พลังเอกภพยูเรอัส

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย anumota, 17 มิถุนายน 2009.

  1. ONLY ONE

    ONLY ONE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +427
    หากภายในวันศุกร์ที่ 26 มค ยังไม่มีผู้สนใจเรียนพลังเอกภพระดับ 1 เพิ่มขึ้น ก็คงต้องขอเลื่อนก่อนสอนออกไปก่อน

    ส่วนการอบรม พลังหินบำบัด ระดับเบื้องต้น วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ เวลา 09.00-16.00 น. ขอให้ผู้สนใจทั้งที่มีและไม่มีพื้นฐาน ขอให้ลงชื่อได้แล้วครับ (ไม่ค่อยได้เปิดสอนคอร์สนี้บ่อยๆ หลายเดือนจะสอนสักครั้ง)

    1. คุณภัทรพล ......................... 1 ที่
    2. คุณวันเพ็ญ ......................... 1 ที่
    3. คุณโอสถ ........................... 1 ที่
    4. คุณคิ้ม .............................. 2 ที่
    6.
    7.
    8.
    9.
    10.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มกราคม 2010
  2. 777book777

    777book777 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2008
    โพสต์:
    132
    ค่าพลัง:
    +327
    อจ.คะวันที่เรียนจบระดับพิเศษ คุณสมานเค้าเอาปิรามิดที่เค้าทำเองจากลวดทองแดงมาให้ดู เป็นทองแดงเส้นนำมาตัดและบัดกรีติดกันจนเป็นรูปปิรามิด เวลาถือปิรามิดนี้ไว้เหนือสิ่งที่มีพลังปิรามิดนี้จะแกว่งเองได้

    กลับบ้านหนูเลยลองทำมั่ง แต่มันไม่เหมือนของคุณสมานซะที เลยได้แค่ปิรามิดลูกเดียว(ของคุณสมาน2-3ลูก)

    ด้วยความภาคภูมิใจที่ทำปิรามิดได้และความโมโหที่ทำไม่เหมือนของคุณสมานหนูเลยเอาปิรามิดที่ทำมาครอบหน้าผากตรงจักระ6แล้วนอน

    ปรากฎว่ามันเห็นภาพค่ะ เป็นภาพเหตุการณ์หรือพิธีอะไรบางอย่าง เป็นเหมือนภาพยนต์ให้เราชมแต่ไม่รู้เรื่องว่าเขาทำอะไรกัน

    ครั้งที่สองก็เกิดภาพอีกแต่คนละเหตุการณ์ ครั้งแรกประมาณว่าเป็นคนไทย ครั้งที่สองต่างประเทศ

    จะว่าคิดไปเองก็ไม่น่านานขนาดนี้ (เกือบ2นาที)

    ปิรามิดที่วางตรงหน้าผากจะมีผลอะไรมั้ยคะ และเป็นอันตรายมั้ย ในความรู้สึกหนูคิดว่าจักกระ6มันน่าจะละเอียดอ่อนอาจเป็นอันตราย แต่ความรู้สึกอยากพิสูจน์มันก็มีมากเหลือเกิน เลยขอถามอจ.ก่อนดีกว่าจะได้อุ่นใจ หรือถ้าอันตรายจะได้เลิกทำ

    ขอบพระคุณอจ.ค่ะ


    นี่คือข้อความที่pmถามอจ.
     
  3. 777book777

    777book777 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2008
    โพสต์:
    132
    ค่าพลัง:
    +327
    ยังไม่อยากให้ออกนอกลู่นอกทาง พวกเรายังอ่อนต่อโลกของจิตวิญญาณอยู่มาก หากโดนแทรกแล้วจะแก้ยากมากๆๆๆๆ ขอเตือนไว้ ณ ที่นี้ และฝากบอกทุกๆ คนด้วย จิตปกติของมนุษย์มันมีความอยากรู้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นั่นเท่ากับเราเปิดจิต รอสิ่งที่จะทำให้เรารอบางสิ่ง บางอย่างที่เราไม่รู้เข้ามาหาตัว นี่คืออันตรายและจุดอ่อนของมนุษย์แทบทุกคน จะเสียเวลา บางคนหลงวนเวียนเช่นนี้ตลอดไป หรือก็หาทางออกไม่เจอ

    ช่วย copy ข้อความแล้วส่งต่อให้คนอื่นๆด้วย
    และนี่คือคำตอบของอจ.
     
  4. 777book777

    777book777 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2008
    โพสต์:
    132
    ค่าพลัง:
    +327
    ดีนะที่ถามอจ.ก่อน ไม่งั้นคงเล่นแผลงๆไปเรื่อยๆ คิดแค่ว่าสนุกดี
    ไม่กล้าแล้วค่ะ:boo:
     
  5. oJOEo

    oJOEo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +136
    ที่ท่าน อาจารย์ สอบถามมาเรื่อง ที่จังหวัดอ่างทองมีคนสนใจเรียนระดับ 1 หรือเปล่า
    ตอนนี้ ยังไม่มีคนตอบตกลงครับ ได้แต่บอกว่าอยากไปแต่ขอดูก่อนครับผม
    สรุปคือยังไม่มีใครแน่นอนครับ
     
  6. บัวสีขาว

    บัวสีขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +202
    ขอชมจากใจ นึกได้ไงไม่รู้ คุณจ๋าเองช่างน่ารักเสียจริงๆ จัดให้สะใจนัก

    ขอชม ขอชม:z16
     
  7. จ๋าเอง

    จ๋าเอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +333

    ฮื่อ พรปู่เค้าขอมา พอดีนายไม่อยู่ ว่าง ว่างก็จัดให้ไป
    ว่าแต่ ขอแบ่งสักหน้าเถอะค่ะ..อ้อ ขอเผื่อพรปู่ด้วย อีกหน้า นะคะ พี่ดาว
     
  8. พรปู่

    พรปู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    243
    ค่าพลัง:
    +277
    เห็นด้วยครับ คุณจ๋าเอง อยากขอความอนุเคราะห์แบ่งจากพี่ดาวทะเลทรายมาบ้าง

    พี่แกคงเขียนได้หลายหน้าเลย .... อิจฉาจัง

    :p:p:p
     
  9. พรปู่

    พรปู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    243
    ค่าพลัง:
    +277

    (cry)(cry)(cry)
     
  10. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,424
    ค่าพลัง:
    +13,166
    ประโยชน์ที่ได้รับจากการเรียนวิชาพลังเอกภพยูเรอัส

    [​IMG]


    พลังเอกภพยูเรอัสffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>


    ประโยชน์ ที่ได้รับ จากการเรียนวิชา พลังเอกภพ ยูเรอัส<O:p></O:p>


    <O:p> </O:p>


    คำนำ<O:p></O:p>


    <O:p> </O:p>

    ผู้ที่เข้ารับการ อบรมในวิชาพลังเอกภพ ยูเรอัส มากันจากหลายที่ หลากหลายอาชีพ เหตุผลที่ มาสนใจ ย่อมต่างกัน แม้นตัว ข้าพเจ้าเอง เหตุผลที่มา ก็ อาจแปลกหรือแตกต่างไป จาก คนอื่นๆ<O:p></O:p>
    ในครั้งแรก ที่รู้จัก คำว่าพลังเอกภพยูเรอัส ก็เพราะ หลงเข้ามาในเวปพลังจิต โดยบังเอิญ และพบกระทู้เรื่องราวของวิชาพลังเอกภพยูเรอัส เข้า อ่านแล้ว ก็ รู้สึกว่า น่าจะดี ช่วยรักษาคนป่วยได้ ด้วย แถมยังไปเกี่ยวข้องกับเรื่องราว ความลึกลับ ของอียิปต์โบราณ เสียด้วย ความคิดนึก ก็ยังคงอยู่ ในใจ เพียงเท่านี้ จนกระทั่ง ทราบข่าวที่ อาจารย์กิตติชัย ประกาศ เปิดการอบรมพลังเอกภพยูเรอัส ระดับ 1-2 ในวันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม 2551 ความรู้สึก เดิมที่สนใจอยู่ เริ่มระอุ ขึ้นอีกครั้ง <O:p></O:p>
    จนกระทั่งถึงวันที่ได้รับการอบรม. <O:p></O:p>
    นั่งเรียน ทั้งวันแบบรู้ เรื่องบ้าง ไม่รู้บ้าง ก็จำจำ เอา เท่าที่ฟัง เท่านั้น กลับมาถึงบ้าน ยังคิดในใจ แล้ว เรา จะเอาไปรักษา คนป่วยได้อย่างไร “เรามี พลังกับ เขาด้วยหรือ”<O:p></O:p>
    ตอนอาจารย์กิติชัย ส่งพลัง เปิดจักระ ให้ ก็ ไม่รู่ สึกอะไร เฉยๆ ไปหมด มีแต่ พวกเพื่อนๆ ที่อยู่ในชั้นเรียนบางคน ได้ยินเขาคุยกัน ว่า เป็น อย่างนั้น อย่างนี้ ( บางคน เขาพอมีพื้นฐาน ในด้านพลัง มาบ้าง ) <O:p></O:p>
    ตัวผม เอง นะสิ เฉยๆ อย่างเดียว เลย<O:p></O:p>
    นับเป็นความโชคดี อย่างหนึ่ง ของผม ที่ ที่พระอาจารย์ และ ท่านอาจารย์ ยังเมตตา แก่ผม
    ทำให้ผม เห็นบางสิ่งบางอย่าง ที่ แปลกออกไป (หรือบางคน อาจ เรียกว่า อัศจรรย์ ก็ได้) ตลอดเวลาเรียน จนถึงเย็นเลิกเรียน ตอนนั้น ก็ ยังไม่ เข้าใจหรอกว่า คืออะไร นึกว่า ตนเอง ตาลาย ไป แต่ การเห็นนั้น ก็ยังไม่สิ้นสุด มีอยู่ ตลอดวัน
    จนต้องถาม กับ ท่านอาจารย์กิตติชัย ว่า อาจารย์ ครับ อาจารย์ ครับ ผม เห็นอะไร ครับ
    .................... ไม่ได้ ถาม แบบ ขำขำ นะครับ ตอนนั้นถามไป แบบ ซื่อๆ เพราะ ตามรู้สึก เท่านั้น

