เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

ได้รับความรู้เพิ่มเช่นกันครับ ขอบคุณครับ พี่พี

 

จะมีภาคต่อเกี่ยวกับ ชันนะโรง ลายมือ ของหลวงพี่วิโรจน์ต่อน่ะครับ

ตอนนี้ งานเยอะ ขอทำงานก่อนครับ

 

ขอบคุณครับพี่พี
กับคำชี้แนะ และสิ่งที่พี่นำมาบอกเล่า เพื่อเป็นหนทางในการติดตามหา เบี้ยหลวงพ่อทรง
มันทำให้ มีแนวทางในการตัดสินใจเพิ่มมากขึ้น และทำให้ได้ลุ้น + สู้ต่อ.. จนกว่าจะได้เบี้ยหลวงพ่อทรง

อยากได้ลูกเสือ ก็ต้องเข้าถ้ำเสือ
(อยากได้เบี้ยหลวงพ่อทรง ก็ต้องไปวัดศาลาดิน กันอีกที)
ให้มันรู้กันไปครับว่าตั้งใจหาแล้ว จะไม่ได้เบี้ยแก้ ที่แท้ ทัน ผ่านมือหลวงพ่อทรง เชียวหรือ
ต้องมีสักวัน..ที่ได้ซักตัว (แต่ไม่ใช่ ซักวันจะคิดออกน่ะ ท่านนั้น ป่านฉะนี้เบี้ยแก้เต็มเอว แล้วมั๊ง อิอิ)

 

ตอนนี้แค่เต็มคอครับ แต่ยังไม่ได้ของหลวงพ่อทรงเลย
หาทางติดต่อไป แต่ไม่มีอะไรตอบกลับ กระผมเลยจบข่าว อดได้ของไปเลย T T

 

benay_watmon@hotmail.com (เบ็น 083 -6139417)

(ขออนุญาติพี่นริศยืมรูปหน่อยครับ)​

ประวัติพระครูพิศิษฐ์รัตโนภาส (หลวงพ่อเสียน) วัดมะนาวหวาน

(โดยสังเขป)

ท่านสืบสายวิชาครูบาอาจารย์สายอ่างทอง และหลวงพ่อเดิมวัดหนองโพธิ์ จากหลวงพ่อเล็ก วัดมะนาวหวาน

วันนี้ได้เขาไปกราบหลวงพ่อมาและก็ขออนญาติท่านนำประวัติปฎิปทาของท่านมาเผยแพร่แบบพอสังเขปและเข้มข้นครับ เพราะท่านก็ไม่ค่อยบอกอะไรมากนักท่านบอกเท่าที่บอกได้ครับ พระคณาจารย์สายวิเศษฯนี้ได้สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นและไม่เป็นรองใครครับ

