จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    แหม๋..พอมาเห็นหัวข้อของคุณพี่ลินดาแล้ว ก็เลยจะขอเขียนแชร์สักหน่อย...

    ก็แบบว่า มันเป็นผลมาจากอาการไม่ค่อยสเบยของกายหยาบเราเองนี้แหล่ะ...พอดีว่าเราเกิดอาการแพ้อาหารจำพวกของหมัก ของดอง อะไรงี้ ซึ่งไม่เคยเป็นมาก่อน (อาจจะเป็นเพราะไปอยู่เมืองนอกมาหลายปี ไม่ค่อยได้กินอะไรพวกนี้ พอกลับมากินเลยกลายเป็นของแสลงซะงั้น ฮื้อๆๆ) เลยเกิดอาการยุบยิ๊บๆ คันไปทั้งตัวจนเป็นแผลเลย จนต้องไปหาหมอเอายามาทานก็ดีขึ้น ไม่คันล่ะ ก็คิดว่าหายล่ะ ก็เลยโซ้ยตำถั่วฟักยาวไป พอตกเย็นยุบยิ๊บๆขึ้นมาอีกล่ะ โอ้ยรู้ล่ะ แพ้ปลาแดก พอผ่านไปสองสามวัน ก็เลยทานโยเกิรต์ ฮู้ย...ยุบยิ๊บขึ้นมาอีก ต๊าย..แม้แต่โยเกิรต์ก็ยังกินไม่ได้...


    พอตอนนี้ล่ะ มันผุดขึ้นมาเลยว่า...โอ้นี้แหล่ะหน๋อ...ทำบุญ แล้วไม่พากันละบาป มันก็คงจะเป็นดังอาการทางกายที่ข้าเป็นอยู่นี้แหล่ะหน๋อ....ถึงจะกินยาฆ่าเชื้อกำหราบมันยังไง ก็เอาไม่อยู่ ถ้าหากไม่งดทานของที่ยังแพ้ ยังแสลงอยู่ ฉไนเลยอาการป่วยที่เกิดจากการคันมันจะหายสนิท จนทำให้กายข้ากลับมาหายป่วย กลับมาผ่องใสเหมือนเดิมได้....ฉันใดก็ฉันนั้นหน๋อ....หากใครที่ทำบุญ...แต่ก็ยังไม่พากันละบาป (คือไม่พากันหัดรักษาศีล)....แล้วบุญที่หมั่นเพียรสร้าง เพียรทำกันมานั้น...เมื่อไรเล่า...จะเห็นผลของบุญอันบริสุทธิ์ ที่จะทำให้จิตผ่องใสได้....

    นี้แหล่ะ...คือที่มาที่เค้าพากันว่า...ทำบุญแล้วทำไมไม่เห็นจะได้บุญเลย....

    ปล. พอจะเข้ากะหัวข้อได้มั้ยค่ะ คุณพี่ลินด๊า...:z16
     
  2. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    อันร่างกายเรานี้ เป็นทุกข์ เป็นเหตุแห่งทุกข์

    -กายทุกข์ บอกตัวเองว่า กายนี้ทุกข์ ใจนี้ทุกข์ แล้วไม่เอามาเป็นเรา

    -มาเป็นของของเรา...

    ...ร่างกายทั้งหมดเป็นทุกข์ ไม่ควรหลงเป็นตัวตน...

    -เป็นของของตน...

    -ผู้ที่เห็นทุกข์ในกาย ในใจ ผู้นั้นเห็นธรรมจึงได้ บรรลุธรรม

    .เพราะเขาปล่อยวางกองทุกข์...

    ...ไม่ยึดไม่ถือเป็นตัวตน...ไม่เอาเป็นของตน

    ...ผู้ปฏิบัติฝึกฝนจิตตนเองได้ ปล่อยวางทุกข์ที่กาย ทุกข์ที่ใจ...

