คลังเรื่องเด่น
-
เรื่องใดที่ควรแก้ไขก่อนเพื่อให้เข้าถึงความเจริญ ?
คนเรานั้นมีความเข้าใจ และสติปัญญาต่างกันอย่างไรก็ตามการจะเข้าถึงความเจริญก้าวหน้าของชีวิตคือ การเดินรอยตามอริยมรรคมีองค์ 8 นั้น "ความเห็นผิด" หรือ มิจฉาทิฐิเป็นเรื่องแรกที่ต้องแก้ไข
หากเราไม่แก้ไขเรื่องนี้ก่อนเสียแล้ว ทำอะไรก็จะผิดไปทั้งหมด คือเข้าใจผิดแต่ต้นก็ย่อมทำผิดแต่ต้น เหมือนคนจะเดินทางไปภาคเหนือ แต่กลับเข้าใจว่าทิศใต้คือทิศเหนือ เดินอย่างไรก็คงไม่มีวันถึง
มีเจ้านครเสตัพยะผู้หนึ่ง นามว่า "ปายาสิ" หรือพระเจ้าปายาสิธิราช มีความเห็นผิดอันเป็นภัยร้ายกาจต่อพระศาสนาและระบบศีลธรรมจรรยา คือ พระองค์เชื่อว่า นรกสวรรค์ไม่มีจริง บุญบาปไม่มี ชาติก่อนชาติหน้าไม่มี
ปายาสิธิราชเป็นกษัตริย์นักพูด มีวาทะคารมคมคาย จึงสามารถหักล้างทฤษฎีของสมณพราหมณ์ได้เป็นจำนวนมาก พระเถระอรหันต์หลายต่อหลายรูป ท่านก็หมดกิเลสไปเท่านั้นแต่ไม่มีปฏิภาณปัญญาจะไปโต้ตอบกับเธอได้ จึงถอยห่างออกไป
พระกุมารกัสสปะ เป็นผู้เดียวที่มีความสามารถในการไขปัญหาได้ และท่านเป็นพระอรหันต์ จึงจำต้องไปโต้วาทะกับปายาสิราชันย์ ใช้เหตุใช้ผลอธิบายประกอบอุปมาอุปไมย ในประเด็นข้อสงสัยต่างๆ ของปายาสิธิราช
เจ้าปายาสิเชื่อว่านรกไม่มี... -
แม่ชีอรหันต์ คุณย่าชี นารี การุณ อายุ 123 ปี อัฐิคุณย่าแปรสภาพเป็นพระธาตุทันทีหลังจากประชุมเพลิงเสร็จ
คุณย่าชีนารี การุณ อายุ 123 ปี แม่ชีอรหันต์
คุณย่าชีนารีได้สมรสกับนายวันดี ซึ่งมีลูกด้วยกัน 6 คน เป็นหญิง 4 ชาย 2 พอคุณย่าชีนารีอายุครบ 40 ปี ก็มีอารมณ์อยากจะบวชโดยไม่ทราบสาเหตุ ก่อนหน้านั้นท่านได้พบองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตตเถระ
องค์หลวงปู่มั่นได้เดินธุดงค์ไปพักอยู่ใกล้บ้านๆและได้สอบถามถึงครอบครัวแล้วท่านก็จากไป
คุณย่าจึงขออนุญาตนายวันดีออกบวช นายวันดีให้ข้อแม้ว่าคุณย่าต้องหาภรรยาให้ซัก 3 คน เมื่อถึงวันบวชนายวันดีก็อนุญาตให้ออกบวช หลวงปู่มั่นท่านทราบด้วยญาณจึงส่งพระมา 3 รูป
คือ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน หลวงพ่อสมบูรณ์ ท่านพ่อเฟื่อง โชติโก พร้อมด้วยบริขารมาทำการบวชให้ คุณย่าหลังจากบวชชีแล้ว ได้อยู่ปฏิบัติกับหลวงปู่มั่น โดยท่านให้อุบาย ให้คุณย่าภาวนา นะโมและพุทโธ
ท่านภาวนาท่านเห็นอดีตชาติขององค์ท่านเองว่าเคยเกิดเป็นชาวรัฐเซีย ไต้หวัน กษัตริย์ ทหาร แต่ไม่เคยเกิดเป็น 3 อย่างคือ เสือ ไส้เดือน กิ้งกือ
หลังจากหลวงปู่มั่น ภูริทัตตเถระ นิพพาน ได้มีการจัดงานประชุมเพลิงที่วัดป่าสุทธาวาส
คุณย่าเล่าให้ฟังว่าในงานประชุมเพลิงมีเทพธิดามาร่วมถวายเพลิง 30,000 องค์ ท้าวมหาพรหม 6 องค์ เทพบุตรมา 2... -
พุทธภูมิต้องขยันเกิด ( พระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน )
พุทธภูมิต้องขยันเกิด
ถาม : อย่างเวลาพวกพุทธภูมิตายจากสภาพความเป็นมนุษย์ ถ้าไม่ลงนรก ขึ้นไปบนสวรรค์เขาว่าจะเป็นพรหมเทวดา แล้วเขาจะมีเวลา.....หมายความว่าช่วงระยะเวลาหรือจะมีคนมาเตือนว่าให้ลงมาเกิดอีกหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ก็ต้องดูด้วยนะ ว่าของเราเองมีเพื่อนฝูงที่รักกันขนาดนั้นหรือเปล่า ? ถ้าหากว่าไม่มีเขาก็ไม่มาเรียกเตือนคุณหรอก คุณอยากสร้างบารมีคุณก็ตะเกียกตะกายของคุณเองก็แล้วกัน
ถาม : แล้วลงมาจุติได้ตลอดเวลาหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าเป็นพระโพธิสัตว์ ท่านจะขยันเกิด ในเมื่อท่านจะขยันเกิดนี่ส่วนใหญ่ท่านจะไม่อยู่นานหรอก มันเสียเวลาสร้างบารมีของท่าน
ถาม : สามารถลงมาเกิดได้เลย ?