หลวงพ่อเสียน วัดมะนาวหวานท่านเกิดเมื่อปี 2470 แต่วันเกิดท่านจำไม่ได้อันนี้น่าจะเป็นสไตน์ท่านครับผมว่าท่านไม่อยากบอก เมื่อท่านอายุครบบวช หลวงพ่อชวนวัดยางมณีเป็นพระอุปัชฌาย์ อาจารย์ทรง วัดศาลาดินเป็นคู่สวดเพียงองค์เดียว เมื่อก่อนนี้ท่านว่าบางทีไม่ต้องใช้คู่สวดเยอะมากมายเพราะหลวงพ่อทรงท่านแม่นหนังสือเลยบินเดี่ยวได้ ขอแทรกหลวงพ่อทรงหน่อยนะครับหลวงพ่อเสียนท่านบอกว่าหลวงพ่อทรงท่านเก่งหนังสือมาก ท่องอักขระเรียบร้อย อักขระไม่วิบัติ โดยเฉพาะปาฎิโมกข์ท่านท่องได้นานแล้วตั้งแต่บวชใหม่ๆ และท่านท่องเรียบร้อยชัดถ้อยชัดคำไม่เหมือนสมัยนี้ท่องอยู่ในลำคอ ฟังไม่ค่อยชัดตรวจทานยาก หลวงพ่อทรงท่านท่องปาฎิโมกข์ใช้เวลาประมาณ 40 นาที แต่ท่านว่าฟังเพลินมากครับ เอ้ามาเข้าเรื่องหลวงพ่อเศียรต่อครับ เมื่อท่านบวชแล้ว ท่านก้อยู่ที่วัดมะนาวหวานรับใช้หลวงพ่อเล็กพระอาจารย์ที่ถ่ายทอดวิชาให้ท่านมากมายและท่านยังครอบและมอบตำราต่างๆไว้ให้ท่านด้วย ผมจะเล่าไปเรื่อยนะครับเมื่อกล่าวถึงพระอาจารย์ท่านใดผมจะเล่าถึงพระอาจารย์ท่านนั้นเลยครับ มาต่อครับ ขอแทรกเรื่องหลวงพ่อเล็กอาจารยืหลวงพ่อเสียนนะครับ หลวงพ่อเสียนท่านเล่าว่า เจ้าอาวาสก่อนหลวงพ่อเล็ก คือหลวงพ่อแก้ว ครับท่านเป็นพระเกจิอาคมขลัง ท่านนี้ทำตระกรุด เชือกตะคดเอวลายจระเข้ขบฟันหลวงพ่อแก้วท่านอายุพอๆกันกับหลวงพ่อภักวัดโบส คนมาขึ้นท่านเยอะสมัยนั้นหลวงพ่อเสียนยังเป็นเณรอยู่ ก็ประมาณปี 2480-2490 ครับ ท่านบอกว่าตอนนั้นหลวงพ่อเล็กก็มาอยู่ทีวัดมะนาวหวานแล้ว อยู่กุฎิไกล้ๆกันกับหลวงพ่อแก้วครับ ไปมาหาสู่กันบ่อยๆ หลังจากหลวงพ่อแก้วมรณะภาพ หลวงพ่อเล็กท่านก็เป็นเจ้าอาวาสต่อ และตำราโบราณต่างๆก็มาตกที่หลวงพ่อเล็กและมาถึงหลวงพ่อเสียนด้วย กล่าวถึงหลวงพ่อเล็ก วัดมะนาวหวานครับหลวงพ่อเสียน ท่านเล่าว่าหลวงพ่อเล้กท่านไปเรียนวิชาต่างๆกับหลวงพ่อเดิมวัดหนองโพธิ์ เมื่อหลวงพ่อเล็กไปถึงวัดหนองโพธิ์ หลวงพ่อเดิม ท่านให้หลวงพ่อเล็กไปอยู่ในป่าช้าครับ ให้ไปปักกรดพักแรมที่นั่นเพื่อเป็นการลองสมาธิก่อนจะเรียนวิชา และหลวงพ่อเดิมท่านบอกว่าวันนี้ถ้าฝนตกให้จับกบมาถวายท่าน พอดีฝนตกจริงๆหลวงพ่อเล็กท่านก็จับกบไปถวายหลวงพ่อเดิม จับไปเต็มย่ามครับพอไปถึงหลวงพ่อเดิมกบเหล่านั้นกลับกลายเป็นหัวปลีหมดครับ และหลังจากนั้นหลวงพ่อเล็กก็ได้เล่าเรียนวิชาต่างๆจากหลวงพ่อเดิม แต่ท่านมิได้บอกว่าท่านเรียนอะไรมาบ้าง และหลวงพ่อเล็กท่านก้ออกธุดงค์ไปเรื่อยๆจนมาอยู่วัดมะนาวหวาน หลวงพ่อเล็กท่านเป็นอาจารย์ที่มีอาคมขลังครับ ขนาดท่านปัสวะรดตอไม้คนไปลองยิงยังไม่ออกหลวงพ่อเล็กท่านทำเครื่องราง และพระสมเด็จ และเบี้ยแก้แต่ทำน้อยมากๆเป็นคนๆไปเท่านั้น ส่วนพระสมเด็จนั้นท่าทำสองครั้ง แต่ละครั้งท่านจะนั่งลบถมผงเพื่อทำอย่างพิถีพิถัน ผงนั้นคือผงอิทธิเจ พระสมเด็จมีทั้งผงขาว และผงน้ำมัน ประสบการณ์คนพื้นที่เจอกันมากจนเป็นที่เล่นหากันแพงพอควรครับทั้งสองรุ่น ส่วนหลวงพ่อเสียนท่านก็ได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อเล็กและสืบทอดวิชาสายหลวงพ่อเดิมวัดหนองโพธิ์ด้วย ถึงท่านจะม่ได้เรียนมาโดยตรงแต่ท่านก็ได้รับถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อเล็กแบบครบถ้วนผสมผสานกันทั้งสายอ่างทองและสายหลวงพ่อเดิม ทั้งการทำเบี้ยแก้ ตระกรุด เหรียญรุ่นแรกของท่านก็ลงยันต์ครูหลวงพ่อเล็ก วัดมะนาวหวาน ไว้พุทธคุณนั้นใช้ได้ร้อยแปดแล้วแต่อธิฐาน หลวงพ่อเสียนเมื่อก่อนท่านดุมากนะครับเคร่งครัดมากๆ ถึงขนาดตีพระตกกุฎิ ตีไล่แห่มาแล้วผ้าสบงจีวรจะมาตากเกลื่อนกลาดแขวนเกะกะท่านตะเพิดเลยครับ ท่านเป็นคนจริง อันนี้คนแถวนั้นเล่าให้ฟังและผมก็ได้ยินมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว แต่ตอนนี้ท่านเบาลงไปมากเพราะท่านแก่แล้ว แต่ใครทำไม่ถุกหูตาท่านท่านก็ว่าแบบดื้อๆเลยนาครับ พระเครื่องของหลวงพ่อเสียนนั้นท่านทำไว้หลายรุ่นทั้งเก่าและใหม่ โดยท่านทำตามตำราและท่านบอกว่าบอกกล่าวครูบาอาจารย์ทุกครั้ง ถ้าเป็นพระผงท่านจะลบผงอิทธิเจลงไปทุกรุ่นรวมทั้งรุ่นปัจจุบันที่อยู่ในตู้ด้วยครับ ท่านลบผงเองครับ เพื่อให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์แบบครูท่าน พระทุกอย่างท่านตั้งใจทำและสำเร็จด้วยแรงครูและบารมีท่าน ประสบการมากมายนะครับเดี๋ยวจะหาว่าผมไม่บอก ลูกท่านหลานเธอ คุณหม่อมต่างๆก็มาหาท่าน คนในเขาทราบกันดีไม่ต้องเชียร์มาก ไม่ต้องสงสัยกราบท่านได้สนิทใจครับ