    เป็นจุดเริ่มต้น ที่ทำให้ ผมเอง เข้าสู่ การเป็นนักเรียนยูเรอัส และ พัฒนาต่อมาจน เป็น “หมอมือเปล่า” ในนามของ ดาวทะเลทราย ในที่สุด<O:p></O:p>

    ประโยชน์ ที่ได้รับ จากการเรียนวิชา พลังเอกภพ ยูเรอัส<O:p></O:p>


    <O:p> </O:p>

    หากมีใคร สักคน มาถามคำถามนี้ กับผม ผม คง ตอบได้ บรรยายได้เป็นคำพูด มากมาย โดยไม่ต้องเสียเวลา คิดเลย อาจต้องใช้เวลา พูดได้ เป็นชั่วโมง เป็นแน่<O:p></O:p>
    พอ ได้รับคำถามนี้ จาก ท่านอาจารย์กิตติชัย ให้ เขียนเป็นรายงานส่ง <O:p></O:p>
    หากใช้ภาษา แบบเป็นทางการ ผม เอง คง เขียนไม่ ออกเช่นกัน<O:p></O:p>
    จึงขออนุญาติ เขียนเป็นภาษา แบบคำพูด และความรู้สึก นะครับ ว่าเรียนวิชานี้ แล้ว ผม ได้อะไร ผมนำวิชานี้ไปใช้ทำอะไร<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    เริ่มต้น จากการใช้รักษา โรค รักษาอาการเจ็บป่วย ของ ผู้อื่น ( ตัวเอง ปกติ ไม่ค่อยเป็นอะไร )<O:p></O:p>
    ต่อมา เริ่มรับรู้ ถึงพลัง เริ่มสัมผัสพลัง ได้<O:p></O:p>
    ทำให้ การรักษา ยิ่งมีประสิทธิภาพ มากขึ้นๆ เป็นลำดับ จนนำไปประยุกต์ใช้ กับ เรื่องอื่นๆ ได้อีก <O:p></O:p>
    ต่อมา ความรู้ ความเข้าใจ เรื่องพลัง เพิ่มมากขึ้น ตอบคำถาม อธิบาย ความข้องใจ ของตนเอง ได้ เป็นลำดับ<O:p></O:p>
    มารู้ตัว อีกที ว่า “ ฉัน เปลี่ยไป “<O:p></O:p>
    การเปลี่ยนแปลง นี้ อาจดู เหมือนไม่มาก <O:p></O:p>
    ทางร่างกาย ผม แข็งแรง ขึ้น ( ปกติ ก็ ไม่เจ็บไม่ป่วย อยู่แล้ว ) แต่ รับรู้ ได้ว่า การทำงาน ของร่างกาย ของเรา เอง ดีขึ้น มีประสิทธิภาพ สูงขึ้น อยากจะบอกว่า หนุ่มขึ้น อีกหน่อย เสียด้วยซ้ำ<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    ด้านครอบครัว ความรัก ความสุข ในครอบครัว ก็ ดีขึ้นมาก เป็นลำดับ<O:p></O:p>
    มันเกี่ยวกันได้ อย่างไร ข้อนี้ หากอธิบาย คงต้อง เขียนเป็นบทความยาวๆ ได้อีกเรื่องหนึ่ง ทีเดียว<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    แต่การเปลี่ยแปลงภายใน นี่ซิ เห็นเด่นชัด <O:p></O:p>
    มีขบวนการ บางอย่าง เข้ามา พัฒนา สมอง , ความคิด , และจิตใจ <O:p></O:p>
    แต่เดิม ถึงผมจะเป็น คน ชอบทำบุญ สุนทรทาน ไหว้พระบ้าง สวดมนต์บ้าง ทำสมาธิ มาตั้งแต่เด็กๆ<O:p></O:p>
    เดี๋ยวนี้ ก็ ยังทำอยู่ ทำบ้างไม่ ทำบ้าง เหมือนเดิน นั่นแหละ มีสิ่ง ที่แตกต่างขึ้น ตรงที่ว่า <O:p></O:p>
    กล้าหาญ ในการทำความดี มากขึ้น กล้าที่ จะแสดงความมีน้ำใจกล้าที่จะช่วยเหลือผู้อื่น โดยไม่ แยแส สาตา ของ คนที่มองเห็น ว่า ไอ้นี่ มันบ้าหรือเปล่า<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    กลับมี คำพูดที่ว่า “ ถ้าฉันไม่ ทำ แล้ว จะรอให้ ใครทำ ” <O:p></O:p>
    ผม ยังไม่ ยอมทำ แล้ว จะมีมนุษย์ ใจดี ที่ไหนมาทำ เล่า<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    เริ่มเข้าใจ เรื่องราว ที่เป็นนามธรรม ที่ในอดีต ยังคิดว่า เป็นจริงได้ หรือ<O:p></O:p>
    อย่างเช่น ข้อความหนึ่ง ในคัมภีร์ เก่าแก่ที่สุด ของพุทธศาสนา ปัจจุบัน เก็บรักษาไว้ที่ ประเทศอังกฤษ กับสำเนา อีกฉบับ ยังคงอยุ่ในเจดีย์ เก่าแก่ที่สุดใน ประเทศจีน<O:p></O:p>
    มีข้อความตอนหนึ่งว่า “ หน่อเนื้อพุทธางกูล มีอยู่ แล้ว ในตัวท่าน”<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    หมายถึง ความดี สูงสุด มีอยู่ แล้ว ใน เรา ทุกคน เพียงแต่ เราเอง ต่างหาก จะ มองเห็นความดี นี้ เพียงไร ยอม ให้ความดี นี้ ผุดออกมา จากใจ แสดงออก จากกาย ด้วยการกระทำ <O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    หากเป็นสมัยก่อน คำพูดเหล่านี้ คงไม่หลุดออกจากปาก ของข้าพเจ้า โดยง่าย และ ก็ คงไม่กล้าพอที่ จะเขียนถ่ายทอด ออกมา ด้วยซ้ำไป<O:p></O:p>
    แต่บัดนี้ ข้าพเจ้า ได้เป็นนักเรียนยูเรอัส ผ่านการฝึกฝน มาจน มีความกล้าหาญ มีความมั่นใจ ในความดี ความถูกต้อง โดยไม่ ต้อง แยแส สายตา ของผู้ ที่ยังไม่ เข้าใจ <O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    “ ทำดี ไม่ต้องอาย นะลูกเอ๊ย”....... เป็นเสียงที่ให้กำลังใจ เรา ดีเหลือเกิน<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    กลับมาสู่โลกแห่งรูปธรรม<O:p></O:p>
    หากจะมองเห็นประโยชน์ ของการเรียนวิชา พลังเอกภพยุเรอัส พอจะแบ่ง ออกเป็น 2 ด้าน คือ<O:p></O:p>
    1. ประโยชน์ ต่อ ผู้อื่น สังคม ภาครวมในที่สุด ฯ<O:p></O:p>
    2. ประโยชน์ ต่อ ตนเอง<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    ประโยชน์ ใน เบื้องต้น ที่ มองเห็นได้ง่าย เรียนแล้ว <O:p></O:p>
    นำไปรักษาโรค รักษาสุขภาพ จากรักษาตนเอง เผื่อแผ่ไปยัง พ่อแม่ พี่น้อง ลูกเมีย จนกระทั่ง ความเมตตา สงสาร ในใจ มันล้น เอ่อ ออกมา ถึงคนภายนอก เพื่อนที่ทำงาน คนข้างบ้าน <O:p></O:p>
    พอทำ มากๆ เข้า แม้นคนไม่รู้ จัก ก็ยัง ไปรักษาให้ เขา ..... ( ตรงนี้ ต้องใช้ ความกล้าหาญ มากขึ้นอีกหน่อย )<O:p></O:p>
    ในส่วนการรักษา โรค นี้ ทำได้ไม่ยาก ทุก คน ที่เรียน ทำได้อย่างแน่นอน<O:p></O:p>
    ตั้งแต่ เรียนจบ ระดับ 1 <O:p></O:p>
    ขอเพียง ตัวเรา เอง แหละ ยอมเสียสละ เวลา บ้าง อดทน กับ ความไม่สะดวก บางประการบ้าง แล้วก็ ทำไปเถิด ... ได้ ผลอย่างแน่นอน<O:p></O:p>
    ข้อนี้ ข้าพเจ้า ขอยืนยัน รับประกัน เต็มร้อย<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    ตัวอย่าง การรักษา ที่ ข้าพเจ้า ได้เคยทำไว้<O:p></O:p>
    1. พระอาจารย์ บุญมา ธรรมฺวุฑโฒ เจ้าอาวาสวัดถ้ำท้องพระโรง ท่านเป็นพระนักพัฒนา ที่สมถะ มาก ท่านทำงานอย่างหนัก ในการสร้าง และพัฒนา วัดถ้ำท้องพระโรง จาก ถ้ำ เป็นสำนักสงฆ์ จนเป็นวัด ในที่สุด ด้วยเวลา ยาวนานหลายสิบปี ด้วย มือ สองข้า ถือฆ้อน ทุก หินผา ก้อนใหญ่ จนเรียบราบ เป็น ถนน ทางเข้าวัด<O:p></O:p>
