เรื่องเด่น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง กับพระพุทธศาสนา

ในห้อง 'ในหลวงกับพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 11 สิงหาคม 2009.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,492
    สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง กับพระพุทธศาสนา



    a-jpg.jpg




    วันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๗ เป็นวันมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งในปีนี้ได้เวียนมาบรรจบครบ ๖ รอบ ๗๒ พรรษาตลอดเวลา ๕๔ ปีที่ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระราชินี พระองค์ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล เป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนชาวไทยเป็นอเนกประการ สุดจะนับจะประมาณได้

    150205-1-2(1).jpg

    โดยเฉพาะในฐานะของพุทธศาสนิกชน ทรงมีพระราชศรัทธาในพระบวรพระพุทธศาสนามาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ด้วยทรงมีพื้นฐานจากครอบครัวของพระองค์ปลูกฝังให้ทรงเคารพนอบน้อมในพระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์ ทรงบำเพ็ญกุศลทาน เช่น ทรงบาตรในยามเช้า ทรงจัดดอกไม้บูชาพระด้วยพระองค์เองในเวลาเย็นทุกวัน ครั้นกลางคืนก็ทรงสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยมิได้ขาด ในฐานะสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชหฤหัยใฝ่ในการพระศาสนามากมายนานัปการ ปรากฏเป็นที่สรรเสริญและเจริญรอยตามของทวยราษฎร์ตามแหล่งข้อมูลต่างๆ พอสังเขป ดังนี้

    5Oqtpr5Kru4Vv1CKLdtlWlYyGnt2oWu6fjuc3aQDlEvy_IdB6mp9vUOBXSmom1__gvG0BDJIt4MUxahJma2Rr9qyAUw7NIA0.jpg

    ทรงศึกษาและปฏิบัติตามหลักธรรม

    สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงศึกษาธรรมทางพระพุทธศาสนาใน ๓ ลักษณะ คือ

    ๑. ทรงศึกษาจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงยกย่องเทิดทูนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นผู้พระราชทานความรู้แก่พระองค์ทุกด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านพระบวรพุทธศาสนา

    ๒. ทรงศึกษาโดยการสดับพระธรรม เทปธรรมะ และการสนทนาธรรมกับพระมหาเถระชั้นผู้ใหญ่ อาทิ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงสนทนาธรรมกับสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ณ วัดบวรนิเวศวิหาร และโปรดเกล้าให้สร้างตำหนักถวายสมเด็จพระสังฆราชขึ้นในบริเวณป่า ไม่ห่างจากพระตำหนักที่ทรงแปรพระราชฐาน เช่นที่ภูพิงคราชนิเวศน์ และที่ภูพานราชนิเวศน์ และเสด็จพระราชดำเนินไปศึกษาธรรมะด้วย ส่วนสถานที่ที่ทรงโปรดเสด็จพระราชดำเนินไปเป็นประจำทุกปี คือพิพิธภัณฑ์พระอาจารย์มั่น พระอาจารย์ฝั้น และพระอาจารย์วัน ทั้งได้ทรงจัดดอกไม้บูชาด้วยพระองค์เอง

    ๓. ทรงศึกษาจากหนังสือธรรมะ หนังสือธรรมะที่ทรงสนพระราชหฤทัยเป็นพิเศษ คือหนังสือพระพุทธประวัติ ประวัติพระพุทธศาสนา ประวัติพระอริยสงฆ์ หนังสือชาดก หนังสือเรื่องกองทัพธรรม รวมทั้งหนังสือสวดมนต์ต่างๆ

    iVSANX_HX38pAg0S749BUUK2oJQKWVyXVex3oYLMdsYHFWllBlCIUsFjI2OnBftSOV57S4DKO-mUkz44PBJ1PEtZXvYLA8Rg.jpg

    จากการศึกษาธรรมะทั้ง ๓ ลักษณะ จึงยังผลให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงเข้าพระทัยหลักธรรมสำคัญๆ ในพระบวรพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง และได้ทรงน้อมนำพระธรรมเหล่านั้นมาทรงปฏิบัติ ส่งผลเป็นพระมหากรุณาธิคุณปกแผ่ไปทั้งมวลหมู่พสกนิกรทั้งในประเทศและประชาชนในประเทศใกล้เคียง ตลอดถึงประชาชนชาวไทยและชาวต่างประเทศด้วย

    paragraph___paragraph_17_101.jpg

    ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา

    สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลบุญกิริยาวัตถุ และเป็นการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในหลากหลายรูปแบบ อาทิ

