เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๔

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 8 พฤษภาคม 2021.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,700
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,555
    ค่าพลัง:
    +26,395
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๔


     
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,700
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,555
    ค่าพลัง:
    +26,395
    วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ เป็นที่น่ายินดีว่าโรงพยาบาลสนามวัดท่าขนุนพร้อมที่จะรองรับผู้ป่วยแล้ว ถ้าสถานการณ์เลวร้ายไปถึงระดับที่คาดการณ์เอาไว้ ทุกสิ่งทุกอย่างถ้าเรามีการเตรียมพร้อม โอกาสที่จะผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากไป ย่อมมีมากกว่าคนที่ขาดการเตรียมพร้อม

    เช่นเดียวกับการฝึกฝนในเรื่องของการปฏิบัติธรรม ผู้ใดที่เข้มงวดกับตนเองได้ หักห้ามใจตนเองได้ ย่อมสามารถรักษาศีลทุกข้อได้โดยไม่หนักใจ เพราะว่ากำลังในการหักห้ามใจตนเอง ไม่ว่าจะในศีลข้อใดก็ตาม เท่าเทียมกันหมด แม้ว่าจะมีบางส่วนที่เป็นจุดอ่อนเฉพาะของแต่ละคน แต่ถ้าหากว่าตั้งใจจริง ๆ ก็สามารถที่จะผ่านไปได้

    คราวนี้ในความที่เราตั้งใจรักษาศีลด้วยความระมัดระวัง กลัวว่าแต่ละสิกขาบทจะบกพร่อง เป็นการสร้างสมาธิให้เกิดอยู่แล้ว ดังนั้น..ถ้าหากว่าเรามาปฏิบัติภาวนา สมาธิก็จะทรงตัวได้ง่าย เมื่อสมาธิทรงตัวแนบแน่น สงบระงับ สภาพจิตที่ผ่องใสขณะนั้น ปัญญาก็จะเกิดขึ้น ทำให้เห็นช่องทางว่า เราจะ ลด ละ เลิก กิเลสแต่ละตัวในลักษณะใด

    ดังนั้น..ส่วนที่จะต้องเตรียมพร้อมที่สุดในการปฏิบัติธรรมของพวกเรา ต้องเริ่มที่ศีล คนที่จะรักษาศีลได้ดี ต้องเป็นคนมีระเบียบวินัย คนไหนก็ตาม ถ้าเอ่ยอ้างว่ารักความอิสระ ทำตัวเป็นควายแหกคอก โอกาสที่จะรักษาศีลได้มีน้อยมาก เพราะว่าสภาพจิตตกเป็นทาสของกิเลส ยอมให้กิเลสจูงไป โดยที่ตัวเองไม่คิดที่จะต้านทาน แล้วก็ไปให้เหตุผลข้าง ๆ คู ๆ กับตัวเองว่า เป็นคนรักอิสระ

    ถ้าหากว่าในระดับต้นก็คือ รับกฎเกณฑ์ในบ้านไม่ได้ ระดับกลาง รับกฎเกณฑ์ของหน่วยงานไม่ได้ ถ้าระดับร้ายแรงเลยก็คือ รับกฎหมายบ้านเมืองไม่ได้ อย่างที่มีการเรียกร้องจะขอแก้ไขแม้กระทั่งรัฐธรรมนูญ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ในเรื่องของระเบียบวินัยของแต่ละสถานที่ จึงเป็นเครื่องวัดที่ดีว่า ถ้าหากว่าในส่วนหยาบ ๆ แค่นี้ เรายังไม่สามารถที่จะทำได้ การเข้าถึงธรรมที่เป็นส่วนละเอียด เราจะไม่สามารถทำได้เลย
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,700
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,555
    ค่าพลัง:
    +26,395
    ดังนั้น..หลายคนที่ไม่เอาเรื่องของระเบียบเรื่องของวินัย อย่างที่เขามาวัดท่าขนุน ตั้งใจจะหาหลวงพ่อให้ได้อย่างเดียว โดยที่ไม่ยอมรับกฎเกณฑ์ว่า จะต้องพบได้เวลานั้นเวลานี้ อ้างอย่างเดียวว่าตนเองมีศรัทธา บุคคลประเภทนี้น่าสงสารมาก เพราะไม่รู้ว่าข้อผิดพลาดบกพร่องของตนเองอยู่ตรงไหน แล้วมีโอกาสที่จะไปละเมิดกฎเกณฑ์กติกาที่ร้ายแรงขึ้นไปเรื่อย ๆ

