เราแห่นาคเพื่ออะไร ?

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 27 มีนาคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,390
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,529
    ค่าพลัง:
    +26,368
    5CED515B-8579-46C1-999D-C1A43524F331.jpeg

    สำหรับวันนี้กระผม/อาตมภาพต้องเดินทางไปเป็นพระอุปัชฌาย์ ทำการอุปสมบทพระที่วัดวังปะโท่ หมู่ที่ ๘ บ้านรวมใจ ตำบลห้วยเขย่ง อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ไปถึงตั้งแต่ประมาณ ๘ โมงเช้า แต่ว่าต้องรออยู่จนกระทั่ง ๙ กว่าโมง ถึงจะได้ทำหน้าที่พระอุปัชฌาย์ ให้การอุปสมบทแก่กุลบุตรนั้น ๆ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า มีการแห่นาคกันสนุกสนาน ไม่รู้จักแล้วจักเลิก ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมการแห่นาคในปัจจุบันนี้ถึงได้วิปริตผิดเพี้ยนไปขนาดนั้น..!?

    ในสมัยโบราณนั้น การแห่นาคมุ่งหวังให้บุคคลที่รู้เห็น ได้มีโอกาสอนุโมทนาในบุญกุศล ที่ทางเจ้าภาพได้บวชลูกหลานของตน แต่ว่าในปัจจุบันนี้ เอาความสนุกสนานเข้าว่าเพียงอย่างเดียว หลายที่ก็มีการกินเหล้ากินเบียร์ เต้นกันสนุกสนานไม่ยอมเลิก เมื่อเมาขึ้นมาแล้ว บางทีแห่รอบโบสถ์ ๓ รอบแล้วยังไม่เป็นที่พอใจ ก็มีการเพิ่มขึ้นเป็น ๙ รอบ เป็นต้น เราจะเห็นได้ว่าเรื่องของประเพณีนั้น บางทีก็วิปริตผิดเพี้ยนไปตามความเกรงใจของผู้คน เพราะว่าในเมื่อแขกเหรื่อต้องการแบบนั้น เจ้าภาพก็ต้องสนองความต้องการเขาไป

    อีกประการหนึ่งก็คือกระทำตาม ๆ กันไป โดยที่ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นคืออะไร อย่างเช่นว่าการบวชนาคในวันนี้ ก็มีการโปรยทานเป็นระยะ ๆ ตลอดทาง ตั้งแต่บ้านมาจนวนรอบโบสถ์ นั่นคือการปฏิบัติในหลักการให้ทานในพระพุทธศาสนา

    เมื่อเข้ามาในโบสถ์แล้ว ก่อนที่จะทำพิธีอุปสมบทตามขั้นตอน ก็มีการขอรับศีลเสียก่อน นั่นคือการปฏิบัติในศีลของพระพุทธศาสนา

    ก็เหลือแต่ขั้นตอนภาวนาเท่านั้น ซึ่งบางท่านที่รู้ดีรู้ชอบ ถึงเวลาวนรอบโบสถ์ก็ตั้งใจภาวนา ส่วนใหญ่ก็ใช้บทสรรเสริญพระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ถ้าหากว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลย เอาแต่สนุกสนานเฮฮาตามเขา อย่างน้อยพระอุปัชฌาย์ก็จะให้ตจปัญจกกรรมฐาน คือกรรมฐาน ๕ อย่าง มีหนังเป็นที่สุด เพื่อให้เจ้านาคเมื่ออุปสมบทไปแล้ว จะได้ใช้ในการภาวนา เพื่อระงับความฟุ้งซ่านในใจของตนเอง

    ถ้าหากว่าภาวนาโดยอนุโลม คือ เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ แล้วไม่สามารถที่จะทำให้ใจสงบได้ ท่านก็ยังให้ภาวนาย้อนหลัง ที่เรียกว่าปฏิโลม ก็คือ ตโจ ทันตา นขา โลมา เกสา เมื่อต้องย้อนหลัง จำได้ยากขึ้น ก็ทำให้ต้องใช้สติระมัดระวังมากขึ้น อาจจะทำให้ใจสงบได้เร็วกว่าการภาวนาตามปกติ

    เมื่อใจสงบแล้ว เรามาพิจารณาว่า ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ทั้ง ๕ อย่างนั้น เป็นสิ่งที่สกปรกได้ง่ายที่สุดในร่างกายของเรา ถ้าไม่ชำระสะสางแม้เพียงวันสองวัน บางทีตัวเราเองก็ยังทนไม่ได้ เมื่อเห็นชัดเจน จิตจะได้เบื่อหน่าย คลายกำหนัด ไม่ฟุ้งซ่านไปด้านกามารมณ์ ทำให้ผู้บวชสามารถอยู่สุขอยู่เย็น จนกระทั่งสึกหาลาเพศไปตามระยะเวลาที่ตั้งใจเอาไว้

    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๖

    https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=9363

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน #watthakhanun
    #ig: wat.thakhanun
    #tiktok: @watthakhanun
    #ชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม
    #พระครูวิลาศกาญจนธรรมดร #พระครูวิลาศกาญจนธรรม #พระอาจารย์เล็ก #หลวงพ่อเล็ก
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...