เรื่องเด่น ๒๕๕๔ ปีแห่งการสร้างระบบการดูแลผู้สูงอายุไทย

ในห้อง 'ข่าวทั่วไป' ตั้งกระทู้โดย ษิตา, 9 มกราคม 2011.

  1. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,209
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,712
    2554 ปีแห่งการสร้างระบบการดูแลผู้สูงอายุไทย


    [​IMG]


    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>ในช่วงเวลากว่า 2 ทศวรรษที่ผ่านมา โครงสร้างประชากรของประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วมาก วิวัฒนาการด้านการแพทย์ ส่งผลต่อการลดระดับการตาย และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างทางอายุของประชากรไทย กล่าวคือ พบว่าในช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมาทั้งจำนวนและสัดส่วนของประชากรไทยในวัยเด็ก (อายุต่ำกว่า 15 ปี) ลดลง ในขณะที่จำนวนของประชากรในวัยแรงงาน (อายุ 15-29 ปี) ยังคงเพิ่มขึ้น สำหรับประชากรสูงอายุหรือประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มีจำนวนและสัดส่วนเพิ่มขึ้น


    จากรายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุไทยปี 2552 ของ มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย เรื่องการศึกษาขนาดและแนวโน้มประชากรผู้สูงอายุไทยระหว่างปี 2503 พบว่า ประชากรอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปมีเพียง 1.5 ล้านคนหรือประมาณร้อยละ 5.4 ของประชากรทั้งหมด แต่ขนาดของประชากรตั้งแต่อายุ 60 ปีขึ้นไปเพิ่มเป็น 7 เท่าคือประมาณ 7.6 ล้านคนในปี 2552 ทำให้เป็นปีที่ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์ นั่นคือมากกว่าร้อยละ 10 ของประชากรทั้งหมด


    การเพิ่มขนาดและสัดส่วนประชากรสูงอายุไทยยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการคาดการณ์ในปี 2568 หรืออีก 15 ปีข้างหน้า จำนวนผู้สูงอายุจะเพิ่มเป็น 14.9 ล้านคนหรือคิดเป็น 2 เท่าของปี 2552 และในปี 2573 จะเพิ่มขึ้นเป็น 17.8 ล้านคน หรือคิดเป็น ร้อยละ 25 ของประชากรทั้งประเทศ


    การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางอายุของประชากรสูงอายุชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มที่ประเทศไทยจะมีขนาดและสัดส่วนของประชากรสูงอายุที่มีอายุมากๆ เพิ่มสูงขึ้น นับเป็นประเด็นท้าทายในการให้การดูแลทางด้านสุขภาพแก่ผู้สูงอายุที่มีอายุมาก หรือผู้สูงอายุวัยปลายเป็นอย่างมาก


    ในปี 2554 เป็นต้นไป การสร้างระบบความคุ้มครองทางเศรษฐกิจและสังคมสำหรับผู้สูงอายุ เป็นประเด็นที่ควรให้ความสำคัญ


    [​IMG]



    หนุนรัฐสร้างหลักประกันด้านรายได้ยามชราภาพ


    รัฐบาลเริ่มดำเนินการนโยบายเบี้ยยังชีพอย่างถ้วนหน้า แก่ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 500 บาทต่อเดือน ส่งผลให้มีผู้สูงอายุได้รับเบี้ยยังชีพในปี 2552 เป็นจำนวน 5,652,893 คนคิดเป็นร้อยละ 80 ของจำนวนผู้สูงอายุทั่วประเทศ ทำให้ยังมีผู้สูงอายุบางส่วนที่ยังไม่รับ และในระยะยาวยังไม่มีหลักประกันว่ามาตรการนี้จะยังคงอยู่อย่างยั่งยืน


    นอกจากเบี้ยยังชีพที่ยังไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้สูงอายุแล้ว การออมของแรงงานเพื่อใช้จ่ายยามชราภาพก็เป็นมาตรการสำคัญที่หนุนเสริมหลักประกันรายได้ ซึ่งขณะนี้กระทรวงการคลังได้นำเสนอ พ.ร.บ. กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาในระดับสภาผู้แทนราษฎร แต่พ.ร.บ.ฯนี้ครอบคลุมเพียง กลุ่มแรงงานนอกระบบ 24 ล้านคนเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแรงงานมีการเปลี่ยนงานระหว่างนอกระบบไปเป็นแรงงานในระบบ หรือกลับกันไปมาอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นรัฐบาลควรคำนึงถึงความเป็นจริงดังกล่าว และสร้างระบบการออมที่ต่อเนื่องและยั่งยืนเพื่อเป็นหลักประกันรายได้ให้แก่แรงงานเพื่อใช้จ่ายยามชราภาพและควรขยายช่องทางการออมที่มีความหลายในรูปแบบที่ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย


    [​IMG]



    เพิ่มโอกาสการจ้างงาน-ลดภาระพึ่งพิง


    การเพิ่มโอกาสในการทำงานของผู้สูงอายุที่ยังสามารถประกอบอาชีพได้เป็นแนวทางหนึ่งที่จะทำให้ผู้สูงอายุสามารถใช้ศักยภาพที่มีอยู่มาสร้างรายได้ให้แก่ตนเองและครอบครัวโดยไม่ต้องพึ่งพิงบุตรหลานหรือภาครัฐมากนัก ซึ่งปัจจุบันมีผู้สูงอายุเป็นผู้ที่ทำงานนอกระบบประมาณ 2.79 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 91 เป็นแรงงานที่ไม่ได้รับการดูแล คุ้มครองสวัสดิการและประกันสังคม ขาดอำนาจการต่อรองในการเรียกร้องสิทธิ์ต่างๆ ตามกฎหมายแรงงาน มีแนวโน้มการมีปัญหาจากการทำงานสูงขึ้น อาทิ ค่าตอบแทนไม่เป็นธรรม งานหนัก และงานขาดความต่อเนื่อง


    รัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาทบทวนและหามาตรการลดการกีดกันทางอาชีพระหว่างผู้สูงอายุกับวัยอื่นๆ โดยผลักดันให้มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองแรงงานสำหรับผู้สูงอายุ เพื่อให้ผู้สูงอายุมีงานทำ มีรายได้และมีสวัสดิการที่ได้รับการคุ้มครองอย่างต่อเนื่อง



    [​IMG]


    พัฒนาระบบการเข้าถึงบริการสุขภาพ


    ปัญหาความเสื่อมถอยของร่างกาย ทำให้ผู้สูงอายุมีปัญหาสุขภาพทางร่างกายและโรคเรื้อรังต่างๆ ข้อจำกัดในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันล้วนส่งผลต่อการเข้าถึงบริการสาธารณสุขและการส่งเสริมสุขภาพ มีผู้สูงอายุได้รับบริการส่งเสริมสุขภาพเพียงแค่ร้อยละ 15 เท่านั้น หน่วยบริการสาธารณสุขและรัฐ ควรเร่งพัฒนาระบบบริการสุขภาพให้อำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุและเพิ่มการเข้าถึงบริการสาธารณสุขมากขึ้นทั้งการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค การรักษาและการฟื้นฟูสภาพ และพัฒนารูปแบบบริการในชุมชนโดยชุมชนเพิ่มมากขึ้น เพื่อส่งเสริมการดูแลในบ้านและครอบครัวโดยความช่วยเหลือของชุมชน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าในสถานพยาบาล



    [​IMG]


    อปท.สร้างระบบดูแลร่วมกันในชุมชน


    การที่ลักษณะประชากรสูงอายุมีแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของกลุ่มผู้สูงอายุวัยปลาย และมีแนวโน้มการย้ายเข้าสู่เขตเทศบาลของผู้สูงอายุขึ้น ลักษณะของสังคมเมืองจะมีวัฒนธรรมที่แตกต่างจากชนบท การรวมกลุ่มเพื่อทำกิจกรรมทางสังคม การดูแลทางสังคมจะมีลักษณะเป็นกลุ่มย่อยมากขึ้น ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะมีบทบาทมากขึ้นในการประสาน จัดตั้งและส่งเสริมกลุ่มย่อยเหล่านี้ให้สามารถดูแลกันในชุมชน สร้างกลไกย่อยในชุมชน เช่นกองทุนสวัสดิการชุมชนเพื่อการดูแลทางสังคมโดยส่งเสริมบทบาทของภาคประชาสังคม อาสาสมัครในการบริการ


    อย่างไรก็ตามในเขตกทม.และเมืองใหญ่ในภูมิภาคยังมีข้อจำกัดมาก จากการที่สภาพความเป็นเมืองไม่เอื้อเกิดการรวมกลุ่มของผู้สูงอายุ และการช่วยเหลือกันในละแวกบ้านผู้สูงอายุ หน่วยงานทั้งรัฐและเอกชน ภาคประชาสังคมในชุมชน ควรริเริ่มการนำร่องในบริบทเขตเมืองให้มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียวอาจมีปัญหามากกว่ากลุ่มที่อาศัยอยู่กับครอบครัว ทำให้ต้องพัฒนารูปแบบการดูแลผู้สูงอายุในเมืองที่เหมาะสมกับสภาพผู้สูงอายุและสภาพแวดล้อม



    [​IMG]


    ก่อนสูงอายุ เตรียมตัวให้พร้อม



    ปีใหม่นี้เป็นโอกาสในการการเริ่มต้นที่ดี สำหรับการสร้างระบบการดูแลผู้สูงอายุเพื่อสอดคล้องกับสังคมไทยที่ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว ตั้งแต่ปี 2552 ประชาชนโดยเฉพาะวัยแรงงาน ควรต้องเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงทั้งการบริโภคและการออกกำลังกาย โดยปรับแผนการบริโภคอาหารให้ได้คุณค่าทางโภชนาการ งดการสูบบุหรี่ และดื่มสุราลดลง ใช้ชีวิตประจำวันที่เหมาะสมกับวัย คลายความเคร่งเครียด เพื่อลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคเรื้อรังที่ป้องกันได้ ได้แก่ 5 โรค คือ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เส้นเลือดในสมองตีบ โรคหัวใจ และมะเร็ง เพื่อจะส่งผลต่อการลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลในช่วงวัยสูงอายุ ที่สำคัญใครที่ยังไม่ได้เริ่มออม เป็นโอกาสดีที่จะเริ่มออมตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะยิ่งออมได้มาก หลักประกันทางเศรษฐกิจในยามแก่ชราก็จะยิ่งมั่นคงมากขึ้น .





    เรื่องโดย มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย(มส.ผส.)


    -----------
    ประชาชาติธุรกิจ
    2554 ����觡�����ҧ�к���ô��ż���٧������� : ��ЪҪҵ��͹�Ź�
    รูปภาพประกอบกระทู้จากอินเตอร์เน็ต
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    50,017
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,057
    ขอบคุณจขกทค่ะ ลูกๆหลานๆหายไปใหนหมด
     

แชร์หน้านี้

Loading...