รายชื่อที่กำลังจัดส่งพระและวัตถุมงคล คุณ boko0121 ตะกรุดหนังเสือ 1 ดอก คุณ kritsada_li หลวงปู่ทวด จำนวน 2 องค์ คุณ mail2wissnu พระสมเด็จผงเก่าสมเด็จโต 2 องค์+ตะกรุดหนังเสือ 2 ดอก คุณ s3057780 ตะกรุดหนังเสือ 2 ดอก+พระสมเด็จผงเก่าสมเด็จโต 1 องค์ คุณ anarin ตะกรุดหนังเสือ 1 ดอก <!-- / message -->คุณ เทพารักษ์ พระสมเด็จ 2408 (พิมพ์ที่ 1) 1 องค์ คุณ jairlinethai ตะกรุดหนังเสือ 1 ดอก<!-- sig --> <!-- / message --><!-- sig --> <!-- / message --><!-- sig -->
รายชื่อที่จัดส่งพระและวัตถุมงคลในวันนี้ คุณ boko0121 RB 4889 6350 1 คุณ kritsada_li RB 4889 6353 2 คุณ mail2wissnu RB 4889 6352 9 คุณ s3057780 RB 4889 6354 6 คุณ anarin RB 4889 6351 5 <!-- / message -->คุณ เทพารักษ์ RB 4889 6349 2
ระบบติดตามและตรวจสอบสิ่งของฝากส่งทางไปรษณีย์ บมจ.ไปรษณีย์ไทยครับ http://track.thailandpost.co.th/ <!-- / message --><!-- sig -->
ลองเทียบปีพ.ศ.กันนะครับ ปีที่พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคตคือ ๗ มกราคม ปีฉลู ๒๔๐๘ "ข้อสำคัญอันหนึ่งในเรื่องประวัติสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ เมื่อตอนก่อนเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน คือที่ท่านคิดอ่านยกกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญขึ้นเป็นพระมหาอุปราช ดังปรากฏอยู่ในเรื่องจดหมายเหตุเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคต(ซึ่งพิมพ์ในงานสตมวารของสมเด็จกรมหลวงสงขลาฯ) นั้น มีหลักฐานปรากฏว่าท่านได้ตกลงใจมาแล้วหลายปี เห็นจะเป็นตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคตเมื่อปีฉลู พ.ศ. 2408 และได้กราบบังคมทูลความคิดนั้นแก่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงทราบด้วย เรื่องนี้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ามีพระราชดำรัสเล่าว่าวันหนึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จออกประทับ ณ พระทวารหน้ามุขพระที่นั่งอนันตสมาคมอันเป็นที่รโหฐาน สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์เข้าเฝ้าฯส่วนพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประทับคอยรับใช้อยู่เบื้องพระขนองของสมเด็จพระบรมชนกนาถ ได้ทรงสดับตรัสประภาษกับสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ด้วยเรื่องต่างๆมาจนถึงเรื่องวังหน้า สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์จะได้กราบทูลอธิบายว่ากระไรหาทรงได้ยินถนัดไม่ได้ยินแต่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตรัสตอบว่า "ถ้าเช่นนั้นกั้นกำแพงแบ่งกันเสียที่ท้องสนามหลวงก็แล้วกัน" เข้าพระทัยว่าเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์คงกราบทูลอธิบายว่าเห็นจำเป็นจะต้องให้กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญเป็นพระมหาอุปราช พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไม่ทรงเห็นชอบด้วย แต่จะทรงโต้แย้งขัดขวางก็เห็นไม่เป็นประโยชน์ จึงมีพระราชดำรัสอย่างนั้น เรื่องที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตรัสเล่านี้ ก็สมกับการที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงยกย่องกรมหมื่นบวรวิชัยชาญในเวลาต่อมาเช่นโปรดฯให้ไปเยี่ยมตอบราชทูตฝรั่งเศส (ที่ปรากฏในหนังสือเรื่องพระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อก่อนเสวยราชย์) และเล่ากันว่าเมื่อเสด็จออกรับเจ้าเมืองสิงคโปร์ที่พลับพลาหว้ากอ โปรดฯให้กรมหมื่นบวรวิชัยชาญ หมอบเฝ้าฯ ข้างที่ประทับฝ่ายหนึ่ง คู่กับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" ปีที่สมเด็จโต พรหมรังสี มรณภาพคือ เดือนมิถุนายน ๒๔๑๕ "ต้นเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๔๑๕ สมเด็จโตท่านไปดูการก่อสร้างหลวงพ่อโต ที่วัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม แล้วเกิดอาพาธด้วยโรคชรา และถึงแก่มรณภาพ ณ เวลา ๒ ยาม วันเสาร์ แรม ๒ ค่ำ เดือน ๘ (ต้น)ปีวอก จ.ศ.๑๒๓๔ ตรงกับวันที่ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๑๕" ปีที่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญสวรรคต คือ เดือนสิงหาคม ๒๔๒๘ ในสมัยรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงไว้วางใจพระราชหฤทัยพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้ามาก โปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ 2 ทั้งสิ่งใดที่มีในพระบรมมหาราชวัง ก็โปรดเกล้าฯให้พระบวรราชวังมีด้วย อย่างไรก็ตาม ต่อมาเมื่อสมเด็จพระปิ่นเกล้าเสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพยายามลดบทบาทของวังหน้าลง ด้วยเกรงว่าเจ้าพระยามหาศรีสุริยวงศ์ ขุนนางผู้ใหญ่ผู้มีอำนาจมากจะชิงราชสมบัติ แต่เมื่อองค์รัชกาลที่ 4 สิ้นพระชนม์ เจ้าพระยามหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ก็ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นผู้สำเร็จราชการ และตั้งกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ เป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล หวังให้วังหน้ามีอำนาจกีดขวางวังหลวงฮ ในช่วงเวลานี้ วังหน้าและวังหลวงจึงขัดแย้งกันอีกครั้ง ด้วยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงครองราชย์ในวัยเยาว์ เพียง 15 พรรษา เทียบกับกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ มีชนมายุถึง 31 พรรษา ทั้งมีฐานสนับสนุนทางการเมืองและการทหาร ต่อมารัฐบาลอังกฤษเดินแผนยุให้วังหน้าและวังหลังแตกแยกกันยิ่งขึ้น เพื่อจะเข้าปกครองโดยง่าย ความขัดแย้งจึงบานปลายเป็นวิกฤตทางการเมืองในปลายปี 2417-2418 ถึงขั้นจะดึงอังกฤษเข้ามาไกล่เกลี่ย แต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าทรงชี้แจงว่าเป็นเรื่องขัดแย้งในตระกูล ทำให้อังกฤษต้องถอยฉาก ในที่สุดเมื่อองค์รัชกาลที่ 5 ทรงมีพระราชอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดินอย่างสมบูรณ์แล้ว จึงทรงกำหนดขอบเขตอำนาจและทหารในสังกัดของกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญเสียใหม่ ไม่ให้เกิน 200 นาย เมื่อกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญทิวงคตในวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2428 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงประกาศยกเลิกตำแหน่งวังหน้าโดยเด็ดขาด