ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    3. Ides of March
    ในปี 44ก่อนคริสตกาล บรูตัส (Brutus) และคาสเซียอุส (Cassius) ที่เป็นตัวการวางแผนลอบสังหารจูเลียส ซีซ่าร์ได้หลบหนีออกจากอิตาลี เพราะว่าถูกมาร์ แอนโทนี่และพรรคพวกตามล่าตัวผู้ที่มีส่วนร่วมในการการฆ่าซีซ่าร์ทุกคน คาสเซียอุสเดินทางไปยังซีเรีย ส่วนบรูตัสหนีไปกรีซและมาเซโดเนีย ในขณะที่หลบหนีการไล่ล่า ท้ังคู่ได้ให้มีการปั๊มเหรียญออกมา เพื่อเป็นที่ระลึกในอุดมการณ์เสรีภาพ และชัยชนะจากการปลิดชีวิตซีซ่าร์ เพราะว่าซีซ่าร์คิดการใหญ่ต้องการล้มระบอบสาธารณรัฐ และตั้งตัวเองเป็นเผด็จการรวบอำนาจแต่ผู้เดียว

    เหรียญที่อยู่ในภาพประกอบ เป็นเหรียญของบรูตัส บุตรบุญธรรมที่ซีซ่าร์รัก และอุ้มชูมาตลอด แต่มาหักหลังซีซ่าร์ด้วยความเขลา เหรียญนี้ถูกปั๊มขึ้นมาเพื่อเป็นที่ระลึกถึงความตายของซีซ่าร์ โดยมีรูปคล้ายหัวของดอกเห็ด และมีด2ด้ามขนาบคู่ พร้อมกับตำนานEID MAR หรือIdes of March ซึ่งเป็นวันลอบสังหารซีซ่าร์ จุดประสงค์คือฉลองความตายของซีซ่าร์ที่เป็นภัยต่อระบอบสาธารณะ

    Ides of March (A divided March) หรือเดือนมีนาคมที่ถูกแบ่งแยก กลายเป็นเป็นสัญลักษณ์ของการตายของซีซ่าร์ และต่อมาถือว่าเป็นเส้นแบ่งทางประวัติศาสตร์จากยุคสาธารณรัฐโรมัน เป็นยุคจักรวรรดิ์โรมัน หลังจากที่ซีซ่าร์เสียชีวิตไปแล้ว ชาวโรมันมีการเชื่อถือโชคลางเกี่ยวกับวันนี้ ซึ่งถือว่าเป็นอาถรรพ์ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่ามีเหตุการณ์ใหญ่หลายเหตุการณ์ที่เป็นโศกนาฎกรรมที่เกิดขึ้นในวัน15มีนาคม

    Idesเดิมทีหมายถึงวันที่พระจันทร์เต็มดวง แต่เนื่องจากเดือนปฏิทิน และเดือนพระจันทร์ไม่ตรงกัน ทำให้วันพระจันทร์เต็มดวงไม่ได้ตกในวันที่ 15ของเดือน ในปฏิทินที่มาเร็วสุด Ides of Marchเป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวงคร้ังแรกของปี

    เหรียญบรูตัส มีด2เล่มคู่ขนาบหมวก เป็นสัญลักษณ์ว่า บรูตัสและคัสซีอุสเป็นผู้ที่ได้ปลดแอกเสรีภาพให้กับแผ่นดินโรม

    ย้อนกลับมาเหตุการณ์ในปัจจุบันนี้ ที่ดำเนินตามแบบแผนของIdes of Marchอย่างเคร่งครัด ทำให้เราตีความได้ว่า โดนัลด์ดั๊กทรัมป์รับบทบรูตัส จอมทรยศ ส่วนเจโรม เพาแวลล์ ผู้่ว่าการธนาคารกลางของสหรัฐรับบทเป็นคัสซีอุสในการลอบสังหารซีซ่าร์

    ซีซ่าร์ในที่นี่คือดอลล่าร์ หรือKing Dollar หรือราชาดอลล่าร์ ที่เป็นราชาแห่งเงินทุกสกุลบนโลก ทรัมป์พูดตลอดว่าต้องการให้ลดดอกเบี้ย ให้ดอลล่าร์ด้อยค่า เพื่อให้ดอลล่าร์สามารถแข่งกับยูโร หรือเยนได้ ทั้งๆที่ดอลล่าร์เป็นราชา แม้ว่าจะมีอาภรณ์สวมใส่หรือไม่ก็ตาม ต้องไม่ลดตัวเองลงไปแข่งกับผู้อื่น ถ้าดอลล่าร์อ่อนค่า ดอกเบี้ยดอลล่าร์เป็น0%หรือติดลบ ใครอยากจะถือครองดอลล่าร์อีกต่อไป เท่ากับว่าทรัมป์รับบทบรูตัสเพื่อจงใจฆ่าดอลล่าร์

    ในขณะเดียวกัน คัสซีอุสเพาแวลล์ปั๊มเงินดอลล่าร์ออกมาแจกจ่ายผู้ถือหุ้นวอลล์สตรีท และซิตี้ออฟลอนดอน ที่ครอบงำสหรัฐในเวลานี้ เหมือนพวกพวกขุนนางเก่าในสภาเซเนทที่ปกครอง และครอบงำระบบการเมืองของโรม

    คัสซีอุสเพาแวลล์จึงทำงานประสานกันกับบรูตัสทรัมป์ โดยเอาโคโรน่าไวรัสมาเป็นข้ออ้างบังหน้า ท้ังๆที่ ทั้งคู่มีวาระแอบแฝงร่วมอยู่ในใจแล้วที่จะล้มระบบสาธารณรัฐของสหรัฐแห่งอเมริกา อันจะนำไปสู่ระบบจักรวรรดิอย่างสมบูรณ์ตามคติของIdes of Marchทุกประการ

    ตอนต่อไปใครเป็นผู้บงการบรูตัสทรัมป์ และคัสซีอุสเพาแวลล์ให้รุมแทงคิงดอลล่าร์อย่างเลือดเย็น? โปรดติดตามตอนต่อไป แอ่นแอ้น

    thanong
    18/3/2020

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    4. Ides of March
    ยุคของความยิ่งใหญ่ของดอลล่าร์กำลังจะสิ้นสุดลง และถึงเวลาแล้วที่ธนาคารกลางของประเทศต่างๆจะร่วมมือกันสร้างเงินสกุลโลกเพื่อมาทดแทนดอลล่าร์ร่วมกัน ผู้ที่พูดประโยคนี้ไม่ใช่วราดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย หรือสี จิ้นผิงของจีน แต่กลับเป็นนาย มาร์ค คาร์เนย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางของอังกฤษที่เอ่ยคำนี้ออกมาในปลายเดือนสิงหาคม ปี2019ที่ผ่านมา

    นายคาร์เนย์ เป็นตัวแทนของซิตี้ออฟลอนดอนที่มีอำนาจเหนือประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และนายเจโรม เพาแวลล์ ประธานของธนาคารกลางของสหรัฐ เมื่อซิตี้ออฟลอนดอนสร้างดอลล่าร์ให้เป็นเงินสกุลหลักของโลกได้ ก็สามารถฆ่าดอลล่าร์ได้กับมือตัวเอง เพราะว่าดอลล่าร์ทำหน้าที่ครบถ้วนและหมดประโยชน์แล้วในวาระโลกใหม่ที่กำลังจะมาถึงในปี 2030

    ซิตี้ออฟลอนดอน นำโดยพวกรอธไชด์ที่ได้รับการหนุนหลังจากลอนดอนและโรม เข้าไปยึดครองธนาคารกลางของสหรัฐในปี 1913อย่างแยบยลผ่านตระกูลร็อคกี้เฟลเลอร์ และเจพี มอร์แกน หลังจากเจพี มอร์แกนสร้างวิกฤติการเงินในสหรัฐในปี 1909เพื่อเป็นข้ออ้างว่า วิกฤติการเงินที่เกิดขึ้นเนื่องจากสหรัฐไม่มีธนาคารกลางคอยควบคุมดูแลกำกับ ในที่สุดซิตี้ออฟลอนดอนสามารถควบคุมระบบการเงินของสหรัฐอย่างเบ็ดเสร็จ ทำให้อเมริกาเป็นเมืองขึ้นของซิตี้ออฟลอนดอน โดยที่คนอเมริกันไม่รู้สึกตัว

