หลักสูตรพุทธภูมิที่หาอ่านได้ในปัจจุบัน

ชื่อหนังสือ"หลวงพ่อธุดงค์"เป็นหนังสือที่พระเดชพระคุณพระราชพรหมญาณ(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)ท่านได้บันทึกประสบการณ์ในการธุดงค์ของท่านและมีเนื้อหาทื่ผู้บำเพ็ญตนปรารถนา พุทธภูมิ สาวกภูมิ และ ปรารถนาพระนิพพาน น่าจะหาโอกาสเปิดอ่านสักครั้ง จากประสบการณ์ ผมอ่านแล้ววางไม่ลงเลย ถ้าท่านใดได้อ่านแล้วกรุณาเปิดเผยประสบการณ์และประโยชน์ที่ได้เพื่อเผยแผ่ด้วยนะครับ
ขอโมทนาบุญกุศลที่ท่านผู้บำเพ็ญตนเพื่อ พุทธภูมิ สาวกภูมิ และ พระนิพพานขอให้สำเร็จสมตามความปรารถนาด้วยเทอญ ฯ

" นิพพานัง ปรมัง สุขขัง นิพพานัง ปรมังสูญญัง
นิพพานดับอย่างยิ่ง"

คำอธิษฐานและปรารถนา
"ขอผลบุญกุศลนี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพระพุทธเจ้าได้ตรัสเป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตกาลด้วยเทอญ ตราบใดที่ข้าพระพุทธเจ้ายังไม่นิพพานขอคำว่าไม่มีและไม่รู้จงอย่าปรากฎแก่ข้าพระพุทธเจ้า
ขอผลบุญนี้จงสำเร็จแด่พระสัพพัญญุตญาณในอนาคตกาลด้วยเทอญ
ขอผลบุญนี้จงสำเร็จแด่พระสร้อยสรรเพชรชุดาญาณในอนาคตกาลด้วยเทอญ ฯ"


pra-phat@hotmail.com

 

มีความสนใจในหนังสือเล่มนี้ แต่ไม่ทราบว่าจะหาหนังสือเล่มนี้ได้ที่ไหนครับ

 

...

 

หาได้ที่วัดท่าซุง หรือ ที่บ้านท่านเจ้ากรมฯชอยสายลม (พหลโยธิน 8 ) ชื่อหนังสือว่า "หลวงพ่อธุดงค์" ขอรับรองว่าสุดยอดครับ

 

ที่วัดท่าซุง หรือ ที่ ซอยสายลม พหลโยธิน 8 ครับ

 

ขอบพระคุณมากๆครับ

 

ขออนุโมทนากับ พุทธภูมิทุกท่าน และขอให้สามารถบำเพ็ญบารมีสมตามที่ทุกท่านปรารถนาด้วยเทอญ

 

เนื่องจากหนังสือเก่าแล้ว หาอ่านได้ยาก

แต่ ที่บ้านสายลม แถวรถไฟฟ้า อารีย์ มั้งครับ มีขาย ราคาไม่แพงด้วย

เป็นที่ที่ หลวงพ่อเคยสอนกรรมฐาน แก่ลูกศิษย์ที่นั่้น ไม่ได้มีเล่มเดียว มีอีกหลายเล่ม

ส่วนไปอย่างไร นั้น ลอง หา คำว่า บ้านสายลม ดูใน google

 

ขอบคุณมากๆครับคุณวรกันต์

 

ถ้าได้อ่านหนังสือ "ประวัติหลวงพ่อปาน" ด้วย ก็จะกล่าวถึงตอนสมัยหลวงพ่อธุดงค์เหมือนกันครับ และเป็นหนังสือสุดยอดเล่มหนึ่งที่แนะนำให้อ่านเป็นอย่างยิ่ง

 

" ทางถึงจะไม่ไกลแต่เขาไม่ไปอีกกี่วันกี่ปีก็ไม่ถึง ทางถึงจะไกลแสนไกลถ้าเขาเดินไปเรื่อยๆก็ใกล้เข้าไปทุกขณะ "






หลวงพ่อธุดงค์

 

