เรื่องเด่น เรื่องเล่า "นักขุดกรุ"มือขลัง ขมังเวทย์ที่สุดในแผ่นดิน

แม่นางกวักมฤคทายวันอายุเกินร้อยแต่สภาพสุดเรี่ยมเร้เพราะลงรักน้ำเกลี้ยงเคลือบผิวไว้อย่างดี มีบิ่นกระเทาะแค่สิว สิว จากอายุเก่ากาลเป็นเรื่องปกติธรรมดาของพระเนื้อผง

เนื้อในท่านสุดสุดจริงครับอย่างน้องเต้ยว่า ผมก็ส่องหลายสิบหนตั้งแต่เอาออกจากกรุก่อนลงทำบุญ เม็ดผงลอยฟ่องติดตา ติดใจไม่รู้ลืม

โมทนาน้องเต้ยจัดส่งท่านพรุ่งนี้ วันศุกร์แสนสุขใจ ถ้ารอส่งสัดาห์หน้า เจอ 'ลอง วีคเอนด์' ต้องแล่นไปถึงวันอังคาร นานไปครับ

 

น้องเต้ยอาราธนาพระเก่าล้ำค่าที่ไม่ได้ลงกรุเพียงแต่เปิดจากกรุผมไปเรียบร้อย กริ่งศิลปทิเบตของวัดประสาทฯนี้แทบจะเป็นต้นแบบกริ่งทิเบตของวัดไทยในเมืองไทย มีอยู่วัดที่ทำกริ่งทิเบตแต่ผมนึกไม่ออก ส่วนยุคหลังๆก็มีเลียนแบบหลายวัดแต่สร้างมีลวดลายมากจัด แลเป็นยี่เก ไม่คลาสสิคเช่นของเก่า

เหล่าสุดยอดคณาจารย์ที่ร่วมปลุกเสกพระวัดประสาทฯปีนั้นมากกว่าร้อยท่านหรือเฉียดสองร้อยแต่ทยอยกันเข้าประสิทธิ์เสกกินเวลาหลายวัน สมาชิกทุกท่านคงทราบอยู่แล้วว่ามีท่านใดบ้าง อย่างน้อยต้องนึกออกหลายสิบท่าน ผมจึงไม่ได้เอานามอุโฆษเหล่านั้นลง เพราะจิ้มดูจากอากู๋ได้ทุกเมื่อ

โมทนาน้องเต้ยอีกครั้งครับ จัดส่งพร้อมกับแม่นางกวักมหาเฮงพรุ่งนี้

 

เรียนคุณมุครับ ผมขอสละสิทธิ์ครับ เคยได้รับแล้วครับ ขอบพระคุณครับ

 

นี่แหละ "สปิริต" โดยไม่จำเป็นต้องเป็นนักกีฬา เราก็มี "สปอร์ตติ้ง สปิริต" ในตัวกันทุกคน

น้องคัมภีร์สละสิทธิ์ งั้น คนควรได้ก็ต้องเป็นน้องบัวฯที่กรงนกยังว่าง อาจารย์มุเปลี่ยนที่ส่งได้เลยครับ

ขอบคุณน้องคัมภีร์ที่ร่วมสนุก

 

เลขจัดส่งวันนี้

--ED 3034 8690 8 TH ปากเกร็ด

 