    Nathan Mayer Rochilds (คศ. 1777-1836) สมาชิกคนสำคัญของตระกูลรอธไชด์เคยกล่าวเอาไว้ว่า ถ้าให้ข้าพเจ้าควบคุมปริมาณเงินของประเทศใดประเทศหนึ่ง ข้าพเจ้าไม่สนเลยว่าใครเป็นผู้ตรากฎหมาย นาธานจะพูดประโยคนี้จริงหรือไม่จริงไม่ทราบ แต่มันสะท้อนความจริงที่ว่า ผู้ใดควบคุมระบบการเงินที่มีกลไกการทำงานของธนาคารกลางและแบงก์พานิชย์ ผู้นั้นจะมีอำนาจเหนือระบบการเมือง

    ระหว่างทุนกับอำนาจ อย่างใหนจะใหญ่กว่ากัน มีอำนาจแต่ไม่มีทุน อำนาจนั้นจะเสื่อมไป มีทุนแต่ไม่มีอำนาจอาจจะสามารถสร้างอำนาจได้

    นายคาร์เนย์เป็นชาวแคนาเดียน เรียนหนังสือจบปริญญาเอกทางเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาออกซ์ฟอร์ด และทำงานทางการเงินให้กับGoldman Sachs ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าการธนาคารกลางของแคนาดา เมื่อแบงก์ออฟอิงแลนด์มีตำแหน่งผู้ว่าการว่างลง นายคาร์เนย์ได้รับการคัดเลือก แต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ เพื่อเตรียมโครงสร้างพื้นฐานของระบบการเงินโลกให้เข้าสู่ยุคเงินดิจิตัลโลก

    นายคาร์เนย์เพิ่งจะหมดวาระการทำงานที่แบงก์ออฟอิงแลนด์อย่างเป็นทางการในวันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา หรือวันIdes of March

    โป๊ะเช๊ะ!!!!! อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น

    วาระการทำงานของนายคาร์เนย์ที่แบงก์ออฟอิงแลนด์ คือระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2013 ถึงวันที่ 15 มีนาคม 2020

    ในวันIdes of March หรือวันลอบสังหารจูเลียส ซีซ่าร์ นายเจโรม เพาแวลล์ ประธานเฟดลดดอกเบี้ยดอลล่าร์ลงเหลือ0%เพื่อลากระบบการเงินโลกให้เข้าสู่ยุคดอกเบี้ย0% และดอกเบี้ยติดลบ จนกว่าจะมีการรีเช็ตระบบการเงินโลกตามพิมพ์เขียวที่ซิตี้ออฟลอนดอนได้วางแผนเอาไว้

    ก่อนก้าวลงจากตำแหน่ง 4วัน นายคาร์เนย์ทิ้งทวนด้วยการลดดอกเบี้ยลงทีเดียวสองสลึงจาก0.75% เป็น0.25% เมื่ออังกฤษส่งสัญญานลดดอกเบี้ยแล้วในวันที่ 11มีนาคมสหรัฐต้องลดดอกเบี้ยตาม แบบแพนิก ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐหัวทิ่มบ่อ

    ให้สังเกตุดูวันที่นายคาร์เนย์ลดดอกเบี้ยมีรหัส 11, 22อยู่ครบ

    ที่สำคัญ นายคาร์เนย์เริ่มทำงานในเดือนกรกฎาคม หรือJuly ซึ่งเป็นคำที่มาจากชื่อจูเลียส หรือชื่อแรกของซีซ่าร์ เขาหมดวาระการทำงานในวันIdes of March หรือวันลอบสังหารจูเลียส ซีซ่าร์

    เริ่มต้นด้วยซีซาร์ จบลงด้วยซีซ่าร์

    นายคาร์เนย์ได้ทำงานที่ได้รับมอบหมายสมบูรณ์แบบแล้วในการจุดไฟเผากรุงโรม เพื่อที่จะสร้างโรมใหม่

    นายคาร์เนย์ใช้เวทีสัมนาของธนาคารกลางสหรัฐที่Jackson Hole รัฐไวโอมิงในวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อประกาศว่าวาระของดอลล่าร์ในการเป็นเงินสกุลหลักของโลกได้จบสิ้นแล้ว ในขณะที่ระบบโลกกำลังมีการปรับเปลี่ยน ใครเป็นคนอเมริกันก็ต้องงง มองดูเผินๆแล้ว นายคาร์เนย์บังอาจมากที่มาเหยียบถ้ำเสือ แล้วจะอุ้มลูกเสือไป แต่ถ้าเราเข้าใจว่าซิตี้ออฟลอนดอนเป็นนายสหรัฐมาตลอด เรื่องนี้จะไม่น่าประหลาดใจเลย

    อังกฤษมีปอนด์เป็นเงินสกุลหลักของโลกตั้งแต่ศตวรรษที่ 18จนถึงกลางศตววรษที่ 20 แล้วผลักดันให้ดอลล่าร์ทำหน้าที่นี้แทนปอนด์ เมื่ออายุขัยของดอลล่าร์กำลังจะสิ้นสุดลง อังกฤษจึงต้องการสร้างเงินสกุลโลกใหม่ขึ้นมาเสียบแทน ก่อนที่จะถูกจีนแย่งซีนด้วยการดันหยวนให้ขึ้นมาแข่งเป็นเงินสกุลหลักของโลก

    ท้ังๆที่ นายคาร์เนย์ใช้เวทีของธนาคารกลางสหรัฐในการประกาศว่าดอลล่าร์กำลังสิ้นอายุขัย แต่ทรัมป์ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรเลย ไม่เห็นเขียนทวิทเตอร์ด่านายคาร์เนย์ ดีแต่โม้่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐเข้มแข็งที่สุดในโลก ตลาดหุ้นโตวันโตคืน ดอลล่าร์แข็งแกร่งที่สุดในโลก นายเจโรม เพาแวลล์ก็ไม่เห็นจะต่อว่านายคาร์เนย์ว่า มาสบปรามาสดอลล่าร์ได้อย่างไรในเวทีของเฟด

    แสดงว่านายคาร์เนย์เส้นใหญ่มาก ถึงได้ขโมยซีนและเวทีสัมนาของเฟดได้ โดยเนื้อหาที่นายคาร์เนย์ต้องการส่งสัญญานออกไปคือ ได้เวลาที่ประเทศต่างๆจะร่วมมือกันสร้างเงินสกุลโลกใหม่เพื่อทดแทนดอลล่าร์แล้ว เพราะว่าอิทธิพลของดอลล่าร์ไม่สอดคล้องกับโครงสร้างเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนไป โดยขนาดจีดีพีของประเทศเกิดใหม่รวมกันเท่ากับ60% เทียบกับ40%สำหรับประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่ดอลล่าร์ยังคงเป็นสื่อกลางของการค้าโลกถึง50% เขาบอกว่า ดอลล่าร์กำลังติดกับดักสภาพคล่อง ดอกเบี้ยต่ำ และไม่สามารถผลักดันอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจได้อีกต่อไป ทุกคร้ังที่มีความไม่สมดุลทางดอกเบี้ยเกิดขึ้นจะนำไปสู่สงคราม วิกฤติการทางการเงิน และการเปลี่ยนแปลงในระบบสถาบันการเงินโลกอย่างฉับพลัน

    นายคาร์เนย์เสนอทางออกคือ ให้มีการร่วมมือจากบรรดาประเทศต่างๆทั่วโลกให้สร้างเงินดิจิตัล world digital currency โดยจะให้ไอเอ็มเอฟเป็นดูแล โดยแต่ละประเทศลงขันเพื่อสมทบเงินกองทุนของไอเอ็มเอฟให้ได้$3ล้านล้าน ไอเอ็มเอฟจะบริหารเงินสกุลโลกดิจิตัลผ่านตระกร้าเงินที่จะมีเงินดอลล่าร์ เงินปอนด์ เงินยูโร เงินเยน และเงินหยวน
    https://www.reuters.com/article/us-...iance-on-u-s-dollar-boes-carney-idUSKCN1VD28C

    ซิตี้ออฟลอนดอนจะยังคงเป็นผู้กำกับหลังฉากตัวจริงของไอเอ็มเอฟต่อไป ส่วนดอลล่าร์จะลดบทบาทลงกลายเป็นเงินสกุลหนึ่งในตระกร้าเงินของไอเอ็มเอฟเพื่อหลีกทางให้เงินดิจิตัลโลก

    อังกฤษครองโลกมาตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 18ผ่านลัทธิล่าอาณานิคม และใช้เงินปอนด์เป็นเงินสกุลหลักของโลก เนื่องจากอังกฤษเป็นประเทศเล็กๆ ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติ หรือมีจำนวนประชาชนมาก จำเป็นต้องใช้ดินแดนของโลกใหม่ในการสร้างฐานความเป็นมหาอำนาจเพื่อทำให้มาร์เก็ตแคปใหญ่ขึ้น จึงได้ยึดแคนาดาแบบซึ่งๆหน้า และเข้าไปครอบงำสหรัฐอเมริกาแบบแยบยล โดยร่วมมือกับโรมอย่างใกล้ชิด

