วัฒนธรรมความเชื่อ

ในห้อง 'ดูดวง และ ทำนายฝัน' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 26 มีนาคม 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นเมืองพุทธ ประชาชนส่วนใหญ่ต่างพร้อมใจกันเรียกขานตัวเองว่าเป็นพุทธศาสนิกชน แต่จะเป็นการแบบไหนคงต้องดูกันจากพฤติกรรมการแสดงออกต่อเหตุการณ์รอบๆ ตัวทั้งหลาย

    ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวในระดับปัจเจก หรือเรื่องส่วนรวมในระดับสังคม

    ท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครมจากความขัดแย้งเรื่องการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อันจัดได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติอย่างหนึ่ง ซึ่งแต่ละคนต่างมีทีท่าต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแตกต่างกันไป

    ในความไม่เหมือนนั้น อะไรที่ทำให้ต่าง แน่นอนว่าย่อมเป็นพื้นฐานของการพิจารณาแยกแยะข้อมูลที่ได้รับ

    แต่ที่น่าใคร่ครวญก็คือ ภายใต้การเลือกตัดสินใจอะไรบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกที่ยืนชัดเจนว่าอยู่ฟากไหน หรือเป็นประเภทที่ไม่สมัครใจเข้าไปอยู่วงใน ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน หากจะรู้สึกระอุขึ้นมาบ้างก็ด้วยเหตุเพราะความรำคาญในเสียงที่ได้ยิน จึงพยายามบอกให้ฝ่ายเลือกข้างทั้งสองฝั่งเงียบได้แล้ว

    ทั้งหมดที่ว่ามานี้แน่ใจได้หรือยังว่า ได้ใช้ " ปัญญา" มากำกับความคิดแล้วแสดงออกผ่านอารมณ์ต่างๆ

    ปัญญา ซึ่งตามพจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่านพระพรหมคุณาภรณ์ ระบุว่า หมายถึง ความรู้ความเข้าใจชัดเจน ความรู้เข้าใจหยั่งแยกได้ในเหตุผล ดี-ชั่ว คุณ-โทษ ประโยชน์-มิใช่ประโยชน์

    ปัญญา อันมีสะพานชื่อ "โยนิโสมนสิการ" เชื่อมไปถึง ด้วยการพิจารณาโดยแยบคาย คือพิจารณาเพื่อเข้าถึงความจริงโดยสืบค้นหาเหตุผลไปตามลำดับจนถึงต้นเหตุ แยกแยะองค์ประกอบจนมองเห็นตัวสภาวะและความสัมพันธ์แห่งเหตุปัจจัย หรือตริตรองให้รู้จักสิ่งที่ดีที่ชั่ว ยังกุศลธรรมให้เกิดขึ้นโดยอุบายที่ชอบ

    หากแต่เวลานี้อยากสื่อสารถึงผู้ที่ยังอยู่ในสภาวะที่เหมือนเปิดหูแต่ปิดตา หรือเปิดตาแต่ปิดหู ไม่อยากเข้าไปอยู่ความขัดแย้ง แล้วร้องบอกว่า "เบื่อ" ความวุ่นวาย ต้องการความสงบ

    ความเบื่อคือทุกข์ประเภทหนึ่ง คำสอนทางพุทธย้ำเสมอว่า จะกำจัดทุกข์ต้องสาวไปที่เหตุ และอย่าปฏิเสธความจริง

    ความเคลื่อนไหวให้ "ทักษิณ...ออกไป" กับ "ทักษิณ...สู้ๆ" เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในสังคมไทย จะหนีไปในพ้น

    หากกล้าเผชิญความจริงด้วยปัญญา สิ่งที่ได้รับตอบแทนกลับมาย่อมเป็นความจริงที่ช่วยให้จัดการความคิดและจิตใจได้ถูกต้องว่าควรจะวางไว้ตรงไหน อย่างไร

    "นายกฯขาดความชอบธรรมตรงไหน" และอีกสารพัดข้อความที่บ่งบอกความหมายไปในทางเดียวกันนี้ ซึ่งปรากฏบนจอทีวี และอยู่ในใจคนอีกนับแสนนับล้าน เจ้าของความคิดเหล่านั้นเคย "พิจารณา" ดูหรือไม่ว่าจะหาคำตอบที่ชัดเจนได้จากไหน ด้วยวิธีใด สื่อที่เสพอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเพียงพอแล้วหรือ ได้ขวนขวายหาคำตอบ-หาความจริงให้ตัวเองหรือยัง

    วิกฤติที่เกิดขึ้นนี้เป็นโอกาสดีๆ สำหรับการปลุกความคิดให้ตื่นขึ้นมาใช้พลังด้วยความกระฉับกระเฉง

