ติดตามสถานะการณ์

#Earthquake
07/04/20
เวลา 02:20 น. ตามเวลาประเทศไทย
แผ่นดินไหว Off West Coast of Northern #Sumatra
(79km WNW of #Sinabang, Indonesia)
พิกัด (2.77°N,95.72°E)
ขนาด 5.0 ลึก 35 กม.

https://earthquake.usgs.gov/earthquakes/eventpage/us70008q3h/executive
#Watchers

 

ข่าวด่วน (7 เมษา 17:45 น. ) นายกอาเบะประกาศภาวะฉุกเฉินแล้วใน 7 จังหวัด มีผลถึง 6 พ.ค.

โตเกียว ไซตามะ ชิบะ คานางาวะ โอซาก้า เฮียวโกะ ฟุกุโอกะ

รายละเอียดเชิงปฏิบัติการรอฟังผู้ว่านะคะ

ภาพ: NHK

#กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #เกาะติดไวรัสโคโรนา
#เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ #อู่ฮั่น #COVID-19 #โควิด19

 

เกิดเหตุการณ์ลอบวางเพลิงเสาไฟที่เป็นตัวส่งสัญญาณมือถือในสหราชอาณาจักร เพราะทฤษฎีที่ว่าสัญญาณ 5G อาจจะเป็นตัวการทำให้เชื้อโควิด-19 ระบาดได้เร็วขึ้น
.
โดย Joe Anderson นายกเทศมนตรีเมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ เปิดเผยว่า ในตัวเมืองตอนนี้กำลังประสบปัญหาเกี่ยวกับทฤษฎีแปลกประหลาดที่แพร่กระจายกันเกลื่อนในโลกโซเชียลช่วงนี้ นั่นคือความเชื่อที่ว่า สัญญาณ 5G อาจเป็นตัวการในการแพร่เชื้อโควิด-19 เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา หน่วยงานฉุกเฉินได้รับแจ้งว่าเสากระจายสัญญาณ 5G ของโทรศัพท์มือถือ เกิดเพลิงไหม้ขึ้น แต่โชคดีที่ทีมดับเพลิงควบคุมสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว
.
สำหรับทฤษฎีประหลาดเหล่านี้ เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว โดยข่าวนี้แพร่กระจายไปตามสื่อต่างๆ ทางสื่อโซเชียล และข่าวนี้ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว จน Michael Gove นักการเมืองชาวอังกฤษรีบออกมาแถลงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า ทฤษฎีดังกล่าว เป็นเรื่องไร้สาระที่อันตรายมาก แม้กระทั่งผู้อำนวยการกรมการแพทย์ของอังกฤษ Steve Powis ยังบอกว่านี่คือข่าวปลอมที่เลวร้ายที่สุดเลยทีเดียว
.
อย่างไรก็ดียังไม่ทราบต้นสายปลายเหตุที่แน่ชัดของทฤษฎีนี้เช่นกัน ว่าใครเป็นคนกระจายข่าว แต่ในกลุ่มสื่อโซเชียลอย่าง Facebook เอง ก็มีการรวมกลุ่มขึ้นมาต่อต้านระบบ 5G กันแล้ว ยังโชคดีที่เฟซบุ๊กจัดการลบกลุ่มนั้นทิ้งไปแล้ว และยังไม่ทราบว่าทางรัฐบาลอังกฤษมีแผนจะจัดการ และควบคุมเหตุการณ์ในครั้งนี้อย่างไรกันบ้าง

-------------------------------
แหล่งข้อมูล

https://www.theguardian.com/uk-news...mlq8UHiQKn8nDu8v4MOqIYbg89Jfehx2jb0RvvTuHzAMw

-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook :
https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision

 

7 เม.ย.63- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ที่ประชุมมีการพิจารณาการแก้ปัญหาโควิด-19 ตนในฐานะนายกฯ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานไปคิดมาตรการต่างๆออกมา ซึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายเงินจำนวนหนึ่ง โดยวันนี้มีการหารือในประเด็นการจัดทำพ.ร.บ.การโอนงบประมาณปี 63 เพื่อนำเงินส่วนหนึ่งกลับมาใช้ในระบบ โดยเติมที่งบกลางให้มากยิ่งขึ้น แต่งบประมาณปี 63 ได้ใช้จ่ายไปพลางก่อนมากพอสมควรแล้ว และยังเหลืออีกจำนวนหนึ่งประมาณ 8 หมื่น ถึง 1 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นก้อนแรกที่จะมาเพิ่มเติมในงบกลางที่เหลืออยู่ปัจจุบันประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยในส่วนนี้ที่ใช้จ่ายไปแล้วคืองบกลางที่ตั้งไว้ในปี 63 ประมาณ 69,000 ล้านบาท
.
"วันนี้พูดกันถึงเรื่องพ.ร.บ.การโอนงบกลาง ซึ่งจะต้องนำเสนอเข้าครม. สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาอีกครั้งหนึ่ง โดยดาดว่ามีผลบังคับใช้ต้นเดือนมิ.ย. อย่างไรก็ตามก็มีหลายข้อกำหนดว่าจะเอาเงินอะไรมาใช้ได้บ้าง โอนส่วนไหนได้บ้าง เพราะบางอย่างไม่โอนไม่ได้ เช่น งบฯบุคลากรอะไรต่างๆ ที่บางอย่างโอนไม่ได้ ดังนั้นขอให้ทราบว่าการเอาตัวเลขใหญ่ๆมาทั้งหมดแล้วเอา10% ไปตัดทีเดียวทำได้ยาก ไม่เป็นไปตามกฎหมายและพ.ร.บ.งบประมาณที่มีอยู่แล้วเดิม"นายกฯ กล่าว
.
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ประชุมได้พิจารณา พ.ร.ก.ให้อำนาจ ธปท.สามารถออกสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟท์โลน) และพ.ร.ก.ให้อำนาจ ธปท.สามารถเข้าไปซื้อตราสารหนี้เอกชนคุณภาพดีที่ครบกำหนดชำระ โดยมีวงเงิน 9 แสนล้าน ซึ่งในส่วนนี้ไม่ได้เป็นการกู้เงิน ไม่ได้ใช้เงินของรัฐบาล แต่เป็นการให้อำนาจ ธปท. ขณะเดียวกันที่ประชุมครม.ได้พิจารณาพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อเยียวยาและช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งตั้งวงเงินไว้ที่ 1 ล้านล้านบาท
.
โดยในระยะที่ 1 ประมาณ 6 แสนล้านบาท เป็นการเยียวยาและใช้ในด้านสาธารณสุข ระยะที่ 2 จำนวน 4 แสนล้านบาท เป็นการฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจที่ต้องดำเนินการคู่ขนานกันไป อย่างไรก็ตามต้องรอพ.ร.บ.งบประมาณมีผลบังคับใช้ต้นเดือนมิ.ย.นี้ โดนหลังจากนี้ต้องเร่งดำเนินการเรื่องพ.ร.ก.เงินกู้ให้เรียบร้อย ซึ่งขณะนี้ก็ได้มีการพิจารณามาตรการต่างๆไว้แล้วว่าจะใช้เงินตรงไหนอย่างไรบ้าง แต่ก็สามารถปรับโอนกันได้ ซึ่งวันนี้หลายอย่างมีความจำเป็นอยู่.
-------------
แหล่งข่าว
https://www.thaipost.net/main/detail/62394
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision

 

วันนี้การประชุมคณะรัฐมนตรีที่มี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในวันนี้ เห็นชอบการแก้ไขปัญหา และบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ชุดที่ 3 วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท โดย นายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า มาตรการแก้ปัญหาเศรษฐกิจชุดที่ 3 ที่ออกมาประกอบด้วย
.
- การออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลัง กู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 วงเงิน 1 ล้านล้านบาท

- การออกพ.ร.ก.ให้อำนาจธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จัดตั้งกองทุนขึ้นมาดูแลตลาดตราสารหนี้เอกชนวงเงิน 4 แสนล้านบาท เพื่อให้ธปท.สามารถเข้าไปซื้อตราสารหนี้เอกชนที่มีเครดิตเรทติ้งไม่น้อยกว่า investment grade ขึ้นไป

- การออกพ.ร.ก. ให้อำนาจธปท. จัดสรรสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือซอฟท์โลนวงเงิน 500,000 ล้านบาท เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์พิจารณาวงเงินสินเชื่อหมุนเวียน หรือสินเชื่อระยะยาว อายุการปล่อยกู้ไม่เกิน 2 ปี สำหรับผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี รายกลาง และรายย่อย ซึ่งมียอดสินเชื่อรวมทั้งกลุ่มไม่เกิน 500 ล้านบาท และจำกัดเฉพาะบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์(SET) หรือในตลาดใหม่ (MAI)คาดว่าจะมีจำนวนประมาณ 1.7 ล้านราย

- การออกพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ที่ปรับลดจากงบประมาณของกระทรวงต่างๆ 8 หมื่น ถึง 1 แสนล้านบาท

-------------------------------
แหล่งที่มา

https://www.thansettakij.com/conten...homepage_hilight&utm_medium=internal_referral

-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision

 

