แนะนำอาจารย์วิทย์ จันทร์หอม ช้างเผืองเมืองแม่กลอง

วันนี้ผมขออนุญาติทุกท่านรู้จักกับอาจารย์วิทย์ จันทร์หอมครับ ซึ่งท่านได้รับสมญานามว่า ฆารวาสผู้เรืองเวทย์ ช้างเผือกแห่งแดนลุ่มแม่น้ำกลอง

ประวัติโดยสังเขบครับ ท่านเป็นชาวสมุทรสงครามโดยกำเนิด เกิดที่บ้าน บางน้อย ม.3 ต.ยายแพง อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม โดยท่านเป็นหลานตาของพระภิกษุทิม อรุณรักษา ซึ่งเป็นหมอแผนโบราณและหมอไสยศาสตร์ ท่านเก่งเรื่องประสารกระดูก ยาแผนโบราณ ทำน้ำมนต์เสดาะคลอดลูกง่าย และที่สำคัญท่านได้วิชาโลกธาตุ วิชาดังแห่งสายแม่กลอง ด้วย ปี 2518 อ.วิทย์ และน้องชาย ได้เรียนศึกษาวิชาไสยศาสตร์จาก อ.สด โพธิสถาน ซื่อเป็นศิษย์ฆราวาสสายตรงของวัดไทร (อ.บางคนที) โดยวัดไทร นี้มีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกับ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) แห่งวัดระฆังฯ โดยสมเด็จโต ท่านเป็นสหธรรมิกกับหลวงปู่อ่วม วัดไทร (แต่สมเด็จท่านมีพรรษามากกว่า) หลวงปู่อ่วม ท่านนี้เอง ได้ถ่ายทอดวิชาให้กับ หลวงปู่นวล ซื่งเป็น อาจารย์ ของ อ.สด โพธิสถาน ซึ่งต่อมา อ.สด นี้เองที่เมตตาและเอ็นดู และเห็นแววในตัวท่าน อ.วิทย์ จนถึงขนาดรับท่านเป็นลูกบุญธรรม โดยได้สอนวิชาต่าง ๆ เช่น มหาอุตม์ ตะกรุด 7ดอก และวิชามหานิยม พร้อมกับสูตรการเขียนยันต์ทุกแขนง สีผึ้งมหาราช นะหน้าทอง รวมไปถึง สาริกา และ การเวก ที่หลาย ๆ ท่านรู้จักดีและไฝ่หาอยากได้มาครอบครองเป็นหนักเป็นหนา และยังเรียนไปถึง ตะกรุดช้างผสมโขลง ตะกรุดกาจับปากโลง และในสมัยที่ท่านบวชพระ ก็มีหลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี เป็นอุปัชฌาย์ อีกด้วย สำหรับสายวิชาต่าง ๆ ที่ท่านได้ร่ำเรียนมาจน เกจิอาจารย์ ในลุ่มน้ำแม่กลอง ให้การยกย่อง ว่า เยี่ยมจริง ช้างเผือกจริง ๆ นั้นมีพอสังเขป ประมาณนี้ วัดไทร สายหลวงปู่อ่วม-หลวงปู่นวล วิชามหาอุตม์เมตตา สีผึ้งมหาราช และวัตถุมงคลบางอย่าง ท่าน อ. วิทย์ ก็เสกด้วยวิชา ในตำราของ หลวงปู่อ่วม โดยตรง รวมทั้ง ตะกรุดสาริกา และการเวก ที่ขึ้นชื่ออย่างมากของท่านด้วย การอ้างถึงนี้ไม่ได้เป็นการปั้นน้ำเป็นตัวหรืออุปโลค ขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย ท่านเป็น ศิษย์สายหลวงปู่อ่วม วัดไทร รุ่นที่ 3 เพราะพ่อบุญธรรม ท่าน อ.