ไม่รู้จักกัน

เคยกราบเรียนถามลูกศิษย์หลวงปู่ขาวว่า ทำไมเมืองลาว เมืองเขมรก็เป็นเมืองพุทธศาสนา ทำไมถึงล่มได้ พระท่านบอกว่า มหาบพิตรคิดดูซิ มีไฟนี่ แต่เราไม่เปิดไฟ ก็สักแต่ว่ามีไฟ เราไม่เสียบปลั๊ก ไม่เปิดไฟ ไฟก็ไม่มี มันต่อกันไม่ได้ แม้ว่าเป็นเมืองพุทธศาสนา แต่คนที่ประพฤติธรรมน้อย ก็ช่วยไม่ได้ บารมีของพระพุทธองค์ก็ช่วยไม่ได้ ต้องมีคนที่ประพฤติธรรม โดยเฉพาะพระประมุข ผู้บริหารประเทศนี่ ต้องอยู่ในธรรม ก็เลยเข้าใจว่าทำไมพระเจ้าอยู่หัวปฏิบัติ


ฉันเอง แปลกใจ อันนี้ คุณหญิงสมสุข (คุณหญิงสมสุข ศรีวิสารวาจา นางสนองพระโอษฐ์) ไม่อยู่เป็นพยาน ไม่ทราบใครในห้องนี้เป็นพยานมั่ง ที่เสด็จฯ แล้วเห็นกับตาเลยว่า ทางนี้ (ทรงชี้ซ้าย) ฟ้าผ่า ทางนี้ (ทรงชี้ขวา) พายุมืด แล้วนั่งเฮลิคอปเตอร์ ฟ้าผ่า แปร๊บๆ เห็นเชียวว่าครืนๆ แล้วเฮลิคอปเตอร์นี่กำลังอยู่ในอากาศ ฝนตกแปลกมากเลย ฝนตกเป็นม่านหนักเชียว แต่มาหยุดก่อนที่จะถึงเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์นี่ เปิดเป็นทางแนวเดียวตรงที่เฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งอยู่นี่สว่าง ไม่มีอะไร ฝนก็ไม่สาดถึง เห็นแล้วก็มองตากัน นักบินก็มองกัน ทางด้านหนึ่งเป็นฟ้าแลบแปร๊บๆ อีกทางหนึ่งเป็นฝน แต่หยุดตรงหน้า (ทรงชี้ลงหน้าพระพักตร์) อย่างนี้ก็อธิบายไม่ได้ว่าเพราะอะไร

 

(นักข่าวกราบบังคมทูล) : เพราะพระบารมีของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพคะ

(รับสั่งถาม) คุณทราบไหมว่า บารมีนี่แปลว่าอะไร เพราะบางคนเขาหมั่นไส้ “พระบารมีปกเกล้า” พระท่านบอกว่า บารมี หมายความว่า ความดีที่สะสมเอาไว้ สะสมไว้ตลอด ท่านบอกว่า สะสมแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่ปางบรรพ์ถึงชาตินี้ สั่งสมไว้มาก นั่นถึงเรียกว่า คนที่มีความดีไว้ในตัว อย่างท่านอาจารย์ฝั้นนี่ ท่านมีบารมีสูงกว่าพวกเราๆ ถึงไปกราบท่าน ท่านสั่งสมไว้มาก


(ทูลถาม) จริงหรือเปล่าเพคะที่มีคนเขาว่า ท่านอาจารย์ฝั้นบอกกับคนอื่นว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นี่คือรัชกาลที่ 4 มาเกิด

(ทรงตอบ) อ้อ ถ้าเผื่อท่านอาจารย์ฝั้นกล่าวก็อาจจะเข้าเค้า ฉันไม่ทราบ เพราะไม่เคยกล่าวกับฉัน ทราบแต่ว่า ท่านบอกว่า พระเจ้าอยู่หัวองค์นี้มีบุญมาก เพราะว่าทำแต่ความดี แล้วก็มุ่งมั่นแต่ความดี ที่หลวงปู่โต๊ะท่านบอกว่า คนโง่ ถึงจะไม่รู้ว่า พระมหากษัตริย์พระองค์นี้เป็นอย่างไร คนโง่เท่านั้นที่จะด่าว่า แล้วท่านบอกว่า ไม่เป็นมงคลเลยกับตัวเขาเอง บอกว่าถึงเขาจะห้อยพระ ถึงเขาจะมีของดีอะไรก็ตาม ท่านบอก ถ้าไม่มีความดีเป็นรากฐานแล้ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนจะคุ้มครองได้ บอกคนนี้ต้องมีความดีอยู่ในตัว

