ร่วมทำบุญบูชา นัยน์ตาพระธรณีเจาะจำเพาะมหาถอดแสนมนต์(องค์ปฐมเปลื้องผ้ากาสา) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. tinner2

    tinner2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2013
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +122
    รายละเอียดทาง PM คัป
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. sakmalai

    sakmalai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    504
    ค่าพลัง:
    +1,344
    ได้รับ ตะกรุดมีใจ เรียบร้อยแล้วคับ
     
  3. g_banman

    g_banman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +1,165
    ตะกรุดมนต์โองการ (ท้าวจตุโลกบาล) ยาวกี่นิ้วครับ
     
  4. พ่อน้องหนุน

    พ่อน้องหนุน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +5,562
    สัญชาติ (นครพนม)ได้รับตะกรุดมีใจที่ส่งให้แล้วครับ ขอบคุณมากครับ./
     
  5. chromosome x

    chromosome x เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    327
    ค่าพลัง:
    +1,512

    สวัสดีครับคุณคุรุปาละ
    ขอสอบถามราคาบูชาหน่อยครับ

    ขอบคุณครับ
     
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,147
    ค่าพลัง:
    +16,536
    เดี๋ยวแจ้งหน้ากระทู้ครับ
     
  7. oomdi

    oomdi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    405
    ค่าพลัง:
    +1,261
    ปูเสื่อรอเลยครับ
     
  8. มหานวโกฏิ999

    มหานวโกฏิ999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    329
    ค่าพลัง:
    +727
    รอครับ
     
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,147
    ค่าพลัง:
    +16,536
    มหาวีรภัทร มหากาลี

    ก็มีคำถามสอบถามเข้ามาแล้วผมได้ตอบไปแล้ว เห็นสมควรจะพิมพ์ลงเพื่ออธิบายให้ชัดเจนอีกคำรบหนึ่ง

    ในคำถามนั้น ถามว่าพระเเม่กาลีนั้นมหากาลีที่เกิดจากพระศิวะนั้นใช่องค์เดียวกับพระแม่กาลีหรือไม่

    สิ่งนี้ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า มหาศักตินั้นได้ทำการจุติขึ้นมาเป็นพระแม่สตีหลังจากพระนางสิ้นไปก็ถือรูปกำเนิดหม่เป็นปาราวตี พระแม่กาลีนั้นหลายท่านเข้าใจว่าได้เกิดขึ้นในยุคของพระนางปาราวตี

    แต่ข้อเท็จจริงนั้น พระผุ้เป็นเจ้าสูงสุดได้ให้กำเนิดมหาศักติขึ้นมา และก่อนหน้ายุคของพระแม่ปาราวตีนั้น พระองค์ก็ได้ใช้อำนาจแห่งมหาศักติให้กำเนิดพระแม่กาลีขึ้นมาแล้ว โดยกำเนิดขึ้นมาพร้อมกับมหาวีรภัทรนั่นเอง

    กล่าวได้ให้เข้าใจง่ายๆว่า พระมหาวีรภัทรนั้นคือรูปแทนของพลังงานทำลายล้างสูงสุดฝ่ายมหาเทวะ ส่วนมหากาลีนั้นคือรูปแทนอำนาจการทำลายฝ่ายมหาศักติ เช่นนี้ก็ว่าได้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. chromosome x

    chromosome x เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    327
    ค่าพลัง:
    +1,512

    สวัสดีครับคุณคุรุปาละ

    ขอจององค์ครู 6000 บาท 1 องค์ครับ ขออนุญาตโอนเงินปลายเดือนนี้นะครับ

    ขอบคุณครับ
     
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,147
    ค่าพลัง:
    +16,536
    ความตั้งใจจริง

    วันนี้ก็มาพูดคุยธรรมมะกันในเวลาเช้าเช่นเดิม ซึ่งเรื่องที่จะพูดกันวันนี้ก็คือหัวข้อความตั้งใจจริง ซึ่งก็จะนำความรู้ที่พ่ออาจารย์ท่านเคยเทศน์เคยสอนเอาไว้มานำเสนอเรื่อยๆ