วิทย์ เป็นศิษย์ ของ หลวงปู่อ่วม แล้วท่านก็เรียนวิชาจากพ่อบุญธรรมท่านอีกที อย่างหมดไส้หมดพุง ตำรา อักขระต่าง ๆ ของหลวงปู่อ่วม ก็ตกทอดมาอยู่ที่ท่านได้เก็บรักษาไว้เป็นจำนวนมาก วัดบางน้อย สายหลวงปู่อยู่ วัดปากง่าม สายหลวงปู่ทรัพย์ และหลวงตาแหวง วิชาพรหมพันหน้าและคาถาเกราะเพชร วัดเกาะใหญ่ สายหลวงพ่อเลี้ยง วิชาแกและกันต่าง ๆ วัดลาดเป้ง สายหลวงพ่อขวัญ ยันต์และวิชาเกราะเพชร วัดช่องลม สายหลวงปู่บ่าย วิชาเทพจำแลง วัดกลางบางแก้ว หลวงปู่เพิ่ม วิชา พรหมภักตรหน้าทาอง วัดบางกะพ้อม วิชาลงธงมหาระงับ และมงคลเพชร วิชามงคลสามสาย อ.สด โพธิสถาน (พ่อบุญธรรม) หลวงปู่ศุข วัดสหธรรมาราม ท่านนี้ก็สอนให้กับท่านโดยตรง คือ วิชาตรีนิสิงเหใหญ่ นะปัดตลอด นะปถมัง ห้ามฝน นะคงคา หลวงตาเม้ง วัดคูหาสวรรค์ ก็สอนวิชาประสารกระดูกให้กับท่านโดยตรงอีกเช่นกัน หลวงตาเดือน วัดแก่นจันทร์ วิชาแก้และกันต่าง ๆ วัดบางประจันต์ วิชาเสาร์ห้า จนสามารถสร้างและเสกของในวันเสาร์ห้า ที่ผ่านมาได้ขลังชนิดที่ พระบางรูปจับแล้วนึกว่า ผ่านพิธีปลุกเสกหมู่ มาเลยทีเดียว เรียนวิชา โภคทรัพย์ โดยตรงจาก หลวงพ่อ คลี่ วัดประชา หลวงพ่อหลา วัดบางคนทีใน วิชาทำและเสกปลัดขิก วิชาหมูทองแดง จากวัดหนองปลาไหล สายวัดเสด็จ หลวงปู่ใจ ตะกรุดลูกอม ความจริงท่านลงได้หมด ไม่ว่าจะลงในแบบ หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ หรือ ลงแบบ หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ หรือจะลง แบบ หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี แบบหลวงพ่ออิฏฐ์ วัดจุฬามณี ร่วมทั้งลงแบบ อาจารย์ใจ วัดปากง่าม ท่านลงได้หมด เรียกว่ารู้จนแตกฉานเลยก็ว่าได้ ท่านสามารถ บอกได้เลยว่า ของใคร ลงอะไร ไว้แบบไหน ต่างกันยังไง บางท่านตัดตัวไหนออก เรียกง่าย ๆ ว่า เล่นมาเยอะทำได้ทุกขนาน แล้วว่างั้นเถอะ และสำหรับท่าน อ.วิทย์ ในกลุ่มคนที่เคยรู้จัก หรือได้สัมผัสกับความขลังในวัตถุมงคลที่ท่านเสก แล้ว หลาย ๆ ท่านก็คงจะทราบและได้รู้จักท่าน ในเรื่องของ ตะกรุดสาริกาทองคำ ขนาดเล็กที่สุดในโลก ที่มาพร้อมกับพุทธคุณ ที่มีผู้นำไปบูชา แล้วบังเกิดผล เป็นที่กล่าวขาน กันเรื่อยมา รวมทั้งวัตถุมงคล อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น ควายธนู เบี้ยแก้ ตะกรุดการเวก ตะกรุดสุริยันจันทรา หรือแม้แต่เป็นปลัดขิก ซึ่งมีผู้ในไปใช้แล้วให้คนจับพลัง ถึงกลับเกิดเหตุอัศจรรย์ เท่านั้นเป็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะวิชาที่ตัวท่านมีและเรียนรู้วิชาต่าง ๆมามาก จนชำนาญนั้น มีอีกมาก ของ ๆ ท่าน ไม่เคย โฆษณา โปรโมต ใด ๆ เลย แต่ยังมีลูกศิษย์ ตามหาเก็บไว้บูชา บางอย่างยอมสู้ราคา เพื่อให้ได้มาก็ยังมี นั่นเพราะ เกิดจากการที่ผู้คนที่ได้ไป นำไปบูชาแล้วมีประสบการณ์ แล้วทั้งสิ้น อย่างยันต์จักรพรรดิ์ นั้นท่านทำมา 20 ปีแล้ว