 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯไปทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ณ วัดมหาสมณกิจภาวนา อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร และทรงเยี่ยมราษฎรที่มาคอยเข้าเฝ้าฯ ณ บริเวณวัด เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2523

(จิราภา อ่อนเรือง ทูลถาม) เวลานี้มีคนเล่าว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านทรงอุเบกขามากเหลือเกินและในวังเรียกท่านว่า “พระปัจเจกพุทธเจ้า” ไม่ทราบว่าเป็นจริงประการใด

(ทรงตอบ) อุ๊ย ไม่ถึงกับอย่างนั้น คือว่า เมื่อ 2-3 วันนี่ ท่านอาจารย์หลวงปู่โต๊ะ อายุ 94 เห็นพระทุกองค์นี่กราบหมด ไม่ว่าจะเป็นพระสมเด็จชั้นไหนก็กราบหมด ท่านอยู่วัดประดู่ฉิมพลี ท่านอาพาธมาอยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ก็ไปจัดที่บูชา ตั้งโต๊ะหมู่บูชาถวาย ช่วยกันกับคุณหญิงสุวรีจัดดอกบัวสัตตบงกชไปถวายที่หน้าโต๊ะหมู่บูชา แล้วก็คลานออกมากราบท่าน ท่านก็สอนให้

ท่านสอนว่า มหาบพิตร ไม่มีอะไรแน่หรอกในโลกนี้ อย่าไปถือว่า มีอะไรแน่นอน ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรแน่นอน ยึดไม่ได้ อย่าไปยึด อย่าไปถือ แต่ความดีความชั่วนี่ถือได้ มันติดอยู่กับตัวเรา แหม 94 แล้ว สมองท่านยังดีเยี่ยม ท่านบอกว่า มหาบพิตร แผ่เมตตาไปเรื่อยๆ ทำแต่ความดีเข้า ใครเขาจะว่าอะไร เมตตาเขาไป เขาไม่รู้ความจริง เขาถึงได้ว่า บอกว่า อย่าไปเคืองแค้น แผ่ไป เมตตา แล้วท่านก็กล่าวถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า คนที่เขาตำหนิติเตียน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นี่ เขาต้องเป็นคนที่ไม่มี...เป็นคนไม่ฉลาด บอกว่า ต้องดูซิว่า ทำไมท่านถึงได้มาเกิดที่นี่ แล้วก็ต้องดูต่อว่า ทำไมเวลาท่านเกิดที่นี่ ท่านมีแต่ให้ ให้บ้านให้เมือง ท่านไม่มีเอาเลย ทำไมท่านถึงทำอย่างนั้นเสมอต้นเสมอปลายก็ต้องแสดงว่า ท่านเป็นผู้ที่จิตชำระสะอาดมาก แล้วดูซิว่า ท่านเอาไหม บอกถ้าคนฉลาด เขาจะคิดอย่างนี้ ถ้าคนไม่ฉลาดก็อย่าไปเคืองแค้นเลย เพราะว่าเขาคิดได้แค่นั้นเอง ท่านสอนโดยไม่ได้ถามท่านเลย

 

พระเจ้าอยู่หัวนี่ แม้แต่อยู่ลำพัง ไม่เคยเห็นท่านเคยรับสั่งอะไรที่ไม่ควร ไม่เคยโปรดเลยที่จะว่าใคร นินทาใคร ท่านไม่มีเลย ท่านไม่ชอบวิพากษ์วิจารณ์ใครเลย แม้แต่อยู่ลำพังนี่ ท่านก็จะพูดสิ่งที่สร้างสรรค์ทั้งนั้น ท่านจะสนุก อย่างเรื่องดนตรี เรื่องเรือใบ ตอนนี้ท่านก็สนุกกับการพัฒนา ท่านก็พูดแต่พัฒนาแผนที่ของท่าน ท่านไม่รับสั่งเรื่อง ที่ไปกระทบหรือไปใส่ร้าย หรืออะไรกับใคร ต้องคนอยู่ใกล้พระองค์นี่ถึงจะเห็น แล้วท่านทำอะไร ท่านก็ทำเองหมดเลย อย่างจะเสด็จฯ ภาคใต้นี่ ท่านก็แพ็คของเอง ในการแต่งพระองค์ก็ไม่สนพระทัยเลย