    การจะทำอะไรก็ดี ไม่ว่าจะเป็นการงานทางโลกหรือการปฏิบัติธรมมอบรมตนนั้น ความตั้งใจจริงเป็นสิ่งสำคัญ หากตนเองตั้งใจอะไรไว้แล้วทำไม่ได้ คิดอย่างทำอย่าง เช่นนี้ตนย่อมทรยศตนเอง เป็นคนโง่ เป็นคนที่ไม่อาจจะไปถึงความสำเร็จหรือบรรลุวัตถุประสงค์แห่งการกระทำนั้น

    ในการปฏิบัติธรรมก็เช่นกัน หากใครไปปฏิบัติธรรมแล้วไม่มีความตั้งใจ จิตใจยังเลื่อนลอยติดอยู่กับโลกธรรมภายนอก คิดถึงระลึกถึงสิ่งที่วุ่นวายมิใช่ธรรมมะเเละข้อปฏิบัติของครูบาอาจารย์หวั่นไหวไปกับอารมณ์ความรู้สึกสิ่งแวดล้อมตลอดจนโลกธรรมต่างๆ จิตใจปราศจากความสงบระลึกถึงสัญญาความจำได้หมายรู้ต่างๆปล่อยใจไปตามอารมณ์ความคิดความรู้สึก เช่นนี้ตนก็ย่อมเป็นคนโง่ปราศจากการพัฒนาทางจิตเช่นเดิม ซ้ำร้ายยังผิดกับพ่อแม่ครูอาจารย์ทั้งหลายที่อบรมสั่งสอนและให้ธรรมกับเราด้วย สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรผิดกับความปรารถนาดีของท่านที่ตั้งใจจะโปรดสัตว์ผู้ยาก ผิดต่อตนเองที่เสียเวลาไปวันๆสุดท้ายก็ไม่มีภูมิจิตภูมิธรรมอะไรติดตัว ซ้ำตายไปยังต้องเสวยทุกข์เวทนามิรู้จักจบสิ้น

    ท่านทั้งหลายนี่เราพูดถึงความตั้งใจ เห็นหรือไม่ว่าหากทำอะไรก็ตามเราไม่ตั้งใจทำจริงๆแล้วเราจะมิได้รับผลดีอะไรเลย แต่หากเรามีความตั้งใจจริงแล้วทั้งทางโลกและทางธรรม มีความตั้งใจจริงและลงมือปฏิบัติจริง จะอย่างใด สิ่งที่ตนเองทำนั้นก็ย่อมสัมฤทธิ์ผลไม่มากก็น้อย ไม่มีเสียที่จะไม่ได้อะไรเลย เช่นนี้ความตั้งใจมุ่งมั่นของคนก็เป็นเหตุสำคัญประการหนึ่งเช่นกัน ความสำเร็จนั้นก็วัดกันตรงที่เรามีความตั้งใจและใช้กำลังปฏิบัติจริงมากหรือน้อยแต่เพียงนั้น

    การจะกระทำอะไรให้ฝึกความตั้งใจไปในตัวเช่นนี้ก็เท่ากับว่าตนได้ฝึกสมาธิไว้ให้ติดตัวเสมอเป็นประจำเช่นกัน เช่นจะพูดก็ตั้งใจอยู่กับการพูด จะทำงานก็ตั้งใจจดจ่ออยู่กับการทำงาน จะกินอาหารก็ตั้งใจอยู่กับอาหารที่กินพิจารณาการเคี้ยวการกลืน ตั้งใจจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำเช่นนี้ แม้การปฏิบัติธรรมก็เช่นเดียวกันต้องอาศัยความตั้งใจจริงมิใช่ทีเล่นทีจริง เช่นนี้ความปรารถนาทั้งหลายย่อมสำเร็จตามความตั้งใจ

    ความตั้งใจจริงนี้คืออารมณ์ภายในจิตใจ ท่านทั้งหลาย จะเปรียบความตั้งใจนี้กับความมั่นคงของชีวิตก็ได้ การจะทำอะไรหากเราใส่ความตั้งใจลงไปก็เหมือนกับเราเพิ่มความมั่นคงให้กับสิ่งนั้นๆ ทุกสิ่งที่ทำก็สุดแต่กำลัง แต่การกระทำนั้นจะก้าวไปแบบมั่นคงไม่เอนเอียง