มหาจักรพรรดิ์ แบบหลวงพ่อเทียม ท่านก็ลงได้เรียกสูตรเป็น อย่างที่กล่าวมาทั้งหมด ว่าท่านเก่งยังไง มีความรู้แตกฉาน ด้านการปลุกเสก การเรียกสูตร ลงยันต์ ต่าง ๆ ยังไง ลองดูจาก อักขระ ที่ท่านลงไว้ประกอบได้ครับ ว่า ท่านอายุ มากอย่างนี้ ท่านยังสามารถ ลงยันต์เรียกสูตร ลงตะกรุดด้วยตัวท่านเองได้ขนาดนี้ ถ้าไม่เรียกว่า ชำนาญ เล่นมาจนชิน จะทำได้ถึงเพียงนี้หรือไม่ ทั้งสมาธิยังต้องแน่วแน่ เด็ดเดียวเพียงใด ถึงทำได้ถึงขั้นนี้ แล้วแบบนี้ จริงหรือเปล่า ที่ท่านเป็น อาจารย์ผู้อยู่เบื้องหลังพระเกจิสายแม่กลอง และ ยังลงตะกรุดให้พระสำนักต่าง ๆ ด้วยสองมือของท่าน อ. วิทย์ เองนั้น เป็นความจริงหรือไม่ พิสูจน์ และพิจารณา จาก รูปที่ถ่ายมาให้ชมกันนะครับ อ. วิทย์ ท่านมีความเป็นอยู่เรียบง่าย สมถะมาก ใครเคยไปบ้านท่านคงทราบได้ ท่านเป็นคนใจดี พูดตรง เสียงดัง อัธยาศัยดี จริงใจ และเมตตาทุกคนที่มาหาท่าน ไม่เลือกใครรวยใครจน เดือดร้อนมา ถ้าท่านช่วยได้ช่วยหมด ไม่ถือตัว ง่าย ๆ สบาย ๆ และชอบสงเคราะห์ช่วยเหลือ คนที่ทุกข์ร้อนมาหาเสมอ เพียงแต่ท่านชอบเก็บตัวและไม่ชอบความวุ่นวาย บางครั้งทำให้หลายคนที่อยากเจอตัวท่านนั้นทำได้ยาก ขนาดมีเซียนใหญ่ หลายคนที่พันธ์ทิพย์ งามวงศ์วาน หลายท่านใช้ตะกรุดสาริกาของท่านและ ได้สัมผัสกับวัตถุมลคลของท่านแล้ว เข้ามาพบ ท่าน อ.วิทย์ ด้วยตัวเอง เพื่อขอสร้างวัตถุมงคลต่าง ๆ รวมทั้งลงโฆษณาประวัติและวัตถุมงคลให้ท่าน ท่านก็ปฏิเสธไป นี่คือเรื่องจริง ด้วยเหตุผลเพียงแค่ว่า “ถ้าทำให้เขา แล้วต่อไปคนที่เดือดร้อนมา อยากให้ฉันช่วย ให้ฉันสงเคราะห์เขาก็จะไม่มีโอกาส “ “พอใจกับที่เรามีแค่นี้ดีกว่า ไม่ต้องการอยู่ในกรอบของใคร” คำพูดเหล่านี้ท่านพูดกับผม เพียงเท่านี้ก็สามารถรู้ได้แล้ว ว่าท่านมีน้ำใจและเมตตาขนาดไหนยังไง เงินซื้อท่านไม่ได้ ผมไม่แปลกใจที่ทำไม หลาย ๆ คนนำวัตถุมงคลของท่านไปบูชาแล้วดี รวมทั้งเกิดเมตตามากมาย ก็เพราะผู้สร้างผู้เสก มีจิตใจเมตตา เป็นที่ตั้งต้นอยู่นั้นเอง และด้วยความที่ท่านเป็นคนมีระเบียบ และละเอียด ทำให้วัตถุมงคลที่ท่านทำ ท่านจะตั้งใจและปราณีต ทุกขั้นตอน ประสบการณ์ในวัตถุมงคลของ อ.วิทย์ ที่เคยสร้างไว้ในส่วนนี้ เป็นข้อมูล เป็นข้อมูลเพียงส่วนน้อย จากคนรอบข้าง รวมทั้งผู้ที่เคยได้ใช้ของดี ของท่านในบางกลุ่ม -ควายธนู ครั้งหนึ่งไม่นานมานี้ ท่านเจ้าคณะตำบลบางช้าง ได้เอ่ยกับผมว่า “ อ. วิทย์ นี่แกเก่งนะ วันก่อนเอาความธนู มาถวายให้ ท่านเจ้าอาวาส ตัวนึง ตอนเย็น ๆ พอตกค่ำประมาณห้าทุ่มกว่า ป้า (เป็นป้าแก่ ๆ ที่อาศัยกินนอนอยู่วัดมาเป็นสิบปี) แกร้องตะโกนเสียงดังจนพระในวัดตื่นกันหมด