เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 7 มีนาคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ ความจริงกระผม/อาตมภาพ ต้องไปร่วมพิธีเปิดอบรมฝึกซ้อมผู้เข้าสอบพระอุปัชฌาย์ของจังหวัดกาญจนบุรี ประจำปี ๒๕๖๗ ที่วัดพระแท่นดงรัง วรวิหาร แล้วก็ต้องตามไปบรรยายให้กับคณะนิสิตพระวิปัสสนาจารย์ทุนเล่าเรียนหลวง จากวิทยาลัยบาฬีศึกษาพุทธโฆส

    ตอนบ่ายก็ยังมีงานประชุม ๒ งานพร้อมกัน งานแรกก็คือการประชุมคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ ครั้งที่ ๓/๒๕๖๗ งานที่ ๒ คือการประชุมคณะกรรมการบริหารกองการวิปัสสนาธุระแห่งประเทศไทย ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๗

    การประชุมคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมินั้น มีการกำหนดล่วงหน้ามาแล้ว แต่ว่าการประชุมคณะกรรมการบริหารกองการวิปัสสนาธุระแห่งประเทศไทย ในพระสังฆราชูปถัมภ์ เป็นกำหนดเร่งด่วน ซ้อนทับขึ้นมาเวลาเดียวกัน ยังดีที่ว่าเป็นการประชุมออนไลน์ จึงสามารถที่จะประชุมพร้อมกันได้ ๒ งาน

    แต่ว่าช่วงเช้าก็ต้องเสียงานไปเลย เนื่องเพราะว่ามีเอกสารนัดมาจากตำรวจกองปราบ ขอเข้ามาสอบปากคำ เรื่องวัสดุของฝ่าย
    พัสดุและซ่อมบำรุง การรถไฟแห่งประเทศไทยสูญหาย แล้วเขาเชื่อมั่นว่า การที่เราสร้างรางรถไฟไว้รองรับหัวรถจักรโบราณนั้น รางรถไฟเป็นวัสดุจากกองซ่อมบำรุงนี้..!

    คราวนี้เมื่อเจ้าหน้าที่เขามาถึง ขอบัตรประชาชนเพื่อยืนยันตัวตนว่ากระผม/อาตมภาพเป็นตัวจริง แล้วก็ถ่ายเอกสารให้เซ็นรับรองไว้ แต่พอกระผม/อาตมภาพขอเอกสารบัตรประจำตัว ทุกคนที่มาด้วยกันทั้ง ๕ คน ไม่มีใครยอมแสดงเอกสารบัตรประจำตัว ยกเว้นบุคคลที่อ้างว่าเป็นผู้อำนวยการฝ่ายพัสดุและกองซ่อมบำรุง แต่รูปที่เปิดให้ดูในโทรศัพท์นั้นก็เหมือนอย่างกับถ่ายแบบเร่งด่วน เนื่องเพราะว่าบัตรก็ไม่ได้ตรงเลย แล้วแถมหน้าตาก็ไม่ใกล้เคียงอีกต่างหาก..!

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพก็ต้องล้มโต๊ะเจรจา เพราะว่าในเมื่อคุณไม่ยอมแสดงตัวตน แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นตัวจริง ? อีกฝ่ายหนึ่งอ้างว่ามีอยู่ในเอกสารที่ส่งมาแล้ว กระผม/อาตมภาพบอกว่า "เอกสารแบบนั้น ใครก็ทำปลอมได้" เขาบอกว่า "ให้โทรกลับไปถามตามหมายเลขในเอกสาร" กระผม/อาตมภาพได้ยินแล้วอยากจะหัวเราะ เพราะไอ้พวกที่โดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก ก็เพราะโทรกลับไปถามทุกคนนั่นแหละ เพราะว่าโทรไปก็พวกมันนั่นแหละที่เป็นคนรับ..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    ในเมื่อคุณไม่ยอมแสดงตัวตน โดยอ้างว่าของคุณมีหนังสือนำมาแล้ว อีกคนหนึ่งก็อ้างว่า "เป็นสายสืบ ไม่สามารถที่จะแสดงตัวตนได้" ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องเจรจากัน เขาบอกว่า "ถ้าอย่างนั้นก็ให้รอหมายเรียก แล้วก็ตามมาด้วยหมายจับ" กระผม/อาตมภาพบอกว่า "ตามสบาย อยากจะทำอะไรก็เชิญ..!" ว่าแล้วก็ไปทำงานของตัวเอง