ที่ท่านไม่ดังเพราะขาดการประชาสัมพันธ์และท่านก็ไม่ชอบแบบนี้ ทั้งไม่ชอบพวกนายทุนที่มาหากินกับวัดครับหากข้อความตรงไหนไม่ครบถ้วนพี่ๆท่านใดอยากใด้ข้อมูลมุมไหนลองโพสบอกได้เพราะผมเขียนไม่เก่งนะครับ ขอบคุณครับ เดี๋ยวถ้ามีอะไรเดี๋ยวถ้ามีอะไรเพื่อมเติมจะมาลงอีกครับ


ส่วนท่านที่สนใจวัตถุมงคลของหลวงพ่อเสียน ก็เชิญธณานัติบูชาได้ที่วัดตามลิ้งนี้ครับ

http://palungjit.org/showthread.php?t=177566

 

ขอบคุณมากครับผม

ผมเคยกราบสอบถามท่าน ตอนคุยโทรศัพท์ ว่าขออนุญาตสอบถามหลวงพ่อท่านเรียนวิชาทำเบี้ยแก้จากพระอาจารย์ท่านใดครับ

ท่านบอกว่า " เรียนจากหลวงพ่อองค์ก่อน ท่านเสียไปแล้ว "

ก็คงเป็นหลวงพ่อเล็กนี่แหละครับผม

 