มีข่าวดีมาบอกว่า ได้แนวทางการบำเพ็ญบารมีของพุทธภูมิระดับปรมัตถบารมีจากลูกศิษย์ที่ได้รับการถ่ายทอดคำสอนจากสมเด็จพระบรมโพธิสัตว์เจ้ารังสีมุนีนาถเอาไว้มีโอกาสจะทยอยนำมาให้อ่านกันนะครับหรือถ้าใจร้อนสามารถติดต่อได้ที่ อ.กร พงษ์พานภักดี โทร.0814298481 ท่านผู้นี้ขอรับรองว่าสามารถให้คำตอบได้ทุกเรื่อง เพราะผมได้ประจักษ์กับตัวเองมาแล้วว่าของจริง หรือถ้าไม่เชื่อก็ลองดูด้วยตาในให้ดีๆนะครับ

 

มีรายละเอียดการเดินทางไปวัดท่าซุงมั้ยครับ ?

อยากอ่านบ้าง T^T

 

ใครตาดีช่วยดูหน่อยท่านผู้นี้คือใคร

เอาตาในดู ดูให้ดีๆ ดูภูมิจิตภูมิธรรมท่าน ท่าน อ.กร พงษ์พานภักดี ท่านผู้นี้ให้คำตอบได้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับพุทธภูมิ โทร 0810693935,0814298481

ของแท้ย่อมทนต่อการพิสูจน์

 

แนวทางการบำเพ็ญปรมัตถบารมีของพุทธภูมิ (บารมี ๓๐ ทัศ)

ได้ขออนุญาตจากศิษย์ที่ได้รับคำแนะนำจากสมเด็จพระบรมโพธิสัตว์เจ้ารังสีมุนีนาถถึงขั้นตอนการดำเนินจิตในแต่ละระดับและแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ที่ปรารถนาพุทธภูมิมีใจความพอสังเขปที่สามารถนำมาเผยแพร่เพื่อเป็นธรรมทานและแนวทางปฏิบัติแก่ผู้ที่สนใจก็จะทยอยนำมาให้รับทราบเรื่อยๆ แต่ทั้งนี้ขอให้ใช้ปัญญาในการอ่านเพราะปัญญาในทางพุทธศาสนาที่ทราบกันดีก็คือปัญญาที่เกิดจากการ ฟัง คิด และภาวนา ซึ่งตัวที่เกิดจากการภาวนานี้จะเป็นปัญญาที่สำคัญที่สุดเพราะธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นธรรมที่ละเอียดลึกซึ้งยิ่งนักสามารถรู้ได้จากการปฏิบัติเท่านั้นดังนั้นถ้ายังไม่สามารถเข้าใจอย่างลึกซึ้งเพียงใดก็อย่าเพิ่งด่วนตัดสินอะไรไปขอให้ทำใจให้เป็นกลางเปิดใจให้กว้าง ไม่ปฏิเสธหรือยอมรับเสียทีเดียวพิสูจน์ให้แน่ใจเสียก่อนแล้วจึงเชื่อเพราะของแท้ย่อมทนต่อการพิสูจน์ และขอเชิญชวนท่านผู้ปรารถนาพุทธภูมิ ปัจเจกภูมิ สาวกภูมิที่สนใจเข้ามาพิสูจน์ด้วยตนเองให้ประจักษ์แล้วค่อยว่ากันอีกที ก่อนอื่นขอแนะนำให้ไปหา "ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร"มาอ่านก่อนถ้าต้องการก็ติดต่อขอได้ที่ อ . กร พงษ์พานภักดี โทร 0814298481 หรือ คุณประพัฒน์ ขัติวงษ์ โทร 0852914234 (แจกให้ฟรี) คราวต่อไปจะทยอยๆนำมาให้อ่านกันครับผม

 

ถ้าซื้อหนังสือ ทางไปรษณีย์ได้ครับ ถ้าไม่ว่างจริงๆ รายละเอียดตามนี้

คลิก

ถ้าไปวัดท่าซุง
คลิก

 

ข้อมูลเพิ่มเติมครับ

ลองเข้าเว็ปไซค์นี้ดูครับ ของวัดท่าซุง โดยตรง

 

ตามที่รู้กันก็คือพุทธภูมิต้องมีความเข้าใจใน สังโยชน์ ๑๐ ,บารมี ๑๐ มีจิตละเอียด เข้าใจอริยสัจ รู้ถึงเหตุ ปัจจัยนาการ (ปฏิจจสมุปปาท)