ฉันก็ตื่นด้วย ลงไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันก็นึกว่ามีอะไร ลงไปเห็นป้าแกโวยวายอยู่คนเดียว เลยเข้าไปถามได้ความว่า แกเห็นควาย ตัวดำใหญ่มาก นัยตาแดงก่ำ มาไล่ขวิดแก นี่ตอนนี้ก็ยืนมองแกอยู่นี่” แล้วท่านเจ้าคณะ ก็ถามผมว่า “คุณมาที่นี่กี่ปีแล้ว คุณเคยเห็นว่าที่นี่มีควายซักตัวมั้ย?” ผมก็จนใจ เพราะไปวัดมาหลายปีไม่เคยเห็นที่วัดนี้มีความเลยซักตัว ป้านี่ก็อยู่วัดมานานไม่เคยเป็นอย่างนี้ อะไรจะบังเอิญเห็นควาย ในวันที่ อ.วิทย์ ท่านเอาความธนูมาถวายเย็นวันนั้นพอดี ป้าแกก็เห็นคืนนั้น คนอยู่กันมากมาย ไม่มีใครเห็น แต่ป้าแกว่าควายยังยืนมองแกอยู่.... -จระเข้ บนมือ พระเกจิชื่อดังแห่งเมืองอัมพวา สองเดือนก่อน มีลูกศิษย์ อ.วิทย์ ได้ใช้ไม้แกะสลัก เป็นรูป จระเข้ตัวเล็ก ๆ ขนาดประมาณ 3 นิ้ว มาให้ อ.วิทย์ 7 ตัว อ.วิทย์ จึงได้ทำการลงอักขระ และเสกเป็นที่เรียบร้อย ได้นำไปถวายให้ เกจิรูปนั้น 1 ตัว ท่านก็รับไว้ด้วยความคุ้นเคยกันและได้นำขึ้นมาวางไว้บนฝ่ามือท่านซักพัก แล้วก็พูดยิ้ม ๆ ว่า “เออ มันน่ารักดีเนอะ ดิ้นได้ด้วย มันดิ้นอยู่บนมือฉันเลยนะ” โดยที่พระเกจิ รูปนั้นไม่ได้แปลกใจแต่ประการใดเลย ถึงความขลังในจระเข้ ตัวนั้น เพราะพระรูปนั้นท่านรู้ดีกว่าแล้วว่า ตัว ท่าน อ.วิทย์ สร้างของเสกของเป็นยังไง ....จะเห็นว่าจิตถึงเสกอะไรก็ขลัง -เทพจำแลง ยังไม่เคยทำให้ใคร ที่ไหนมาก่อน เมื่อนำมาลงเป็นผ้ายันต์ และล็อกเก็ต บางคนได้ไป ขึ้นคอไปนั่งร้านอาหาร ก็มีคนเพศตรงข้ามเข้ามาทัก แบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน หรือว่า คู่แฟนกันได้ไปแล้วกลางคืน ฝ่ายชายฝันว่า มีชายหนุ่มหล่อเหลา รูปงาม ผิวพรรณเปล่งปลั่ง มาอุ้มแฟนตัวเองไป หรือแม้แต่ บางคนเข้าไปหาท่าน ปรับทุกข์กับท่านว่า เครียด เจ้านาย ไม่ชอบหน้า ท่านก็แจก เทพจำแลงไป ไม่นาน เจ้านายก็คุยดี หน้าที่การงาน เจริญรุ่งเรือง จนถึงทุกวันนี้ เป็นต้น นี่คือ สิ่งที่รับประกัน ความเป็นของจริงของ ท่าน ว่า ท่านทำได้จริง เสกขึ้น เสกดีจริง ขนาดไหน -กดยันต์เกราะเพชร ติดกระดานไม้ ครั้งหนึ่ง ท่านได้กดยันต์เกราะเพ็ชร จากผ้ายันต์ ไว้ที่หัวของเด็กทารก ที่พ่อแม่อุ้มมาให้ ท่านลงหัวคุ้มครอง พอท่านกดผ้ายันต์คลุมหัวเด็กไว้ ตั้งจิตแล้วเป่าลงไป ปรากฏว่า ที่พี้นกระดานไม้ตรงที่เด็กนอนอยู่ ก็ติดยันต์เกราะเพ็ชร ไปด้วย พิสูจน์ได้ว่า ท่านทำได้จริงเรียนมาจริง สำเร็จจริง ในส่วนของประสบการณ์ เบี้ยแก้ หรือ ว่า ตะกรุดสาริกา จื๋ว ของท่านนั้น เชื่อว่า ทุกท่านคงจะทราบกันบ้างแล้วไม่ว่าจะเป็นเอาสาริกาไปบูชาแล้วเกิดเมตตา หรือได้ยินเสียงนกร้องอย่างไพเราะ ห้อยคออยู่เฉย ๆ น้ำมันที่แช่สาริกาเกิดเดือดในวันพระเป็นต้น หรือว่า สามารถหาข้อมูล ของคนที่นำไปบูชา แล้วเกิดประสบการณ์ อภินิหาร ต่าง ๆ รวมทั้งประวัติเพิ่มเติมและวิชาต่าง ๆ ของ ท่าน อ.