    โลกใหม่ของทวีปอเมริกาเหนือหรือนิวเวิร์ลด์ จึงกลายเป็นนิวแอทแลนตีสของอังกฤษที่ต้องการแยกร่างทรง เพื่อว่าจะใช้อเมริกาเหนือเป็นฐานกลับมาครอบงำยุโรป และโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยอรมันนี ฝรั่งเศสและรัสเซียที่เป็นปฏิปักษ์กับอังกฤษมาเป็นเวลาช้านาน

    แผนการสร้างนิวแอทแลนติสดำเนินมาตั้งแต่ควีนเอลิซาเบทที่1 (คศ 1533- 1603) มาเจริญรุ่งเรืองที่สุดในสมัยควีนวิคเตอเรีย ( คศ 1819-1901 ) ที่อังกฤษมีดินแดนมากมายบนโลกจนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดินและต่อเนื่องมาถึงยุคปัจจุบัน

    อังกฤษจึงเปรียบเหมือนนกฟินิกซ์ที่ตายแล้วเกิดใหม่เรื่อยๆ ไม่มีวันล่มสลาย

    หลังสงครามโลกครั้งที่ 2อังกฤษรู้ดีว่า ไม่สามารถรักษาอาณานิคมได้อีกต่อไป เพราะว่าต้องใช้ทหาร และกำลังพลเป็นจำนวนมากในการดูแลอาณานิคมไม่ให้กระด้างกระเดื่อง เมื่อไม่สามารถรักษาอาณานิคมได้ จะรักษาปอนด์ให้เป็นเงินสกุลหลักของโลกไม่ได้อีกต่อไปเหมือนกันจึงได้ส่งเสริมให้ดอลล่าร์เป็นเงินสกุลหลักของโลกแทน และปล่อยให้อาณานิคมได้รับเอกราช แต่หันมาควบคุมประเทศอาณานิคมเหล่านี้แบบแยบยลผ่านระบบคอมมอนเวลท์ (Commonwealth)

    ระบบการเงินของสหรัฐอยู่ในมือของอังกฤษ จากการที่อังกฤษสามารถเข้าไปตั้งธนาคารกลาง หรือUS Federal Reserveได้ในปี 1913 แม้ว่าจะล้มเหลวในความพยายามที่จะตั้งธนาคารกลางอีแร้ง2ครั้งในศตวรรษที่ 19 เพราะว่าตั้งแล้วก็อยู่ได้ไม่นาน คนอเมริกันไม่เอาด้วย เพราะว่าอยู่ดีๆจะให้นายธนาคารมาผูกขาดการพิมพ์ดอลล่าร์ได้อย่างไร กฎหมายรัฐธรรมนูญสหรัฐกำหนดชัดเจนว่า มีเพียงสภาคอนเกรซเท่านั้นที่มีอำนาจในการออกเงินตรา การดำรงอยู่ของเฟดในปัจจุบันจึงเป็นการละเมิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพราะว่าเฟดแย่งบทบาทการตราเงินตราของสภาคอนเกรซที่ใช้กระทรวงการคลังทำหน้าที่แทนไป

    หลังสงครามโลกคร้ังที่ 2 อังกฤษปั้นดอลล่าร์ให้เป็นเงินสกุลหลักของโลกได้ ผ่านระบบBretton Woods หรือระบบมาตรฐานทองคำโดยให้ดอลล่าร์ผูกกับทองคำ สหรัฐมีทองคำสำรอง26,000ตันในเวลานั้น เพราะว่าอังกฤษเจ้ากี้เจ้าการขนเอาทองมากองบนหน้าตักให้ จะได้สร้างภาพว่าสหรัฐร่ำรวยยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก แล้วให้เงินสกุลอื่นๆ เช่นฟรังค์ของฝรั่งเศส หรือมาร์คของเยอรมันผูกกับดอลล่าร์อีกต่อหนึ่ง เท่ากับว่าเงินสกุลทั่วโลกที่ผูกกับดอลล่าร์จะผูกกับทองคำในทางอ้อม ระบบอัตราแลกเปลี่ยนเป็นแบบคงที่ เพราะว่าค่าเงินผูกกับทองคำทำให้อัตราแลกเปลี่ยนมีการเคลื่อนไหวน้อยมาก ในขณะเดียวกันระบบนี้สร้างวินัยการเงินการคลังของแต่ละประเทศไม่ให้เพิ่มปริมาณเงินมากกว่าทองคำสำรองที่ถืออยู่มากจนเกินพอดี

    เมื่อดอลล่าร์เป็นเงินสกุลหลักของโลก ท้ังสหรัฐและอังกฤษใช้ประโยชน์จากดอลล่าร์มากที่สุดแบบปู้ยี่ปู้ยำจนดอลล่าร์ขาดความน่าเชื่อถือ ฝรั่งเศสและประเทศต่างๆขอเอาดอลล่าร์มาขึ้นทองคำ เพราะเฟดมีการแอบพิมพ์ดอลล่าร์มากกว่าทองคำสำรอง ต่อมาในปี 1971 นิกสันยกเลิกระบบมาตรฐานทองคำ เพื่อว่าดอลล่าร์จะแปลงร่างเป็นเงินกระดาษเปล่าๆ ไม่ต้องมีทองคำหนุนหลัง สามารถเพิ่มปริมาณเงิน หรือพิมพ์เงินได้ไม่อั้น ทำให้โลกเข้าสู่ยุคเงินกระดาษอย่างสมบูรณ์ ตอนนี้จะลากดอลล่าร์ต่อไปไม่ไหว เพราะว่ามีการพิมพ์ดอลล่าร์ออกมามากมายเหลือคณา พร้อมกับการสร้างหนี้ดอลล่าร์ที่ล้นพ้น ไม่รู้ว่าประเทศเจ้าหนี้ต่างๆจะทนถือทรัพย์สินดอลล่าร์ได้นานอีกเพียงใด เพราะว่ามีท้ังดอลล่าร์มืด (black dollar)ที่อยู่ในบัญชี 2หมุนเวียนในระบบอีกต่างหาก

    ที่จะลากดอลล่าร์ให้เป็นเงินสกุลหลักของโลกต่อไปไม่ได้ เพราะว่าดอลล่าร์เริ่มที่จะมีหยวนและรูเบิ้ลเป็นคู่แข่ง ในอดีต ไม่มีคู่แข่ง ดอลล่าร์จะเล่นมนต์ดำทางการเงินอย่างไรก็ได้

    อังกฤษจึงได้ให้นายคาร์เนย์ออกมาส่งสัญญานเพื่อเตือนว่า เวลาของดอลล่าร์กำลังจะจบลง เพื่อว่าจะได้สร้างเงินสกุลโลกใหม่มาแทนดอลล่าร์ โดยที่อังกฤษคาดการว่า หรือหวังว่าจะยังคงคุมเกมการสร้างเงินสกุลโลกใหม่อยู่ เพราะว่าผู้ใดคุมเงินสกุลหลักของโลก หรือเขียนกฎเกณฑ์ของระบบการเงินโลก ผู้นั้นจะเป็นผู้ที่ครองโลกต่อไป

    19/3/2020

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ธปท. เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว หลังจากหายเงียบตั้งนาน! อัดฉีดเงิน 100,000 ล้านบาท

    ในช่วงที่ผ่านมาที่ตลาดพันธบัตรไทยมีความผันผวนสูงตามความตื่นตระหนกในตลาดการเงินโลก ธปท. ได้เข้าอัดฉีดสภาพคล่องในตลาดพันธบัตรผ่านการเข้าซื้อพันธบัตรภาครัฐทั้งระยะสั้นและระยะยาวอย่างต่อเนื่อง โดยในวันนี้ ธปท. เข้าซื้อพันธบัตรรวมประมาณ 45,000 ล้านบาท รวมเป็นยอดการเข้าซื้อตั้งแต่ 13-19 มี.ค. 63 กว่า 100,000 ล้านบาท

    ธปท. มีแผนลดวงเงินการประมูลพันธบัตร ธปท. ในระยะต่อไป เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องในตลาดพันธบัตรอีกทางหนึ่ง และยืนยันว่า ธปท. พร้อมที่จะเข้าซื้อพันธบัตรอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความผันผวนของตลาดพันธบัตรและเสริมให้ตลาดมีสภาพคล่องในการซื้อขายอย่างเพียงพอ

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    FB_IMG_1584629309647.jpg