    ท่านทั้งหลาย พระพุทธเจ้าของเราได้ให้วิธีทางที่ประเสริฐ เป็นแนวทางวางไว้เพื่อให้เราทั้งหลายก้าวไปสู่ผลสำเร็จ จะสำเร็จประโยชน์ยิ่งใหญ่ได้เสมอและถ้วนถึงทุกผู้คน นั่นคือใช้หลักอิทธิบาท 4 ในการดำรงค์ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการงานหรือปฏิบัติธรรมก็ดี ก็สามารถใช้หลักนี้ควบคู่ไปกับความตั้งใจจริงได้ทั้งหมด

    ประการที่1 ฉันทะ ไอ้ตัวฉันทะนี่เราต้องมีกันทุกคนนะ เพราะมันคือความพอใจ ความรักใคร่ ในสิ่งที่เรากระทำอยู่ ไม่ว่าจะทางโลกทางธรรมก็ตาม เมื่อเรามีความรักใคร่พอใจในสิ่งที่เรากำลังจะกระทำแล้ว สิ่งนั้นจะดึงดูดจิตใจของเราให้จดจ่อทำให้เกิดความมุ่งมั่นความตั้งใจมากขึ้น

    ประการที่2 วิริยะ ซึ่งก็คือความเพียร ชนทั้งหลายจะก้าวล่วงผ่านอุปสรรคได้ด้วยความเพียร ความเพียรนี้คือเพียนรพยามยาม ความอดทนไม่ย้อท้อต่ออุปสรรคที่ผ่านเข้ามา ซึ่งก็ต้องอาศัยอารมณ์ความตั้งใจจริงเป็นพื้นฐานเช่นกัน เพื่อจะดำรงค์ความเพียร ให้ตั้งมั่นอยู่ตลอด ให้กำลังแห่งความเพียรนั้นไม่ตกลงไป

    ประการที่3 จิตตะ นี่ตัวนี้สำคัญเลย เพราะมีอยู่ในทุกข้อเป็นพื้นฐานที่นำพาเราไปสู่มรรคสู่ผล ก็คือความตั้งใจจริงนั่นเอง จะทำอะไรก็ให้เราทั้งหลายตั้งใจจริงๆอย่าทำเป็นเล่น เอาใจใส่กับสิ่งที่ทำทั้งหลาย อารมณ์ความตั้งใจนี้จะต้องรักษาไว้ตลอดไม่ปล่อยให้ดับวูบไป

    ประการที่4 วิมังสา ตัวนี้คือการคอยสังเกตุสอดส่องอยู่กับเหตุผลของสิ่งที่กระทำ จะเรียกว่าการพิจารณากลายๆก็ได้ เมื่อเรารู้จักการพิจารณาเเล้วเราก็จะพบกับความสุขในสิ่งที่เราทำ ไม่ว่าจะทางโลกก็ดี ทางธรรมก็ดี

    การกระทำสิ่งใดก็ตาม เมื่อเราประกอบอยู่ในองค์ 4 เหล่านี้ ความมั่นคงจะเป็นผลพลอยได้จากการกระทำนั้น

    ท่านทั้งหลายลองมาพิจารณาดู ว่าสิ่งที่ท่านทั้งหลายทำนั้น เคยล้มเหลวบ้างหรือไม่ และตัวท่านขาดสิ่งใด มีความตั้งใจจริงกับสิ่งที่ทำมากน้อยแค่ไหน

    เราทั้งหลายนั้นได้ชื่อว่าเป็นพุทธศาสนิกชน ดังนั้นแล้วสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน เราเคยศึกษาและเคยนำมาทำกันบ้างรึยัง ในฐานะที่เราเป็นลูกพระพุทธเจ้าเสมอกันทั้งหมด สิ่งที่พ่อสอนนั้นย่อมเป็นความปรารถนาดีที่หยิบยื่นให้แก่ลูกๆ ลูกๆทั้งหลายก็ไม่สมควรจะละเลย สิ่งใดง่ายต่อการศึกษาค้นคว้าก็สมควรที่จะศึกษาและลองกระทำ

    การฝึกกระทำสิ่งใดๆก็ตาม ตามหลักอิทธิบาท 4 นี้ ผู้ทำหมายถึงตัวเรา ย่อมประสบพบกับความสุขในสิ่งที่ตนลงมือกระทำ จะทำงานก็เป็นงานที่สบาย จะปฏิบัติธรรมก็ปฏิบัติได้อย่างสบาย ใช้ชีวิตก็ใช้ได้อย่างสบาย แม้จะตายยังตายสบาย ความอยากได้ใคร่ดีนั้นจะมีก็สบาย จะไม่มีก็สบาย ไม่รู้สึกถึงอารมณ์ฉาบฉวยจอมปลอมทั้งหลาย

