เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๖ มีนาคม ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 6 มีนาคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๖ มีนาคม ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ เป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ วันมาฆบูชา เนื่องจากว่าปีนี้มีเดือน ๘ สองหน วันมาฆบูชาจึงเลื่อนมาเป็นกลางเดือน ๔

    ทางวัดท่าขนุนของเราก็มีการฟังเทศน์ฟังธรรมตามปกติ แต่ว่าส่วนที่มีมากกว่าวัดทั่วไปก็คือ เราจะมีการอุปสมบทหมู่เพื่อปฏิบัติธรรมในวันมาฆบูชานี้ทุกปี เป็นการอุปสมบทหมู่ฟรี ไม่เก็บค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ว่าผู้ที่เป็นนาคนั้น จะต้องขานนาคและปฏิบัติตามขั้นตอนในการอุปสมบทได้อย่างคล่องตัว

    ปีนี้มีผู้สมัครอุปสมบทหมู่เพื่อปฏิบัติธรรมในสัปดาห์มาฆบูชานี้มาทั้งสิ้น ๑๒ ราย แต่ว่าผ่านการคัดตัวแค่ ๑๑ รายเท่านั้น อีก ๑ รายไม่มีความคล่องตัวจึงต้องให้กลับบ้านไปก่อน ถ้าหากว่าซักซ้อมจนคล่องตัวแล้ว ก็จะมีการอุปสมบทหมู่เพื่อปฏิบัติธรรมในสัปดาห์วันวิสาขบูชาซึ่งรออยู่ข้างหน้า

    อีกงานหนึ่งที่ทางวัดท่าขนุนของเราทำแล้วได้รับการยกขึ้นเป็น Unseen Thailand ก็คือการตามประทีป ๑๐,๐๐๐ ดวง เป็นพุทธบูชา ซึ่งพัฒนามาจากในระยะแรกที่ใช้ขวดเครื่องดื่มชูกำลัง ควั่นไส้ด้วยผ้าจีวรเก่า บรรจุน้ำมันก๊าดแล้วจุดถวายเป็นพุทธบูชา เริ่มมาจากพระครูน้อย (พระครูสังฆรักษ์วิฑูรย์ จนฺทวํโส) อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ปัจจุบันคือเจ้าอาวาสวัดหนองบัว เมืองจะอีน ประเทศพม่า

    เมื่อเริ่มต้นขึ้นมาแล้ว กระผม/อาตมภาพเห็นว่าเป็นการสิ้นเปลืองอย่างมาก จึงได้สั่งให้เอาผางประทีปทางด้านจังหวัดเชียงใหม่ลงมา แต่ปรากฏว่าผางประทีปจากจังหวัดเชียงใหม่นั้น จุดได้แค่ ๑๐ กว่านาที ไส้ก็ล้ม ไม่สามารถที่จะติดต่อไปได้ ทางวัดจึงมีการคิดค้นว่า ทำอย่างไรที่เรามีการตามประทีปเป็นพุทธบูชาแล้ว จะสามารถอยู่ได้หลายชั่วโมง ?
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    ท้ายที่สุดก็ไปสั่งจากทางเกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ซึ่งมีความสามารถในด้านเครื่องปั้นดินเผา ให้ช่วยทำถ้วยผางประทีปให้ ในตอนแรกก็ออกมาในลักษณะเป็นถ้วยก้นเรียว เมื่อตามประทีปแล้วจะอยู่ได้ประมาณสองชั่วโมงครึ่ง จึงมีการขยายออกเป็นถ้วยทรงลูกจันทน์ ตามประทีปครั้งแรกอยู่ได้เกือบ ๖ ชั่วโมง แต่ว่าสิ้นเปลืองขี้ผึ้งเป็นจำนวนมาก เนื่องเพราะว่าในแต่ละงานนั้น เราต้องใช้เศษเทียน เศษขี้ผึ้งต่าง ๆ ซึ่งรับซื้อมาจากร้านรับซื้อของเก่ากิโลกรัมละถึง ๓๓ บาท แต่ละงานจะใช้ประมาณ ๑,๕๐๐ กิโลกรัม คือตันครึ่ง..!

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงต้องมีการพัฒนาถ้วยรุ่นที่ ๓ ขึ้นมา ก็คือบรรจุให้น้อยลงสักครึ่งหนึ่ง ก็จะอยู่ได้ประมาณ ๔ ชั่วโมง แล้วมีการดัดแปลงทั้งแปรภาพและแปรอักษรด้วย กลายเป็น Unseen Thailand ที่นักท่องเที่ยวสนใจกันมาก เพราะว่ามีความสวยงามน่าตื่นตาตื่นใจ

