เรื่องเด่น ยันต์ทำน้ำมนต์ ( พระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน )

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 30 พฤษภาคม 2018.

  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460

    33992867_377635952728888_1091265951992643584_n.jpg

    ยันต์ทำน้ำมนต์


    การเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นธรรมดาของมนุษย์ทุกรูปทุกนาม เพราะว่าร่างกายเป็นรังของโรค ถ้าป่วยไม่นับว่าแปลก ถ้าไม่ป่วยซิเป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์...! ความเจ็บป่วยส่วนใหญ่เกิดจากเศษกรรมปาณาติบาต คือไปฆ่าคน-ฆ่าสัตว์ไว้มากในชาติก่อน เกิดมาชาตินี้เศษกรรมตามมาสนอง ก็ทำให้เจ็บไข้ได้ป่วยบ่อย ๆ...

    อาตมาเขียนอย่างนี้ เป็นการยืนยันการเกิดการตายแล้วไม่สูญ และการระลึกชาติเป็นของทำได้จริง ใครจะว่าอาตมาสอนให้คนงมงายก็เชิญ... น่าสมเพชบรรดานักบวชทรงสมณศักดิ์ใหญ่โตทั้งหลาย ที่ออกมาพูดปาว ๆ ว่า การเที่ยวนรก–สวรรค์ การระลึกชาติ เป็นเรื่องโกหกหลอกลวงกัน...

    พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ชัดเจน ถ้าท่านทำทิพจักขุญาณให้เกิดขึ้นได้ การระลึกชาติ เที่ยวนรก–สวรรค์ ก็เป็นเรื่องกล้วย ๆ กล้วยสุกงอมซะด้วยซิ... แต่ท่านทำกันไม่ได้ จะด้วยความโง่ของท่านเอง หรือวาสนาบารมีไม่พอก็ไม่ทราบได้ ท่านก็ออกมาประกาศปาว ๆ ว่า “ไม่มี – ไม่จริง – งมงาย – หลอกลวง ฯลฯ” อาตมาก็ไม่ทราบว่าท่านห่มผ้าเหลืองมาได้อย่างไรกันคนละ ๕๐-๖๐ ปี มีตำแหน่งใหญ่โตจนปานนี้ แต่มากล่าวตู่พระพุทธวจนะ ทำตนเป็นเดียรถีย์ไปได้...! ในเมื่อไม่เชื่อพระพุทธเจ้า แล้วจะมาบวชอยู่ในพระพุทธศาสนาทำไม...? หรือว่าลาภสักการะและยศศักดิ์สรรเสริญทั้งหลายทำให้ท่านบวชอยู่ได้ อย่างนั้นท่านก็เป็นได้แค่เปรตหรือสัตว์นรก ที่อาศัยผ้าเหลืองปกปิดความชั่วของตน เพื่อบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาเท่านั้น...

    อดนอกเรื่องไปไม่ได้ เพราะข่าวคราวในระยะนี้มีแต่ทางลบ อาตมาเป็นคนเลือดร้อน แม้จะบวชก็ติดนิสัยฆราวาส อดจะปาก(กา)เสียไม่ได้ สงสัยจะเป็นสันดานติดตัวมาจากชาติก่อน (นั่น...เอาซะให้พอ) ใครทนอ่านไม่ได้ก็วางซะก็แล้วกัน...

    เขียนนอกเรื่องมากไปจริง ๆ วกกลับมาเรื่องเจ็บป่วยอีกที อาตมาเคยป่วยหนักแบบปางตายแค่ไม่กี่ครั้ง แต่โอกาสหน้าคงมีสถิติเพิ่มขึ้น ตอนนี้เอาแค่ที่เคยเป็นก่อน...