วันนี้ ( 7 เม.ย. 2563 ) นพ. สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรองนายกรัฐมนตรีได้โพสต์ ในเฟซบุ๊กส่วนตัว และ เพจ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ว่า
----------------
ประเทศไทยตรวจโควิดมาแล้ว 71,860 ตัวอย่าง
ไม่ใช่เพียง 25,071 ตัวอย่าง
..................................................
.
ถึงวันที่ 6 เมษายน 2563 ประเทศไทยมีผู้ป่วยโควิดสะสมรวม 2,220 ราย เสียชีวิต 26 ราย หายป่วยแล้ว 793 ราย คงเหลือผู้ป่วยที่ยังรักษาอยู่ 1,401 ราย เป็นผู้ป่วยหนัก 23 ราย
.
วันที่ 6 เมษายนมีผู้ป่วยใหม่เพียง 51 ราย จึงมีคำถามว่า มีรายงานผู้ป่วยน้อยเพราะเราตรวจ RT-PCR Test หาผู้ป่วยโควิดน้อยใช่หรือไม่
..................................
.
ใน worldometers.info ให้ข้อมูลว่า ประเทศไทยตรวจ test ไปทั้งสิ้น 25,071 ตัวอย่าง คิดเป็น 359 tests ต่อประชากร 1,000,000 คน พบผู้ป่วย 2,220 คน (คิดเป็น 8.85%)
.
ขณะที่เกาหลีใต้ ตรวจไป 461,233 ตัวอย่าง คิดเป็น 8,996 tests ต่อประชากร 1,000,000 คน พบผู้ป่วย 10,331 คน (คิดเป็น 2.24%)
.
เยอรมัน ตรวจไป 918,460 ตัวอบ่าง คิดเป็น 10,962 tests ต่อประชากร 1,000,000 คน พบผู้ป่วย 100,375 คน (คิดเป็น 10.9%)
.
ถ้าดูจากข้อมูลข้างต้น ประเทศไทยตรวจน้อยกว่าเกาหลีใต้ 25 เท่า (ต่อประชากร 1,000,000 คน) และน้อยกว่าเยอรมัน 30.5 เท่า (ต่อประชากร 1,000,000 คน)
.
ไทยพบผู้ป่วยจากการตรวจ Test มากกว่าเกาหลีใต้ถึง 4 เท่า และเยอรมันพบผู้ป่วยจากการตรวจ Test มากกว่าเกาหลีใต้ถึง 5 เท่า ซึ่งแสดงว่า ทั้งไทยและเยอรมันยังตรวจไม่ได้กว้างขวางเท่าเกาหลีใต้
.....................................
.
ผมถามแหล่งข่าวในกระทรวงสาธารณสุขว่า ทำไมเราจึงตรวจน้อย ทั้งๆที่การตรวจหาผู้ป่วยได้เร็ว จะช่วยหยุดการระบาดของโรคในชุมชน และยังช่วยให้การรักษาได้ผลดีขึ้น เพราะผู้ป่วยได้รับยาเร็ว อัตราตายจะน้อยลง
.
แหล่งข่าวให้ข้อมูลว่า ปัญหาการตรวจน้อยเกิดขึ้นเพราะสาเหตุ 4 ประการ
.
1. ปริมาณของห้องแล็บมีอยู่น้อยในระยะแรก และส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพ แต่ปัจจุบันมีห้องแล็บทั่วประเทศทั้งรัฐและเอกชนที่สามารถตรวจได้แล้ว 77 แห่ง (สามารถตรวจได้วันละประมาณ 20,000 Tests) แล้วจะขยายเป็น 107 แห่งภายในเดือนเมษายน
.
2. การตั้งเกณฑ์ผู้เข้าข่ายในการตรวจ Test ซึ่งเมื่อก่อนมีหลักเกณฑ์ที่เฉพาะเจาะจง ผูกเป็นเงื่อนไขหลายข้อ แต่วันนี้ผ่อนคลายหลักเกณฑ์ลงแล้วเพื่อให้ตรวจได้กว้างขวางขึ้น ทำให้ผุ้ไม่มีไข้ แต่มีอาการไอ น้ำมูก เจ็บคอ และมีประวัติสัมผัสกลุ่มเสี่ยง ก็อยู่ในเกณฑ์เข้ารับการตรวจ Test ได้
.
3. ความไม่ชัดเจนของค่าใช้จ่ายในการตรวจ Test ทำให้ผู้ที่สงสัยว่า ตนป่วยเป็นโรคโควิดหรือไม่ ต้องยินยอมเสียค่าใช้จ่ายในการตรวจ Test กับภาคเอกชน
.
บัดนี้ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้ตั้งงบประมาณอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการตรวจ Test สำหรับผู้เข้าเกณฑ์รายละ 3,000 บาท โดยจะจ่ายให้ทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชน ผู้รับการตรวจจึงไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ไม่ว่า เป็นสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สิทธิประกันสังคม และสิทธิสวัสดิการข้าราชการ
.
4. ก่อนหน้านี้ไม่มีการรวมศูนย์ข้อมูลผู้มารับการตรวจ Test ทั้งหมดไว้ที่เดียว มีแต่ข้อมูลผู้ตรวจ Test แล้วให้ผลบวกซึ่งต้องแจ้งมายังกรมควบคุมโรคตามกฎหมายเท่านั้น
.
ดังนั้น จำนวน Test ที่แจ้งกันเป็นทางการจึงน้อยกว่าความเป็นจริงมาก เฉพาะส่วนราชการเองก็ยังรวบรวมได้ไม่ครบถ้วน ส่วนภาคเอกชนยิ่งไม่มีข้อมูลเลย
.
ปัจจุบัน สำนักหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ รับเป็นเจ้าภาพในการรวบรวมตัวเลขการตรวจ Test ทั้งหมดในประเทศไทย ซึ่งจะทำให้เราทราบตัวเลขที่แท้จริง
.......................................
.
หลังจากได้แก้ปัญหาทั้ง 4 ประการแล้ว จากการรวบรวมข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขพบว่า จำนวนตัวอย่างที่ได้รับการตรวจโควิด ด้วย RT-PCR ตั้งแต่เดือนมกราคม - วันที่ 4 เมษายน 2563 มีการตรวจไปแล้ว 71,860 ตัวอย่าง
.
คิดเป็น 1,029 tests ต่อประชากร 1,000,000 คน น้อยกว่าเกาหลีใต้ 8.7 เท่า (จากตัวเลขเดิม 25 เท่า) และน้อยกว่าเยอรมัน 10.6 เท่า (จากตัวเลขเดิม 30.5 เท่า) ซึ่งหากเราเร่งตรวจมากขึ้น หลังจากแก้ปัญหาทั้ง 4 ประการไปแล้ว ช่วงห่างจะแคบลง
.
สรุปแล้ว ไทยพบผู้ป่วยจากการตรวจ RT-PCR 3.09% (จากตัวเลขเดิม 8.85%) เมื่อเทียบกับเกาหลีใต้ 2.24% และเยอรมัน 10.9%
.
ถือได้ว่า การตรวจคัดกรองของไทยทำได้กว้างขวางพอสมควร ใกล้เคียงกับเกาหลีใต้ แต่เราควรทำได้ดีกว่านี้ ถ้าเร่งปูพรมตรวจมากขึ้น โดยผ่อนคลายกฎเกณฑ์ลง เพราะกำลังการตรวจ 20,000 Tests ต่อวันสามารถรองรับได้
.
หมายเหตุเพิ่มเติม :
.
"จำนวนตัวอย่าง" ไม่เท่ากับ "จำนวนราย" เพราะ 1 ราย อาจตรวจมากกว่า 1 ตัวอย่าง ซึ่งเกิดขึ้นได้ 2 กรณี
.
1. ผู้ป่วยจำนวน 599 คน ก่อนวันที่ 22 มีนาคม ก่อนวินิจฉัยว่าเป็นบวก ต้องได้รับการตรวจยืนยัน 2 ครั้ง แต่หลังวันที่ 22 มีนาคม มีการเปลี่ยนหลักเกณฑ์ใหม่ ให้ตรวจครั้งเดียว ถ้าเป็นบวก ก็ยืนยันผลเลย ในกรณีนี้ จึงมีการนับซ้ำ 599 ตัวอย่าง
.
2. ผู้ป่วยจำนวน 2,220 รายที่เข้ารับการรักษา จะได้รับการตรวจ RT-PCR ยืนยันอีกประมาณ 1-3 ครั้ง เพื่อติดตามการรักษา ถ้าคิดว่าเฉลี่ยรายละ 2 ตัวอย่าง รวมเป็น 4,440 ตัวอย่าง ซึ่งอาจมากหรือน้อยกว่านี้ได้บ้าง
.
ดังนั้น เราอาจพออนุมานคร่าวๆว่า 71,860 ตัวอย่าง มาจากผู้เข้ารับการตรวจ RT-PCR ประมาณ (71,860 - 599 - 4,440) = 66,821 ราย
-----------
แหล่งข่าว
-
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision

 