เบี้ยราคาเยาว์จริง ๆ 200 เท่านั้น นี่ถ้าคุณ Ong มาเล่า story ให้ท่านอื่นฟังบ้าง ผมว่า
เบี้ยทรายคงทำไม่ทันแน่

 

ก็เป็นทางเลือกหนึ่งน่ะครับ ในขณะที่ยังหาเบี้ยหลวงพ่อทรงยังไม่ได้น่ะครับ

ผมเห็นว่าเป็นงานบุญ เงินทำบุญก็ไปตรงยังวัด ไม่ผ่านคนกลาง พ่อค้า นายทุน ศูนย์พระ หรือ พวกทำเบี้ย ทำผ้ายันต์ขาย

ราคาก็ไม่แพง เพราะไม่ได้มีค่าโฆษณา เป็นลูกหม้อ วิเศษฯ ขนานแท้น่ะครับ

 

benay_watmon@hotmail.com (เบ็น 083 -6139417)

หลวงพ่อเสียนท่าให้คาถามาด้วยครับเผื่อท่านเอาไปใช้กัน ท่านให้มาเป็นวิทยาทานครับ

นะโม สามจบ

พุธธัง ปัจจะขามิ
ธัมมัง ปัจจะขามิ
สังฆัง ปัจจะขามิ

หายใจเข้าให้ว่า พุทธ หายใจอกให้ว่า โธ

ท่องแบบนี้สามครั้งด้วยใจมั่น ท่านว่าจะไปไหนปลอดโปร่งปัดอุปสรรคทั้งปวงครับ ใครลองเอาไปใช้ก็ไม่ว่ากันครับ แฮ่ๆ

รบกวนท่านเจ้าของกระทู้หน่อยครับ แฮ่ๆ

 

ชันนะโรง( ต่อ )

ที่ผมเขียนมานี่ เป็นไปได้สูงว่าพวกปลอมเบี้ยอาจจะเข้ามาอ่านด้วย โลกเดี๋ยวนี้มันแคบน่ะครับ ส่วนใหนของโลกก็เข้า internet ได้

ถ้าพวกปลอมเขาเข้ามาอ่าน คงหาทางปลอมออกมาให้เหมือน ก็ช่างมันเถอะ อย่างไรตอนนี้ พวกที่ดูไม่เป็น แต่อยากได้ ก็โดนกระสุนอยู่ดี ไหนๆแล้วก็ช่างมัน

ส่วนคนนอกที่นับถือหลวงพ่อ ตอนนี้เข้ามาอ่านกระทู้นี้มาก ถ้าท่านใดที่อ่านแล้วไม่ใช่สมาชิก ถ้าสงสัย ก็เมล์มาได้น่ะครับ nemoh75@hotmail.com หรือ โทร 086 322 8619 ผมยินดี แก้สงสัยของท่าน ในเรื่องของหลวงพ่อทรงครับ แต่ย้ำผมไม่มีของขายน่ะครับ ผมช่วยได้แค่วิชาการ และแนะนำ ลักษณะ ตอบถึงอุปนิสัยของหลวงพ่อได้ แต่จัดหาของให้ท่านไม่ได้น่ะครับ ท่านอยากได้จริงๆ ต้องไปหาเองครับ

แต่อยากจะทำนายว่า วันหนึ่งเมื่อพระเนื้อผง หมดการหมุนเวียนไปจากตลาด และถ้ายังมีความต้องการอยู่ พวกปลอมคง จะพยายามทำพระผงปลอมออกมา ถึงตอนนั้นค่อยมาชี้จุดพระเนื้อผง กันก็แล้วกันน่ะครับ

มาต่อที่ชันนะโรง เนื่องจากเบี้ยที่ผมได้มา เป็นชุดแรกๆ ซึ่งคงอยู่ในกลุ่ม หลายพันตัว ที่ใช้ชันนะโรง จากก้อนแรก ชันนะโรงก้อนนี้ สังเกตออกพอได้ เพราะก้อนเดียวกัน รังเดียวกัน แหล่งอาหาร น้ำหวานเดียวกัน ลักษณะคล้ายๆกัน น่าจะเป็นจุดร่วมสังเกตได้อีกอย่างหนึ่ง

