ธรรมะ 7 ตา???

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ไม้บรรทัด, 28 พฤษภาคม 2009.

  1. ไม้บรรทัด

    ไม้บรรทัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2008
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +293
    ธรรมะ 7 ตา



    วันนี้ วันที่ 27 พ.ค.2552 สมมติเป็นวันคล้ายวันเกิด ครบ 103 ปี ท่านอาจารย์พุทธทาส ศิษย์สวนโมกข์ ถือกันเป็นวันพุทธทาส ครับ
    ผมถือหลักคำสอนพระพุทธเจ้า "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา" ไม่ติดข้องอัตตาอาจารย์ แต่ขออนุญาตติดใจอยู่ในธรรมของอาจารย์
    ธรรมะใกล้มือ ลำดับที่ 5 หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ ส่งผ่านมา...ให้ผู้อื่นต่อไป แบ่งปันเป็นธรรมทาน ชื่อเรื่อง มาเป็นพุทธ-ทาสกันเถิด
    ท่านอาจารย์บอกว่า...มีคนที่เป็นพุทธทาสกันอยู่ทั่วไป แต่มิ ได้เรียกชื่อว่าพุทธทาส กลัวเสียเกียรติ สู้เรียกตนว่า อุบาสก อุบาสิกา ไม่ได้ ทั้งที่ทุกคนสวดบททำวัตรเย็น (บทหนึ่ง มีคำแปล) ว่า
    ข้าพเจ้าเป็นทาสของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเป็นนาย มีอิสระเหนือข้าพเจ้า
    หน้าที่พุทธทาส ท่านอาจารย์อธิบายว่า คือผู้ที่มีความถูกต้อง ทั้งในส่วนปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ
    ปริยัติ คือความรู้ถูกต้อง ปฏิบัติ คือการกระทำถูกต้อง ปฏิเวธ ก็คือผลของการกระทำที่ถูกต้อง...มีผลให้ดับทุกข์ได้

    ท่านอาจารย์อธิบายคำว่า สัมมาทิฏฐิสูงสุด ก็คือความรู้จักสิ่งทั้งปวงว่าเป็นสิ่งปรุงแต่ง มีมาจากเหตุปัจจัยที่ปรุงแต่ง และจะปรุงแต่งสิ่งอื่นต่อไป ไม่มีที่สิ้นสุด
    ก่อกระแสแห่งความเปลี่ยนแปลง หรือความไม่เที่ยง ซึ่งเรียกว่าอนิจจัง
    การเป็นไปกับสิ่งที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เกิดอาการที่เป็นทุกข์ เรียกว่าทุกขัง
    เพราะไม่มีอะไรต้านทาน ต่อสิ่งที่ไม่เที่ยงและเป็นทุกข์ จึงเรียกว่าไม่มีตน หรือ...อนัตตา
    การเป็นไปด้วยอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คือความที่เราต้องเป็นไปเช่นนี้เป็นธรรมดา เรียกว่า ธัมมัฏฐิตัตตา
    ทั้งนี้ เพราะมีกฎธรรมชาติบังคับ...เรียกว่า ธัมมนิยามตา
    อาการที่ต้องเป็นไปตามเหตุปัจจัย มีอำนาจเสมอด้วยพระเป็นเจ้า เรียกว่า อิทัปปัจจยตา
    การที่ไม่มีอะไรต้านทานกฎอิทัปปัจจยตา คือความว่างจากความหมายแห่งตัวตน เรียกว่า สุญญตา
    ลำดับขั้นมาถึงความจริงสูงสุด คือ ตถตา คือความเป็นเช่นนั้นเอง
    แล้วก็มาถึงความรู้สึกขั้นสุดท้าย อตัมยตา ความที่ไม่อาจอาศัย หรือเกี่ยวข้องกับสิ่งนี้อีกต่อไป พูดภาษาชาวบ้าน "กูไม่เอากะมึงอีกต่อไปแล้ว" ภาษาธรรมก็คือ การบรรลุมรรคผล

    ต่อจากนั้น ก็เป็นกลุ่มนิพพานญาณ เป็นฝ่ายโลกุตตระ เริ่มต้นแห่งความเย็น ตามความหมายของนิพพาน ในที่สุดโลกก็จะกลายเป็นโลกเย็น เต็มไปด้วยศีลธรรม หรือภาวะปกติไม่วุ่นวายอยู่ในจิตใจของคน ความเย็นอก เย็นใจ จะหาได้ง่ายในหมู่คนเหล่านั้น
    เมื่อความเมตตาและความสัตย์หาได้ง่าย เรือนจำ สถานีตำรวจ ศาล โรงพยาบาลประสาท โรงพยาบาลโรคจิต ก็จะลดลง เมื่อไม่มีความยึดมั่นในตัวตน แม้ระเบิดปรมาณูจะลงมา ทุกคนก็ยังหัวเราะได้