อินเดียยอมปลดล็อคส่งออกยาให้อเมริกาหลังโดนทรัมป์ขู่ตอบโต้
.
วันนี้บอกเลยว่าโซเชียลและข่าวในอินเดียกำลังร้อนแรงอย่างมากโดยเฉพาะประเด็นการปลดล็อคการส่งออกยาจำเป็นในการรักษา #โควิด19 ไปยังต่างประเทศ
.
ต้องบอกอย่างนี้ครับว่า นับตั้งแต่เกิดการระบาดในจีน อินเดียก็ออกประกาศงดการส่งออกยาจำเป็นในการรักษาโควิด19 โดยเฉพาะพาราเซตาม่อน และยารักษามาลาเรีย ซึ่งคาดว่ายาเหล่านี้รักษาได้ผลดี ณ ตอนนั้นรัฐบาลได้รับเสียงชื่นชมมากมาย
.
แต่วันนี้ทุกอย่างกลับกัน มีคนเริ่มออกมาวิจารณ์รัฐบาลหลังออกประกาศปลดล็อคการงดส่งออกยาเหล่านั้นไปยังต่างประเทศ ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นหลังเมื่อวานนี้ประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ขอองสหรัฐอเมริกาออกมาพูดเรื่องการนำเข้าเวชภัณฑ์ยาจากต่างประเทศ
.
ทั้งนี้ตอนหนึ่งในการแถลงข่าวทรัมป์กล่าวว่า “ผมได้มีการพูดคุยกับเขา (นายกโมดี) เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมบอกเขาว่าเราจะซาบซึ้งมากหากประเทศคุณส่งออกยา (Hydroxychloroquine) มาได้ ซึ่งถ้าเขาไม่สามารถส่งออกได้ มันก็ไม่เป็นไรนะ แต่แน่นอน อาจจะมีการต้อบโต้ (retaliation) แล้วทำไมเข้าจะไม่ส่งออกมาละ”
.
เรียกได้ว่าทรัมป์เปิดฉากขู่อินเดียเข้าอย่างเต็มเปาว่าถ้ายังคงไม่ยอมปลดล็อค และส่งออกยาจำเป็นเหล่านั้นให้กับสหรัฐอเมริกา อินเดียก็อาจต้องเตรียมรับการ “ตอบโต้” จากทางอเมริกา ซึ่งอย่างที่รู้กันครับว่าตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของอินเดียตอนนี้ก็คือสหรัฐอเมริกา
.
วันนี้รัฐบาลอินเดียจึงออกประกาศด่วนงดเว้นมาตรการงดส่งออกยาและเวชภัณฑ์สำหรับต่อสู้กับโควิด19 ให้ต่างชาติ โดยทางรัฐบาลระบุว่า “อินเดียจะจัดส่งยาจำเป็นเหล่านี้ให้กับประเทศเพื่อนบ้านและประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดรุนแรงเท่านั้น”
.
โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของอินเดียออกมาระบุในลักษณะเดียวกันว่า “เราจะจัดหายาจำเป็นเหล่านี้ให้กับบางประเทศที่เผชิญปัญหารุนแรงเท่านั้น โดยทางการจะไม่มีการเก็งกำไรใด ๆ จากการส่งออกในครั้งนี้”
.
ทั้งนี้กระทรวงต่างประเทศอินเดียยังกล่าวเพิ่มเติมว่ามาตรการนี้ออกมาเพื่อช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านของอินเดียที่มีจำนวนมากยังคงต้องการความช่วยเหลือจากอินเดีย และอินเดียยังทำไปเพื่อช่วยเหลือประเทศต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดในครั้งนี้ด้วย
.
อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์หลายคนมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลโดยตรงจากการข่มขู่ของสหรัฐอเมริกา เพราะเมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา รัฐมนตรีพาณิชย์ของอินเดียยังออกข่าวบอกอยู่เลยว่าการส่งออกยาสำคัญต่างๆ ยังคงเป็นข้อห้ามอยู่
.
แต่ผ่านมาเพียง 2 วันมาตรการของอินเดียก็เปลี่ยนทันที โดยเกิดขึ้นหลังทรัมป์ยกหูคุยกับนายกโมดี และออกแถลงข่าวไปเมื่อวานเรื่องการข่มขู่จะตอบโต้อินเดียหากยังไม่ยอมส่งออกยามาให้อเมริกา
.
ฉะนั้นเราก็จะเห็นนะครับว่าในสถานการณ์ของการระบาดของไวรัสโควิด19 ที่ส่งผลกระทบกับทั่วโลก อุปกรณ์ทางการแพทย์ เวชภัณฑ์ รวมถึงยาจำเป็นต่าง ๆ ล้วนจำเป็นต้องอาศัยการประสานงานระหว่างประเทศ แต่สิ่งที่สหรับอเมริกาทำนั้นน่าสนใจ นั่นคือการใช้การข่มขู่ เอาของมาสะเลย
.
งานนี้นายกรัฐมนตรีโมดีของอินเดียก็ต้องรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไป แม้รัฐบาลจะออกมาขอร้องว่าอย่ามองเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องทางการเมืองก็ตาม ให้มองเป็นเรื่องการช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม แต่สิ่งที่ทรัมป์แถลงมันดูจะสวนทางกับสิ่งที่รัฐบาลอินเดียระบุ
.
#กระแสเอเชียใต้ #อินเดีย #อเมริกา #สงครามการค้า #ข่มขู่ #ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ #เวชภัณฑ์

 

เคาะมาตรการช่วยแรงงานอิสระลดผลกระทบโควิด-19

วันนี้ (7 เม.ย. 63) – นายธวัช เบญจาทิกุล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนผู้ใช้แรงงาน ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โรคโควิด-19 ต้องหยุดงานขาดรายได้เพื่อใช้จ่ายในครอบครัว จึงมอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน เร่งหามาตรการในการช่วยเหลือทั้งแรงงานในระบบและแรงงานอิสระ ภายใต้ภารกิจของแต่ละหน่วยงาน

ซึ่ง กพร. เป็นหน่วยงานหลักในการพัฒนาทักษะอาชีพ จึงกำหนดมาตรการในการให้ความช่วยเหลือแรงงานที่ถูกเลิกจ้าง ว่างงาน จากผลกระทบดังกล่าว รวมถึงแรงงานที่ต้องหยุดงานจากสถานประกอบกิจการหยุดกิจการชั่วคราว ได้รับโอกาสในการพัฒนาทักษะด้านอาชีพ และมีรายได้ระหว่างการฝึกอบรมด้วย จึงจัดโครงการฝึกอาชีพตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในครัวเรือนขึ้น ตั้งเป้าดำเนินการกว่า 7,800 คน รวม 390 รุ่น มีเบี้ยเลี้ยงให้ระหว่างการฝึกอบรม กระจายเป้าหมายไปยังทุกจังหวัดทั่วประเทศ