    จนอายุมาก เข้า ร่างกายสังขาร ย่อมชำรุด ทรุดโทรม เป็น ธรรมดา <O:p></O:p>
    ครั้งหลัง ที่ผม ทราบว่าท่านป่วยเป็น นิ่ว ในกระเพาะปัสสาวะ ทั้งสองข้าง เนื่องจาก ท่านแวะมา บอกบุญผม ที่บ้าน พอท่านเดินเข้ามา เท่านั้น พลัง เดินจาก มือผม ทันที<O:p></O:p>
    ผมจึง สอบถามท่าน ว่า หลวงพ่อ ครับ ท่านใด ป่วย ครับ ( มากัน 2 รูป ) จึงทราบว่า หลวงพ่อบุญมา ป่วยเป็นนิ่ว และ ต้องกินยา อยู่ทุกวัน หมอที่โรงพยาบาล นัดให้ ไป ผ่าตัดรักษา ท่านก็ไม่ยอมไป เพราะเกรงว่า หลังผ่าตัด จะทำงาน หนักไม่ได้ วัดวาอาราม ที่ ท่านดูแลอยู่ จะไม่มีคนช่วยทำงาน จึงได้แต่ ขอยามากิน -ขณะที่ เดินทางมา ก็ยัง ปวด ที่ไต อยุ่ เลย<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    เท่านั้นเอง ผม จึง บอกท่านว่า ผม จะรักษาให้ท่าน... แล้ว เริ่ม การรักษา ตามที่ ได้ เล่าเรียนมา<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    ท่านส่งข่าวมา ครั้งล่าสุด ท่านบอกว่า ท่านหายแล้ว ไม่เจ็บไม่ปวด สามารถ ทำงานหนักๆ ได้ ตามปกติ<O:p></O:p>
    มีคำพูดของ หลวงพ่อบุญมา “ โยม คงเป็น พระโสดาบัน เป็นแน่ แม้นอาตมา อยู่ ตั้งไกล ที่วัด ยัง รักษา ได้ จนหาย “<O:p></O:p>
    ทำเอา ให้ ผม เอง ต้อง รีบ ตอบท่านไป ตามความเป็นจริง... ว่า <O:p></O:p>
    ผม ทำเพียง ขอพลังจากพระเบื้องบน และ ส่งพลังรักษา ให้ท่าน เท่านั้น มิได้ เป็น ผู้วิเศษ แต่ อย่างไร<O:p></O:p>
    2. พระมหาสุกันจ์ ถาวรจิตโต เดิมที ท่านเป็นพระธุดง อยู่ตามป่าเขา จนมา ปักกลด อาศัยอยู่ในป่าช้า จนชาวบ้าน นิมนต์ ให้ อยู่ประจำ ปัจจุบัน เป็นพระครูปลัดสุกันจ์ ถาวรจิตโต เจ้าอาวาสวัดป่าโพธิญาณ จังหวัด มหาสารคาม<O:p></O:p>
    ในขณะนั้น ผมยังเรียนอยู่ ในระดับ 3<O:p></O:p>
    ได้รับโทรศัพท์ จากท่าน ท่านให้ ลูกศิษย์ โทรมาหาผม เล่าอาการให้ฟัง ว่า ท่านอยู่ในห้องไอซียู ร.พ. พระราม 2 อาการ ปอดทะลุ ได้รับการรักษา และผ่าตัดแล้ว แต่อาการยังไม่ดีขึ้น ขอให้ผมไปเยี่ยมท่าน<O:p></O:p>
    เพียงทราบข่าว ว่าหลวงพี่ ป่วย พลัง รักษาถูกส่งออกไปทันที อย่างไม่ ทันได้คิด<O:p></O:p>
    (ระดับ 3 ยังไม่ได้เรียนวิธี ส่งพลังรักษาทางไกล) <O:p></O:p>
    ตัวผม เอง งานก็ยังไม่เสร็จ ต้องรีบ ทำงานให้ เสร็จ เพื่อจะได้ไป พบท่าน<O:p></O:p>
    ตอนเที่ยง เสร็จงาน รีบไป เยี่ยม อาการหลวงพี่ <O:p></O:p>
    ไม่ได้ลืม ว่าการรักษาคนป่วย ในโรงพยาบาล และ ในวัด เป็นเรื่องที่ อาจ เกินความสามารถ ของนักเรียน ระดับ 3 อย่างผม แต่ กรณีนี้ ถือว่า จำเป็น<O:p></O:p>
    ไม่ช่วยท่าน ก็ไม่ได้ ใจ มันไป ก่อน ตั้งแต่ เช้าแล้ว<O:p></O:p>
    ก่อนลงจากรถ ผม จึง เตรียมตัว ไว้ก่อน ขอพลังคุ้มครอง ครอบตัวไว้<O:p></O:p>
    เมื่อเข้าไปถึง ในห้องไอซียู<O:p></O:p>
    พบว่าท่าน นอนหลับอยู่ จึง ส่งพลังรักษาให้ท่านไป <O:p></O:p>
    ปกติ การรักษา ในระดับ 3 ยังต้องใช้การ แตะส่งพลัง แต่ เนื่องจากในห้องไอซียู มีคนป่วย มีพยาบาล กัน หลายคน ผม ก็ไม่ อยากทำอะไร ให้ดู ประเจิด ประเจ้อ คนอื่นอาจเห็น เป็นเรื่องประหลาด<O:p></O:p>
    จึง ส่งพลัง แบบ ไม่แตะตัว เพียง ใช้มือ ไปใกล้ๆ เท่านั้น<O:p></O:p>
    ตอน ขากลับ ก็ยัง ระวังตัวอยู่ เพียงเดินออกมา หน้า โรงพยาบาล เท่านั้น ก็รู้สึกว่า ข้าฯ เจ้า โดนเล่น เสียแล้ว... คิดขำ ในใจ เรามาช่วยคน แท้ๆ จะ แกล้งผม ทำไม<O:p></O:p>
    ว่าแล้ว ก็ ทำการ ล้างพิษ ถอน ของไม่ดี ออกจากตัว แล้ว ก็ ขึ้นรถ กลับบ้าน<O:p></O:p>
    ตกตอนบ่าย รู้สึกเจ็บ นิ้วโป้งเท้าข้างขวา นิดๆ ก็รักษา ตัวเองไป<O:p></O:p>
    ตื่นเช้าวันรุ่ง ขึ้น เจ็บ จริงๆ เริ่ม เดิน ขัดๆ ตกบ่าย เจ็บปวม ที่ นิ้วเท้า จนเย็น เดินไม่ค่อยจะได้ แล้ว มันเจ็บ จนไม่อยากเดิน<O:p></O:p>
    เอ๊ ทำไม รักษา ตัวเอง ไม่หาย<O:p></O:p>
    วันนั้น โทรหาอาจารย์ ก็ ไม่ติด นึกถึง พี่เม้าส์ รุ่นพี่ โทรไป บอกอาการ ให้ฟัง พี่ แก ก็ บอก ไม่มีอะไร แค่ โดน นิดหน่อย ว่าแล้ว พี่ แก ก็ ส่งพลัง มาช่วย วูป ลงมาเลย จนถึงเท้า สงพื้นออกไป<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    อาการ ก็ดี ขึ้น รุ่ง ขึ้น ผม หาย เป็นปกติ<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    3. คุณนิวัตน์ อำนาจพรหมประสิทธิ์ คนนี้ อายุ เกือบ 60 แล้ว เป็นหลายโรค ตั้งแต่ โรคเบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ โรคเก๊า <O:p></O:p>
    แต่ละโรค เป็นโรค ที่ รักษา ได้ยาก ทั้งนั้น <O:p></O:p>
    ต้อง ใช้เวลามาก ผมจึงบอกไป ตรงๆ ว่า รักษา กันไปทุกวัน นะ ช้าหน่อย อาจ หลายเดือน แต่ น่าจะดีขึ้น อย่างแน่นอน<O:p></O:p>
    คนป่วย ก็ ขยัน มา ให้ รักษา แทบทุกวัน รักษา กันไป <O:p></O:p>
    ในสัปดาห์ แรก เข้าก็ พอใจ ในผลการรักษา รู้สึกว่า ดีขึ้นเล็กน้อย<O:p></O:p>
    รักษา กันไป ถึง สามสี่เดือน จน ช่วงหลังๆ อาการ ดี ขึ้น ชัดเจน การเดิน จากคน เดินแบบคนแก่ เดิน ย๊อกแย๊ก กลับ มาเดิน ได้ เกือบปกติ จนคน ข้างเคียง สังเกตเห็นได้<O:p></O:p>
    คนนี้ รักษา กันต่อเนื่อง นาน<O:p></O:p>
    ผม สังเกต ได้ว่า เขา รับพลัง ได้ จนตัวเขา เอง เริ่มสัมผัสพลังได้ ด้วย เขาเคยเล่าให้ฟัง ว่า เวลานอน จะมี อะไร สั่นๆ ในตัว<O:p></O:p>
    อาการนี้ คือ พลังที่ เดินในแกนกระดูสันหลัง ของคนที่ ฝึกพลัง อย่างพวกเรา แต่เค้าไม่ได้เรียนเลย รับการรักษา ไป บ่อยๆ จักระของเขา พัฒนา รับพลัง ได้ดี ขึ้น จน พลังเดินได้ ยังกับ คนที่ฝึกพลัง... เป็น เรื่อง ที่ น่าบันทึกไว้ อีกเรื่องหนึ่ง<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>