หลวงปู่หุน วัดบางผึ้ง แปดริ้ว
เหรียญโภคทรัพย์ เนื้อตะกั่ว
~~~~~~~~~~~~~~

หลวงปู่หุน ศิษย์เอกรับวิทยาคมจาก "หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา" หนึ่งใน "จตุรเทพอินโดจีน"!

ร่ำเรียนวรยุทธสูงสุด กับ หลวงพ่อทอง วัดก้อนแก้ว สุดยอดอาคมขลังที่สุดท่านหนึ่งของเมืองแปดริ้ว

นี่คือ "หลวงปู่หุน กิตติวณฺโณ วัดบางผึ้ง" ซึ่งเป็น "ที่พึ่ง" ทางใจทางกายอันล้ำค่าของชาวแปดริ้วในสมัยที่ท่านยังทรงสังขาร

พระครูศุภมงคล หลวงปู่หุน เปรียบประดุจ "เทพเจ้าลุ่มน้ำบางปะกง" อายุยืนยาวถึง 102 ปี มรณภาพเมื่อ 22 พฤษภาคม 2564

เหรียญโภคทรัพย์อันสูงค่านี้ ท่านให้สร้างเป็นรุ่นที่ 2 ต่อจากเหรียญรุ่นแรกไม่กี่เดือน

ถือเป็นโภคทรัพย์ ที่แปลก เพราะหลวงปู่ให้สร้างด้วย "เนื้อตะกั่ว" เพียงเนื้อเดียว 4,999 เหรียญ

ท่านให้เหตุผลว่า ร่ำรวย ยาก ดี มีจน เป็นคนเหมือนกัน ไม่ต้องแบ่งแยกเนื้อ แบ่งวรรณะ เอาไปใช้ได้ผลดีเท่าเทียมกันถ้วนหน้า

สร้างน้อยแล้วยังตอกเลขนัมเบอร์ ตอกโค้ต จะแจ้ง เป็นเหรียญแห่งอนาคตงดงามที่อยากแนะนำหนึ่งรุ่น เพราะทุกวันนี้ก็ใช่ว่าจะเจอฟลุ๊ค เจอหลง ทุกคนล้วนทราบกิตติศัพท์ความเป็นพระแท้ พระทองคำของหลวงปู่

มอบยอดเหรียญเมืองแปดริ้ว โภคทรัพย์งามจับใจให้ร่วมบุญ

=======800=======

เนื้อตะกั่วเข้าดีบุก ปี 2553 ผิววิ้ง เหรียญจริงสวยกว่าภาพมาก ตอกหมายหมายเลขเรียงเหนือบ่าขวาของท่าน ๓๙๕๕ ด้านใต้บ่าซ้ายโค้ตนะโภคทรัพย์ งามจับใจทั้งเหรียญ ไม่เคยผ่านการใช้

เหรียญรุ่นแรกท่านแพงมากแล้ว สร้างก่อนไม่กี่เดือน หลวงปู่จึงให้สร้างตามติดออกมาสนองความต้องการเหล่าศิษย์ที่มีมาก

มหายันต์ที่หลวงปู่ตั้งใจให้เหล่าศิษย์นำไปใช้คล่องตัวการเงิน การงาน และสามารถใช้ทำน้ำมนต์ได้อีกด้วย ประสบการณ์ความศักดิ์สิทธิ์หลวงปู่หุนมีเรื่องราวเล่าขานเยอะมาก สามารถพิมพ์ชื่อท่านเข้าไปหาอ่านได้หลายสิบเว็ป

ขนาดเหรียญกลมใหญ่ เสมือน
เงินถุงเงินถังใหญ่ ใส่เงินไม่อั้น
ปากกาวงที่นัมเบอร์งามกับโค้ต

 

สวัสดีคุณอาวันวิและสมาชิกทุกๆท่านครับ

l ตอนอวสาน l นักขุดกรุมือขลัง.ผจญแดนป่าอาถรรพ์.! ( ตอนยาวพาร์ทที่ 16)
ขอบพระคุณมากครับ

 

สวัสดีพี่วัน และสมาชิกทุกท่าน นำภาพบ้านนกและต้นไม้สีเขียวมาคลายร้อน ขอให้สุขภาพแข็งแรงทุกท่านนะครับ

 

ความประทับใจทางเสียง ไล่เรียงมาตั้งแต่ตอนสั้น แล้วรวมเป็นตอนยาวก็มาถึงบทอัศจรรย์ช่วงท้าย เหลือเพียง "บทจบบริบูรณ์" ที่ยังไม่ได้เขียน แต่ก็คิดว่าคงอีกไม่นานเพราะ "ดอง" ไว้เพื่อทำหนังสือก็ไม่น่าจะไหว เนื่องจากเวลานี้โรงพิมพ์พรรคพวกเพื่อนฝูงก๊วนกอล์ฟ ส่วนใหญ่ปล่อยมือให้รุ่นลูกรุ่นหลานดูแลกิจการ ไอ้เราก็ไม่มักคุ้นกับรุ่นหลัง จะไปคุยก็เสียเวลา

เปิดฟังเรื่องเล่าทางเสียงอีกสักรอบ แล้วอย่าลืมกดไลค์ให้เลิฟเป็นกำลังใจน้องทำจิตฯด้วย

 

ปฏิบัติภารกิจลูกกตัญญูเรียบร้อย น้องเรย์กลับมาวิ่งออกกำลังยามเช้าเป็นปกติ แต่ไม่ปกติคืออุณหภูมิความร้อนที่ทะลุปรอทถึงขีดคลั่ง ยังไงก็ระวังรักษาสุขภาพครับ

ตอนนี้ความร้อนบางแห่งผ่อนคลายเพราะมีฝน แต่ก็ดันมาพร้อม "พายุฤดูร้อน" อาทิ เชียงราย เชียงใหม่ ขอนแก่น ดูข่าวแล้วรุนแรงไม่หยอก ขอให้พรรคพวกที่อยู่แถบถิ่นนั้น ปลอดภัยบุญรักษาทุกท่าน

ภาพรังนกกับความเขียวชะอุ่ม
ดีต่อใจร่ายกวีสักบทครึ่งบท...

รังลิ่วลอย..คอยคู่ครอง
คับประคอง..ผ่องเพลินพิศ
ติดตามยล.....มนต์มิ่งมิตร
เขียวขวางขิต..ลิดรอนร้อน!

หมายเหตุ...ขิต = ตาย(สำนวนวัยวุ่นยุคนี้)

 

หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
วัดทุ่งน้อย(13)-วัดธรรมฯ(12)
~~~~~~~~~~~~~~~