    ไม่ต้องดิ้นรนเรียกหา โลกพระศรีอาริยเมตไตรย...(ที่ใครต่อใครฝันถึงนักหนา) ก็จะมาถึงเอง
    คำสอนของท่านอาจารย์พุทธทาส ที่ลงท้ายด้วยคำว่า "ตา"วันนี้ เท่าที่ผมคัดย่อมา รวมกันได้ 7 ตา อตัมยตา ตา...สุดท้าย ที่อ่านอาจารย์ใช้คำอธิบายว่า "กูไม่เอากะมึงอีกต่อไปแล้ว"

    ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะครับ ถ้าทำได้ ก็เท่ากับเปิดประตูเข้าไปแดนนิพพานทันทีแล้ว.​
    กิเลน ประลองเชิง
    ;34(sing)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤษภาคม 2009
  2. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,698
    ค่าพลัง:
    +51,933
    *** ตัวตน ****

    สังขารของตัวเรา เป็นสิ่งชั่วคราว.... ตาเรามองเห็นได้
    ดวงวิญญาณ จิตใจ ของตัวเรา...มีหน้าตาเป็นอย่างไร ขาวหรือดำ มีเพศหรือเปล่า !!!!
    นิพพาน....มีอยู่จริงในธรรมชาติ ก็มองไม่เห็น เพราะเข้าไปไม่ได้

    ตัวตน ที่มองไม่เห็น...เรียกว่า ตัวกระทำ
    ทุกการกระทำ ที่ทำไป ล้วนเกิดเป็นตัวตน....คือ ตัวกระทำ

    ตัวกระทำมีจริง ตัวกระทำไม่ตาย ตัวกระทำมีผลตอบแทน
    คือ ...แก่นสาร หลักสัจจธรรม

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  3. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,698
    ค่าพลัง:
    +51,933
    *** ตัวตนที่แท้จริง ****

    นิพพาน .... อยู่ที่การกระทำ
    ตัวจริงของเรา...คือ ตัวกระทำของเราเอง
    ตัวกระทำไม่ตาย ตัวกระทำมีผลตอบแทน....เป็นหลักสัจจะธรรม
    เหตุผลของกรรม... จึงอยู่ที่ ตัวกระทำ
    กรรม ....จะอยู่เหนือสัจจะธรรมไม่ได้
    สัจจะธรรม...เป็นแก่นสารทุกสิ่ง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  4. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,698
    ค่าพลัง:
    +51,933
    *** ตัวตน กับ หลักสัจจะธรรม ****

    เมื่อ พระพุทธเจ้า ค้นพบหลักสัจจะธรรม...ที่เป็นหลักธรรมเที่ยง
    เป็นเหตุผลของทุกสิ่ง.... รอบคอบจักรวาล

    พระพุทธเจ้าได้กล่าวเป็น ...สาระแก่นสารของ หลักสัจจะธรรม ไว้ว่า
    ....... " ตัวกระทำมีจริง ตัวกระทำไม่ตาย ตัวกระทำมีผลตอบแทน " .......

    ตัวกระทำ...ก็คือ ตัวตนของทุกการกระทำ
    ตัวกระทำ.... มีอยู่จริง แต่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตา
    ตัวกระทำ...ไม่ตาย คือไม่สูญสลาย จะตามติดตัวเราไปชั่วกัปชั่วกัลป์
    ที่สำคัญ....ทุกตัวกระทำ มีผลย้อนกลับมาถึงผู้ที่กระทำ ทั้งปัจจุบันและอนาคต
    ตัวกระทำ... คือ ผู้จัดสรรในการเกิดใหม่แต่ละชาติ
    และ ตัวกระทำ....จะนำพาสู่นิพพานสำหรับผู้ทำได้ คือ ตัดนิสัยจนหมดสิ้น

    ตัวตน ในหลักสัจจะธรรม...ก็คือ ตัวกระทำ ที่พระพุทธเจ้ากล่าวถึง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  5. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,698
    ค่าพลัง:
    +51,933
    *** หลักสัจจะธรรม.... กับ... การหลุดพ้นทุกข์ ****

    หลักสัจจะธรรม คือ หลักธรรมเที่ยง ... ที่ปักไว้อย่างมั่นคง
    มีแก่นสาร คือ...."ตัวกระทำมีจริง ตัวกระทำไม่ตาย ตัวกระทำมีผลตอบแทน"

    หาก เราพิจารณา...จะพบว่า
    ผลตอบแทนของตัวกระทำ ก็คือ.... กรรม ที่เป็นของใครของมัน
    ไม่ว่าจะเจตนา หรือไม่เจตนา....ก็เกิดเป็นตัวกระทำ ขึ้นมา
    อุบัติเหตุ โรคภัย...เป็นตัวอย่างของ กรรมที่ไม่เจตนาให้เกิด
    แต่ มันเป็นผลจาก....การกระทำที่ไปเบียดเบียนผู้อื่น โดยไม่เจตนา

