เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 1 กรกฎาคม 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ในช่วงเช้ากระผม/อาตมภาพได้ไปร่วมประชุมในโครงการติดตามการทำงานของพระปริยัตินิเทศก์ ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลาง ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๕ ที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ซึ่งงานส่วนของพระปริยัตินิเทศก์นั้น ส่วนมากแล้วพระภิกษุสามเณรของเราจะขาดความเข้าใจว่าทำหน้าที่อะไร

    ส่วนใหญ่แล้วพระปริยัตินิเทศก์ทำหน้าที่เหมือนกับครู หรือว่าพี่เลี้ยงของครูพระสอนศีลธรรมอีกทีหนึ่ง จะมีหน้าที่ในการติดตาม ดูแลในการเรียนการสอน ให้คำแนะนำ ตลอดจนกระทั่งส่งรายงานให้กับผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น

    เมื่อมีเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ แพร่ระบาดในระยะเวลา ๒ ปีกว่า เกือบ ๓ ปีที่ผ่านมา ทำให้การติดตามงานของพระปริยัตินิเทศก์นั้นสะดุดหยุดยั้งลง จึงต้องมีการ "เขย่าขวด" กันใหม่ ด้วยการประชุมพระปริยัตินิเทศก์ รวมแล้วทั้งหมด ๒๓ จังหวัด ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลาง

    ทางวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) นั้นจัดสถานที่เอาไว้เพียบพร้อมดีมาก เพียงแต่ว่ากระผม/อาตมภาพไม่สามารถที่จะอยู่ร่วมได้ตลอดโครงการ เนื่องจากว่าต้องมาร่วมในพิธีเปิดโครงการปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในนามขององค์กรพระวิปัสสนาจารย์ ๖๔ ซึ่งกระผม/อาตมภาพนั้นเป็นที่ปรึกษาอยู่ เนื่องจากว่าในฐานะหนึ่งของกระผม/อาตมภาพ ก็คือคณะกรรมการบริหารกองการวิปัสสนาธุระแห่งประเทศไทย

    เมื่อมาถึงได้ทำการลงทะเบียน และเยี่ยมเยือนผู้ที่เข้าร่วมการปฏิบัติธรรมตามโครงการครั้งนี้ ซึ่งเราต้องการที่ ๗๐ รูป เพื่อให้เป็นมหามงคล เนื่องในการเจริญพระชนมายุเต็ม ๖๙ ชันษา ย่างเข้า ๗๐ ชันษาของในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ แต่ว่าผู้มีจิตศรัทธานั้นมีมาก แม้ว่าจะต้องการเฉพาะพระวิปัสสนาจารย์ทั่วประเทศ ซึ่งในกลุ่มในคณะขององค์กรพระวิปัสสนาจารย์ ๖๔ นั้น ก็มีอยู่แค่ ๑๐๘ รูป และได้มรณภาพไปแล้ว ๒ รูปด้วยกัน แต่ก็ยังมีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้นรวมแล้ว ๗๗ รูป แต่ว่าในส่วนนี้ ขอกล่าวให้รู้แค่ว่าวันนี้กระผม/อาตมภาพได้กระทำงานอะไรไปเท่านั้น
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    ส่วนที่อยากจะกล่าวถึงก็คือ ผลการประชุมมหาเถรสมาคมเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ ไม่ได้กล่าวถึงตรงที่มหาเถรสมาคมมีมติให้เพิ่มรองเจ้าคณะจังหวัดรูปที่ ๓ ให้แก่จังหวัดกาญจนบุรี แต่จะกล่าวถึงตรงที่มหาเถรสมาคมมีมติห้ามใช้พื้นที่วัดในการปลูกกัญชา หรือว่าเสพ และจำหน่ายกัญชาด้วยประการทั้งปวง

    ตรงนี้ต้องขอกล่าวว่ามหาเถรสมาคมของเรานั้น "ทันฟืนทันไฟ" มาก เนื่องเพราะว่าทันทีที่มีการ "ปลดล็อค" กัญชาไม่ให้เป็นพืชเสพติด ก็จะมีบรรดาเจ้าคณะพระสังฆาธิการก็ดี พระภิกษุสามเณรทั่วไปก็ดี ซึ่งอาจจะมีความเป็นมิจฉาทิฏฐิ เห็นผิดเป็นชอบ คิดว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้สามารถกระทำได้ เพราะว่าไม่ได้มีห้ามเอาไว้ในพระธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งความจริงแล้ว ท่านทั้งหลายเหล่านั้น ขาดความรอบคอบ

    เนื่องเพราะว่าสิ่งหนึ่งประการใดที่ไม่ได้มีบัญญัติเอาไว้ในพระธรรมวินัย แล้วเราเกิดสงสัยขึ้นมานั้น องค์สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงประทานมหาปเทส ๔ เอาไว้เป็นเครื่องตีความพระธรรมวินัยอยู่แล้ว ก็คือในข้อที่ว่า สิ่งใดไม่สมควร เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่สมควร สิ่งนั้นย่อมไม่สมควร