    ...ผู้นั้นจะพ้นทุกข์...เพราะไม่ยึดถือร่างกายที่เป็นทุกข์ เป็นเหตุแห่งทุกข์

    -ผู้นั้นจะพ้นทุกข์ และจะและทุกข์นั้นจะไม่เกิดขึ้นอีกเลย เพราะเขาผู้นั้นรู้จักคำว่า

    ...ปล่อยว่า รู้จักแยกทุกข์ ในกาย ในใจของตน...

    ...พระธรรมคำสั่งสอนของหลวงพ่อปาน โสนันโท วัดบางนมโค...

    -กราบน้อมรับพระธรรมคำสั่งสอนของหลวงพ่อปาน และน้อมกราบองค์ท่านด้วยเศียรเก้ลา...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2013
  3. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]


    "ปล่อยวางทั้งอดีต และอนาคต ปัจจุบันให้อยู่กับความไม่มี ไม่เป็น ว่าง สว่าง บริสุทธิ์

    หยุดการปรุงแต่ง หยุดการแสวงหา หยุดกิริยาจิต ไม่มีอะไรเลย ไม่ยึดถืออะไรสักอย่าง

    พระอริยเจ้ามีจิตไม่ส่งออกนอก จิตไม่หวั่นไหว จิตไม่กระเพื่อม

    มีสติอย่างสมบูรณ์เป็นวิหารธรรม มีสติอย่างสมบูรณ์"

    หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
     
  4. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    คำสอนสมเด็จองค์ปฐม

    คนฉลาดในธรรม เขาเอากายทำงานทางโลก แต่เอาจิตทำงานทางธรรมไปด้วยพร้อมๆ กัน

    ไม่คิดว่าไม่มีเวลาปฏิบัติกรรมฐาน ตราบใดที่ลมหายใจยังมีอยู่

    ไม่ว่าร่างกายจักอยู่ในสถานะใดๆ ก็ตาม จักต้องเรียกได้ว่ามีเวลาปฏิบัติตลอดเวลา

    ขณะจิตหนึ่งๆ ที่ระลึกได้นั้น จงหมั่นเจริญพระกรรมฐานให้เกิดขึ้นแก่จิต

    ถ้าหากทำอารมณ์ให้เกิดอย่างนี้จนชินเป็นปกติไม่ได้ ก็จักไปพระนิพพานในชาตินี้ไม่ได้

    และจงอย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง ความตายเป็นของเที่ยง

    จงรู้เจริญพระกรรมฐานในทุกๆ ขณะจิต อันเป็นปัจจุบันธรรมเพื่อความไม่ประมาทในชีวิต


    ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น
    รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน
     
  5. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ...ยามจะได้...ได้ให้เป็น...

    ...ยามจะเป็น...เป็นให้ถูก...ตามวิถี...

    ...ยามจะตาย...ตายให้เป็น...เห็นที่สุด...

    ...ถ้าอย่างนี้...ไม่มีทุกข์...ทุกวันเอย...

    ...คำสั่งสอนของท่านพุทธทาสภิกขุ กราบน้อมรับพระธรรมคำสั่งสอนเจ้าค่ะกราบๆๆๆ...
     
  6. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    คำสอนสมเด็จองค์ปฐม

    คนฉลาดในธรรม เขาเอากายทำงานทางโลก แต่เอาจิตทำงานทางธรรมไปด้วยพร้อมๆ กัน

    ไม่คิดว่าไม่มีเวลาปฏิบัติกรรมฐาน ตราบใดที่ลมหายใจยังมีอยู่

    ไม่ว่าร่างกายจักอยู่ในสถานะใดๆ ก็ตาม จักต้องเรียกได้ว่ามีเวลาปฏิบัติตลอดเวลา

    ขณะจิตหนึ่งๆ ที่ระลึกได้นั้น จงหมั่นเจริญพระกรรมฐานให้เกิดขึ้นแก่จิต

    ถ้าหากทำอารมณ์ให้เกิดอย่างนี้จนชินเป็นปกติไม่ได้ ก็จักไปพระนิพพานในชาตินี้ไม่ได้

    และจงอย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง ความตายเป็นของเที่ยง

