เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 24 กรกฎาคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,529
    ค่าพลัง:
    +26,367
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,529
    ค่าพลัง:
    +26,367
    วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพกำลังอยู่ในอาการ "แบตฯ หมด" เพราะว่าวันนี้วิ่งไปทำภารกิจหลายที่ แห่งแรกเลยก็ต้องไปงานทำบุญอายุวัฒนมงคล ๖๕ ปี พระครูปิยกาญจนธรรม (นเรศ ปิยธมฺโม) หรือที่เรียกชื่อเดิมกันว่า หลวงพ่อโนรี เจ้าอาวาสวัดหนองหญ้าปล้อง รองเจ้าคณะอำเภอด่านมะขามเตี้ย หลวงพ่อโนรีอายุมากกว่ากระผม/อาตมภาพ ๑ ปี แต่พรรษาน้อยกว่า ๑ พรรษา ก็คือท่านบวชทีหลังหนึ่งปี

    ออกจากตรงนั้นก็วิ่งไปทำภารกิจส่วนตัวให้กับพระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ ซึ่งต้องไปติดต่อกับธนาคารกสิกรไทยให้ท่าน แต่..เจ้ากรรมเถอะ..เดินเข้าธนาคารไป เจ้าหน้าที่ก็ถามว่า "หลวงพ่อเล็กใช่ไหมคะ ?" แล้วตอนนี้ตูจะไปไหนได้วะ..!

    ระยะนี้เรื่องของการเดินทางแวะที่ไหนไม่ได้เลย แวะเมื่อไรต้องมีคนรู้จัก อย่างที่เคยเล่าให้ฟังก็คือ เข้าห้องน้ำในสถานีบริการน้ำมัน เดินไปยังไม่ทันจะถึงห้องน้ำ ก็มีคนวิ่งมากราบ ดีอกดีใจ บอกว่าไปหาที่วัดมา ๗ - ๘ ครั้งแล้วไม่เจอ มาเจอกันที่หน้าห้องน้ำนี่เอง เขานั้นดีใจมาก แต่กระผม/อาตมภาพออกอาการน้ำตาจิไหล..! เพราะปวดฉี่จะเล็ดอยู่แล้ว แต่ต้องคุยกับเขาก่อน..!

    เมื่อทำธุระให้กับหลวงพ่อเจ้าคณะภาค ๑๔ เสร็จ ฉันเพลแล้วก็ต้องวิ่งไปวัดพุตะเคียน ไปเป็นเจ้าของบ้านแทนหลวงพ่อต๋อง (พระครูสุทธิสารโสภิต) เจ้าอาวาสวัดพุตะเคียน รองเจ้าคณะอำเภอไทรโยค เพราะว่าท่านก็ไปกิจนิมนต์เหมือนกัน แต่ว่าทางด้านสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี ไปจัดงานประเมินชุมชน องค์กร อำเภอ และจังหวัดคุณธรรมที่นั่น หลวงพ่อต๋องโทรมาหากระผม/อาตมภาพ บอกว่า "ผมฝากความหวังไว้ที่หลวงพ่อเล็กเลยนะ" เป็นเสียอย่างนั้น..! ก็คือเจ้าตัวก็ไปกิจนิมนต์เหมือนกัน งานเดียวกันด้วย แต่ท่านมั่นใจว่าท่านออกมาไม่ทันอย่างแน่นอน

    เพราะว่าหลวงพ่อโนรีกับกระผม/อาตมภาพ สนิทสนมกันมา ไม่ถึง ๓๐ ปีก็ใกล้เคียง สามารถที่จะแจ้งท่านว่ามีภารกิจที่อื่น แล้วไปต่อได้เลย แต่ของหลวงพ่อต๋องกับหลวงพ่อโนรี ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นรองเจ้าคณะอำเภอไล่ ๆ กัน เพิ่งจะเจอหน้าเจอตากันในงานต่าง ๆ ไม่กี่ครั้ง ความสนิทสนมยังไม่เพียงพอ ที่จะหนีงานเขาต่อหน้าต่อตาได้ ก็เลยลำบากหน่อย

