คนเราเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ก็เกิดการสับสน วุ่นวาย จนต้องเป็นทุกข์ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นจนเกินเหตุ เลยไม่เป็นอันกินอันนอน แม้จะยืน เดิน นั่ง หรือจะอยู่ในอิริยาบทใด ๆ ก็มีแต่ความร้อนรุ่ม คอยแต่วิตกกังวล จนทำอะไรไม่ถูก มองปัญหาไม่เห็น แก้ไขปัญหาไม่ได้ เมื่อไม่รู้จะแก้ไขปัญหาอย่างไร ก็เอาแต่ไปบนบานศาลเจ้า เข้าหาคนเข้าทรง หมอดู หรือดื่มเหล้า เที่ยวเตร่ สรวลเสเฮฮากับเพื่อนฝูง จนกลายเป็นสะสมปัญหาพอกพูนความทุกข์ไปมากกว่าเก่า จึงเป็นการยากที่จะแก้ไขปัญหาหรือความทุกข์ใจให้หมดลงได้ ส่วนคนที่เคยฝึกคิดอย่างมีสาระ ย่อมมีมุมมองการคิดที่ดี มีความฉลาด มีความกล้าหาญ ที่จะเผชิญหน้ากับความทุกข์ที่เกิดขึ้นด้วยดวงใจที่สงบเย็น มีสติอันสุขุมในการคิดที่จะไม่ให้เกิดความทุกข์ขึ้นแก่ตน และยังคงคอยเฝ้าต้อนรับกับความทุกข์ต่าง ๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตอย่างไม่สะทกสะท้าน เหมือนดังต้นไม้นานาพันธุ์ ที่เฝ้ารอการมาเยือนของฤดูกาลอย่างสงบนิ่ง ปรับมุมคิดเสียใหม่ การฝึกปรับมุมของชีวิตเสียใหม่ เราจะพบแต่ความสุขโดยส่วนเดียว แม้จะยังดำเนินชีวิตอยู่ในโลกอันร้อนระอุ ที่เต็มไปด้วยความทุกข์นานัปการ การปรับมุมมองหมายถึง การฝึกคิดต่อทุก ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตให้เป็นสาระ คือคิดให้เป็นคิดให้ถูกต้อง เอื้อเฟื้อประโยชน์ให้กับชีวิตได้เข้าสู่แก่นแท้ของชีวิตอย่างไม่มีความทุกข์ ธรรมดาของมุมมองของชีวิตคนทั่งไป จะมีมุมมองที่ชอบคิดไปในลักษณะของการได้หรือสูญเสียในผลประโยชน์เพียงอย่างเดียว ทั้งเพื่อตนและคนใกล้ชิดไม่เคยคิดไปในลักษณะที่เหนือกว่า อันจะเป็นประโยชน์ให้กับชีวิต ชีวิตเลยต้องวิ่งขึ้นถอยลงไปกับเรื่องได้มาหรือสูญเสียอยู่เสมอ โดยที่ไม่รู้ว่ามันสร้างความทุกข์ทรมานให้แก่เรา แม้จะรู้เป็นนัย ๆ อยู่บ้าง แต่ก็ไม่สามารถดีดเรา ตนเองออกมาเสียจากสิ่งทั้งสองได้ เพราะความเคยชินต่อแนวคิดเดิม ๆ นั้นมีพลังมากกว่า ซึ่งได้ลงรากฝังแน่นอยู่ในใจมาช้านาน...แต่ไม่เหลือวิสัย ที่จะเพียรพยายามฝึกคิด ฝึกมองแต่ในแง่ที่ดีมีประโยชน์...
ตั้งสติก่อนคิดหรือทำอะไร พิจารณาให้ก่อนจะได้ไม่ต้องมาทุกข์หรือเสียใจทีหลัง การแก้ปัญหาก็ควรใช้สติ พิจารณา ค่อยๆคิด ค่อยๆแก้