    จงรู้เจริญพระกรรมฐานในทุกๆ ขณะจิต อันเป็นปัจจุบันธรรมเพื่อความไม่ประมาทในชีวิต


    สาธุค่ะพี่แนท ท่านได้นําธรรมะดีๆมาลง การปฏิบัติธรรมนั้น ไม่จําเป็นต้องรอให้ว่าง จากการงานก่อนจึงจะมาปฏิบัติ เพราะถ้ารอให้ว่างแล้วเมื่อไหร่?ละจะได้ลงมือกันเสียที่ การปฏิบัติ พอผู้ปฏิบัติธรรม เห็นธรรมแล้ว ก็จะร่าเริง เบิกบาน และการงานใดๆมาถึงก็ไม่นิ่งดูดาย หรือจะว่าไป ก็กลายเป็นคนขยันในหน้าที่การงานไปโดยอัตตาโนมัติ เพราะเราทําอะไรๆๆแล้ว เอาจิตไปไว้ ในปัจจุบันนั้นแหละ จะสุข จะไม่ท้อ เพราะจิตรู้ แล้วเข้าใจ ว่าเราทําเพื่ออะไร ก็ทําเพราะเรารักษาธาตุขันธ์ ของเราๆท่านๆเอาไว้ ใช้ประโยชน์ต่อไปนั้นเอง...สาธุค่ะ
     
  7. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    [​IMG]

    ที่มา fb
     
  8. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    [​IMG]

    การภาวนาอบรมจิตที่พระพุทธองค์ทรงสอนแบ่งเป็น 3 ลำดับ
    1. เพื่อประโยชน์ในเบี้องต้นคือ ความสุขในปัจจุบัน
    2. เพื่อประโยชน์ในเบื้องกลาง คือความจุติในสุขคติภูมิเมื่อสิ้นภพชาตินี้ไปแล้ว
    3. เพื่อประโยชน์ในเบื้องปลาย คือความพ้นทุกข์ทั้งหลายในโลกไปโดยสิ้นเชิง และมั่นคง กล่าวคือ พระนิพพานนั่นเอง...สาธุค่ะ

    ที่มา fb Cr คุณมาลินี
     
  9. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    พรหมวิหาร... ๔ (ธรรมประจำใจอันประเสริฐ)

    ๑.เมตตา-ความรัก ปรารถนาดี อยากให้เขามีความสุข

    -มีจิตอันแผ่ไมตรีและคิดทำประโยชน์แก่มนุษย์สัตว์ทำหน้า...

    ๒.กรุณา-ความสงสาร คิดช่วยให้พ้นทุกข์ใฝ่ใจในอันจะปลดเปลื้องความทุกข์ของสัตว์

    -๓.มทิตา- ความยินดี ในเมื่อผู้อื่นอยู่ดีมีสุข มีจิตใจผ่องใสบันเทิง พลอยยินดีเมื่อ

    เขาได้ดีมีสุข...เจริญงอกงามยิ่งขึ้นไป...

    ๔. อุเบกขา-ความวางใจด้วยปัญญามีจิตเรียบตรง ไม่เอนเอียงด้วยรักและชัง...

    ...คำสอนของท่านพุทธทาสภิกขุ กราบน้อมรับพระธรรมคำสั่งสอนเจ้าค่ะกราบ ๆๆๆ.


     
  10. thipong

    thipong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2013
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +1,673
    ...
    .ชอบมากเลยครับคำนี้ เพราะคนส่วนใหญ่คิดอย่างนั้นจริงๆ
    .แม้แต่ผมก็พลั้งพลาดที่จะจะจับภาพพระท่านในช่วงเวลาทำงาน..
    .ส่วนใหญ่เลยแหละครับ

    ..แต่ก็คิดอยู่ว่านี่แหละคือเวทีของการต่อสู้กับกิเลสทั้งหลาย
    ..
    .ที่ ที่สงบที่สุด ก็คือที่ ที่วุ่นวายที่สุด...
    .ตอนนี้กำลังตั้งตัวเพื่อรบกับมัน แต่ขอแบบเบาไปก่อนนะครับ
    .เพราะดินพอกหางหมูมาจนใหญ่เกินกว่าหมูไปแระครับ อิอิ
    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2013
  11. therd2499

    therd2499 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +3,209
    ครูก๊าบวันนี้ศิษย์งดส่งการบ้านติดงานครับทำโอทีเพิ่มกว่าจะเลิกงานตี1ปกติก็ไม่ค่อยส่งอยู่แล้วต้องให้ครูทวง