    (Mar 19) COVID-19 กับ วิกฤติเศรษฐกิจโลก: This Time is Different : คอลัมน์ แจงสี่เบี้ย: เวลานี้คงไม่มีประเด็นใดที่คนสนใจได้มากเท่ากับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา2019 (COVID-19)ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ยกระดับให้เป็น "ภาวะการระบาดใหญ่ทั่วโลก (Pandemic)"แล้ว แม้มีข่าวดีจากจีนที่สถานการณ์เริ่มทรงตัวแต่การแพร่ระบาดในประเทศอื่นนอกจีนกลับขยายไปมากกว่า 60 ประเทศโดยข้อมูล ณ 15 มี.ค. 63 มีผู้ติดเชื้อสะสม 1.4 แสนราย ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 10 อันดับแรกมีขนาดเศรษฐกิจรวมกันสูงถึงกว่า 2 ใน 5 ของโลก

    This Time is Different: ผลกระทบครั้งนี้ ไม่เหมือนอดีต

    นักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลกออกมาวิเคราะห์ถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกว่าจะมีผลกระทบ ผ่านห่วงโซ่อุปทานโลกจากปัญหาการขาดแคลน แรงงานและวัตถุดิบ เนื่องจากจีนซึ่งเป็นโรงงานผลิตและส่งออกสินค้าขั้นกลางรายใหญ่ของโลกจำเป็นต้องหยุดการผลิตตามที่ทางการจีน มีมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวด "อย่างที่ไม่เคย เกิดขึ้นมาก่อน" ต่างจากการระบาดของโรคซาร์สในมณฑลกวางตุ้งในปี 2546โดยเฉพาะการปิดเมืองอู่ฮั่นซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการระบาดรวมทั้งเมืองใหญ่อื่นๆ

    ต้องไม่ลืมว่า เมืองอู่ฮั่น เป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ ศูนย์กลางการค้าการขนส่งของจีน ทั้งรถไฟและสนามบินที่เชื่อมต่อกับสายการบินหลักของโลก จึงไม่น่าแปลกใจที่วิกฤตินี้จะส่งผลกระทบค่อนข้างรุนแรง อย่างไรตาม ผลกระทบต่อการผลิตอาจต่างกันในแต่ละประเทศขึ้นกับการพึ่งพาวัตถุดิบขั้นกลางจากจีนและความแตกต่างกันของอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรม ยานยนต์ที่ส่วนใหญ่มีระบบการผลิตแบบสินค้าคงคลังเท่ากับศูนย์ (Zero Inventory)หรือ Just in time มีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบรุนแรงมากกว่า

    ผลกระทบคาดว่าจะรุนแรงกว่าซาร์ส

    หลายสถาบันคาดว่า COVID-19 จะ สร้างมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจสูงกว่ากรณีของโรคซาร์สที่มีจุดกำเนิดที่จีนเช่นกัน โดยครั้งนั้นมีการประเมินว่าทำให้ GDP โลกลดลง 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 0.14% สำหรับ ผลกระทบครั้งนี้ ในด้านการค้าโลก รายงานของ UNCTAD (2020) ชี้ว่าดัชนีภาคการผลิต (PMI) ของจีนเดือน ก.พ.2563ลดลงต่ำสุดตั้งแต่ปี 2547และประเมินว่าจะสร้างความเสียหาย ต่อการส่งออกในห่วงโซ่อุปทาน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยมีผล กระทบมากสุดใน EU (15,600 ล้านดอลลาร์) รองลงมาคือ สหรัฐฯ(5.8 พันล้านดอลลาร์) ญี่ปุ่น (5.2 พันล้านดอลลาร์) เกาหลี (3.8 พันล้านดอลลาร์) เวียดนาม (2.3 พันล้านดอลลาร์) ขณะที่ไทยติดอยู่ที่อันดับ 11 ด้วยมูลค่าความเสียหาย 700 ล้านดอลลาร์ โดยอุตสาหกรรมผลิตยางและพลาสติก เครื่องมือเครื่องจักร เคมีภัณฑ์ อุปกรณ์สื่อสาร ยานยนต์ในไทยเป็นสาขาที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด

    ด้านการท่องเที่ยว สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ประเมินว่ากรณีที่มีการแพร่ระบาดอยู่ในวงจำกัด รายรับการท่องเที่ยว โลกจะลดลง 63,000ล้านดอลลาร์ โดยเอเชีย จะได้รับผลกระทบสูงสุด รองลงมาคือยุโรปอื่น ญี่ปุ่น อิตาลี และเยอรมนี ซึ่งล้วนเป็นแหล่ง ท่องเที่ยวสำคัญของนักท่องเที่ยวจีน ขณะที่สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยประเมิน ว่าจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวไทยไม่ต่ำกว่า 6 เดือน และสูญเสียรายได้กว่า 2.5 แสนล้านบาท

    เหตุผลสำคัญที่ทำให้ผลกระทบครั้งนี้คาดว่าจะมากกว่าในกรณีของการระบาด 3 ครั้งใหญ่ ได้แก่ โรคซาร์ส ไข้หวัดใหญ่ 2009 และโรคเมอร์ส เนื่องจากเศรษฐกิจจีนมีขนาดใหญ่กว่าเดิม รวมทั้งมีความเชื่อมโยงทั้งการค้า การลงทุน การขนส่งกับโลกมากขึ้นในปี 2561 เศรษฐกิจจีน มีขนาด 16% ของเศรษฐกิจโลก ใหญ่กว่าช่วงการ ระบาดของซาร์ส4 เท่า และมีขนาดคิดเป็น 13% ของมูลค่าการส่งออกโลก 39% ของการผลิตอุตสาหกรรมโลก และคิดเป็น18% ของมูลค่าการท่องเที่ยวโลกรวมทั้งปัจจุบันที่มีระดับโลกาภิวัตน์ขั้นสูงที่ประชากรของโลกถูกหลอมรวมกันทั้งด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยีและสังคมวัฒนธรรมมากขึ้นกว่าในอดีต

    สถานการณ์ข้างหน้ายังมีความไม่แน่นอนสูง แต่ในวิกฤติย่อมมีโอกาสและสร้างบทเรียนเสมอ

    สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินโลกเคลื่อนไหว เร็วตามความกังวลของนักลงทุน ดัชนีดาวโจนส์และเอสแอนด์พี รวมถึงตลาดหุ้นไทยปรับลดลง ทุบสถิติต่ำสุดในรอบหลายปี OECD (3 มี.ค. 2563) มองเหตุการณ์เป็น 2 สถานการณ์ สถานการณ์แรก การแพร่ระบาดอยู่ในวงจำกัด โดยสถานการณ์ในจีนจะรุนแรงสูงสุดในไตรมาส 2 และทยอยคลี่คลายลง ขณะที่สถานการณ์นอกจีนมีการแพร่ระบาดมากขึ้นแต่ยังอยู่ในวงจำกัด ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจโลกปี 2563 ขยายตัวต่ำลง 0.5% แต่จะกลับมาดีขึ้นในไตรมาส 3 สถานการณ์ที่สอง การแพร่ระบาดขยายวงกว้างประเทศอื่นนอกจีน ควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ กรณีนี้ความเสียหายน่าจะ สูงและกินเวลานานเป็นปี ขณะที่ความเห็นของ IMF (4 มี.ค.2563)ระบุว่าผลกระทบจะทำให้เศรษฐกิจโลกขยายตัวต่ำกว่าปีก่อน แต่จะลดลง เท่าใดคาดเดายากขึ้นกับความสามารถในการควบคุมการระบาดของประชาคมโลก

    แม้สถานการณ์จะรุนแรงแต่ในวิกฤตย่อมมีโอกาสและสร้างบทเรียนเสมอ รายงานของ World Economic Forum(2020) นำเสนอกรณีศึกษาของจีนพบว่าการระบาดครั้งนี้ทำให้เห็นพัฒนาการหลายอย่าง อาทิ (1) ความร่วมมือ ระหว่างรัฐบาลและเอกชนในการจัดการวิกฤติ COVID-19 ที่มีความโปร่งใสรับฟังความเห็น ของประชาชนผ่าน Social Media ทั้ง WeChat และ Weibo (2) การดำเนินมาตรการทางเศรษฐกิจ การเงินและการคลังที่รวดเร็วเพื่อลดผลกระทบ และ (3) โอกาสใหม่ๆ ของภาคธุรกิจวิกฤติครั้งนี้ช่วยให้เกิดการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีมีการให้บริการแก่ผู้บริโภคทางออนไลน์มากขึ้นทั้งการค้า การศึกษาและธุรกิจบันเทิง