    หลายวัดก็อยากจะเลียนแบบ แต่พอถามถึงค่าใช้จ่ายแล้ว รู้ว่าถ้วยที่สั่งทำมานั้น ใบละ ๔ - ๕ บาท ใช้ได้ประมาณ ๒ - ๓ งาน เมื่อโดนความร้อนจัด ๆ เข้าก็แตก ดังนั้น..ในแต่ละครั้งเราจะต้องใช้เงินหลายหมื่นบาทในการจัดวางผางประทีปเป็นพุทธบูชา แต่ว่าก็คุ้มค่า น่าชื่นใจ ภาพแต่ละครั้งที่ออกมานั้นงดงามมาก เพราะว่าได้รับการออกแบบจากพระจิตศิลป์ เหมรํสี, ดร. เจ้าสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี ซึ่งเป็นลูกศิษย์คนสำคัญคนหนึ่งที่กระผม/อาตมภาพส่งเรียนจนจบปริญญาเอก ก่อนหน้านั้นท่านเรียนทางด้านการออกแบบมา จึงเป็นผู้ออกแบบในการแปรภาพ แปรอักษรในทุกครั้ง

    อีกงานหนึ่งที่ทางวัดท่าขนุนของเรามีมากกว่าเขาในช่วงของวันมาฆบูชา ก็คืองานปิดทองรอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุน และทำบุญอุทิศอดีต ๗ เจ้าเมืองหน้าด่าน ซึ่งทุกปีเราจะจัดตรงกับวันมาฆบูชา เป็นการรวบยอดงานประจำปีช่วงมาฆบูชา และการทำบุญอุทิศแก่เจ้าเมืองหน้าด่านทั้ง ๗ หัวเมืองที่เพิ่มขึ้นมา ให้กลายเป็นงานเดียวกัน
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    ในงานนี้ก็จะมีเรื่องของงานวัฒนธรรมที่ต่าง ๆ กันไป อย่างปีนี้ส่วนสำคัญก็คือการแข่งขันทอผ้าด้วยกี่เอว ซึ่งบรรดาชาวบ้านมีความสามารถในด้านนี้กันมาก โดยเฉพาะพี่น้องชาวกะเหรี่ยง จึงมีการกำหนดให้แข่งขันกันเป็นระยะเวลา ๓ วัน มาตัดสินกันในวันนี้ ซึ่งบัดนี้ทางด้านคณะกรรมการส่งชื่อผู้ชนะเลิศมาแล้ว คือนางทองฤดี พิมพิลา จากบ้านทิพุเย ตำบลชะแล

    ในการแข่งขันต่าง ๆ ทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าเราทำแบบ "ไฟไหม้ฟาง" ถึงเวลารับรางวัลรับเกียรติบัตรไปแล้วก็จบ ถ้าเป็นอย่างนี้เรื่องของวัฒนธรรมของเราก็จบไปด้วย แต่ว่ากระผม/อาตมภาพนั้นสนับสนุนการทอผ้าพื้นเมืองมาตั้งแต่ต้น แรกเริ่มก็ซื้อหาพวกด้ายให้ไป ใครถนัดการทอผ้าแบบกะเหรี่ยง ทอผ้าแบบมอญ หรือว่าทอผ้าแบบอีสาน ก็ทำกันไป เมื่อถึงเวลาให้นำผลิตภัณฑ์มาขายในงานวัดท่าขนุนก็พอ

    หลังจากนั้นก็พัฒนาขึ้นมาเป็นการสร้างศูนย์วัฒนธรรมกะเหรี่ยงให้แก่บ้านไร่ป้า ตำบลห้วยเขย่ง อำเภอทองผาภูมิ ซึ่งบริเวณนั้นมีหลายหมู่บ้านเป็นชาวกะเหรี่ยง แต่ว่าศูนย์รวมอยู่ที่บ้านไร่ป้า ซึ่งออกเสียงตามภาษาไทย ถ้าหากว่าเป็นภาษากะเหรี่ยง ออกเสียงประมาณว่า ไหล่ปา ซึ่งแปลว่าพลาญหิน หรือว่าหินดานขนาดใหญ่ เมื่อไปสร้างศูนย์วัฒนธรรมกะเหรี่ยงเอาไว้ บรรดารุ่นเดิม ๆ เก่า ๆ ที่มีความชำนาญในการทอผ้า ก็ให้ไปรวมกันทอผ้าในสถานที่แห่งนั้น แล้วเด็ก ๆ ซึ่งได้เห็นผู้ใหญ่ไปรวมตัวกันทอผ้า บุคคลที่สนใจก็จะเข้ามาศึกษาเรียนรู้กันไปเอง

    แต่ว่าในจุดนี้ ถ้าหากว่าเราทำเพียงนี้ก็ยังไม่เพียงพอ เพราะว่าส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือ เมื่อสร้างสินค้าขึ้นมาแล้ว ต้องมีที่ให้เขาขายด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วสินค้าออกมาไม่สามารถที่จะขายได้ เขาก็ไม่รู้จะทำไปให้เหนื่อยยากทำไม ?
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    กระผม/อาตมภาพในระยะแรกก็กำหนดให้เขาทั้งหลายเหล่านี้ นำเอาสินค้ามาจำหน่ายในงานวัดท่าขนุน อย่างเช่นว่างานทำบุญงานวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา งานทำบุญสงกรานต์ งานทำบุญงานวันอาสาฬบูชา วันเข้าพรรษา งานทำบุญวันออกพรรษา ตลอดจนกระทั่งงานทอดกฐินสามัคคี เป็นต้น แล้วก็พัฒนามาเป็นการสร้างตลาดชุมชนเพื่อเป็นที่จำหน่ายสินค้า