ตอบ : กำลังของคุณสูง ต้นทุนของคุณมี คุณจะซื้อตั๋วใส่กระเป๋าไปเพื่อจะเดินทางเมื่อไหร่ก็ได้คนมีตังค์น่ะ
บางส่วนจาก…
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เดือนกันยายน ๒๕๔๔ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ
-----------------------------------------------------------------------------
https://www.facebook.com/ชมรมรักษ์ธรรม-chomromrakdham-134565886589151/ -
ปรมัตถธรรม เมื่อเข้าใจธรรมะปรมัตถ์นี้เมื่อไร จิตนั้นก็ถือว่าสูงแล้ว บุคคลผู้นั้นจะเป็นบุคคลที่ไม่มีการตกต่ำ หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร
ปรมัตถธรรม
ญาณทัศนะ นอกจากที่ว่าจะมีความหยั่งรู้แล้ว ก็ยังมีความเห็น
คือนอกจากจะรู้แล้วก็เห็นด้วย หลับตาลงไปเห็นสัจธรรมไปเลย
ในที่สุดท้ายคือ ปฏิปทาญาณะ ผู้นั้นจะต้องเป็นผู้ทำด้วย รู้ด้วย เห็นด้วย ทั้ง ๓ ประการเกิดขึ้นพร้อมกัน
อย่างนี้เรียกว่า "วิสุทธิ ๗ ประการ"อันเป็นสัญลักษณ์แสดงให้เห็นถึงผู้นั้น ได้ดำเนินวิปัสสนาเป็นผลสำเร็จขึ้นแล้ว ในเรื่องของสมถะก็ดี ในเรื่องของวิปัสสนาก็ดีในเรื่องของ วิสุทธิ ๗ ประการก็ดี
ทั้งหมดนี้จะไปรวมกันกลับกลายเป็น "องค์แห่งการตรัสรู้"
องค์แห่งการตรัสรู้นั้นมีอยู่ ๗ ประการ คือ โพชฌงค์ ๗
โพชฌงค์ คือ องค์แห่งการตรัสรู้ นับไปตั้งแต่ โพชฌงค์ คือ สติโพชฌงค์ สติโพชฌงค์ปีติโพชฌงค์ ปัสสัทธิโพชฌงค์ วิริยโพชฌงค์ ไปจนกระทั่งถึง อุเบกขาโพชฌงค์ โพชฌงค์ คือ องค์แห่งการตรัสรู้นั้น ต้องมีสติเรียกว่าความมั่นคงแห่งสติ
ความมั่นคงแห่งสตินั้น สติจะต้องกำหนดอยู่ในอนิจจัง ในทุกขัง ในอนัตตา คือ สตินั้นจะกำหนดอยู่ในไตรลักษณ์ตลอดเวลา
เมื่อสติกำหนดอยู่ในไตรลักษณ์ตลอดเวลา ก็เป็นองค์แห่งการตรัสรู้
อันนี้เรียกว่าเป็นองค์แห่งการตรัสรู้ องค์แห่งการตรัสรู้นั้น คือการ ภาวิโต พหุลีกโต... -
พระพุทธพยากรณ์ที่ภูกระดึง : หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
พระพุทธพยากรณ์ที่ภูกระดึง
วันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๒๓
หลวงพ่อเล่าให้ฟังว่า เราเกิดบนภูกระดึงแห่งนี้มา ๓ วาระแล้ว ในสมัยสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่า "พระโกนาคม" เราเกิดบนภูกระดึงแห่งนี้ มีเนื้อที่ ๔ หมื่นไร่เศษ มีสภาพเป็นเกาะกลางทะเล ท่านปู่ และท่านย่าอินทิรา เป็นกษัตริย์ปกครองดินแดนนี้ มีลูกชายต่อมาได้เป็นพระราชาแทนพระราชบิดา สำหรับพระราชาองค์นี้ปรารถนาพระโพธิญาณอยู่ มีน้องชายเป็นพระเจ้าอนุราช มีนามว่า พระเจ้าวชิระราชา ชื่อเล่นว่า เจ้าชายตุ่ม(พลตรีศรีพันธ์ แดง วิชชุพันธ์) เพราะตอนเด็กอ้วน โตแล้วไม่อ้วน
ในสมัยนี้เอง สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโกนาคม เสด็จมาโปรดบนภูกระดึง มาประทับที่พระราชวังซึ่งทำด้วยไม้ธรรมดาๆ ไม่ใหญ่โตนัก เป็นสถานที่รับรองสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า เวลานั้นประชาชนมีศีล ๕ กันเป็นส่วนมาก องค์สมเด็จพระจอมไตรทรงเทศน์โปรดให้ฟัง...ถึงตอนไหน ภาพก็ปรากฎแก่ผู้ฟังด้วยอำนาจพุทธานุภาพ
⛤⛤พระองค์ตรัสว่า "...ตอนพวกเราเป็นเทวดามีรูปร่างอย่างไร มีวิมาน ทิพยสมบัติเป็นประการใด ก็มีภาพในตอนที่เราเป็นทวดาปรากฏทันที เราเคยเกิดเป็นพรหมแล้วกี่ชาติ แต่ละชาติมีรูปร่างอย่างไร มีวิมาน... -
หลวงปู่ชอบ ฐานสโม เล่าถึงความน่าอัศจรรย์เรื่องสวดมนต์ที่พม่า
พระคุณเจ้าหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ได้เล่าถึงเรื่องการสวดมนต์ ไหว้พระให้พระเณรฟังว่า
" การสวดมนต์ไหว้พระนั้น ถึงแม้ว่าเราจะออกเสียงหรือไม่ออกเสียงก็ตาม พวกเทพเจ้าเหล่าเทวดาเขามีหูทิพย์ตาทิพย์ เขาก็จะได้ยินเสียงที่เราสวดมนต์ไหว้พระด้วยพระสูตรต่างๆ"
เมื่อเขาได้ยิน เขาก็จะเกิดความปีติยินดีในการสวดมนต์ไหว้พระกับเรา เขาก็จะพากันมาร่วมอนุโมทนาบุญกับเราด้วย ถ้าจิตเราสงบลงไปบ้างสักเล็กน้อย เราก็จะได้ยินเสียงที่เขามาอนุโมทนากับเรา เสียงที่เขาเปล่งสาธุการนั้นมันดังปานฟ้าสิถล่มทลายลงมาทับดิน "
หลวงปู่ ได้เล่าเรื่องที่ท่านเที่ยววิเวกในเมืองพม่า ดังนี้
" ครั้งหนึ่ง เราพักจำพรรษาที่บ้านยางแดง ประเทศพม่า วัด ที่เราอยู่นั้นมันมีศาลาอยู่เพียงหลังเดียว และศาลานี้ก็มีเสาอยู่ตรงกลางต้นเดียว เราให้เขากั้นห้องเป็นสองห้อง ห้องหนึ่งเราเอาไว้พัก อีกห้องหนึ่งเราก็เอาไว้นอน ตรงกลางศาลา จะมีแท่นบูชาพระพุทธรูป มีพระพุทธรูปอยู่หนึ่งองค์ สูงประมาณศอกหนึ่ง พระพุทธรูปองค์นี้แกะสลักจากไม้สัก
ในแต่ละวันเราก็อาศัยสวดมนต์ไหว้พระอยู่หน้าพระประธานองค์นี้แหละ
คืนนั้น เรากำลังไหว้พระสวดมนต์อยู่ดีๆ... -
"อ่อนโยน เมตตา คือ มนต์ขลัง"
ความเมตตากรุณา อย่างหาที่สุดไม่ได้ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลเดช นั้นเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาประชาชนตลอดมา ทรงเปี่ยมด้วยน้ำพระทัยอันเมตตาสูงสุด
พระองค์ไม่เคยรีรอที่จะช่วยเหลือประชาชนเวลาที่ตกทุกข์ได้ยาก นอกจากนั้นพระองค์ยังมีความอ่อนน้อมถ่อมพระองค์เป็นอย่างมาก ครั้งหนึ่งพระองค์ได้เสด็จเยี่ยมเยียนพสกนิกรของพระองค์ตามปกติที่ต่างจังหวัด
ก็มีชาวบ้านมาต้อนรับในหลวงมากมาย พอพระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินมาตามลาดพระบาท ที่แถวหน้าก็มีหญิงชราแก่คนหนึ่งได้ก้มลงกราบแทบพระบาทแล้วก็เอามือมา จับพระหัตถ์ของในหลวง แล้วก็พูดว่า
"ยายดีใจเหลือเกินที่ได้เจอในหลวงรัชกาลที่9"
แล้วก็พูดว่ายายอย่างโน้น ยายอย่างนี้ อีกตั้งมากมายแต่ในหลวงก็ทรง เฉย ๆ มิได้ตรัสรับสั่งตอบว่ากระไร
แต่พวกข้าราชบริภารก็ มองหน้ากันใหญ่ กลัวว่าพระองค์จะทรงพอพระราชหฤหัย หรือไม่ แต่พอพวกเราได้ยินพระองค์รับสั่งตอบว่ากับหญิง ชราคนนั้น ก็ทำให้เราถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหวเพราะ พระองค์ทรงตรัสว่า
"เรียกว่ายายได้อย่างไร อายุอ่อนกว่าแม่ฉันตั้งเยอะ ต้องเรียกน้าซิ ถึงจะถูก"... -
บุญใหญ่จริงๆ ขอเชิญร่วมบูรณปฏิสังขรณ์พระธาตุท่าอุเทนศักดิ์สิทธิ์คู่สองแผ่นดินอายุกว่า 105 ปี
ขอเชิญชวนประชาชนชาวไทยและทั่วโลก ร่วมเป็นเจ้าภาพบูรณปฏิสังขรณ์ “พระธาตุท่าอุเทน” พระพุทธสาริกธาตุเจดีย์ ริมฝั่งแม่น้ำโขง สัญลักษณ์แห่งแรงศรัทธาของสองแผ่นดิน ไทย~ลาว อายุกว่า 105 ปี
#สร้างโดย “พระอาจารย์สีทัตถ์ ญาณสัมปันโน” พระอริยะผู้สำเร็จสี่ธาตุ พระสุปฏิปันโนที่คนไทยและลาวมีความเคารพศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง กว่า 105 ปีแล้วที่พระธาตุท่าอุเทน ประดิษฐานตระหง่านริมแม่น้ำโขง คู่คนไทยลาว อันผ่านร้อน ฝน หนาว จึงทำให้องค์พระธาตุเสื่อมโทรมตามกาลเวลา
"หลวงปู่สีทัตถ์" สร้างพระธาตุท่าอุเทน ด้วยหินแก้วนางฝาน"ธาตุกายสิทธิ์"!! ว่ากันว่าผู้มีบารมีเท่านั้นที่ทำได้!!!!