    ในเมื่อโดนเข้าไปหลายงาน กระผม/อาตมภาพจึงเกิดอาการ "แบตฯ หมด" คนอื่นส่วนใหญ่แล้วเขาลืมไปว่ากระผม/อาตมภาพอายุย่าง ๖๕ ปีแล้ว มีอะไรก็ขอให้ช่วย ใช้งานอย่างเดียว คนแก่นี่ถึงเวลากำลังไม่พอ ก็จะนั่งหลับเอา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กรกฎาคม 2023
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,529
    ค่าพลัง:
    +26,367
    คราวนี้กลับมาอย่างแรกเลยก็ต้องเข้าไปตรวจการณ์ในเว็บวัดท่าขนุน ปรากฏว่าเหรียญหลวงปู่อยู่ (พระครูรัตนาภิรมย์) วัดบ้านแพน พระอุปัชฌาย์ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง หมดเกลี้ยงไปแล้ว ประมาณว่าหมดไปตั้งแต่หน้าที่ ๓ แล้ว แต่คนยังจองไปยันหน้าที่ ๖..!

    ในเมื่อต้องการกันมาก เดี๋ยวคงต้องหาอย่างอื่นไปลงแทน ตอนนี้ของครูบาอาจารย์ ก็น่าจะเหลือแต่เหรียญของหลวงปู่สาย วัดท่าขนุนนี่แหละ แต่ก็เหลืออยู่ไม่เท่าไร แล้วก็ไม่ใช่ของเดิมที่กระผม/อาตมภาพได้มาด้วย เป็นของแม่ชีชื่น (อุบาสิกาชื่น ศรีสองแคว) ถวายมา เป็นเหรียญที่พวกเราเรียกกันแบบรู้กันในวงในว่า "เหรียญรอดตายจากควายขวิด" เพราะว่าลูกศิษย์หลวงปู่แขวนเหรียญ แล้วไปโดนควายเปลี่ยวขวิดเอา ล้มกลิ้งล้มหงาย แต่ไม่มีบาดแผลอะไรเลย..!

    ในเรื่องวัตถุมงคลของหลวงปู่สาย ต้องหลุดไปที่อื่นเราถึงจะมีสิทธิ์ที่จะหาได้ ถ้าอยู่ในทองผาภูมินี่ไม่ต้องเลย ลูกศิษย์หลวงปู่แต่ละคนเลี่ยมทองแขวนขึ้นคอกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเหรียญรุ่นแรกหรือว่ารุ่นสุดท้าย แล้วสิ่งที่ชาวบ้านเขาอยากได้ที่สุด ไม่ใช่เหรียญรุ่นแรกของหลวงปู่สาย เขาอยากได้ธงมหาระงับ โดยเฉพาะช่วงนี้ฝนฟ้าตก ถึงเวลาจะจัดงานสำคัญอะไร ก็เอาธงมหาระงับของหลวงปู่ท่านไปปักไว้

    กระผม/อาตมภาพเคยบ่นโรงงานไผ่สมจิตร ที่เขาจัดงานบวชลูกชาย ตั้งโต๊ะจีนเย้ยฟ้าท้าดิน ทั้ง ๆ ที่เป็นหน้าฝน ถามว่า "ไม่กลัวฝนหรือ ?" เขาชี้ให้ดู "ธงหลวงปู่ปักอยู่โน่น..!" เรื่องของธงมหาระงับนี่ต้องบอกว่าฝืนธรรมชาติไปหน่อย กระผม/อาตมภาพออกแบบเสร็จแล้ว แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำ ต้องรอจังหวะมาหลายปีแล้วว่าเมื่อไรจะได้สักที

    ต้นตำรับธงมหาระงับก็คือหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม หลวงพ่อคงมีลูกศิษย์ก็คือหลวงพ่อแช่ม กับ หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี แล้วหลวงปู่สายไปเรียนมาจากหลวงปู่เนื่องอีกที

    ถ้าถามว่าธงมหาระงับดีขนาดไหน ? ก็ต้องไปหาประวัติดู หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อมถึงขนาดต้องเอาไปทิ้งทะเล เพราะว่าลูกศิษย์พอได้ไป แล้วก็ไปเป็นโจรปล้นชาวบ้านเขา ถึงเวลาตำรวจไล่มา หนีไม่ทันก็เอาธงปักพื้น แล้วก็ยิงสู้ตำรวจ ตำรวจมีปัญญาก็ยิงไปเถอะ ไม่รู้ว่ากระสุนหายไปทางไหนหมด แต่โจรยิ่งมานี่..ตำรวจทั้งเจ็บทั้งตาย..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,529
    ค่าพลัง:
    +26,367
    โดยเฉพาะตอนช่วงพระราชทานเพลิงศพหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม เป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ เครื่องบินญี่ปุ่นบินทิ้งระเบิดอยู่ทุกวัน ตรงไหนสว่างตรงนั้นโดน เพราะเขาต้องการจะตัดสาธารณูปโภค โดยเฉพาะพวกน้ำ พวกไฟ หรือไม่ก็การขนส่ง ปรากฏว่าลูกศิษย์จัดงานศพถวายหลวงพ่อคงแบบเย้ยฟ้าท้าดิน ไฟมีกี่ดวงเปิดหมด แต่บนยอดเมรุปักธงมหาระงับหลวงพ่อคงเอาไว้..!