วิทย์ ได้จาก กูเกิ้ล มากมาย ก็จะรู้ว่า ดียังไง เมตตาขนาดไหน เวลาท่านลงอักขระ แต่ละตัว ท่านจะเสกกำกับไปด้วยทุกครั้ง อักขระตัวไหน ต้องว่ายังไง แบบไหนตอนจรดเหล็กจาร ท่านรู้หมด ท่านสามารถบอกได้หมด ว่าดีด้านไหนยังไง อย่างคล่องแคล่ว เรื่องนี้ท่านที่เคยพบปะพูดคุยกะท่าน คงจะรู้ดีและยอมรับกัน ก็ดังเช่นที่กล่าวมาพอสังเขป ข้างต้น เกือบจะทุกวิชา ที่ท่านร่ำเรียนมา ท่านทำของออกมาในแบบต่าง ๆ ให้ลูกศิษย์ และพระเกจิ ต่าง ๆ ในสายแม่กลอง ได้สัมผัส กับความเข้มขลังจนเป็นที่ยอมรับโดยทั่ว ว่า นี่แหละ “ช้างเผือก” ลุ่มน้ำแม่กลอง อีกเชือกหนึ่งท่านเก็บตัวมานาน เพราะมีอุปนิสัยเป็นคนเรียบง่าย รักสันโดษ และถือคำสัตย์เป็นอย่างมาก ครับแต่ยังไงชาติเสือ ก็ตายไปก็ยังต้องไว้ลาย ในวาระนี้ท่านจึงเห็นควรสร้าง 1. แผ่นมหายันต์ ขนาด 12x15 นิ้ว โดยลงยันต์เต็มรูปแบบให้ครอบคลุมทุกด้าน 1 วันทำได้เพียง 1 แผ่นเท่านั้น แผ่นละ 1200 บาท ค่าส่งด่วน 100 บาท 2. ตะกรุดมหายันต์ ขนาด 12x15 นิ้ว โดยลงยันต์เต็มรูปแบบให้ครอบคลุมทุกด้าน ดอกละ 1200 บาท ค่าส่งด่วน 100 บาท 3. ตะกรุดโลกธาตุ ไหมเก้าสี (นพเคราะห์ คุ้มครองทุก ๆ วัน) ดอก ละ 250 บาท ค่าส่งด่วน 50 บาท 4. แผ่นยันต์จารมือ ขนาด 5x7 นิ้ว และ 5x15 นิ้ว ของหมด (รอเสกให้ครบ 3 เสาร์) จองไว้ได้ ราคา 399 และ 499 ตามลำดับ ทุกรายการท่านจารด้วยมือท่านเองและตอกโค๊ตพร้อมลงลายเซ็นต์ด้วยมือท่านเองทุกแผ่นทุกชิ้น เพราะถือว่าเป็นการเปิดตัวและเป็นรุ่นแรกของท่าน ๆ ตั้งใจทำเพื่อฝากไว้แด่รุ่นหลังให้ได้รู้จักท่าน รับรองว่าเต็มที่ เต็มเหนี่ยวแน่นอน ขนาดตะกรุดสาริกา การเวก ดอกเล็ก ๆ ท่านยังเสกได้จนขลังขนาดน้ำมันเดือด มีเสียงนกร้องแล้ว แผ่นยันต์ที่ลงด้วยมือท่านขนาดใหญ่ ๆ สัมผัสกับตัวท่านแผ่นนึง หลายชั่วโมง มันจะแพ้ดอกเล็ก ๆ ได้อย่างไร อย่างที่บอกครับว่า จิตดีทำอะไรก็ขลัง ยิ่งเป็นการรวมสรรพวิชาทั้งหลายที่ได้ร่ำเรียนมาแล้วก็ คนเอาไปบูชาบังเกิดผลแน่นอน แล้วจะได้รู้ว่า การเขียนยันต์ ที่แท้จริง ต้องตั้งใจอย่างไร เรียกสูตรเป็นตัว ๆ ไป สมาธิที่แน่วแน่ จะถูกถ่ายทอดออกมาผ่านลายมือของท่าน ถึงแม้ว่า อายุจะ มากแล้วก็ตาม ท่านก็ยังสามารถแสดงให้เห็นถึงพลังสมาธิ ผ่านอักขระให้ได้ประจักษ์กัน ของดีมีน้อยครับ และสำหรับท่านที่มีวิชา