    เมื่อ พระพุทธเจ้า ... ค้นพบ หลักสัจจะธรรม ที่มีอยู่ในธรรมชาติแล้ว
    จึงได้ค้นคว้าหา....หนทางหลุดพ้นทุกข์
    พบว่า... “การกระทำโดยเจตนา” จะส่งผลย้อนกลับมาโดยตรง เป็นผลเที่ยง
    ต่างจาก.... “การกระทำที่ไม่เจตนา” จะส่งผลย้อนกลับมาที่ไม่แน่นอน เป็นผลไม่เที่ยง

    ถ้ามนุษย์ “สัญญา” ว่าจะทำสิ่งหนึ่ง แล้วทำได้จริง....ผลตอบแทนก็จะย้อนกลับมาโดยตรง
    เหมือนเป็นทางตรง...ผลที่ต้องการก็จะเกิดขึ้นจริง ตามเจตนา

    การกระทำของมนุษย์มี ๓ ประการ คือ....กายกระทำ วาจากระทำ ใจกระทำ
    การทำความดี ให้ได้ผลดีจริง... จึงต้องเกิดจาก การกระทำทั้ง ๓ ประการตรงกันทั้งหมด
    จึงจะเกิดเป็น... “การกระทำเที่ยง” ที่มีผลตอบแทนเที่ยง
    พระพุทธเจ้า .... พบว่า มนุษย์ยังคงสร้าง “การกระทำไม่เที่ยง” กันอยู่ตลอดเวลา
    เพราะ มนุษย์ยังไม่รู้จัก ... การกระทำเที่ยง
    ยังไม่รู้ว่า....การกระทำเที่ยง เป็นอย่างไร

    พระพุทธเจ้า...จึงพบว่า “สัจจะ” เป็นหนทาง เป็นแก่นสารในการกระทำ
    เพราะ สัจจะ....เป็น สัญญาที่ทำขึ้นมากับใจตนเอง
    เมื่อ สัญญาว่าจะทำสิ่งหนึ่ง...แล้วทำได้จริง ก็จะเกิด การกระทำเที่ยง ขึ้นมา
    เกิดเป็น “ตัวกระทำเที่ยง” ขึ้นมา....และจะส่งผลเที่ยงกลับมา

    พระพุทธเจ้า...พบว่า สัตว์โลกเป็นทุกข์ ต้องเวียนว่ายตายเกิดบนโลก
    มีต้นเหตุจาก.... “นิสัย”
    เพราะ นิสัย...ส่งผลให้เกิด “การกระทำไม่เที่ยง”
    การกระทำไม่เที่ยง....ก่อให้เกิด “ตัวกระทำไม่เที่ยง”
    เมื่อ ตายไป ตัวกระทำไม่เที่ยงที่ทำไว้ ...จึงจัดสรร รูปสังขารในการเกิดใหม่
    การเกิดใหม่.... เป็นไปตามผลการกระทำที่ทำเอาไว้
    คือมี ตัวกระทำในชาติหลังสุด...เป็นผู้จัดสรร

    พระพุทธเจ้า...พบว่า “มนุษย์” ต่างจากสัตว์โลกอื่น ที่สามารถเลือกที่จะทำสิ่งๆต่างๆได้เอง
    ส่วน “สัตว์โลกที่ไม่ใช่มนุษย์” ....เป็นสังขารที่ชดใช้ผลที่ได้ทำเอาไว้ เป็นการชดใช้กรรม
    สัตว์โลกที่จะสามารถหลุดพ้นทุกข์ได้ ... จึงมีเพียง มนุษย์
    หนทางที่จะหลุดพ้นทุกข์ พ้นจากโลกได้....จึงเป็น “การขจัดนิสัย” ให้หมดสิ้นไป

    “การขจัดนิสัย” ที่ฝังลึกจนเป็นสันดาน ได้จริง... จะต้องใช้เวลา
    จะต้องค่อยๆตัด ค่อยๆลด...เสมือน การหยิบใบไม้ออกจากใต้ต้นไม้ เพื่อให้เป็นลานโล่งสะอาดตา
    ถ้าไม่หยิบ...ใบไม้ก็สะสม พอกพูนหนาขึ้น
    ถ้านานๆหยิบที....ก็ไม่มีวันหมด
    แต่ถ้า ตั้งใจหยิบออกเป็นประจำ ...สักวันใบไม้ใต้ต้นไม้นี้ ก็จะหมดไปได้