    บทสรุป<O:p></O:p>

    เคยได้ยินคำถามเหล่านี้ แต่ไม่ค่อยมี ใครกล้าตอบ ตรงๆ<O:p></O:p>
    เรียนวิชาพลังเอกภพ แล้ว ทำสมาธิ ได้ดีขึ้น จริงไหม.................... จริงครับ<O:p></O:p>
    เรียนแล้ว มีอภิญญา มีตาทิพย์ มีตาที่สาม จริงหรือเปล่า..................... จริงครับ <O:p></O:p>
    แต่คง ต้อง ตอบ กัน แบบ ยาวๆ หน่อย ตอบสั้นๆ ไป คง ทำให้ หลายคน ลำบากใจ และอาจนำมาสู่ ความยุ่ง ยาก ในภายหลัง<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    คำตอบสั้นๆ แบบตรงๆ แบบจริงใจ ขอบอกว่า<O:p></O:p>
    เรื่องราว ที่เขาว่า ลึกลับ เรื่องเหนือฟ้า ใต้บาลดาล ทั้งหลาย จะถูก อธิบายได้ ให้สามารถเข้าใจ ด้วยตนเอง หลังจากที่ท่านได้เรียนและฝึกฝน ตนเอง จนถึงระดับที่เพียงพอแล้ว<O:p></O:p>
    สิ่งทั้งหลาย เหล่านี้ ล้วน เป็นเรื่อง ธรรมดาๆ เป็น ธรรมชาติ<O:p></O:p>
    ความสามารถ ที่ คนทั่วไป คิดว่า เป็นความสามารถพิเศษ ล้วน เป็น ความสามารถปกติ ของมนุษย์ ธรรมดาๆ เท่านั้นเอง<O:p></O:p>

    คนที่ทำไม่ ได้ เพราะ ทำตัว เป็น คนไม่ ธรรมดา<O:p></O:p>


    มนุษย์ธรรมดาๆ ทำได้ทั้งนั้น<O:p></O:p>

    <O:p> </O:p>
    <O:p> </O:p>
    <O:p> </O:p>
    <O:p> </O:p>
    ข้าพเจ้า ยินดี และ ภาคภูมิใจ ใน ความเป็น นักเรียนยูเรอัส และ คำว่าหมอมือเปล่า นี้ เป็นอย่างยิ่ง<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    <O:p> </O:p>
    <O:p> </O:p>
    ด้วยความเคารพ<O:p></O:p>
    นายวิวัฒน์ อมรกิจวณิชย์<O:p></O:p>
    (หมอมือเปล่า)<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    <O:p> </O:p>
    <O:p> </O:p>
    <O:p> </O:p>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • winged.gif
      winged.gif
      ขนาดไฟล์:
      43.6 KB
      เปิดดู:
      265
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มกราคม 2010
  11. พรปู่

    พรปู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    243
    ค่าพลัง:
    +277
    พี่ดาวทะเลทราย .............. สุดยอด

    ส่งคนแรก (good)



    แต่เรายังไม่เสร็จ (cry)


    เห็นสัญญลักษณ์ในกระทู้พี่ดาว ที่นำมาลง แล้วรู้สึก ..............
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2010
  12. BuyJai

    BuyJai Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +67
    เก่งจังค่ะ พี่ดาวทะเลทราย (deejai)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 มกราคม 2010
  13. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,424
    ค่าพลัง:
    +13,166
    โอ๊ย ตัวจะลอย................ มีคน ชม ด้วย.............. 55


    ผม ไปเอ่ย ชื่อหลวงพี่ พระมหาสุกันจ์ เจ้าอาวาส ศูนย์ปฏิบัติธรรม วัดป่าโพธิาณ เข้าหลายที
    ก็ ตอนที่ เขียนรายงาน ส่งอาจารย์ นั่นแหละ
    วันนี้ ท่าน เลย มาหา ผม เสียง จริงๆ........

    งวดนี้ ท่านมา ด้วย สองเรื่อง
    แจ้งข่าว การสร้าง ศาลาปฏิบัติธรรม ที่ สร้าง มาตั้งแต่ปี ที่แล้ว ผมเองก็ได้ร่วมทำบุญ ไปเป็นระยะๆ ตอนนี้ เปิดใช้แล้ว มีหลังคา มีเสา เทพื้นคอนกรีต ยังไม่มีฝาผนัง ก็ไม่เป็นไร

    ใช้ งานได้ เป็นที่ปฏิบัติธรรม ได้ สำหรับ ญาติโยม ที่มา ทำบุญ ฟังเทศน์ ฟังธรรม และ ปฏิบัติธรรม ทำสมาธิ

    ท่านมาบอกว่า
    1. ท่าน แข็งแรง ดีแล้ว ตอนนี้
    2. จะทอดผ้าป่า ในวันที่ 13 เมษายน 53 นี้ เพื่อหาทุนก่อสร้าง ศาลา ให้เสร็จสมบูรณ์
    3. มาเชิญผม ไปเป็นประธาน และจุดเทียนชัย ในพิธี พุทธาภิเศก รูปหล่อสมเด็จพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี ที่วัดท่าน

    อาไร นะ หลวงพี่ .... ผม ได้ยิน ก็ ตกใจ
    จุดเทียนชัย ต้อง ให้ พระอาจารย์ เก่งๆ พระผู้ใหญ่ มิใช่ หรือ หลวงพี่

    ผมไม่ได้ ฟังผิดจริงๆ ....
    ท่าน ตอบยืนยันกลับมา ว่าให้ โยม พี่ นั่นแหละ ไป จุดเทียนชัย...