    ถ้าลักษณะอย่างนั้น สภาพจิตของเราที่หยาบอยู่ ก็จะมีการละเมิดสิกขาบท หรือศีลที่ตนเองรักษา เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ทำให้ห่างไกลมรรคผลไปเรื่อย เพราะว่าหลักธรรมของพระพุทธเจ้านั้น เมื่อฝึกปฏิบัติไปแล้ว ย่อมเกิดความสันโดษ ภาษาบาลีเรียกว่า สันตุฏฐิตา คือความยินดีตามมีตามได้ พอใจกับสิ่งต่าง ๆ ที่ตนได้ตนมี ไม่ดิ้นรนไปแสวงหาเครื่องอำนวยความสุขความสบาย ซึ่งจะเพาะกิเลสให้เกิดกับตนเองเพิ่มขึ้น

    ระดับต่อไปคือ สัลเลขตา หลักธรรมในพุทธศาสนานั้น ขัดเกลาทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจของเรา ผู้ปฏิบัติไปถ้าหากว่าไม่สามารถขัดเกลา กาย วาจา ใจ ของตนเองให้ดีขึ้น แสดงว่ามาผิดทาง แล้วถามว่าทางอะไร ? ก็คือมรรค ๘ ประการ

    ลำดับต่อไปท่านว่า ปวิเวกตา ก็คือยินดีในที่สงัด ถ้าหมดกิจภาระที่เกี่ยวเนื่องด้วยหน้าที่รับผิดชอบของตนแล้ว ก็ปลีกตัวออกจากหมู่ ตั้งหน้าตั้งตารักษาสภาพจิตให้สงบระงับ ขัดเกลากิเลสของตนเอง

    ข้อสุดท้ายคือ อัปปิจฉตา เป็นผู้มักน้อย ตรงนี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแนะนำแก่พระมหาโมคคัลลานะว่า จงอย่าชูงวงเข้าไปในสกุล ถ้าช้างชูงวงขึ้นก็จะโดดเด่นมาก แต่เป็นการอวดตัวเอง ถ้าหากว่าเป็นพระอนุรุทธเถระ ที่ท่านรำพึงในมหาปุริสวิตก ๘ ประการว่า ขอจงอย่าได้มีคนรู้จักเราเลย
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,700
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,555
    ค่าพลัง:
    +26,395
    แม้กระทั่งพระเถระรุ่นที่ท่านทั้งหลายอาจจะทันอยู่ แต่ของผมทันแน่นอน ได้รับคำสั่งคำสอนจากท่านมามาก ก็คือหลวงปู่พระพุทธพจนวราภรณ์ (หลวงปู่จันทร์ กุสโล) วัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่ ท่านบอกว่า ถ้าอยากดัง ก็อย่าหวังความสงบ

    พวกท่านจะเห็นว่า ผมเองเป็นคนหวงเวลาส่วนตัวมาก ถ้าไม่ใช่บุคคลที่นัดแนะเอาไว้แล้ว ใครมาหาผมไม่ใส่ใจเลย เพราะว่าในโลกนี้ ผมไม่เห็นอะไรสำคัญไปกว่าการขัดเกลากิเลสตัวเอง ต่อให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ในระดับนายพลนายพัน หรือว่ามหาเศรษฐีติดระดับโลก ก็ไม่ได้มีความสำคัญกับผม

    ถ้าท่านทั้งหลายสังเกตจะเห็นว่า ท่านทั้งหลายเหล่านี้พอมาถึงวัดท่าขนุน ก็กติกาเดียวกันคือแบกับดิน ไม่มีการต้อนรับที่เป็นพิเศษอะไร จนกระทั่งหลายท่านไม่พอใจว่าผมไม่ให้ความสำคัญ แล้วก็ไม่มาวัดท่าขนุนอีก แต่ผมกลับยินดีมากที่ท่านไม่มา เพราะว่าจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปต้อนรับขับสู้ ไม่ต้องเสียเวลาไปพูดคุยด้วย