นายธวัช กล่าวต่อไปว่า การฝึกอาชีพดังกล่าว มีระยะเวลาการฝึก 15 วัน หลักสูตรที่ดำเนินการ เช่นการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ บาริสต้ามืออาชีพ การใช้สมาร์ทโฟนสร้างยอดขาย การประกอบธุรกิจกาแฟ การประกอบอาหาร และการทำขนม เป็นต้น ระหว่างฝึกอบรมจะได้รับเบี้ยเลี้ยงวันละ 150 บาท

ดังนั้น ผู้ที่เข้าฝึกอบรมจะได้รับความรู้เพื่อนำไปประกอบอาชีพอิสระและมีรายได้สำหรับใช้จ่ายในครอบครัวด้วย สำหรับกลุ่มแรงงานในระบบ มีหลักสูตรการฝึกทั้ง Up skill และ Re skill พร้อมเสริมทักษะภาษาต่างประเทศ ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และทักษะอื่นๆ ตามความต้องการของสถานประกอบกิจการ มีเป้าหมายดำเนินการอีก 7,000 คน ทั้งนี้ จะพิจารณาสาขาที่ฝึกอบรมตามความต้องการของแต่ละพื้นที่และสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน

ผู้สนใจสามารถติดต่อสมัครฝึกอบรมได้ที่สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานและสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานทุกแห่งทั่วประเทศ ทั้ง 76 จังหวัด และในกรุงเทพมหานคร สมัครได้ที่ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 13 กรุงเทพมหานคร 0 2392 4790-4 หรือ 0 2245 4317 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 4 หรือกองสื่อสารองค์กร 0 2245 4035

The post เคาะมาตรการช่วยแรงงานอิสระลดผลกระทบโควิด-19 appeared first on SpringNews.

Source : #Springnews #สปริงนิวส์

 

'ขอนแก่น' จัดหนัก หลังพบผู้ฝืนเคอร์ฟิว 72 รายสั่งฟ้องศาลเอาผิดทันที
'ขอนแก่น' พบผู้ฝ่าฝืนคำสั่งเคอร์ฟิว 72 ราย 'พ่อเมือง' สั่งบังคับใช้กฎหมายเต็มที่ จับส่งฟ้องศาลเอาผิดทันที ส่วนผู้ป่วยติดโควิด-19 รายที่ 4 ดีขึ้นมาก คาด 3 วันกลับบ้านได้
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

ครม.ไฟเขียวขยายเวลาจ่ายเงินเยียวยา ผลกระทบโควิด-19
รายละ 5,000 บาท จาก 3 เดือน เป็น 6 เดือน
.
คณะรัฐมนตรีมีมติขยายระเวลา จ่ายเงินเยียวยาให้ผู้ได้รับผลกระทบโควิด-19 นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า มาตรการจ่ายเงินเยียวยาให้ผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 คนละ 5,000 บาท จากเดิมเยียวยาเป็นเวลา 3 เดือน ขยายเวลา เป็น 6 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือน เม.ย.-ก.ย.2563 รวมเป็นเงินคนละ 30,000 บาท แต่ให้แค่ 9 ล้านคนเท่านั้น
.
วันนี้ (7 เม.ย.) นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีการเยียวยาจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ให้กับประชาชนที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม จำนวน 5,000 บาทต่อเดือน โดยการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.เราไม่ทิ้งกัhttp://xn--q3c.com/ ว่า ครม.อนุมัติให้ขยายการช่วยเหลืออาชีพอิสระ จากเดิม 3 เดือน ขยายเป็น 6 เดือน ถึงเดือนกันยายน 2563 โดยจ่ายเงินต่อไปสำหรับผู้ที่ลงทะเบียนและได้รับอนุมัติไปตามระบบจำนวน 9 ล้านคน
.
อ่านต่อ>>https://mgronline.com/politics/detail/9630000035884
#mgronline #ขยายเวลาจ่ายเงินเยียวยา #ผลกระทบโควิด-19 #3เดือนเป็น6เดือน #ช่วยประชาชน

 

กปน / ไม่ตัดน้ำ ถึง 31 พค

 

ผู้เชี่ยวชาญเผย ‘โควิด 19’ ยังมีความลับที่ต้องศึกษาอีกมากมาย

เดวิด เฮย์แมน (David Heymann) ศาสตราจารย์โรคติดเชื้อและระบาดวิทยาจาก วิทยาลัยสุขภาพและเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยลอนดอน (London School of Hygiene and Tropical Medicine) เปิดเผยว่า เรายังจำเป็นต้องเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติวิทยาของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) อีกมาก ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของโรคในแต่กลุ่มคนที่ต่างกัน และการแพร่เชื้อจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง

“เรารู้ว่าไวรัสถูกแพร่ต่อได้อย่างไร แต่เราไม่เข้าใจการถ่ายทอดจากคนไปสู่คนของมัน ไม่รู้ว่ามันแพร่ได้ง่ายมากน้อยแค่ไหน และระยะการติดเชื้อช่วงใดที่จะมีการแพร่เชื้อไวรัส”เฮย์แมน ผู้อำนวยการศูนย์ความมั่นคงด้านสุขภาพ สังกัดชาตัมเฮาส์ (Chatham House) ซึ่งเป็นสถาบันด้านวิชาการจากสหราชอาณาจักร กล่าวกับสำนักข่าวซินหัวในการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์เมื่อไม่นานมานี้

เมื่อกล่าวถึงความพยายามร่วมกันของนานาชาติในการวิจัยโรคโควิด-19 เฮย์แมนระบุว่าเขาเชื่อว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้คือการวิจัยที่สำคัญที่สุด”

“สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้มีอยู่ 2 ประการ นั่นคือยารักษาโรค และยาที่ใช้ในการป้องกันโรค (PrEP) และวัคซีน” เฮย์แมนอธิบาย