    คนทั้งหลายเหล่านี้มาในลักษณะที่ว่า ทำให้เราหวาดระแวงว่าจะเป็นแก๊งที่มาหลอกลวงต้มตุ๋นหรือเปล่า ? โดยเฉพาะไม่ยอมแสดงตัวตนเลย ทั้ง ๆ ที่ในหนังสือนำระบุไว้ว่าเป็นนายตำรวจระดับสูง ในเมื่อท่านไม่สามารถที่จะแสดงบัตรประจำตัวราชการ ซึ่งเป็นเครื่องหมายยืนยันตัวตนของท่านได้ แล้วจะให้เราเชื่อได้อย่างไรว่าท่านเป็นตัวจริง ? แล้วก็ไม่ต้องห่วง ถ้าหากว่ามีเอกสาร หรือว่าหมายเรียกมา กระผม/อาตมภาพก็ไม่มั่นใจอีกแหละว่าจะเป็นของจริงหรือเปล่า ? เพราะว่าท่านทำตัวให้หวาดระแวงเสียแล้ว..!

    แล้วโดยเฉพาะทุกวันนี้ เรื่องหลอกลวงพวกนี้มีเยอะมาก ถ้าหากว่าพวกท่านเป็นตำรวจจริง ที่ทางกองปราบส่งมา ต้องรู้เรื่องพวกนี้ ในเมื่อรู้แล้วยังทำตัวน่าหวาดระแวง แล้วจะให้เราเชื่อถือได้อย่างไร ? แล้วกระผม/อาตมภาพก็ไม่ใช่คนที่ไปกลัวคำขู่ของใครเสียด้วย พูดง่าย ๆ ว่า "ไม่ได้โดนขู่มาจนโต..!"

    โดยเฉพาะเกี่ยวกับตำรวจนี่ กระผม/อาตมภาพสร้างวีรกรรมไว้ตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ แล้ว เนื่องเพราะว่ามีคุณน้าอยู่ท่านหนึ่ง ตอนนั้นเป็นรองอธิบดีกรมตำรวจ ตอนนั้นยังเป็นกรมตำรวจอยู่ เขาเป็นหนี้บุญคุณของโยมพ่อโยมแม่ เมื่อขึ้นไปเป็นใหญ่เป็นโตถึงระดับนั้น มาเยี่ยมแล้วก็บอกว่า "ลูกของพี่สักคนหนึ่ง ควรที่จะเรียนตำรวจ จะได้เป็นที่พึ่งของทางบ้านได้"

    ปรากฏว่าทุกสายตาก็จ้องมาที่กระผม/อาตมภาพ ซึ่งถือว่าเรียนเก่งที่สุดในบ้าน กระผม/อาตมภาพบอกว่า "ไม่เอาหรอก..เกลียดตำรวจ..!" พูดต่อหน้ารองอธิบดีกรมตำรวจเลย เล่นเอาอีกฝ่ายโกรธหน้าแดง..! บอกว่า "มึงก็หัวแข็งเหมือนกับพ่อมึงนั่นแหละ..!" เพราะฉะนั้น..การที่กระผม/อาตมภาพตัดสินใจไปเรียนวิชาทหาร บางทีส่วนหนึ่งก็มาจากเรื่องพวกนี้ เพราะว่าตั้งแต่เด็กก็เห็นมา หาตำรวจดียาก ไม่ใช่ไม่มีนะ..มี แต่หายาก..!

    แล้วพอโตมาหน่อย เป็นวัยรุ่น มาช่วยทำงานอยู่กับพี่ชายที่ซอยอ่อนนุช พี่ชายทำอู่ซ่อมสีรถอยู่กับตึกแถว ปรากฏว่ามีตำรวจ ๒ นายมา อ้างว่าทางเราทำผิดเทศบัญญัติ แล้วเปรียบเทียบปรับ ๔๐๐ บาท พวกท่านต้องเข้าใจว่าสมัยที่กระผม/อาตมภาพยังอายุไม่ถึง ๒๐ ปี เงิน ๔๐๐ บาทนั้นถือว่าเป็นเงินจำนวนที่สูงมาก..!

