เรื่องเด่น อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๕๕ : ปลุกตัวเอง

ในห้อง 'อดีตที่ผ่านพ้น' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 11 กันยายน 2019.

  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,672
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,552
    ค่าพลัง:
    +26,393
    55.jpg
    อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๕๕ : ปลุกตัวเอง

    ตอนเด็กอยู่นั้น ทางบ้านของอาตมาเขามีการปลุกตัวเองในหลายรูปแบบ ไม่ใช่การปลุกให้ตื่นจากหลับนะจ๊ะ หากแต่เป็นการทดสอบเครื่องรางของขลังว่า มีอานุภาพเป็นประการใด และการปลุกอีกแบบหนึ่ง เป็นการกระทำเพื่อดูนรก – สวรรค์...

    การทดสอบอานุภาพของขลังนั้น เขาจะให้คนที่ต้องการทดลองกำของขลังชิ้นนั้นไว้ ภาวนาคาถาอะไรก็ไม่ทราบ เห็นหลับตาเฉยไปครู่หนึ่ง แล้วร่างกายจะค่อย ๆ สั่นแรงขึ้น...แรงขึ้นเรื่อย ๆ จนบางทีกระโดดโครม ๆ เรือนแทบทรุด...!

    บางรายไปสักมาจากอาจารย์ดัง ๆ มีการทดสอบด้วยการปลุกตัวบ่อย ๆ นัยว่าเพื่อเพิ่มความขลังก็เห็นว่าปลุกขึ้นดี แต่เวลามีเรื่องกันเห็นว่าถูกเหยียบหามมาเหมือนกัน ได้ยินว่าถ้าไม่ใช่ครูเผลอหลับ ก็คงเป็นว่าของขึ้นแต่เวลาปกติจนชิน ถึงเวลาฉุกเฉินเกิดถ่านหมด เลยงอมพระรามกลับมา...!

    ส่วนการปลุกตัวเพื่อดูนรก – สวรรค์นั้น เขามักจะทำกันเวลามีคนตาย และทำกันในหมู่คนจีนเป็นส่วนใหญ่ ดูวิธีการคล้ายกับการเข้าทรง พอสั่นได้ที่คราวนี้อยากรู้ว่านรก – สวรรค์เป็นอย่างไร ญาติพี่น้องตายแล้วไปไหนเชิญถามได้เลย...

    บางคนปลุกแรงไปหน่อย เอามือตีอกหรือหน้าขาตัวเองจนช้ำไปหมด มาภายหลังอาตมาเห็นการฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลังของ “หลวงพ่อ” แล้ว เหมือนกับการปลุกตัวแบบนี้เปี๊ยบเลย ของจีนกับไทยทำไมเหมือนกันได้ก็ไม่รู้...?

    วันหนึ่ง... “หลวงพ่อ” รับแขกที่ศาลานวราชบพิตร ท่านได้เล่าเรื่องที่ท่านทดลองคาถาหัวใจปลาไหลเผือก โดยให้เด็กอายุ ๔ – ๕ ขวบภาวนาคาถา พอคาถาขึ้นก็ให้ผู้ใหญ่ช่วยกันจับ ปรากฏว่าผู้ใหญ่ ๕ – ๖ คน จับไม่ติด เด็กมันลื่นเป็นปลาไหลจริง ๆ...

    เอ๊ะ...น่าเล่นนี่ อาตมาจึงกราบขอคาถานี้กับหลวงพ่อ ท่านบอกว่า “ไม่ได้...ลูกข้าหนีเขาก็ขายหน้าหมด มันต้องสู้ถึงจะใช้ได้...! เอาคาถาหัวใจหนุมานดีกว่าลูก ถ้าทำขึ้น ต่อให้มาเป็นร้อยก็สู้เขาได้สบาย...”

    แล้วหลวงพ่อก็เล่าสรรพคุณคาถาหัวใจหนุมานว่า สมัยท่านอยู่ที่บ้านตลิ่งชัน ท่านกับเพื่อนเห็นกับตา หมอแผนโบราณท่านหนึ่งรักษากำนันอิทธิพลแล้ว ค่ารักษาไม่ได้ไม่ว่า แต่ค่าบูชาครูต้องมี เมื่อกำนันไม่ให้ก็ใช้ลูกศิษย์มาทวง...