    เอาละสี .. เจ้าดาว เอ๋ย .... หลวงพี่ ท่านเห็นผม เป็นอะไร ไปแล้ว

    ผม ไม่ ได้ เป็นเกจิอาจารย์ ผู้ ทรงคุณวิเศษ นะ ... หลวงพี่
    ท่านก็ ยัง ยืนยัน คำเดิม... จนผม ต้อง ตัดบท ว่า เอาอย่าง งี้ ผม จะไปร่วมงาน
    แต่ ไม่ จุดเทียนชัย นะ ... ไม่ งั้น ผม ไม่ไป.....

    สรุปว่า ท่านยอม แต่ ขอ ให้ผม ไป ร่วม งานนี้

    เฮอ................ โล่ง อกไป ที....

    เอาเป็นว่า ผม ไป ร่วมทำบุญ ทอดผ้าป่า หาทุน สร้างศาลา ให้ สำเหร็จ...........
    อย่างนี้ ดี กว่า..................... 555
     
  14. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,424
    ค่าพลัง:
    +13,166
    สรุปว่า ในเดือนหน้า ผม คง ต้องไปที่ วัดป่าโพธิญาณ จ. มหาสารคาม สัก ทีหนึ่งก่อน เพื่อดูลาดเลา ก่อนว้นทอดผ้าป่า

    ตัวผม เอง ก็ ยังไม่ เคยไป มีแต่ ฝาก เงินไปทำบุญ มาหลายปีแล้ว ตั้งแต่สมัยยังไม่เป็นวัด
    จนบัดนี้ เป็นวัดเรียบร้อยแล้ว
    ตัวหลวงพี่ ก็ อยากให้ผม ไป สักที แต่ หลายปี ที่ผ่านมา ก้ ยังไม่มีโอกาสไป สักครั้ง

    วัดนี้ น่าจะอยุ่ ใกล้ๆ ก้บพระธาตุ นาดูน ด้วย หลวงพี่ ท่านบอกว่า ห่างกัน สัก 30 ก.ม. เท่านั้น

    ขับรถไป ระยะทาง ประมาณสัก 500 ก.ม. ก็ ไม่ไกล นัก
    แต่ คง ต้อง หาเพื่อนไปด้วย ขับไปคน เดียว เหงา แย่............. 55

    หา อาสาสมัคร เพื่อนร่วมเดิน ทาง หน่อย ครับ
    ใคร สนใจ ไป ด้วย กัน เชิญ นะครับ
    คงเอา รถ อีซูซู MU7 ไป เครื่องดีเซล 3000 โทโบ วิ่งไม่ เร็ว แต่ ประหยัด

    จะได้ ถือว่าเป็น การ ไดร์วิ่งเทส เครืองเจนเนอเรเตอร์ไฮโดรเจน ไป ด้วย เลย ทีเดียว
    ว่า จะ ช่วยประหยัดน้ำมัน ได้ อีก สักเท่าไร

    นั่งได้ สัก 6-7 คน แบบ สบายๆ ไม่ เบียด เสียด

    และในเส้นทางไป มหาสารคาม มีสถานที่อะไร น่าสนใจ ท่านใดทราบ ช่วยบอกหน่อย
    จะได้ แวะไป เยื่ยมชม นะครับ
     
  15. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,424
    ค่าพลัง:
    +13,166
    เช้าวันนี้ ที่บริษัทผม เค้า เก็บเศษเหล็ก อะไหล่ เก่าๆ ที่เสียๆ ไปชั่งกิโลขาย
    มันก็จำเป็น ต้อง เคลียร์ กันสักที ขนออกมา ใส่รถสิบล้อ จนเต็ม ก็ คงได้ เป็นสิบตัน แน่ๆ

    เรื่องนี้ ก็ ดู ไม่แปลก อะไร ... นานๆ ก็ ต้อง โล๊ะ กัน สักที กองทิ้งไว้ เกะ กะ

    เดินไป ดู คนงาน ที่ กำลัง ขนเศษเครือง เก่า อะไหล่ เก่า ที่ เสียๆ ขึ้นรถ

    ความรู้สึก ขอบคุณ ที่ เครื่องเก่าๆ อะไหล่เสียๆ เหล่านี้ เค้าได้ทำหน้าที่ ของเขา ช่วยเราทำงาน จน หมดวาระ ของ เขา
    ขอคุณ นะครับ...
    ได้เวลาแล้ว ที่ เค้าจะได้รับการ กลับคืนสู่ ความมีคุณค่าอีกครั้ง

    ขบวนการรีไซเคิล หลังจากนั้น เค้า จะมีรูปแบบใหม่ ที่มีคุณค่า อีกครั้ง



    เจ้าดาว..... เอ๋ย มีจิต อ่อนโยน ได้ ถึงเพียงนี้ เลย หรือ........ 55
     
  16. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    แหม.. คุณดาวทำการบ้านเสร็จแล้วก็วางแผนหนีเที่ยวเรยยนะคะ น่าอิจฉาจัง อิอิ..
    ของเรายังไม่ได้ส่งเรย.. ยื้อไว้ก่อง เผื่อจาคิดออกอีกระหว่างการเดินทาง แฮ่แฮ่..
    .......................................
    เอามาฝากคุณจ๋าโดยเฉพาะเลยนะคะเนี่ย.. พี่นักเขียนเคยบอกว่าก่อนที่เราจะเปลี่ยนวิถีการจดจ่อของจิตวิญญาณด้วยสติสัมปะชัญญะ เราควรพกความรู้ติดตัวไปด้วยคับผม บางท่านอาจจะสงสัยว่าทำมัยถึงเอา post ของโนวา อนาลัยมาให้อ่าน แต่ก็หวังว่าพวกเราน่าจะสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับวิชาที่เราเรียนรู้ได้ไม่มากก็น้อยนะคะ เพราะบางครั้งเราก็ควรมีทั้งภาคปฏิบัติ + ภาคทฤษฏี ด้วยน้า..:cool:
    <O:p</O:p
    <TABLE class=MsoNormalTable style="WIDTH: 100%; mso-cellspacing: 0cm; mso-padding-alt: 4.5pt 4.5pt 4.5pt 4.5pt" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #ebebeb 1pt inset; PADDING-RIGHT: 4.5pt; BORDER-TOP: #ebebeb 1pt inset; PADDING-LEFT: 4.5pt; BACKGROUND: #f7f3f7; PADDING-BOTTOM: 4.5pt; BORDER-LEFT: #ebebeb 1pt inset; PADDING-TOP: 4.5pt; BORDER-BOTTOM: #ebebeb 1pt inset; mso-border-alt: inset windowtext .75pt">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณkhajornwan<V:p</V:p<O:p</O:p
    วันนี้อยากจะขอความรู้จากพี่นักเขียนในเรื่องการถอดจิตเพราะเห็นพี่นักเขียนเขียนไว้ในหนังสือโลกแห่งความจริงหลากมิติก่อนอื่นก็อยากจะขอเล่าประสบการณ์ส่วนตัวให้พี่นักเขียนช่วยวิเคราะห์ก่อนนะคะ<O:p</O:p

    เมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่ผ่านมาขจรวรรณได้มีโอกาสปฏิบัติธรรมตามแนวสติปัฏฐาน 4 คือกำหนดทุกอิริยาบททั้ง กาย เดิน ยืน นั่ง นอนแต่เมื่อนั่งสมาธิก็สัมผัสรับรู้ว่ามีสิ่งหนึ่งที่ซ้อนอยู่ภายในร่างกายซึ่งมีอารมณ์ ความรู้สึก นึกคิดแต่จะไม่ยอมอยู่ในสมาธิทำให้ต้องใช้พลังของตัวเองมากพอสมควรในการกำหนดอาจารย์ที่คอยสอบอารมณ์ก็จะให้กำหนดรู้มาตลอดและบอกว่าสมาธิของเราสูงกว่าสติจึงต้องฝึกเพื่อให้สมาธิกับสติดำเนินไปพร้อม ๆกันแต่อย่างไรก็ตามปัญหาที่ตัวเองกลัวที่สุดก็คือตอนเข้านอนก่อนที่จะหลับมักจะมีความรู้สึกเหมือนตัวเองถูกกระชากออกไปอย่างแรงในตอนนั้นจะเป็นลักษณะเหมือนถูกเหวี่ยงให้ไปชนตามผนังห้องหรือเพดานห้องและมีความรู้สึกเจ็บด้วยในขณะที่เกิดขึ้นก็กำหนดตลอดเวลาว่ารู้หนอแต่เมื่อความกลัวเกิดขึ้นมากก็จะนึกถึงอาจารย์ให้มาช่วยด้วย ก็ยังไม่หายจากอาการนี้จนเมื่ออาจารย์ที่สอบอารมณ์ท่านนั้นได้เสียชีวิตไปก็ไม่กล้าปฏิบัติธรรมด้านนี้อีก<O:p</O:p