    ขณะนี้เสียงตะโกนเชิญชวนให้ไปเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 2 เมษายน ดูจะดังกระหึ่มจนสร้างความเคลิบเคลิ้มให้กับคนไทยทั้งหลายว่า จะได้เป็นผู้มีส่วนร่วมกับประชาธิปไตยอย่างเต็มตัว

    หลายคนแสดงออกว่าต้องการการเลือกตั้ง ต้องการประชาธิปไตยอย่างแรงกล้า หากในสถานการณ์เช่นนี้ หากไม่ใช้ปัญญาอย่างจริงจัง การหย่อนบัตรจะถือว่าได้ใช้ประชาธิปไตยแล้วหรือ ถ้าจะใช่ก็เพียงอย่างเดียวคืออาจตกเป็นเครื่องมือฟอกขาวให้คนๆ หนึ่งเท่านั้น

    ถ้าต้องการประชาธิปไตยจริงๆ คงต้องแหวกม่านบังตาออกให้ได้ก่อนกระมัง

    ต้องทำความเข้าใจปัญหาทั้งที่เกิดขึ้นแล้วและกำลังจะเกิดขึ้นหากไม่หยุดไว้เสียก่อน อันเป็นผลงานการสร้างด้วยเจตนาแอบแฝงหาประโยชน์ใส่ตัวของรักษาการนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ตามที่มีผู้เปิดโปงในเรื่องที่ข้อมูลหลักฐานชัดเจน ซึ่งปรากฏตามสื่อทั่วไป ซึ่งถ้าใช้วิจารณญาณของคนทั่วไปก็จะเห็นโดยไม่ยาก

    หรือทำความเข้าใจกติกาว่า "การชุมนุม" เป็นส่วนหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย มิใช่กฎหมู่แต่อย่างใดเลย ตราบใดที่ยังมิได้มีความรุนแรงเกิดขึ้น

    นี่ต่างหากจึงจะเรียกว่าการมีส่วนร่วมในประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

    ในข้อมูลมากมายมหาศาลนั้น ประเด็นที่เกิดขึ้นล่าสุดในกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้เพิกถอนพระราชกฤษฎีกากำหนดอำนาจสิทธิ และประโยชน์ของบริษัท การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำกัด (มหาชน) พ.ศ.2548 และพระราชกฤษฎีกากำหนดเงื่อนเวลายกเลิกกฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ.2548 น่าจะเป็นอาหารสมองชั้นดีให้พินิจพิจารณาผลของนโยบายการแปรรูปรัฐวิสาหกิจของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

    เพราะในคำพิพากษานั้นได้ชี้ให้เห็นชัดเจนถึงเครือข่ายของอำนาจที่ถูกจัดสรรมาให้ดำเนินการนี้โดยเฉพาะ ซึ่งนี่เป็นเพียงตัวอย่างเดียวของสิ่งที่เกิดขึ้นและยังดำรงอยู่ในที่อื่นๆ อีก

    แต่อาจเป็นตัวอย่างที่เพียงพอที่จะเข้าใจได้ว่า ทำไม "ทักษิณ" จึงต้อง "ออกไป"

    ในการปฏิบัติธรรม ผู้ปฏิบัติมักจะได้รับการชี้แนะว่า อย่าติดอยู่เพียงแค่ความสงบจาก "สมถะ" หรือการอยู่นิ่งๆ แต่ควรไปให้ถึง "วิปัสสนา" นั่นคือต้องรวบรวมจิตให้มีพลังเพียงพอที่จะทะลุทะลวงความจริงในสังสารวัฏให้ได้

    เรื่องในสังคมก็เช่นเดียวกัน เราจะพึงพอใจเพียงแค่ความสงบ ทั้งที่มีปัญหาเกิดขึ้นแล้ว หรือลุกขึ้นมาตรวจสอบหาความจริงเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้มี "สติ" เท่าทันต่อสิ่งที่กำลังดำเนินอยู่

    จะเลือกเป็น "ผู้ตื่น" หรือ "ผู้หลับใหล"

    หากอยากเป็นผู้ตื่นย่อมต้องใช้ปัญญาพิจารณาเพื่อเลือกดี-ชั่ว คุณ-โทษ ประโยชน์-มิใช่ประโยชน์ได้ด้วยตนเอง

    แล้วชั่งน้ำหนักดูว่า จะให้ความคิดแบบไหนดำรงอยู่ในตัวตน จากนั้นจึงเลือกกิจกรรมที่ต้องการแสดงออกเพื่อสนับสนุนความคิดนั้นตามช่องทางที่มีอยู่

    หรือถ้าการเลือกตั้ง 2 เมษายน ต้องดำเนินไป ให้ช่วยกันผลักดันผลที่จะเกิดขึ้นไปตามทิศทางความคิดนั้น

    อย่าปล่อยให้ความมืดที่มาในนามของความสงบกลบปัญญา
     

แชร์หน้านี้

Loading...