เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 8 มีนาคม 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,582
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,543
    ค่าพลัง:
    +26,383
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,582
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,543
    ค่าพลัง:
    +26,383
    วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๘ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ มีหลายเรื่องที่สมควรพูดถึง แต่ในเวลาโดยประมาณที่เหลือ ได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น

    เรื่องแรกก็คือ พระครูพนมปรีชากร, ดร. หรือ พระครูไก่ เลขานุการเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรวิหาร และผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรวิหาร ถูกหวย ๑๘ ล้านบาท แล้วท่านก็แจกจ่ายทำบุญจนหมด ซึ่งตรงส่วนนี้แล้ว คนส่วนใหญ่ก็อนุโมทนาด้วย แต่ว่าความจริงแล้วก็คือ ท่านทำผิดคำสั่งของสังฆมนตรี..!

    สังฆมนตรีในสมัยนั้นมีอำนาจมากกว่าสมเด็จพระสังฆราช เพราะว่าพระราชบัญญัติสงฆ์ปีพุทธศักราช ๒๔๘๔ กำหนดให้สมเด็จพระสังฆราชเปรียบเสมือนกับองค์พระบิดาของคณะสงฆ์ไทย เป็นตำแหน่งลอยอยู่เฉย ๆ ไม่ได้มีอำนาจอะไร แล้วแบ่งการปกครองคณะสงฆ์ออกเป็น ๓ ส่วนก็คือสังฆสภา มีหน้าที่ออกกฎระเบียบต่าง ๆ สังฆมนตรี มีหน้าที่ในการปกครอง และคณะวินัยธร มีหน้าที่ในการตัดสินคดีความต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในคณะสงฆ์

    องค์สังฆมนตรีในสมัยนั้น คือพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ญาณวรมหาเถร) วัดเทพศิรินทราวาส มีคำสั่งห้ามพระภิกษุสามเณรเล่นหวย ซื้อหวย ถ้าจำไม่ผิดตั้งแต่วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๗๐ คำสั่งนี้เท่ากับเป็นกฎหมายคณะสงฆ์อย่างหนึ่ง ไม่ได้มีการยกเลิก

    แบบเดียวกับที่สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ ทรงมีคำสั่งห้ามพระภิกษุในสังกัดคณะสงฆ์ไทย ทำการบวชสามเณรีหรือภิกษุณีในประเทศไทย ก็คือไม่ได้ยกเลิกคำสั่งนี้ คำสั่งนี้ยังมีผลในการบังคับใช้อยู่ ดังนั้น...ถ้าหากว่าถือคำสั่งของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ( ญาณวรมหาเถร) องค์สังฆมนตรีในสมัยนั้น ท่านพระครูไก่ที่ซื้อหวย ถ้ามีคนเอาเรื่องขึ้นมาจริง ๆ มีสิทธิ์โดนจับสึกได้เลย..!

    เพราะฉะนั้น...ท่านทั้งหลายที่เป็นพระภิกษุสามเณร ซึ่งฟังอยู่ที่นี่ หรือว่าที่อื่นก็ตาม โปรดทราบว่าในความเป็นพระเป็นเณรของเรา ก็คือ ต้องพยายาม ลด ละ เลิก กิเลส ให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ การซื้อหวย แปลว่าต้องหวังรวย ในเมื่อหวังรวย แปลว่าความโลภยังมีเต็มอยู่ในหัวใจ..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,582
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,543
    ค่าพลัง:
    +26,383
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงเคยเล่าให้ฟังว่า ท่านเคยถูกหวยรางวัลที่ ๑ เหตุที่ถูกหวยเพราะท่านฝันว่าตกส้วมหลุม จมมิดหัวเลย เมื่อไปเล่าถวายหลวงปู่ปาน หลวงปู่ท่านบอกว่า โบราณเชื่อกันว่า ถ้าฝันว่าโดนคนฟันหัวขาดอย่างหนึ่ง หรือว่าฝันว่าตกส้วมจมมิดหัวอย่างหนึ่ง จะถูกรางวัลที่ ๑

