เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย พี เสาวภา, 7 เมษายน 2008.

  1. The29

    The29 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    848
    ค่าพลัง:
    +2,279
    ขากลับผมจอดรถที่สี่แยกไฟแดง กำลังอ้าปากจะกินทอดมันที่ซื้อมาจากตลาดผักไห่ ตาก็ชำเลืองเห็นสาวๆ 2 คนซ้อนมอไซค์กันมาจอดข้างรถผม
    สาวเจ้าทั้งคู่พากันมองผม ยิ้มๆ แล้วหัวเราะคิกคัก คิกคัก
    โอ.....ร้อยวันพันปีไม่เคยมี....หน้าตาเรารึ ก็บ้านนอกมิใช่เล่น แถมอยู่หลังเขาอีกตะหาก
    รึว่า......ทองที่หลวงพ่อแม้นลงให้ผม จะแผลงฤทธิ์ซะแล้วเนี่ย ฮ่าฮ่าฮ่า


    พี่มาด ชุมพร ครับ ไม่ใช่สาวๆ หัวเราะพี่เพราะกำลังกินทอดมันหรอครับ แซวเล่นนะครับพี่
     
  2. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,635
    เรื่องของปรอทกรอนั้น ถ้าถามว่าเคยเห็นหรือไม่ก็ต้องขอตอบว่าไม่เคยเห็น แต่เคยได้ยินข่าวมาบ้าง ก็พึ่งจะได้เห็นจากในรูปที่พี่พีเอามาลงให้ดู

    พูดถึงปรอทกรอต้อง นึกถึงวิหารกรอไม่แน่ใจว่าใช่ที่ลพบุรีหรือไม่ ว่ากันว่าที่ผนังของวิหารฝังปรอทกรอเอาไว้ เวลาคนเข้าไปกระทบถูกผนังหรือตบผนังของวิหารจะได้ยินเสียงปรอทกรอร้องอ๊อดๆ กลิ้งกันกราวมีคนเล่าว่าเคยเข้าไปในวิหารนี้เวลาโพลเพล้เห็นลูกปรอทกรอกลิ้งอยู่เกลื่อนไปหมดพอจะก้มเก็บก็พากันกลิ้งหายเข้าไปในผนังพร้อมกับเสียงกรอ เคยมีคนเล่าว่าเมื่อก่อนหากใครอยากได้ปรอทกรอก็จะเตรียมพานบายศรีธูปเทียนดอกไม้มาอธิษฐานขอหากมีวาสนาลูกปรอทจะกลิ้งออกมาเอง แต่มายุคหลังคนมักง่ายเล่นเจาะผนังหรือขุดพื้นหาลูกปรอทกรอจนพรุนเลยทีเดียว

    ปรอทกรอนี้เข้าใจว่าเป็นวิชาการเล่นแร่แปรธาตุอย่างหนึ่งแยกออกมาจากการทำปรอทสำเร็จ จำพวกการทำเมฆสิทธิ์-เมฆพัด วิธีการทำคงจะเป็นวิชาการหล่อโลหะและการทำหุ่นเทียนขั้นสูงและมีการแปรธาตุโดยใช้ปรอทเป็นส่วนประกอบในการสร้าง เพราะดูจากรูปแล้วไม่น่าจะเป็นการเอาปรอทแท้บรรจุเข้าไปแต่อาศัยหลักการเหมือนปรอทคือ การไหล หรือ การกลิ้ง ของปรอท โดยให้ของที่อยู่ข้างในมีการเคลื่อนไหวเหมือนเวลาเราเขย่าเบี้ยจะรู้สึกถึงการกระฉอกของปรอท แต่ปรอทกรอจะกลิ้งและมีเสียง มีความเป็นกายสิทธิ์คล้ายกับปรอทคือเคลื่อนที่ได้เองเวลามีเหตุมีภัยจะมีเสียงร้องเตือน (หวังว่าปรอทกรอของพี่พีคงจะไม่กลิ้งหนีมาหาผมนะครับ รับรองได้แล้วไม่มีคืน 555+)