*** อจินไตย ๔ (สิ่งที่ไม่ควรคิด ๔ อย่าง)
โลกวิสัย ฌาณวิสัย กรรมวิสัย พุทธวิสัย
ดังนั้นวิสัยของพระโพธิสัตว์เปรียบเสมือนพุทธวิสัยจึงมิใช่วิสัยของปุถุชนจะเข้าใจได้ง่ายดังนั้นถ้ายังไม่กระจ่างชัดแจ้งก็อย่าเพิ่งแย้งหรือสงสัยอะไรควรทำให้ถึงเสียก่อน ***
ก่อนอื่นก็ต้องตั้งคำถามเสียก่อนว่าปรารถนาพุทธภูมิทำไม เหตุใดถึงต้องปรารถนาและทำอย่างไรถึงจะเรียกว่าเข้าถึงอารมณ์พุทธภูมิ และพุทธภูมิต่างกันกับสาวกภูมิอย่างไรรู้ได้อย่างไรโดยที่เราไม่ต้องถามเจ้าตัวเขา

ปรารถนาพุทธภูมิเพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้พ้นจากทุกข์ภัยในสังสารวัฏ ถามต่อไปว่าช่วยอย่างไร ช่วยโดยการแนะนำหนทางที่จะนำไปสู่ทางพ้นทุกข์หรือดับทุกข์ เพราะฉะนั้นผู้ที่จะแนะนำผู้อื่นได้ก็ต้องรู้เสียก่อนและต้องรู้ลึกทุกๆด้านและต้องเคยปฏิบัติหรือผ่านมาก่อนจึงจะบอกถูกดังนั้นต้องทำตนให้รู้รอบด้านในการปฏิบัติ เข้าใจเสียก่อนจึงจะสอนเขาได้ ต้องเอาตัวเองให้รอดก่อนแล้วจึงช่วยสรรพสัตว์ได้ แล้วธรรมอะไรที่พุทธภูมิต้องมีพิเศษมากกว่า ปัจเจกภูมิ หรือสาวกภูมิ ก็คือตัวเมตตา (พรหมวิหาร ๔) แล้วอะไรคือตัววัดว่าผู้ปรารถนาพุทธภูมิรู้หรือเข้าใจในระดับไหน ก็คือ บารมี ๓๐ ทัศ ยิ่งมีมากก็เข้าใจมาก (ปัญญามาก)
*อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัว ก็คือ ผู้ที่ลาพุทธภูมิ ก็คือตัวเมตตาลด ทำให้ท้อแท้หรือย่อท้อต่ออุปสรรคและแรงเสียดทานที่เกิดขึ้น* ต่อคราวหน้านะครับจะเป็นแนวทางการบำเพ็ญบารมีในขั้นปรมัตถบารมี

 

ผู้ที่ปรารถนาพุทธภูมิส่วนใหญ่ทุกวันนี้ ปรารถนากันตามความคิดในสมอง ไม่ปรารถนาออกมาจากใจจริงๆ ผู้ที่ปรารถนาโพธิญาณจากใจจริงแท้นั้นจะเห็นทางการบำเพ็ญบารมีอย่างเด่นชัดมากและไม่รอช้าที่จะลงมือปฏิบัติ จะปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอและทำไปด้วยสติ ปัญญา ด้วยความเพียร ด้วยความตั้งมั่นไม่ท้อถอย ไม่เอากาลเวลามาอ้างว่าจะต้องบำเพ็ญนานเท่านั้น เท่านี้ หลายแสน อสงไขย หลายมหากัปป์
จิตจะตั้งมั่นกับการบำเพ็ญโดยฝ่ายเดียวเพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์ สำเร็จอนุตตรธรรมสัมมาสัมโพธิญาณเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ไม่มานั่งกังวลหรอกว่า เมื่อไหร่จะได้รับพุทธพยากรณ์ อีกกี่อสงไขยจะสำเร็จ คนที่ปรารถนาพุทธภูมิอย่างนี้เรียกว่าไม่ได้ปรารถนาเพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์กันจริง ปรารถนาเพียงเพื่อพูดคุยกับคนอื่น