    เงินบูชาครูไม่กี่สตางค์ แต่คนพาลซะอย่าง นอกจากจะไม่ให้แล้วยังสั่งลูกน้องรุมตีเขาอีก เปรี้ยงเดียวจากคมแฝกไม้จริง ไอ้หนุ่มลูกศิษย์คุณหมอก็ปลิวไปติดรั้ว พอไม้สองซ้ำตูมเข้าให้ ก็ได้เรื่องทันที...!

    ร่างที่ตามปกติต้องม่อยกระรอกแน่นอน กลับหมุนควับกลับมาพร้อมกับซอไม้ไผ่ที่ถอนจากรั้ว ตะลุยเข้ากลางหมู่ศัตรู ตีกระจุยเลย ผลัวะไหนผลัวะนั้นไม่มีพลาด ฝ่ายตรงข้ามตีมาเท่าไรหลบได้หมด ลิงที่ว่าไวยังอาย...!

    “หลวงพ่อ” กับเพื่อนที่เตรียมช่วยก็เลยได้แต่ยืนดู พอนวดลูกน้องกำนันหมอบกระแตดีแล้ว ไอ้หนุ่มก็ทวงค่าบูชาครูใหม่ คราวนี้กำนันรีบให้แฮะ ไม่งั้นร่างที่นอนหาระเบียบไม่ได้บนพื้น คงจะเพิ่มกำนันผู้ยิ่งใหญ่ขึ้นอีกคนแน่ ๆ...!

    พอ “หลวงพ่อ” ตามไปถามดูก็ถึงบางอ้อ ไอ้หนุ่มบอกกับ “หลวงพ่อ” และเพื่อนว่า พ่อหมอทราบอยู่แล้ว ว่าถ้ามาต้องมีเรื่อง เลยให้เขาปลุกคาถาหัวใจหนุมานจนขึ้นดีแล้วค่อยมา พอลูกน้องกำนันรุมตี ผลก็เป็นอย่างที่เห็นนั่นแหละ...

    อีกครั้งหนึ่ง... “หลวงพ่อ” กับเพื่อนได้รับคำสั่ง ให้ไปปราบโจรที่ไหนอาตมาจำไม่ได้แล้ว พอดีฝนตกก็เลยเข้าไปนั่งหลบฝนในร้านกาแฟ ในนั้นมีเจ้าถิ่น ๓ – ๔ คนเมาเหล้าตาขวางอยู่ก่อนแล้ว แต่ “หลวงพ่อ” ไปกันหลายคนเขาก็เลยไม่กล้าเสี่ยง...

    สักครู่ก็มีหนุ่มต่างถิ่นเดินตากฝนมา ขอซื้อเหล้าดื่มแก้หนาวถ้วยหนึ่ง แล้วออกเดินทางต่อ บรรดาเจ้าถิ่นเห็นเหยื่อมาเดี่ยว ได้โอกาสระบายความคลั่งของตน ก็ถือไม้คมแฝกบ้าง ตะพดบ้าง ไล่ตี...

    หนุ่มต่างถิ่นวิ่งหนีแต่ไม่พ้น โดนฟาดตูมเข้าท้ายทอยตะครุบกบแน่นิ่ง อีกรายหวดซ้ำที่กลางหลัง อย่างกับปาฏิหาริย์...ไอ้หนุ่มต่างถิ่นเด้งติดไม้ขึ้นมา หันหน้าจมูกชนกับคนตีแล้วหันหลังเดินไปหน้าตาเฉย...!

    คนตีทรุดฮวบคว่ำกับพื้น เพื่อน ๆ พลิกตัวหงายขึ้นมาแล้วครางฮือ...! เก้ารูจากสะดือถึงคอหอย ไอ้หนุ่มต่างถิ่นชักมีดเหน็บแทงเอาเมื่อไรดูไม่ทัน ตายขาดชนิดไม่ได้ร้องซักแอะ ถ้าตามไปอีกก็คงจะตายหมดแน่ ๆ...!