    อยู่บ่อยๆ555ต้องสู้กับครูที่ทำงานถึง16ชม.ภารกิจทั้งทางโลกทั้งทางธรรมมันช่างหนักจังหนอ

    แต่ก็สู้โว้ยยยยยยยยยยยยยยยย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2013
  12. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    .ชอบมากเลยครับคำนี้ เพราะคนส่วนใหญ่คิดอย่างนั้นจริงๆ
    .แม้แต่ผมก็พลั้งพลาดที่จะจะจับภาพพระท่านในช่วงเวลาทำงาน..
    .ส่วนใหญ่เลยแหละครับ

    ..แต่ก็คิดอยู่ว่านี่แหละคือเวทีของการต่อสู้กับกิเลสทั้งหลาย
    ..
    .ที่ ที่สงบที่สุด ก็คือที่ ที่วุ่นวายที่สุด...

    .ตอนนี้กำลังตั้งตัวเพื่อรบกับมัน แต่ขอแบบเบาไปก่อนนะครับ
    .เพราะดินพอกหางหมูมาจนใหญ่เกินกว่าหมูไปแระครับ อิอิ

    สาธุค่ะ ขออนุโมทนา คุณพูดถูกต้องเลยนะ คนที่มีบุญ วาสนาทางธรรมนั้น เขาจะต้องเดินคู่กับ ทางโลก โดยที่จะต้องเจอหนักๆก่อนทั้งนั้น เพราะเป็นบททดสอบ ถ้าท่านไม่ผ่านความลําบากได้ ท่านจะรู้ได้อย่างไรว่า ท่านจะมีกําลังผ่านพ้นกิเลส ของตนเองไปได้...

    เพราะคนที่เจอความลําบาก แล้วท้อ นั้นก็คือ กําลังใจท่านไม่ถึง ผู้ที่จะเข้ามาปฏิบัติธรรมจะต้องเป็นผู้ผ่านความลําบากมาทั้งนั้น แล้วถ้าท่านผ่านไปได้ นั้นแหละคราวนี้ ที่ว่ายากๆก็จะง่าย เพราะว่า ทุกๆอย่างต้องมีความอดทน อย่างเช่นพระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบท่านก็ปฏิบัติแทบล้ม แทบตายกว่าจะเห็นธรรม รู้ธรรม คือ ต่อสู้กับกิเลส ของท่านนั้นเอง...แล้วเราคนธรรมดา ที่ไม่ได้ไปบวช ก็ต้องสู้กับ การงานหน้าที่ หรือ ความทุกข์ทางกาย ทางใจ ไปพร้อมๆกับการปฏิบัติ จนให้เห็นว่าสิ่งๆนี้ เป็นของธรรมดา นั้นเอง...

    เพราะการปฏิบัติธรรมก็คือ หน้าที่ของผู้ที่ต้องการหลุดพ้น เพราะเห็นว่า การเกิดมาต้องหาเลี้ยงปาก เลี้ยงท้อง เป็น ภาระอันหนักของผู้ที่เกิดมาในโลกนี้...ผู้ที่เห็นภัยจงไม่อยากมาเกิดอีก ท่านจึงต้องการปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นจากกองทุกข์ ก็คือกองสังขารนี่เอง...จึงขอเป็นกําลังใจให้ท่านจงเป็นผู้เข้าถึงซึ้ง"สัจธรรม"ยิ่งๆขึ้นไปค่ะ สาธุค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2013
  13. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    องค์หลวงตามหาบัวท่านฝากไว้ค่ะ "อย่าอ่อนแอท้อแท้ในสิ่งที่ดี...

    ...อย่าเข้มแข็ในสิ่งที่ชั่ว...