ร้อนขนาดนี้ ต้องจัด "เทพเจ้าดอนยายหอม" มาดับร้อนด้วยเหรียญเสมาเล็กอันขึ้นชื่อลือชา มาทีเดียว 2 องค์-2 วัด ซึ่งล้วนเป็นวัดที่ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ให้การอุปการะอุปถัมภ์ค้ำจุน สมแล้วที่ท่านเป็นที่พึ่งทั้งทางโลกและทางธรรมด้วยบารมีเหนือมนุษย์

--วัดธรรมจริยาภิรมย์ บ้านแพ้ว สมุทรสาคร พระครูสุนทรธรรมวาที อดีตเจ้าอาวาสสนิทสนมกับหลวงพ่อเงิน ขออนุญาตจัดสร้าง "เสมาเล็ก" ในปี 2512 นำรายได้ซ่อมแซมเสนาสนะ ถอดรูปแบบมาจากเสมาเล็กปี 07 ของหลวงพ่อ ออกพร้อมเหรียญหน้าเลื่อน มีเนื้อเงินและทองแดงผิวไฟ

หลวงพ่อเงิน อธิษฐานจิตให้เต็มที่

--เหรียญเสมาเล็ก "วัดทุ่งน้อย" ในความอุปถัมภ์หลวงพ่อเงิน ออกเหรียญหน้าหลวงพ่อศิลาพุทธมนต์ ด้านหลังเป็นยันต์ "นะทรหด" ประจำตัวหลวงพ่อ เนื้อฝาบาตร

สวยงามน่ารัก น่าบูชา น่าสะสม หรือมอบเป็นของขวัญแด่คนที่เรารัก ดูแลคุ้มครองได้แน่ด้วยบารมีเอกอุ "เทพเจ้าดอนยายหอม"

มอบร่วมบุญทีเดียว เป็นของขวัญทีเด็ดไล่ร้อน รับไป "ทู อิน วัน" ไม่แยกคู่ให้เสียเวลา...

=======900=======

(ซ้าย)เนื้อฝาบาตร หลวงพ่อศิลาพุทธมนต์ วัดทุ่งน้อย-(ขวา)ทองแดงผิวไฟ วัดธรรมจริยาฯ เหรียญเสมาเล็กสุดแสนงามทั้งคู่ ไม่ผ่านการใช้ หรือผ่านมือใคร มอบคู่ ดูเพลิน จำเริญรักษา

(ซ้าย)ยันต์นะทรหด 2513 (ขวา-ปี12) "หลวงพอเงิน" คำว่า "พ่อ" ไม่มีไม้เอก เป็นเอกลักษณ์ของพระที่ทันหลวงพ่อเสกให้ทุกรุ่น อุ มิ นะ นะ

ความงามจับใจอื่น มอบภาพบรรยาย

เสมาเล็กพุทธคุณที่สุดไม่เคยเล็ก
เอกลักษณ์เอกบุรุษดอนยายหอม

 

พระห้ามสมุทรเมืองนครฯ
ศิลปล้ำค่า-"ตามพรลิงค์"!
===============

(คัดลอกจาก"ศิลปวัฒนธรรม" 25 กันยายน 2563 คุณ"วันพระ สืบสกุลจินดา-ผู้เขียน)

*** พ.ศ. 2449 คราวที่พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสยุโรปนั้น มิได้ทรงอัญเชิญพระพุทธรูปอื่นใดนอกจาก
---"พระห้ามสมุทรเมืองนคร"---
ที่ทรงประดิษฐานไว้ประจำห้องพระบรรทม บนเรือพระที่นั่งนอร์ทเยอรมันลอยด์(ซักเซน) ด้วยพระราชศรัทธาหวังเป็นเครื่องปัดเป่าภยันตรายในท้องทะเลคู่กับพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชบิดา ตามความในพระราชหัตถเลขาที่มีถึงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้านิภานภดล ลงวันพุธที่ 3 เมษายน ร.ศ. 126 ความว่า..."พ่อจัดหลังตู้ตั้งพระห้ามสมุทรเมืองนครมุมหนึ่ง ต้นยี่ปุ่นปลูกกระถางกราบเขาจัดสำหรับเรือ 2 กระถางกับพระรูปทูลกระหม่อมปู่..."