    ๑. ทรงบริจาคทาน ในหลากหลายลักษณะ ดังนี้

    ๑.๑ พระราชทานสังฆทาน ปกติทุกวันจันทร์ เวลาประมาณ ๑๙.๐๐ น. ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานถวายสังฆทานพระสงฆ์จำนวน ๑๕ รูป บนพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ในแต่ละครั้งจะทรงนิมนต์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช เป็นองค์ประธานด้วยเสมอ นอกนั้นก็โปรดฯ ให้นิมนต์พระสงฆ์จากวัดอื่นๆ หมุนเวียนกันไป และ ทุกวันศุกร์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานถวายสังฆทานแห้งแด่พระสงฆ์สามเณรทั้งวัดที่ทรงเห็นว่าขาดแคลนมาก พร้อมทั้งพระราชทานปัจจัยเพื่อซื้ออาหารเพิ่มเติม

    ๑.๒ พระราชทานพระราชทรัพย์แก่โรงพยาบาลสงฆ์ เดือนละ ๒ หมื่นบาท เป็นค่ายา ค่าโลหิต ถวายพระสงฆ์อาพาธ และพระราชทานพระราชทรัพย์ไปยังโรงพยาบาลอื่นด้วย เช่น โรงพยาบาลโรคทรวงอก รวมทั้งบำรุงพระภิกษุอาพาธ และภิกษุบางรูปก็ทรงรับอยู่ในพระราชานุเคราะห์ด้วย

    ๑.๓ พระราชทานพระราชทรัพย์เป็นกองทุนเพื่อทำนุบำรุงวัดต่างๆ เช่นวัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร จ.นนทบุรี วัดหน้าพระเมรุ จ.พระนครศรีอยุธยา รวมทั้งเป็น เปเป็นค่าน้ำค่าไฟ หรือ รถขนน้ำ แก่วัดที่อัตคัดขันสน และค่าบูรณปฏิสังขรณ์วัดทรุดโทรมอยู่เสมอ

    ๒. ทรงพระราชทานธรรมทาน แก่บรรดาข้าหลวงและผู้รับใช้ใกล้ชิด ให้ยึดมั่นในพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยตรัสสอนว่า การเกิดเป็นมนุษย์นั้นประเสริฐนัก เพราะมนุษย์สามารถสร้างบุญสร้างกุศลได้ทุกวันเมื่อตื่นขึ้นมาให้มีสติอยู่กับตัว และให้คิดทำประโยชน์เพื่อผู้อื่น ให้สร้างแต่กรรมดี ละเว้นกรรมชั่ว และยังทรงบันทึกเทปพระสุรเสียงของพระองค์เอง โดยทรงอ่านหนังสือเรื่องพระอานนท์พุทธอนุชา แล้วพระราชทานแก่ข้าราชบริพาร แก่ผู้ที่อยู่ในความทุกข์ ผู้เจ็บไข้ได้ป่วย ผู้ที่สูญเสียผู้ใกล้ชิด ฯลฯ และทรงมีพระราชดำริให้การทำเครื่องปั้นดินเผาในโครงการศิลปาชีพ ให้นำเรื่องจากนิทานชาดกมาเขียนภาพบนเครื่องปั้นดินเผา โดยทรงอธิบายให้ผู้ทำทราบด้วยว่าภาพนั้นมาจากเรื่องอะไร หมายถึงอะไร และมีความหมายอะไร ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าพระองค์ทรงเข้าพระทัยหลักธรรมสำคัญในพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้งถึงขั้นพหูสูตทีเดียว

    cavNpP6FZNQgKpNqQ8moMtT9kpL6O_L53IePZFd1DA3vcB_EovwSnVVgfpE0LbYYajiU7mK-1RmwDvlc3XuOQw8vb8_waOIo.jpg

    ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในพระราชพิธี

    สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถโดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาตามโบราณขัตติยาราชประเพณีอย่างสม่ำเสมอ เช่น วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา พระราชพิธีถวายผ้าพระกฐินและพระกฐินต้น แม้วัดบางแห่งจะอยู่ในท้องที่ทุรกันดารก็ตาม ทั้งในโอกาสทรงบำเพ็ญพระราชกุศลแทนพระองค์ และโอกาสเสด็จพระราชดำเนินเป็นส่วนพระองค์ อนึ่งในวันสำคัญต่างๆ เช่น วันฉัตรมงคล วันสงกรานต์ วันปิยมหาราชและวันสำคัญอื่นๆ ก็ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทานตามโบราณขัตติยราชประเพณีในวันนั้นๆ ด้วยพระราชศรัทธาในพระบวรพุทธศาสนา

    yDECjZ4SY3FZcL08eQDEtSN-GDz2PQns5g93nT7OvJJRa_enKkSgIbAnkB71mWxXPkJQbn8y05kqqHkGflp7E_3uENbE09mA.jpg