เบี้ยที่ผมมี ผมได้ให้นายหมีถักให้หมดแล้ว จึงมองไม่เห็นชันนะโรง จะเหลือเบี้ยเปลือย ก็เลี่ยม ปลาสติก กันน้ำไปแล้ว เบี้ยสองตัวในรูปก็โชว์ไปแล้ว แต่ต้องเอามาโชว์อีก เพราะสามารถถ่ายรูปได้ เบี้ยนี้ ใช้ชันนะโรง ดำออกแดง ใสๆ มีจุดสังเกตได้ นอกจากนั้น ยังมีรอยเขลอะๆ ตามธรรมชาติให้ดูอีก จึงต้องนำมาฉายซ้ำ เบี้ยนี้เป็นเบี้ยจั่นน่ะครับ ผมแจกเขาไปเยอะ เหลือแค่นี้แหละครับ และตัวเล็กใช้ติดตัวอยู่



เบี้ยจั่น ขนาดสองตัวนี่ เขื่องหน่อย มีเอกลักษณ์




ลักษณะของชันก็คล้ายกัน ดูดำๆ ใสๆ แต่พอมองกับแสงแล้ว ก็ออกสีแดงๆใสๆน่ะครับ



โปรดสังเกตบนหลังเบี้ยจะมีรอยเขลอะๆ เปื้อนๆ ของ ชันนะโรงน่ะครับ รอยนี้เป็นรอยธรรมชาติ สังเกตได้ง่ายบนเบี้ยจั่น เพราะมีสีขาว แต่บนเบี้ยแก้ที่ผมมีก็มีครับ ทำให้เห็นลักษณะของชันง่ายขึ้น

ถ้าท่านไปเจอเบี้ยลักษณะนี้ มีรอยเขลอะๆ แบบนี้ และชันนะโรงลักษณะ ดำๆ แดงๆใสๆ แบบนี้ คว้าไว้เลยน่ะครับ อย่าปล่อยให้หลุดมือไป และมีความเก่าลงบ้างตามกาลเวลา


ใช้การสังเกตเป็นหลักน่ะครับ ดูภาพรวมๆ ของลักษณะ ปรอท ว่าดังอย่างไร ที่บอกแบบนี้ อยากให้เล่นชุดของวัดมากกว่า เพราะอย่างน้อย มีเอกลักษณ์ ของปรอทอยู่ ดูชัน ดูภาพรวมของการเปลอะของชัน แผ่นโลหะ การจาร ลายมือ หรือ โค้ด ตัว ท ไม่มีหัว ผมจะสรุปอีกทีตอนจบ


ที่สำคัญ อย่าโลภว่าถูก และอย่าเชื่อนิยายทุกชนิดครับ ทุกคนมีเหตุผลของตัวเองเมื่อต้องการเงินของคนอื่น เชื่อตาท่าน ตามเหตุผลประกอบอย่างเดียว


ผมจะบรรเลง รอยถัก และ ลายมือหลวงพี่วิโรจน์แบบเจาะลึกน่ะครับ แต่ขอเวลา เพราะต้องมีสมาธิ

 

โดนก็ไม่เป็นไรครับ (ตอนนี้เริ่มมีภูมิต้านทานล่ะ เอ๊ะ หรือไม่ก็ โดนจนชินแล้ว)

แต่้ไอ้ที่เราโดน(ตอนนี้) ผมว่า มันคงจะโดนน้อยกว่า ไอ้พวกที่ทำน่ะ

 

กฏแห่งกรรมนี่มีจริงน่ะครับ ในชีวิตผมเคยเห็นมา ทั้งฝ่ายที่เสวยกรรมดี และ กรรมชั่ว

ฝ่ายกรรมชั่ว ที่เคยเห็น แม้นอนป่วยก็กระวนกระวาย ทุรนทุราย ตอนใกล้จะตายมีแต่ ภาพกรรมเก่าในอดีต มาหลอกหลอน จนสิ้นใจ อันนี้แน่ใจได้ว่า ภพหน้าที่จะไป จะไปที่ใด คนนี้เป็นพ่อของเพื่อนของผม