การสร้าง “พระธาตุท่าอุเทน” นั้น หลวงปู่สีทัตถ์ท่านมีความสามารถสร้างเหมือนพระธาตุพนมสมัยก่อนได้ทั้งๆ ที่ฐานรองรับก็เพียงขุดหลุมแล้วใส่หินนางเรียง หรือหินแก้วนางฝาน เป็นฐานรองรับพระธาตุซึ่งยังไม่ทรุดแต่ประการใด และมีอายุยาวนานมากว่า ๑๐๐ ปีแล้ว
นับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์มิใช่น้อยที่คนในสมัยนี้คงไม่มีบารมีก่อสร้างได้เช่นท่าน เพราะการนำเอาหินแก้วนางฝานหรือแก้วนางเรียง... -
เรื่องจริง เศรษฐีเกิดเป็นลูกขอทาน
(ภาพประกอบทางอินเตอร์เน็ต)
เรื่องจริงที่เกิดขึ้นเป็นเวลา ๓๐ กว่าปีแล้ว ตั้งแต่อาตมา
อยู่วัดพรหมบุรีโน้น
มีเศรษฐีบ้านหนึ่ง สองสามีภรรยามีลูก ๕ คน มีนา ๓,๐๐๐ กว่าไร่
มีข้าวของเยอะ สอนลูกนักสอนลูกหนาว่า ขอทานมาอย่าให้มันนะ
ตาดี หูดี เท้าดี มือดี อย่าไปให้มันกิน
บาตรก็ไม่อยากใส่ ขี้เหนียว ขี้ตืด ขี้ตัน สอนลูกหลานตลอดมาว่า
อย่าไปให้มันกินนะ อย่าไปใส่บาตรมัน เสียเงินเสียทอง เสียข้าว
เสียของ เสียเวลาเหลือเกิน
เราประกอบอาชีพการงาน ก็เหลือกินเหลือใช้ ไม่ต้องไปทำบุญ
ไม่ต้องไปทำทาน สอนลูกอย่างนี้ตลอดมา ถ้าขอทานเข้าบ้าน
ไล่แห่ไปเลย ถ้าพระมาเรี่ยไรก็ไล่แห่ไป หาว่าเสือเหลืองเข้ามา
เปลืองเวลา ขอทานเข้าตามตรอก ออกตามประตู ก็บอกว่า
บ้านนี้ไม่ทำบุญ ไล่ไปเลย ทำนองนี้เป็นต้น เดี๋ยวนี้ยังมีตระกูล
หลานอยู่
เล่าให้โยมฟัง เป็นเรื่องทรงจำใจดีกำหนดจดจำไว้ ขี้เหนียว
อำนาจของโลภะ ต้องเป็นเปรตแน่นอน ขอทานมาไล่ พระมาบิณฑบาตก็ไม่สนใจ ไม่อยากจะใส่บาตรแต่ประการใด
และสอนลูกทุกวัน อย่าไปทำบุญ อย่าไปทำทาน ขอทานมา
ไล่แห่มันไป พวกขี้เกียจหากิน ขี้เกียจประกอบอาชีพการงาน
ในเวลากาลต่อมา เศรษฐี... -
หลวงปู่หมุน ศักดิ์สิทธิ์ทั้งร่าง!!! แม้แต่เส้นเกศายังตัดไม่ขาด ต้องรอคำสั่งจากเบื้องบน...สาธุ อมตะเถระ 5 แผ่นดิน!
หลวงปู่หมุน ศักดิ์สิทธิ์ทั้งร่าง!!! แม้แต่เส้นเกศายังตัดไม่ขาด ต้องรอคำสั่งจากเบื้องบน...สาธุ อมตะเถระ 5 แผ่นดิน!
หลวงปู่หมุนเพชรน้ำหนึ่งแห่งวิถีพุทธะ อมตะมหาเถระ ๕ แผ่นดิน
ในปัจจุบันครูบาอาจารย์ที่มีกฤติยาคมและวัตรปฏิบัติอันเป็นที่เคารพศรัทธาเลื่อมใส มีปรากฏอยู่ไม่ขาดสายในสยามประเทศของเรา ดินแดนอันได้ชื่อว่าอยู่ในร่มเงาแห่งพุทธศาสนา ครูบาอาจารย์หลายท่านในไทยเปรียบดังเพชรเม็ดงาม ซึ่งเป็นที่พึ่งอันร่มเย็นทั้งกายใจกับสาธุชนทั้งหลายเนิ่นนานมาหลายต่อหลายชั่วอายุคน
หนึ่งในครูบาอาจารย์ผู้ทรงตบะบารมี และมีจริยวัตรอันงดงาม ซึ่งเป็น นั้น ได้แก่ พระปรมาจารย์ อมตะเถระ ๕ แผ่นดิน “หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล” ปัจจุบันพระเครื่องและเครื่องรางของขลังของท่านได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ลูกศิษย์ลูกหาและนักสะสมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และแม้ว่าทท่านจะละสังขารไปหลายปีแล้วก็ตาม ปัจจุบันก็ยังมีลูกศิษย์ลูกหาที่หน้าใหม่ๆ ที่หันมาศรัทธา กราบไหว้ มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่ไม่ทันได้พานพบกับหลวงปู่เลยในชีวิต แต่ความศรัทธานั้น เป็นสิ่งเชื่อมต่อครูบาอาจารย์อย่างดียิ่ง เมื่อศรัทธาขอบารมีหลวงปู่แล้ว... -
"หลวงปู่ชอบ ฐานสโม" อริยสงฆ์ที่กล่าวขานว่าเป็นอรหันต์ เมตตาเล่าเรื่องขณะเข้าญาณแล้วระลึกชาติ
"หลวงปู่ชอบ ฐานสโม" อริยสงฆ์ที่กล่าวขานว่าเป็นอรหันต์ เมตตาเล่าเรื่องขณะเข้าญาณแล้วระลึกชาติ
สำหรับญาณการระลึกรู้อดีตชาติที่ศิษย์ผู้ใกล้ชิด ผู้ใฝ่ในการปฏิบัติเพื่อพ้นทุกข์ได้เคยขอโอกาสกราบเรียนถาม หลวงปู่ชอบ ฐานสโม แล้วท่านก็ยอมเล่าให้ฟังบ้าง
โดยท่านเล่าว่า ท่านไม่ได้ระลึกชาติได้มากมายอะไร เหมือนดังที่สมเด็จพระพุทธองค์ทรงระลึกได้อเนกชาติหาประมาณมิได้นั้น เพราะท่านทรงมหาสติ มหาปัญญา มหาบารมี สำหรับท่านนี้ เท่าที่ระลึกได้
1.ท่านไม่เคยเป็นกษัตริย์ มักจะเป็นแต่คนทุกข์ยากเสียมากกว่า เช่นเคยเกิดเป็นพ่อค้าขายผ้าชาติลาว ออกเดินทางมากับพ่อเชียงหมุน (อุปัฏฐากคนหนึ่งในชาตินี้) ข้ามแม่น้ำโขงมาฝั่งนี้ มาทานผ้าขาวหนึ่งวา และเงินเป็นมูลค่าประมาณเท่ากับ ๕๐ สตางค์ ในปัจจุบันนี้ บูชาถวายพระธาตุพนม พร้อมทั้งอธิษฐานขอให้ได้บวช ได้พ้นทุกข์ ท่านเล่าว่า ท่านเคยมาสร้างพระธาตุพนมด้วย สมัยพระมหากัสสปเถรเจ้า พระธาตุพนมนี้สร้างก่อนพระปฐมเจดีย์
2.ท่านเคยเกิดเป็นคนยางอยู่ในป่า เคยเกิดเป็นทหารพม่า มารบกับไทย ยังไม่ทันฆ่าคนไทย ก็ตายเสียก่อน เคยเกิดอยู่เมืองปัน พม่า... -
เจอเพศตรงข้ามที่รู้สึกว่ามีแรงดึงดูดมหาศาล
ถาม : เจอเพศตรงข้ามที่รู้สึกว่ามีแรงดึงดูดมหาศาล อยากเจอหน้า อยากอยู่ใกล้ เหมือนกับว่าเขาเป็นเจ้าหนี้เรา เราควรจะใช้กรรมให้เขาเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามวาระหรือไม่ หรือไม่ควรสนใจเลย ?