และทรงตั้งตำแหน่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร เป็นรัชทายาทครองราชสมบัติขึ้นแทน ปีที่หลวงปู่ภูมรณภาพคือ เดือนพฤษภาคม ๒๔๗๖ จนถึงเดือน ๕ เวลาเช้า ในขณะที่ท่านกำลังฉันจังหันเช้าอยู่ ขณะที่หยิบช้อนขึ้นตักแกงพอยกขึ้นซดช้อนก็หลุดจากมือท่าน พร้อมกับนั้นท่านก็หงายหลังพิงหมอนอิง ปากท่านเบี้ยว นับแต่นั้นมาท่านก็ล้มเจ็บป่วยโดยโรคอัมพาต หลังจากท่านล้มป่วยมาจนถึงเดือน ๖ ตรงกับวันเสาร์ข้างขึ้น พระจันทร์เต็มดวง เวลาประมาณ ๑ นาฬิกา ๑๐ นาที ท่านก็มีอาการหอบและหูตึง ในขณะนั้นมีศิษย์ซึ่งเฝ้าพยาบาลอยู่หลายคน ต่างวิตกกันไปต่างๆ นานา ทันใดนั้นทุกคนก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงบนหลังคาสังกะสีของกุฏิที่ท่านนอนอยู่ดังสนั่นหวั่นไหว ราวกับลูกระเบิดจนกุฏิสั่นสะเทือนไปทั้งหลัง จากนั้นอีกประมาณ ๕ นาที หลวงปู่ก็สิ้นลมด้วยอาการอันสงบ มิได้มีเวทนาอันเป็นวิบากกรรมให้ปรากฏ นับเป็นสิ่งอัศจรรย์ที่วันมรณภาพของท่านตรงกับคำพูดของท่านได้บอกไว้ล่วงหน้าคือ "วันเสาร์ ข้างขึ้น เดือน ๖ เวลา ๖ นาฬิกาล่วงแล้ว" ซึ่งตรงกับจันทร์คติ เมื่อปีระกา วันเสาร์ขึ้น ๑๓ ค่ำเดือน ๖ เวลา ๑ นาฬิกา ๑๕ นาที ตรงกับ วันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๔๗๖ นับทางสุริยคติรวมอายุได้ ๑๐๓ ปีเศษ หรือ ๑๐๔ ปีซึ่งตรงกับที่ท่านได้พูดไว้คราวที่นิมิตเห็นผู้มาถวายตราแผ่นดิน ๓ อัน ท่านบอกว่า จะมีอายุยืนถึง ๑๐๐ ปีเศษ" ณ ปีที่สมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคต คือ ปีพ.ศ. ๒๔๐๘ พระพิมพ์ฝีพระหัตถ์น่าที่จะสร้างไว้ก่อนปีพ.ศ. ๒๔๐๘ เล็กน้อย การจารึกปีพ.ศ. ๒๔๐๘ ไว้ใต้ฐานพระพิมพ์จึงเป็นการระบุถึงการระลึกถึงปีที่พระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต (แนวคิดการสร้างพระเครื่องของปัจจุบันจึงต่างจากสมัยโบราณมากคือปัจจุบันสร้างปีไหนก็ระบุปีนั้น จุดนี้หากคนรุ่นหลังไม่เข้าใจ จะเชื่อตามที่เห็น พระเครื่องสมัยรัชกาลที่ ๕ ที่ติดพลอยมากมาย ระบุปีพ.ศ. ๒๔๑๑ แต่พระพักตร์พระองค์ท่านมีพระมัสสุ (หนวด) ซึ่งปีนั้นเป็นปีที่พระองค์ท่านมีพระชนม์พรรษาได้ ๑๕ พรรษาเท่านั้น แท้จริงคือการสร้างเพื่อเฉลิมฉลองระลึกถึงปีที่พระองค์ท่านเสด็จขึ้นครองราชย์ครบ ๔๐ ปีนั่นเอง) ซึ่งเวลานั้น หลวงปู่โตมีอายุ ๗๗ ปี หลวงปู่ภู มีอายุ ๓๖ ปี กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ มีพระชนมายุ ๒๘ พรรษา พระพิมพ์ฝีพระหัตถ์ปีพ.ศ. ๒๔๐๘ จึงน่าจะทันสมเด็จโตเสก อย่างน้อย ๒ พระราชพิธีหลวงใหญ่ๆ คือ ๒๔๐๘ และ ๒๔๑๑ ด้วยซ้ำไป ณ ปีที่สมเด็จโตมรณภาพคือ ปีพ.ศ. ๒๔๑๕ ซึ่งเวลานั้น หลวงปู่ภู มีอายุ ๔๓ ปี กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ มีพระชนมายุ ๓๕ พรรษา ตั้งแต่หลังจากปีที่สมเด็จโตท่านมรณภาพคือ ปีพ.ศ. ๒๔๑๕ นั้น สมเด็จโตได้มอบหมายการสร้างพระศรีอริยเมตไตรย์ที่วัดอินทรวิหารให้ท่านดำเนินการต่อ ซึ่งจุดเวลานี้ เป็นช่วงเวลาที่ท่านเริ่มสร้างพระเครื่องตามบันทึกนี้ครับ.. ที่มาจากคุณเพชรhttp://palungjit.org/showthread.php?t=110305&page=2
คุณ กวง ครับ ขอจอง แบบพิมพ์ที่ 4, 6 อย่างละ 1 องค์ ครับ พอมีของไหมครับ....ไม่ทราบว่ามีของกรุวังหน้าพิมพ์อื่นอีกไหมครับ?