ส่วนฝ่ายกรรมดี ตอนป่วยก็ยังมีสติ แม้จะมีทุกขเวทนา ก็ไปตามสภาพของอาการ แต่ตอนสิ้นใจก็มีรอยยิ้ม ไม่ทราบว่าพวกท่านเห็นคนนอนยิ้มตายไหมครับ แม้จะป่วยมาเป็นเดือน แต่ตอนสิ้นใจตาย หน้าใสยังกับ พระจันทร์วันเพ็ญ คนนี้เป็นญาติสนิทของผมเอง เคยเห็นมาสองคน ชายและหญิง

คนที่จะโดนกรรมชั่วของเขาน่ะ บางทีไม่ต้องรอจนตายหรอกครับ เห็นกันจะๆตอนเป็นนี้แหละ บางทีป่วยไม่ทราบสาเหตุ รักษาแค่พอทุเลาไม่หายขาด ถ้ากรรมดียังให้ผลอยู่ กรรมชั่วก็ตกไปยังคนใกล้ตัว บริวาร ลูกเมีย เจ็บป่วยแทน รักษาก็กระเสาะ กระแสะ บางทีเจออุบัติเหตุ เดี๋ยวเจอหนัก เดี๋ยวเจอเบา

ทำมาหากิน พอถึงกรรมเก่ามา ก็ฝืดเคือง สมบัติที่หามาก็ไม่สามารถเก็บไว้ได้

ทุกคนมีสิทธิ์เลือกน่ะครับ ว่าจะเอาแบบไหน การกระทำอยู่ที่ตัวท่าน

พวกที่ทำ ของปลอม มาหลอกลวงเขา พอถึงเวลา เขาต้องเจอบ้างแน่นอน

 

การถักบนตัวเบี้ย

เบี้ยยุคแรกชุดทำที่วัดน่ะครับ มีเบี้ยตัวใหญ่ๆหน่อย ชุดนั้นก็เป็นเบี้ยเปลือยซ่ะเยอะ พอหลังๆมา ตัวเล็กลง หลวงพี่วิโรจน์ก็แก้ด้วยการถัก ให้ดูตัวใหญ่หน่อย เบี้ยชุดนี้ทำมาเป็นปี ตั้งแต่ ปี ๔๘ มาจนถึงหลวงพ่อป่วยและมรณะภาพ ถักเดี่ยวๆก็มี ถักเป็นสายคาดเอวกับตะกรุดก็มี

ตามรูปบนเป็นเบี้ยเปลือยและ เบี้ยถัก เบี้ยที่ถักนี้มี ฟัน สามสิบสองซี่ ทุกตัวครับ

ผมไม่ได้เก็บเบี้ยที่หลวงพี่วิโรจน์ถักไว้เลย เพราะตอนนั้นผมได้เบี้ยจากมือหลวงพ่อไว้แล้วหลายตัว เลยไม่ได้นึกจะเก็บเพิ่ม แต่ทยอยซื้อหอยและปรอทไปถวายหลวงพ่อ

พระวิโรจน์สอนนายหมี ในการถักเบี้ยถักตะกรุดไว้ สองคนนี่จะถักเหมือนกัน มีความแตกต่างอยู่บ้างแต่ไม่ใช่ประเด็นใหญ่ จำลายนี้ก็ใช้ได้ ผมนำมาโชว์ไว้เผื่อเป็นทางเลือกให้พวกท่านอีกทาง เผื่อไปได้เบี้ยจากคนที่เขาว่าได้มาจากวัด และมีลายถักแบบนี้ ก็มีความเป็นไปได้สูง แต่จะมีเคล็ดอยู่บ้าง



ลายแบบนี้เรียกว่าอะไร บอกตามตรงผมไม่ทราบเหมือนกัน ถามคนถักมันก็ยังไม่ทราบว่าเรียกอะไร...แหะๆ ผมว่าไปตามที่เห็นก็แล้วกัน