ตอบ : หนีสุดชีวิต ไม่รู้ไม่เห็นได้เป็นดีที่สุด พ้นวาระกรรมก็จะหมดแรงดึงดูดไปเอง ขืนไปใช้เล็ก ๆ น้อย ๆ กว่าจะหมดก็ทั้งชาตินี้และอีกหลายชาติ..!
คำสอนพระคุณหลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
สิงหาคม ๒๕๕๗
-------------------------------------------
เครดิต -
ประสบการณ์เจอกับตัว หลวงพ่อกล่อม วัดขนอน พุทธคุณจำจนตาย
ออกตัวก่อนว่าผมเพิ่งไปอ่านเจอเรื่องนี้มาจากเวปพันทิป อ่านแล้วประทับใจมาก ประทับใจจนต้องรีบไปประมูลวัตถุมงคลหลวงพ่อกล่อมมาบูชาทันที(รอปิดประมูลอยู่) ถึงจะไม่ทันท่านเสก (รวมถึงวัตถุมงคลในเรื่องนี้ด้วยที่ไม่ทันท่าน) แต่เชื่อขนมกินได้แน่นอน ลองอ่านดูครับ ...........
ประสบการณ์เจอกับตัว พุทธคุณ " หลวงพ่อกล่อม " จำจนตาย
29/01/2560 เอาล่ะ เริ่มเรื่องแนะนำตัว ชื่อไม่บอกแล้วกัน ไม่สำคัญอะไร 555 เรื่องมีอยู่ว่า ตอนนั้นผมอายุประมาณ 7-8 ขวบ ถ้าจำไม่ผิด ผมอาศัยอยู่กับพี่ชาย เค้าทำงานสีลม งานกลางคืนอ่านะ ผมอยู่คนเดียวในห้องเช่า แคบๆ ย่านธนบุรี ผมไม่ได้เรียนหนังสือหรอกตอนนั้น พี่ชายไม่มีเงินส่งให้เรียน ไปทำงานประมาณ 4-5 โมงเย็น กลับก็โน่น เช้า ดีๆหน่อยก็ ตี 3-5 พี่ชายจะทิ้งเงินไว้วันละ 30-40 บาท ซื้อข้าวกินรอพี่กลับมา ก็กินพร้อมกันอีกรอบ แล้วก็มาช่วงหลังๆ พี่ผมเที่ยวหนักมาก
กลับมาโน่น 10-12 เช้า ผมก็หิว เงินก็ไม่มีต้องรอพี่มา ถ้าคนที่เคยหิวจนเข้าถึงรสชาติของชีวิต จะเข้าใจความรู้สึกผมตอนนั้น พี่ผมเริ่มเหลวไหล เที่ยว ค้างค่าเช่าห้อง พักหลังไม่กลับห้องเลย 3-4 วัน ไม่ก็อาทิตย์ ผมหิวมาก นึกภาพ... -
..อย่าไปคนเดียว ให้ไปกับพระ ๔ องค์
“เวลาไปไหน..อย่าไปคนเดียว ให้ไปกับพระ ๔ องค์”
.."ทรงตรัสว่า..ลูกศิษย์ท่านฤๅษีนั้นส่วนใหญ่
ล้วนเป็นลูก - หลานของท่าน..มาก่อนทั้งสิ้น.
และส่วนใหญ่ก็เป็นลูกหลานของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโคทั้งสิ้น"
*********************
กรรมฐานทั้งหลาย..มาแต่เหตุ
นี่คือคำย่อของ..อริยสัจ ๔ ซึ่งเป็น..ตัวปัญญา
หรือวิปัสสนาสูงสุด..ในพุทธศาสนา
และมีแต่พุทธศาสนาเท่านั้น ศาสนาอื่น ๆ ไม่มี
พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์
ต่างก็บรรลุเป็นพระพุทธเจ้า..ด้วยอริยสัจ ๔ ทั้งสิ้น
ที่ยกจุดนี้มา..ก็เพราะปัจจุบันนี้
มีพระพุทธเจ้า..มาแสนกว่าองค์แล้ว
แต่เพราะเหตุใด..
พระพุทธเจ้าองค์แรก (พระพุทธสิขีทศพล)
หรือเรียกย่อ ๆ ว่าสมเด็จองค์ปฐม
จึงมาสอนพวกเรา.ซึ่งหัวดื้อ
หัวรั้นขี้เกียจทุกคน
มีคำสอนตอนหนึ่ง..
ที่พระองค์ ตรัสว่า..
เวลาไปไหน..อย่าไปคนเดียว ให้ไปกับพระ ๔ องค์
องค์ที่ ๑ คือ ตถาคตหรือสมเด็จองค์ปฐม
ให้ครอบคลุมร่างกายเธอไว้
องค์ที่ ๒ คือ สมเด็จองค์ปัจจุบัน
เพราะพวกเธอต้องการเป็นสาวกของท่าน ให้เอาไว้ที่ศีรษะ
องค์ที่ ๓ คือ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโคให้เอาไว้ที่หน้าอก
องค์ที่ ๔ คือ ท่านฤๅษี(หลวงพ่อ)ให้เอาไว้ที่ฐานเหนือสะดือ... -
พระพุทธเจ้าท่านได้เคยทำกรรมอะไรไว้บ้างในอดีตและรับผลกรรมอย่างไร
พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ด้วยพระองค์เองในคัมภีร์อปทานตอนที่ว่าด้วย ปุพพกัมปิโลติ พุทธาปทาน ข้อ ๓๙๒ ถึงกรรมเก่าที่พระองค์ทรงกระทำมาแล้วในอดีต ๑๔ ข้อ ๑๔ ข้อนั้นมีดังนี้
๑. เราเห็นภิกษุผู้ถือการอยู่ป่าเป็นวัตรรูปหนึ่งแล้ว ได้ถวายผ้าเก่า เราปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าครั้งแรก เพื่อความเป็นพระพุทธเจ้าในกาลนั้น ผลของกรรมคือการถวายผ้าเก่า ย่อมอำนวยผลให้เป็นพระพุทธเจ้า กรรมเก่าข้อแรกนี้เป็นกุศลกรรม
๒. ในกาลก่อน เราเป็นนายโคบาลต้อนโคไปเลี้ยง เห็นแม่โคกำลังดื่มน้ำขุ่นมัวจึงห้ามมัน ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น ในภพหลังสุดนี้ แม้เราจะกระหายน้ำก็ไม่ได้ดื่มน้ำตามปรารถนา
๓. ในชาติอื่นแต่กาลก่อน เราเป็นนักเลงชื่อปุนาลิ บางแห่งเป็นมุนาลิ ได้กล่าวตู่พระปัจเจกพุทธเจ้าชื่อว่าสุรภี ผู้ไม่ประทุษร้ายตอบ ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น เราท่องเที่ยวอยู่ในนรกเป็นเวลานาน ได้เสวยทุขเวทนาแสนสาหัสหลายพันปีเป็นอันมาก ด้วยกรรมอันเหลือนั้นในภพหลังสุด เราจึงได้รับคำกล่าวตู่ เพราะเหตุแห่งนางสุนทริกา
๔. เพราะการกล่าวตู่พระเถระนามว่านันทะ สาวกของพระพุทธเจ้าผู้ครอบงำอันตรายทั้งปวง... -
การไม่เมตตาผู้อื่น เป็นการไม่เมตตาตนด้วย สมเด็จพระญาณสังวรฯ
การไม่เมตตาผู้อื่น เป็นการไม่เมตตาตนด้วย