ส่วนพระห้ามสมุทรเมืองนครที่ทรงเชิญไปนั้น อาจได้รับการทูลเกล้าถวายเมื่อคราวเสด็จประพาสเมืองนครศรีธรรมราชไม่คราวใดก็คราวหนึ่ง เพราะเสด็จประพาสเมืองนครศรีธรรมราชถึง 5 ครั้ง

พระห้ามสมุทรเมืองนครศรีธรรมราชนั้น มีความเชื่อที่สืบต่อกันมาแต่โบราณว่าสามารถขจัดภยันตรายที่เกิดจากวาตภัยในท้องสมุทรได้อย่างพิศดาร และมักประดิษฐานให้หันพระพักตร์ออกสู่ทะเลหลวงในทิศบูรพา....ฯลฯ
---------------------

ตัดทอนความจากข้อเขียนอันอุดมสมบูรณ์ครบถ้วนความหมาย เต็มภูมิความรอบรู้ดีแล้วโดยไม่จำเป็นต้องเขียนเอง

ขอนำท่านผู้อ่านชม "พระห้ามสมุทรเมืองนคร" อันล้ำค่า และเป็นพระเครื่องที่สร้างด้วยเนื้อเงินแท้ ขนาดสูงเพียง 1.5 นิ้ว ศิลปเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งอยู่ในยุคกรุงศรีอยุธยาตอน
กลาง

ดู "ภาพเล่าเรื่อง" ประเทืองปัญญาในยามโลกเดือดด้วยองศาความร้อนเลยครับ ไม่คุยว่าหายาก แต่ถ้าใครมีเอามาเทียบได้สักองค์ จะโค้งคารวะงามๆให้สัก 3 ที!!!

"ปางห้ามสมุทร" ซึ่งคนจัดพระพุทธรูปอยู่ในหมวดเดียวกับ "ปางห้ามญาติ" สำหรับคนเกิดวันจันทร์

"ปางห้ามญาติ" จะยกพระหัตถ์ขวาเพียงข้างเดียว และยังมีปางยกพระหัตถ์อีกแบบ เรียกว่า...

"ปางห้ามแก่นจันทร์" เป็นพระพุทธรูปยืนเช่นกัน ยกพระหัตถ์ซ้ายเสมอพระอุระ ส่วนพระกรขวาทิ้งดิ่งลง

สำหรับ "ปางห้ามสมุทร" จะพบมากที่สุดในพระพุทธรูปยุค "ทราวดี " ซึ่งนักเล่นถือเป็นต้นแบบจากพระพุทธรูปหินทรายส่วนเมืองนครฯก็คืออดีตอาณาจักรตามพรลิงค์อันยิ่งใหญ่ มีความต่อเนื่องกับยุค "ทราวดี-ศรีวิชัย" ศิลปทราวดีจึงถูกพัฒนามาจนกลายเป็น "ศิลปเมืองนคร" อันล้ำค่าในตัวเอง!

ปางห้ามสมุทรองค์นี้ เนื้อเงินแท้ ผ่านกาลเวลาไม่น่าจะต่ำกว่า 4-500 ปี มีราคาแลกเปลี่ยนในท้องตลาดห้าหลักขึ้นไป แต่ถ้าไปถึงถิ่นเมืองนครฯ นอกจากไม่อดข้าวยังมีตังเต็มเป๋ากลับมาโดยไม่ต้องพึ่งแอป'เป๋าตัง'

ด้านหลังอันสมบูรณ์ มีแต่ "คราบกาลเวลา" ที่ผ่านการขัดล้างบ้างจากเจ้าของมือแรก แต่ล้างมานานหลายสิบปีหรืออย่างน้อย7-80 ปี ผิวท่านกลับเหมือนเดิมหมดแล้ว เหลือไว้แต่ความเก่าของเนื้อเงินโบราณที่ฉายออกมาให้ติดตาประทับใจ

การล้างพระนี้ ไม่ว่าคนโบราณหรือคนสมัยใหม่ หรืออาจจะยุคต่อไป มักจะอดล้างไม่ได้ โดยเฉพาะพระที่ขึ้นจากกรุซึ่งมีคราบดิน-ทรายสิ่งสกปรกคลุมตามผิวตามซอก หาก "ล้างเป็น" ก็ดีไป อีกไม่นานสภาพผิวท่านก็จะกลับคืนมา แต่ถ้าล้างไม่เป็นก็มี 2 กรณีคือ...

--พระพัง
--ผิวเสียหายกว่าจะกลับหลายปี กลายเป็นพระที่นักเล่นส่วนใหญ่ตีเก๊ไปเลยก็มี ทั้งที่พระแท้ๆขุดออกมาจากกรุกับมือ!!!

การล้างพระทุกสภาพไม่ว่า พระบูชา ดิน ชิน เหรียญ รูปหล่อ ผง ว่าน กริ่ง ฯ ซึ่งล้างเป็น ก็ล้างได้ทุกอย่าง แต่ถ้าไม่มีความรู้ หรือไม่เคยทำ ขอร้องอย่าล้างเป็นอันขาด นอกจากศึกษามาดิบดีหรือผ่านการลองผิดลองถูกพระเจ๊งมาเยอะ จนความรู้เข้ากระดูกตกผลึก ก็ทำไปเลย ในกรณีที่สภาพท่านเขรอะ ดูไม่จืดจริงๆ