    เริ่มจากหวัดเขมร (มัยโคพลาสม่านิวมอเนีย) ติดมาตอนอยู่ชายแดน สลบไป ๒ วัน ๒ คืน ความจริงก็ไปหาหมอเสนารักษ์ แต่เขามีแค่ยาแก้ปวดสีชมพู อนาถแท้... ท.บ.ไทย...! อาการเลยทรุดหนัก กว่าจะทุเลาก็เกือบครึ่งปี เป็นซะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ เพิ่มมาอีกโรค ๑ โรค คุณโชติกา บุญ – หลง หลานของหลวงปู่มหาอำพัน (คนนี้คุยกับเทวดาทุกวัน) จะเอาไปยกเครื่องให้ แต่อาตมาปล่อยมันเลยตามเลย จะได้ตายเร็ว ๆ น่ะ...!

    ต่อมาก็กระดูกคอเคลื่อนทับเส้นประสาท เดินวนเป็นปูขาเกไปเลย เดือดร้อนญาติโยมทั้งหลายที่ให้การสงเคราะห์ กลัวหลวงตาแก่จะตายเร็ว พาไปหาหมอซะแทบทั่วเมืองไทย บทจะหายกลับหายด้วยมือหมอนวดจับเส้นซะนี่...!

    ล่าสุดเป็นไวรัสลงตับ แรก ๆ นึกว่าไข้หวัด กว่าจะรู้ตัวก็เป็นซะหนักแล้ว เจ้าประคุณเอ๋ย...แค่หายใจยังเหนื่อยเลย...มันให้เห็นทุกข์เห็นโทษของการแบกขันธ์ห้าจริง ๆ ฉันน้ำหวานจนขวดกองเป็นภูเขาเลากา กว่าจะทุเลาเล่นเอาสองเดือนกว่า ตัวเหลืองเป็นมนุษย์ทองคำไปเลย...!

    นั่นเป็นการป่วยที่นับว่าหนักจริง ๆ ชนิดไปเดินวนที่ตำหนักพระยายมมาแล้ว แต่ท่านเห็นว่ายังไม่สมควรจะตาย เพราะตายตอนนี้จะลงขุมตื้นไป เลยปล่อยให้มาสะสมความเลวต่อ ถึงเวลาจะได้พุ่งหลาวไปตรงเลย ไม่ต้องตัดสินให้เสียเวลา...

    ทีนี้มากล่าวถึงโรคประจำตัว อาตมาเป็นโรคภูมิแพ้ อากาศเปลี่ยนนิดเปลี่ยนหน่อยก็จับไข้ เป็นมันได้อาทิตย์ละสอง-สามหน จนเป็นเพื่อนกับอาการไข้ สามารถขอเวลานอกเพื่อทำงานก่อนได้ หลังงานค่อยว่ากันใหม่ สนุกดีเหมือนกัน...

    การเจ็บไข้ได้ป่วยมีคุณมหาศาล เพราะทำให้ทรงมรณานุสติกรรมฐานได้ดี แต่ไอ้การที่จะตายก็ไม่ตายนี่ซิ... มันทรมานเหลือร้าย ฉะนั้น...ถ้าเลือกได้อาตมาก็ไม่ขอป่วยหรอก (กลัวตายละมั้ง...?) แล้วทำอย่างไรล่ะที่จะไม่ป่วย...?

    ก็มีอยู่วันหนึ่ง “หลวงพ่อ” ท่านเล่าให้ฟังว่า “พระ” ท่านมาขอให้เป็นหมอรักษาโรค หลวงพ่อบอกว่าตัวเองป่วยจะตายแหล่ไม่ตายแหล่ ให้เป็นหมอแล้วใครจะเชื่อ อีกอย่างคือไม่ชอบทำอะไรยาก ๆ จึงไม่ขอเป็นหมอจะดีกว่า... ต่อรองกันไปต่อรองกันมา ในที่สุดหลวงพ่อก็กราบเรียนว่า “ถ้ามีน้ำมนต์ที่รักษาโรคได้ทุกชนิดก็จะยอมเป็นหมอ” คือทำทีเดียวไม่ยุ่งยาก ใครมาก็แจกน้ำมนต์ให้ หายไม่หายก็ช่าง “พระ” ท่านว่า “ต้องการแบบนั้นก็เอา...ตามใจคุณ”