ศีลเกิดแต่เมตตา เมตตาเกิดกับศีล ทั้งสองเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ศีลของผู้ใดบกพร่อง เมตตาของผู้นั้นก็บกพร่องด้วย บกพร่องทั้งเมตตาตนเอง และบกพร่องทั้งเมตตาผู้อื่น อันเมตตาตนเองกับเมตตาผู้อื่น เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แยกจากกันไม่ได้
การไม่เมตตาผู้อื่น ก็เป็นการไม่เมตตาตนไปพร้อมกัน พึงคิดถึงสัจจะประการหนึ่งที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ คือ “ทำดีจักได้ดี ทำชั่วจักได้ชั่ว ผู้ใดทำกรรมใดไว้ จักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น”
เมื่อเบียดเบียนเขา เราเองนั่นก็จะต้องได้รับผลนั้น เมื่อไม่เมตตาเขา เราเองนั่นก็จะต้องได้รับผลนั้น
“เมตตาเป็นเครื่องค้ำจุนโลก” มีพระพุทธศาสนสุภาษิตแสดงไว้เช่นนี้ เมื่อเมตตาเป็นเหตุให้มีศีล ศีลเกิดแต่เมตตา เมตตาเป็นเครื่องค้ำจุนโลก ก็คือศีลเป็นเครื่องค้ำจุนโลกเข่นกัน
โลกมิได้หมายถึงเพียงดาวดวงหนึ่งดังเป็นที่เข้าใจกันอยู่ แต่โลกหมายถึงตนเอง หมายถึงเขาอื่นทั้งหลายทั้งปวง ผู้มีเมตตา หรือผู้มีศีลจึงเป็นผู้ค้ำจุนตนเอง และค้ำจุนผู้อื่นทั้งหลาย
: การให้ธรรม ย่อมชนะการให้ทั้งปวง
: สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก... -
เรื่องเล่าของ ผู้เห็นความตายล่วงหน้า
เรื่องเล่าของ ผู้เห็นความตายล่วงหน้า
มีคนเคยกล่าวไว้ว่า ไม่มีใครรู้ว่าความตายจะมาถึงเราวันไหน แต่เห็นทีคำกล่าวนี้อาจใช้ไม่ได้กับทุกคน…โดยเฉพาะกับ ผู้เห็นความตายล่วงหน้า
ทฤษฎีที่น่าสนใจข้อหนึ่งบอกไว้ว่าหากเป็นเหตุการณ์ใหญ่ ๆ ที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากก็จะมีคนที่มองเห็นความตายล่วงหน้ามากขึ้นตามไปด้วย
ประมาณ 2 - 3 วันก่อนที่เอบราแฮม ลิงคอล์น ประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา จะถึงแก่อสัญกรรม เขาได้เล่าให้คนใกล้ชิดฟังว่า
“เมื่อสิบวันก่อนผมเลิกงานดึกมากเพราะต้องรอส่งแขกคนสำคัญก่อน พอขึ้นนอนบนเตียงได้ไม่นาน ผมก็ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน ไม่นานผมก็เริ่มฝัน... -
ทรงสนพระทัยแม้ในหลักธรรมขั้นสูง! พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศตรัสถามหลวงพ่อพุธเรื่องความต่างระหว่าง "การบริกรรม" กับ "การภาวนา"?
ทรงสนพระทัยแม้ในหลักธรรมขั้นสูง! พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศตรัสถามหลวงพ่อพุธเรื่องความต่างระหว่าง "การบริกรรม" กับ "การภาวนา"?
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย (พระราชสังวรญาณ) เป็นลูกศิษย์รุ่นสุดท้ายของหลวงปู่เสาร์ กันตสีโลซึ่งถือว่าเป็นพระอาจารย์และสหธรรมิก (สหายธรรม) ของหลวงปู่มั่น อีกทั้งยังได้ปฏิบัติธรรมร่วมกับพระอาจารย์ที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่นท่านอื่นๆในสมัยนั้นอีกด้วย
พระราชปุจฉาวิสัชนาธรรมระหว่าง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ กับ หลวงพ่อพุธ ฐานิโยณ วัดป่าสาลวัน จังหวัดนครราชสีมา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว(ร.๙) : คำว่า "ภาวนา" และ "บริกรรม" ต่างกันอย่างไรขอรับ คือ เคยฟังพระเถระผู้ใหญ่ บอกว่า การภาวนานี้ไม่ว่าอยู่ที่ไหน แม้ไม่อยู่ในสมาธิ แม้ทำอะไรก็สามารถทำได้อยู่ได้ตลอดเวลา ใช่ไหมขอรับ ?
หลวงพ่อพุธ : ใช่แล้ว คำว่า "ภาวนา" กับ "บริกรรม" มีต่างกัน ภาวนา หมายถึง การอบรมคุณงามความดีให้เกิดขึ้น เป็นสมบัติของผู้อบรม เช่น อบรมใจให้มีความเลื่อมใส ในการบำเพ็ญภาวนา ก็ได้ชื่อว่า ภาวนา แต่บริกรรมนั้น หมายถึง จิตของผู้ปฏิบัตินึกอยู่ใน คำใดคำหนึ่งโดยเฉพาะ เช่น พุทโธ เป็นต้น... -
"สิ่งทั้งปวงเป็นของร้อน"
ครั้งที่พระพุทธองค์โปรดชฏิล เมื่อชฏิลทั้งหมดคือ ทั้งมหาชฎิล 3 พี่น้องและเหล่าบริวารรวม 1000 ได้บวช (รวมเป็น 1003) รูปแล้ว พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงธรรมชื่อ "อาทิตตปริยายสูตร” แก่ภิกษุ จนทั้งหมดได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ความนั้นมีว่า
"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งทั้งปวงเป็นของร้อน ก็อะไรเล่าชื่อว่าสิ่งทั้งปวงเป็นของร้อน?
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จักษุเป็นของร้อน รูปทั้งหลายเป็นของร้อน วิญญาณอาศัยจักษุเป็นของร้อน สัมผัสอาศัยจักษุเป็นของร้อน ความเสวยอารมณ์ เป็นสุข เป็นทุกข์ หรือมิใช่สุขมิใช่ทุกข์ ที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัย แม้นั้นก็เป็นของร้อน
ร้อนเพราะอะไร?