แต่ให้สังเกตการเกาะกันของด้ายดิบน่ะครับ จะเป็นตาๆ และค่อนข้างมีระเบียบ จะไม่ถี่แน่นเอี้ยดเหมือนสายนครปฐม เหมือนมีลายวนรอบตัวเบี้ย และตรงที่หัวเบี้ยเปิดอยู่จะยกขอบวนรอบตัว ดูสวยและแน่นหนา


นอกจากนั้นยังมีแบบที่หลวงพี่วิโรจน์ ถักกับตะกรุดไว้ด้วย แต่ที่ผมเห็นเป็นตะกรุดตะกั่ว

ของหลวงพี่วิโรจน์จะไม่ใช้ด้ายดิบน่ะครับ แต่ใช้ เชือกไนล่อน ส่วนใหญ่จะสีเขียว และผมจำได้แว็บๆว่ามีสีขาวด้วยครับ

 

benay_watmon@hotmail.com (เบ็น 083 -6139417)

ครับผมขออนุญาติพี่พี แสดงความเห็นในมุมของผมครับ แต่แนวทางเดียวกัน ถือว่าช่วยพี่อีกแรง ความจริงไม่อยากบอกมากแบบที่พี่พีบอกมันเป็นดาบสองคม แต่ยังไงเพื่อช่วยกันลูกศิษย์หลวงพ่อเหมือนกันครับ กันโดนได้ ระดับหนึ่งนะครับ แต่ไม่ทั้งหมด

ครับอย่างที่พี่พีพูดมาน่ะถูกครับ ตามที่ผมได้รับรู้มา ส่วนลายที่ถักนี้มีเคล็ดอยู่อีกอย่าง ออเขาเรียกลาย รวงผึ้ง ครับการถักนี่ถักร้อยสอดทีละเส้นนะครับใช้เวลามากยุ่งยากไม่เหมือนใช้การสอยการสอยหากหลุดเส้นเดียวหลุดหมดครับ แต่ถักแบบสอดทีละเส้นนี่หลุดเส้นใครเส้นมันสามารถผูกได้และไม่หลุดรุ่ย อันนี้เป็นข้อสังเกต การถักนี้มีถักกันหลายคนครับที่วัดแต่ครูเดียวกันครับแนวเดียวกันพิจารณาไม่ยาก พี่พีไม่มีตัวอย่างหลวงพี่โรจน์ถักพอดีผมมีขอ อณุญาติพี่พีโชว์แบบให้ดูเป็นวัคซีนครับ ความจริงไม่อยากออกตัวเท่าไรครับแต่เห็นแล้วต้องช่วยกัน ข้อความนี้ไม่ได้หมายความว่า ของแบบอื่นเก๊เพราะทำมาหลายสาย แต่ถ้าเล่นไม่มีหลักก็ล้มครับ เลยมีแนวให้อันนี้ไม่ได้เก่งขอออกตัวไว้ก่อน แฮ่ๆ




เบี้ยหลวงพี่โรจน์ถัก บางทีพระที่วัดก็ถักนะครับอันนี้แนวเดียวกันแต่ไม่เหมือนกันทุกตัว ที่ไม่เหมือนเปะก็เพราะแฮนเมดนะครับแฮ่ๆ ไม่ได้ใช้เครื่ง ต้องดูองค์รวม

 

ขอบคุณครับ คุณเบ็นที่มีรูปเบี้ยลายถักหลวงพี่วิโรจน์ มาโชว์ลายถัก

ความแตกต่างก็คือ เชือกไนล่อนเส้นจะใหญ่กว่าด้ายดิบ ทำให้ลายถัถดูหยาบกว่า ซึ่งผมดูแล้วไม่ชอบ เลยวานให้นายหมีถักให้ด้วยด้ายดิบ จะเล็ก ละเอียดกว่า ผมเคยเห็นหลวงพ่อเจือ สอยเบี้ยด้วยด้ายตาสมอน่ะครับ ลายถักของท่านละเอียดยิบ แน่น สวยงามมาก