    ก็ฝากท่านทั้งหลายไว้ ถึงสิ่งง่ายๆที่เราสามารถนำมาใช้มาทำกับชีวิตของเราได้จริง ธรรมของพระพุทธเจ้านั้นย่อมเป็นของกลาง ท่านทั้งหลายย่อมสามารถปฏิบัติและเข้าถึงได้เสมอ ถ้วนหน้ากันทุกคน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2015
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,147
    ค่าพลัง:
    +16,536
    ความเชื่อ

    วันนี้ก็จะตอบข้อสงสัย 2 เรื่อง ซึ่งเห็นว่าเป็นประโยชน์ดี

    * ประการเเรก

    เรื่องอายุพระศาสนา 5,000 ปี จะแบ่งผู้ดูแลออกเป็นสามยุค
    ซึ่งก็คือพระสงฆ์ 2,500 ปี เทวดา 1,250 ปี นาคครุฑ 1,250 ปี

    ซึ่งต้องบอกว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเพียงความเชื่อทั้งนั้น เพราะไม่มียืนยันในพุทธดำรัสแต่เป็นความเชื่อที่เล่าขานเเละมีการบันทึกสืบต่อมาจากรุ่นสู่รุ่น

    ถ้ายึดตามคำของพระพุทธเจ้าที่ตรัสกับพระอานนท์ไว้ ว่าพรหมจรรย์นั้นไม่ใช่สิ่งที่ตั้งอยู่ได้นาน สัทธรรมจะตั้งอยู่ได้เพียง 500 ปีเท่านั้น

    ดังนั้นจะเห็นได้ว่าสัทธรรมเริ่มเข้าสู่ความเสื่อมเรื่อยๆตั้งเเต่อยู่ในยุคที่พระภิกษุสงฆ์รับดูแลพระศาสนาแล้ว

    ดังนั้นกลไกต่างๆย่อมเปลี่ยนแปลงตนเองโดยธรรมชาติ เพื่อความเหมาะสมแก่กาลแก่ยุคสมัย เมื่อศีลธรรมเสื่อมลงก็เป็นการเร่งให้ถึงยุคที่เทพเจ้าทั้งหลายจะลงมาปฏิบัติหน้าที่เร็วขึ้น

    จากยุคที่ควรจะแบ่งเป็น 3 ยุค ก็กลายเป็น 4 ยุคไป โดยเพิ่มขึ้นมาอีก 1 ซึ่งก็คือยุคที่ 3 เหล่าอสูร นาคครุฑก็จะรับมาดูแล ส่วนยุคสุดท้ายนั้นก็เป็นหน้าที่ของเหล่าภูติผีปีศาจอสูรกายต่างๆ

    ซึ่งทั้งนี้เราจะเห็นได้จากสิ่งรอบตัวเรามันเป็นเครื่องกำหนดและฟ้องชัดเจนในตัวอยู่แล้วว่าทุกสิ่งกำลังดำเนินสู่ความเสื่อมจริงหรือไม่ และถ้าหากนี่ยังเป็นยุคของเทพเจ้าจริงๆแล้ว ก็คงไม่มีร่างทรงที่เกิดจากความวิกลจริต ไม่มีร่างทรงที่ถูกเทพเจ้าชั้นต่ำจับจองตัวเกิดขึ้นมากมายเช่นนี้

    ตลอดจนมีความเชื่อมีลัทธิบูชาพญานาคต่างๆที่เข้มข้นขึ้น ทำให้เห็นชัดเจนว่าในปัจจุบันนี้หมดยุคเทวดาไปแล้วและเข้าสู่ยุคเทพเดรัจฉานมารับหน้าที่ต่อ อย่างชัดเจน

    แต่จะอย่างไรก็ดี สิ่งเหล่านี้ก็เป็นเพียงความเชื่อ ไม่ว่าจะยุคไหนๆก็ตาม หากยังมีคนประพฤติพรหมจรรย์อยู่ ดำรงค์ตนเคร่งครัดตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ก็เป็นอันเชื่อได้ว่าพระอรหันต์นั้นยังมีอยู่ในโลก และโลกจะไม่ว่างจากพระพุทธศาสนา แม้เกิน 5,000 ปีไปแล้วก็ตาม ถึงตอนนั้นเราก็จะต้องเปลี่ยนความเชื่อใหม่อีก เพราะสิ่งนี้ไม่ใช่พระพุทธพจน์ที่มีการบันทึกไว้ เป็นเพียงเเต่ความเชื่อที่ถ่ายทอดบอกเล่าสืบต่อกันมา