    หลวงพ่อคงท่านทำทั้งธงมหาระงับและตะกรุดมหาระงับ ตอนหลังหลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราชก็ทำตะกรุดมหาระงับเหมือนกัน อย่างที่กระผม/อาตมภาพเอาดอกพิเศษมาไว้ในศาลา ๑๐๐ ปีหลังนี้ ดอกนี้ไม่มากไม่มาย ความยาวน่าจะ ๓๐ นิ้ว..! มียาวกว่านี้อีกนะ เขาเรียกมหาระงับพิสดาร เพราะว่าหลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช ท่านลงความรู้ของท่านไว้หมดเลย แต่หลัก ๆ เลยก็คือมหาระงับ

    โดยปกติที่ท่านทำก็คือ ๘ นิ้ว เกิน ๘ นิ้วขึ้นไปส่วนใหญ่ทำให้ลูกศิษย์ที่อุปถัมภ์อุปัฏฐากวัดอยู่ ท่านทำให้เป็นของประจำตระกูล แต่พอมาถึงรุ่นหลัง ๆ ลูกหลานไม่ค่อยรู้คุณค่า อยากได้เงินก็เอามาจำหน่าย พวกเราเห็นที่ไหนโดดคว้าไว้เลยนะครับ ไม่ใช่ของที่หาง่าย ตอนนี้กระผม/อาตมภาพตามอยู่ดอกหนึ่ง ยาว ๔๐ นิ้ว หรือ ๓๙ นิ้วก็ไม่รู้ ? จีบมาหลายรอบแล้วยังไม่ติด เขาจะเอาราคาสูงเกินไป เราก็ต้องรอไปจนกว่าเขาจะร้อนเงิน..!

    เรื่องของพวกบรรดานักเล่นวัตถุมงคลนั้นใจร้อนไม่ได้ บางรายเขารู้ว่ากระผม/อาตมภาพมีอะไร เขาเทียวกันมา ๘ รอบ ๑๐ รอบ ประเภทเขาไม่ได้อะไร มาถึงก็เอาข้าวเอาของมาฝาก ขอส่องดูให้ชื่นใจหน่อยแล้วก็กลับบ้านได้ เขามาส่องอยู่บ่อย ๆ ท้ายสุดเขาก็ตื๊อจนเราใจอ่อนจนได้

    คราวนี้เมื่อมาถึงยุคหลวงปู่สาย สิ่งที่ท่านทำมีแต่คนใกล้ที่ได้เห็นอานุภาพชัด..ก็เลยหวง ถ้าถามว่าหวงขนาดไหน ? ก็ขนาดหลวงพ่อเจ้าคุณทอมสันต์ - พระโสภณกาญจนาภรณ์ รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี เอาเหรียญรุ่น ๑ หลวงปู่สายไปชุบสามกษัตริย์ เลี่ยมทองอย่างดี ติดตัวไว้ เพิ่งจะยอมปลดถวายกระผม/อาตมภาพมาตอนที่ฉลองอายุ ๖๐ ปี บอกว่า "ไม่มีอะไรจะให้อาจารย์เล็ก อาจารย์เล็กช่วยงานผมบ่อย ๆ จึงถวายของรักของตัวเองมา"