หรือว่ามีความรู้เรื่องอักขระเลขยันต์ ต่าง ๆ ลองชมดูได้ครับ ว่าท่านทำเป็นจริงรึปล่าว มั่วหรือไม่ เก่งแค่ไหน คนมีวิชา ดูก็รู้ได้แล้วครับ (แผ่นยันต์และตะกรุดต่าง ๆ ของท่านในชุดนี้ ขอยืนยัน ว่าท่านเขียนด้วยมือเสกด้วยจิตท่านทุกตัวแน่นอน) สำหรับยันต์และคาถาที่ท่านอัญเชิญมาประทับลงในตะกรุดมหายันต์ และ อุปเท่ห์ ของยันต์และคาถานั้น ๆ มีพลังมหาศาล แต่จะบรรยาย ให้ฟังพอสังเขป ดังนี้ 1.ยันต์โสฬสมงคลใหญ่ ซ้อนด้วยตรีนิสิงเหใหญ่ 2 ชั้น อาจารย์วิทย์ ท่านว่า ธรรมดายันต์ตรีนิสิเห จะมีเลข “๕” 4 ตัว แต่ยันต์ตรีนิสิงเหใหญ่ นี้ มีเลข “๕” 8 ตัว บวกโสฬส เพิ่มไปอีก 1 เป็น 9 ตัว มีอานุภาพทางด้าน คุ้มกันภัย กันฟ้า กันไฟ เป็นเมตตาอยู่ในตัวด้วย ถือเป็นยันต์ที่สำคัญมากยันต์หนึ่งเลยทีเดียว ดังเช่นประวัติต่าง ๆ ที่พอจะทราบข้อมูลกัน ดังนี้ ยันต์โสฬสมงคลเป็นยันต์เลข 3 ชั้น ชั้นนอกลงด้วยเลข 16 ตัว ( โสฬสคำนี้แปลว่า 16 ชั้นฟ้า อันมีอินทร์ , พรหม , ยม ,นาค และพระคณาจารย์โบราณ จะกล่าวพรรณาถึงเมื่อเวลากระทำพิธีบวงสรวง ในการบูชาครูทุก ๆ ครั้ง ) ด้วยสูตรโสฬสรอบกลางลงด้วยเลข 12 ตัว ลงด้วยสูตรตรีนิสิงเห , รอบในลงด้วยเลข 6 ตัว , ลงด้วยสูตรจตุโร แล้วทำการลงอักขระเพื่อล้อมรอบยันต์ทั้ง 4 ด้านเพิ่มเข้าไป ดังนั้นยันต์นี้จึง เป็นยันต์ที่มักจะนำมาใช้ในการหล่อพระในพิธีต่าง ๆ และยังเป็นยันต์ที่ ร.1 ใช้ประทับไว้บนยอดเสาหลักเมือง กทม ด้วย และยันต์นี้แม้แต่สมเด็จพระสังฆราชแพ วัดสุทัศน์ กรุงเทพฯ ผู้เจนจบในพระยันต์ร้อยแปด ทรงพิจารณาแล้วเห็นว่ายันต์โสฬสมงคลเป็นยันต์อันวิเศษสุดกว่ายันต์ทั้งปวง พระองค์ได้นำไปประทับในพระอุโบสถของวัดสุทัศน์ฯ และเขียนสอดใส่ไว้ใต้หมอนหนุนศรีษะตลอดเวลา เป็นต้น ยันต์ตัวนี้ ถ้าท่านใดกล่าวว่ายันต์โสฬสต้องจารแบบนี้แบบนั้นเท่านั้น เปิดใจสักนิดครับ เพราะที่มาจุดกำเนิดที่เดียวกัน แต่แยกออกไปตามสายต่างๆ ขึ้นอยู่กับนักปราชญ์พระเถราจารย์ในสมัยนั้นได้ผูกพระยันต์ ประยุกต์หรือเพิ่มเติมเพื่อให้ทรงอานุภาพพระยันต์มากยิ่งขึ้น และมีการสืบทอดกันมาตามสายนั้นๆ เอาเป็นว่า ยันต์ตัวนี้มีอานุภาพ ที่ดีครบทุกด้านแน่นอน ท่านจึงได้อัญเชิญ ยันต์ตัวนี้มาลงไว้ในตะกรุด มหายันต์ รุ่นแรกของท่าน 2.ยันต์ธนูมือ มีอานุภาพด้าน คงกระพัน ป้องกันสิ่งไม่ดีต่าง ๆ รวมทั้งศัตรู หรือผู้ปองร้าย คิดไม่ดีกับเรา 3.ยันต์ไตรสรณคมน์ หรือ อีกชื่อหนึ่งคือ ยันต์มหากาฬ ที่ สุดยอดพระเกจิแห่งเมือง ชัยนาท หลวงพ่อกวย ใช้ประทับหลังเหรียญรุ่นสาม นั้นเอง ความหมาย ของยันต์ตัวนี้ เสมือน อัญเชิญ พระคุณของ พระรัตนไตร คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มาอยู่ด้วยกัน อานุภาพ ดั่งแก้วสารพัดนึก เหมือนเราอธิฐานขอกับพระรัตนไตร เลยทีเดียว 4.