    ...ให้พยายามดัดแปลงตัวเอง...

    ...คนเราถ้าไม่มีการดัดแปลงเลย...

    ...เป็นคนดีไม่ได้นะ"

    ...หลวงตามหาบัวท่านสอนว่าไม่มีใครที่ไม่เคย ทำผิด คิดผิด หลงผิด แต่ท่านสอนเพื่อให้

    ..ผุ้ที่ทำผิด คิดผิด หลงผิด ให้รู้ตัวทันเหตุการณ์ แก้ใขทันเหตุการณ์ท่านไม่อยากให้

    -พวกเราหลงทางเข้าป่าลึกไป จนหาหนทางกลับไม่ได้ เพราะเวลานั้นผ่านไปเอากลับ

    ...คืนมาไม่ได้ผ่านแล้วผ่านเลย แต่ใจเรา ตัวเรานี้ขึ้นอยู่กับเราๆสามารถบังคับมันได้

    ด้วยใจที่เข้มแข็งมันอยู่ที่ใจเรา ตัวเราว่าจะเดินทางไปไหน? จะไปนรก หรือไปนิพพานเท่านั้นเอง...

    ...น้อมกราบองค์หลวงตาที่ให้คำสั่งสอน และนำมาคิด นำมาเปลี่ยนแปลง น้อมกราบ

    -องค์กราบองค์หลวงตามหาบัวด้วยเศียรเก้ลาเจ้าค่ะกราบ กราบ กราบ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2013
  14. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    เธอทั้งหลายฯจงมีพระรัตนตรัยเป็นสรณะ
    เป็นที่พึ่งสูงสุดทางจิตใจ ตราบจนเข้าสู่พระนิพพานกันด้วยเถิด


    สภาวะธรรม ก็คือตามสภาวะแห่งจิตของคนเรานี้ฯ
    มีเกิดและดับเป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติแห่งจิตกันอยู่แล้ว

    ถ้าพวกเธอทั้งหลาย ไม่พยายามทำจิตให้เป็นสมาธิอยู่เนืองๆ
    ตามพระตถาคตเจ้าก็ได้ตรัสกับพวกเธอทั้งหลายไว้แล้วนั้น จะเห็นได้ว่าเป็นความจริงทุกประการ
    พระตถาคต มิเคยตรัสสิ่งใดที่มิใช่เป็นธรรมเลย ล้วนเป็นธรรมอันบริสุทธิ์ยิ่ง
    พวกเธอทั้งหลาย จงใช้สติปัญญาของตนที่เจริญกันมาดีแล้วนั้น จงพิจารณาธรรมของพระตถาคตด้วยเถิด...

    กงจักรของสังขารขันธ์และวิญญาณขันธ์นั้น แทบจะตัวเดียวกัน เหมือนแผ่นเนื้อกับหนังซึ่งติดกันแบบนั้น

    กิเลสตนก็เหมือนเนื้อเหล็กกับสนิม เมื่อนานวันเข้าจากเนื้อเหล็กที่เคยแข็งแกร่งต้องกลายเป็นสนิม ความแข็งแกร่งก็จางหายไป
    เหมือนหยดน้ำทำลายหิน เมื่อหยดลงหิน หินนั้นยังสึกกร่อนได้เลย นับประสาอะไรกับจิตคน โดนกิเลสลากพาจูงลงต่ำทุกๆวัน
    หรือเกิดมานับชาติไม่ถ้วน กิเลสกับเรา(จิต)เสมือนเป็นตัวเดียวกัน ซึ่งถึงเวลาจะจับแยกออกจากกันจึงเป็นไปด้วยความลำบากยากเย็นยิ่งนัก