ขำ เมื่อตอนท่านหนุ่มๆ บอกว่า ท่านดัดผม (ทรงพระสรวล) ในหลวงดัดผม ที่แท้แม้แต่จะส่องกระจกนานๆ ก็ไม่ส่อง ไม่สนพระทัย แล้วก็อย่างกระดุม กระดุมของรัชกาลที่ ๕ ที่ทรงใส่ ๕ เม็ดนี่ สวย เป็นไพลิน งามๆทั้งนั้น ฉันเอามาให้ท่านไว้ใส่ ท่านก็ไม่ชอบใช้ นาฬิกา ซื้อถวายเมื่อวันเฉลิมฯ ซื้อเป็นเรือนทอง ท่านก็ไม่ชอบ เพราะท่านบอกว่า “ต้องแกะเข้าแกะออก ฉันไม่ชอบ ชอบเวลาล้างมืออะไรมันได้ทั้งนั้น” ตกลงเสด็จฯ ออกสเตทวิสิท (การเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการ) ก็นาฬิกาเหล็กนั่น เสด็จฯ ลงเรือใบก็นาฬิกาเหล็กเรือนนั้น

 

ที่แปลก คือเรื่องเสวยนี่ จะเย็นจะร้อน ท่านไม่สนพระทัยเลย เอามาตั้งนี่ ไม่เคยขอเลย เติมน้ำปลา ไม่เคยเลย นี่มหาดเล็กที่อยู่นี่ทราบเป็นพยานได้เลย ท่านไม่เอา ไม่สนพระทัยเลย


แหล่งข้อมูล

ยิ้มทั้งน้ำตา!! เผยพระราชกระแสครั้งประวัติศาสตร์!!

ศักดิ์สิทธิ์ เรียบเรียง

 

อยากโม้

(10/12/2019) เมื่อคืนข้อยฝันอีกแล้ว คราวนี้ได้ธาตุกายสิทธิ์ของพญานาคล๊ายหลาย

ฝันแปลกเด้ ข้อยไปนอนบ้านไผเนาะ ตอนที่พลิกตัวลุกขึ้น มีซองซิบใส่ธาตุสีเขียวขุ่นๆ แบบน้ำนม สองชิ้น อยู่ตรงที่ข้อยนอน ชิ้นหนึ่งใหญ่ ชิ้นหนึ่งเล็ก ข้อยหยิบขึ้นมาเบิ่ง จั๊กมาจักไส ข้อยกะจะเอาไปอวด เปิดไฟบ่ติดสักดวง มือก็ถือถุงพลาสติกนั้น เดินหาสวิทซ์ไฟ กดๆๆๆ กี่สวิทซ์ไฟก็บ่ติด ปรากฏว่าซองพลาสติกที่มีธาตุอยู่สองชิ้น ปรากฏธาตุกายสิทธิ์เพิ่มขึ้นอีกหลายชิ้น ตอนแรกข้อยก็มองซื่อๆ แค่ก้อนหิน ข้อยคิดจั่งสั้น ที่ไหนได้ ปรากฏสีรุ้งขึ้นในถุง ป๊าดดดด...ธาตุพญานาคนี่หว่า

มีผู้หญิงมาบีบมือข้อยจนรู้สึกเจ็บ ตอนที่ข้อยหลับ ข้อยร้องว่าเจ็บ ผู้หญิงก็ผ่อนแรงลง แล้วบอกว่ายังรักษาได้ 555 งงเลย

ฝันไปเมื่อวันก่อนนู้น เพิ่งแจ่มแจ้งทั้งการปั้นแม่พระธรณีวันนี้ จากโพสต์ของน้อง..... เรื่องอกธรณี หรือเหล็กไหลนาคราช สีดำสนิทจนเป็นประกายรุ้ง

คราวนี้ท่านเสด็จมาเอง บ่มีไผนำมาให้

ฝันแม่นแท่ เป็นหยังซื้อหวยบ่ถึก

 

พอดีน้ำในแม่น้ำโขงขณะนี้ลดลงจนเป็นเนินทราย ธาตุกายสิทธิ์ที่อยู่ในน้ำโขงจึงปรากฏออกมา