    “พระ” ท่านมอบหมายให้พระสารีบุตรมหาเถระ เป็นองค์สอนวิธีทำน้ำมนต์ พระมหาเถระกล่าวว่า “เคยบอกวิธีให้ไปนานแล้ว แต่เธอลืมไปเอง” แล้วทบทวนความจำว่า เมื่อปีนั้น วันเวลานั้น ๆ เคยสอนเอาไว้แล้ว... หลวงพ่อทบทวนดูก็นึกออกว่าเคยทำให้เขาไปจริง ๆ แต่ทำให้เฉพาะตัวไม่เป็นสาธารณะ และเขียนอักขระผิดไปหนึ่งตัวด้วย แต่ตอนนั้นพระมหาเถระบอกว่าไม่เป็นไร ถึงผิดก็มีอานุภาพเช่นกัน แต่คราวนี้ต้องแก้ให้ถูก...

    หลวงพ่อก็จดวิธีทำมา ต้องใช้แผ่นทองคำหกแผ่น แผ่นเงินหกแผ่น หนักอย่างน้อยแผ่นละ ๑ บาท เขียนยันต์ลงอักขระแล้วปลุกเสกตามวิธีการ จึงจะใช้ทำน้ำมนต์รักษาโรคได้...อาตมาพอทราบเรื่องก็อยากได้ตามประสาคนกิเลสมาก เงินที่มีอยู่ถึงจะพอซื้อแผ่นทอง – แผ่นเงิน แต่มันเป็นเงินที่ญาติโยมทำบุญมา จะมาใช้เปะปะได้อย่างไร...? ตัดใจว่าถ้าเราสมควรได้มันก็ได้เอง ถ้ามีคนถวายเงิน-ทองเพื่อการนี้โดยเฉพาะก็จะทำ ถ้าไม่มีก็สบายไม่ต้องเหนื่อย ถ้าจะให้เอาเงินสงฆ์ไปใช้ส่งเดชเป็นไม่เอาด้วยแน่... พอดีพบกับน้าเล็ก (อาจารย์จารุวรรณ ศรีแสงจันทร์) น้าเล็กถวายของขวัญปีใหม่เป็นสร้อยคอทองคำ ๕๐ สตางค์ ก็เลยบอกกับน้าเล็กว่าขอเอามาใช้ในงานนี้ น้าเล็กอนุญาตด้วยดี...

    เมื่อญาติโยมทราบ ก็ถวายทั้งเงิน-ทองและเงินสด คิดแล้วเกินจำนวนที่ต้องการไปมาก อาตมาจึงแจ้งให้ทราบว่า ถ้ามีเหลือจะร่วมในงานหล่อพระต่อไป ทุกคนก็โมทนาด้วย... ติดต่อทางร้านให้รีดแผ่นเงิน-แผ่นทองให้ ตอนนั้นทองแท่งราคาบาทละ ๔,๗๐๐ ร้านค้ามันโขกซะบาทละ ๖,๐๐๐...! เออ...ทีเอ็งข้าไม่ว่า ถึงทีข้าบ้างอย่าโวยก็แล้วกัน แน่ะ...อาฆาตซะด้วย...! พอได้แบบยันต์มาจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ก็เขียนเป็นการใหญ่ กะว่าเขียนเสร็จจะขอความกรุณาหลวงพ่อ ให้ท่านช่วยเสกให้ ปรากฏว่าต้องเสกเองครับ...!