    คำเตือน โปรดพิจารณาและใช้วิจารณญานในการรับข้อมูลเพราะนี่เป็นเรื่องที่เล่าขานกันมาเลยจำมาเล่าต่อครับ
     
  3. sridoi

    sridoi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2006
    โพสต์:
    5,489
    ค่าพลัง:
    +19,352

    แหมผมน่ะแหย่ขึ้นซะด้วย เอาซะหน่อย เจ้าของกระทู้อนุญาตแล้ว

    ผมเรียนจบ ปวส. จากพาณิชย์แห่งหนึ่งในกรุงเทพนี่แหละ พอจบก็หางานทำตามสมัยนิยมและภาคเอกชนขณะนั้นยังรับเด็กจบ ปวช. ปวส. เข้าทำงานอยู่ พอเข้าทำงานปุ๊บ ก็คิดอย่างเดียวเลยว่า คนจบปริญญาตรีหรือปวส. พอเริ่มงานมันก็ต้องมาหัดงานใหม่เหมือนกัน ความฉลาด (เล็กน้อย) และขยันตั้งใจของเราจะพาเราก้าวหน้าได้โดยไม่จำเป็นต้องมีใบปริญญา ว่าแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ขณะเดียวกันก็ไม่อยากให้ใครดูแคลนได้ว่าคิดโง่ ๆ จึงลงเรียนรามคำแหงไว้เพราะหน่วยกิตถูก ไม่ต้องเข้าเรียน อ่านหนังสืออ่านชีทเองถึงเวลาก็ไปสอบ

    เทอมแรกลง 8 ตัว มีเวลาอ่านหนังสือบ้างส่วนใหญ่ไม่ได้อ่านแม้แต่ชีทสรุปไม่ว่าจะของ อ.xx พี่oo ที่นิยมวางขายกันเกลื่อนหน้าราม สุดท้ายผ่าน 5 ตัว

    เทอมสองลง 8 ตัวอีก คราวนี้สนุกสนานเริงโลกในการทำงานมากขึ้น ผ่านแค่ 2 ตัว

    ซัมเมอร์ลงอีกกี่ตัวจำไม่ได้ "ตกหมด"

    เทอมต่อมาลงไม่กี่ตัว ไม่ได้ไปสอบ

    เส้นกราฟการศึกษาผมดิ่งลงค่อนข้างชันในระยะเวลาอันรวดเร็ว + ขยันทำโอที สนุกสนานกับเพื่อน สังคมทำงาน และ ... (คงเดาได้) ผมทิ้งความคิดเรื่องเรียนไปหมดเป็นเวลา 2 ปี จนหัวหน้าบอกว่า ยังงัย ๆ บริษัทก็พิจารณาใบปริญญาเป็นคุณสมบัติหลักข้อหนึ่งในการโปรโมทขอให้ "เรียนเถอะ"

    ผมจึงได้สติขึ้นมาและตัดสินใจลงเรียน มสธ. ด้วยเมื่อเทียบโอนหน่วยกิตจากวุฒิ ปวส. แล้ว ก็ลงเรียนอีกเพียงแค่ 5 เทอม (สองปีรวมซัมเมอร์) แถมมีเพียงแค่เทอมละ 3 วิชา ใจก็นึกว่า เอาวะ แค่ 3 วิชาถ้าไม่มีเวลาอ่านก็เกินไปแล้วล่ะ ด้วยหน่วยกิตที่แพงกว่า จำนวนวิชาที่น้อยกว่า มีหนังสือและแบบฝึกหัดส่งมาให้พร้อมครบ จึงเป็นแรงผลักดันให้มีกำลังใจคว้าปริญญาตรีให้ได้