    * ประการที่ 2

    เรื่องเทพอสูรวีรภัทรนั้น สำหรับคนที่อารมณ์ร้อน จะถามว่าบูชาครูอสูรพระองค์นี้ได้รึไม่ก็ตอบไว้ ว่าบูชาได้ แต่หากไปห้อยคอแล้วเราจะรู้สึกร้อนวูบวาบอย่างเห็นได้ชัด ให้ลองถอดออกดูก่อนแล้วนำกลับมาห้อยใหม่ หมั่นทำแบบนี้บ่อยๆจะปรับตัวปรับสมดุลย์ร่างกายให้เข้ากับองค์ท่านได้ อันนี้เป็นกรณีห้อยคอแต่หากนำมาพกในกระเป๋าจะไม่รู้สึกอาการอะไร แต่ควรห้อยไว้จะดีกว่า พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าถ้ารู้สึกร้อนวูบวาบให้ถอด ไม่ถึงนาทีอาการนั้นจะหายเป็นปลิดทิ้ง คล้ายๆกับแรกๆต้องมีการปรับสภาพ ท่านกินวิญญาณร้ายและสิ่งไม่ดีทั้งหลายที่เกาะติดในร่างกายของเราพอถอดออกซักครู่ก็จะไม่รู้สึกอะไรแล้ว จะเป็นเฉพาะในตอนห้อยเเรกๆเท่านั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2015
  13. ธัญญ์นิธิ

    ธัญญ์นิธิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,794
    ค่าพลัง:
    +6,030
    อยากได้แบบเนื้อผง โรยแร่เทวาประสิทธิ์ แร่โครตเศรษฐี ฝังตะกรุดตราล้างโลก (แบบไม่ต้องฝังเศียรท่านก็ได้ครับ) พ่ออาจารย์ท่านจะสร้างให้ไหมครับ และจะให้ร่วมบุญเท่าไหร่ครับ ถ้าแบบนี้

    ปล. องค์ครูงบไม่พอครับ
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,147
    ค่าพลัง:
    +16,536
    ภูติผี วิญญาณ

    มีเรื่องพูดคุยกันไม่หยุดจริงๆสำหรับเสด็จปู่วีรภัทร

    วันนี้มีโทรศัพท์สามสาย สามท่าน โทรหาผม ถามเรื่องเดียวกันนี้ว่าจะบูชาเสด็จปู่ได้มั๊ย เพราะว่าท่านดูจะแรงและกินวิญญาณด้วย กลัวจะมีผลกระทบกับกุมารทองหรือพรายต่างๆที่เลี้ยงไว้

    ก็ได้เรียนถามพ่ออาจารย์แล้ว ท่านว่ามีผลกระทบเฉพาะวิญญาณร้ายเท่านั้น ถ้าสิ่งไหนร้ายสิ่งไหนไม่ดีจะเก็บเอาไว้ทำไม ท่านจัดการเฉพาะวิญญาณร้าย วิญญาณที่ให้โทษกับเรา ส่วนวิญญาณที่ดีท่านไม่ยุ่งเหมือนต่างคนต่างอยู่ แต่ถ้ารับไปก็ทำการอธิษฐานบอกกล่าวท่านก่อนพอเป็นพิธี เเต่ถึงจะไม่บอกกล่าวก็ไม่เป็นไร สบายใจได้นข้อนี้

    ก็เป็นเรื่องกลุ้มใจของหลายๆท่าน ที่ผมต้องถือโอกาสพิมพ์มาทางด้านหน้านี้เลย เพราะจะได้ถือโอกาสตอบรวมๆเสียทีเดียว

    ส่วนอีกคำถามหนึ่งคือตะกรุดหรือพระผงจะแรงกว่า อันนี้ก็พิจารณาเอาเองผมไม่ขอตอบแล้วกัน เพราะพ่ออาจารย์ท่านเพียงปรารถนาจะให้ใช้กันได้ทั่วถึงทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ จึงทำออกมาหลายแบบ แต่ทีนี้ถ้าจะถามในเเง่ของพลังจริงๆ ผมรู้ว่าตัวท่านเองก็น่าจะมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2015
  15. nookylaw

    nookylaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    555
    ค่าพลัง:
    +1,039
    เรียน คุณคุรุปาละ

