ขุนแผนโคโยตี้ เครื่องรางคนยุคออนไลน์

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย อธิมุตโต, 12 ตุลาคม 2010.

  1. อธิมุตโต

    อธิมุตโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    4,741
    ค่าพลัง:
    +13,087
    ขุนแผนโคโยตี้ เครื่องรางคนยุคออนไลน์

    <CENTER>[​IMG]</CENTER><CENTER> </CENTER></META><META name=GENERATOR content="OpenOffice.org 3.2 (Linux)"></META><STYLE type=text/css> <!-- @page { margin: 0.79in } P { margin-bottom: 0.08in } --> </STYLE>ช่วงนี้มีข่าวขุนแผนโคโยตี้ โด่งดังครึกโครม บางคนว่าเป็นพระเครื่อง จริง ๆ แล้วไม่ใช่ ขุนแผนโคโยตี้เป็นแค่เครื่องรางของคนยุคออนไลน์เท่านั้น แม้โลกจะมีการพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารถึงขนาดสื่อสารกันได้แบบทันใจทันทีทันใด ส่งข้อความโต้ตอบกันแบบทันทีทันใดเห็นภาพแต่ละฝ่ายพร้อม ๆ กัน แต่ก็ไม่ได้เป็นสิ่งชี้บอกว่าสังคมไทยมีการพัฒนาไปด้วย


    ตั้งแต่บรรพกาล มนุษย์ไม่มีความมั่นใจ ไม่เชื่อมั่นในตัวเอง เลยทำให้มนุษย์แสวงหาสิ่งยึดเหนี่ยวจากข้างนอก บ้างยึดถือตะวัน พระจันทร์ ดวงดาว แม่น้ำ ภูเขา จอมปลวก ต้นไม้ใหญ่ เขาสัตว์ เขี้ยวงา นอแรด ฯลฯ บ้างสร้างสิ่งเคารพตามความเชื่อที่ยึดถือกันมา บ้างอิงตามศาสนา ลัทธินิยม บ้างคิดเองสรุปเองสร้างเองยึดถือเอง

    คนไทยเรานั้นเชื่อถือเรื่องเครื่องรางของขลังมาแต่ดั้งเดิม แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไปเพียงใดก็หาได้ทำให้คนไทยเสื่อมความนิยมความเชื่อเรื่องโชคลาภ เครื่องรางของขลังลงได้ น่าจะไม่ผิดนักถ้าจะบอกว่ายุคนี้เป็นยุครุ่งเรืองเฟื่องฟูที่สุดของการค้าขายเครื่องรางของขลัง ค้าขายกันทั้งบนดิน บนโลกออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ค้าขายระดับโลกอย่างEbay.com ก็มี

    [​IMG]

    พ่อค้าหัวใสคนบางคนเห็นช่องทางรวย เลยหยิบเอาความเชื่อของคนไทยมาใช้เป็นเครื่องมือหาเงิน ด้วยการสร้างเครื่องรางของขลังแปลก ๆ ออกมาขาย ซึ่งว่ากันตามคติทุนนิยมแล้วไม่ถือว่าผิดอะไร เพราะสร้างสิ่งที่ตลาดต้องการ หรือถึงแม้ไม่มีความต้องการก็ใช้วิธีทางการตลาดการโฆษณาทำให้คนต้องการให้ได้ คนทำขายก็รวยกันไป เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ ขุนแผนโคโยตี้จึงไม่ใช่อะไรอื่น เป็นเพียงวิธีการทำมาหากินสร้างความร่ำรวยของคนบางกลุ่ม เป็นแค่เครื่องรางประเภทหนึ่ง แต่ใครจะซื้อหาบูชาก็สุดแล้วแต่

    ว่ากันอย่างจริงจัง สังคมไทยทุกวันนี้หาหลักยึดแทบไม่ได้อยู่แล้ว พระที่ท่านไปทำพิธีปลุกเสกขุนแผนโคโยตี้รวมทั้งเครื่องรางอื่น ๆ บางท่านทำไปด้วยความไม่รู้ บางท่านก็รู้แต่ก็ยินดีทำเพราะท่านไม่ได้คิดอะไรมาก แค่ทำพิธีเพื่อให้คนได้รู้ได้เห็นว่า มันขลังมันศักดิ์สิทธิ์ ให้กำลังใจญาติโยม (คนทำ)และก็มีเหมือนกันที่บางท่านเห็นแก่ลาภสักการะที่เจ้าภาพเขานำมาถวาย บางท่านทำเพราะต้องหาหาทุนสร้าง บำรุง ปรับปรุงวัด ศาสนสถาน ฯลฯ

    แต่เส้นแบ่งก็ควรมี ควรขีดวงไว้ที่พระเครื่องเท่านั้น ไม่ควรดำดิ่งลงไปถึงเครื่องรางของขลัง สาลิกา หนังสัตว์ กุมารทอง นกหงส์ ฯลฯ อะไรแบบนั้น และพระเครื่องก็ควรมีพุทธมหาปุริสลักษณะ ไม่ควรเอาสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควรมาเสริมแต่งให้วิปลาสพิศดาร

    และพระเครื่องที่จัดสร้างขึ้นนี้ ควรให้เป็นเครื่องน้อมนำสู่พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น ไม่ควรมุ่งเน้นไปที่การโอ่อวดความขลังความศักดิ์สิทธิ์ อิทธิฤทธิ์ปาฎิหาริย์ แคล้วคลาด คงกระพัน ฯลฯ ดังที่ทำ ๆ กันมานับศตวรรษในเมืองไทย

    วันนี้สังคมพระสงฆ์ คงต้องรู้ตัวเองและจับกระแสสังคมยุคใหม่ให้ได้ ขณะนี้คนไทยที่มีการศึกษาทั้งในประเทศเองและต่างประเทศ เขาเพ่งมองพระสงฆ์ด้วยสายตาที่แปลกออกไปจากเดิมมาก ที่เมื่อก่อนพระสงฆ์เป็นผู้นำสังคมทางจิตใจและสติปัญญา เขาเคารพนับถือพระสงฆ์ในฐานะตัวแทนพระพุทธเจ้าผู้มีปฏิปทาลด ละ เลิก โลภ โกรธ หลง แต่ทุกวันนี้หลายคนมองพระเป็นจุดด้อยของสังคม ขี้ขอ เรี่ยไร ทำอะไรแบบไม่มีสติ ไม่มีปัญญา ไม่มีการศึกษา ฯลฯ

    เรื่องใหญ่กว่าคือ พระสงฆ์จะทำอย่างไรในการดำรงสังคมสงฆ์ให้มีฐานะเป็นผู้นำสังคมด้านจิตใจและด้านสติปัญญา ไม่เป็นเครื่องมือให้กระแสทุนหรือนักธุรกิจหลอกพัดพาไปให้ทำอะไรนอกลู่นอกทางอย่างที่ปรากฎในข่าวขุนแผนโคโยตี้นี้

    ธฤญเดชา ลิภา ...เขียน

    3 เมษายน 2553

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • kunpan1.jpg
      kunpan1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      24.6 KB
      เปิดดู:
      1,581
    • kunpan2.jpg
      kunpan2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      22.2 KB
      เปิดดู:
      1,074

แชร์หน้านี้

Loading...