    เมื่อได้รับหนังสือเรียนที่ มสธ. ส่งมาทางไปรษณีย์ เป็นกล่องใหญ่ข้างในมีหนังสือ 3 เล่ม ไอ้เราก็คิดว่า หมู ๆ เล่มละวิชา ถึงจะหนาไปนิดแต่ก็ดีกว่าราม ตั้ง 8 วิชาต่อเทอม พอดึงหนังสือออกจากกล่อง โอ้แม่เจ้า นี่มันวิชาเดียวนี่หว่า มีหนังสือเล่ม 1 เล่ม 2 และแบบฝึกหัด ถ้าใครทันเห็นสมุดโทรศัพท์หน้าเหลืองสมัยเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้วจะจินตนาการถูก หนังสือสามเล่มนี้รวมกันเท่ากับ yellow pages 1 เล่มเลย ตอนนั้นเชื่อเลยครับกับคำเล่าลือที่ว่า "หนังสือ มสธ. หนาอย่างกะ yellow pages" มันเป็นความจริง

    อ่ะ ไหน ๆ ก็จ่ายตังค์แล้วสู้กันซักตั้ง หนังสือเทอมละ 9 เล่ม เรามีเวลาอ่านประมาณ 3 เดือน ก็วางแผนการอ่านว่าวันละกี่หน้า แล้วลุย
    อ่านวันแรก หลับตั้งแต่หน้าที่ 4 - 5
    อ่านวันที่สอง ตื่นคาหน้าแรก หนังสือพองเป็นดวง (สงสัยผมจะเหงื่อออก เพราะที่บ้านไม่มีแอร์)
    วันที่สามเป็นต้นไปไม่ได้เปิดอีกเลย อ่านแต่หนังสือวัดท่าซุง มันส์กว่าเยอะ อ่านได้วันละยี่สิบสามสิบหน้าถึงจะง่วง

    พอถึงช่วงใกล้สอบ ผมก็ขอลาพักร้อน 5 วันก่อนสอบเพื่ออ่านหนังสือ มันเป็นโค้งสุดท้ายแล้วจริง ๆ ไฟรนก้นสุด ๆ ยังงัยมันต้องคั้นศักยภาพในตัวเองออกมาได้น่า ตอนนั้นผมนึกอย่างนี้จริง ๆ พอถึงวันที่ลาไว้ ก็ตั้งใจเตรียมตัวอย่างดี เอาหนังสือมาวางแผนการอ่านแล้วเริ่มอ่าน แน่นอนครับอ่านหนังสือวัดท่าซุงมาเยอะต้องเคยผ่านตา "คาถาพระอินทร์" บ้าง จำได้ทุกพยางค์และวิธีใช้ ก็ไหว้พระบูชาคาถาก่อนอ่านหนังสือ แล้วเริ่มอ่าน
    หน้าที่ 1ผ่านไป หน้าที่ 2 ตามมา หน้าที่ 3 เมื่อยตา หน้าที่ 4 หลับตา หน้าที่ 5 ลืมตา หน้าที่ 6 เป็นต้นไปเป็นดวงอีกแล้ว แม่ผมเห็นว่าผมหลับก็ไม่ได้ปลุกด้วยเห็นว่าโต ๆ แล้วดูแลตัวเองได้ แม่แค่ทำกับข้าวกับทำงานบ้านก็สนุกเกินพอ 555 พอตื่นขึ้นมาครั้นจะฝืนอ่านต่อก็คงจะได้ไม่กี่หน้า ว่าแล้วก็ทำให้ร่างกายกระฉับกระเฉงหน่อยดีกว่า ออกขี่จักรยานไปตลาดซื้อขนมซื้อลูกชิ้นเลี้ยงหมาแถวบ้านดีกว่า ตัดสินใจได้ก็ออกลั้ลลา (สมัยนั้นยังไม่มีคำนี้หรอก แต่เห็นว่ายุคนี้นิยมพูดกันและสื่อความหมายได้ตรงความรู้สึกดี) กลับมาบ้านอีกทีก็ 5 โมงเย็น หัวค่ำไม่ต้องพูดถึง อ่านหนังสือวัดท่าซุงต่อ วันแรกผ่านไปด้วยวิริยะบารมีต้นแบบอ๊อนอ่อน