ท่านเป็นพระบูชาย่อส่วน
เล็กและงดงามเพียงไร จัด
ให้ดูขนาดเปรียบเทียบเห็นชัด

วางข้าง ดูความงามคลาสสิค เรียบง่าย ไร้การปรุงแต่งลวดลาย แลบอบบางแต่ซ่อนความแข็งแกร่งไว้ภายใน หาไม่แล้ว คงมิสามารถเดินทางข้ามเวลามาถึงยุคปัจจุบัน เพราะ "เนื้อเงิน " ผุกร่อน แตกพังง่ายที่สุด ง่ายกว่าเนื้อชินหรือโลหะอื่น
พลิกอีกมุมครอบคลุมทุกด้าน ทุกมิติ ส่งมอบบารมี อาราธนา "ปางห้ามสมุทร" เมตตาช่วยห้ามรัอน ห้ามความคลั่ง ข้าวของที่พาเหรดขึ้นราคาอย่างไม่เห็นหัวอกคนจน คนมีรายได้น้อยห้ามนักการเมืองชั่วกินชาติอุบาทว์ดาดดื่นสภา ห้ามภยันตรายใดๆที่จักบังเกิดกับสมาชิกและคนไทยทั้งหลาย

จงห้ามสรรพโศก สรรพโรคสรรพภัย สรรพเสนียดจัญไรทั้งปวงด้วยเถิด!!!

 

"หลวงพ่อทวด-วัดเมืองยะลา"
เนื้อว่านรุ่นแรกพิมพ์ใหญ่-05
===============

พ่อท่านฉิ้น โชติโก อดีตเจ้าคณะจังหวัดยะลา เจ้าอาวาสวัดเมืองรูปแรก สหธรรมิกแท้อีกหนึ่งรูปของท่านพระอาจารย์ทิม
---------------

มีคำถามบ่อยว่า ปี 2505 อันเป็นปีที่ พระอาจารย์ทิม วัดช้างไห้ สร้างหลวงพ่อทวดรูปหล่อหลังเตารีดโด่งดังที่สุด ทำไมจึงไม่มีการสร้างพระเนื้อว่าน?

คำตอบมีอยู่หลายข้อ แต่ขอคัด 2-3 ข้อสำคัญสุดเฉลย

--ประการแรกสุดที่คนยังรู้กันน้อย คือ พระหลวงพ่อทวด วัดช้างไห้ ปี 2497 ยังแจกไม่หมด พระชุดนี้ใช้เวลาถึง 10 ปี กว่าจะหมดจากวัด เมื่อนับตามเวลาคร่าวๆ ก็หมดจากวัดในปี 06-07 ไม่มีความจำเป็นต้องสร้างว่านรุ่น 2

อีกเหตุผล "สำคัญที่สุด" ที่นักเขียน นักขายพระพยายามหลีกเลี่ยงไม่พูดถึงก็คือ

ปี2504-2505 ช่วงเวลาคาบเกี่ยวกันนี้ พระอาจารย์ทิม บังเกิด "มารผจญ" ถูก "พัก" หรืออันที่จริง "ถูกปลด" จากการทำหน้าที่เจ้าอาวาสวัดช้างไห้ ด้วยการอิจฉาริษยาจากบางคน!

(((มารผจญเหล่านี้บังเกิดกับพระสงฆ์โด่งดังมีชื่อเสียงทุกหนแห่งทุกภาค ส่วนใหญ่มักจะยก "ครูบาศรีวิชัย" ให้เห็นแบบอย่าง แต่ที่จริงมีนับร้อย นับพัน หรือจริงๆแทบนับไม่ถ้วน ที่ไอ้มารศาสนามันกลั่นแกล้งพระสงฆ์ที่ดีให้มีมลทิน กรณียิ่งใหญ่สุดในประเทศ คือ "พระพิมลธรรม"!)))

พระอาจารย์ทิมจึงผละจากวัดช้างไห้ไปพำนักที่ "วัดเมือง-ยะลา" ซึ่ง "พ่อท่านฉิ้น โชติโก" สหธรรมิกรุ่นน้องเป็นเจ้าอาวาส และต่อมา พ่อท่านฉิ้น เติบใหญ่เป็นถึงเจ้าคณะจังหวัดยะลา

ถามว่า พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว ก็อยู่ปัตตานี ไม่ไกลนัก ทำไมท่านไม่หลบไป "พักใจ" ด้วย?