    พระตถาคตเคยสอนพวกเธอไปทั้งหมดแล้ว แต่นำไปสอนตนเองกันหรือไม่
    พวกเธอจงพิจารณาด้วยสติปัญญาแล้วก็จะรู้เองว่า..คำสอนพระตถาคต หรือธรรมทุกธรรมนั้น พระตถาคตยังอยู่จริง
    พวกเธอไม่ต้องตามหาพระตถาคต ขอให้พวกเธอจงตามหาธรรมทุกธรรมหรือคำสอนทุกคำนั้นคือ พระตถาคต
    ถ้าพวกเธอทั้งหลายพอจะสัมผัสธรรม หรือรู้รสพระธรรมที่พระตถาคตพร่ำสอนสั่งนั้น นั่นแสดงว่า พวกเธอทั้งหลายมิได้อยู่ไกลจากพระตถาคตเลย


    พวกเธอทั้งหลาย จงพากันออกจากทุกข์ จงพากันออกจากภัยวัฎฎะของตนตามพระตถาคตด้วยเถิด
    เพราะพระตถาคตทบทวนจิตด้วยสมาธิเป็นเวลายาวนานติดต่อกัน มิได้ขาดสายนั้นคือธรรม คือความจริง คือสัทจริงทุกประการ
    ตามที่ได้หมุนวงล้อกงจักรธรรมนั้นให้พวกเธอทั้งหลายดูกันไปหมดแล้ว ว่าแต่ว่า พวกเธอทั้งหลายจะสนใจกันตอนไหน
    แต่ถ้าสนใจเมื่อไหร่ พวกเธอก็จะรู้ได้ในวันนั้น และวันนั้นนั่นเอง พระตถาคตก็จะมาเยี่ยมพวกเธอหรือผู้ปฎิบัติถึงควรแล้วเอง

    ทุกวันนี้ พวกเธอโดนกิเลสของตนเองพาจิตหมุน จนพวกเธอหาทางออกจากสิ่งสมมุติกันไม่ได้
    เมื่อธรรมมิได้อยู่ภายในจิตใจของพวกเธอ หรือกิเลสบดบังจิตจนพระตถาคตไปหาพวกเธอมิได้

    พวกเธอพยายามนึกถึงพระตถาคตกันบ่อย เดี๋ยวธรรมะก็จะเกิดขึ้นภายในจิตเราเอง
    นั่นแสดงว่า พระตถาคตกำลังมาเยี่ยมหรือมาให้กำลังใจพวกเธอทั้งหลาย ที่กำลังพากันปฎิบัติเพื่อความหลุดพ้นจริงๆ

    พระตถาคต สอนพวกเธอให้มีปัญญา ปล่อยวางก็ด้วยปัญญา ปัญญาจะนำพาไปหาธรรมภายในจิตในจิตของตน
    และธรรมที่ผุดขึ้นมาภายในจิตของตนนั้นจะหวนกลับมาสอนตนเอง เพราะคำว่ามนุษย์นั้น ไม่มีผู้ใดสอนกันได้ นอกจากธรรมภายในจิตของตน


    ธรรมในจิตนั้นแล คือตนเป็นที่พึ่งแห่งตนโดยแท้จริง พระตถาคตปฎิบัติตนเป็นตัวอย่างให้พวกเธอทั้งหลายดูกันไปหมดแล้ว...


    ภูทยานฌาน
     
  15. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    จิตเห็นธรรมได้ จึงพ้นทุกข์ได้...

    พวกเธออย่าไปอาลัย อาวรณ์กับสิ่งสมมุติใด เช่น ขันธ์๕ของตน เป็นต้น
    รีบพากันปฎิบัติจะได้พบกับความจริงแห่งชีวิตตน พวกเธอพบธรรมก็เหมือนรู้ความจริงของตนทั้งหมดทั้งมวล
    เพราะการปฎิบัติธรรมก็เพื่อตนเอง เพื่อค้นหาจิตตนเอง เพื่อค้นหาความจริงภายในตนเอง
    มิใช่หาความจริงจากที่อื่น
    เมื่อพวกเธอปฎิบัติกันได้อย่างนี้ คือเมื่อไหร่ค้นพบธรรมหรือความจริงภายในจิตตนเองแล้วย่อมพบธรรมหรือความจริงกับสิ่งภายนอกจิตของตนด้วย