    ขอแจ้งการโอนเงินค่าตะกรุดมีใจ ตามสลิปครับ ที่อยู่ส่งให้ทาง PM นะครับ
    ยังไม่ต้องส่งนะครับ ผมขอจองตะกรุดวีระภัทรมหากาล (มหากาฬดอกจ้อย)1 ดอกครับ
    จะได้ส่งพร้อมกัน

    ขอบคุณครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. ธัญญ์นิธิ

    ธัญญ์นิธิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,794
    ค่าพลัง:
    +6,030
    ขอร่วมบุญจอง พระผงมหาสูตรพระมหาวีรภัทรมหากาล 700 บาท 1 องค์ ครับ
     
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,147
    ค่าพลัง:
    +16,536
    ไสยศาสตร์

    วันนี้ได้อ่านบทความดีๆ ก็เลยนำมาแชร์ให้อ่านกัน แต่มันค่อนข้างจะยาวจะขอก้อปปี้มาเฉพาะบางส่วนนะครับ

    ความเข้าใจผิดใน วิชาไสยศาสตร์ ที่คนทั่วไปไม่รู้ ” แต่คุณ จะได้รู้ กับข้อมูลนี้ “ | Tori Talk

    อันนี้แนะนำให้อ่านกันให้จบ จะได้พอเข้าใจ เพราะหลายๆอย่างผมก็เคยพิมพ์ไปแล้วทั้งนั้น

    เมื่ออ่านจบแล้วอคติในวิชาไสยศาสตร์ที่ว่าเป็นเดรัจฉานวิชาจะได้ลดลง เพราะวิชาการใดๆทั้งหลายในโลกก็ได้ชื่อว่าเป็นเดรัจฉานวิชาทั้งหมดเช่นกัน ยกเว้นกรรมฐานวิปัสนาที่จะพาผู้ฝึกไปสู่นิพพาน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในเดรัจฉานวิชาทั้งหมด ไสยศาสตร์นั้นก็สอนให้ฝึกสมาธิอันเป็นพื้นฐานที่จะก้าวไปสู่วิปัสนาได้เหมือนกัน

    อีกกรณีหนึ่งสำหรับคนที่ใช้วัตถุมงคลไม่ขึ้นไม่ค่อยได้ผล ในบทความนี้ก็จะมีอยูชัดเจน ที่กล่าวถึงคน 3 ประเภทที่เล่นไสยศาสตร์ต่างๆกันไป ลองมาดูเเละทำความเข้าใจเอาว่าเราเป็นประเภทไหนทำไมเราใช้ไม่ได้ผล เป็นคนโง่สุด เชื่อครึ่งๆกลางๆ หรือว่าฉลาดสุดๆ

    แต่ที่ว่าไสยศาสตร์อยู่ในความเชื่อคนไทยมา 7,000 ปีนั้น ผมว่าอันนี้คนเขียนบทความน่าจะเขียนตัวเลขผิด เพราะไสยศาสตร์ต้นสายนั้นรับมาจากอินเดียถ้าจะเขียนอายุจริงๆ ก่อนสมัยความเชื่อของชาวอารยะก็มีไสยศาสตร์แล้ว อาจจะมากกว่านั้นก็เป็นได้ ที่จริงผมก็มีข้อมูลพอสมควรแต่ติดว่ายังขี้เกียจมานั่งไล่บวกลบข้อมูลพวกประวัติศาสตร์ต่างๆ ก็ยกไว้ว่า 7,000 ปีนี่มันน่าจะไม่ใช่ในไทยเเต่เป็นในกลุ่มชนชาติอื่นเสียมากกว่า

    * อ่านให้จบจะได้ประโยชน์และความรู้มาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2015
  18. tinner2

    tinner2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2013
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +122
    ขอเปลี่ยนจากตะกรุดมีใจเป็นตะกรุดวีระภัทรมหากาล (มหากาฬดอกจ้อย) คัป
    โอนค่าเรียบร้อยตั้งแต่วันที่ 9/03/2015
    ที่อยู่ผมทาง PM คัป....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,147
    ค่าพลัง:
    +16,536
    ธรรมะวันละนิด