    วันที่ 2 - 5 หนังม้วนเดียวกับวันแรกเลยครับ ผมไม่ได้สำเหนียกเลยแม้แต่น้อยว่าจะเอาอะไรไปสอบ จนวันสอบมาถึง ก็ไปสอบทั้ง ๆ ที่ไม่มีภูมิรู้อะไรเพิ่มเติมในหัวเลย มีก็แต่ความรู้ระดับ ปวส. ที่เลือนลางลงไปมากแล้วเท่านั้น วิชาแรกที่สอบพอเข้าไปนั่งห้องสอบ ได้รับโจทย์พร้อมกระดาษคำตอบแล้ว ผมจำต้องใช้วิชชาขั้นสุดท้ายที่เรียนรู้มา คือ ลอกคนอื่น 5555.........................................................ผมล้อเล่น 555 ถ้าลอกก็จบอนาคตกันพอดี บวกกับคงไม่มีใครยอมให้ลอก ในห้องสอบเราจะทำอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ ชำเลืองมองคนอื่น ให้คนอื่นชำเลืองมอง ใช้เครื่องมือสื่อสาร หรือส่งเสียงรบกวนคนอื่น ผมจึงเริ่มทำตามเคล็ดวิธีการใช้คาถาพระอินทร์ทันที โดยเริ่มจากคว่ำกระดาษคำถามคำตอบแล้วรวมใจให้สงบทำสมาธิซักครู่รู้ลมหายใจจนสงบดีแล้ว อาราธนาบารมีพระ คุณครูบาอาจารย์ทั้งหลายมีหลวงพ่อพระราชพรหมยานเป็นที่สุด บารมีพรหมเทวดาทุกองค์รวมถึงพระภูมิที่ดูแลบริเวณสนามสอบด้วย ขอบารมีท่านปู่พระอินทร์ ขอให้ลูกทำข้อสอบได้ถูก สอบผ่านไม่ตกด้วยเถิด แล้วนึกน้อมภาพพระพุทธรูป 1 องค์มาประทับอยู่บนศีรษะ แล้วภาวนาคาถาพระอินทร์ 7 จบ

    หงายข้อสอบขึ้นมาข้อไหนทำได้ทำ ข้อไหนไม่ได้จะใช้วิธีสุ่ม โดยผมจะวาดวงกลมเล็ก ๆ ในกระดาษทดแล้วแบ่งเป็น 5 ส่วนแทน ช้อยส์ 5 ข้อ แล้วใช้วิธีหลับตาภาวนาพุทโธจนสบายใจจึงขอบารมีสมเด็จท่านเลือกคำตอบให้แล้วจิ้มลงในวงกลมเหมือนปาเป้า ลงช่องไหนก็ตอบข้อนั้น ผมทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนเสร็จก็ส่ง เทอมแรกผมสอบผ่านด้วยพระคาถาพระอินทร์ทั้งหมด 3 วิชา ผมซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จ ครูบาอาจารย์ พรหมเทพและท่านปู่พระอินทร์มาก ๆ ที่โปรดให้ผมพ้นวิกฤตทางการศึกษามาได้ 1 เทอม เทอมที่ 2 ผมจะไม่ประมาทอีกแล้ว