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านต้องการพิสูจน์ตรงนี้ หลังจากที่บิณฑบาต ฉันเช้าเสร็จเรียบร้อย ท่านจึงนั่งเรือแดงลงมากรุงเทพฯ เพื่อที่จะซื้อหวย ซึ่งก็คือล็อตเตอรี่นั่นแหละ สมัยนั้นล็อตเตอรี่ใบละ ๑ บาท ถ้าหากว่าขายได้มาก อัตราส่วนในการที่แบ่งสันปันส่วนเป็นเงินรางวัลก็จะมาก ถ้าขายได้น้อย อัตราส่วนในการที่แบ่งสันปันส่วนรางวัลก็จะน้อยลงไปด้วย เขาถึงได้เรียกว่าสลากกินแบ่งรัฐบาล แต่ว่าสมัยนี้สลากกินแบ่งนั้นมีโควตา เมื่อถึงเวลาออกมาก็มีผู้รับไปจำหน่ายทั้งหมด อัตราส่วนรางวัลจึงแน่นอน ไม่เหมือนกับสมัยโน้น

    สมัยโน้นเมื่อซื้อหวยแล้ว ต้องมีการลงลายมือชื่อไว้ที่ต้นขั้ว ถึงเวลาเขาประกาศออกวิทยุ จะอ่านลายมือชื่อเจ้าของที่ลงชื่อไว้ด้วย พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านบอกว่า พอรุ่งขึ้นหวยออก ท่านถูกรางวัลที่ ๑ ได้เงิน ๘,๐๐๐ บาท เราต้องนึกถึงสมัยก๋วยเตี๋ยว ๒ ชาม ๕ สตางค์ ๑๐ ชามก็ ๕๐ สตางค์ ก๋วยเตี๋ยว ๒๐ ชาม เท่ากับ ๑ บาท ตีเสียว่าอย่างไม่มี ๆ สมัยนี้ชามละ ๒๐ บาทก็พอ คูณกันไปเท่าไรก็จะทราบว่า ๘,๐๐๐ บาทสมัยโน้นเป็นเงินเท่าไรของสมัยนี้

    หลวงพ่อวัดท่าซุงแจ้งต้นขั้วกับหมายเลข แล้วก็ฝากสลากให้โยมไปเบิก เอาเงินมาถวายหลวงปู่ปานทั้งหมด หลวงปู่ปานถามว่า "แกจะไม่เก็บเอาไว้ใช้เองบ้างหรือ ?" พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ กราบเรียนว่า "เงินระยำแบบนี้ผมไม่เอาครับ ผมบวชมาเพื่อละกิเลส ไม่ได้บวชมาเพื่อเพิ่มกิเลส แต่ว่าที่ผมไปซื้อหวย เพราะอยากพิสูจน์ว่าสิ่งที่ครูบาอาจารย์บอกนั้นถูกต้องหรือเปล่าครับ" แล้วพวกท่านก็ไม่ต้องเสียเวลา ประเภทหาข้ออ้างไปซื้อหวยกันนะ เพราะว่ากระผม/อาตมภาพก็ไม่ซื้อเหมือนกัน

    สมัยที่กระผม/อาตมภาพมาทองผาภูมิใหม่ ๆ เดินเข้าไปในตลาด แม่ค้าเรียกซื้อหวย กระผม/อาตมภาพก็หัวเราะ บอกว่า "ซื้อไม่ได้หรอกโยม ถ้าซื้อ..เจ้าอาวาสไล่ออกจากวัดเลย" ตอนนั้นแม่ค้ายังไม่รู้จักกระผม/อาตมภาพเหมือนสมัยนี้ ก็ถามว่า "ท่านอาจารย์อยู่วัดไหน ? ทำไมเจ้าอาวาสถึงได้ดุขนาดนั้น ?"
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,582
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,543
    ค่าพลัง:
    +26,383
    ถ้าถามว่าสมัยฆราวาสกระผม/อาตมภาพเคยซื้อหวยไหม ? เคย..ถูกมากด้วย แล้วก็เกิดความสงสัยใคร่รู้ กราบเรียนถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ว่า "ซื้อหวยผิดศีลไหมครับ ?" พระเดชพระคุณหลวงพ่อตอบว่า "ไม่ผิด..แต่มันร้อน..!" พอได้ยินแล้วกระผม/อาตมภาพถึงกับสะดุ้ง เพราะรู้สึกว่าเป็นเรื่องร้อนจริง ๆ เนื่องจากว่าก่อนหวยออกก็คิดพล่านไปหมด ว่าถ้าถูกหวยได้เท่าโน้น ได้เท่านี้ เราจะเอาเงินไปทำอะไรบ้าง ในเมื่อท่านชี้ทางออก บอกทางถูกให้ จึงตัดใจเลิกเล่นหวยตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