    อยู่วัดใต้ท่านน่าจะแขวนเหรียญหลวงปู่เปลี่ยน แต่กลับแขวนเหรียญหลวงปู่สาย เพราะว่าท่านมาเป็นเจ้าคณะอำเภอที่นี่ สองหรือสามปีก็ไม่รู้ ตอนช่วงที่หลวงปู่สายหนีเข้าป่าไป ทางด้านในเมืองก็ผลัดเปลี่ยนกันมาเป็นเจ้าคณะอำเภอ หลวงพ่อเจ้าคุณทองดำ - พระราชวิสุทธาภรณ์ก็ขึ้นมาเป็นอยู่ช่วงหนึ่งเช่นกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กรกฎาคม 2023
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,529
    ค่าพลัง:
    +26,367
    แต่ว่าส่วนใหญ่พระในเมืองมาแล้วอยู่ไม่ได้ เพราะว่าช่วงนั้นมาลาเรียดุมาก อย่างที่พวกท่านทั้งหลายเป็น ๆ กันอยู่ทุกวันนี้ ต้องบอกว่าห่างมาก ยุคนั้นนี่ยุงกัดเมื่อไรเป็นมาลาเรียเมื่อนั้น พระในเมืองท่านสู้มาลาเรียไม่ไหวก็เลยหนีหมด ตอนหลังชาวบ้านไปรับหลวงปู่สายกลับมา ท่านต้องกลับมาเป็นเจ้าคณะอำเภอใหม่ ฉะนั้น..ถ้าหากว่าค้นเจอเหรียญท่าน จะเอามาลงให้ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเหลือกี่เหรียญ เพราะว่าเคยเอามาลงในเว็บไปทีหนึ่งแล้ว

    ของครูบาอาจารย์ส่วนใหญ่แล้วเราไม่ค่อยรู้คุณค่า กระผม/อาตมภาพเองเก็บของครูบาอาจารย์ไว้องค์ละ ๑ ชิ้น เอาไว้เป็นที่ระลึกถึงครูบาอาจารย์ อย่างน้อยท่านก็เคยสั่งเคยสอนมา เคยให้คำแนะนำมา
    กระผม/อาตมภาพจะมีถุงเล็กอยู่ใบหนึ่ง ถึงเวลาก็เลี่ยมพลาสติกเสร็จสรรพเรียบร้อย ใส่รวมกันไว้ ก็เป็น ๑๐ รูปเหมือนกัน ครูบาอาจารย์ที่เคยขอความรู้ท่านมา

    แต่ว่าครูบาอาจารย์บางท่านก็ต้องรอแล้วรออีก อย่างหลวงปู่ดู่ วัดสะแก เพราะว่าพระท่านรุ่นหลัง ๆ ที่เป็นผงจักรพรรดิแตกหักง่ายมาก กระผม/อาตมภาพจึงต้องหารุ่นเก่า ๆ ที่ท่านโขลกผงแล้วก็ผสมน้ำมันยาง พวกนั้นจะแข็งแรงหน่อย หรือไม่ก็หาตะกรุดมหาจักรพรรดิตราธิราชไปเลย

    ตะกรุดหลวงปู่ดู่นี่หายาก เพราะว่าท่านใช้ไม้ไผ่ตันมา แล้วก็ค่อย ๆ เอามีดลนไฟ ขีดทีละเส้น ประณีตสุด ๆ บางอันท่านก็ใช้เหล็กเส้นลนไฟแล้วก็เจาะรู คุณลองนึกเอาก็แล้วกันว่าลนไฟทีหนึ่ง เจาะได้ไม่ถึงครึ่งมิลลิเมตรกระมัง ? แล้วตะกรุดยาว ๔ นิ้ว ๖ นิ้ว ถ้าเจาะตลอด ต้องใช้เวลาเท่าไร ? พูดง่าย ๆ ว่าถ้าไม่ใช่ฝึกหัดเพื่อรักษากำลังใจของตนเอง ไม่มีใครเขาเสียเวลาไปทำหรอก

    เพราะว่าในเรื่องของวัตถุมงคลต่าง ๆ เป็นอุปเท่ห์อย่างหนึ่งที่ครูบาอาจารย์สอนให้พวกเราภาวนา สอนให้พวกเราใช้สมาธิ ก็คือหางานทำ ลบผง เขียนยันต์ นับลูกประคำอะไรเหล่านั้น บางทีก็เคี้ยวหมาก เคี้ยวไปก็ภาวนาไป คายออกมาก็ลองยิงได้เลย ดูว่าเหนียวจริงหรือเปล่า ?!

    คนที่เข้าไม่ถึงก็โวยวายว่าเล่นไสยศาสตร์ หารู้ไม่ว่าท่านกำลังทำกรรมฐานแบบสุด ๆ โดยเฉพาะพวกผงวิเศษ ๕ ประการ ไม่ได้สมาบัติ ๘ อย่าเสียเวลาไปเขียน ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก ไปขอคนอื่นที่ท่านทำดีกว่า ขนาดหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ยังขอคนอื่นเลย ท่านบอกเลยว่า "ไม่ชำนาญด้านนี้"

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม , ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันจันทร์ที่ ๒๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...