    ต่อมาประมาณปี 2546 ไม่ทราบด้วยเหตุผลใดที่ทำให้ตัวเองได้เข้าไปเรียนวิชาพลังจักรวาลในตอนนั้นคิดว่าต้องการเรียนเพื่อฝึกจิตแต่พอเข้าเรียนอาจารย์ก็สอนแต่เรื่องการรักษาโรคและต้องเรียนไปตามระดับชั้น แต่พอเรียนระดับสูงขึ้นไปเรื่อย ๆอาจารย์กลับบอกว่าเป้าหมายของการเรียนวิชานี้จริง ๆแล้วเป็นการเรียนเพื่อพัฒนาจิตวิญญาณให้รู้แจ้ง จึงถึงบางอ้อขึ้นมาแต่อย่างไรก็ตามปัญหาเดิม ๆ ก็ยังอยู่ก็คือก่อนนอนหลับจะมีความรู้สึกเหมือนถูกกระชากออกไปอย่างแรงแต่ครั้งนี้การพุ่งออกไปของจิตวิญญาณกับไปไกลและเร็วมาก เช่นถูกเหวี่ยงออกไปนอกโลกและหมุนเคว้งไปรอบ ๆ โลก ซึ่งยิ่งทำให้กลัวมาขึ้นไปอีกเมื่อเกิดอาการดังกล่าวมีวิธีเดียวเท่านั้นที่นึกได้คือร้องเรียกให้อาจารย์ใหญ่ให้ช่วยซึ่งบางครั้งท่านก็ช่วย แต่บางครั้งก็ไม่ช่วยและอาจารย์ก็ได้เคยกล่าวไว้ในระดับที่ตนเองเรียนอยู่ว่าในระดับนี้ยังไม่อนุญาตให้นักเรียนถอดจิตเนื่องจากว่าเรายังมีพลังไม่พอและเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาก็พึ่งจะทราบข่าวว่าอาจารย์ใหญ่ได้ละสังขารไปแล้วแต่ก่อนหน้านั้นเหมือนตัวเองคุยกับตัวเองว่าไม่ต้องกลัวยังไงอาจารย์ก็ยังอยู่กับเราเสมอตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองจะมีโอกาสได้เรียนต่อในระดับต่อไปหรือไม่?<O:p</O:p

    แต่ก็ไม่ทราบด้วยเหตุผลใดอีกเหมือนกันที่ทำให้ขจรวรรณติดตามพี่นักเขียนเข้ามาในห้องวิทย์นี้และกำลังศึกษาหนังสือของท่านอาจารย์อนาลัยอยู่ก็หวังว่าพี่นักเขียนจะแนะนำอะไรให้บ้างเพราะขจรวรรณไม่ได้ยึดติดกับอาจารย์แต่มั่นใจว่ามวลความรู้ทั้งหลายต่างก็เป็นสัจธรรมอีกอย่างเคยถามในเวปของnovaanalia ครั้งนึงแล้วพี่นักเขียนแนะนำว่าให้กำหนดจิตก่อนนอนว่าเราต้องการรู้เห็นอะไรและต้องการไปไกลแค่ไหนนั้นได้ลองไปฝึกแล้วตัวเองก็มักจะมีปัญหาเวลาที่ออกจากสมาธิใหม่ ๆมักจะคิดอะไรไม่ออกเหมือนลืมสิ่งที่ตัวเองต้องการในขณะที่อยู่กับสภาวะทางกายภาพขนาดเพียงแค่ประโยคสั้น ๆ ยังเรียงผิดเรียงถูกเลยค่ะแต่อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นก็ยังไม่ปรากฏอาการดังกล่าวอีกเลยค่ะ



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ก่อนอื่นพี่นักเขียนขอให้คุณน้องขจรวรรณทำความเข้าใจในแนวของท่านอาจารย์อนาลัยสึกนิดหนึ่งนะคะซึ่งไม่ได้หมายความว่าหลักการหรือความเป็นจริงของท่านแตกต่างไปจากความเป็นจริงที่คุณน้องศึกษามาพี่นักเขียนเข้าใจว่า สัจจธรรมมีอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่ในประสบการณ์ประจำวันที่เราพบเห็นจากธรรมชาติคือแม้แต่มดและแมลงอื่นๆก็เป็นครูบาอาจารย์ให้เราได้ไม่น้อยไปกว่ามนุษย์และครูบาอาจารย์เบื้องบนความแตกต่างของข้อมูลความรู้ที่เราได้รับมักแตกต่างกันที่คำนิยามที่ใช้เท่านั้น

    ที่คุณน้องอธิบายว่าเมื่อฝึกฝนไปถึงจุดหนึ่งแล้ว สมาธิสูงกว่าสติพี่นักเขียนขออธิบายตามท่านอาจารย์อนาลัยนะคะลองคิดตามในทิศทางนี้ดู
    ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวว่า สติสัมปชัญญะตือการจดจ่ออันคมชัดของจิตวิญญาณ โดยธรรมชาติแล้วมันเป็นหนึ่งเดียวแยกส่วนไม่ได้และทำงานพร้อมกันหมด แต่ท่านแยกสติสัมปชัญญะออกเป็นสามส่วนให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นว่าเรามี<O:p</O:p

    1.สติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับตัวตนภายใน ในโลกภายในอันเป็นสติสัมปชัญญะของตัวตนที่เป็นจินตภาพเรารู้เห็นการทำงานของสติสัมปชัญญะส่วนนี้ได้ในความฝันอันคมชัดและในสมาธิ<O:p</O:p

    2.สติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับร่างกายหรือรูปกายอันเป็นสติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับร่างกายในระดับเซลล์ทำให้ร่างกายดำเนินชีวิตและหน้าที่ที่เราแม้ว่าเราไม่ได้เข้าไปควบคุมในระดับจิตสำนึกแต่มันก็ทำหน้าที่ได้โดยอัตโนมัติ เช่น หายใจ เดิน ยืน นั่ง นอนได้โดยเราไม่ต้องมีสติรู้เห็นการสูดลมหายใจ หรือการบังคับควบคุมกล้ามเนื้อมันเป็นไปโดยปราศจากการคิดว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะเป็นไปได้ เสมือนว่ามีคนหายใจให้จะเดินก็แค่คิดไม่ได้ต้องวางแผนว่าจะใช้กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นอย่างไรจึงจะ ยืน เดินนั่ง นอนได้ เป็นต้น<O:p</O:p

    3.สติสัมปชัญญะส่วนที่จะจ่อกับตัวตนภายนอกอันเป็นสติสัมปชัญญะของตัวตนที่เรารู้จักว่าคือเราเป็นของเรา

    เมื่อเราฝึกสมาธิ เป้าหมายของการให้รู้แจ้งคือการทำให้เรารู้เห็นสติสัมปชัญญะและการทำงานของมันอย่างครบส่วน การฝึกยืน เดินนั่ง นอนทุกอิริยาบทก็เพื่อให้เราสามารถติดตามรู้เห็นสติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับรูปกายได้ด้วยสติสัมปชัญญะส่วนที่เคยจดจ่อแต่กับเพียงตัวตนภายนอก

    การฝึกฝันในทิศทางของท่านอาจารย์อนาลัยที่พี่นักเขียนมานำเสนอก็ดีหรือการฝึกสมาธิที่ทำให้พบกระแสแห่งความรู้สึกนึกคิดอีกกระแสหนึ่งที่แตกต่างไปจากสติสัมปชัญญะตามปกติที่รับรู้สิ่งต่างๆผ่านประสาทสัมผัสภายนอกก็เป็นการฝึกฝนที่ทำให้เรารู้เห็นสติสัมปชัญญะและการทำงานของส่วนที่จดจ่อกับตัวตนภายในอันเป็นจินตภาพ

    การฝึกฝนทั้งหมดที่ทำให้รู้แจ้งคือการทำให้สติสัมปชัญญะที่เคยทำงานแยกส่วน ไม่รู้ไม่เห็นกัน รวมกันเป็นหนึ่งเดียวและรู้เห็นอย่างคมชัดได้ไม่น้อยไปกว่ากัน ซึ่งจะยังผลให้เราตระหนักได้ว่า อารมณ์จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเรา ส่งผลกระทบต่อร่างกายหรือรูปกายของเราต่อภาวะอันเป็นกายภาพและจินตภาพของเราอย่างแยกจากกันไม่ได้