    ดังนั้น...ในส่วนนี้ ถ้าหากว่าในเรื่องของทางโลก พระครูไก่ท่านทำผิดคำสั่งของสังฆมนตรี ถ้าหากว่าในเรื่องของทางธรรม ท่านผิดในฐานะที่เป็นพระภิกษุสงฆ์แล้วเกิดความโลภในใจไปซื้อหวย แม้ว่าท่านถูกรางวัลที่ ๑ แล้ว จะมีกุศลจิตทำบุญจนหมดก็ตาม เรื่องตรงนี้เราต้องแยกแยะให้ชัดเจนว่าเรื่องของความผิดก็คือความผิด เรื่องของส่วนที่ถูกก็คือส่วนที่ถูก

    ประการที่สองก็คือเรื่องของดาราตกน้ำตาย เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา กระผม/อาตมภาพเข้าไปฟังรายการเสียงธรรมจากมหาจุฬาอาศรม ปรากฏว่าท่านพระครูปลัดอุทัย พลเทโว, ดร. พิธีกรผู้ดำเนินรายการ พอเห็นก็นิมนต์ให้กล่าวถึงประเด็นนี้ โดยกำหนดแนวทางคร่าว ๆ มาว่า อันดับแรก...ในเรื่องนี้พระอาจารย์สงสารใคร ? ประการที่สอง...ใครผิด ? ประการที่สาม...ในสถานการณ์แบบนี้ เราควรจะใช้หลักธรรมอะไรในพระพุทธศาสนาเข้ามาช่วย ?

    จึงได้แสดงความเห็นไปว่า ในเรื่องนี้ที่น่าสงสารที่สุดคือกระผม/อาตมภาพเอง รับแต่ข่าวที่เหมือนกับขยะเน่าเหม็นเข้ามาอยู่ทุกวัน ประการที่สอง คนผิดก็คือดาราที่ตกน้ำตาย เพราะว่าได้สร้างกรรมเก่าที่เป็นปาณาติบาตหนักไว้ในอดีต เมื่อมาถึงชาติปัจจุบันนี้ กรรมส่วนนั้นตามมาทัน ไม่ได้รับการแก้ไขที่ถูกต้อง วาระกรรมจึงทำให้เสียชีวิตทั้ง ๆ ที่ยังไม่ทันจะหมดอายุ ถ้าหากว่าสามารถแก้ไขได้ถูกต้องอย่างเรื่องอายุวัฒนกุมาร ก็จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง

    ส่วนในเรื่องต้องใช้หลักธรรมอะไรในพระพุทธศาสนาเข้ามาแก้ไขตรงจุดนี้หลัก ๆ เลยก็คือ ทุกคนต้องมีสติ ต้องมีสมาธิ ต้องมีปัญญาสติ คือระลึกรู้อยู่เสมอว่าเราเป็นพุทธบริษัท หน้าที่ของเราก็คือทำตามโอวาทปาฏิโมกข์ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ ก็คือละเว้นจากความชั่วทั้งปวง ทำความดีให้ถึงพร้อม ชำระจิตใจของตนให้ผ่องใสจากกิเลส

    การที่เราจะชำระจิตใจของตนให้ผ่องใสจากกิเลสได้ อย่างน้อย ๆ ต้องทรงระดับอัปปนาสมาธิตั้งแต่ระดับปฐมฌานละเอียดขึ้นไป แล้วใช้ปัญญาแยกแยะ โดยการสำรวม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่ไปรับเอาขยะเข้ามาไว้ในใจ..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,582
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,543
    ค่าพลัง:
    +26,383
    สมมติว่าเราขับรถสวย ๆ อยู่ ๆ ก็โดนน้ำสกปรกสาดใส่ทั้งถัง เราก็ต้องรีบล้างรถของเราให้สะอาด แต่นี่สื่อโซเชียลต่าง ๆ สาดขยะใส่ใจของเราอยู่ทุกวัน หน้าที่ของเราก็คือชำระใจให้ผ่องใสจากกิเลส แทนที่จะรีบขัดถูรักษาใจของเราให้ดี กลับไปกอบโกยเอาขยะเหล่านี้เข้ามาในใจอยู่ทุกวัน แล้วหลายท่านก็พลอยมีอารมณ์ร่วม รัก โลภ โกรธ หลง ตามไปอีกด้วย