    ทุกท่านเชื่อไม๊ครับ เทอม 2 เอย ซัมเมอร์เอย เทอม 3 ก็ดี เทอม 4 ก็แล้ว ผมเป็นเหมือนเทอมหนึ่งเป๊ะเลยครับ อ่านเป็นหลับ ขยับเป็นกินกับเที่ยว แล้วใช้คาถาพระอินทร์ในการสอบทุกวิชา โดยที่บางเทอมผมไม่ได้เปิดหนังสืออ่านเลยแม้แต่หน้าเดียว และเป็นวิชาที่ผมไม่เคยเรียนมาก่อนในสมัย ปวส. ด้วย (มีอยู่ 1 วิชาที่ผมได้ "H" คือคะแนนระดับเกียรติยม ภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไรผมจำไม่ได้แล้ว) แม้กระทั้งวิชาที่ผมเห็นแล้วระลึกชาติได้ทันทีว่าเคยเกิดเป็นควายมาหลายชาติ "สถิติ" หรือที่เรียกกันเท่ห์ ๆ ว่า "Stat" ผมเคยเรียนตอน ปวส. งงฉิบ (ขออภัยที่ใช้คำนี้ แต่มันตรงความรู้สึกที่สุดแล้ว) ผ่านมาได้เพราะลอกกันทั้งห้อง 555 (ถ้าอาจารย์มาอ่านเจอจะดีใจไม๊เนี่ย) ตอนเรียนรามก็ทำข้อสอบไม่ได้ตั้งแต่ข้อแรก มั่วร้อยเปอร์เซ็นต์ ผลสอบคือ ตก วิชานี้เป็นวิชาที่ผมรู้สึก"กลัว" จริง ๆ เพราะไม่มีหลักอะไรให้ผมจับได้เลยแม้แต่น้อย แถมต้องท่องสูตรสารพัด โอ๊ย วุ่นวายไปหมด ไอ้เพื่อน ๆ ที่มันเรียนกันได้เรียนกันเข้าใจนี่ ผมนับถือเลย สมัย ปวส. ผมมีเพื่อนคนนึงตัวผอม ๆ เล็ก ๆ เรียนไม่เก่งซักวิชา ตกบ้างคาบเส้นบ้าง ดันเก่ง stat ใคร ๆ ก็ต้องให้มันติว ไอ้เพื่อนคนนี้ทุกวันนี้ไม่รู้ไปทำอะไรอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าไปทำงานอยู่นาซ่ารึเปล่า

    กลับมาที่สอบ stat มสธ.ดีกว่าครับ วิชานี้ผมเข้าสอบด้วยความสบายใจเต็มร้อยเพราะผมมาพร้อมท่านปู่พระอินทร์ เหมือนเดิมเลย อ่านไม่รู้เรื่องตั้งแต่โจทย์ข้อแรก ผมเลยไม่อ่านโจทย์ทุกข้อ ดูแต่กระดาษคำตอบและวงกลมในกระดาษทด สุดท้ายผมก็ผ่านตามที่มั่นใจไว้

    มันดูเหมือนราบเรียบง่ายดายสบายบรื๋อยังงัยไม่รู้ใช่ไม๊ครับ ชีวิตจริงของผมไม่ค่อยราบเรียบเหมือนแก้มก้นเด็กทารกหรอกครับ ผมสอบตกวิชานึง แม้จะใช้คาถาพระอินทร์แล้ว นั่นคือ "การจัดการการตลาด" เกิดอะไรขึ้นกับผม หรือว่าที่ผ่านมาผมฟลุ๊คมาตลอดคราวนี้ไม่ฟลุ๊คเลยตก วิชานี้ทันทีที่ออกจากห้องสอบผมรู้สึกเลยว่าวางอารมณ์ได้ไม่เต็มร้อยแฮะ แล้วผลสอบออกมาก็ตกจริง ๆ พอหลังเทอมสี่ ผมก็ลงสอบซ่อมตอนซัมเมอร์ เรื่องหนังสือไม่ได้อ่านอีกนั่นแหละ (ประมาทสุด ๆ เยาวชนที่กำลังศึกษาอยู่อย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะครับ) คราวนี้ผมวางกำลังใจดี ๆ ตั้งแต่บ้าน ขี่จักรยานไปสนามสอบ (ผมอยู่กรุงเทพครับไม่ได้อยู่บ้านนอกต่างจังหวัด 555 แต่ มสธ. เค้าให้เราเลือกสนามสอบใกล้ ๆ บ้านได้ ซึ่งสนามสอบที่ผมเลือกนั้น อยู่ห่างจากบ้านผมไปแค่กิโลเดียว ผมก็เลยขี่จักรยานไปสอบ) ถึงหน้าห้องสอบก่อนเวลาเล็กน้อยก็นั่งรวมใจให้สงบ เข้าห้องสอบวางอารมณ์ใจทำตามขั้นตอนอย่างเต็มที่แล้วออกจากห้องสอบมาพร้อมความมั่นใจว่า วันนี้วางอารมณ์ใจได้ถูกต้องดี ผลสอบซ่อมคือ ผ่าน ครับ