สอบถามค่ะ รบกวนสอบถามหน่อยนะคะว่ายังมีพระกริ่งปวเรศ เนื้อผงให้บูชาหรือเปล่าคะ ถ้ามีขอจอง 2 องค์ นะคะ แล้วต้องโอนเงินทั้งหมดเท่าไหร่คะ ถ้าโอนเงินเรียบร้อยแล้วจะแจ้งให้ทราบอีกทีนะคะ ขอบคุณมากนะคะ พระกริ่งปวเรศ เนื้อผง มีจำนวน 5 องค์ให้บูชาองค์ละ 500 บาท [/quote]
ตอบนะคะ จอง 2 องค์ ค่ะ ตอนเย็นจะโอนไปให้นะคะ และจะโอนเพิ่มพระที่ส่งเกินมา ขอบคุณค่ะ คงเหลืออยู่ 3 องค์ ครับ ถ้าจอง 2 องค์ ต้องโอนเงิน 1000 บาท ครับ[/quote]
รายชื่อที่กำลังจัดส่งพระและวัตถุมงคล คุณ jairlinethai ตะกรุดหนังเสือ 1 ดอก คุณ เทพารักษ์ พระกริ่งปวเรศ เนื้อผง 2 องค์
(good) คุณ กวงครับ ขอสอบถามเพิ่มเติม เหรียญสมเด็จฯ โต หลัง พระสยามเทวาธิราช เป็นเนื้ออะไรครับ เท่าที่เห็นน่าจะเป็นเนื้อผงหรือเปล่าครับ (เป็นข้อมูล เผื่อจองเพิ่มเติมครับ) ผมขอทราบรายละเอียดเพิ่มเติมนิดนึง องค์พระองค์ที่หนึง ผมมีอยู่องนึง แต่ด้านหน้าไม่มีรูปเหมือน สมเด็จฯโต ไม่ทราบว่าทันท่านหรือไม่ครับ (องค์อื่นๆ ถ้ามีข้อมูลจะดีมากครับ และเป็นวิทยาทานด้วยครับ ขอบคุณมากๆๆ)
เหรียญสมเด็จฯ โต หลัง พระสยามเทวาธิราช เป็นเนื้อตะกั่วถำ้ชาครับ องค์แรกนั้นเป็นเนื้อปัญจสิริครับ ต้องนำมาล้างก่อนถึงจะเห็นเนื้อองค์จริง พระชุดที่นำมาลงนั้นจะทันสมเด็จฯโต เนื่องจากเป็นช่วงพิธี 2408-2415 ครับ จากที่ได้รับข้อมูลมาจากผู้ที่ให้มาร่วมทำบุญ พระปิดตาโลกอุดรบรรจุกริ่ง เนื้อสังฆโลก ลงชาดแดง ปิดทอง สร้างที่วัดพระแก้ววังหน้า นั้นเป็นแบบเจ้าคุณกรมท่า สร้างสมัยเดียวกัน เป็นพระบูชา บริเวณท้องจะมีอักขระตัวอุ ซึ่งมีความหมายว่าโลกอุดร กรุวัดพระแก้ว(วังหลวง)นั้นจะมีพระที่จัดสร้างจากวังหน้า วังหลวง วังหลัง พระสมเด็จวังหน้านั้น ต้องแยกให้ถูก เพราะทางวังหลวงก็มีจัดสร้างโดยส่วนมากจะตีตราครุฑ มีประดับพลอยก็อีกยุคหนึ่งหลัง 2428 แล้ว(ท่านเจ้าสิ้น) เซียนพระโดยมากจะตีเก๊เพราะไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน และมีคนโง่อวดฉลาดตีว่าเป็นเรื่องอุปโลกขึ้นแต่งเรื่องขึ้น ถ้าไม่รู้จริงก็บอกไม่รู้จะดีกว่าเพราะจะกลายเป็นการปรามาสและหมิ่นเบื้องสูง ของแท้มีย่อมมีของปลอมเป็นธรรมดา บันทึกข้อมูลต่างๆสามารถดูได้ตามจดหมายเหตุวังหน้าและพงศาวดารฉบับที่13 หาอ่านได้ที่หอสมุดแห่งชาติ ส่วนที่ว่ามีอยู่นั้นทันท่านไหม ต้องนำมาตรวจสอบดูก่อนครับ