แม้การแบ่งประเภทของพระพุทธเจ้าว่าเป็นเป็นประเภทศัรทธา วิริยะ ปัญญานั้นก็เป็นการไม่ควร เพราะต้องอาศัยทั้งศัรทธา วิริยะความเพียร ความมีปัญญาประกอบกันอยู่ดีให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับจิต ให้สมดุลย์กันจึงจะสำเร็จผลในการปฏิบัติ บารมี 30 ทัศน์จึงจะบริบูรณ์ พระสมณโคมพุทธเจ้าท่านเองก็ไม่เคยตรัสว่าตนเองเป็นพระพุทธเจ้าประเภทใดเลย ท่านมีแต่ตรัสว่า เราปรารถนาพระโพธิญาณเพื่อช่วยเหลือ นำสรรพสัตว์ออกจากวัฏฏะสงสาร พ้นทุกข์เท่านั้นเอง ไม่ได้ปรารถนาว่าเป็นพระพุทธเจ้าประเภทศรัทธา วิริยะหรือปัญญาใดๆเลย และพระองค์ก็ไม่ได้ทรงสนพระทัยเลยว่าจะต้องเวลานานเท่าไรในการบำเพ็ญบารมี 30 ทัศน์ให้บริบูรณ์ มีแต่ตั้งมั่นในการบำเพ็ญเท่านั้น

ขอให้ผู้ปรารถนาพระโพธิญาณจงใช้สติ ปัญญา พิจารณาตามเป็นจริง ในเหตุในผล อย่าคิดปรารถนาเกินเลยพระพุทธเจ้าเรา เอาพระพุทธเจ้าเราเป็นแบบอย่างในการดำเนิน การปฏิบัติ การบำเพ็ญบารมี

 

"การช่วยคนก็ต้องรู้จักช่วย ช่วยโดยใช้ปัญญา ช่วยให้เป็น ถ้าไม่ใช้ปัญญาจะไม่ใช่เป็นการช่วยจะเป็นการซ้ำเติมลงไปอีก"

การบำเพ็ญบารมี ๓๐ ทัศ

ทานบารมี ทานอุปบารมี ทานปรมัตถบารมี
ศีลบารมี ศีลอุปบารมี ศีลปรมัตถบารมี
เนกขัมมบารมี เนกขัมมอุปบารมี เนกขัมมปรมัตถบารมี
ปัญญาบารมี ปัญญาอุปบารมี ปํญญาปรมัตถบารมี
วิริยะบารมี วิริยะอุปบารมี วิริยะปรมัตถบารมี
ขันติบารมี ขันติอุปบารมี ขันติปรมัตถบารมี
สัจจะบารมี สัจจะอุปบารมี สัจจะปรมัตถบารมี
อธิษฐานบารมี อธิษฐานอุปบารมี อธิษฐานปรมัตถบารมี
เมตตาบารมี เมตตาอุปบารมี เมตตาปรมัตถบารมี
อุเบกขาบารมี อุเบกขาอุปบารมี อุเบกขาปรมัตถบารมี

เอาเฉพาะปรมัตถบารมีก็ต้องเข้าใจก่อนว่าการบำเพ็ญบารมีจะเป็นลักษณะแบบใด

ระดับบารมีของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ไม่เหมือนกันแต่ความเป็นพระพุทธเจ้าเหมือนกัน
สำหรับสมเด็จองค์ปฐมบารมีท่านมากกว่า๑๐๐มากๆๆๆๆๆจะล้นเหลือมากๆๆๆ
พระโพธิสัตว์แต่ละพระองค์จะมีแนวทางในการบำเพ็ญบารมีเฉพาะของแต่ละพระองค์ไม่เหมือนกันดังนั้นในการบำเพ็ญบารมีให้ถูกต้องและตรงทางมากที่สุดจึงต้องมีครูหรือพี่เลี้ยงคอยแนะนำ มาถึงตอนนี้หลายท่านอาจสงสัยว่าเอามาจากไหนรู้ได้อย่างไรก็ขอบอกว่าไม่ยาก
๑ ถ้าท่านใดได้ ทิพยจักษุญาณ มโนมยิทธิ ก็พิสูจน์ได้ไม่ยากถามเลย พิสูจน์เลย

ทุกอย่างต้องพิสูจน์ต้องเป็นวิทยาศาสตร์


แบบทดสอบสนุกๆ(ใช้ตาในดู)

๑ พระแก้วมรกตใครเป็นคนสร้าง?
๒ พระพุทธชินราชใครเป็นคนสร้าง?

ต่อคราวหน้านะครับ