ขณะเดียวกัน ศาสตราจารย์ย้ำถึงความสำคัญของการศึกษาที่เกี่ยวกับการเตรียมแอนติบอดี “เพื่อตรวจดูว่ามันอาจจะมีจุดใดหรือบทบาทใดที่จะป้องกันหรือรักษาโรคได้”

เสาหลักประการหนึ่งของแผนปฏิบัติการล่าสุดของรัฐบาลสหราชอาณาจักรคือการตรวจเลือดเพื่อหาแอนติบอดี และการเฝ้าระวังเพื่อหาสัดส่วนประชากรที่มีเชื้อไวรัสแล้ว ด้วยการตรวจหาแอนติบอดี

เฮย์แมนเห็นพ้องว่าสิ่งสำคัญอย่างยิ่งคือการเข้าใจว่ามีใครติดเชื้ออยู่แล้วในอดีต และเข้าใจลำดับขั้นของการติดเชื้อให้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี อดีตผู้ช่วยผู้อำนวยการความมั่นคงด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม และหัวหน้าฝ่ายวิจัยโครงการเอดส์ขององค์การอนามัยโลกท่านนี้ ย้ำว่าการทดสอบเหล่านั้นต้องได้รับการตรวจสอบว่าถูกต้อง เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความเฉพาะเจาะจงและละเอียดอ่อนมาก

เพื่อรับมือโรคโควิด-19 หลายประเทศจึงได้ผลักดันทั้งกิจกรรมเพื่อการยับยั้งและเพื่อการบรรเทาผลกระทบไปพร้อมกัน โดยมีจุดประสงค์เพื่อชะลอจำนวนผู้ติดเชื้อไม่ให้พุ่งสูงขึ้น และในบรรดากิจกรรมเหล่านั้น การเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยเฉพาะในสหราชอาณาจักร

เฮย์แมนกล่าวว่า“การเว้นระยะห่างทางสังคมเป็นอีกหนึ่งวิธีป้องกัน นอกจากนั้นแล้ว คุณอาจปกป้องผู้อื่นด้วยการสวมใส่หน้ากากอนามัย และหากคุณป่วย จงแยกตัวเองออกมาและอยู่ห่างจากสมาชิกทุกคนในครอบครัวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”

เฮย์แมนเสริมว่า“อีกวิธีคือตรวจสอบให้แน่ใจว่าโรงพยาบาลมีมาตรการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อ”เนื่องจากโรงพยาบาลเป็นหนึ่งในสถานที่หลักที่ไวรัสแพร่กระจาย

ปัจจุบันระยะของโรคและมาตรการหยุดยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสนั้นแตกต่างกันออกไปในแต่ละประเทศทั่วโลก สำนักข่าวซินหัวได้สอบถามศาสตราจารย์ถึงขั้นตอนต่อไปที่ประเทศอย่างเช่นจีนควรทำ และได้รับคำตอบว่า ก้าวต่อไปสำหรับจีนคือการดำเนินงานตามผลการประเมินความเสี่ยง



เฮย์แมนระบุเพิ่มเติมว่า “ผมเชื่อว่าสิ่งที่จีนกำลังทำอยู่คือการประเมินว่ามาตรการใดมีประสิทธิภาพมากที่สุด จีนมีประสบการณ์ด้านการประเมินความเสี่ยงทางระบาดวิทยาอันเยี่ยมยอด พวกเขารู้ว่าควรดำเนินมาตรการใดจึงจะเหมาะสมกับประเทศของตน”

Cr : ซินหัว

The post ผู้เชี่ยวชาญเผย ‘โควิด 19’ ยังมีความลับที่ต้องศึกษาอีกมากมาย appeared first on SpringNews.

Source : #Springnews #สปริงนิวส์

 

อู่ฮั่นยกเลิกสถานะ ปลอดโรคระบาด หลังพบผู้ป่วยโควิด 19 ไร้อาการ

จากเหตุการณ์แพร่ระบาดของ “ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่”COVID 19 พบตั้งแต่ปลายเดือน ธ.ค. 2019 ที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงต้นปี 2020 ประเทศจีนโดยเฉพาะเมืองอู่ฮั่น โดนไวรัสโควิด 19 เล่นงานอย่างหนักจนมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ทำให้รัฐบาลจีนประกาศปิดเมืองอู่ฮั่น สั่งระงับการเดินทางออกจากอู่ฮั่นทั้งหมด ตังแต่วันที่ 23 ม.ค. 2563

ล่าสุดวันที่ 6 เม.ย. สำนักงานใหญ่ด้านการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โควิด 19 ประจำมณฑลหูเป่ย ทางตอนกลางของจีน เปิดเผยว่าอู่ฮั่น เมืองเอกของหูเป่ย ได้เพิกถอนสถานะ “ปลอดโรคระบาด” ของชุมชนที่อยู่อาศัย 45 แห่ง สืบเนื่องจากการตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด 19 ที่ไม่แสดงอาการ

ประกาศล่าสุดของสำนักงานฯ ระบุว่า อู่ฮั่นให้สถานะ “ปลอดโรคระบาด” แก่ชุมชนที่อยู่อาศัยรวม 6,988 แห่ง น้อยกว่ารายงานฉบับก่อนหน้า 45 แห่ง

ด้าน หูย่าโป รองนายกเทศมนตรีเมืองอู่ฮั่น กล่าวว่าชุมชนที่อยู่อาศัยในอู่ฮั่น จะยังคงใช้มาตรการปิดชุมชนอย่างต่อเนื่อง และผู้อยู่อาศัยที่เดินทางเข้าออกจะต้องผ่านการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย และสวมใส่หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันไวรัสกลับมาแพร่ระบาด

ทั้งนี้ วันจันทร์ 7 เม.ย. คณะกรรมการสุขภาพมณฑลหูเป่ยรายงานว่า เมื่อวันอาทิตย์ 6 เม.ย. ไม่มีผู้ป่วยโรคโควิด 19 ที่ได้รับการยืนยันผลรายใหม่ในมณฑล แม้ตัวเลขผู้ป่วยไร้อาการจะเพิ่มขึ้น 35 ราย

CR : xinhuathai

The post อู่ฮั่นยกเลิกสถานะ ปลอดโรคระบาด หลังพบผู้ป่วยโควิด 19 ไร้อาการ appeared first on SpringNews.