    ดังนั้น...ในเรื่องทั้งหลายเหล่านี้เราต้องมีปัญญา มองเห็นทุกข์เห็นโทษของการเกิด ว่าถ้าเราจะตัดข้ามกระแสแห่งห้วงทุกข์นี้ไปได้ ก็ต้องพยายามสำรวม กาย วาจา ใจ ของเราให้ดี รักษากำลังสมาธิที่เราทำไว้ได้ อย่าให้รั่วออกทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ จนหมด ซึ่งถ้าหากว่ารั่วหมด โอกาสที่เราจะนำกำลังสมาธิไปใช้ในการตัดกิเลสก็ไม่มีทางสำเร็จได้ เพราะว่าทำมาเท่าไรก็รั่วเกลี้ยง ไม่เหลืออะไร กี่ปี ๆ กำลังก็ไม่พอในการตัดกิเลสจึงเป็นเรื่องที่พุทธบริษัททั้งหลายจักพึงสังวรเอาไว้ว่า

    การที่เราจะทำหน้าที่พุทธบริษัทให้ดี ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการชำระใจของตนให้ผ่องใสจากกิเลส เป้าหมายแรกเลยก็คือ เพื่อหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน เป้าหมายรอง ๆ ลงไปก็คือ ถ้าหากว่ามีเรื่องไม่ดีไม่งามเกิดขึ้นในพระพุทธศาสนา เราจะได้เป็นผู้ยืนยันว่าพระพุทธศาสนาของเราเป็นของดี เป็นของจริง เป็นของแท้ สามารถท้าพิสูจน์ด้วยการปฏิบัติจนเห็นผลได้


    เรื่องที่พูดไปในรายการเสียงธรรมจากมหาจุฬาอาศรม ไม่มีพวกเราได้ยิน เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าโดนรับเชิญกะทันหัน จึงได้แสดงความคิดเห็นไปพอสมควร เห็นว่าบางเรื่องเหมาะสมกับยุคสมัย จึงควรที่จะนำมากล่าวไว้ในที่นี้
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,582
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,543
    ค่าพลัง:
    +26,383
    เรื่องที่สาม ก็คือเรื่องของสงครามรัสเซียกับยูเครน ซึ่งปัจจุบันนี้ภาพก็เริ่มชัดแล้ว แม้ว่าทางโลกตะวันตกจะพยายามปิดข่าว แล้วออกข่าวโจมตีรัสเซียโดยฝ่ายเดียว ทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าใครเป็นคนค้าสงคราม แต่ว่าสิ่งที่เกิดผลกระทบก็คือข้าวของทุกอย่างแพง โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิง

    ทุกท่านต้องไม่ลืมว่าปัจจุบันนี้ยังมีการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ อยู่ และระบาดหนักด้วย ถ้าดูจากบทเรียนในอดีต หลังโรคระบาดทุกครั้งจะเกิดข้าวยากหมากแพง เพราะว่าผู้คนเจ็บป่วยล้มตาย โอกาสที่จะมีกำลังในการผลิตข้าวปลาอาหารก็น้อยลง
    หลังสงครามหรือระหว่างสงครามทุกครั้งจะเกิดข้าวยากหมากแพง เพราะผู้คนมัวแต่วุ่นวายกับสงคราม ไม่มีเวลาทำมาหากินเช่นกัน ตรงจุดนี้พวกเราจึงควรที่จะสังวรระวังว่า เมื่อเห็นสถานการณ์ชัดเจนขึ้นแล้ว ควรที่จะประพฤติปฏิบัติตนอย่างไร

    เรื่องสุดท้ายก็แจ้งผ่านแฟนเพจกิฟท์จังพลังเวทย์ว่า เจ้าของเพจมาขอความกรุณาให้สรรหาวัตถุมงคล สำหรับบุคคลที่ร่วมแรลลี่ทัวร์ครั้งนี้ด้วย โดยตั้งเป้าเอาไว้ว่าอยู่ที่รถจำนวน ๓๐ คัน จำนวน ๖๐ คน ซึ่ง
    กระผม/อาตมภาพได้รับปากไปแล้ว และกำลังสรรหาวัตถุมงคลที่เหมาะสมให้อยู่ แปลว่าใครก็ตามที่ซื้อแรลลี่ทัวร์ผ่านเพจกิฟท์จังพลังเวทย์ นอกจากมีโอกาสได้พบเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนแล้ว ยังมีโอกาสได้รับวัตถุมงคลเป็นที่ระลึกอีกต่างหาก

    ได้รบกวนเวลาทุกท่านมามากแล้ว สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอังคารที่ ๘ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...