น้องที่ไปอัญเชิญเล่าว่า.......
" มีเหตุการณ์มากมาย ภายในสามวันก่อนนี้ สุดๆ คะ หลายเหตุค่ะ ล่าสุดคือ กลับแม่น้ำค่ะ หนูต้องลงน้ำลึกมากๆๆๆๆๆๆๆ เท้าไม่แตะพื้นสักที กะตายแน่ๆ ยอม ก้อเลยดิ่งลง แล้วพนมมือ สักพักตัวลอยพุ่งขึ้นเหนือน้ำ มือที่พนมแตะอากาศได้ ดีใจ เรารอดตายเเล้ว อัศจรรย์น่ะพี่ ใจนี่หวิวๆเลย หนู มีหน้าที่รับมา เพื่อส่งสู่สายสัมพันธ์ท่านนาคราช สายสัมพันธ์ เท่านั้น! ทุกๆคนจะมารับเองโดยไร้เหตุและผล ทุกชิ้นล้วนเสด็จมาตามวาระเสมอค่ะ ขอบอกว่าพี่คนแรกที่มารับ มีคนอื่น แต่ท่านยังไม่สนทนาด้วย เลือกสนทนากับพี่คนแรก ยินดีนะคะ ขอให้สมดั่งปรารถนาที่จิตตั้งไว้ สาธุบารมี "

จริงๆ เราอธิษฐานจิตเกี่ยวกับงานบุญสร้างบันไดหน้าพระอุโบสถ ซึ่งใช้งบประมาณ 1 ล้านบาท อธิษฐานแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว คิดว่าจะไปหาทรัพย์มาจากไหนในการสร้าง ก็อธิษฐานถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆ พระองค์ทุกวัน ขอให้ท่านมาร่วมสร้าง หรือนำทรัพย์มาร่วมสร้างที ไปที่ไหนก็นึกชวนในใจ ชวนมาร่วมบุญร่วมสร้าง ขอเงิน 1 ล้าน ถ้าเป็นไปได้ ก็คิดๆ นึกๆ ไป จะได้ถวายไปเลยทีเดียว

อย่างที่รู้ๆ กันว่าช่วงนี้เศรษฐกิจแย่มาก ข้าวของขึ้นราคา สินค้าอุปโภคบริโภคขึ้นราคาเป็นเท่าตัว แต่ค่าแรงและเงินเดือนของคนทำงานเท่าเดิม เราก็ไม่กล้าไปรบกวนใคร ลำพังปากท้องก็ทำกันให้รอดก่อน

น้องเค้าส่งรูปมาให้ชมค่ะ เพิ่งนำขึ้นมาเมื่อตอนค่ำนี่เอง

 

ดอกบัวล้วนเกิดขึ้นที่ตม ไม่มีใครบริสุทธิ์ผุดผ่อง ดีเลิศประเสริฐศรีมาก่อนทั้งนั้น ล้วนล้มลุกคลุกคลานมาจากกระแสที่มืดบอด

จงรู้จักให้อภัยตนเองและผู้อื่น เพราะทุกคนล้วนเป็นบัวบานรับแสงตะวันในอนาคตได้เช่นกัน

 

ถ้อยคำเหน็บแนม ส่อเสียด เปรียบเทียบ ล้วนมีเหตุมาจากจิตริษยา ตัวนี้เป็นอุปกิเลส...จึงเป็นคำสอนที่ไม่ผ่องใสอ่านแล้วจิตใจขุ่นมัว

 

เราโชคดีหลายๆ อย่างในชีวิตนี้

1.ได้เกิดมาในครอบครัวที่แสนอบอุ่น มีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์ แข็งแรง มีพ่อแม่พี่น้องที่รักกัน
2.ได้เกิดมาเป็นชาวพุทธ ได้พบพระพุทธศาสนา
3.ได้อยู่ในภูมิประเทศที่อุดมสมบูรณ์
4.ได้ประพฤติปฏิบัติธรรม สร้างบารมี
5.มีบุตรบริวารและมิตรสหายที่ใจบุญใจกุศล
6.มีสติปัญญาแก้ปัญหาในชีวิตได้เสมอ

ได้เกิดมาชาตินี้คุ้มค่าแล้ว
รักตัวเองที่สุด

...แล้วคุณล่ะ ได้พบความโชคดีของตนหรือยัง?