    ก็แปลว่าในเรื่องของพืชกัญชานั้น แม้ว่าจะไม่ได้มีการห้ามเอาไว้ในพระธรรมวินัย แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วท่านทั้งหลายที่นำมาเสพ ก็มักจะมีการแปรรูปให้เป็นของแห้งก่อน ซึ่งจะทำให้เกิดสารมึนเมา ก่อให้เกิดการหลอนประสาท ขาดสติได้ง่าย ก็แปลว่าไม่สมควรแก่พระภิกษุสามเณรอย่างแท้จริง เนื่องเพราะว่าจัดอยู่ในส่วนของ "มัชชะ" คือสิ่งมึนเมาที่ทำให้ขาดสติได้

    ในขณะเดียวกัน อีกส่วนหนึ่งที่อยากจะกล่าวก็คือว่า เมื่อวันที่ ๓๐ ที่ผ่านมา กระผม/อาตมภาพได้ไปร่วมงานสวดพระอภิธรรมศพของนายจิตต์ ขำทวี โยมพ่อของท่านพระครูปภากรวชิรกิจ (อำนวย ปภากโร) เจ้าอาวาสวัดถ้ำแก้ว เจ้าคณะตำบลโพไร่หวาน อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี

    ทันทีที่เดินไปถึงหน้าศาลาตั้งศพ ก็มีแผงขายล็อตเตอรี่อยู่ แล้วผู้ขายก็ได้ชักชวนให้กระผม/อาตมภาพซื้อหา ซึ่งกระผม/อาตมภาพนั้นไม่เคยซื้อหาล็อตเตอรี่อีกเลยตั้งแต่ตอนเป็นฆราวาส หลังจากที่ได้รับคำเตือนจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง

    เนื่องจากด้วยความสงสัยเป็นส่วนตัว
    กระผม/อาตมภาพได้ไปกราบเรียนถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านว่า "การเล่นหวยนั้นผิดศีลไหมครับ ?" พระเดชพระคุณหลวงพ่อเมตตาตอบว่า "ไม่ผิดหรอกลูก แต่ว่ามันร้อน..!"
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    กระผม/อาตมภาพได้ยินแล้วถึงกับสะดุ้งเฮือก เพราะว่าการเล่นหวยนั้นร้อนจริง ๆ ยิ่งในวันหวยออก ก็ยิ่งคิดฟุ้งซ่านไปหมด ว่าถ้าเราถูกรางวัล ได้เงินเท่านั้นเท่านี้ เราจะไปทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ เป็นการฟุ้งซ่านไปในเรื่องของอนาคต ที่ทำให้ รัก โลภ โกรธ หลง เจริญงอกงามดีมาก

    เมื่อได้รับคำเตือนจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ผู้เป็นครูบาอาจารย์ที่กระผม/อาตมภาพเคารพรักยิ่ง กระผม/อาตมภาพจึงตัดสินใจเลิกเล่นหวยตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ทั้ง ๆ ที่เคยเล่นแล้วถูกเป็นจำนวนมากทีเดียว..!

    ในเมื่อเดินผ่านไปแล้ว หลังจากที่งานสวดพระอภิธรรมเสร็จสรรพเรียบร้อย ได้ลงจากศาลามา ผู้จำหน่ายล็อตเตอรี่น่าจะฟังอยู่ว่ารุ่นนี้เป็นพระอุปัชฌาย์ทั้งสิ้น จึงได้เอ่ยชักชวนอีกว่า "พระอุปัชฌาย์รุ่นนี้ช่วยเหมาหวยหน่อยครับ เหลืออีกแค่ไม่กี่ใบเท่านั้น"

    กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่นึกในใจว่า พระอุปัชฌาย์ก็เท่ากับเป็นพ่อ เป็นต้นแบบของพระภิกษุสามเณรทั้งปวง ถ้าหากว่าพระอุปัชฌาย์ยังมาซื้อหวย หวังรวยทางลัดแบบนี้ แล้วเราจะสั่งสอนให้พระภิกษุสามเณรของเราเป็นพระเณรที่ดีได้อย่างไร ?

    ท่านพระครูวาทีวรวัฒน์, ดร. (กล้า วีรรตโน) เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุวรวิหาร เมืองเพชรบุรี รองเจ้าคณะอำเภอเมืองเพชรบุรี ถามว่า "หลวงพ่อเล็กไม่เอาเรื่องพวกนี้เลยหรือครับ ?" กระผม/อาตมภาพบอกว่า "ถ้าพวกท่านจะซื้อผมก็ไม่ขัด แต่ผมไม่เอาเลย เพราะว่าเรื่องพวกนี้มีแต่จะทำให้ รัก โลภ โกรธ หลง ของเรากำเริบได้"