อาจเป็นเพราะท่านพระอาจารย์ทิมมีสปิริตแรงกล้า รู้ดีว่า ตนเองไม่มีความผิด แต่ไม่อยากอยู่ในจังหวัดเดียวกันให้ท่านอื่นเดือดร้อน ท่านจึงตัดสินใจข้ามจังหวัดไปพำนักที่ยะลา

นี่เป็นเหตุให้กำเนิด "หลวงพ่อทวด วัดเมือง" รุ่นแรกปี 2505 อันลือลั่นและโด่งดังที่สุด ทั้งยังเป็นสาเหตุเกิดพระ "หลวงพ่อทวด" ของแต่ละวัดในปีนั้นอย่างหลากหลาย แทบจะตาลายนับเกือบไม่หวาดไหว เพราะท่านอาจารย์ทิม อนุญาตอนุเคราะห์ทุกวัดที่มาขอจัดสร้าง ท่านไปช่วย ไปสร้าง ไปทำพิธีให้อย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อยทุกที่ เพราะมีเวลาเหลือเฟือจากการรอคอยการตัดสินผิด-ถูก ของท่าน

ในที่สุด ท่านก็ได้รับความเป็นธรรมกลับคืนหลังต้นปี 2505 และกลับครองเจ้าอาวาสวัดช้างไห้ดังเดิม!!!

ขณะเดียวกันช่วงพำนักอยู่วัดเมือง ก็ได้ช่วย พ่อท่านฉิ้น สร้างพระหลวงพ่อทวด วัดเมืองรุ่นแรกปี 2505 ขึ้นมาด้วยเนื้อหา มวลสารอันสุดยอดเหนือกว่ารุ่นใดๆในปีนั้น เพราะเดินทางไป "พลีดิน" จากสถานที่หลวงพ่อทวดมรณภาพและเคลื่อนย้ายสรีระมาพักตามวัดต่างๆถึง 13 แห่งจากมาเลเซียเข้าเมืองไทย

ดินทุกวัดเหล่านั้นได้รับการ "พลี" มาผสมในเนื้อหา หลวงพ่อทวด วัดเมือง ซึ่งสร้างเพียง 3 พิมพ์คือ ใหญ่พิเศษ/ใหญ่/เล็ก!

รวม 3 พิมพ์ สร้างไว้แค่ 10,000 องค์!!!

พิมพ์เล็กโด่งดังที่สุด ถูกขนานนามว่าพิมพ์ "อิ้กคิวซัง" หรือเณรน้อยเจ้าปัญญา

ทว่าจะเป็นพิมพ์อะไร หลวงพ่อทวด วัดเมือง ก็เป็นที่หนึ่งของจังหวัดยะลา เป็นยอดหลวงพ่อทวด ลำดับรองลงมาจาก วัดช้างไห้ 2497 และเป็นยอดมวลสารนิรันตรายครบครัน เป็นยอดพิธีกรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้นจากเหล่าอมิตรที่คิดร้าย

ว่าง่ายๆ ภาษาสมัยใหม่คือพวก..."มิตรฉาชีพ"!

สุดท้ายเป็นองค์แทนแห่ง "กลับร้ายกลายเป็นดี" พิชิตอุปสรรคคดีความทั้งปวง ยากจักหารุ่นใดเสมอเหมือนยกเว้นรุ่นปี 97

เปิดกรุนำพิมพ์ใหญ่มามอบให้ร่วมบุญ เพื่อดับร้อนผ่อนคลายทุกข์ ให้กลับร้ายกลายเป็นดี...

=======4,500=======

ความงามที่ไม่ผ่านการใช้แม้แต่นิดเดียว เก็บรักษายาวนานจนเบื่อจดจำห้วงเวลาที่รับมา เนื้อว่านสีเทาดำ ซึ่งเป็นเนื้อค่อนข้างหายาก แตกต่างจากเนื้อออกน้ำตาลกับออกสีขาว

เนื้อนี้ผสมดินที่พลีจากไทรบุรี มาเลเซีย 13 วัดรายทางที่นำสรีระของหลวงพ่อทวดพักเมื่อกลับมาเมืองไทย และผสมดิน-ว่านศักดิ์สิทธิ์มากที่สุด

พระหลวงพ่อทวด วัดเมือง มีพิธีพุทธาภิเษกใหญ่ยิ่งยวดถึง 2 ครั้ง

--หนแรก พระอาจารย์ทิม วัดช้างไห้ ปลุกเสกที่วัดเมือง ยะลา 27 มีนาคม 2505 กับพ่อท่านฉิ้น
--หนสอง นำเข้าร่วมพิธีเกริกไกรสุดของวัดช้างไห้ ร่วมกับหลวงพ่อทวด หลังเตารีด-หลังตัวหนังสือ 19 พฤษภาคม 2505 มี พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว และคณาจารย์สายนี้ร่วมปลุกเสกเพียบพร้อมที่สุด

ใบหน้าท่านเป็นต้นแบบ "อิ้กคิวซัง" พิมพ์เล็ก!

ความงาม ความดั้งเดิมไร้เทียมทานของเนื้อดินกากยายักษ์ผสมว่านศักดิ์สิทธิ์ สมบูรณ์ไร้ริ้วรอยการใช้

ขยายชมความงาม
ด้านข้างให้เต็มตา
เชิญ..จิ้มนิ้วที่ภาพ

มักมีคำถามว่า หลวงพ่อทวด วัดเมือง ก็คล้ายคลึงกับอีกมากวัด ลำดับแรกควรดูอย่างไรก่อนหยิบส่อง?