เรากล่าวว่า ร้อนเพราะไฟคือราคะ เพราะไฟคือโทสะ เพราะไฟคือโมหะ ร้อนเพราะความเกิด เพราะความแก่ และความตาย ร้อนเพราะความโศก เพราะความรำพัน เพราะทุกข์กาย เพราะทุกข์ใจ เพราะความคับแค้น
โสตเป็นของร้อน เสียงทั้งหลายเป็นของร้อน ... ฆานะเป็นของร้อน กลิ่นทั้งหลายเป็นของร้อน ... ชิวหาเป็นของร้อน รสทั้งหลายเป็นของร้อน ... กายเป็นของร้อน โผฏฐัพพะทั้งหลายเป็นของร้อน ... มนะเป็นของร้อน ธรรมทั้งหลายเป็นของร้อน วิญญาณอาศัยมนะเป็นของร้อน... -
"หลวงปู่มั่น" ท่านได้อธิษฐานจิต "หยุดการปรารถนาพระโพธิญาณ"
ตั้งใจแน่วแน่ที่จะขอ "บรรลุธรรม" ในชาติปัจจุบัน
ริมปากเหวเหมาะที่สุดที่จะนั่งบำเพ็ญเพียร
“หากจะตายขอตายตรงนี้ ขอให้ร่างกายหล่นลงไปในเหวนี้ จะได้ไม่ต้องเป็นที่วุ่นวายเดือดร้อนแก่ใครๆ ”
“ถ้าไม่รู้แจ้งเห็นจริงในธรรม ก็จะไม่ลุกจากที่นั่งนี้เป็นอันขาด”
ท่านนั่งสมาธิอยู่ ณ จุดนั้นติดต่อกันเป็นเวลา ๓ วัน ๓ คืนโดยไม่ขยับเขยื้อนและไม่ลืมตาเลย
เกิดการสว่างไสวดุจกลางวัน ความผ่องใสของจิตสามารถเห็นทุกสิ่งทุกอย่างตามต้องการ แม้จะกำหนดดูเม็ดทรายก็เห็นได้อย่างชัดเจนทุกเม็ด แม้จะพิจารณาดูทุกอย่างที่ผ่านมา ก็แจ้งประจักษ์ขึ้นในปัจจุบันหมด
ในขณะที่จิตของท่านดำเนินไปอย่างได้ผล ก็ปรากฏเห็นเป็นลูกสุนัขกำลังกินนมแม่
ท่านพิจารณาใคร่ครวญดู ว่า ทำไม ? จึงเกิดมีนิมิตมาปน ทั้งๆ ที่ "จิต" ของท่าน "เลยขั้นที่จะนิมิตแล้ว"
เมื่อกำหนดจิตพิจารณาก็เกิดญาณรู้ขึ้นว่า “ลูกสุนัข" นั้นก็คือตัวเราเอง เราเคยเกิดเป็นสุนัขอยู่ตรงนี้มานับอัตภาพไม่ถ้วน เวียนเกิดเวียนตายเป็นสุนัขอยู่หลายชาติ
เมื่อตรวจสอบดูก็พบความจริงที่ท่านไม่เคยทราบมาก่อน นั่นคือ
“การปรารถนาพระสัมมาสัมโพธิญาณ” ของท่าน
โอ ! แล้วจะต้อง... -
สารานุกรมฝรั่งระดับโลกเขียนถึงประเทศไทย!! "พุทธศาสนา" มั่นคงเข้มแข็งอยู่ได้ก็เพราะมี "สถาบันพระมหากษัตริย์" เป็นเสาหลักค้ำจุน!!
สารานุกรมฝรั่งระดับโลกเขียนถึงประเทศไทย!! "พุทธศาสนา" มั่นคงเข้มแข็งอยู่ได้ก็เพราะมี "สถาบันพระมหากษัตริย์" เป็นเสาหลักค้ำจุน!!
สารานุกรมภาษาอังกฤษเล่มหนึ่งที่มีชื่อว่า "Britannica" เคยเขียนข้อความถึงประเทศไทยไว้ตอนหนึ่งว่า
"ศาสนาประจำชาติ (Official Religion) ของประเทศไทยนั้นคือ พระพุทธศาสนา"
แต่เมื่อเขียนถึงประเทศอื่น ๆ ที่นับถือพระพุทธศาสนาเหมือนกับประเทศไทย อันได้แก่ ศรีลังกา พม่า ลาว เขมร เวียดนาม จีน ญี่ปุ่น เกาหลี สารานุกรมเล่มนั้นกลับเขียนว่า
"ประเทศเหล่านี้ไม่มีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ"
คำถามก็คือ อะไรที่ทำให้ผู้เขียนสารานุกรม Britannica ยกให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่นับถือพุทธเพียงประเทศเดียวที่มีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ?
มีนักวิชาการด้านพระพุทธศาสนาเคยวิเคราะห์ไว้ว่า การที่ประเทศไทยมีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาตินั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ "พระมหากษัตริย์ไทย" และ "คณะสงฆ์ไทย" อย่างใกล้ชิด
เราชาวพุทธทุกคนทราบกันดีว่า พระมหากษัตริย์ไทยทรงเป็น "พุทธมามกะ" มาก่อนที่รัฐธรรมนูญจะบัญญัติเอาไว้ยาวนานมาก คือทรงเป็นองค์พุทธมามกะมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยแล้ว... -
เหนือขีดจำกัดของมนุษย์!! ไขปริศนาญาณหยั่งรู้ของพุทธะ ... พระพุทธเจ้ามองเห็นอนาคตเพราะสามารถส่องญาณไปได้ทั่วจักรวาลด้วยจิตที่เร็วเหนือแสง!!
เหนือขีดจำกัดของมนุษย์!! ไขปริศนาญาณหยั่งรู้ของพุทธะ ... พระพุทธเจ้ามองเห็นอนาคตเพราะสามารถส่องญาณไปได้ทั่วจักรวาลด้วยจิตที่เร็วเหนือแสง!!
ชาวพุทธเรามีความเชื่อกันอยู่อย่างหนึ่งว่า "พระพุทธเจ้าทรงมีญาณหยั่งรู้อนาคต" (หรือที่ภาษาพระเรียกว่า "อนาคตังสญาณ")
หากใครเคยอ่านพระไตรปิฎกหรือได้ยินได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติก็จะพบว่า พระพุทธเจ้าทรงทำนายเหตุการณ์ในอนาคตเอาไว้มากมายหลายเรื่อง และคำทำนายเหล่านั้นก็จะต้องเป็นจริงอย่างแน่นอน เพราะพระองค์ย่อมไม่พูดในสิ่งที่ไม่เป็นจริงตามที่พูด
คำถามก็คือ "การหยั่งเห็นอนาคต" หมายความว่าอย่างไร?
หมายถึงการคาดการณ์แบบคณิตศาสตร์ใช่หรือไม่? อย่างเช่น ถ้ารถยนต์วิ่งด้วยความเร็ว ๑๐๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง เราก็สามารถคำนวณได้ว่า อีก ๗ ชั่วโมง รถคันนั้นจะต้องวิ่งได้ระยะทาง ๗๐๐ กิโลเมตร
การคาดการณ์แบบคณิตศาสตร์นี้ไม่น่าจะใช่ เพราะถ้าหมายถึงอย่างนี้ การหยั่งเห็นอนาคตก็จะไม่ใช่ "การเห็น" จริงๆ แต่จะเป็นเพียงแค่ "การคาดคะเน" เท่านั้น ซึ่งอาจผิดพลาดได้ (เช่น รถเกิดยางแบนระหว่างทาง ทำให้วิ่งไปไม่ถึง ๗๐๐ กิโลเมตร)
การหยั่งเห็นอนาคตของพระพุทธเจ้าจะเป็น... -
คีอานูรีฟส์!!! ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการสนใจธรรมะและศาสนาพุทธเพราะสามารถพบความสุขที่ยั่งยืน
คีอานูรีฟส์ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ในนิตยสารเกี่ยวกับการสนใจธรรมะว่า"หลักธรรมอย่างแรกที่รู้คือ ความจริงสี่ประการ (อริยสัจ 4) เกี่ยวกับ ทุกข์ สาเหตุแห่งทุกข์ หนทางดับทุกข์ และวิธีพ้นไปจากทุกข์ จนพบความสุขศาสนาพุทธ เชื่อในการปล่อยวางตัวของเรา ซึ่งก็คือ อีโก ในความเชื่อทางตะวันตกพุทธจะสอนว่า สิ่งที่เรานึกว่ามันเป็น "ตัวเรา" นั้น ที่แท้มันไม่มีอยู่จริง และในขณะที่ผมไปเนปาลเพื่อลองชุดที่ต้องใช้ในการถ่ายทำ ผมก็ได้พบท่านอาจารย์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในศาสนาพุทธ ตำแหน่งท่านคือ ริมโพช ซึ่งทำงานกับ เบอร์นาร์โด ผมได้คุยกับท่านอยู่หลายครั้ง ท่านสอนผมให้ฝึกร่างกาย เพื่อให้เข้าถึงสมาธิ และท่านสอนผมว่าทำอย่างไรจึงจะละวางตัวตนได้หมดไป แล้วไปถึงนัยยะอื่นๆ แง่มุมอื่นๆ เพื่อให้เข้าถึงความเมตตา ความหยั่งรู้ และความสุขในที่สุด
ตอนที่ผมต้องเรียนสิ่งเหล่านี้กับท่านริมโพช มันยากมาก มันเจ็บด้วยนะ นั่งขัดสมาธินานๆ น่ะ และมันยังทำใจลำบากจริงๆ ที่จะละวางสิ่งที่เป็นตัวตนของเรา ท่านจึงบอกผมว่า จงอย่าเชื่อในสิ่งที่ท่านพูด ท่านให้ผมคิดทุกอย่างที่ได้ฟังมา ทดสอบกับสิ่งที่ผมเคยรู้ และขบคิดอย่างจริงจัง... -
เพียง"ศีล5" ก็พาขึ้นสวรรค์ได้! หลวงปู่คำคะนิง ได้รับคำยืนยันจาก พระยายม !