    พอวันที่สองก็ปรับ ๘๐๐ บาท..! วันที่สามมาถึงบอกว่าให้ไปโรงพัก..! พอดีเป็นเวลาพักเที่ยง ก็เลยบอกเขาไปว่า "ขอกินข้าวก่อน เพราะว่าทำงานมาทั้งวัน" อีกฝ่ายหนึ่งเสียงแข็งใส่บอกว่า "ไม่ได้..ต้องไปเดี๋ยวนี้เลย" กระผม/อาตมภาพหันไปหาพี่ชาย บอกว่า "มึงแดกไป..เดี๋ยวถ้ามันมีปัญหา กูจะกระทืบมันตรงนี้แหละ..!" เล่นเอาตำรวจ ๒ นายยืนอึ้ง ทำอะไรไม่ถูก..??!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    เนื่องเพราะว่าถ้าผิดเทศบัญญัติ ก็ต้องให้เจ้าหน้าที่เทศบาลมาปรับ แต่นี่ตำรวจมาปรับ ถ้าถามว่าทำผิดไหม ? ผิด..แต่คนทำงานมาทั้งวัน นี่เวลาอาหาร แสดงว่าไม่เคยเจอคน "โมโหหิว" ใช่ไหม..? ดังนั้น...กระผม/อาตมภาพขอยืนยันว่าตัวเองไม่เคยโดนขู่มาจนโต มีแต่กระทืบคนอื่น ดังนั้น..เรื่องวันนี้ก็ยกเลิกไป ยังดีที่วันนี้เดินหนีไปเฉย ๆ ไม่ได้บอกว่า "ให้ไปเล่นไกล ๆ ที่อื่น..!"

    แต่ว่าเรื่องพวกนี้ ถ้าหากว่ามาถึงตัวของท่านทั้งหลาย ถ้าเขาไม่แสดงตัวตน ให้ยืนยันไปเลยนะ ว่าจะสอบปากคำก็ไม่ให้สอบ จะทำอะไรก็ไม่ทั้งนั้น
    โดยเฉพาะถ้าท่านเป็นเจ้าอาวาส ท่านก็คือเจ้าพนักงานโดยกฎหมาย มีอำนาจเต็มในเขตที่ท่านดูแลอยู่ ก็คือภายในวัดนี้

    ดังนั้น..เรื่องนี้ท่านทั้งหลายไม่ต้องกังวลแทนกระผม/อาตมภาพ เพราะว่าถ้าเขาส่งหมายเรียกมา กระผม/อาตมภาพก็จะมอบให้ไวยาวัจกรมาแทน และโดยเฉพาะไวยาวัจกรของเราก็เป็นอดีตตำรวจ "ผีก็ย่อมเห็นผีด้วยกัน" เพราะว่าการที่วัดวาอารามกำหนดให้ต้องมีไวยาวัจกรนั้น สิ่งหนึ่งที่เขากำหนดไว้ก็คือ ถ้ามีเหตุการณ์อะไรที่เกี่ยวข้องกับคดีความ พระสงฆ์ของเราจะไปขึ้นโรงขึ้นศาล เป็นเรื่องที่ไม่งาม จึงได้กำหนดไว้ว่า มอบอำนาจให้ไวยาวัจกรไปดำเนินการแทน

    แต่คราวนี้
    ถ้าหากว่าเราท่านทั้งหลายกำลังใจมั่นคง เรื่องพวกนี้ก็ไม่สามารถจะสร้างความหวั่นไหวอะไรให้กับเราได้ โดยเฉพาะท่านที่อ้างว่าเป็นพันตำรวจโทจากกองปราบ ซึ่งตอนแรกทำท่าจะสอบปากคำด้วยตัวเอง แล้วก็หันไปบอกเพื่อนว่า "มึงมาทำแทนที งานนี้กูว่ายากแล้ว..!"