    ในปัจจุบันนี้ ส่วนที่สร้างขึ้นมาและเป็นที่อิจฉาของที่อื่นเป็นอย่างยิ่ง ก็คือตลาดริมแควเมืองท่าขนุน ที่เราทำใหญ่โตโอ่อ่าและสวยงามมาก ต่อเนื่องกันไปจากสะพานแขวนหลวงปู่สาย และร้านค้าชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุนของเดิม

    ถ้าหากว่าเราทำในลักษณะนี้ สินค้าต่าง ๆ ที่สนับสนุนให้ชาวบ้านเขาผลิต ก็จะมีที่วางจำหน่าย ซึ่งเฉพาะร้านค้าชุมชนแห่งเดียว พื้นที่ประมาณสองห้องของตึกแถว ในช่วงสัปดาห์วันมาฆบูชาซึ่งเป็นวันหยุดยาว ๓ วันนี้ แต่ละวันจำหน่ายสินค้าได้วันละหลายหมื่นบาท

    คราวนี้ในการแข่งขันทอผ้านั้น ก็เป็นประกาศฝีมือว่าใครสามารถทอผ้าได้สวยงาม หนาแน่น ถูกต้องตามแบบ และขณะเดียวกันมีรายละเอียดต่าง ๆ ครบถ้วนด้วย เมื่อได้รับเกียรติบัตรและเงินรางวัลไปแล้ว ถึงเวลาการสร้างสินค้าที่ผลิตโดยบุคคลเหล่านี้ออกมา ก็จะสามารถบอกได้ว่า คนนี้เคยชนะเลิศการทอผ้ามาแล้ว เป็นต้น

    ดังนั้น..ในเรื่องของการบริหารงานด้านวัฒนธรรม จึงควรที่จะมองภาพรวมว่า ทำอย่างไรเราจะสนับสนุนให้ครบวงจร ? ก็คือกระตุ้นให้เขาผลิตสินค้า เมื่อผลิตมาแล้วมีที่จำหน่าย แล้วยังมีการแข่งขันกันว่าฝีมือของใครจะดีกว่า กลายเป็นเกียรติประวัติประจำตัว ประจำครอบครัวของตัวเองไป
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ จะว่าไปแล้วไม่ว่าที่ไหนก็ทำได้ เพียงแต่ว่าติดขัดไปด้วยเรื่องของงบประมาณ เพราะว่าบุคคลที่เข้าแข่งขันการทอผ้าด้วยกี่เอวในครั้งนี้ กระผม/อาตมภาพมอบค่ารถให้กับทุกคน ส่วนผู้ชนะเลิศจะได้เกียรติบัตรพร้อมกับเงินสด ๕,๐๐๐ บาท อันดับที่สอง ได้เกียรติบัตรพร้อมกับเงินสด ๔,๐๐๐ บาท อันดับที่สาม ได้เกียรติบัตร พร้อมกับเงินสด ๓,๐๐๐ บาท และทุกคนที่เข้าร่วมการแข่งขัน จะได้รับค่าเดินทางคนละ ๑,๐๐๐ บาท เป็นต้น

    เรื่องพวกนี้ ถ้าหากว่าเราใช้เงินในลักษณะสนับสนุนงานส่วนรวม ก็จะทำให้เกิดความคึกคัก และงานทางด้านวัฒนธรรมก็จะพลอยเจริญรุ่งเรืองไปด้วย

    ดังนั้น..ในส่วนทั้งหลายเหล่านี้ ที่ทางวัดท่าขนุนมีมากกว่าสถานที่อื่นในการทำบุญวันมาฆบูชานั้น ก็ต้องบอกว่าเป็นไปเพราะสภาพพื้นที่บังคับอย่างหนึ่ง งานต่าง ๆ ที่เราดึงเข้ามารวมกันจนเป็นงานของส่วนรวมงานเดียวกันอีกอย่างหนึ่ง

    ส่วนที่ยังปกติเหมือนกับผู้อื่นเขาก็คือ หลังจากที่กระผม/อาตมภาพมอบรางวัลให้แก่ผู้ชนะเลิศการทอผ้าพื้นเมืองด้วยกี่เอวแล้ว ก็จะกลับมานำญาติโยมทั้งหลายเวียนเทียนถวายเป็นพุทธบูชา หลังจากนั้นท่านทั้งหลายจะชมการแปรภาพแปรอักษรด้วยประทีป ๑๐,๐๐๐ ดวง ซึ่งปกติระยะหลังนี้ก็ไปถึงระดับ ๒๐,๐๐๐ ดวงแล้ว หรือว่าท่านทั้งหลายจะเดินทางกลับบ้านก็ขอให้เป็นไปตามอัธยาศัย

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันจันทร์ที่ ๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...