กำลังใจของคนที่มีวันนี้วันเดียว

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 19 เมษายน 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,672
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,552
    ค่าพลัง:
    +26,394
    36BD6E48-EE75-4882-8D53-ED7F40FD1265.jpeg

    "หลวงพ่อทำได้อย่างไรครับ ?" "พระอาจารย์ทำได้อย่างไรครับ ?"

    คำถามเหล่านี้จะมาถึงเสมอ เมื่อได้เห็นว่าแต่ละวันอาตมาทำอะไรไปบ้าง แต่สิ่งที่ทำปรากฏออกสื่อนั้นน้อย ส่วนที่ทำแล้วไม่ได้รายงานออกสื่อมีมากกว่า

    ทั้งนี้ทั้งนั้นเกิดจากกำลังกายกำลังใจที่สั่งสมมาข้ามชาติข้ามภพมาอย่างหนึ่ง สิ่งที่ครูบาอาจารย์เคี่ยวเข็ญสั่งสอนเอาไว้อีกอย่างหนึ่ง หลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งพิสูจน์แล้วว่ามีแต่ประโยชน์ไม่มีโทษอีกอย่างหนึ่ง

    สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ หล่อหลอมจนเป็นตัวอาตมาอย่างที่เห็นทุกวันนี้ นิสัยเดิมที่ปรารถนาพระโพธิญาณมา สร้างบารมีไว้มาก กำลังใจจึงเข้มแข็ง จนออกไปในแนวดื้อด้าน จะทำอะไรต้องทำให้สำเร็จ ไม่เสร็จไม่เลิก..!"

    "พ่อแม่และครูบาอาจารย์สั่งสอนให้มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ จนทำอะไรต่อมิอะไรได้ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก พอรู้ภาษาก็ต้องรับผิดชอบ ช่วยแม่เลี้ยงน้อง ช่วยพี่ดูแลหมูหมากาไก่ ซึ่งต้องคอยให้อาหารอยู่ทุกวัน ช่วยทำงานในสวนในไร่ หล่อหลอมกายใจมาจนกล้าแกร่ง

    ไปโรงเรียนก็ต้องทำเวร ดูแลแปลงดอกไม้ ดูแลแปลงผัก เป็นหัวหน้าชั้น เป็นประธานนักเรียน โดยเฉพาะหน้าที่เด็กนักเรียนบ้านนอก ต้องผลัดกันเดินทางเป็นกิโลเมตร เพื่อไปตักน้ำดื่มมาให้เพื่อนได้ใช้ดื่มในโรงเรียน

    จบชั้นมัธยมแล้วไปฝึกอาชีพ ต้องนอนตีสองตื่นตีห้า ทำงานทุกอย่างที่รับมอบหมายจากเถ้าแก่ให้ดี และต้องรู้จักช่างสังเกต ศึกษาเรียนรู้งานไปในตัว จนได้รับคำชมว่า "เป็นงาน" มากกว่าคนที่อยู่มาแล้วตั้ง ๓ ปี เมื่อได้ความรู้ออกมาทำงาน แค่ครึ่งปีก็เลื่อนจากคนงานธรรมดาขึ้นไปเป็นหัวหน้าแผนก..!"

    "เมื่อไปศึกษาวิชาทหาร สิ่งหนึ่งที่ต้องทำอยู่ทุกเช้าก็คือ การปฏิญาณตนหน้าเสาธงว่า "ไม่มีอะไรที่ทหารทำไม่ได้ ไม่มีอะไรที่ทหารทำไม่ไหว ไม่มีอะไรที่ทหารทำไม่ทัน" ตอกย้ำอยู่ทุกวันเหมือนกับเป็นการสะกดจิตตัวเองว่า ทุกอย่างต้องได้ ทุกอย่างต้องไหว ทุกอย่างต้องทัน

    เมื่อมาศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผ่านครูบาอาจารย์ผู้เป็นพระสุปฏิปันโนหลายท่าน ทุกท่านล้วนแล้วแต่ทุ่มเทกายใจให้กับงานของพระพุทธศาสนา ทำแบบเอาชีวิตเข้าแลก ทำแบบคนที่มีวันนี้วันเดียว ทำสมกับที่ได้ปฏิญาณว่า "ขอมอบกายถวายชีวิตนี้ต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า"

    แม้แต่ครูบาอาจารย์ที่อาตมาเคารพรักที่สุดอย่างหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง องค์ท่านก็ทำเป็นตัวอย่างให้เห็นว่า การรักงานพระศาสนายิ่งกว่าชีวิตนั้นเป็นอย่างไร

    แม้ในวันสุดท้ายที่พระทั้งวัดไปกราบท่าน เพราะทราบดีว่าถ้าไม่มากราบในวันนี้ ก็จะไม่มีโอกาสได้กราบองค์ท่านในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่อีกแล้ว แม้ว่าท่านจะมองเห็นไม่ชัดเจนว่าใครเป็นใคร ก็ยังเอ่ยปากว่า "เมื่อกราบแล้วก็ไปทำงานต่อ ใครมีหน้าที่อะไรจงรับผิดชอบให้ดี"

    "องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ตรัสไว้ว่า "อนากุลา จ กมฺมนฺตา เอตมฺมํคลมุตฺตมํ" การทำงานต้องไม่คั่งค้าง ถึงจะเป็นอุดมมงคล

    เมื่อสิ่งทั้งหลายเหล่านี้หล่อหลอมรวมกันเข้ามา จึงกลายเป็นอาตมาอย่างทุกวันนี้ ที่ทำงานแบบมีวันนี้วันเดียว ก่อนตายขอทำประโยชน์แก่โลกให้มากที่สุด สิ่งที่ทำไปแล้วไม่เคยเสียใจ มีแต่เสียดายถ้าไม่ได้ทำในสิ่งนั้น

    ถ้าใครมองเห็น รู้จักเก็บเอาไปใช้ ไม่ต้องเสียเวลามาสมัครเป็นลูกศิษย์ อาตมาก็ถือว่าท่านเป็นลูกศิษย์อยู่แล้ว แต่ท่านที่ดูไม่ออก บอกไม่ถูก เก็บไม่เป็น เลือกไม่เป็น ต่อให้นอนเฝ้าอยู่หน้ากุฏิ ก็ไม่ถือว่าเป็นลูกศิษย์ของอาตมา..!"

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เก็บตกบ้านเติมบุญ ต้นเดือนเมษายน ๒๕๖๓
    ที่มา : www.watthakhanun.com

    #พระครูวิลาศกาญจนธรรม #หลวงพ่อเล็ก
    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนา #watthakhanun
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...