    ยามตื่น อารมณ์จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเรา เป็นไปตามความเชื่อส่วนบุคคล หากเราเชื่อว่าเราจะป่วยเมื่อได้รับการรุกรานของเชื้อโรคเมื่อเราไปอยู่ในสถานที่ต่างๆที่ทำให้เรารู้สึกไม่ปลอดภัยเราก็รับเอาเชื้อโรคและความป่วยไข้มาด้วยความเชื่อว่าจะป่วย อารมณ์จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดจึงเป็นปัจจัยก่อเกิดโลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพตามความเชื่อส่วนบุคคล

    ยามฝันหรือยามที่จิดเป็นสมาธิ อารมณ์ จินตนาการและความรู้สึกนึกติดของเรายังคงเป็นไปตามความเชื่อหากความบิดเบือนที่เกิดจากการรู้เห็นด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้ายามตื่นที่เคยรู้แต่เพียงภาวะทางกายภาพขาดหายไปทำให้การรู้เห็นด้วยประสาทสัมผัสภายในหรือประสาทสัมผัสที่หกทำงานได้โดยปราศจากการขัดขวางทำให้เรารู้เห็นภาวะทางจินตภาพอันเป็นต้นกำเนิดของภาวะทางกายภาพได้ชัดเจนขึ้น

    ดังนั้นเมื่อเราอยู่ในความฝันก็ดี ภวังค์สมาธิก็ดีเรานำความเชื่อที่ไม่ถูกต้องติดตามเข้าไปรู้เห็นและเผชิญกับประสบการณ์ต่างๆภายในไม่มากก็น้อย เมื่อเราคิดว่า สติสัมปชัญญะของเรามีการแบ่งแยก แยกส่วนมันก็ทำให้เราเข้าใจอย่างบิดเบือนตามไปด้วยโดยไม่รู่ตัวว่า จิตวิญญาณของเราแยกส่วนเมื่อทำสมาธิ จิตวิญญาณส่วนหนึ่งกลายเป็นมีพลัง อีกส่วนหนึ่งด้อยพลังและก่อให้เกิดความขัดแย้ง

    อาการที่คุณน้องรู้สึกเสมือนว่าถูกเหวี่ยงออกไปและรู้เห็นภาวะนั้นๆ และรับเอาความเจ็บเสมือนถูกกระแทกข้างฝาเกิดจากความเชื่อในการแบ่งแยกของสติสัมปชัญญะหรือการแบ่งแยกของจิตวิญญาณซึ่งตามธรรมชาติแล้วในภาวะดังกล่าวนี้ตัวตนของเราเป็นตัวตนภายในอันเป็นจินตภาพที่พุ่งออกไปพร้อมกับการจดจ่อส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณไม่ใช่พุ่งออกไปพร้อมกับตัวตนโปร่งแสงอย่างเป็นกลุ่มก้อนอีกตัวหนึ่งหรือจิตวิญญาณทั้งดวงนอกจากนี้เมื่อเราคิดถึงตัวตนภายในด้วยความคิดความเชื่อของตัวตนภายนอกเราก็ยังคงยึดติดกับภาวะทางกายภาพซึ่งไม่ได้มีอยู่อีกแล้ว เราจึงเผชิญกับการกระแทกการชนกับข้างฝา การเจ็บกาย

    ภาวะดังกล่าวนี้ เป็นไปหรือเกิดขึ้นในจิตเกิดขึ้นกับตัวตนภายในอันเป็นจินตภาพซึ่งมีความเป็นจริงไม่น้อยไปกว่าความเป็นไปที่เกิดขึ้นกับตัวตนทางกายภาพหรือตัวตนภายนอกในโลกแห่งความเป็นจริงยามตื่นซึ่งท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวว่ามันเป็นต้นกำเนิดของรูปกายและภาวะภายนอกหรือตัวตนภายนอก

    ความเชื่อของเราทำให้เราเผชิญกับประสบการณ์อันเป็นภาวะจิตด้วยการนำเอาอารมณ์จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของตัวตนภายนอกไปเป็นมาตรวัดรู้เห็นและเผชิญกับประสบการณ์ในโลกภายใน มันจึงทำให้เราชนฝา ซึ่งไม่มีอยู่จริงเจ็บกายซึ่งไม่มีอยู่เป็นกายภาพเช่นกัน

    เมื่อพี่นักเขียนแนะนำให้คุณน้องตั้งสติก่อนนอนและยังผลให้ไม่เผชิญกับประสบการณ์ดังกล่าวนี้อีก มันเป็นเพราะเหตุว่าการตั้งจิตก่อนนอน ทำให้ความเป็นหนึ่งเดียวของสติสัมปชัญญะสามส่วนเกิดขึ้นการแบ่งแยกตัวตนก็หายไป เมื่อมีสติสัมปชัญญะที่ทำงานเป็นหนึ่งเดียวมันก็ติดตามรู้เห็นประสบการณ์จากโลกภายนอกอันเป็นกายภาพยามตื่นเข้าไปสู่โลกแห่งจินตภาพภายใน ในสมาธิหรือความฝันการแปลงรูปกายหรือการจดจ่อกับรูปกายก็เปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติอยู่แล้วคือเปลี่ยนไปตามวิถีการรจดจ่อของจิตวิญญาณรูปกายในความฝันหรือสมาธิซึ่งเป็นจินตภาพจึงดำเนินไปได้อย่างราบรื่นโดยไม่เอาขีดจำกัดของรูปกายยามตื่นอันเป็นจินตภาพติดอารมณ์ไปด้วย

    ครูบาอาจารย์ที่แท้จริงไม่เคยทอดทิ้งหรือจากพวกเราไปไหน ทั้งยามตื่นยามหลับ ยามฝัน ยามตายและยามที่เราเลือกไปถือกำเนิดท่านสถิตย์อยู่กับเราตลอดวันเวลา โดยปราศจากร่างกายตัวตนหากเราตระหนักได้ในความเป็นจินตภาพของท่านอันได้แก่การสถิตย์อยู่ในภาวะที่เป็น ความรู้ ซึ่งคือแก่นแท้ของจิตวิญญาณเราจะพบว่าท่านยังคงอยู่กับเราเสมอและขยายตัวไปกับการพัฒนาของจิตวิญญาณหรือการพัฒนาด้วยการเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้ของเรา กล่าวได้ว่าท่านเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณของเราอันมีแก่นแท้เป็นความรู้ที่ปราศจากหน่วยนับปราศจากปริมาตรหรือปริมาณ แต่พร้อมเสมอที่จะขยายตัวและแตกแขนง

    ไม่มีครูบาอาจารย์ใดๆที่ทอดทิ้งลูกศิษย์เพียงแค่การตายของร่างกายเนื้อหนังเช่นเดียวกันกับที่พ่อแม่ที่รักลูกโดยปราศจากเงื่อนไข ย่อมไม่มีวันทอดทิ้งลูกเพียงเพราะการจากกันหรือถูกแยกจากกันด้วยเพียงช่องว่าง ระยะทางและกาลเวลา
    (ping-love(ping-love(ping-love<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มกราคม 2010
  17. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    การเปลี่ยนวิถีการจดจ่อของจิตวิญญาณด้วยสติสัมปะชัญญะ ( ต่อ )

    พี่นักเขียนขออธิบายเพิ่มเติมให้คุณน้องขจรวรรณอีกเรื่องหนึ่งค่ะที่คุณน้องกล่าวถึงประสบการณ์ในการทำสมาธิซึ่งทำให้เผชิญกับการหลุดออกไปจากร่างกายเนื้อหนังที่รู้สึกเสมือนว่าถูกเหวี่ยงออกไปนอกโลก

    ภาวะดังกล่าวเป็นภาวะที่จิตวิญญาณเปลี่ยนวิถีการจดจ่อด้วยสติสัมปชัญญะไปสู่ภาวะอันเป็นจินตภาพซึ่งหมายความว่า แม้จะรู้สึกเสมือนว่าเรายังมีร่างกายตัวตนอยู่แต่ร่างกายตัวตนนั้นๆก็ไม่ได้มีคุณสมบัติทางกายภาพเหมือนร่างกายตามปกติของเรามันเป็นรูปกายที่ปราศจากความทึบตัน และอยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ของช่องว่างระยะทางและกาลเวลามันจึงไม่ได้รับผลกระทบและสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมในลักษณะเดียวกับร่างกายตามปกติของเรา