    ปริญญาตรีจาก มสธ. ใบนี้ผมได้มาด้วยพระคาถาพระอินทร์ 100% เพราะ
    1. ผมได้อ่านหนังสือและแบบฝึกหัดไม่ถึง 5%
    2. ไม่ต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนหนังสือทั้งหมด ไม่เคยถูกเปิดอ่านเลย บางวิชาไม่ได้แกะห่อด้วยซ้ำ

    อะไรที่ทำให้ผมประสบความสำเร็จในการใช้คาถาพระอินทร์ (เป็นความเข้าใจและประสบการณ์ส่วนตัวนะครับ ถูกผิดผมไม่รู้ผมรู้แต่ว่าสำหรับผมแล้ว "ถูก")
    1. ก่อนใช้คาถาหรือขอบารมีพระซักระยะหนึ่งอาจจะ 3 หรือ 5 วัน รักษาศีลหรือกรรมบถสิบ ระงับนิวรณ์ ให้ดีที่สุด จะได้มีทุนความดีก่อนขอบารมีพระ
    2. การทำใจให้เป็นสมาธิปลอดจากนิวรณ์ 100% ตั้งแต่อาราธนา ภาวนาพระคาถา ไม่ให้มีแม้แต่ความอยากสอบผ่าน ความตื่นเต้น
    3. ทำใจให้สงบตลอดเวลาที่ทำข้อสอบ ไม่เครียด ฟุ้งซ่าน
    4. สำคัญที่สุด ที่ผมย้ำทุกครั้งที่ถ่ายทอดคาถานี้ให้ใคร คือ "จงเชื่อมั่นหมดหัวใจว่าคาถานี้ช่วยให้สอบผ่านได้โดยไม่ต้องสงสัยหาเหตุผล" ตัวอย่างคนที่ไม่เชื่อหมดหัวใจ มีให้ผมเห็นอยู่เรื่อย ๆ

    ความเชื่อส่วนตัวของผมจากประสบการณ์การใช้คาถานี้คือ
    1. หากผลสอบนั้นไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ผู้ใดในภายหลัง พระ พรหม เทวดา ท่านจะช่วยเหมือนใบปริญญาใบนี้ ผมได้มาก็เป็นเพียงช่วยให้ผมไม่น้อยหน้าคนอื่น ไม่เสียเปรียบผู้อื่นในการก้าวหน้าในอาชีพการงาน (ไม่ได้ทำให้ผมได้เปรียบใคร) และผมไม่สามารถเอาวุฒินี้ไปใช้คดโกงใครได้
    2. หากผลสอบนั้นจะสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นในภายหลังได้ เราต้องช่วยตัวเองมากที่สุด เช่น เมื่อผมมาทำงานในอาชีพปัจจุบัน ผมต้องสอบใบอนุญาตซึ่งหากไม่มีความรู้ความเข้าใจจริง ๆ แล้วอาจจะทำให้ลูกค้าเสียหายได้ ดังนั้นหากผมไม่มีความรู้ ไม่อ่านหนังสือให้เต็มที่แล้วใช้คาถาพระอินทร์ พระท่านก็คงไม่โปรด เรื่องนี้ประสบกับตัวมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง หลังจากนั้นผมมุด้วยตัวเองมาตลอดโดยมีพระคาถานี้ช่วยเสริมทุกครั้ง


    ทั้งหมดที่เล่ามาต้องการให้เห็นตัวอย่าง "ผล" ของคาถาพระอินทร์ ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานได้มอบให้ลูกหลานไว้ใช้ ว่าสำเร็จได้จริงมีผลจริง โดยท่านไม่ต้องเข้าใจเหตุผลกลไกการทำงานเบื้องหลัง ขอเพียงแค่ทุกท่านมีศรัทธาความเชื่ออย่างสนิทใจไม่มีความลังเลสงสัยซึ่งเป็นนิวรณ์ตัวร้ายทำให้เกือบทุกอย่างไม่มีผล ไม่ว่าจะคาถา เครื่องรางของขลัง