    เพื่อให้มนุษย์... เกิดการกระทำในการตัดลดนิสัย ได้จริง
    พระพุทธเจ้า จึงนำ “สัจจะ”....มาใช้ในการฝึก ในการปฏิบัติให้เป็นประจำทุกวัน
    คนชอบโกรธขี้โมโห...ถือสัจจะ ไม่โกรธไม่โมโห วันละหนึ่งชั่วโมง เป็นประจำไปเรื่อยๆ
    สักวัน นิสัยโกรธโมโห ...ก็หมดไปได้จริง

    เมื่อ พระพุทธเจ้า...ค้นคว้าหาคำสั่งสอนได้แล้วว่า คือ “สัจจะ”
    พระพุทธเจ้า ก็เริ่มปฏิบัติขจัดนิสัยของพระองค์เอง.... ได้ทีละอย่าง จนหมดสิ้น
    หลังจากนั้น...พระพุทธเจ้า จึงเริ่มสอนผู้ที่สนใจหาทางหลุดพ้นทุกข์
    สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน....ก็คือ “สัจจะที่พระพุทธเจ้าทำ” คือ ทำแล้วสามารถตัดนิสัยได้จริง
    เป็นการปฏิบัติตนที่เรียกว่า... “สัจจะทำ”
    สิ่งที่พระพุทธเจ้าทำได้....ก็กลายเป็น “ธรรม” เป็นธรรมะที่สอนให้สัตว์โลกหลุดพ้นทุกข์
    “สัจจะธรรม” ...ก็คือ “สัจจะทำ”
    “ทำได้จริง” ....ก็กลายเป็น “ธรรม”

    เมื่อ ผู้ปฏิบัติสัจจะ...สามารถขจัดนิสัยได้หมดสิ้น
    เมื่อตายไป... “ตัวกระทำเที่ยง ที่เกิดจากสัจจะทำ” จะจัดสรรให้กับตนเอง
    คือ “การหลุดพ้นไปจากโลก” ...ไม่ต้องมาเกิดใหม่บนโลก
    แล้วก็เข้าถึง “นิพพาน”....คือ เข้าถึงที่สุด ไปถึงที่สุด

    - “ หนุมาน ผู้นำสาร “
    วันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๒
     
  6. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,698
    ค่าพลัง:
    +51,933
    *** หลุดพ้น ****

    นิสัย...ติดตัวมาตั้งแต่เกิด
    คนเรา....ต้องใช้ชีวิตด้วยนิสัย จนกว่าจะหมดวาระ คือ ชะตาลิขิต
    มีหนทางเดียว...ที่จะเดินก้าวข้ามได้
    คือ...ใช้ชีวิตด้วย "สัจจะ"
    คือ ใช้ "สัจจะ" ....ขจัดนิสัยตนเองเป็นประจำ
    ทำให้ได้จริง ...ตามเวลาที่กำหนด
    ทำไปเรื่อย ....นิสัยจะค่อยๆ หมดไปเอง

    สิ่งที่ได้จาก "สัจจะ"...คือ ตัวกระทำ ที่ติดตัวเราไปชั่วกัปชั่วกัลป์
    ...ตัวกระทำมีจริง ตัวกระทำไม่ตาย ตัวกระทำมีผลตอบแทน....
    นี่คือ ..."สัจจะธรรม"
    สัจจะ...คือ ผู้นำให้เกิดการกระทำใหม่

    สุดท้ายแล้ว...ต้องพึ่งการกระทำของตนเอง
    พระพุทธเจ้า.... จึงสอนด้วยสัจจะ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  7. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,698
    ค่าพลัง:
    +51,933
    *** หลุดพ้นกรรม ****

    ติดบุหรี่
    มี "สัจจะ" ไม่เสพบุหรี่ ตลอดชีวิต
    ก็สามารถหลุดพ้นจากกรรม ที่เกิดจากบุหรี่ได้จริง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  8. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,698
    ค่าพลัง:
    +51,933
    *** หลุดพ้นกรรม ****

    ติดพนัน
    มี "สัจจะ" ไม่ยุ่งเกี่ยวการพนัน ตลอดชีวิต
    ก็สามารถหลุดพ้นจากกรรม ที่เกิดจากการพนันได้จริง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  9. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,698
    ค่าพลัง:
    +51,933
    *** หลุดพ้นกรรม ****

    เชื่อมั่นสูง จนขาดการพิจารณา
    มี "สัจจะ" ไม่เห็นผู้อื่นผิด ไม่เห็นตนดีแล้ว วันละ ๑ ชั่วโมง
    ก็จะค่อยๆ หลุดพ้นกรรม ที่เกิดจากทิษฐิได้

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  10. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,698
    ค่าพลัง:
    +51,933
    ธรรมะพระพุทธเจ้า...เป็นเรื่องของสัจจะ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     

แชร์หน้านี้

Loading...