    ในระยะข้างหน้าสิ่งสำคัญที่เราน่าจะได้เห็นจากเหตุการณ์นี้คือ การพัฒนาด้านสาธารณสุขและการยกระดับความร่วมมือการทางแพทย์ทั่วโลกจะมีความสำคัญมากขึ้นการเปิดรับ Social Norms ใหม่ๆ ที่เป็นผลพวงจากการใช้ระยะห่างทางสังคม (Social Distancing)อาทิ สังคมไร้เงินสด การทำงานทางไกล และ เหนือสิ่งอื่นใด ประชาคมโลก ต้องร่วมกันปฏิบัติตามมาตรฐานสุขภาพระหว่างประเทศเพื่อลดผลกระทบจากภัยคุกคามนี้ และเราจะผ่านเหตุการณ์นี้ไปด้วยกันเพราะ "We are in the same boat and live under the same sky"

    โดย ดร.เสาวณี จันทะพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค
    ทศพล ต้องหุ้ย เศรษฐกรอาวุโสฝ่ายนโยบายการเงิน

    (บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย)

    Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    https://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/649751?utm_source=category&utm_medium=internal_referral
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    PSX_20200319_215441.jpg

    (Mar 19) COVID-19 กับ วิกฤติเศรษฐกิจโลก: This Time is Different : คอลัมน์ แจงสี่เบี้ย: เวลานี้คงไม่มีประเด็นใดที่คนสนใจได้มากเท่ากับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา2019 (COVID-19)ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ยกระดับให้เป็น "ภาวะการระบาดใหญ่ทั่วโลก (Pandemic)"แล้ว แม้มีข่าวดีจากจีนที่สถานการณ์เริ่มทรงตัวแต่การแพร่ระบาดในประเทศอื่นนอกจีนกลับขยายไปมากกว่า 60 ประเทศโดยข้อมูล ณ 15 มี.ค. 63 มีผู้ติดเชื้อสะสม 1.4 แสนราย ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 10 อันดับแรกมีขนาดเศรษฐกิจรวมกันสูงถึงกว่า 2 ใน 5 ของโลก

    This Time is Different: ผลกระทบครั้งนี้ ไม่เหมือนอดีต

    นักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลกออกมาวิเคราะห์ถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกว่าจะมีผลกระทบ ผ่านห่วงโซ่อุปทานโลกจากปัญหาการขาดแคลน แรงงานและวัตถุดิบ เนื่องจากจีนซึ่งเป็นโรงงานผลิตและส่งออกสินค้าขั้นกลางรายใหญ่ของโลกจำเป็นต้องหยุดการผลิตตามที่ทางการจีน มีมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวด "อย่างที่ไม่เคย เกิดขึ้นมาก่อน" ต่างจากการระบาดของโรคซาร์สในมณฑลกวางตุ้งในปี 2546โดยเฉพาะการปิดเมืองอู่ฮั่นซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการระบาดรวมทั้งเมืองใหญ่อื่นๆ

    ต้องไม่ลืมว่า เมืองอู่ฮั่น เป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ ศูนย์กลางการค้าการขนส่งของจีน ทั้งรถไฟและสนามบินที่เชื่อมต่อกับสายการบินหลักของโลก จึงไม่น่าแปลกใจที่วิกฤตินี้จะส่งผลกระทบค่อนข้างรุนแรง อย่างไรตาม ผลกระทบต่อการผลิตอาจต่างกันในแต่ละประเทศขึ้นกับการพึ่งพาวัตถุดิบขั้นกลางจากจีนและความแตกต่างกันของอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรม ยานยนต์ที่ส่วนใหญ่มีระบบการผลิตแบบสินค้าคงคลังเท่ากับศูนย์ (Zero Inventory)หรือ Just in time มีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบรุนแรงมากกว่า

    ผลกระทบคาดว่าจะรุนแรงกว่าซาร์ส

    หลายสถาบันคาดว่า COVID-19 จะ สร้างมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจสูงกว่ากรณีของโรคซาร์สที่มีจุดกำเนิดที่จีนเช่นกัน โดยครั้งนั้นมีการประเมินว่าทำให้ GDP โลกลดลง 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 0.14% สำหรับ ผลกระทบครั้งนี้ ในด้านการค้าโลก รายงานของ UNCTAD (2020) ชี้ว่าดัชนีภาคการผลิต (PMI) ของจีนเดือน ก.พ.2563ลดลงต่ำสุดตั้งแต่ปี 2547และประเมินว่าจะสร้างความเสียหาย ต่อการส่งออกในห่วงโซ่อุปทาน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยมีผล กระทบมากสุดใน EU (15,600 ล้านดอลลาร์) รองลงมาคือ สหรัฐฯ(5.8 พันล้านดอลลาร์) ญี่ปุ่น (5.2 พันล้านดอลลาร์) เกาหลี (3.8 พันล้านดอลลาร์) เวียดนาม (2.3 พันล้านดอลลาร์) ขณะที่ไทยติดอยู่ที่อันดับ 11 ด้วยมูลค่าความเสียหาย 700 ล้านดอลลาร์ โดยอุตสาหกรรมผลิตยางและพลาสติก เครื่องมือเครื่องจักร เคมีภัณฑ์ อุปกรณ์สื่อสาร ยานยนต์ในไทยเป็นสาขาที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด

    ด้านการท่องเที่ยว สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ประเมินว่ากรณีที่มีการแพร่ระบาดอยู่ในวงจำกัด รายรับการท่องเที่ยว โลกจะลดลง 63,000ล้านดอลลาร์ โดยเอเชีย จะได้รับผลกระทบสูงสุด รองลงมาคือยุโรปอื่น ญี่ปุ่น อิตาลี และเยอรมนี ซึ่งล้วนเป็นแหล่ง ท่องเที่ยวสำคัญของนักท่องเที่ยวจีน ขณะที่สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยประเมิน ว่าจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวไทยไม่ต่ำกว่า 6 เดือน และสูญเสียรายได้กว่า 2.5 แสนล้านบาท

    เหตุผลสำคัญที่ทำให้ผลกระทบครั้งนี้คาดว่าจะมากกว่าในกรณีของการระบาด 3 ครั้งใหญ่ ได้แก่ โรคซาร์ส ไข้หวัดใหญ่ 2009 และโรคเมอร์ส เนื่องจากเศรษฐกิจจีนมีขนาดใหญ่กว่าเดิม รวมทั้งมีความเชื่อมโยงทั้งการค้า การลงทุน การขนส่งกับโลกมากขึ้นในปี 2561 เศรษฐกิจจีน มีขนาด 16% ของเศรษฐกิจโลก ใหญ่กว่าช่วงการ ระบาดของซาร์ส4 เท่า และมีขนาดคิดเป็น 13% ของมูลค่าการส่งออกโลก 39% ของการผลิตอุตสาหกรรมโลก และคิดเป็น18% ของมูลค่าการท่องเที่ยวโลกรวมทั้งปัจจุบันที่มีระดับโลกาภิวัตน์ขั้นสูงที่ประชากรของโลกถูกหลอมรวมกันทั้งด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยีและสังคมวัฒนธรรมมากขึ้นกว่าในอดีต

    สถานการณ์ข้างหน้ายังมีความไม่แน่นอนสูง แต่ในวิกฤติย่อมมีโอกาสและสร้างบทเรียนเสมอ

    สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินโลกเคลื่อนไหว เร็วตามความกังวลของนักลงทุน ดัชนีดาวโจนส์และเอสแอนด์พี รวมถึงตลาดหุ้นไทยปรับลดลง ทุบสถิติต่ำสุดในรอบหลายปี OECD (3 มี.ค. 2563) มองเหตุการณ์เป็น 2 สถานการณ์ สถานการณ์แรก การแพร่ระบาดอยู่ในวงจำกัด โดยสถานการณ์ในจีนจะรุนแรงสูงสุดในไตรมาส 2 และทยอยคลี่คลายลง ขณะที่สถานการณ์นอกจีนมีการแพร่ระบาดมากขึ้นแต่ยังอยู่ในวงจำกัด ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจโลกปี 2563 ขยายตัวต่ำลง 0.5% แต่จะกลับมาดีขึ้นในไตรมาส 3 สถานการณ์ที่สอง การแพร่ระบาดขยายวงกว้างประเทศอื่นนอกจีน ควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ กรณีนี้ความเสียหายน่าจะ สูงและกินเวลานานเป็นปี ขณะที่ความเห็นของ IMF (4 มี.ค.2563)ระบุว่าผลกระทบจะทำให้เศรษฐกิจโลกขยายตัวต่ำกว่าปีก่อน แต่จะลดลง เท่าใดคาดเดายากขึ้นกับความสามารถในการควบคุมการระบาดของประชาคมโลก