ยันต์ตราพระอิศวร มีอานุภาพ เป็นมหาอำนาจ และบารมี 5.เป็นยันต์ที่จะใช้ประทับอยู่ตรงกลางของแผ่น คือ ยันต์นะราแล มีอานุภาพ ด้านเมตตา เสน่ห์ ค้าขาย เรียกคน เมตตาครอบจักรวาล นอกจาก 5 พระยันต์หลัก ๆ ที่ได้กล่าวมาแล้ว ท่านอาจารย์วิทย์ ยังได้ ลงจาร คาถา ต่าง ๆ ที่ถือเป็นสุดยอดคาถาไว้อีกมากมาย เช่น 1. คาถาวันโลกดับ คือมาจากศิลาจารึกในวัดเชตวันวิหาร ที่จารึกโดยพระอานนท์ในประเทศอินเดีย พระอานนท์ เป็นพุทธสาวกองค์สำคัญที่มีบทบาทในการสังคายนาพระไตรปิฎกแต่ครั้งพุทธกาล จารึกนั้นอ้างว่าเป็นการจารึกพุทธดำรัส อันพระพุทธองค์ทรงปรารภไว้แต่ครั้งยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ พระองค์ท่านตรัสว่า..... “มหาภัยอันหนึ่งจะเกิดแก่โลกยุคกึ่งพุทธกาล โลกจะสว่างไสว 7 วัน 7 คืน มืดสนิท 7 วัน 7 คืน คนตายกันมาก พวกผิวขาวจะแพ้ภัยแม้ผู้ศรัทธาในพุทธศาสนาก็ใช่จะพ้นภัยหากแต่จะทุเลาเบา บางกว่าผู้อื่น วิบัติแล้ว จะกลับมารุ่งเรืองก่อนเสมอ คถาคตไม่รู้จะช่วยเหลืออุบาสก อุบาสิกาอย่างไร บอกจากจะให้คาถาไว้ท่องบ่นยามมีภัย หรือจดใส่ผ้าหรือแผ่นโลหะโพกหัวไว้” มหาภัยที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้นี้ น่าเชื่อว่าจะเป็นสงครามนิวเคลียร์ ถ้าไม่ใช่สงครามนิวเคลียร์ก็ต้องเป็นอะไรที่ใหญ่โตขนาดที่ว่าทำให้คนทั้งโลกตายกันเป็นเบือได้ พุทธคาถาที่พระองค์ทรงให้ไว้มีดังนี้ “ทิตะศิราทันมันทะ โลกะลีลากะ ละลาสติโป จะติโหคะหะตะเน” 2.คาถาพระเจ้า 16 พระองค์ 3.หัวใจ 108 4.ยันต์เรียกคน 5.ยันต์กันไฟ 6.ยันต์กันขโมย 7.ยันต์สาริกา (เหมือนที่ลงไว้ในตะกรุดทองคำ ที่มีผุ้นำไปใช้จนมีประสบการณ์เลื่องลือ) 8.กันศัตรู 9.มหาเสน่ห์ 10.ล้อมด้วยธาตุ 4 เพื่อตรึงพลังให้คงอยู่ตราบนานเท่านาน สำหรับท่านที่สะสมเพื่อทำเป็นธุรกิจ อาจจะไม่สนใจก็ปล่อยให้ผ่านไปนะครับ แต่สำหรับท่านที่ชอบทางด้านพุทธานุภาพ ที่จะส่งผลคุ้มครอง เมตตา ค้าขาย ป้องกัน แก่ตัวท่าน และ ผู้อาศัยในบ้าน ในรถ ขอบอกว่าอย่ามองข้ามเด็ดขาดนะครับ ของทำยากมาก มหายันต์ทำได้ 1 วัน 1 แผ่นเท่านั้น ท่านไม่เป็นคนสุกเอาเผากินนะครับต้องมีฤกษ์จาร ฤกษ์เสกอีก ถ้าฤกษ์ ไม่ดีท่านก็ไม่ลงจารไม่เสก ดังนั้นจึงทำได้น้อยมาก ต่อไป อีกไม่นาน เริ่มมีข้าราชการผู้ใหญ่ จะนำประวัติท่านลง หนังสือพิมพ์หัวใหญ่ แล้ว ๆ ท่านจะหาของ รุ่นแรกของท่านอย่างนี้ได้ยากแน่นอนครับ ยินดีให้คำแนะนำ กับทุกท่านที่สนใจวัตถุมงคลของท่านนะครับ