การเอามาบอก อย่างที่ว่าก็เป็นดาบสองคมเหมือนการชี้จุดพระเครื่องเหมือนกัน บอกไป พวกทำปลอมก็พยายามทำให้คล้ายออกมาอีก แต่ถ้าไม่บอกก็โดนกันอยู่แล้ว ทั้งในบอร์ด ที่ขายกันหลายเจ้า ในเน็ต และนอกเว็บ เป็นเบี้ยเปลือยที่ฝีมือหยาบๆ ถึงหยาบมาก มีการเอาตะกรุดมาฝัง เอาแผ่นทองเหลืองมาปิด ตอกโค้ดบ้าง หรือปิดทอง อำพราง ชันนะโรง แต่ถ้ามาจากวัดเลยจริงๆไม่มีน่ะครับ ถ้ามีก็เอาทอง เอาตะกรุดมาฝังกันเอง หรือ ทำเฉพาะตัว จะแยกลำบาก ต้องดูหน้าผู้ขายอย่างเดียว ผมไม่ได้บอกว่าไม่มี แต่เขาคงทำมาเฉพาะแล้วไปให้หลวงพ่อเสกให้เอง

แต่ถ้าไม่พูด คนที่ไม่ทราบก็จะโดนพวกนี้หลอกเอาเงินอยู่แล้วครับ โดยของปลอมง่ายๆ โดยล่อใจว่าราคาถูก คนซื้อเลยกล้าซื้อวัดดวง แล้วก็โดนทุกรายครับ

มาเล่นที่พอมีหลัก มีเกณฑ์ ดีกว่าอย่างน้อย น่าจะมีหลายพันตัว ดีกว่าวิ่งเข้าชนแล้วไม่มีหลักอะไร

อย่างน้อย ก็ให้คนปลอมมันถักรังผึ้งออกมา ให้มันพยายามหน่อย ถ้าถึงจุดนั้น แล้ว แยกกันไม่ออก ก็เลิกเล่นกันไปเลย...แหะๆ

 

ผมจะเจาะลึก เรื่องลายจาร พระวิโรจน์น่ะครับ แต่ต้องมีสมาธิหน่อยครับ เอาเป็นรายการต่อไป

 

ครับจะเฝ้าฉีดวัคซีนไปเรื่อยๆ เพื่อเดือนเมษายน จะได้ไม่โดน...

หวังว่าเดือนเมษายน จะมีเวลาหนีไปอ่างทองได้ครับ

 

ตะกรุดเทพรัญจวนครับ ขอคำแนะนำด้วยคราบ

 

เข้าใจว่าเบี้ยถักตัวสีเขียวที่เป็นตัวอย่างนั้นคงเป็นเบี้ยที่ผมได้มาจากคุณเบ็นแน่ๆ

วันที่ได้เบี้ยตัวนี้เป็นโอกาสแบบไม่ได้คาดหมายคืออ่านกระทู้นี้ของพี่พีจบและกำลังจะออกจากเวปแล้วนึกอย่างไรก็ไม่รู้เหมือนมีอะไรดลใจเลยย้อนกลับไปที่กระทู้ของคุณเบน เจอเบี้ยพอดีเลยรีบลงจองเอาไว้ ยังกลัวว่าจะมีคนอื่นจองทาง PM ตัดหน้าก่อนแต่ในที่สุดก็ได้มาสมกับที่ขอท่านเอาไว้

และเมื่อวานนี้ก็ได้พระผงรูปเหมือนของหลวงพ่อมาโดยไม่คาดหมาย เจ้าของแผงพระถามว่าเคยเห็นพระหนาแบบนี้หรือไม่ พอได้ยินคำว่า พระหนา ผมรู้ทันทีเลยว่าต้องใช่พระของหลวงพ่อทรงแน่ๆ พอเขาหยิบออกมาให้ดู เหมือนฝัน ใช่จริงๆด้วยหลวงพ่อมาโปรด ผมเลยเก็บตามระเบียบราคาหลักร้อย เป็นวาสนาจริงๆ

ภาพสแกนด์อาจไม่ชัดเท่าที่ควร