จัดจุดที่สังเกตก่อนหยิบมาสำรวจ ก็คือ "ใต้ตาขวา"ขององค์ท่าน(ซ้ายมือเรา) จะเป็นรอยบุ๋มรูกลมๆ ไม่ตื้นและไม่ลึกมาก เห็นได้ตาเปล่า เห็นจุดนี้ และดูว่าเป็นจุดที่ไม่ได้ปรุงแต่ง ก็ค่อยสำรวจจุดอื่นต่อไป เป็นเบื้องต้นไม่ให้เสียเวลา

อีกหนึ่งจุด ห้ามละเลย ควรพลิกดูที่ใต้ฐาน ซึ่งจะมี "เส้นคาด" แบ่งครึ่งจากบล็อค และรู-รอยงัดพระออกจากแม่พิมพ์ก็จะอยู่ติดกับรอยแบ่งครึ่ง ที่สำคัญ"รอยงัด" หรือ "รู" นี้ต้องอยู่ด้านหลังรอยแบ่งด้านหน้าเสมอ เพราะการสร้างบล็อคพิมพ์ทำที่สอดงัดเอาไว้ตรงนั้นพอดิบพอดี

หากเห็น "รู" เพี้ยนไปจากตำแหน่งนี้ ซึ่งมีเกิดขึ้นได้บ้างเหมือนกันในกรณีที่บล็อคเริ่มชำรุด ก็ค่อยพิจารณาดูจุดอื่นๆอย่างใจเย็นต่อไป

 

ขอรับหลวงพ่อทวดเมืองยะลาด้วยครับ

 

น้องบานชื่นแฟนพันธุ์แท้แต่ยุคต้นที่ผมเข้ามาจิ้มเรื่องราวในเว็ป นี้ นานครั้งร่วมบุญกัน แต่ก็ติดตามให้เลิฟตลอดเวลาทุกโพสท์ไม่เคยขาด ต้องขอบพระคุณอย่างแรง แม้พักนี้ไม่ค่อยได้ทัก ก็ส่งใจส่งรักสม่ำเสมอ

โมทนากับการรับเป็นเจ้าของวัดเมืององค์งามหลายๆ พระดั้งเดิมในบ้านต่อจากผม พี่สาวคนโตรับมากับมือพระอาจารย์ทิมเลยครับนั่น ไม่อยากโม้ แต่ก็เผลอคุยไปแล้ว-ฮ่า

จัดส่งท่านวันอังคาร ช่วงสองวันนี้ส่งบารมีนิรันตรายและพระอาจารย์ทิมผู้มากด้วยเมตตามหาบารมีเปี่ยมพลังพระโพธิสัตว์ที่แท้จริง เดินทางล่วงหน้าไปคุ้มครองดูแลก่อนครับ

 

ขอบคุณมากครับคุณอา

 

จากเมืองเหนือ คล่องแคล่วว่องไวเป็นเหนือคน น้องบานชื่นโอนปัจจัยแล้ว ผมเมืองกรุงต้องขออภัยที่ต้องทำงานตามป.ณ.ไทยเปิดบริการในวันอังคาร

หวังว่า ที่อยู่จัดส่งน้องบานชื่น คงเป็นที่เดิมไม่เปลี่ยนแปลง โมทนาวันอาทิตย์ที่ยังคงร้อนระอุ ให้เป็นความเย็นกายสบายใจอีกรอบครับ

 

พระสังกัจจายน์
วัดประสาทฯ05
===========

หมู่นี้ฟิต "ปลดจากสร้อย" นำพระที่แขวนบูชาหลายสิบปี แบ่งให้สมาชิกชม เพื่อว่าเกิดไปจ๊ะเอ๋เบบี๋เหมือนเทพอุ้มสม จะได้ไม่ลังเลใจคว้ามาไว้ครอบครอง

บางองค์ก็เป็นพระ ที่คนรุ่นหลังๆพวกเด็กหัวฝนชอบเพ้อ โม้ติดปากตามขี้ปากเสี้ยนว่า..."ไม่สาก้น...เอ้ย ไม่สากล"-ฮ่า

เพราะว่า เป็นพระที่ทดลองสร้างหรือ "ลองพิมพ์" ลองผิดลองถูกก่อนปรับปรุงพิมพ์จนกลายเป็น สาก้น...เอ้ย สากล ให้พวกพุทธพาณิชย์ยุคหลังๆเอาไปเล่นหากันตามความชอบ

ส่วนไม่สาก้นอย่างนี้ เราคนรุ่นเก่าก็แขวนติดคอ นำมาบูชากันทีละหลายสิบปี ก่อนพวกสาก้นเกิดเสียอีก แล้วก็ใช้ดี บูชาดี มีคุณประโยชน์ไร้โทษ จนอด "ปลดจากสร้อย" มาแบ่งกันชมเสียมิได้