เพียง"ศีล5" ก็พาขึ้นสวรรค์ได้! หลวงปู่คำคะนิง ได้รับคำยืนยันจาก พระยายม !
เราอาจเคยได้ยินมาว่า จะต้องบำเพ็ญทานบารมีเป็นหนักหนา เราจึงจะได้ไปเสวยทิพยสมบัติในสวรรค์ได้ แต่แท้จริงแล้ว เพียงปฏิบัติตนในศีล 5 อันได้แก่
ศีลข้อที 1 ปาณาติปาตาเวรมณี หมายถึง การละเว้นจากการฆ่าชีวิตสัตว์ทุกชนิด
ศีลข้อที่ 2 อทินนาทานาเวรมณี หมายถึง การเว้นจากการลักทรัพย์ หรือทรัพย์ที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้
ศีลข้อที่ 3 กาเมสุมิสฉาจาราเวรมณี หมายถึง การละเว้นจากการประพฤติผิดในกาม การประพฤติผิดลูกผิดเมียคนอื่น (มีกิ๊ก มีชู้ก็ไม่ควร ยกเว้นแต่ จะมีการแต่งงาน และหรือมีการรับรู้รับเห็นด้วยจากผู้ปกครองของทั้งสองฝ่าย)
ศีลข้อที่ 4 มุสาวาทาเวรมณี หมายถึง การละเว้นจากการพูดปดงดเท็จ พูดจาโกหก พูดไม่อยู่กับร่องกับรอย
ศีลข้อที่ 5 สุราเมรยมัฌชปะมาทัตถานาเวรมณี หมายถึง การละเว้นจากการดื่มสุราเมรัยและเครื่องดองของมืนเมาทุกชนิด
เรื่องนี้ หลวงปู่คำคะนึง ได้เล่าไว้ในขณะที่หลวงปู่ได้ท่องเมืองนรก ท่านเห็นและได้สอบถามจากพระยายมโดย ตรง โดยมีเนื้อความดังต่อไปนี้
ความชั่วร้ายทั้งหลาย จ่ายมบาลอธิบายให้หลวงปู่คำคะนิงฟัง
ศีลห้าสู่สวรรค์... -
รู้หรือไม่?? 10 วิธีกรวดน้ำแบบได้บุญกุศล-เกิดผลสูงสุด เจ้ากรรมนายเวรได้รับทำอย่างไร??
รู้หรือไม่?? 10 วิธีกรวดน้ำแบบได้บุญกุศล-เกิดผลสูงสุด เจ้ากรรมนายเวรได้รับทำอย่างไร??
การกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญกุศลนั้น เป็นการอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้แก่ญาติสายโลหิตและมิตรสหายที่ล่วงลับไปเกิดเป็นปรทัตตูปชีวีเปรต การกรวดน้ำ นิยมทำกันอย่างนี้ คือ เตรียมน้ำสะอาดใส่ภาชนะ จะเป็นคณฑี แก้วน้ำ ขวดน้ำ หรือขัน อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ และหาภาชนะสำหรับรองน้ำกรวดไว้ให้พร้อม พอพระเริ่มอนุโมทนาขึ้นบทว่า “ยถา วาริวหา……….”
ก็เริ่มกรวดน้ำ (รินน้ำ) ลงในภาชนะรอง โดยตั้งใจนึกอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลตามแบบกรวดน้ำทั่วไป เมื่อพระว่าจบและขึ้นบทว่า สัพพีติโย….พร้อมกัน ผู้กรวดน้ำพึงหยุดกรวดน้ำแล้วประนมมือรับพร เสร็จแล้วจึงนำน้ำที่กรวดนั้นไปเทลงบนดินที่สะอาด หรือที่โคนต้นไม้ก็ได้
1. การกรวดน้ำมี 2 วิธี คือ
-กรวดน้ำเปียก คือ ใช้น้ำเป็นสื่อ รินน้ำลงไปพร้อมกับอุทิศผลบุญกุศลไปด้วย
-กรวดน้ำแห้ง คือ ไม่ใช้น้ำ ใช้แต่สิบนิ้วพนมอธิษฐาน แล้วอุทิศผลบุญกุศลไปให้
2. การอุทิศผลบุญมี 2 วิธี คือ
อุทิศเจาะจง ได้แก่ การออกชื่อผู้ที่เราจะให้ท่านรับ เช่น ชื่อพ่อ แม่ ลูก หรือใครก็ได้
อุทิศไม่เจาะจง ได้แก่ การกล่าวรวมๆกันไป เช่น... -
อย่าพยายามทึกทักเอาเองว่า พระอรหันต์คือพระแบบใด? หลวงปู่ดูลย์ ได้แก้สงสัยอธิบายไว้
อย่าพยายามทึกทักเอาเองว่า พระอรหันต์คือพระแบบใด?
หลวงปู่ดูลย์ ได้แก้สงสัยอธิบายไว้
ครั้งหนึ่ง สามเณรสองรูปหลังเสร็จจากการศึกษาพระปริยัติธรรมแล้วก็มานั่งพักผ่อนอยู่ใต้ต้นไม้หน้ากุฏิ และถกเถียงกันถึงคุณลักษณะแห่ง "พระอรหันต์" ที่ศึกษามาจากห้องเรียน
สามเณรใหญ่ชี้แจงว่า
"พระอรหันต์นั้นละกิเลสได้หมดสิ้นแล้ว ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น ไม่ยุ่งเกี่ยวกับอะไรทั้งนั้น หมดความยึดมั่นถือมั่นโดยสิ้นเชิง!"
สามเณรน้อยเถียงทันที
"พระอรหันต์ของหลวงพี่ช่างน่าเวทนายิ่งนัก เหมือนเสาต้นหนึ่ง ก้อนหินก้อนหนึ่ง จะเกิดน้ำท่วมไฟไหม้ก็ไม่รู้อะไรเลย คงจะต้องตายเสียเปล่า และยังเป็นบุคคลที่ไร้ประโยชน์สิ้นเชิง!"
