ

    TYXSnJysvmbVbJlZzZbJcfDA-q6kdGa79jM29TePUGnw&_nc_ohc=WuVg8Dp-1HkAX8KdQOO&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     
  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    ?temp_hash=48067c8f94dda527f65b46929262a08d.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    isp2glRZtUouTjkHZ-idcIbkKGQAdqL1GQ_mBJtIu2xq&_nc_ohc=xC5EbIeBwcYAX9QcotQ&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    พระอาจารย์เตือนว่า “ช่วยกันระวังนิดหนึ่ง โรคยังรุนแรงอยู่ รอบบ้านเราโดนกันหมดแล้ว บ้านเรานี่ยังประมาณว่าคนดีผีคุ้ม สบายดี สมัยเด็ก ๆ เวลาดูหนังกลางแปลง พอพระเอกรอดตายมาได้ เขาก็จะบอกว่า ‘คนดีผีคุ้ม คนร้ายตายทั้งกลุ่ม’ เพราะฉะนั้นถ้าอยู่ ๆ คณะรัฐมนตรีเป็นอะไรก็… อาตมาไม่ได้แช่งนะ..!”

    “อย่าประมาทนะ เชื้อโรคไม่เว้นใครหรอก ขนาดไม่ประมาทยังโดนเลย ตอนนี้รอบข้างของเรามีแต่ระบาดรอบสองไปแล้ว บ้านเรากำลังรอดูอยู่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คนไทยส่วนใหญ่ประมาทมาก ไม่ค่อยจะใส่หน้ากาก ไม่ค่อยจะเว้นระยะ และถ้าไม่ได้เจอสถานที่เข้มงวดอย่างที่นี่ ก็ปล่อยเลยตามเลย วันไหนติดเชื้อเข้าไป จะบอกว่าเสียใจก็ไม่ทันแล้ว ถึงจะรักษาหายแต่ปอดก็ชำรุด

    เหตุที่เราประมาทเพราะขาดสติ ในเมื่อขาดสติ..ความประมาทก็ย่อมเกิดขึ้นได้เป็นปกติ อย่าลืมว่าธรรมะของพระพุทธเจ้าทั้งหมด ท่านบอกว่า อัปปามาเทนะ สัมปาเทถะ จงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ พระองค์ท่านสรุปลงเหลือแค่นี้เท่านั้น”

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    (หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)
    เก็บตกบ้านเติมบุญ ต้นเดือนกันยายน ๒๕๖๓
     
  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    น้อมถวายเป็นพุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา
    ธรรมมะในพรรษา7/9/63
    ธรรมข้อนี้ละเอียดอ่อน น้อยคนที่จะเข้าใจ
    0cE2vZ5kmVBsV88sH2W4mvJechbWKqYF-nZ5YRrAiIEQ&_nc_ohc=ge8fVeGUVpUAX-Uw8FF&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,413
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    เรื่อง ทอดกฐิน

    หลวงพ่อบอกว่า ใครทอดกฐินครบ 7 วัดนี่ ท่านบอกให้ดูผลชาตินี้เลยไม่ต้องดูชาติหน้า
    ความคล่องตัวมันจะมี

    สมัยก่อนมีอยู่คราวหนึ่งใช่ไหม ที่หลวงพ่อไปแคะโลงผีน่ะ ผีมาเล่นงานที่ว่าจะตามขัดขวางทุกอย่างอะไรอย่างนี้ ทีนี้หลวงปู่ปานก็บอกว่า แกต้องรับปากกับเขาว่าจะทอดกฐิน 7 วัด

    ทีนี้ตอนหลังท่านก็มาเล่าให้ฟังว่ากฐินนี่ทอดแล้วไม่ต้องรอชาติหน้า ชาตินี้จะมีความคล่องตัว ถึงไม่รวยแต่ความคล่องตัวจะมีขึ้น ให้สังเกตดูเวลาเราทำบุญ

    (จากคอลัมภ์ "จากคำบอกเล่า" ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 176 เดือนพฤศจิกายน 2538 หน้า 98-99)

    nVdGtpjcQHcChrppxL6HIge6dvzolvcqwKVSQfzMms2Y&_nc_ohc=fpLF2enGzSsAX_mVH4h&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...