    “ลักษณะโดนซ้ำแล้วสวนทันที คือลักษณะของคนเล่นคาถาหัวใจหนุมาน ถ้าซ้ำของจะขึ้น คราวนี้ทั้งไวทั้งเหนียวมาเท่าไรก็ไม่เหลือ...” “แล้วถ้าไม่ซ้ำละครับ” “ก็น้ำค้างตกนั่นแหละถึงจะฟื้น” โธ่...แบบนี้ไม่เอาละครับ...

    เกิดทำคาถาขึ้นดี ถูกเพื่อนแกล้งเตะเบา ๆ ก็ไปฟื้นเอากลางดึกแบบนี้ไม่ไหวครับ...เอาคาถาอื่นดีกว่า หลวงพ่อหัวเราะชอบใจ บอกวิธีเล่นสนุกวิธีใหม่ เป็นการปลุกตัวเองแบบทดสอบอานุภาพวัตถุมงคล...

    ให้เอาของกำไว้ในมือ ทำใจสบาย ๆ ว่าคาถา “สุนักขัตตัง สุมังคะลัง” ไปเรื่อย ถ้ากำลังใจได้ที่ของจะขึ้น อาการที่แสดงออกจะทราบได้ทันทีว่าของชิ้นนั้นทำมาด้านไหน จะเป็นมหาอุด คงกระพันชาตรี หรือ เมตตามหานิยมก็ให้สังเกตเอา...

    อาตมาได้คาถาและวิธีการมาแล้วก็ลองทันที เอาพระของ “หลวงพ่อ” ใส่มือ ทำใจสบาย ๆ ว่า สุนักขัตตัง สุมังคะลัง ไปเรื่อยไม่กี่นาทีก็ได้เรื่อง มือมันค่อย ๆ สั่น จากเบาเป็นแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนตีอกตัวเองดังป้าบ ๆ เลย...!

    อยากจะหยุดก็หยุดไม่ได้ พอบังคับให้หยุดมันเหมือนกับมีแรงฝืน ดึงมือเราไปเขย่าจนได้ เหนื่อยแทบขาดใจ พอดิ้นหลุดเอาพระออกก็หยุดสั่น พอจับพระใหม่ก็สั่นทันที จนต้องรีบวาง กลัวจะเหนื่อยตายซะก่อน...!

    พอหายเหนื่อยก็ลองใหม่ คราวนี้ใช้พระสมเด็จวัดระฆัง พอขึ้นปุ๊บมือทั้งสองคล้ายกับมีคนดึง มันค่อย ๆ พุ่งขึ้นฟ้า แทบจะฉุดเอาตัวลอยขึ้นไปทั้งตัว เอ๊ะ...? อานุภาพไปคนละทางกันจริง ๆ...

    ลองกับพระของหลวงปู่บุดดา ปรากฏว่ามือทั้งสองข้างค่อย ๆ แกว่งไปทางซ้าย – ขวา อย่างช้า ๆ ดูนิ่มนวลมาก ถ้าจีบมือซะหน่อยคงเป็นท่ารำไทยไปเลย แสดงออกถึงความเมตตาที่ชุ่มเย็นอย่างชัดเจน...

    พอทำขึ้นคราวนี้จับองค์ไหนก็ขึ้นหมด ถึงขนาดแค่นอนนึกก็ดิ้นโครม ๆ ซะแล้ว ใจหนึ่งอยากลองภาวนาคาถาหัวใจหนุมาน อีกใจก็ค้านว่าอย่าดีกว่า ไปนอนให้เขาหามมันไม่เข้าท่าแน่ และที่ไม่ลืมเด็ดขาดคือ จะไม่เผลอเอาธงมหาพิชัยสงครามมาปลุกเด็ดขาด กลัวว่าจะตายก่อนอายุขัย...!

    นอนสั่นอยู่หลายวันจึงเข้าใจ ว่าอารมณ์ตอนนั้นเป็นแค่อุปจารฌานเท่านั้น ถ้าเรากำหนดจิตให้สูงกว่านั้น อาการสั่นก็จะหายไปเอง เฮ้อ...กว่าจะเข้าใจก็นอนดิ้นซะตึกแทบพัง เหนื่อยจะตายชัก...!

    ๗ พฤษภาคม ๒๕๓๓
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    ภาพประกอบโดย สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
     

แชร์หน้านี้

Loading...