Source : #Springnews #สปริงนิวส์

 

จีนเฮลั่น ไม่พบเหยื่อโควิด วันแรก ตั้งแต่ระบาดหนัก คร่ากว่า 3 พันศพ
ทางการจีนแถลง ไม่พบผู้ป่วยด้วยโรคโควิด-19 เสียชีวิตเป็นวันแรก นับตั้งแต่เมืองอู่ฮั่นเป็นศูนย์กลางระบาดหนัก จนมีผู้ติดเชื้อกว่า 8.1 หมื่น เสียชีวิต 3.3 พันศพ
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

กำนันแจ้งความ ฝรั่งรื้อด่านโควิดฯ มั่วสุมปาร์ตี้ ทำผวาทั้งหมู่บ้าน
เกิดข้อพิพาทขึ้นแล้ว กำนันที่หางดง เชียงใหม่ โร่แจ้งความหลังฝรั่งพร้อมเมียไทย รื้อด่านคัดกรองโควิดฯ ของหมู่บ้าน อ้างปิดทางเข้า-ออก เผยมีเพื่อนต่างชาติมั่วสุม ทำชาวบ้านผวา
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

รัฐบาล สั่งคุมเข้ม กวดขัน ลักลอบเข้าเมือง ขนคนเข้ามาทางเรือประมง
รัฐบาล สั่งคุมเข้ม กวดขัน ลักลอบเข้าเมือง ผ่านช่องทางเรือประมง เพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 พร้อมมีมติดำเนินการ 5 ข้อ อย่างเคร่งครัด
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

ผู้ว่าฯ พิษณุโลกโพสต์ ลูกใครไม่สำคัญ แต่ถ้าทำผิดต้องให้เป็นไปตามกฏหมาย

จากกรณีเมื่อช่วงเวลาประมาณ 22.30 น.วันที่ 6 เม.ย.ในพื้นที่ จ.มุกดาหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุม กลุ่มหญิง-ชายฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินการห้ามออกจากเคหสถานเวลาที่กฎหมายกำหนดแต่ยังมีกลุ่มคนไม่เกรงกลัวกฎหมาย โดยสามารถจับกุมได้จำนวน 8 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้เมาสุราและเสพยาเสพติด นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบหญิง 2 ราย กล่าวอ้างว่าตนเองเป็นลูกผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่จุดตรวจ 4 แยกไฟแดงเมืองใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบพบ น.ส.อภิญญา ขำสุภาพ อายุ 19 ปี และ น.ส.เปรมประภา เอกภาพันธ์ อายุ 29 ปี ขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู สีดำ หมายเลขทะเบียน ซึ่งเป็นคนขับมีอาการคล้ายคนเมาสุราโวยวายด่าทอเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่พอใจที่ตำรวจตรวจสอบ โดยอ้างว่าตนเองเป็นลูกของผู้ว่าฯอยู่จังหวัดพิษณุโลก เจ้าหน้าที่ จึงแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 2 รายฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548

ล่าสุด นายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจประชุมมอบนโยบายส่วนราชการ สถานการณ์โควิด19 ก็ได้โพสต์ชี้แจงผ่านทางเฟสบุ๊คส่วนตัว ใจความว่า ลูกของใครไม่สำคัญ ลูกชาวบ้าน ลูกกำนัน #ลูกผู้ว่า ถ้าผิดกฏเคอร์ฟิว # ให้ลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมอย่างถึงที่สุดไม่มีข้อยกเว้นครับ #กฎหมายต้องเป็นกฎหมายไม่มีข้อยกเว้นสำหรับใครครับ ซึ่งก็มีประชาชนเข้ามาโพสต์แสดงความเห็นใจ และให้กำลังใจผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกเป็นจำนวนมาก

The post ผู้ว่าฯ พิษณุโลกโพสต์ ลูกใครไม่สำคัญ แต่ถ้าทำผิดต้องให้เป็นไปตามกฏหมาย appeared first on SpringNews.

Source : #Springnews #สปริงนิวส์

 

ณ วันที่ 7 เมษายน 2563 ตามคำสั่งจังหวัดภูเก็ต ปิดพื้นที่ 6 ตำบลแล้ว เพื่อหยุดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19

#ภูเก็ตต้องชนะ

 

ไต้หวันถูกยกย่องจากนานาชาติ ว่ารับมือโคโรนาได้ดีที่สุด และไต้หวันติด Top5 ประเทศที่มีการป้องกันโรคได้ดี

แปลสรุปจากข่าว cnn

มีการเทียบไต้หวันและออสเตรเลีย ว่าทั้งสองมีประชากรพอๆกันคือ ราว 24 ล้านคน และทั้งสองประเทศเป็นเกาะเหมือนกัน แต่ทำไมไต้หวันคุมได้ดีและออสเตรเลียกลับประสบวิกฤติอยู่?? โดยออสเตรเลียมีผู้ป่วยติดเชื้อกว่า 5000ราย และเสียชีวิตกว่า 40ราย
ส่วนไต้หวันนั้น ผู้ป่วยน้อยกว่า 400ราย และเสียชีวิต 5 ราย

มีคำถามเกิดขึ้นมาว่า ออสเตรเลียพลาดตรงไหน??
มีกว่า20ประเทศที่ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงกว่าออสเตรเลีย (พวกเขาพลาดตรงไหน??) และทำไมไต้หวันถึงคุมไวรัสร้ายนี้อยู่ได้?? ทั้งๆที่ใกล้จีนมาก

บทเรียนราคาแพง “เจ็บแล้วจำ”

ไต้หวันเคยได้บทเรียนราคาแพงหนักหน่วงจากการแพร่ระบาดของ SARS (severe acute respiratory syndrome) เมื่อปี 2003 หลายคนถูกกักตัวดูอาการ มีคนล้มตายจำนวนมาก ทุกคนต้องสวมใส่หน้ากาก และสิ่งนี้ทำให้ไต้หวันเจ็บแล้วจำ และรับมือได้ทัน “ทุกคนใส่หน้ากากทันที ที่มีโรคระบาดเกี่ยวกับโรคทางเดินหายใจ”