 

ขอขอบคุณทุกความดี
ขอขอบคุณทุกความชั่ว
ขอขอบคุณทุกความรัก
ขอขอบคุณทุกความชัง
ขอขอบคุณทุกความสมหวัง
ขอขอบคุณทุกความผิดหวัง
ขอขอบคุณทุกรูป-นาม ที่มาแสดงเป็นตัวอย่างให้ดู ให้ได้รู้ ให้ได้เห็น ทั้งคุณและโทษ
.....ฯ.....
ทุกสภาวธรรมที่เกิดขึ้นล้วนมีคุณ
ขอขอบคุณทุกสรรพสิ่งที่เป็นไป_/|\_

 

ท่านมาแล้ว
(นาคราชสีเขียวสด ครีบแดง)

นะโม 3 จบ
พุทธะ มะอะอุ นะโมพุทธายะ
วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานิมามะ พุทธัสสะ สวาโหม

 

ธรรมลีลา

ผู้ที่เข้าถึงธรรมแล้ว เห็นธรรมเหมือนกัน แต่เวลาแสดงออกมาต่างกันที่ลีลา ลีลาเป็นไปตามจริตเดิมที่สั่งสมมาของแต่ละท่าน

จะเห็นว่าบางท่านแสดงออกห้วนๆ บางท่านแสดงออกนุ่มนวล บางท่านแสดงออกแบบกลางๆ... ท่านเรียกว่าธรรมลีลา หรือลีลาธรรม

จริตตรงกันก็เข้าใจกันในลีลานั้นๆ จริตไม่ตรงกันก็จะซักค้านกัน ความจริงก็ธรรมอย่างเดียวกัน มีแค่เรื่องเดียว คือทุกข์

 

อกธรณี หรือ (แร่ดูดทรัพย์) เหล็กไหลพญานาคมีลักษณะ เป็นหินที่มีแร่เหล็กผสมอยู่มาก ทึบแสง แสงไม่สามารถส่องได้ คนไทยรู้จักกันใน ชื่อ เเร่ดูดทรัพย์ แม่เหล็กสามรถดูดได้

คุณสมบัติ เชื่อกันว่าเป็นเเร่ดูดทรัพย์ จะนำโชคลาภมาให้แก่ผู้ครอบครอง จากความสามารถที่ทำให้แม่เหล็กดูดได้นั้น บางคนเชื่อว่ามีพลังดูดเงิน ดูดโชคลาภ เหมาะสำหรับผู้ค้าขาย สมัยโบราณ ผู้ค้าขายมักจะมีอยู่ติดตัวเสมอๆ เหมาะแก่เก็บไว้เป็นของสะสมสำหรับผู้รักหิน

เหล็กไหลนาคราช หรืออกธรณี หรือแร่ดูดทรัพย์ เป็นของหายากตามธรรมชาติ ลักษณะเป็นก้อนหินที่มีธาตุเหล็กอยู่ภายในมีน้ำหนักเหมือนเหล็ก ผิวมีสีอมดำเป็นเมฆพัตร แม่เหล็กดูดติด พบได้ยาก เพราะจะอาศัยอยู่ในน้ำ ตามลำธาร แม่น้ำใหญ่ เช่น แม่น้ำโขง แม่น้ำแยงซีเกียง แม่น้ำคงคาและแม่น้ำสินธุ

เหล็กไหลนาคราช มีญาณบารมีของพญานาคอยู่ภายใน จึงมีพลังอานุภาพโดยเฉพาะทางป้องกันเขี้ยวงา อสรพิษขบกัด เชื่อกันว่าเเร่ดูดทรัพย์นี้จะนำโชคลาภมาให้แก่ผู้ครอบครอง บูชา

 

รู้สึกภาคภูมิใจกับลูกหลาน และขอบคุณพวกเค้า ตอนนี้มองเห็นแต่คุณของสรรพสิ่ง เพราะมีพวกเธอ ฉันจึงมีกำลังแรงใจ ฉันดีใจที่มีเธอ เมื่อจิตใจดี มองเห็นอะไรๆ ก็ดีไปหมด ความรัก ความอ่อนโยน ความไร้เดียงสา ก่อเกิดความเมตตา ความเมตตายังจิตใจให้มีความละเอียด อ่อนนุ่ม ....เมตตาธรรมค้ำจุนโลก