    แม้สถานการณ์จะรุนแรงแต่ในวิกฤตย่อมมีโอกาสและสร้างบทเรียนเสมอ รายงานของ World Economic Forum(2020) นำเสนอกรณีศึกษาของจีนพบว่าการระบาดครั้งนี้ทำให้เห็นพัฒนาการหลายอย่าง อาทิ (1) ความร่วมมือ ระหว่างรัฐบาลและเอกชนในการจัดการวิกฤติ COVID-19 ที่มีความโปร่งใสรับฟังความเห็น ของประชาชนผ่าน Social Media ทั้ง WeChat และ Weibo (2) การดำเนินมาตรการทางเศรษฐกิจ การเงินและการคลังที่รวดเร็วเพื่อลดผลกระทบ และ (3) โอกาสใหม่ๆ ของภาคธุรกิจวิกฤติครั้งนี้ช่วยให้เกิดการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีมีการให้บริการแก่ผู้บริโภคทางออนไลน์มากขึ้นทั้งการค้า การศึกษาและธุรกิจบันเทิง

    ในระยะข้างหน้าสิ่งสำคัญที่เราน่าจะได้เห็นจากเหตุการณ์นี้คือ การพัฒนาด้านสาธารณสุขและการยกระดับความร่วมมือการทางแพทย์ทั่วโลกจะมีความสำคัญมากขึ้นการเปิดรับ Social Norms ใหม่ๆ ที่เป็นผลพวงจากการใช้ระยะห่างทางสังคม (Social Distancing)อาทิ สังคมไร้เงินสด การทำงานทางไกล และ เหนือสิ่งอื่นใด ประชาคมโลก ต้องร่วมกันปฏิบัติตามมาตรฐานสุขภาพระหว่างประเทศเพื่อลดผลกระทบจากภัยคุกคามนี้ และเราจะผ่านเหตุการณ์นี้ไปด้วยกันเพราะ "We are in the same boat and live under the same sky"

    โดย ดร.เสาวณี จันทะพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค
    ทศพล ต้องหุ้ย เศรษฐกรอาวุโสฝ่ายนโยบายการเงิน

    (บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย)

    Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    https://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/649751?utm_source=category&utm_medium=internal_referral
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    PSX_20200319_215815.jpg

    (Mar 18) แพทย์หญิงอังกฤษ เล่าประสบการณ์เอาชนะ ‘โควิด-19’ ล้มป่วยเจ็บคอราวมีดปาด : แพทย์หญิงชาวอังกฤษวัย 60 ปี เล่าประสบการณ์เอาชนะโควิด-19 หลังล้มป่วยจากการติดเชื้อไวรัสมรณะ ชี้ อาการต่างจากไข้หวัดใหญ่ เริ่มจากไอแห้งๆ เจ็บคอมากราวกับโดนมีดปาด ไข้สูง หนาวสั่น

    เมื่อ 17 มี.ค.63 เว็บไซต์เดลี่เมล และเดอะซัน รายงานว่า แพทย์หญิง แคลร์ เกราดา แพทย์หญิงรักษาอาการเจ็บป่วยเฉียบพลัน หรือแพทย์ GP อายุ 60 ปี อดีตประธาน Royal College of GPs เล่าถึงอาการป่วยจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 เมื่อสัปดาห์ก่อน ที่เธอประสบมาด้วยตนเอง และสามารถต่อสู้จนหายได้

    แพทย์หญิงเกราดา ซึ่งพำนักอยู่ที่บ้านในกรุงลอนดอน เล่าถึงอาการป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 ว่า ไม่เหมือนกับอาการป่วยไข้หวัดใหญ่ ซึ่งตอนแรกเธอคิดว่าเป็นอาการจากเจ็ตแลค จากการเดินทางข้ามเขตเวลา เพราะเธอเพิ่งเดินทางกลับจากไปประชุมที่นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ 3 วันก่อนจะรู้สึกไม่สบาย โดยตอนที่เธอออกจากนิวยอร์กกลับมาลอนดอนนั้น เธอยังรู้สึกโล่งอกที่หนีไวรัสโควิด-19 มาได้ เพราะทางการนิวยอร์กได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินรับมือโควิด-19 พอดี

    เมื่อกลับมาถึงเช้าวันอาทิตย์ รุ่งขึ้นไปทำงานในวันจันทร์ พอเช้าวันอังคาร แพทย์หญิงเกราดาบอกว่า เธอรู้สึกค่อนข้างเหนื่อย เริ่มมีอาการไอแห้งๆ ซึ่งตอนแรกเธอคิดว่าเป็นอาการของเจ็ตแลค แต่หลังจากนั้นไม่นาน เธอมีอาการเจ็บคออย่างรุนแรง ราวกับมีคนเอามีดมาปาดคอก็ไม่ปาน จากนั้นไข้ขึ้นสูงจนร่างกายสั่นสะท้าน ปวดเมื่อยตามข้อ ปวดศีรษะ เจ็บหน้าอกจากการไอ อีกทั้งยังหมดแรง ถึงขนาดไม่มีแรงพอจะเก็บธนบัตร 50 ปอนด์ ที่ตกลงบนพื้นต่อหน้าได้ เธอนอนบนเตียงนานถึง 6 วัน จะลุกจากเตียงก็ต่อเมื่อต้องเข้าห้องน้ำเท่านั้น

    ‘ตอนเริ่มเจ็บคออย่างหนักและมีไข้สูง ฉันเริ่มฉุกคิดว่า หรือฉันอาจติดไวรัสโคโรนา? แต่น่าแปลกใจที่ฉันไม่รู้สึกกลัว ขณะที่ตัวเองไม่มีประวัติมีปัญหาสุขภาพมาก่อน ฉันแข็งแรงและเป็นคนเดินเยอะ’ แพทย์หญิงเกราดาเล่า พร้อมบอกว่า เธอไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลท้องถิ่นแห่งหนึ่ง โดยเธอป่วยหนักไข้สูงต้องนอนอยู่บนเตียงถึง 6 วัน แต่เธอไม่เคยรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองตกอยู่ในความเสี่ยงเลย

    ‘ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของฉันกำลังทำในสิ่งที่สามารถต่อสู้กับเชื้อได้ และเข้าใจดีว่าทำไมคนถึงกังวลกับโควิด-19 แต่คนติดเชื้อส่วนใหญ่ จะรอดอย่างฉัน’ แพทย์หญิงเกราดา กล่าว พร้อมกับบอกวิธีที่เธอใช้ต่อสู้กับโควิด-19 คือการกินยาพาราเซตามอลทุก 8 ชั่วโมง ซุปไก่ และน้ำมะนาว โดยตอนที่โรงพยาบาลโทรศัพท์มาแจ้งผลการตรวจว่าเธอติดเชื้อโควิด-19 นั้น ไข้ได้เริ่มลดลงแล้ว อาการไอหายไป เริ่มรู้สึกดีขึ้น และไม่ต้องกินยาพาราเซตามอลอีก เธอเริ่มทานอาหารได้อีกครั้ง แม้จะกินได้ไม่มาก

    แพทย์เกราดา เล่าว่า ตอนเธอป่วยจากเชื้อโควิด-19 เธอและสามี เซอร์ ไซมอน เวสซีลีย์ อดีตประธาน Royal College of Psychiatrists ได้ใช้วิธีป้องกันการติดเชื้อด้วยการแยกห้องนอน ไม่ใช้ห้องน้ำร่วมกัน และถ้วยชามที่เธอใช้ทานอาหารก็นำไปล้างในเครื่องล้างจานทันที ซึ่งจนถึงขณะนี้สามีของเธอไม่ได้แสดงอาการป่วย ถึงแม้อยู่ในบ้านเดียวกับเธอ และเขาใช้เพียงผ้าพันคอของทีมฟุตบอลที่เขาชอบพันรอบใบหน้า ปิดปากปิดจมูกเท่านั้น

    แพทย์หญิงเกราดา กล่าวว่า ในฐานะที่เธอเป็นแพทย์มา 35 ปี ได้เห็นเรื่องราวที่น่ากลัวบางอย่าง รวมทั้งการระบาดของเชื้อโรคที่ทำให้เกิดอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบและผู้ป่วยติดเชื้อซาร์ส แต่ไวรัสโคโรนาได้สร้างความหวั่นวิตกให้แก่คนในสังคมมากกว่า และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากกว่า

    การที่เธอออกมาเล่าประสบการณ์ป่วยจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา ก็เพราะต้องการให้ผู้คนลดความตื่นตระหนกและ โควิด-19ไม่ใช่สิ่งที่เราจำเป็นต้องกลัวมากที่สุด

