จิตพุทธะสว่างขึ้นได้ในชั่วปัจจุบันขณะจิตเดียว

อย่าเอาใจไปปิดประตูขังตัวเอง
ว่าต้องอยู่กับความอดทนให้ได้
การอดทนต่อกิเลส ตัณหา
อุปาทาน มันยากกว่าการ
พืจารณาทำความเข้าใจ ธรรมขาติ
ของกายกับจิต(ขันธํํ 5)
ฉะนั้น เปลี่ยนเป้าหมายของความ
อดทนทั้งหมด มาเพื่ออดทนศึกษาปฏิบัติ
เพื่อเข้าใจกายกับจิตให้ถึงที่สุด
นี่แหล่ะ ทางที่ใช่ฮับ

 

นึกถึงเวลาเลี้ยงลูกนะคะ

ถ้าเราคิดว่าต้องอดทนกับลูกปุ๊บ มันรู้สึกยากเย็นกว่าจะผ่านพ้นแต่ละเรื่องราว ต้องกดข่มมันลงไป
แต่ถ้าใช้คำว่าพยายามเข้าใจลูก ว่าอะไรเป็นเหตุให้ลูกเป็นเช่นนั้น เราจะมีเมตตามากขึ้น มองเห็นช่องทางในการจัดการได้มากขึ้น

แต่ปกติเราก็จำเป็นต้องมีการอดทนและจัดการต่ออารมณ์วูบวาบก่อน ถึงจะใช้ความเข้าใจและพิจารณาปัญหาของลูกได้อย่างเป็นกลาง

 

อ่านดูแล้ว ไม่ง่ายเลยที่จะทำให้ ปฏิภาคขึ้น
คุณปวี ใช้เวลาในการฝึกนานมั้ย

 

หมายถึงยังไงอ่ะคะนิมิตสัมผัส
ควบคุมได้ แบบสั่งให้รู้สึกเหมือนโดนปูไต่ขึ้นลงซ้ายขวาไรงี้หรอ

 

การศึกษาเรียนรู้เรื่องนอกกาย
หรือสิ่งที่เชื่อมโยงกับเรื่องนอกกายมันหาจุดจบไม่ได้คับ
แต่เรื่องกาย กับจิต นี่พุทโธวาทมีว่า
จบได้จริงซึ่งมีพระอริยสาวกเป็นพยาน
คับ

 

แนนแค่เปรียบเปรยน่ะค่ะ ว่าการภาวนา มันคล้ายๆการ(ตาม)ดู(ตาม)แล เด็กคนนึง เด็กคนนั่นก็คือ จิตสังขารเรานี่ล่ะค่ะ แถมซนกว่าเด็กหลายเท่า...การที่เราจะเห็นและเข้าใจจิตสังขารได้...จิตเราต้องเป็นกลางก่อน

ก่อนจะมาถึงตรงนี้ แต่ละคนก็มีวิธีสงบจิตใจแตกต่างกันไป

 

ขันติ
แยกออกมาได้ 4 อย่าง
อดทนต่อ ความยากลำบากในการดำเนินเลี้ยงชีพ
อดทนต่อ ทุกเวทนากายด้วยโรคภัยไข้เจ็บ ปวดเมื่อยร่างกาย
อนทนต่อ ความเจ็บใจ แค้นใจ จะว่าไปก็ ทุขเวทนาทางใจ
อดทนต่อ อำนาจกิเลส


กิเลสเป็นเรื่องที่ต้องข่ม และในขณะข่ม ก็กำหนดรู้ ไปพร้อมกัน
จึงเรียกว่า โยนิโสมนสิการ

มนสิการ ก็คือ กระทำไว้ในใจ
โยนิโส ก็คือ พิจารนาโดยแยบคาย คือการกำหนดรู้(สร้างเหตุ เมื่อเป็นผลจะเป็นกำหนดรู้อัตโนมัติ)
คนโง่ก็จะมองไม่ออกว่า ภาวนาไม่เป็น ต้องทำแบบชั้นเวลานั้นกี่ ชม. ชม. ว่าไป