อ่านข้อความในทุกที่นะ แต่ไม่คิดตาม จึงไม่มีถูกผิด ประโยชน์ที่แท้จริงคือรู้ที่เรา เมื่อใดที่ตัดสินถูกผิด นั่นแหละอุปาทานเอาไปกินแล้ว อ่านแล้วก็อืมๆ เขาปฏิบัติแล้วได้อย่างนั้น เห็นอย่างนั้น ไม่เปรียบเทียบเราเขา มันก็เป็นไปตามวิถี ขึ้นอยู่กับว่าจิตอยู่ในวิถีอะไร คนเราทำผิดได้ก็ทำถูกได้ ทุกคนล้วนมีความสามารถ รู้จักประมาณตนก็จะไม่ก้าวก่ายกัน ดูความคิด ระวังความคิด เห็นให้ทันเวลามันแฉลบ

เห็นลมทั้งภายนอกและภายใน อาการและลักษณะต่างๆ ของลมที่ส่งผลกับอารมณ์ต่างๆ อารมณ์แบบนี้ลมจะมีลักษณะอย่างไร เมื่อรู้เห็นชัดแจ้งแล้วก็นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับตนได้ สามารถคุมลม คุมอารมณ์ คุมจิตให้เคลื่อนไปตามทำนองคลองธรรมได้ เกิดความสงบในตนและสงบไปถึงภายนอก จึงสงบและสันโดษ อารมณ์ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อมรรคผลจะค่อยๆ เลือนหายไป

 

โครงการแบ่งปันไออุ่นให้น้องบนดอยสูง

ภาระกิจอิ่มบุญกับคณะพระธรรมนำสุข.ในการมอบไออุ่นให้น้องบนดอยช้างในวันนี้.แจกทานผ้าห่มกันหนาวให้เด็กน้อยที่โรงเรียนอนุบาลดอยช้างจำนวน 83 ผืน และแจกผ้าห่มให้กับผู้สูงอายุที่สำนักสงฆ์บ้านห้วยขี้เหล็กอีก 45 ผืน พร้อมเด็กๆอีก 25 คน

น้อมกราบอนุโมทนาบุญกับพระอาจารย์สมศักดิ์และพระอาจารย์ทุกรูป.ที่ร่วมสมทบปัจจัยให้นำไปชื้อผ้าห่มมา.เพื่อแจกจ่ายกับเด็กๆ และผู้สูงอายุในครั้งนี้ และน้อมกราบขอบพระคุณสายบุญทุกสายที่ได้ร่วมสมทบบัจจัย ร่วมกับคณะของท่านมาทั้งหมด 3,024 บาท.

ในนามสะพานบุญ ขอน้อมกราบในเมตตาจิตจากทุกๆ ท่านที่มีให้แก่เพื่อนร่วมทุกข์ทั้งปวง.ช่วยแบ่งปันไออุ่นเพื่อบรรเทาความหนาว.บนพื้นที่ดอยสูงที่จ.เชียงราย.นี้มาด้วยความปิติและชาบชึ้งค่ะ

กราบอนุโมทนาสาธุๆๆในบุญนี้ร่วมกันนะคะ ทุกๆท่าน

 

ให้ทานแก่ตนเองนะ สละอารมณ์ขุนมัว สละความยึดมั่นถือมั่น ถือตัวถือตน เป็นการทำทาน ปลดล๊อคความพยาบาท จองเวร ด้วยอโหสิกรรม

รูปเกิดแล้วดับ นามเกิดแล้วดับ ไม่ติดข้องพัวพัน แค่ธรรมลีลา ธรรมบันเทิง อย่าเห็นว่าใครดี อย่าเห็นว่าใครชั่ว เป็นแค่เพียงรูป นาม

เวลาที่เห็นใครพูดผิด แล้วอดไม่ได้มีความรู้สึกอยากบอกเขา แจกแจงให้เขารู้ เหตุอะไรที่เกิดก่อนแล้วบอกว่าต้องแจกแจง เคยนำมาพิจารณาไหม?