    ถ้าถามว่าระดับผมแล้ว ยังต้องระมัดระวังขัดเกลาตัวเองขนาดนั้นอีกหรือ ? ผมก็บอกว่า ถ้าท่านคิดแบบนี้เป็นการประมาทมาก แม้แต่พระพุทธเจ้ายังตรัสว่า พระองค์ท่านเป็นผู้มากด้วยอานาปานสติ ระลึกถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออก ผมเชื่อว่าคงไม่มีท่านใดที่เก่งไปกว่าพระพุทธเจ้า ในเมื่อครูใหญ่บำเพ็ญองค์เป็นตัวอย่างให้กับเราแล้ว ถ้าพวกเราไปประมาท ก็น่าจะเอาตัวไม่รอดจากวัฏสงสารนี้

    ความจริงวันนี้ผมอยากพูดคุยเรื่องอื่น แต่ว่าโดนบังคับจนกลายเป็นเรื่องนี้แทน แสดงว่าท่านเห็นความสำคัญของพวกคุณว่า ยังมีโอกาสที่จะขัดเกลาตนเอง ยังมีโอกาสที่จะพัฒนาตนเองได้ เมื่อท่านให้ความสำคัญ บอกกล่าวเรื่องเหล่านี้ออกมาก่อน เรื่องที่ผมควรจะพูดควรจะคุย หรืออยากจะพูดอยากจะคุย ก็ต้องเก็บเอาไว้ในโอกาสหน้า
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,700
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,555
    ค่าพลัง:
    +26,395
    ในส่วนนี้อยากจะเตือนท่านทั้งหลายว่า ประชากรโลกน่าจะถึง ๖,๐๐๐ ล้านคนแล้ว แม้ว่าจะตายเพราะเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ไปถึง ๓ ล้านกว่าก็เถอะ แต่ว่ามีบุคคลที่นับถือศาสนาพุทธรวมกันแล้วประมาณ ๔๐๐ ล้านคนเท่านั้น แล้ว ๔๐๐ ล้านนี้เป็นสายมหายาน คือปรารถนาความเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตไปประมาณ ๓ ใน ๔ เหลือเถรวาทหรือที่เรียกว่าหีนยาน ที่ตั้งใจปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นของตนอยู่แค่เล็กน้อยเท่านั้น

    ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านทั้งหลายซึ่งต้องบอกว่าเป็นผู้ที่โชคดี เราเดินมาในหนทางที่ถูกต้อง ก็คือเดินในทางที่สั้นกว่าคนอื่นเขา ที่จะพาให้เราหลุดพ้นจากกองทุกข์ ในเมื่อเราโชคดี มีพระ มีพรหม มีเทวดา มีครูบาอาจารย์ให้การสงเคราะห์ ก็ต้องทำตัวให้สมกับความโชคดีของพวกเรา

    ที่กล่าวมานี้ ไม่ใช่แค่พระภิกษุสามเณรหรือญาติโยมในวัด แต่ก็คือญาติโยมทุกท่านที่มีโอกาสรับชมรับฟัง ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน หรือว่าต่างจังหวัด ต่างประเทศก็ตาม เราเป็นบุคคลส่วนน้อยที่หนทางสั้นกว่าคนอื่นเขา ถ้าหากว่ารู้แล้วก็ให้รีบเร่งรัดเดินไป เป็นผู้ที่ไม่ประมาท ถึงจะสมกับที่เกิดมาแล้วโชคดี แต่ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายประมาท หนทางเบื้องหน้าก็ยังคงยาวไกล แล้วถ้าพลาดพลั้งลงสู่ทุคติ หนทางก็ยิ่งยาวนานเข้าไปอีก

    จึงขอให้ท่านทั้งหลาย พยายามเลือกหนทางที่ถูกต้อง ซึ่งเหมือนกับการเดินขึ้นยอดเขา ซึ่งต้องใช้ความเพียรพยายามมากกว่าทางเดินปกติ แต่สิ่งที่เราทำนั้นมีหนทางจบสิ้นลง ไม่เหมือนกับคนที่เลือกทางเดินสบาย แต่หนทางยาวไกลไม่รู้จบ วันนี้ก็ขอฝากเอาไว้แต่เพียงเท่านี้ ขอเจริญพรทุกท่าน


    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันเสาร์ที่ ๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)

     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...