    Source: ไทยรัฐออนไลน์
    https://www.thairath.co.th/news/foreign/1797186

    เพิ่มเติม
    - Coronavirus survivor becomes Good Morning Britain hero as phone keeps ringing and dog interrupts interview: https://metro.co.uk/2020/03/16/coro...og-interrupts-interview-12403334/?ito=cbshare
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หอการค้า คาดปิดประเทศสกัดโควิด-19 เศรษฐกิจเจ๊ง 2.4 แสนล้านต่อเดือน
    หอการค้าฯ คาดหากไทยต้องปิดประเทศเพื่อสกัดโควิด-19 หากระบาดรุนแรง จะทำให้เศรษฐกิจไทยเสียหายเดือนละ 240,000 ล้านบาท ทั้งการท่องเที่ยวและค้าขายชายแดน แนะ รบ.คำนึงความปลอดภัยชีวิตประชาชนเป็นหลัก
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หุ้นไทยวันนี้ ปิดตลาดบ่าย ปรับลด 3.96 ดัชนีอยู่ที่ 1,044 จุด
    หุ้นไทยวันนี้ ปิดตลาดบ่าย ปรับลด 3.96 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,044.19 จุด มูลค่าการซื้อขาย 61,601.05 ล้านบาท
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    การบินไทย มีมูลค่าบริษัทน้อยกว่า เถ้าแก่น้อย แล้ว.. /โดย ลงทุนแมน
    ถ้าเรามีเพื่อนอยู่ 2 คน
    คนแรกคือ คุณกระทรวงการคลัง เจ้าของสายการบินแห่งชาติ
    ส่วนอีกคนคือ คุณต๊อบ เจ้าของบริษัทขนมสาหร่าย

    เราคงฟันธงแน่ๆ ว่าบริษัทของคุณกระทรวงการคลัง ต้องมีมูลค่ามากกว่า บริษัทของคุณต๊อบ
    เพราะดูยิ่งใหญ่กว่ามาก..

    แต่ถ้าวันหนึ่งคุณต๊อบ เดินมาบอกเราว่า บริษัทขายสาหร่ายของเขา
    ใหญ่กว่า สายการบินแห่งชาติเสียอีก
    เราก็อาจจะหัวเราะ

    แต่ตอนนี้คุณกระทรวงการคลัง คงหัวเราะไม่ออก เพราะมันกลายเป็นเรื่องจริงแล้ว..
    ╔═══════════╗
    Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
    เจาะลึกแบบ deep content
    ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
    Blockdit.com/download
    ╚═══════════╝
    ย้อนกลับไป 15 เดือน เมื่อสิ้นปี พ.ศ. 2561
    การบินไทย มีมูลค่าบริษัท 26,412 ล้านบาท
    เถ้าแก่น้อย มีมูลค่าบริษัท 11,109 ล้านบาท

    แต่ตอนนี้..
    การบินไทย มีมูลค่าบริษัท 6,155 ล้านบาท
    เถ้าแก่น้อย มีมูลค่าบริษัท 6,762 ล้านบาท

    เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?

    วายร้ายหลักที่ทำให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ก็คือเจ้า “COVID-19”

    วิกฤตโรคระบาด COVID-19 ได้สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจมหาศาล
    ลามตั้งแต่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ไปจนถึง
    อาหาร ค้าปลีก ยานยนต์ ขนส่งมวลชน และอื่นๆ อีกมากมาย

    ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นไทยได้ตกหนักเหมือนกันหมด
    หุ้นเกือบทุกบริษัทร่วงลงติดต่อกันหลายวัน

    และหุ้นการบินไทยกับเถ้าแก่น้อย ก็ไม่รอดพ้นจากสถานการณ์เช่นนี้

    ถ้าเราซื้อหุ้นการบินไทยตอนต้นปี วันนี้หุ้นเราจะ -56%
    ส่วนเถ้าแก่น้อย -53%

    แต่คำถามสำคัญมันอยู่ที่
    ทำไมตอนนี้ตลาดถึงให้มูลค่าธุรกิจสาหร่าย มากกว่า สายการบินแห่งชาติ?

    จริงๆ แล้ว การบินไทยมีปัญหาขาดทุนเรื้อรังมานานแล้ว
    ปี 2560 มีรายได้ 190,535 ล้านบาท ขาดทุน 2,107 ล้านบาท
    ปี 2561 มีรายได้ 200,586 ล้านบาท ขาดทุน 11,625 ล้านบาท
    ปี 2562 มีรายได้ 188,954 ล้านบาท ขาดทุน 12,042 ล้านบาท

    เห็นได้ว่า ขาดทุนเพิ่มขึ้นทุกปี
    และ 3 ปีรวมกัน การบินไทยขาดทุนรวมเกือบ 26,000 ล้านบาท..

    การขาดทุนสะสมนี้ ทำให้หุ้นการบินไทยปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องตามผลประกอบการ
    และหุ้นยิ่งดิ่งหนักลงไปอีก เนื่องจากมีเหตุการณ์ COVID-19 เป็นตัวเร่ง

    ถึงแม้ว่าการบินไทยมีรายได้เป็นหลักแสนล้านบาทแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะที่ผ่านมาขาดทุนเป็นหมื่นล้าน

    แล้วสถานการณ์แบบนี้ ที่คนในประเทศไม่อยากออกเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ
    ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็ไม่อยากเดินทางเข้ามาในประเทศเรา..

    เมื่อเที่ยวบิน และผู้โดยสารหดหายไป
    สายการบินก็ขาดรายได้ รวมถึงอาจขาดสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ

    เมื่อรายได้หาย แต่สายการบินยังมีค่าใช้จ่ายคงที่ ที่ต้องจ่ายอยู่
    เช่น ค่าจ้างพนักงาน ที่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่
    ค่าเช่าเครื่องบิน, ค่าซ่อมแซม, ค่าประกัน, ค่าดอกเบี้ย

    ซึ่งก็เป็นไปได้ว่า ปีนี้การบินไทยอาจขาดทุนมากกว่าเดิม..

    ถึงแม้ต้นทุนน้ำมันจะถูกลง จากสงครามราคาน้ำมัน
    แต่ก็ไม่มีความหมาย เพราะคนไม่อยากบินกัน..

    และอีกเรื่องที่น่าเป็นห่วงคือ การบินไทย มีหนี้สินค่อนข้างเยอะ
    ซึ่งมีหนี้ที่ต้องชำระเป็นเงินภายใน 1 ปี อยู่ 54,580 ล้านบาท
    ขณะที่บริษัทมี เงินสดและลูกหนี้ รวมอยู่ที่ 30,845 ล้านบาท

    ทั้งเรื่องผลการดำเนินงานที่ไม่สดใส และความเสี่ยงด้านการเงินนี้เอง
    เลยทำให้ตลาดกังวล และทำให้มูลค่าตลาดของการบินไทยลดลง

    ส่วนสถานการณ์ในฝั่งของ เถ้าแก่น้อย ก็ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 เช่นกัน
    แต่ไม่น่าเป็นห่วงเท่า

    เพราะบริษัทยังคงทำกำไรอยู่ ถึงแม้จะทำกำไรได้น้อยลงก็ตาม

    ปี 2562 เถ้าแก่น้อย มีรายได้ 5,297 ล้านบาท กำไร 336 ล้านบาท
    แบ่งเป็นรายได้จากในประเทศ 40% และต่างประเทศ 60%

    โดยต่างประเทศจะมาจากประเทศจีน 36%

    ซึ่งสถานการณ์ COVID-19 ในจีนตอนนี้ผ่านจุดพีกมาแล้ว
    ก็น่าจะต้องติดตามว่า สถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติได้เร็วแค่ไหน

    อย่างไรก็ตาม เมื่อสถานการณ์เริ่มดีขึ้น
    นักลงทุนก็อาจกลับมามองอุตสาหกรรมการบินสดใส
    และให้มูลค่าบริษัทสายการบินมากขึ้นอีกครั้งในภายหลังก็เป็นได้

    แต่ตอนนี้ คำถามที่สำคัญคือ
    การบินไทยจะดำเนินกิจการอยู่รอด ข้ามพ้นวิกฤตนี้ไปได้หรือไม่
    เงินสดที่การบินไทยมีอยู่ จะเพียงพอต่อค่าใช้จ่ายหรือไม่
    และความกังวลที่ก่อตัวขึ้น
    ส่งผลให้ การบินไทยในวันนี้ มีมูลค่าน้อยกว่า ขนมสาหร่าย นั่นเอง..
    ╔═══════════╗
    Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
    เจาะลึกแบบ deep content
    ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
    Blockdit.com/download
    ╚═══════════╝
    ติดตามลงทุนแมนได้ที่
    Website - longtunman.com
    Blockdit - blockdit.com/longtunman
    Facebook - ลงทุนแมน
    Twitter - twitter.com/longtunman
    Instagram - instagram.com/longtunman
    Line - page.line.me/longtunman
    YouTube - youtube.com/longtunman

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Brenes

    เขื่อนแตกใน jizan, saudi arabia เนื่องจากฝนตกหนัก น้ำพัดพาทุกอย่างในเส้นทางของมัน รถและบ้านน้ำท่วม # 19 มีนาคม

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Brenes

    ภูเขาไฟ Etnaประเทศอิตาลี ปะทุ # 18 มีนาคม

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Brenes

    การรักษาหรือการปนเปื้อน?