มีการส่งออกไปรับรูป แล้วปรุงเป็นนาม นามสัญญาเกิด ปรุงต่อไปสังขาร ตัวตนแทรกอยู่ในภายใน ทิฐิมานะ เรา เขา.....ต้องพูด ต้องบอก ต้องแสดง ตามมา สติไม่อยู่ที่ฐาน จิตไม่อยู่ที่ฐาน กิเลสเกิด อุปกิเลสเกิด แล่นตามไป

ถ้าเห็นเท่าทัน จะสงบ ถ้าไม่ทันก็แล่นไปหลายบรรทัด เพราะจิตถูกบีบคั้น บีบคั้นไป จนสติตามทัน ตามเท่า กิเลสอ่อนแรง ดับ ยึดดี ยึดถูกต้อง ยึดชั่ว ยึดผิด มีการยึดมั่นถือมั่น ก็วนเวียนอยู่กับโลกิยะ ผลของสติปัฏฐานคือต้องรู้เท่า

 

ถ้าบ่อยครั้งต้องเผชิญหน้า กับคนที่ไม่ชอบหน้าคุณ ก็คงนับเป็นทุกข์ชนิดหนึ่งในโลกได้

แต่ ‘ทุกข์ทางใจ’ ทุกชนิด จะเบาลงทันทีที่มี ‘ความเข้าใจ’ มาช่วยบรรเทา

กรณีนี้หมายความว่า ถ้าคุณเข้าถึงจิตถึงใจ รู้ว่าอารมณ์ชนิดไหนพาให้เขาเกิดความรู้สึกไม่ชอบขี้หน้า คุณก็จะเห็นใจเขามากขึ้น ถือสาเขาน้อยลง
หรือกระทั่งยิ้มเผื่อแผ่สุขให้เขาได้ (ซึ่งถ้าทำได้อย่างบริสุทธิ์ใจ ก็เรียกว่าเป็นการแผ่เมตตา เป็นสมาธิชนิดหนึ่งที่ฝึกได้ในชีวิตประจำวันโดยเอาคนไม่ชอบกันมาเป็นแบบฝึกหัด)

การจะเข้าถึงและเข้าใจ ‘อารมณ์ไม่ชอบขี้หน้า’ ของมนุษย์ได้นั้น คุณต้องรู้จักมนุษย์ให้ลึกซึ้ง ซึ่งนั่นก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าทำความรู้จักตัวเอง ที่เป็นมนุษย์ทั้งแท่งอยู่แล้วคนหนึ่ง

ตอนคุณเจอหน้าใครแล้วนึกไม่ชอบใจ ขอให้สังเกตว่าเป็นไปได้ ๒ อารมณ์หลักๆ

หนึ่ง คือ ไม่ชอบอย่างมีเหตุผลรองรับชัดเจน เช่น ยายนี่ชอบโกหก เรื่องพูดตรงๆได้ก็แหลสร้างภาพเสียอย่างนั้น หรือเพื่อนคุณเคยแอบกระซิบว่าไอ้หมอนี่ชอบหลอกฟันแล้วทิ้ง แถมปอกลอกผู้หญิงก่อนตีตัวออกห่าง เป็นต้น อารมณ์ไม่ชอบที่เกิดขึ้นอย่างมีที่มาที่ไปนี้ มีผลให้เวลาเจอหน้าฝ่ายนั้นแล้ว จะเกิดความรู้สึกเป็นลบนำขึ้นมา จิตใจรู้สึกคล้ายถูกเสียดแทงด้วยของแหลมสีดำร้อนๆ จากนั้นถ้าต้องพูดคุยกัน ก็มักมีคำบางคำ หรือการทำสีหน้าสีตาบางอย่างของเขา ที่กระตุ้นให้นึกถึงพฤติกรรมแย่ๆ จะเป็นสิ่งที่คุณเคยเห็นมากับตา
หรือเป็นคำบอกเล่าที่คุณเคยได้ยินได้ฟังก็ตาม

สอง คือ ไม่ชอบโดยมีเหตุผลที่ไม่ชัดเจน เช่น เห็นหน้าแล้วคล้ายเจอคลื่นรบกวนกระแทกใจ เกิดจากอะไรก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าคุณไม่ได้แกล้ง แล้วก็ไม่ได้อุปาทานชั่วคราว เพราะยิ่งเจอยิ่งระคายหนักขึ้น
ไม่มีทีท่าว่าจะลดลงแต่อย่างใด คุณอาจนึกสงสัยตัวเองว่า เขาไม่ได้มาทำอะไรให้สักหน่อย ทำไมต้องไปเกลียดเขาด้วย หรืออีกทีก็ขี้เกียจสงสัย
ไม่รู้จะหาคำตอบจากไหน ช่วยไม่ได้ เกลียดแล้วเกลียดเลยก็แล้วกัน และทั้งหมดที่เกลียดก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าหน้าตาเดี๋ยวนี้ วิธีพูดเดี๋ยวนี้ ที่คุณเห็นและได้ยินจังๆนั่นแหละ ไม่ได้มีพฤติกรรมเลวร้ายอันใดในอดีตเข้ามาเกี่ยวข้องเลย