    ผมไม่ได้อยากเป็นเยี่ยงอย่างให้น้อง ๆ หรือท่านอื่นที่ยังต้องสอบ ปฏิบัติตัวอย่างผม เพราะท่านอาจจะเสียใจได้ ผมเข้าใจว่าที่ผมทำตัวเยี่ยงนั้นแล้วพระท่านโปรดให้อย่างนี้ เป็นเพราะผมวางอารมณ์ใจขณะใช้คาถาได้อย่างถูกต้องและเจตนาของผมไม่ได้เบียดเบียนผู้ใด ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนแก่ใครในภายหลัง...เอวังกิ่ม :)


    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นประมาณช่วงปี 2536 - 2546
    ชื่อ นริศ ชวนะปราณี
    เบอร์โทร. 089 8290298
    ที่อยู่จัดส่งเอาไม๊ครับพี่พี :)
     
  4. Ong

    Ong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +12,861
    อลังการดีจังครับ ปรอทกรอ

    ทึ่งใน นวัตกรรมและภูมิปัญญาบรรพบุรุษมากมาย


    ปรอทกรอ



    <object width="425" height="344">


    <embed src="http://www.youtube.com/v/IxsgD0kvJ0Y&hl=en&fs=1&" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="425" height="344"></object>
     
  5. sridoi

    sridoi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2006
    โพสต์:
    5,489
    ค่าพลัง:
    +19,352
    เจ๋งเป้งเลย
     
  6. cc5922

    cc5922 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    4,193
    ค่าพลัง:
    +16,973
    ขอบคุณครับพี่พีที่ช่วยชี้ทางผมก็คิดไว้แบบนั้นแต่ยังไม่เคยไปวัดครูบาดวงดีวัดบ้านฟ่อนครับ (ไม่ทราบที่ตั้งของวัด) ปกติผมเคยไปกราบครูบาดวงดีเป็นประจำ (วัดท่าจำปี ) แต่ตอนนี้อายุท่านก็ 104 ปีแล้วคงจะทำพิธีให้ลำบากองค์หลวงปู่ แต่เบื้องต้นจะแวะไปกราบครูบาดวงดีวัดท่าจำปีก่อนแล้วจากน้อยไปกราบขอเมตตาจากครูบาดวงดีวัดบ้านฟ่อนทำพิธีให้ก็คงได้นะครับ ส่วนพี่ส้มฟัก และพี่ลายสะลองมีอะไรดีๆแนะนำก็ยินดีครับ(ขออนุญาตเรียกพี่)แล้วสิ่งที่ต้องเตรียมไปมีอะไรบ้างครับ ยังไม่มีความรู้เลย..ขอคำชี้แนะด้วย (ผมว่าจะไปทำวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ครับ)
     
  7. เตเต้

    เตเต้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2009
    โพสต์:
    231
    ค่าพลัง:
    +961

    พี่นริศ เรียนราม มาด้วย มีรุ่นพี่แล้ว
     
  8. moo noi

    moo noi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    6,328
    ค่าพลัง:
    +23,902
    สุดยอดจริงๆเลยค่ะ rat_wting
     
  9. sridoi

    sridoi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2006
    โพสต์:
    5,489
    ค่าพลัง:
    +19,352

    ซอยเดียวกับวัดท่าจำปี เลยวัดท่าจำปีไม่น่าจะเกิน 500 เมตร มีวัดสว่างอารมณ์ พระอาจารย์พรสิทธิ์ครับ :) มีคนเอารถไปขอท่านเจิมประจำครับ
     
  10. sridoi

    sridoi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2006
    โพสต์:
    5,489
    ค่าพลัง:
    +19,352

    รุ่นพี่แต่เรียนไม่จบนะครับ :) คงโดนให้พ้นสภาพนักศึกษาเรียบร้อยแล้ว
     
  11. cc5922

    cc5922 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    4,193
    ค่าพลัง:
    +16,973
    ขอบคุณครับ วัดนี้เก่งด้านสักยันต์ด้วยหรือเปล่าครับ
     
  12. cc5922

    cc5922 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    4,193
    ค่าพลัง:
    +16,973
    สงสัยจะมีทีเด็ด แต่มีอีกแหล่งครับใบ้มาว่า 20. ครับ
    การเล่นหวยมีความเสี่ยง นักลงทุนควรพิจารณา...
     