    อย่าเที่ยวตามหาพระตถาคตภายนอกจิตของตนเลย เพราะความจริงพวกเธอก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่า พระตถาคตดับขันธปรินิพพานไปนานแล้ว
    แต่จิตพระตถาคตยังมีอยู่จริง คืออยู่ทุกอณู ทุกอตอม ทุกลมหายใจของพวกเธอ พวกเธอลองนึกถึงพระตถาคตกันดูอยู่บ่อยๆ เดี๋ยวก็รู้เอง
    พวกเธอทั้งหลายพากันปฎิบัติจริงจัง ก็มีโอกาสพบพระตถาคตกันจริงๆ พากันทำจิตให้ว่างจริงๆยิ่งเห็นพระตถาคตชัดเจนกันเมื่อนั้น

    เมื่อจิตเป็นสมาธิดีแล้ว พวกเธอทั้งหลายก็จะรู้ได้เองว่า..มีอะไรบ้างเป็นเรา เป็นของเรา
    ไม่มีเลยใช่ไหม แล้วพวกเธอพากันเผลอสติ ละเลยจิตตนเองกันทำไม เพราะนั่นเรากำลังยินดีกิเลสตน เห็นกิเลสเป็นของดี
    หรือเรากำลังจะกลายเป็นกิเลสซะเอง ปล่อยเขาถ้าผู้ใดคิดอย่างนั้น เพราะอีกไม่นานนักคนเหล่านี้มักพบแต่ความทุกข์หรือสุขจอมปลอม
    เผื่อจะรู้ความจริง กายก็โทรม จิตก็ไม่ผ่องใส เหมือนดอกบัวขึ้นที่ไม่ดีมีแต่คราบน้ำมัน แล้วจะมีผู้ใดสนใจพวกเธอ
    ดูตัวอย่างเหล่าพระสงฆ์สาวกที่ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบตามพระตถาคต ที่พวกเธอกำลังวิ่งตามหรือตามหาผู้ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบเหล่านั้น
    พวกเธอมัวหลงไปวิ่งตามทำไม ทำไมไม่คิดให้ผู้อื่นวิ่งตามเราบ้าง พระสงฆ์สาวกเหล่านั้นก็พากันปฎิบัติดี ปฎิบัติตามพระตถาคตกันทั้งนั้น
    พระสงฆ์สาวกมีกายหยาบ มีจิตละเอียด เหมือนกับพวกเธอทั้งหลายทุกอย่าง ต่างกันตรงภายในกาย นั่นก็คือ จิต เท่านั้นเอง

    เพราะฉะนั้น พวกเธอทั้งหลายจงนำพากันปฎิบัติตามมรรคมีองค์๘ นี้กันด้วยเถิด
    เพราะมีหนทางเดียวจะพาจิตตนประเสริฐหรืออริยะเหมือนดั่งบรรดาเหล่าพระสงฆ์หรือสาวกของพระตถาคต
    จงพากันปฎิบัติเพื่อความหลุดพ้นเพียงอย่างเดียว อย่างอื่นมิให้ใหลหลง พระตถาคตสอนแต่เฉพาะการปล่อยวาง
    มิใช่วางแต่ของหยาบแล้วไปยึดของละเอียดกัน

    เพราะฉะนั้น ความทุกข์จะเกิดก็เฉพาะผู้ที่ชอบเผลอสติ(ทุกข์ชั่วคราว)...แต่ถ้าละเลยจิตตนเอง(ทุกข์ถาวร)

    พระตถาคต กำลังประทานน้ำทิพย์อันบริสุทธิ์ ทำไมพวกเธอทั้งหลาย..ไม่รีบดื่มกิน
    เหมือนดั่งเราได้ดื่มกินรสพระธรรมอันแสนประเสริฐของพระตถาคต
    เพราะผู้ใดได้มีโอกาสดื่มกินแล้ว ย่อมพบแต่ความผาสุกยั่งยืนตราบชั่วนิรันดร์

    พวกเธอเห็นธรรมพระตถาคตกันไหม ต่อไปนี้อย่าสนใจสิ่งใดเลย นอกจากสติกับจิตตน
    เพราะผู้ที่จะเห็นธรรมพระตถาคตได้นั้นต้องอาศัยสติพร้อมปัญญาของตนเท่านั้น
    เห็นธรรมแทนกันไม่ได้ ดับทุกข์แทนกันก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้น พวกเธอต้องเห็นธรรมเอง จึงจะพ้นทุกข์เอง...


    ภูทยานฌาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2013
  16. kantinanna

    kantinanna เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +1,819
    โมทนาสาธุค่ะ
     
  17. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    ไม่ว่าอย่างไร พี่ก็ยินดีกับเธอด้วยที่มีความตั้งใจจะขัดเกลาดวงจิตของเธอ ตอนนี้เธอทำเพื่อตนเองก่อนหาเมื่อเธอรู้แจ้งเห็นจริงและกำลังใจมากพอเธออาจยังประโยชน์แก่เพื่อนร่วมทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายได้บ้าง พี่ก็พยายามอยู่นะในเส้นทางเดียวกับเธอ เธฮฌโฺฯ?ษฌเธอมาถูกทางแล้วจ้ะ ยังมีคนอีกจำนวนมากที่
    กำลังใจไม่ถึงแม้จะมีพรายกระซิบ(พี่เอง) คอยทั้งกระซิบและตะโกน(เอ้มีมั้ยนะพรายตะโกน)
    ก็ยังลังเลสงสัยอยู่นั่นแล ต้องอุเบกขาน้อยๆไปก่อน แต่ยังคอยกระซิบอยู่เรื่อยๆ เป็นกำลังใจให้จ้ะ

    การภาวนาอบรมจิตที่พระพุทธองค์ทรงสอนแบ่งเป็น 3 ลำดับ
    1. เพื่อประโยชน์ในเบี้องต้นคือ ความสุขในปัจจุบัน
    2. เพื่อประโยชน์ในเบื้องกลาง คือความจุติในสุขคติภูมิเมื่อสิ้นภพชาตินี้ไปแล้ว
    3. เพื่อประโยขน์ในเบื้องปลาย คือความพ้นทุกข์ทั้งหลายในโลกไปโดยสิ้นเชิง และมั่นคง กล่าวคือ พระนิพพานนั่นเอง — with Malinee Page
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • images2V4OCG8D.jpg
      images2V4OCG8D.jpg
      ขนาดไฟล์:
      5 KB
      เปิดดู:
      49
    • takon.png
      takon.png
      ขนาดไฟล์:
      32.7 KB
      เปิดดู:
      49
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2013
  18. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    Welcome Back ja... wel lcome_pink

    มีกระทงหลงทาง มาแถวนี้ล่ะ ... ท่านพี่ภู ...อ้อ ไม่ใช่... น้องแหวว ต่างหาก ผ่านมาแถวนี้ แวะมาทักทาย มาเติมน้ำธรรมะ เหรอจ้ะ ...
    ยินดีจ้ะ มาบ่อยๆสิคะ ...พี่ๆ คิดถึงหนูนะคะ น้องแหวว Kantinanna
     
  19. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    หลวงปู่จันทร์ศรี สอนไว้ว่า...

    เราทำงานคนเดียวไม่ได้...แต่ละคน มีดี คนละอย่าง...

    ท่านสอนว่าควรหันหน้าเข้าหากัน...ทำงานด้วยกัน...

    ...แล้วเอาส่วนรวม "เป็นหลัก" มิใช่เอาตน "เป็นใหญ่...

    ...ท่านสอนย้ำไว้ว่าทั้งสุข ทั้งทุกข์อยู่ที่ใจ...และอยู่ที่ตัวเราเอง...

    ...กราบน้อมรับพระธรรมคำสอนเจ้าค่ะ และน้อมกราบหลวงปู่เจ้าค่ะกราบ กราบ กราบ
     
  20. thipong

    thipong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2013
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +1,673
    ...
    ..
    ...ขออนุโมทนาสาธุในความตั้งใจของพี่เช่นกันครับ
    ...ช่วยกันคนละไม้ละมือ คงจะพอทำให้คนนั้นทุกข์น้อยลง
    ...สาธุๆๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...