กำลังการข่มมาจากไหน
ก็มาจากสมถะที่ทำได้เพียงจิตสงบๆขนิกสมาธิก็เพียงพอ
ยก ตย. ง่ายๆเลย สวดธัมจักร 1 จบก้เพียงพอ ในแต่ละวัน

เวลาที่มนสิการไม่ได้ ก็จะ
ล๊อกกระทู้ เอย
เสียความรู้สึกเอย
เบื่อก้นบิดตุ๊ดป่อง ตุ๊ดป่อง เอย ไม่คุยแม่มละ เป็นต้น
จะเป็นอาการ กลับกลอก ไม่มีความมั่นใจ แต่ก้เป็นธรรมดาของผู้ฝึกฝน

หากเบสิกข้ามพวกนี้ไม่ได้
แต่ไปพูดแต่ยอด วิปัสนาเอย ไตรลักษณ์ญานเอย มันเลย แค่ คารมปะทะไปวันๆ


ปล.ภาษาไทย ไปแปล คำว่าพิจารณา ว่าเป้นการค้นคิดกระบวนการคิดอะไรงี้
แต่ในทางธรรม พิจารณาก้แปลว่า กำหนดรู้อัตโนมัติ

 

คุณปราบเทวดา คุณมันไม่ใช่พระอรหันต์ นะเอย นะเอย
ตุ๊บป่องๆ

 

เชย
เดี๋ยวเขา พิฆาตอาสูรแล้ว
ซื้อ ยาคูล หมอสะเต๊ะ บะกุเต๋รร

 

การ์ตูนเรื่องไร เด๋วไปดูมั่ง

 

เรื่องนี้เลย ดาบพิฆาตอาสูร คับ
ตัวโปรดเลย ตัวนี้ชิโนบุ

 

กล้าพูด

ตัวเองดีตายงั้นแหล่ะ ใครวะฟักทู้แปะเพลงหา? นมสิการได้เก่งจุงเบยยยย

ME// เบ้ปากมองบน

 

ทำได้ทุกคนแหล่ะค่ะ
ของปวีใช้เวลา 1ปี ก้อได้นิมิตแล้ว

ที่พรี่เหวอธิบายนั่นแหล่ะ ตรงมากเรื่องนิมิต ที่แบ่งเป็น2ข้อ ใช้กล้องส่องทางวิทย์เข้าไปเห็นความจริง กับเห็นด้วยความสามารถของจิต ไม่ต้องผ่าหรือใช้กล้อง

 

เห็นแบบของจริงได้เลยมั้ยคะ หรือแค่พอสร้างภาพจินตนาการ
ถ้าเห็นจริงแบบนี้จะส่องรักษาโรคได้เลยนะ
แบบหาตำแหน่งเนื้องอก ตำแหน่งเส้นเลือดอุดตัน

ชำนาญมากๆ เอาไปใช้ในวงการการแพทย์คือจะดีมาก

 

สติปัฏฐาน 4 คู้แขน เหยียดขา อริยาบทบรรพ ตำราท่านว่า ฤทธิเหลือๆเลยนะ

 

เห็นแค่อวัยวะน้อยใหญ่น้ำเลือด เส้นเลือด หน่ะค่ะ
โรคยังไม่เห็น ส่องเห็นโรคนี่อภิญญาหรือป่าว?

ไปหาหมอเขาอิงเครื่องมือวิทย์ที่มีหลักฐานจับต้องได้ เห็นได้ด้วยตาเนื้อหน่ะค่ะ ไปบอกแบบนี้เขาไม่เชื่อแน่นอนค่ะ

 

That is certainly very well said. I couldn't agree more with you. Likewise, you should do the same by not locking your thread, anymore (^ ^)

เห็นด้วยตามนั้นกับคุณอาวิษณุครับ… สาธุครับ _/|\_

… จง อดทน แล้ว พิจารณาคลิ๊กเข้าไปอ่านใน ไขปริศนา กับ ประโยชน์ โดยใช้โยนิโสมนสิการให้ดีๆ _/\_