    วันนี้รู้สึกจะพิมพ์ลงสายไปหน่อย ก็จะนำธรรมมะและข้อคิดดีๆที่พ่ออาจารย์ท่านสอนและบอกกล่าวไว้มาพูดกัน วันนี้จะพูดถึงในเรื่องของบุญกุศล

    เราทั้งหลายมักจะประกอบบุญและกุศลอยู่เนืองๆ ด้วยเข้าใจว่าบุญหรือกุศลนี้คือสิ่งเดียวกัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน หรือไม่ก็ประกอบบุญเพื่อปรารถนากุศลต่างๆที่จะได้ตามมา

    เธอทั้งหลายต้องใช้สติพิจารณาดีๆ อันว่าบุญกับกุศลนั้น เป็นสิ่งที่แตกต่างกัน เพียงแต่ว่าอาจจะมีความเกี่ยวเนื่องกันบ้างก็เท่านั้น

    เวลาพวกเธอทำบุญ เรามาดูกันซิว่าจะรู้สึกอย่างไร การทำบุญนั้น เมื่อได้ทำแล้วจะเติมเต็มความรู้สึกให้กับหัวใจของตนเอง อิ่มเอมใจ เต็มใจ ปลื้มปิติในใจ ถึงแม้จะไม่ใช่บุญบริสุทธิ์เป็นการทำแบบฉาบฉวยก็ยังได้ชื่อว่าทำบุญอยู่ดี

    การทำบุญนี้ มีทั้งการทำบุญที่บริสุทธิ์ใจ กับทำบุญเพื่อคาดหวังผลที่จะตามมา เช่นว่าเพื่อความร่ำรวย เพื่อจะได้พ้นทุกข์ เพื่อสุขคติในสัมปรายภพ จะทำด้วยความปริสุทธิ์ใจหรือทำเอาหน้า เมื่อขึ้นชื่อว่าทำดีแล้ว ย่อมได้ชื่อว่าทำบุญเช่นกัน ต่างกันที่เจตนาความบริสุทธิ์ใจเพียงเท่านั้น

    พวกเธอสังเกตุเห็นอะไรกันมั๊ย สิ่งที่เหมือนกันในการทำบุญนั้น คือการมุ่งหวัง การอธิษฐาน เพื่อให้รวยก็ดี ให้มีก็ช่าง ให้เกิดชาติใหม่ได้สวยหล่อ ได้เนื้อคู่ดี ได้มีทิพย์วิมาน ได้มีชาติตระกูลดี สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นกิเลสตัณหาทั้งนั้น เป็นการผูกชาติภพให้เวียนว่ายตายเกิดขึ้นใหม่ไม่รู้จบ

    การทำบุญนี้จะหมายเอาให้จิตใจเรารู้สึกดีมีกำลังใจเต็มเปี่ยม กอปรกับการอธิษฐานเป็นการผูกสัญญาให้ตนเองเกิดดับอีกนับชาติภพไม่ถ้วน ตามแต่ความปรารถนาและคำอธิษฐานต่างๆตามกำลังใจของแต่ละคน หลังจากนั้นก็จะเวียนว่ายตายเกิดใช้เวรใช้กรรมกันไปตามคำอธิษฐานและความปรารถนาเหล่านั้น

    บุญนั้นจะแตกต่างกับกุศลสิ้นเชิงเพราะเป็นความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง กุศลนั้นจะเสริมส่งคนให้ไปถึงพระนิพพาน เป็นเครื่องอันจะทำลายอุปสรรคขวากหนามต่างๆ ไม่ยึดติดอยู่กับอารมณ์ความรู้สึกทางใจจะอยากได้ใคร่ดีใครจะมีใครจะจนอย่างไร ตัวกุศลนี่จะเป็นตัวกำจัดเป็นเครื่องนำออกจากกิเลสตัณหา เป็นสิ่งที่จะทำให้พวกเธอทั้งหลายนั้นพ้นจากวงจรแห่งสงสารวัฏ ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก

    ทั้งนี้เธอทั้งหลายจะเห็นได้ว่าบุญนั้นเป็นเครื่องสร้างชาติก่อภพ ส่วนกุศลเป็นตัวดึงเราออกจากชาติภพ ซึ่งเราทั้งหลายก็มักจะคิดว่าบุญกับกุศลนี้เป็นเรื่องเดียวกันซ้ำยังอธิษฐานปนเปกันอีกด้วย นำสิ่งที่จะใช้ดึงเราออกจากชาติภพไปขอเดชะกุศลทั้งหลายให้ผูกดึงเรายึดติดกับชาติภพเสียอีก

    สมมติความว่ากระนั้น เช่นว่า เราทำบุญนั้นเพื่อจะเสวยผลแห่งบุญ ซึ่งเราก็ได้เสวยเเล้ววินาทีแรกที่เราทำ นั่นคือเราอิ่มเอมใจ บุญนั้นก็จะพอกพูนห่อหุ้มตัวเราไว้ รอเวลาที่เราเสวยผลบุญนั้นจนหมด บาปที่เคยก่อไว้ก็จะปรากฏออกมาส่งผลกรรมให้กับเราอีก เราก็ต้องเที่ยวไปทำบุญมาห่อหุ้มตัวอีกสลับกันเช่นนี้เสมอไป เพื่อไม่ให้บุญหมด ไม่ให้บาปปรากฏ ไม่อยากเสวยทุกข์เวทนา

    พวกเธอทั้งหลายเห็นมั๊ย ว่าการทำบุญนั้นเป็นเพียงการชะลอบาปกรรมเพียงนั้น แต่กรรมก็ยังปรากฏอยู่จ้องที่จะส่งผลอยู่ แต่การประกอบกุศลนั้น จะเเตกต่างโดยสิ้นเชิง เพราะกุศลนั้นจะเเผ้วถางทำเลยบ่วงกรรมทั้งหลายอันที่เธอเคยสะสมมา ถึงขั้นขุดรากถอนโคนตัดโคตรเหง้ากันทีเดียว จนกว่าจะสูญสิ้นไม่หลงเหลืออยู่อีก

    เมื่อเป็นเช่นนี้เพราะความไม่เข้าใจของเธอ ความยุ่งยากสับสนจึงเกิดขึ้น เมื่อมนุษย์รวมบุญกับกุศลเป็นเรื่องเดียวกัน เทพยดาเเละสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายก็ยากที่จะจัดสรรค์ ยากที่จะดลบันดาลสิ่งใดๆตามคำอธิษฐาน

    เราจึงควรแยกแยะให้ออกว่าบุญนั้นก็คือบุญ กุศลก็เป็นเรื่องของกุศล เมื่อผู้ใดปรารถนาบุญย่อมได้บุญ ปรารถนากุศลย่อมได้กุศล สมความปรารถนา การสำเร็จสิ่งต่างๆนั้น จะด้วยอานุภาพของบุญก็ดี ของกุศลก็ดี ก็เรียกว่าความสำเร็จเหมือนกัน หากจะต่างกันแต่เพียงว่า ความสำเร็จด้วยอำนาจกุศลนั้นได้ชื่อว่าเป็นยอดแห่งความสำเร็จ หากสำเร็จด้วยอำนาจบุญอันติดอยู่ในกฏแห่งวัฏฏสงสารนั้น ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้โง่เขลา

    เธอทั้งหลายจงเร่งประกอบกุศลกันเสียเถิด ด้วยอำนาจแห่งกุศลนี้จะพาเธอไปสู่หนทางตรงคือที่สุดแห่งธรรมะ ให้เธอหลุดรอดจากภัยแห่งวัฏฏสงสาร เหมือนเธอขับรถวิ่ง เธอจะเลือกวิ่งในทางที่ตรงด้วยอำนาจกุศล หรือวิ่งวกวนอยู่ในเขาวงกตด้วยแรงบุญทำกรรมแต่ง ก็เป็นเรื่องที่พวกเธอทั้งหลายต้องพิจารณากันเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2015
  20. ยอดกตัญญู

    ยอดกตัญญู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +329
    ไม่ได้เข้ามาหลายวันตกรถจริงๆวันนี้มาตามกดไล๊ให้นะครับลองกลับไปไล่ๆอ่านดูได้ประโยชน์และความรู้เพิ่มขึ้นหลายอย่างเลยขอเรียนถามหน่อยนะครับว่าเหรียญพระสยมที่บูชามานี่รวมโชคลาภกับเมตตาด้วยใช่รึเปล่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...