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Brenes

    ชายคนหนึ่งพาสุนัขของเขาไปด้วยโดรน ระหว่างการกักกันในอิสราเอล

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Brenes

    ในกรุงเยรูซาเล็มมีการเรียกร้องให้ผู้คนหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถยับยั้งการแพร่กระจายของ coronavirus ได้วันนี้จำนวนผู้ติดเชื้อที่ผ่าน 500 ราย ป่วยหนัก 6 ราย

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    @19:00

    ด่วน!! #สำนักแพทย์รัฐสภา พบ 25 ข้าราชการเสี่ยงโควิด-19 ไปอบรมร่วมกับ ขรก.ฉะเชิงเทราที่พา จนท.หน้าห้องนายกฯ อบจ. มาด้วย ด้านเลขาฯสภา ให้ 25 ข้าราชการให้ทำงานอยู่บ้านเฝ้าดูอาการ14วัน แล้ว โดย สำนักแพทย์สภาติดตามอาการอย่างใกล้ชิด #ARMdhiravath

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ถ้าต้องขอ #ใบรับรองแพทย์ สำหรับเดินทาง (Fit to Fly : 海外渡航健康診断) เพื่อกลับเมืองไทยควรทำอย่างไรดี หลายคนถามมาขอตอบทีเดียวนะคะ

    ไปตรวจตามคลินิกที่ออกใบรับรองแพทย์ให้ได้ โดยวิธีหาคลินิกที่รับทำ คือตามนี้ค่ะ

    keyword
    トラベルクリニック (ทราเวลคลินิก) ตามด้วยชื่อจังหวัด / เมืองที่อาศัย
    แนะนำไปทราเวลคลินิกนะคะ เพราะส่วนใหญ่มีฟอร์มอยู่แล้ว
    ทราเวลคลินิกหลายที่ต้องโทรจองนะคะ โทรไปสอบถามก่อนเลยค่ะ

    รายชื่อ Travel Clinic ทั่วประเทศ : http://jstah.umin.jp/02travelclinics/ เลือกที่มี 英文診断書作成

    หรือ

     健康診断書 (ใบรับรองแพทย์)
     英語 ถ้าอยากได้ภาษาอังกฤษ จะได้ไม่ต้องแปลอีก แต่ภาษาอังกฤษมักใช้เวลาทำนานค่ะ
      即日発行 ถ้าอยากได้วันนั้นเลย

    ราคาก็.....( ;꒳; ) ส่วนใหญ่ 10,000 เยนอัพค่ะ (ภาษาอังกฤษ) ที่โตเกียว (มีคนมาโพสต์ 8,500 เยน ในคอมเมนท์นะคะ ^^)

    ป.ล. ใบรับรองโควิด-19 ไม่มีแน่นอนค่ะ คนป่วยนิดหน่อยยังไม่ได้ตรวจเลย

    ————-

    ประกาศจากทางสถานทูตโตเกียว



    <<ฝั่งโอซาก้า อ่านตามนี้นะคะ >>

    มาตรการสำหรับคนไทยที่เดินทางจากประเทศญี่ปุ่นกลับไทย

    ⚠️ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม 2563 เวลา 02.00 น. (เวลาญี่ปุ่น) !!!!❣️ คนไทยทุกคนที่จะเดินทางออกจากประเทศญี่ปุ่นเพื่อกลับประเทศไทยจะต้องแสดงเอกสารดังต่อไปนี้ที่เคาเตอร์ Check-in เพื่อออก Boarding Pass

    1. ใบรับรองแพทย์(ภาษาอังกฤษ)ที่ยืนยันว่ามีสุขภาพเหมาะสมต่อการเดินทาง (Fit to Fly Health Certificate)

    2. หนังสือรับรองการเดินทางกลับประเทศไทยที่ออกโดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว

    ทั้งนี้ การขอหนังสือรับรองการเดินทางกลับประเทศไทย สามารถดำเนินการได้โดยกรอกและลงนามในแบบฟอร์มลงทะเบียนคนไทยที่จะเดินทางกลับประเทศไทย พร้อมส่ง (1) สำเนาหน้าหนังสือเดินทาง (2) บัตรโดยสารเครื่องบิน และ (3) ใบรับรองแพทย์ ที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว หรือ ส่ง e-mail ไปยัง rtetokyo2020@gmail.com ภายใน 72 ชั่วโมงแต่ไม่น้อยกว่า 60 ชั่วโมงก่อนเดินทางและสถานเอกอัครราชทูตฯ จะติดต่อกลับทาง e-mail เพื่อนัดหมายเวลารับ-ส่งเอกสารต่อไป

    (http://site.thaiembassy.jp/th/news/announcement/8719/)

    #กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #เกาะติดไวรัสโคโรนา
    #เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ #อู่ฮั่น #COVID-19 #โควิด19

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ข่าวด่วน ⚠️การบินพลเรือนอัพเดทครอบคลุมทั้งโลกแล้ว

    https://www.caat.or.th/wp-content/uploads/2020/03/CAAT_ประกาศแนวปฏิบัติ-19-มี.ค.-63.pdf

    ยกเลิกประกาศ วันที่ 18 มี.ค. 2563
    ปรับวันเริ่มใช้มาตรการจาก วันที่ 21 มี.ค 2563 เวลา 02.00 น. เป็นวันที่ 22 มี.ค. 2563 เวลา 02.00 น (เวลาญี่ปุ่น) ‼️
    มาตรการนี้ครอบคลุมผู้โดยสารที่เดินทางมาไทยจากทุกประเทศทั่วโลก

    ด้านบนข้อมูลและสรุปจาก สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น - 在東京タイ王国大使館

    ———
    (ด้านล่างนี้แอดเขียนเองสรุปจากประกาศล่าสุด)

    คนญี่ปุ่น / ต่างชาติ
    - มีใบรับรองแพทย์ว่าไม่เป็นโควิด-19 ออกในระยะไม่เกิน 72 ชม.
    - มีกรมธรรม์ประกันภัยครอบคลุมโควิด-19 ไม่น้อยกว่า 1 แสนเหรียญสหรัฐ

    คนไทย
    - มี Fit to Fly ในประกาศไม่กำหนดระยะเวลา
    วิธีขอใบรับรองแพทย์ Fit to Fly ในญี่ปุ่น
    - มีหนังสือรับรองเดินทางกลับไทยจากสถานทูต

    ⚠️เริ่ม 22 มีนา 02:00 (เวลาญี่ปุ่น) เลื่อนไป 1 วัน

    #กิ๊ฟจังนั่งเล่า

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ข่าวสั้น ช่วงหยุด 3 วันนี้ ขอความร่วมมือหลีกเลี่ยงการเดินทางระหว่าง โอซาก้า - เฮียวโกะ

    อย่างที่แอดแจ้งไปเมื่อเช้า เพราะเฮียวโกะมีโอกาสเกิดการระบาดหนักสูงมากตอนนี้

    ภาพ: NTV

    #กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #เกาะติดไวรัสโคโรนา
    #เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ #อู่ฮั่น #COVID-19 #โควิด19

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #เรื่องดังในทวีตญี่ปุ่น เรียน #ลูกค้าที่รัก....

    เมื่อคนในทวีตไปเจอป้ายนี้ในร้านขายยา ... คนญี่ปุ่นก็ขำด้วย สงสารพนักงานด้วย

    ———-

    **(เพิ่มเติม) แปลไทยนี่แอดแปลนะคะ พอดีมีที่ว่างเลยแปะคำแปลลงไปเลย เห็นมีคนเข้าใจผิดว่าของจริง (´>///<`) ทำเหมือนไปใช่ไหมคะ ><

    **พิมพ์ตกคำว่า “จ่ายเงิน” จริง ๆ คือ ต่อแถว “จ่ายเงิน” นะคะ 

    มีความสงสารพนักงานเลยค่ะ คงเจอมาทุกรูปแบบ

    เครดิต: ในภาพ

    #กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #เกาะติดไวรัสโคโรนา
    #เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ #อู่ฮั่น #COVID-19 #โควิด19

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Michael DiFato

    3 เฟรม, 24 ชั่วโมง มองดูไดโพลของโลกตามที่เห็นใน Y-Cut ด้วยเส้น Bz ทึ่ถูกเพิ่ม

    A 3 frame, 24 hour look at the dipole of Earth as seen in the Y-Cut with Bz line added.

     

แชร์หน้านี้

Loading...