    อิติปิโสฯ. สวากขาโตฯ. สุปฏิปันโนฯ. ๑๐๘ จบ นะมะพะทะ ๑๐๘ จบ เหนื่อยแทบขาดใจ เข็ดจริง ๆ คุณเอ๋ย... แถมไม่มั่นใจตัวเอง เอาไปเข้าพิธีใหญ่ที่หลวงพ่อทำในวิหารร้อยเมตรอีกครั้ง เอาให้ชัวร์ปึ้กไปเลย...! ในพิธีมีเหรียญยันต์ทำน้ำมนต์ ๓๐,๐๐๐ เหรียญด้วย ครั้งแรก “พระ” ท่านให้ทำแค่ ๑,๐๐๐ เหรียญ ท่านบอกว่ากำลังใจคนไม่เท่ากัน เดี๋ยวเอาไปใช้เปะปะจะไม่มีผล แต่หลวงพ่อต่อรองตามเคย จนได้มา ๓๐,๐๐๐ เหรียญ คนศรัทธาจะได้เช่าซื้อตามอัธยาศัย...

    ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๓๒ เวลา ๑๘.๐๐ น. เริ่มพิธี “พระ” ท่านเมตตาเป็นพิเศษ เป่ายันต์ติดกระหม่อมให้ทุกคนในพิธีด้วย อาตมารู้สึกหนังศีรษะถูกขึงสี่มุมตามรูปยันต์ ตึงเปรี๊ยะเลย จึงอธิษฐานจิตเพื่อญาติโยมและลูกสาวทั้ง ๕ คนด้วย...

    น้ำมนต์และเหรียญรุ่นนี้ มีผู้นำไปรักษาโรคได้ผลมากต่อมาก แม้แต่เป็นมะเร็งก็หาย แต่ว่าขึ้นอยู่กับกำลังใจคนใช้จริง ๆ บางคนเช่น จุ๊บ (เบญจพร วิบูลย์พันธุ์)เป็นหวัดนิดหน่อย กินน้ำมนต์เป็นโอ่งยังไม่หายเลย...! อาตมาเองหลังเข้าพิธีแล้ว ก็ปลุกยันต์อยู่ทุกวัน อาการโรคภูมิแพ้รู้สึกดีขึ้นมาก หลังพิธีตั้งแปดเดือนจึงเป็นหวัดหนหนึ่ง แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย...

    น้ำฝน (มณีรุ่ง) ลูกสาวคนเล็ก ไปเที่ยวป่าทองผาภูมิ ถูกผึ้งป่าต่อยมือบวมเป็นกะโล่ เอาเหรียญรุ่นนี้แปะไว้นาทีกว่า ๆ ก็หายเป็นปกติ นับว่าอัศจรรย์มาก...!

    คนนำเหรียญไปใช้ต้องสวดมนต์ทุกวัน ซึ่งเท่ากับบังคับให้ภาวนานั่นเอง เวลาภาวนา จิตจับภาพยันต์ก็เป็นกสิณ นึกถึงบารมีพระเป็นพุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ ก็เท่ากับเจริญกรรมฐานทุกวัน เป็นความดีที่สูงยิ่ง แบบนี้ใครว่างมงายไม่มีในพุทธศาสนา ก็ปล่อยเขาฉลาดไปคนเดียวเถอะ อาตมาขอทำแบบโง่ ๆ อย่างนี้แหละ สบายใจดี...

    วันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๓๓
    พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ


    หมายเหตุ : เมื่อ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๔๙ อาตมาถูกบีบคอให้ทำเหรียญทำน้ำมนต์ จำนวน ๓,๐๐๐ เหรียญ เพื่อให้ญาติโยมไว้ใช้รักษาโรคที่หมอแผนปัจจุบันรักษาได้ยาก กลายเป็นว่าต้องมาทำทั้งที่ตนเองก็ป่วยอยู่ทุกบ่อยเช่นกัน...!

    วันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๔๙
    พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺปญฺโญ
     
  2. madeaw23

    madeaw23 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2017
    โพสต์:
    209
    ค่าพลัง:
    +188
    กราบสาธุครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...