เปิดวัดสวดซาก"กวาง"-เหมือนศพคน

[FONT=Tahoma,]เปิดวัดสวดซาก"กวาง"-เหมือนศพคน

วิ่งหนีตาย ซุกใต้เมรุ ชาวบ้านชี้ มาให้โชค ก่อนสิ้นใจ



<table align="left" border="0" cellpadding="1" cellspacing="5" width="20%"><tbody><tr bgcolor="#400040"><td>
สวดศพกวาง - ชาวบ้านจัดงานศพเหมือนคนให้กวางเพศผู้ ซึ่งถูกยิงบาดเจ็บมาตายข้างเมรุวัดบ้านหนองจันดุม ต.หนองโสน อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เพราะเชื่อว่าเป็นกวางนำโชคลาภมาสู่หมู่บ้าน เมื่อวันที่ 10 ม.ค.

</td></tr></tbody></table>ชาวบ้านนับร้อยจัดพิธีศพให้ ซากกวางหลง ที่เข้ามาหลบอยู่ใต้ฐานเมรุวัดบ้านหนองจันดุม นางรอง บุรีรัมย์ ก่อนจะตายอย่างสงบเช้าตรู่ พระลูกวัดเผยกำลังทำความสะอาดรอบวัด และเตรียมจุดไฟเผาหญ้า ได้ยินเสียงจากใต้ฐานเมรุ แต่ไม่รู้ว่าเป็นตัวอะไร จึงไปเรียกชาวบ้านที่มาขึ้นเสาเอกศาลาการเปรียญมาดู พบกวางวิ่งหนีเตลิดออกมาจึงช่วยกันจับ แล้วนำมาเลี้ยงไว้ที่วัด ก่อนตาย เชื่อเป็นเรื่องประหลาดเพราะเข้ามาในช่วงที่วัดกำลังสร้างศาลาการเปรียญ หอระฆัง กุฏิพระ ฯลฯ จึงตกลงจัดสวดพระอภิธรรมให้ 3 คืน ก่อนจะฝังไว้ที่วัด คาดเป็นกวางเลี้ยงที่หลุดมา เพราะบริเวณนั้นไม่มีป่า

เมื่อวันที่ 10 ม.ค. ผู้สื่อข่าว จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งจากนายเกรียงศักดิ์ แผ้วพลสง นายกอบต.หนองโสน อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ว่า มีกวางพลัดหลงเข้ามาหลบอยู่ใต้ฐานเมรุเผาศพวัดบ้านหนองจันดุม หมู่ 2 ต.หนองโสน อ.นางรอง เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา และตายแล้ว โดยพระกับชาวบ้านได้จัดพิธีศพเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับกวางตัวดังกล่าวด้วย เนื่องจากชาวบ้านเชื่อว่ากวางตัวดังกล่าว จะนำโชคลาภมาให้กับวัดและหมู่บ้าน เนื่องจากวัดบ้านหนองจันดุม กำลังก่อสร้างศาลาการเปรียญ หอระฆัง และกุฏิพระ จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบ

เมื่อไปถึงวัดบ้านหนองจันดุม พบชาวบ้านกว่าร้อยคนช่วยกันจัดประกอบพิธีงานศพให้กับกวางตัวดังกล่าวที่ บริเวณคอกกวาง ซึ่งตั้งอยู่ในวัด โดยจะสวดพระอภิธรรมเป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 10-12 ม.ค. จากนั้นจะฝังซากของกวางไว้ข้างเมรุของวัดเพื่อเป็นอนุสรณ์ต่อไป

พระ ณรงค์ ยโสธโร อายุ 47 ปี พระลูกวัดบ้านหนองจันดุม ผู้ที่พบเห็นกวางตัวดังกล่าว เปิดเผยว่า ช่วงเช้าของวันที่ 9 ม.ค. หลังฉันภัตตาหารเช้าเสร็จ จึงทำความสะอาดบริเวณรอบวัด จากนั้นจึงมาเผาหญ้าที่ขึ้นอยู่รอบเมรุ ขณะที่กำลังเดินอ้อมมาข้างหลังเมรุ เพื่อจะจุดไฟเผาหญ้าอีกกองหนึ่ง ได้ยินเสียงดังกุกกักอยู่ใต้ฐานเมรุเผาศพ จึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ พบเป็นเงาตะคุ่มๆ และโผล่หัวออกมา ซึ่งมีหน้าตาคล้ายกับสุนัขและวัว แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นตัวอะไร ด้วยความตกใจจึงรีบวิ่งไปบอกญาติโยม ที่กำลังประกอบพิธีขึ้นเสาเอกศาลาการเปรียญให้มาช่วยดู ระหว่างนั้นจึงวิ่งออกจากใต้ฐานเมรุเผาศพ ชาวบ้านจึงช่วยกันจับไว้ จึงทราบว่าเป็น กวาง ก่อนจะนำขึ้นรถอีแต๊ก ทะเบียน ฆข 484 บุรีรัมย์ เพื่อนำกลับวัดและได้สร้างคอกเลี้ยงไว้ เพื่อรอให้เจ้าของหรือเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเดินทางมาตรวจสอบ

พระ ณรงค์ กล่าวต่อว่า กวางตัวดังกล่าวเป็นกวางเพศผู้ น้ำหนักตัวประมาณ 100 ก.ก. มีสภาพอิดโรย มีบาดแผลถลอก คล้ายถูกยิงด้วยปืนแก๊ป เข้าตามลำตัวหลายแห่ง กระทั่งเวลาประมาณ 04.00 น. วันที่ 9 ม.ค. กวางตัวดังกล่าวก็ตายอย่างสงบ ชาวบ้านจึงประชุมตกลงกันว่า ควรจะจัดงานศพให้กวางตัวนี้ เนื่องจากชาวบ้านเชื่อว่าน่าจะนำโชคลาภมาให้ เพราะกวางเข้ามาขณะที่กำลังมีการประกอบพิธียกเสาเอก สร้างศาลาการเปรียญวัด

ด้าน นายเผือ ใจดี อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20 หมู่ 2 บ้านจันดุม ต.หนองโสน อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 กล่าวว่า นับเป็นเรื่องแปลกประ หลาดอย่างยิ่ง ที่มีกวางหลุดเข้ามาอยู่ในวัดและเข้ามาในช่วงที่กำลังมีการก่อสร้างศาลาการ เปรียญ และหอระฆัง กับกุฏิพระ ซึ่งตนมองว่าในพื้นที่หมู่บ้านจันดุมแห่งนี้ และหมู่บ้านใกล้เคียง ไม่ได้มีป่าสงวนแห่งชาติหรือป่าสาธารณประโยชน์ตั้งอยู่ พอที่จะมีกวางหลุดเข้ามาได้ เพราะตั้งแต่เกิดมาจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่เคยพบเห็นว่ามีสัตว์ป่าอย่างกวาง หรือสัตว์ป่าประเภทอื่นหลุดเข้ามาในพื้นที่แต่อย่างใด จึงถือเป็นเรื่องประหลาดใจอย่างยิ่ง โดยตอนแรกจะมีการเลี้ยงเอาไว้ แต่กวางมาตายเสียก่อน จึงประชุมตกลงกันกับชาวบ้านว่าจะทำอย่างไรดีกับกวาง หากจะแล่เนื้อมาแบ่งกันกินชาวบ้านคิดว่าไม่ดี เพราะชาวบ้านเชื่อว่าน่าจะเป็นสัตว์นำโชค ที่จะมาช่วยวัดหางบประมาณมาก่อ สร้างให้แล้วเสร็จ และอีกอย่างถือว่ากวางตัวนี้ หนีร้อนมาพึ่งเย็นจึงไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง จึงตกลงกันว่าจะจัดงานศพให้ โดยตั้งบำเพ็ญกุศลไว้ 3 วันคือตั้งแต่วันที่ 10-12 ม.ค. ก่อนจะฝังไว้ที่ข้างเมรุเผาศพของทางวัด ซึ่งเป็นสถานที่พบกวางตัวดังกล่าวครั้งแรก

ด้านนายเกรียงศักดิ์ แผ้วพลสง นายกอบต.หนองโสน กล่าวว่า กวางตัวนี้ไม่น่าจะเป็นกวางป่า เพราะพื้นที่โดยรอบต.หนองโสน ไม่มีที่ตั้งของป่าสงวนแห่งชาติหรือป่าที่พอจะเป็นแหล่งที่มีสัตว์ป่าอาศัย อยู่ และเชื่อว่ากวางตัวดังกล่าวน่าจะเป็นกวางที่มีคนเลี้ยงเอาไว้ เนื่องจากเขากวางมีรอยตัด และที่ใบหูของกวางมีรอยคล้ายกับรอยขริบหูของวัวกับควาย

[/FONT]

http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdPREV4TURFMU5BPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1TMHdNUzB4TVE9PQ