ไต้หวันมีระบบประกันสุขภาพที่ยอดเยี่ยม

Taiwan's National Health Command Center (NHCC) มีการตอบรับสถานการณ์อย่างชำนาญและทันท่วงที ทั้งการป้องกันและการรักษา

ไต้หวันมีระบบประกันสุขภาพที่ทุกคนเข้าถึงได้เท่าเทียม ไม่ว่าจะโรงพยาบาลรัฐ เอกชน คลินิก เกือบทุกทีเข้าร่วมโครงการประกันสุขภาพ จ่ายในราคาถูกต่อครั้ง ทำให้คนกล้าที่จะไปตรวจรักษา ตื่นตระหนกกับสุขภาพของตนเอง ถึงแม้รัฐจะรับภาระหนักมหาศาลก็ตาม
(ระบบประกันสุขภาพจ่ายรายเดือน อัตราก้าวหน้าตามเงินเดือนที่ได้ รายได้สูงจ่ายแพง รายได้ต่ำจ่ายน้อย แต่ทุกคนได้รับการรักษาเท่าเทียม)

ไต้หวันเตรียมพร้อมทุกด้านองค์รวม

ด้านป้องกัน

-ไต้หวันปิดประเทศไม่ให้คนนอกเข้า รับแต่คนในชาติ
-ไต้หวันเร่งผลิตหน้ากากอนามัย และให้ความสำคัญแก่แพทย์พยาบาลเป็นอันดับ1 (ถ้าไม่มีคนรักษา เราตาย!!)
-ไต้หวันออกกฎและลงโทษจริงแก่คนฝ่าฝืนและก่อให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อ (ปรับแสน-ล้าน และบังคับจ่ายทันทีภายใน7วัน)

ด้านรักษา

-ไต้หวันร่วมมือกับสหรัฐแลกเปลี่ยนตัวยา
-ไต้หวันเตรียมเตียงผู้ป่วยกันไว้ล่วงหน้า เผื่อสิกฤติหากมีคนป่วยนับพัน (เตียงว่างกว่า400)
-ไต้หวันเตรียมเครื่องช่วยหายใจล่วงหน้า เผื่อมีคนป่วยเยอะ (ตอนนี้เหลือเครื่องช่วยหายใจกว่าพันเครื่อง)
-ไต้หวันเตรียมสถานที่กักตัวกว่า 13 แห่ง นับพันห้อง หากไม่พอจอความร่วมมือโรงแรมขนาดเล็กต่างๆ เหมาเลยใช้กักตัว รัฐรับผิดชอบค่าใช้จ่าย
ฯลฯ

ไต้หวันออกกฎรวดเร็ว ชัดเจน, โทษหนัก และมีมาตรการกักตัวที่ได้ผล มีการติดตามที่แม่นยำกับผู้ฝ่าฝืน

ไต้หวันมีทีมที่ทำงานอย่างชำนาญ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมโรค

ไต้หวันได้รับบทเรียนจาก SARS และไต้หวันจะไม่พลาดอีกเป็นครั้งที่2

ไต้หวันถูกกีดกันไม่ให้เข้า WHO >> ภายหลังคนไต้หวันเองกลับไม่สนใจว่าจะได้เข้าหรือไม่ เพราะไต้หวันทำให้โลกเห็นว่า ไต้หวันทำได้ดีกว่าหลายประเทศในWHO เพราะไต้หวันรับมือได้เร็วกว่า ตื่นตระหนก และป้องกันเร็วกว่า ก่อนที่WHO จะประกาศว่า ไวรัสโคโรนาเป็นภัยต่อสากลโลก

ไต้หวันจากที่ขาดแคลนหน้ากากเพราะนำเข้าจากจีนถึงครึ่ง ไต้หวันแก้ปัญหาเอง
“พึ่งคนอื่นไม่ได้ ต้องพึ่งตนเอง”
ไต้หวันซื้อเครื่องผลิตหน้ากากเองถึง 90เครื่อง ผลิตได้วันละ 10ล้านแผ่นต่อวัน (เกณฑ์ทหารและอาสาสมัครมาช่วยคนในโรงงาน เครื่องจักรไม่มีหยุดพัก)

ปธน.ไช่อิงเหวิน ประกาศว่า เมื่อก่อน
Taiwan can help (ไต้หวันสามารถช่วยได้)
ปัจจุบันเป็น Taiwan is helping (ไต้หวันกำลังให้ความช่วยเหลือแล้ว) เพราะไต้หวันบริจาคหน้ากากให้แก่ประเทศต่างๆที่หน่วยแพทย์ขาดแคลนทั้งในสหรัฐและยุโรป
ถึงแม้จะเป็นการเมือง ถึงแม้จีนจะด่าแหลกกับยุทธการณ์นี้ แต่ใครจะสน เพราะประเทศเหล่านั้นขาดหน้ากาก ไต้หวันยื่นมือช่วย-เราพร้อมรับ

ล่าสุดวันนี้ 7 เมษายน 20
ไต้หวันมีผู้ติดเชื้อเพิ่มแค่ 3 คน ยอดสะสม376
หายดี 61 ดังนั้นมีคนป่วยจริง 315ราย

#หนีห่าวไต้หวันฉันมาแล้ว
#ไต้หวัน
#การรับมือโควิด
#เจ็บแล้วจำ

เรียบเรียงจากข่าวไต้หวันต่างๆที่แอดรับรู้ตลอดมารวมกับที่มาข้างล่างนี้
Ref https://edition.cnn.com/2020/04/04/asia/taiwan-coronavirus-response-who-intl-hnk/index.html
https://heho.com.tw/archives/77439

 

ขาดละหมาดช่วงโควิดไม่ผิดหลักศาสนา!! ประกาศจุฬาราชมนตรี ยืนยันการขาดละหมาดวันศุกร์ที่มัสยิดมากกว่า3ครั้งในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ไม่ผิดหลักศาสนา เพราะได้รับการยกเว้นกรณีเกิดวิกฤตที่เป็นอุปสรรคจำเป็น ไม่ใช่การขาดละหมาดเพราะเจตนาดูแคลนหรือกลับกลอกตามที่หลักศาสนาบัญญัติไว้