พระสังกัจจายน์ วัดประสาทบุญญาวาท ท่าน้ำ สามเสน ปี 2505 ก่อนเข้าพุทธาภิเษกในปี 2506 องค์นี้ เนื้อบางขุนพรหมกับวัดพลับและวัดสามปลื้ม (เกือบจะ)ล้วนๆ มีผงพุทธคุณหลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง,หลวงปู่เทียน วัดโบสถ์, หลวงพ่อแทน วัดแก้วฟ้า และอีกหลายคณาจารย์ผสมประสานอยู่มาก

พระจึงเกิด "เนื้องอก" แต่พิมพ์ไม่สวยงามนัก เมื่อกดทดลองพิมพ์ไปไม่กี่สิบองค์ ผู้สร้างเห็นว่าองค์ท่านโต เปลืองเนื้อ จึงปรับปรุงแม่พิมพ์ให้เป็นองค์ย่อมกระทัดรัดลงมาอีกหน่อย แกะรูปโฉมให้สวยงามกว่าเดิมอีกนิด

พระองค์นี้ จึงไม่ 'สาก้น' ดั่งนี้แล แต่เราคนทันยุค(เพราะเพื่อนทันยุค เป็นโยมอุปัฏฐากบ้านอยู่แค่เดินข้ามสะพานซังฮี้ก็ถึงวัด) จึงได้พระชุดนี้มา 3-4 องค์ แล้วก็แจกเพื่อนสนิทซึ่งมีผมอยู่ด้วย คนละองค์ ก็ใช้บูชาเรื่อยมา น่าจะเกิน 40 ปี

ปลดจากสร้อยให้ชม แต่ไม่ได้เอาคีมง้างออกจากตลับ เพราะแกะยาก ใส่ยาก องค์ท่านครือๆพอดี แถมเป็นตลับเปิดหลัง ต้องพิถีพิถันพอสมควร

ชมผ่านกรอบ ก็พอเห็นความเด็ดขาดของเนื้อหา มี "เนื้องอก" เป็นตุ่มตรงซอกรักแร้แขนซ้าย(ขวามือเรา) เอกลักษณ์เนื้องอกแบบพระวัดพลับ ส่วนเนื้อบางขุนพรหมก็ระดมมาหนึกนุ่มซึ้งตา

ควรเรียกว่าพิมพ์สังกัจจายน์โบราณ ขนาดใหญ่กว่า และรายละเอียดในองค์พระแตกต่างจากที่เล่นหากันนิดหน่อย

แต่ที่แตกต่างมากคือ "เนื้อหา" ซึ่งยากจะหา"เนื้อผงพุทธคุณ" ท่วมท้นล้นองค์อย่างนี้ สมัยใหม่แค่ผงช้อนเดียวออกลูกออกหลานเป็นพันเป็นหมื่น บางรุ่นเป็นแสน!!!

สมัยกว่า 60 ปีที่แล้ว ผงทั้งครก ไม่มีอย่างอื่นเจือปน ทำพระได้ไม่กี่สิบองค์ ถ้าเอาแต่ละองค์สมัยนั้นมาละลายน้ำ ตำผสมสร้างพระสมัยนี้ คงออกลูกหลานได้ 1 องค์ต่อหลักพัน!

ด้านหลัง เนื้อเป็นปั้น การสร้างและผสมไม่ทันสมัย เนื้อไม่ค่อยประสานกันดีนัก ผงเก่ากับผงเก่า เมื่อผ่านการใช้ผ่านเวลานานเข้า ก็ยิ่งเก่าไปเองอัตโนมัติ

ขนาดองค์อวบอ้วน
ใหญ่กว่ามาตรฐาน
ที่เล่นเป็นพาณิชย์
ชมชนิด "รู้ไว้ใช่ว่า"

ฝากบารมีองค์มหาโภคทรัพย์ ให้สมาชิกโชคดี มีโชคลาภ สมกับความเป็น พระมหากัจจายนะ อรหันต์เถระเจ้า ทรงคุณด้านนี้ ควบคู่กับพระสิวลี เฮง เฮง เฮง ครับ!

 

สวัสดีครับอาจารย์วันวิ พี่น้องทุกท่าน
อนุโมทนาบุญกับอาจารย์วันวิ พี่น้องทุกท่าน
ขอให้ทุกท่านคิดสิ่งใด ทำสิ่งใดขอให้สำเร็จสมปรารถนา เงินทองไหลมาเทมา เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง เฮงๆรวยๆ ทุกท่านสาธุ

 

วันจันทร์เปิดทำงาน แต่หลวงบอกให้พักผ่อนหลบลมร้อนอีกหนึ่งวัน ก็ทำตามกันไป อยู่บ้านไม่สิ้นเปลือง นั่งหน้าจอตอบขอบคุณพรดีจากสุพรรณฯที่ผันมาทุกจันทร์ ไม่ว่าจะเป็นวันหยุด วันโกน วันพระ หรือวันทำงาน น้องน้อตเข้าประจำการไม่เคยหยุด