    แต่ถ้าหากเราปราศจากความรู้เกี่ยวกับตัวตนอันเป็นจินตภาพหรือตัวตนภายในของเราแม้เราจะมีสติสัมปชัญญะติดตามรู้เห็นประสบการณ์ภายในแต่เราก็นำเอาข้อจำกัดของตัวตนภายนอกทางกายภาพที่ควรจะทึบตัน มีน้ำหนักอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของช่องว่าง ระยะทางและกาลเวลาติดไปด้วยทำให้เราจำกัดความเป็นไปได้และความสามารถของตัวตนภายในโดยไม่จำเป็น

    ต่อไปนี้เมื่อคุณน้องเริ่มทำสมาธิและก่อนเข้านอนพี่นักเขียนขอแนะนำให้คุณนัองตั้งจิตและระลึกถึงความเป็นจริงเกี่ยวกับความแตกต่างของตัวตนภายนอกทางกายภาพและตัวตนภายในอันเป็นจินตภาพและบอกกับตนเอง เมื่อเราเผชิญกับประสบการณ์เช่นถูกเหวี่ยง ถูกกระแทกเราจะมีสติระลึกรู้และตระหนักว่าเรามีภาวะอันเป็นจินตภาพที่ไม่อาจได้รับการกระทบกระเทือน ไม่เจ็บเพราะเราปราศจากร่างกายเนื้อหนังและเรามีคุณสมบัติและความสามารถพร้อมที่จะอยู่ในสภาพแวดล้อมนั้นๆได้อย่างปลอดภัยตามธรรมชาติของจิตวิญญาณ

    ให้ศึกษาเกี่ยวกับประสาทสัมผัสภายในให้ละเอียดและพยายามทำความเข้าใจว่ามันคืออะไรเมื่อเข้าใจแล้ว ประสาทสัมผัสจะทำงานได้อย่างเป็นอัตโนมัติตามธรรมชาติศึกษาได้จากหนังสือความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณ

    หากรู้สึกเสมือนว่าเรากำลังพุ่งไปด้วยความเร็วสูงให้กำหนดจิตว่า ฉันจะหยุดตามปรารถนา ฉันจะอยู่ในภาวะใดๆก็ได้ดังปรารถนาเพราะมันคือธรรมชาติของจิตวิญญาณจิตวิญญาณจดจ่อกับภาวะใดจิตวิญญาณมีชีวิตอยู่ เป็นอยู่ ดำเนินไปเป็นภาวะนั้นๆดังนั้นหากเราจดจ่อกับการควบคุมและความสามารถของจิตวิญญาณแทนที่จะจดจ่อกับการขาดการควบคุมและการปราศจากความสามารถเพราะเราเชื่อว่าหากปราศจากครูบาอาจารย์เราจะไร้พลังอำนาจ มันก็เป็นไปเช่นนั้น

    หากเราตระหนักได้ว่าเราไม่จำเป็นต้องร้องเรียกครูบาอาจารย์ เพราะท่านสถิตย์อยู่ภายในจิตวิญญาณของเราเราจะรู้สึกได้ถึงความปลอดภัยและพลังอำนาจที่จะทำให้เราควบคุมทุกอย่างได้ดังปรารถนา

    เมื่อเราเผชิญกับแรงเหวี่ยงและการพุ่งไปอย่างรวดเร็ว เราทำได้สองอย่าง คือหยุดด้วยการสั่งให้หยุดและตระหนักว่าพลังอำนาจในการหยุดเป็นของเรา เราก็จะหยุดและอีกอย่างที่ทำได้คือปล่อยด้วยเจตนาที่จะเผชิญกับอิสระภาพที่เรามีไม่ได้จากแรงดึงดูดของโลก

    อย่างแรกเปรียบได้กับการจะกระโดดลงสระว่ายน้ำจาก spring board ซึ่งสูงลิ่วเราหยุดได้ เลือกได้ ที่จะไม่กระโดด

    อย่างที่สองเปรียบได้กับการกระโดดอย่างอิสระ จาก spring board ด้วยการเชื่อถือว่า เมื่อพุ่งลงสู่สระน้ำแล้วเราจะปลอดภัย และหากเลือกทางนี้เราก็ต้องทำด้วยความเชื่อถือว่า หากเราปล่อยให้ร่างกายตัวตนของเราหล่นอย่าง Free Fall ไร้การต่อต้านเราจะได้สัมผัสกับอิสระภาพที่เราสัมผัสไม่ได้ด้วยวิธีการอื่น

    เราเลือกได้ทั้งสองทางและมันก็ปลอดภัยไม่น้อยไปกว่ากันค่ะคนชอบว่ายน้ำอย่างพี่นักเขียนก็ไม่ชอบกระโดดจากที่สูงเพราะกลัวความสูงอยู่เหมือนกันแต่ถ้าหากขึ้นไปแล้วบางครั้งก็อยากจะเผชิญกับประสบการณ์ที่แตกต่างไปและทำไม่ได้ในสภาพแวดล้อมอื่นๆ ดังนั้นหากเราตระหนักได้ว่าเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยและสนับสนุนเรา ความกลัวจะหายไปและทำให้เราทำในสิ่งที่เคยกลัวได้สำเร็จโดยปราศจากความกลัว แต่ก็ไม่ได้มีใครบังคับและทั้งหมดนี้ เป็นทางเลือกของเราเสมอ..
    (tm-love)(tm-love)(tm-love)<?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" /><v:shapetype class=inlineimg id=_x0000_t75 title="Tongue out" alt="" border="0" src="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" smilieid="24" stroked="f" filled="f" path="m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe" v:shapetype o<><V:p</V:p<O:p</O:p
    </v:shapetype>
     
  18. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,424
    ค่าพลัง:
    +13,166
    เมื่อคืน นี้ ผม นอนฝัน..................

    คำพูดนี้ ไม่เห็นจะแปลก ตรงไหน ... เลย ชาวบ้าน เค้าก็ เคยฝัน กันทุกคนแหละ...

    ตามปกติ ตอนนอน ผม จะ ทำสมาธิ ไปด้วย
    แล้วก็ เดินพลังตามไป เรืยกว่า อยากจะทำอะไร ก็ ทำไป
    จน ขี้เกียจ ทำ ก็ ปล่อย ให้พลัง เค้า เดิน ไปเอง อยากไป ไหน ก็ ปล่อยเค้า เราแค่ ตามไปดุ เฉยๆ

    เมื่อคืน เค้า เดินมา จักระ 4 5 6 7 แล้ว มา วนเวียน อยู่ ที่ 6 กับ 7 จนผม หลับไป

    ถ้า เอา สติ มาจับ ตรง จักระ 6 แล้วหลับ ทีไร ก็ ต้อง นอนฝัน ทุกที....

    ตรงนี้ แหละครับ ที่ ผมสังเกต ได้ ... เป็นอย่างนี้ ทุกที

    เมื่อคืน ก็ เป็น ดังนั้น
    ฝัน ไปที่ไหน ไม่รู้ เหมือน มหาวิทยลัย สักแห่ง หนึ่ง มีตึก สูง 7 ชั้น ผม ก็ เดินหาห้องเรียน แถวๆ ชั้น 6 และ 7 แล้ว เกิด ลงลิพ มาที่ 1 แล้ว ก็ ขึ้นลิพ ไปที่ ชั้น 6 อีก

    มัน อาไร กันนี้..................... ไม่ ได้ ใบ้ หวย นะ..... 555
     
  19. M_มิว

    M_มิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2008
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +405
    ลงชื่ออบรม พลังหินบำบัด 1 ที่ครับ
     
  20. ONLY ONE

    ONLY ONE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +427
    การอบรม
    พลังหินบำบัด ระดับเบื้องต้น วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ เวลา 09.00-16.00 น. ขอให้ผู้สนใจทั้งที่มีและไม่มีพื้นฐาน ขอให้ลงชื่อได้แล้วครับ (ไม่ค่อยได้เปิดสอนคอร์สนี้บ่อยๆ หลายเดือนจะสอนสักครั้ง)

    1. คุณภัทรพล ......................... 1 ที่
    2. คุณวันเพ็ญ ......................... 1 ที่
    3. คุณโอสถ ........................... 1 ที่
    4. คุณคิ้ม .............................. 2 ที่
    6. คุณชัยยศ .......................... 1 ที่
    7. คุณสมภพ .......................... 1 ที่
    8. คุณLiquidpaper ................ 1 ที่
    9. คุณ M มิว .......................... 1 ที่
    10.
    11.
    12.
    13.<!-- google_ad_section_end -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...