ท่านสามารถติดตามและศึกษาวัตถุมงคงของท่านได้ที่
https://www.facebook.com/a.wit.chanhom

ขอบคุณครับ

 

วัตถุมงคลต่างๆของอาจารย์วิทย์ จันทร์หอม

ซึ่งมีหลายอย่างมากครับ ผมขออนุญาติลงให้ชมและศึกษากัน 4 อย่างนะครับ ส่วนที่เหลือสามารถติดตามได้ที่เพจfacebook นะครับ

1. ตะกรุดมหาจักรพรรดิ์หุ้มดวง อ่านข้อมูลในนี้

2. ตะกรุดและแผ่นมหายันต์ อ่านข้อมูลในนี้

3. ตะกรุดช้างผสมโขลง อ่านข้อมูลในนี้

4. ตะกรุดสุริยัน-จันทรา อ่านข้อมูลในนี้

และยังมีวัตถุมงคลชิ้นอื่นๆอีกซึ่งสามารถศึกษาหรือติดตามได้ที่
https://www.facebook.com/a.wit.chanhom

ขอบคุณครับ

 

ขออภัยครับ บอกกันตรง ๆ ผมนักเลงชอบความชัดเจน

อ่านช่วงแรก ๆ รู้สึกดีมากมายครับ ได้รู้ประวัติท่านเยอะ แต่พอหลัง ๆ ทำวัตถุมงคลขาย มีราคาบอกชัดเจน ความคิดมันเลยเปลี่ยนเป็นการโฆษณาเชิงพานิชย์มากกว่าครับ

ยิ่งมาสับสนช่วงแรก ๆ ตรงที่ว่า อ.ท่านรักสันโดษ แต่ลูกศิษย์มาเผยแพร่กิตติคุณของ อ. แบบชัดเจนเลย อ.ท่านไม่ตำหนิเอาหรือครับ

แต่ถึงอย่างไรก็จะไปพบท่านครับ เพราะเมียน้อยผมอยู่อัมพวา ชอบๆๆๆ เผื่อได้สนทนากับท่าน สายเมตตามหาเสน่ห์ขอผ่าน เพราะผม... เมีย 3 ลูก 2 แล้ว คงพอแล้ว แต่ชอบสายเหนียว บู้ล้างผลาญน่ะครับ ทุกวันนี้ทำงานท้าความตายอยู่ทุกวัน ต้องหาของดีสายเหนียวอย่างเดียวครับ

อ.ท่านอยู่ส่วนไหนของ อำเภอครับ เอาว่าหมู่บ้านไหน ตำบลไหนก็พอ ผมไปถูกครับ ชอบๆๆๆๆ

 

อ๋อ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นครับ ผมได้ขออนุญาติอาจารย์ในการเผยแพร่แล้วครับ ส่วนเรื่องวัตถุมงคลที่ผมนำมาทุกรายการมีลูกศิษย์เขาได้ขออนุญาติสร้างแล้วอาจารย์ก็เมตตาสร้างให้ครับ ส่วนผมก็แค่นำมาเล่าสู่กันฟังครับ หากมีการสั่งวัตถุมงคลมาผมก็แค่เป็นธุระให้ครับ เพราะตัวผมไม่มีของและไม่ได้ตรงส่วนนี้ด้วยครับ แค่ชอบและนับถืออาจารย์มากครับ^^ ส่วนที่อยู่อาจารย์อยู่ที่แม่กลองครับ เขาเรียกว่าอะไรไม่ทราบครับถนนนั้น (พอดีผมเป็นเด็กต่างจังหวัดอ่ะครับ ต้องขอโทษทีในความรู้ด้านนี้ที่บกพร่องนะครับ)

แต่ยังไงผมเรียนเชิญเข้ามาเป็นศิษย์อาจารย์วิทย์ จันทร์หอมกันนะครับ ^^

ขอบคุณครับ