    ทรงอุปถัมภ์สถาบันเผยแผ่พระพุทธศาสนา

    สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงดำรงตำแหน่งประธานกิตติมศักดิ์ของสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ด้วยพระราชกรณียกิจเกี่ยวกับการสงเคราะห์นี้เอง ที่เป็นเหตุได้รับการสดุดีพระเกียรติคุณและทูลเกล้าฯถวายรางวัลมากมาย อาทิ เหรียญเซเรส โดยองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ รางวัลด้านมนุษยธรรม โดยสมาคมเอเชีย รางวัลมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยกลุ่มสนับสนุนพิพิธภัณฑ์เด็กแห่งกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มหาวิทยาลัยทัฟท์ แห่งมลรัฐแมสซาชูเสท สหรัฐอเมริกา ได้ทูลเกล้าถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขามนุษยธรรม ฯลฯ

    ส่วนงานด้านศาสนสงเคราะห์นั้น ได้ทรงบำเพ็ญควบคู่กับงานด้านสังคมสงเคราะห์ตลอดมา ที่สำคัญยิ่ง คือ

    ๑. ทรงรับ “ สถาบันแม่ชีไทย” ไว้ในพระบรมราชินูปถัมภ์

    ๒. ทรงรับ “ มูลนิธิส่งเสริมพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์” ของสภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัยไว้ในพระบรมราชินูปถัมภ์

    ฯลฯ

    ด้วยพระราชกรณียกิจนานัปการ ที่ทรงบำเพ็ญธรรม ทรงธรรม และทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา เป็นแบบอย่างของกัลยาณมิตรที่ดีให้ประชาชนชาวไทย ขออัญเชิญคุณพระศรีรัตนตรัย โปรดอภิบาลรักษาให้ทรงพระเจริญ มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ พรั่งพร้อมไพบูลย์ด้วยจตุรพิธพรชัยทุกทิวาราตรีกาล เทอญ

    paragraph___paragraph_105_136.jpg

    ------------------------------

    คัดลอกมาจาก ระเบียงทรรศนะ เว็บกัลยาณมิตร
    http://www.kalyanamitra.org/daily/dhamma/index.php?option=com_content&task=view&id=2427&Itemid=99999999
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 สิงหาคม 2023
  2. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,492

    a.jpg


    a.jpg

    ขอนำพระสุรเสียงอ่านธรรมะนิยาย

    ของสมเด็จพระนางเจ้าฯท่าน เพื่อเป็นสิริมงคล

    และท่านทรงเป็นพุทธมามกะตัวอย่างที่น่าชื่นชม สมเป็นนางแก้วคู่พระบารมี

    ฟังไฟล์นี้แล้วซึ้งมาก น้ำพระเสียงทรงเด็ดเดี่ยว น่าฟังมาก
    (จากความคิดเห็นของ พี่แอน >>MBNY ซึ่งฟังแล้วก็รู้สึกอย่างนั้นเช่นกัน :))
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 สิงหาคม 2021
  3. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,684
    ค่าพลัง:
    +9,239
    ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ
    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,209
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,711
    ขอพระองค์ทรงพระเจริญ _/\_


    [​IMG]
     
  5. lotusbudth

    lotusbudth สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +155
    สาธุ และทรงพระเจริญ
     
  6. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,070
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    พระราชปุจฉา "ผู้คนเขามาวัดทำไมกัน"

    puuub.jpg พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาราช และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงเสด็จ พระราชดำเนินพร้อมด้วย พระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ เสด็จพระราชดำเนินถึงวัดเขาสุกิม อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ในการทรงประกอบพิธีเททองหล่อพระประธาน พระอัครสาวกทั้งสอง และพระอานนท์ ภายหลังจากเสร็จพระราชกรณียกิจแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปุจฉา กับท่านพระอาจารย์สมชาย ฐิตวิริโย ดังนี้