รู้จักไว้! อารมณ์มนุษย์เป็นอย่างนี้ สังเกตตัวเองบ่อยๆ ทำความรู้จักกับอารมณ์มนุษย์ให้ลึกซึ้ง และที่สำคัญคือ เมื่อเกิดความไม่ชอบหน้าใครขึ้นมา ให้สังเกตด้วยว่าน้ำเสียงของคุณเปลี่ยนไปอย่างไร หน้าตาตึงขึ้น มองหน้าเขาตรงๆหรือเหล่ๆท่าไหน เก็บรายละเอียดให้หมดและจำไว้แม่นๆ

คุณจะประหลาดใจว่า พอทำความรู้จักกับอารมณ์ไม่ชอบชนิดต่างๆของตัวเองได้ ก็จะช่วยให้มองแล้วรู้ว่าคนที่ไม่ชอบขี้หน้าคุณนั้น เขาไม่ชอบแบบมีเหตุผล หรือไม่มีเหตุผล เขาเข้าใจผิด หรือเข้าใจถูกอยู่แล้ว คุณมีสิทธิ์หรือไม่มีสิทธิ์แก้ความเข้าใจผิดของเขา

คุณจะรู้ว่าคนไหนควรปล่อยเขาออกไปให้พ้นๆใจ แบบไม่ต้องไยดี แล้วก็รู้ว่าคนไหนที่สมควรให้เวลา ทุ่มเทพลังทั้งหมดเพื่อเปลี่ยนทัศนคติของเขาที่มีต่อคุณเสียใหม่

เปลี่ยนความเสียใจที่ถูกเกลียด ให้กลายเป็นความเข้าใจอารมณ์เกลียดของมนุษย์ แล้วคุณจะเป็นสุขอยู่ท่ามกลางความพร้อมจะเกลียดแบบไม่ต้องมีเหตุผล โดยเฉพาะในยุคที่คนในโซเชียลมีเดียอาละวาด อยู่อย่างร้อนแรงเหมือนเดี๋ยวนี้!

เครดิต...Dungtrin

 

“ให้ดูใจ ถ้าหากว่าเราดูใจของเราแล้ว ทำดีได้ดีจริง ใจมีความสบาย ใจมีความสุขจริง ทำไม่ดี ได้ความไม่ดีจริง ใจไม่สบายจริง ใจเป็นทุกข์จริง

ถ้าเราดูใจของเราแล้ว มันชัดเหลือเกิน พระพุทธเจ้าจึงทรงสอนให้ดูใจของเรามาก ๆ แล้วคำว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว อันนี้เราจะยอมรับอย่างสนิทใจ อย่าใจร้อน ค่อยเป็นค่อยไป อย่าใจร้อน ใจร้อนจะร้อนใจ ร้อนใจเพราะไม่ได้ดั่งใจ ทำใจเย็นๆ แต่ว่าต้องมีความพยายามให้มาก พอใจในการทำให้มาก อันนี้เป็นข้อปฏิบัติที่ถูกต้อง”

พระภาวนาวิสุทธิญาณเถร
(หลวงปู่แบน ธนากโร)
วัดดอยธรรมเจดีย์ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร

 

...บทความจากเฟสบุค...

"ความจริงใจจะมีค่า ถ้าใช้ถูกที่ ถูกเวลา และถูกคน"

คนที่คบค้ากับใคร ต้องการผลประโยชน์เป็นหลัก การแสดงความจริงใจออกไปก็ไม่มีความหมายอะไรกับคนเขา...

เพราะไม่ให้ผลตอบแทนอย่างที่เขาคิดที่หวังไว้ในสังคมไทยเรามีคนประเภทนี้อยู่มาก..

แต่ในเวลาเดียวกันก็มีคนที่คบค้ากับใครไม่หวังผลตอบแทนก็มีมาก ขึ้นอยู่กับบุญและกรรมที่สั่งสมมาร่วมกันมาเมื่อถึงเวลาเราก็จะได้พบเจอกันเอง...

การแสดงความจริงใจกับใครคิดดีพูดดีทำดีมีจิตใจที่ดีทำแต่สิ่งดีๆก็จะมีแต่เรื่องดีๆเข้ามา..