    เนื่องเพราะเขาบอกว่า เราอยู่ในลักษณะ "รับของโจร" แต่กระผม/อาตมภาพยืนยันว่ามีหนังสือสัญญาในการจ้างก่อสร้าง ในเมื่อมีการเซ็นสัญญาว่าจ้างก่อสร้าง ผู้รับจ้างจะเอาวัสดุมาจากไหน ไม่น่าจะเป็นความผิดของเรา แล้วโดยเฉพาะกระผม/อาตมภาพหรือว่าคนอื่น ๆ ก็ตาม ถ้าจ้างคนแล้วจะตามไปพิสูจน์ไหม ? ว่าเหล็กเส้นนี้ ปูนนี้ หินนี้ ทรายนี้ เขาขนมาจากไหน ? ผิดกฎหมายหรือเปล่า ? ก็คงไม่มีใครบ้าไปทำแบบนั้น..! ดังนั้น..เรื่องนี้จึงไม่มีอะไรที่จำเป็นจะต้องหนักใจ เนื่องเพราะว่าเราเองไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น เป็นเพียง "ผู้ว่าจ้าง" เท่านั้น
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    ดังนั้น..ถ้าหากว่าเขาจะขอให้เราให้ปากคำ ก็ให้ปากคำในลักษณะที่ว่า "เพื่อกำหนดความผิดของผู้รับจ้าง ไม่ใช่จะมากำหนดความผิดของเราที่เป็นผู้ว่าจ้าง" ถ้าหากว่าคุณให้เกียรติหน่อย แสดงบัตรมา กระผม/อาตมภาพก็พร้อมที่จะให้ข้อมูล เพราะว่าเขาขอบัตรประชาชนก็ให้เขา เขาถ่ายเอกสารมา ขอให้เซ็นรับรองก็เซ็นให้ เขาขอเอกสารว่าจ้างก็ส่งให้เขา แล้วคุณจะมาอ้างว่า เราไม่ให้ความร่วมมือ ย่อมไม่ใช่

    เรื่องนี้ทางคุณต่างหากที่ไม่ให้ความร่วมมือกับทางวัด มีความลับอะไรหนักหนา ถึงไม่สามารถที่จะแสดงตัวตนได้ ? หรือกลัวว่าคนอื่นจะรู้ว่า "ใครเป็นคนมาข่มขู่คุกคามพระสงฆ์" เรื่องพวกนี้เราสามารถที่จะคิดได้ทุกอย่าง ในเมื่อเป็นเช่นนั้น วิธีที่ดีที่สุดก็คือ "ถ้าอย่างนั้นก็จบแค่นี้ คุณจะทำอะไรก็เรื่องของคุณ แต่เราไม่เจรจาด้วย ขึ้นชื่อว่าการให้ปากคำก็เลยไม่มี"

    ท่านทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุสงฆ์ สามเณร แม่ชี หรือว่าฆราวาส ถ้าหากว่าสมาธิมั่นคง ก็จะไม่มีอะไรทำให้เราหวั่นไหวได้ โดยเฉพาะถ้ารู้จักพิจารณาไปจนถึงที่สุดของความตาย ท่านทั้งหลายถ้าเห็นอย่างชัดเจนแล้ว ก็จะเลิกกลัวทุกอย่าง เพราะว่าความกลัวทุกอย่างเกิดจากความกลัวตายทั้งหมด..!

    ในเมื่อกำลังใจมั่นคง ไม่มีความกลัว ท่านจะไปไหนก็ไปเถอะ อยู่กลางดงเสือดงช้าง เสือช้างก็ทำอะไรไม่ได้หรอก โดยเฉพาะถ้าหากว่าเรามั่นใจว่าคุณพระพุทธเจ้ามีอยู่ในทุกที่ ไม่ว่าจะที่ไหน พระองค์ท่านก็คุ้มครองเราได้

    จึงเป็นเรื่องที่ท่านทั้งหลายควรจะสังวรไว้เป็นตัวอย่างว่า เราควรที่จะเร่งรัดการปฏิบัติให้มากกว่านี้ เมื่อถึงเวลาเจอเหตุการณ์ต่าง ๆ จะได้สามารถรับมือได้เป็นอย่างดี ไม่ใช่โดนเขาข่มขู่คุกคามหน่อย ท่านทั้งหลายก็หมดสภาพเสียแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็เสียทีที่ได้ชื่อว่าเป็นนักปฏิบัติธรรม

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพฤหัสบดีที่ ๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...