    ท่านพระครูวาทีวรวัฒน์, ดร. เลขานุการขององค์กรพระอุปัชฌาย์รุ่นที่ ๕๑ ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลางถึงกับปรารภว่า "มิน่าล่ะ...หลวงพ่อถึงเป็นพระเกจิอาจารย์ได้ ก็เพราะว่าสามารถหักห้ามใจตัวเองได้อย่างนี้เอง ของผมถ้าหากว่ามีเลขสวยถูกใจ บางทีก็ซื้อเหมือนกัน"
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    ตรงนี้ที่จะกล่าวถึงก็คือว่า ในส่วนของเรื่องอบายมุขก็ดี ในส่วนของการพนันก็ดี หรือว่าสิ่งที่ผิดศีลผิดธรรมทั้งปวงที่เป็นอาบัติเบา สามารถแก้ไขได้ก็ตาม พระภิกษุสามเณรของเราไม่บังควรเข้าไปแตะต้องอย่างเด็ดขาด เพราะว่ากิเลสนั้นมีมายามาก

    ถ้าหากว่าเราเคยไปแตะต้องแม้แต่ครั้งเดียว ครั้งต่อไป ถ้าเราพยายามหักห้ามใจ กิเลสก็จะชวนว่า "คราวที่แล้วยังได้เลย อีกสักครั้งหนึ่งเถอะ ไม่เป็นไรหรอก คราวที่แล้วก็ทำไปแล้ว" ดังนี้ เป็นต้น แล้วเราทั้งหลายก็จะอ่อนแอแพ้พ่ายให้กับกิเลสมากขึ้นไปเรื่อย ๆ เนื่องเพราะว่าเราทำตัวเราเองให้ห่างไกลจากคุณความดีไปเอง

    พรรคพวกเพื่อนฝูงทั้งหมด ตั้งแต่ที่เคยเรียนร่วมกันมา ไม่ว่าจะเป็นในระดับนักธรรมชั้นตรี ชั้นโท ชั้นเอกก็ดี ในระดับของประกาศนียบัตร ปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอกก็ดี มักจะปรารภว่า "เมื่อเจอท่านใหม่ ๆ ผมหมั่นไส้มาก คนเราอะไรมันจะนิ่งได้ขนาดนั้นวะ..!?"

    ความจริงแล้วก็คือ กระผม/อาตมภาพเมื่อออกสู่ฝูงชน ก็จะทำตัวเหมือนกับอยู่คนเดียว เมื่ออยู่คนเดียว ก็จะทำตนเหมือนกับอยู่ในคนหมู่มาก เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ถ้าหากเราอยู่ในท่ามกลางบุคคลเป็นจำนวนมาก แล้วสามารถรักษาความสงบของใจเอาไว้ได้ รัก โลภ โกรธ หลง ก็จะไม่สามารถกินใจของเราได้

    กระผม/อาตมภาพได้ปรารภเอาไว้หลายต่อหลายครั้งแล้วว่า ไม่มีอะไรที่น่าเสียดายยิ่งกว่าการไปเผลอปล่อยให้กิเลสกินใจของเราจนเศร้าหมอง เนื่องเพราะว่าเราพยายามปัดกวาดเช็ดถู ขัดเกลากำลังใจของเรามายาวนานจนผ่องใสแล้ว อยู่ ๆ ในเวลาแค่ไม่กี่วินาที เราปล่อยให้กิเลสมาทำความเศร้าหมองแก่ใจของเราได้ เป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก และน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง..!
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    ส่วนในเรื่องของการอยู่คนเดียวทำตัวเหมือนอยู่หลายคนนั้น ประการที่หนึ่งก็คือ รอบข้างของเรานั้น ไม่ว่าจะเป็นพรหม เป็นเทวดา เป็นครูบาอาจารย์ เป็นสัมภเวสี เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉานทั้งหลาย มีมากมายเต็มไปหมด ถ้าเราไม่ระมัดระวังสำรวม กาย วาจา ใจ ของเราให้ดี สิ่งที่กระผม/อาตมภาพโดนมาก็คือ ครูบาอาจารย์ท่านตำหนิ ด่า หรือว่าตีลงมาตรง ๆ เลย..! ในส่วนนี้จึงจำเป็นจะต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง

    ประการที่สองก็คือ ถ้าหากว่าเราสามารถทำตัวเหมือนอยู่ต่อหน้าคนหมู่มาก เราก็จะเป็นบุคคลที่ระมัดระวัง กาย วาจา ใจ ของเรา ไม่ให้ขาดตกบกพร่องตามศีลตามธรรม เนื่องเพราะคิดอยู่เสมอว่า เราอยู่ต่อหน้าคนอื่น คนอื่นรู้เห็นการกระทำของเรา เราจึงจำเป็นต้องระมัดระวังไม่ให้การกระทำของเรานั้นขาดตกบกพร่อง จนเป็นที่ตำหนิของผู้อื่นได้ เป็นต้น

    จึงเป็นสิ่งที่พระภิกษุสามเณรของเราก็ดี ญาติโยมทั้งหลายที่ฟังอยู่ ซึ่งเป็นนักปฏิบัติธรรมก็ดี สามารถที่จะลอกเลียนเอาปฏิปทาในส่วนนี้ไปประพฤติปฏิบัติ เพื่อเป็นคุณสมบัติที่ดีส่วนตัวของตน ในการที่จะนำทางเราล่วงพ้นจากกองทุกข์ เข้าสู่พระนิพพานได้อย่างที่ตั้งความปรารถนาเอาไว้

    สำหรับวันนี้ ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพฤหัสบดีที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...