  13. ส้มฟัก

    ส้มฟัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,393
    ค่าพลัง:
    +2,164
    เอิ้ก เอิ้ก ผมเองเป็นแมวน้อยในกะลาครับผม ไม่เคยออกไปไหนครับ <label for="rb_iconid_10">[​IMG]

    แต่ถ้าผ่านมาทางแม่แตง อย่าลืมแวะกราบนมัสการหลวงพ่อประสิทธิ์ วัดป่าหมู่ใหม่นะครับผม ท่านไม่เจิมรถครับผม แต่ท่านเจิมใจให้อิ่มเอิบไปชั่วกาลนานเลยครับผม
    </label>
     
  14. sridoi

    sridoi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2006
    โพสต์:
    5,489
    ค่าพลัง:
    +19,352

    ครับถ้าได้เห็นพระอาจารย์พรสิทธิ์แล้วจะมั่นใจเองครับว่าเก่งด้านนี้รึเปล่า
    แถมสักสวยอีกต่างหากนะครับ :)
     
  15. ส้มฟัก

    ส้มฟัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,393
    ค่าพลัง:
    +2,164
    ยินดีด้วยกับรถคันแรกครับผม <label for="rb_iconid_10">[​IMG]</label>

    ขอให้ขับพาคุณcc5922ไปสู่ความรุ่งโรจน์นะครับ
     
  16. ลายสะลอง

    ลายสะลอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    311
    ค่าพลัง:
    +2,200
    ช่วงนี้บ่ว่างมากกว่าว่างครับ พอว่างก็บ่ได้เข้าเวปครับ แล้วก็ยังเป็นคนจนเงินอยู่แต่รวยใจมากกว่าเดิมครับ [​IMG] แหม ผมก็ว่าเบี้ยตัวนี้สวยกว่าตัวก่อนๆ แล้วก็ได้ยาหอมแบบนี้ปลื้มเป็นพันเท่าเลยครับ [​IMG]
     
  17. benay

    benay เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    12,281
    ค่าพลัง:
    +15,604
    benay_watmon@hotmail.com (เบ็น 083 -6139417)

    กระทู้นี้ ยอดการเปิด 160,000 กว่าครั้ง ปลื้มแทนท่านเจ้ากรม คงมีกำลังใจอีกเยอะนะครับพี่ คนสนับสนุนเยอะๆแบบนี้ กำลังใจเกินร้อย(ping)
     
  18. ลายสะลอง

    ลายสะลอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    311
    ค่าพลัง:
    +2,200
    ตามทางที่คุณ NR บอกน่ะครับ หรือไปถึงวัดท่าจำปีก็สอบถามคนแถวนั้นก็ได้ น่ะครับ คนเหนือล้วนใจดีทุกคนครับ ส่วนของที่ต้องเตรียมผมก็บ่รู้ชัดเจน คราวก่อนไปกราบหลวงปู่ครูบาดวงดี วัดบ้านฟ่อน ผมเห็นคนนำรถมาให้หลวงปู่ครูบาดวงดีท่านเจิมให้ คลับคล้ายคลับคราผมจะเห็นคล้ายๆ กรวยใส่ดอกไม้อยู่ด้วยน่ะครับ ผมก็เรียกบ่ถูก ถ้าจะให้ดี คุณ cc5922 ลองสอบถามคุณโจ ภราดรดูน่ะครับ ให้โจถามลุงสม (ลุงสมเป็นคนดูแลหลวงปู่อยู่ครับ) ดูว่าถ้าเอารถไปเจิม ต้องมีอะไรบ้าง ก็จะชัดเจนที่สุดครับ.... ที่สำคัญ อย่าลืมเอารถที่จะเจิมไปด้วยเน้อ [​IMG]
     
  19. sridoi

    sridoi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2006
    โพสต์:
    5,489
    ค่าพลัง:
    +19,352
    555 มุขระเบิดต่อมฮาจากเชียงใหม่
     
  20. moo noi

    moo noi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    6,328
    ค่าพลัง:
    +23,902
    มาเป็นคำคมอีกและ...ชอบ...ชอบ(||)(||)
     

แชร์หน้านี้

Loading...