    พระราชปุจฉา.... " ผู้คนเขามาวัดทำไมกัน"


    ถวายพระพรว่า.... " ผู้มาวัดด้วยเหตุต่างๆ กันบางคนเป็นคนดีอยู่แล้ว มาวัดด้วยมุ่งทำความดีให้มากขึ้น ด้วยการถือศีลภาวนา บ้างอยากรู้ทางวัดเขาทำอะไรกัน จะมาช่วยวัดด้วยความตั้งใจจริง เพราะเห็นว่าเมื่ออยู่บ้านก็ไม่มีอะไรที่จะต้องทำ บางคนก็มาด้วยเหตุที่ว่าอยู่บ้านมีแต่ปัญหา ล้วนแล้วแต่น่าเบื่อ มาวัดหาความสงบดีกว่า มาวัดทำให้สบายใจ"

    พระราชปุจฉา... " ที่ว่าชาวบ้านเขาเบื่อหน่ายเขาเบื่ออะไรกัน "
    พระอาจารย์สมชาย ฐิตวิริโย ถวายพระพรว่า.... " การเบื่อหน่ายของชาวบ้านมีสองอย่าง บางคนเบื่อการงานที่จำเจก็หาเวลามาวัด เพื่อพักผ่อน บางเห็นว่าการเป็นอยู่ทางโลกนั้นถึงจะมั่งมี สามารถหาความสุขได้ทุกอย่างก็จริง ล้วนแต่เป็นความสุขชั่วคราว ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริงเหมือนความสุขทางธรรม บ้างว่าเกิดมาแล้วก็หนีความตายไม่พ้น ก่อนจะตายก็ควรทำอะไรๆ อันเป็นเหตุให้ตายดี มีความสุขก็มี"

    พระราชปุจฉา.... " การสอนให้คนนึกถึงความตายนั้น หากสอนไม่ดีแล้ว ก็เป็นเหตุให้เกิดความเกียจคร้านในการหาเลี้ยงชีพ กลายเป็นคนจน เป็นภาระของสังคม ดังนั้นต้องระวังในเรื่องการสอน"
    พระอาจารย์สมชาย ฐิตวิริโย ถวายพระพรว่า.... " โดยปกติพระจะสอนให้เห็นโทษของความมัวเมา ก่อให้เกิดความเห็นผิดเป็นชอบ จึงต้องสอนให้เห็นในทางที่ถูกก่อน เช่น
    ก. อย่ามัวเมาในวัยว่ายังเป็นหนุ่มเป็นสาวอยู่
    ข. อย่ามัวเมาในความไม่มีโรคมาเบียดเบียน
    ค. อย่ามัวเมาในชีวิตว่าเวลาของเรายังมีอยู่

    ด้วยเหตุนี้ จึงสอนให้ทุกคนนึกถึงความตาย ถ้าไม่สอนให้เขาเข้าใจในทางถูกก่อนแล้วกลับจะเป็นผลร้ายดังพระราชปุจฉาโดยแท้ การเจริญมรณัสสตินั้น ชั้นต้นเพื่อให้รู้ว่าทุกคนหนีความตายไม่พ้น ไม่ว่าจะเป็นคนมีคนจน มีความตายเหมือนกันทั้งนั้น สำหรับผู้ทำการภาวนาเจริญกรรมฐาน เพื่อให้นิวรณ์สงบ ก็จำเป็นต้องพิจารณาเป็นอย่างๆไป ความตาย คือ นายเพชรฆาต, ความตาย คือ ต้องพลัดพรากจากสมบัติทุกอย่าง ชีวิตเป็นของที่กำหนดเอง เอาว่าอายุเท่านั้นเท่านี้จะตายก็กำหนดไม่ได้ ทั้งนี้ เพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่าชีวิตเป็นของน้อยจะตายเมื่อไรไม่มีใครรู้ได้ ขอถวายพระพร"
    kkkk.jpg

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯและสมเด็จพระนางเจ้า
    พระบรมราชินีนาถร้อมด้วยพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์
    ทรงเสด็จพระราชดำเนินเททองหล่อพระประธาน
    พระอัครสาวกทั้งสอง และพระอานนท์
    ณ อุโบสถ วัดเขาสุกิม 3 เมษายน 2520
    :-http://www.khaosukim.org/khaosukim/index.php/dhramma/86
     
  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,526
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,129
    ค่าพลัง:
    +70,497
    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

    temp_hash-79b1489e11f07c95f097248135c5d033-jpg.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...