ขณะที่วิวาทะกำลังดำเนินไปอย่างผิดเป้าหมายก็มีเสียงกระแอมดังขึ้นจากในกุฏิของหลวงปู่ดูลย์ สามเณรทั้งสองจึงสามัคคีกันหลบหนีไป
ครั้นข้อถกเถียงนี้ล่วงรู้ถึง "หลวงปู่ดูลย์ อตุโล" ท่านก็กล่าวว่า
"แม้จะเป็นการถกเถียงเอาชนะกัน แต่ก็เป็นการตั้งข้อสังเกตที่น่าพินิจพิจารณา"
แล้วหลวงปู่ก็อธิบายว่า
"จิตเป็นสภาพรู้อารมณ์ ตราบใดที่มีจิต การรับรู้อารมณ์ก็ย่อมมีเป็นธรรมดาโดยไม่ต้องสงสัย ดังนั้น... -
ยอดอานุภาพไม่มีประมาณของ..."พระคาถาเงินล้าน"
"..พระคาถาเงินล้าน..เรียกว่าเป็นสุดยอดพระคาถา มีหลักฐานที่มาของคาถายอดพุทธคุณไม่เคยมีปรากฎมาก่อน
นับตั้งแต่ คาถาประทานโดย สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึง ๒ พระองค์คือ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน และ พระพุทธกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๓ ในภัทรกัปนี้)
✪ คาถาบทนี้มีคนใช้ได้ผลมาเยอะแล้ว คนที่ใช้ได้ผลคนแรกสุดคือ นายห้างขายยาตราใบโพธิ์ ที่ว่าเป็นคนแรกเพราะอะไร เพราะตอนนั้น หลวงพ่อปาน ท่านไปเรียนมาจาก " ครูผึ้ง ซึ่งอยู่จังหวัดนครศรีธรรมราชได้มาจากพระธุดงค์องค์หนึ่ง และพระธุดงค์องค์นี้ท่านก็บอกมาว่าเป็น คาถาของพระปัจเจกพุทธเจ้า "
..✪.ตามปกติครูผึ้งท่านรักษาศีลอยู่แล้ว ก่อนที่พระธุดงค์จะไป ท่านได้ให้คาถาบทนี้และบอกว่า "ตอนเช้าทุกวันควรใส่บาตร ก่อนจะใส่บาตรก็ให้ว่าคาถาบทนี้หนึ่งจบ แล้ววิธีใส่บาตรมีอยู่ ๒ อย่าง ถ้าไม่มีพระจะมา ให้ใช้ข้าวสารตักแทนก็ได้ แต่ว่าเดี๋ยวนี้เราใช้สตางค์ใส่บาตรแทนก็ได้ เงินนั้นให้ใช้เป็นค่าอาหาร มากน้อยตามกำลัง ไม่จำเป็นต้องไปรอพระมา ถ้าเห็นว่ามันมากพอสมควร ก็เอาไปถวายพระ บอกท่านว่าเป็นค่าอาหาร แล้วท่านจะนำไปใช้ค่าอาหาร... -
อัศจรรย์ !!! "ทิพยอำนาจ" แห่งพระอริยเถระ (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)
เรื่องเกี่ยวกับหลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร บันทึกโดยหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ เป็นเรื่องหนึ่งที่กล่าวขวัญกันมากในบรรดาศิษย์ของท่าน เรื่องมีอยู่ว่า...
ในระหว่างที่หลวงปู่ฝั้น อาจาโร พำนักอยู่ในถ้ำพระบนภูวัว ครั้งนั้น ท่านได้ประสบอุบัติเหตุที่นับว่าร้ายแรงที่สุดในชีวิตของท่าน กล่าวคือ วันหนึ่ง ได้มีญาติโยมบ้านดอนเสียดและบ้านโสกก่ามพากันขึ้นไปนมัสการ หลวงปู่จึงได้ขอให้ญาติโยมพาชมภูมิประเทศบนภูวัวและเพื่อจะแสวงหาสมุนไพรบางชนิดด้วย
เมื่อฉันจังหันเสร็จก็ออกเดินทาง มีโยมสองคนเดินนำหน้า หลวงปู่ฝั้นและพระภิกษุเดินตามหลัง ส่วนสามเณรนั้นท่านให้เฝ้าอยู่ที่พัก
ทั้งหมดเดินขึ้นไปตามลำห้วยบางบาด พอถึงลานหินที่ลาดชันขึ้นไปข้างบน ระยะทางยาวประมาณสิบกว่าวา บนลานมีน้ำไหลรินและมีตะไคร่หินขึ้นอยู่ตามทางชันนั้นโดยตลอด โยมสองคนเดินนำหน้าไปก่อน หลวงปู่ท่านเดินตามขึ้นไปและตามด้วยพระภิกษุเดินรั้งท้าย โยมทั้งสองไต่ผ่านลานหินอันชันลื่นขึ้นไปได้แล้ว ส่วนหลวงปู่ก็ไต่จวนจะถึงข้างบนอยู่แล้ว กะว่าเหลือเพียงก้าวเดียวก็จะพ้นไปได้
พอท่านก้าวข้ามร่องน้ำ พลัน ท่านก็ลื่นล้มทั้งยืน... -
10 อาการทางจิต สุดพิศวง!!
ความแปลกประหลาดพิสดารในโลกนี้ยังมีอีกมากที่เราอาจไม่เคยรับรู้มาก่อน แม้แต่เรื่องของ “จิต” ของมนุษย์เราก็ยังมีความซับซ้อนและในบางคนก็มีความ “พิเศษ” ที่ต่างไปจากคนอื่น ทว่า…ความพิเศษของคนบางคนนั้นก็อาจแปลเป็นความผิดปกติหรือเป็น “อาการทางจิต” ได้…..เราจะพาไปรู้จักอาการทางจิตที่มาจากความผิดปกติต่างๆ จนเป็นเหตุให้เกิดอาการแปลกๆ ทั้ง 10 อาการเหล่านี้…….
Synaesthesia หรือ ซินเนสทีเซีย คืออาการที่ประสาทสัมผัสตั้งแต่ 2 อย่างขึ้นไปเกิดการรับรู้พร้อมกันนั่นเอง บุคคลที่มีอาการแบบนี้จะมีอาการแตกต่างจากคนทั่วไปคือ เช่น บางคนมองตัวเลข (หรือตัวหนังสือ) เห็นเป็นสีต่างๆ เช่น เห็นตัวเลข 1 เป็นสีชมพู และจะเห็นแบบนี้ไปตลอดชั่วชีวิต (โดยสีของตัวเลขขึ้นอยู่กับคนแต่ละคน บางคนอาจเห็นเลข 1 เป็นสีอื่นก็ได้) ขณะที่บางคนฟังเสียงดนตรีจะรู้สึกเหมือนมีอะไรมาสัมผัสผิวหนัง ส่วนอีกคนลิ้นชิมรสชาติอาหาร กลับเห็นรูปร่างตามมาด้วย หรืออีกคนสัมผัสรสชาติต่างๆ เช่น เปรี้ยว เค็ม หวาน ได้จากตัวอักษรหรือตัวหนังสือ สาเหตุของอาการดังกล่าวนี้คาดว่าเกิดจากพันธุกรรม... -
กติกาของการไปนิพพาน
กติกาของการไปนิพพาน
ถาม : อย่างมีเทคนิคหรือว่าเคล็ดลับจริง ๆ นี่ระหว่างทาน ศีล กับภาวนา ตัวไหนคะที่เข้าถึงนิพพานได้ง่ายที่สุด ?
ตอบ : ๓ อย่างต้องรวมกัน ถ้าหากว่าจะนับจริง ๆ ก็คือตัวภาวนา ๆ จะทำให้เข้านิพพานได้ แต่ว่ามันจะต้องมีกำลังของทานกับศีลมาหนุนเสริมอยู่ เขาเปรียบอานิสงส์เอาไว้ว่า ทานนั้นเกิดมาจะรวย ศีลนั้นเกิดมาจะรูปสวย มีจิตใจดีงาม ภาวนาเกิดมาจะมีปัญญาฉลาด คนฉลาดแต่จนมันก็แย่ใช่มั้ย ? ส่วนคนรวยไม่มีปัญญา รักษาทรัพย์ไม่อยู่ เพราะฉะนั้นมันต้องทำเหมือน ๆ กันทำในลักษณะที่ว่าทำให้มันเสมอ ๆ กัน ในเมื่อทำสม่ำเสมอกันต่อไปอานิสงส์ที่มันควรได้มันก็ได้ด้วยกันทั้งหมด ประเภทที่ว่ากันเอาไว้ก่อนเผื่อต้องเกิดใหม่ก็คือเกิดให้มันสมบูรณ์ไป ถ้ามันไม่ต้องเกิดใหม่อาศัยกำลังตัวนี้ส่งเราเข้านิพพาน
ถาม : ถ้ายังไม่สามารถฝึกปฏิบัติให้เห็นพระนิพพานได้แต่ตั้งใจไว้สามารถ....?
ตอบ : สามารถไปนิพพานได้เหมือนกัน กติกาของการไปนิพพานก็คือ
๑. เคารพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อย่างแน่นแฟ้นจริงจังไม่ปรามาสทั้งต่อหน้าและลับหลัง
๒. รักษาศีลอย่างน้อย ๕ ข้อให้บริสุทธิ์
๓. ตั้งใจว่าตายแล้วจะไปนิพพาน...
หน้า 396 ของ 412