ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,785
    ค่าพลัง:
    +97,150
    7 เม.ย.นี้ ทุกธนาคารพร้อมให้บริการเปิดบัญชี แต่ขอจำกัดจำนวนลูกค้าแต่ละวัน กันโควิด 19

    ธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สมาคมธนาคารนานาชาติ และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ ขอแจ้งว่า ตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน 2563 ธนาคารทุกแห่งพร้อมให้บริการเปิดบัญชี และบริการผูกพร้อมเพย์ที่สาขา โดยขอจำกัดจำนวนลูกค้าที่จะเข้ามาเปิดบัญชีหรือผูกพร้อมเพย์ในแต่ละวัน และบริหารจัดการในการรองรับที่สาขา เช่น การแจกบัตรคิว การติดต่อนัดหมายล่วงหน้า เพื่อให้จำนวนลูกค้าที่จะเข้ามาติดต่อในพื้นที่สาขาสามารถเว้นระยะห่างกันได้ ด้วยความห่วงใยในความปลอดภัยและสวัสดิภาพของลูกค้าและพนักงาน และลดความเสี่ยงตามแนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดในวงกว้างของโรคโควิด 19 ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข

    สำหรับลูกค้าที่ต้องการลงทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิ์ตาม มาตรการเยียวยา 5,000 บาท (3 เดือน) ของทางรัฐบาลนั้น ลูกค้าไม่ต้องเดินทางมาติดต่อที่ธนาคาร สามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.เราไม่ทิ้งกัhttp://xn--q3c.com/ ได้ในเวลา 06.00 – 23.59 น. ของทุกวัน โดยใช้บัญชีเงินฝากของธนาคารใดก็ได้ที่มีอยู่แล้ว เพียงชื่อ-นามสกุลเจ้าของบัญชี ตรงกับผู้ที่ลงทะเบียน หรือเลือกให้โอนเงินเข้าบัญชีที่ผูกพร้อมเพย์กับหมายเลขประจำตัวประชาชนได้เช่นกัน

    The post 7 เม.ย.นี้ ทุกธนาคารพร้อมให้บริการเปิดบัญชี แต่ขอจำกัดจำนวนลูกค้าแต่ละวัน กันโควิด 19 appeared first on SpringNews.

    Source : #Springnews #สปริงนิวส์

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,785
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ข่าวด่วน!!

    WHO ประกาศโควิดเป็นแอร์บอร์น ออกจากบ้านต้องใส่หน้ากากเลยนะ ตอนนี้ในกลุ่มการแพทย์เริ่มมีบอกกันแล้วว่าเชื้อมันAirborne อยู่ในอากาศได้8ชม เพราะฉะนั้น การออกไปข้างนอก ไม่ใช่แค่ห่างกัน1เมตร แต่ก็ควรอยู่ในที่โล่ง อย่าเข้าไปในอาคารห้องแอร์ถ้าไม่จำเป็น BREAKING NEWS! covid -19 is confirmed as airborne and remain 8 hrs in air! So everyone is required to wear mask everywhere!! BREAKING NEWS: Coronavirus - confirmed to be airborne!!! Copper, Steel - 2 hours Paper, Plastic - 3-4 hours Air - 8 hours or more depending on conditions. https://www.cnbc.com/2020/03/16/who...udy-shows-coronavirus-can-survive-in-air.html
    Cr Boonlom Mungkornkarn

    กดถูกใจ/ติดตาม/เห็นโพสต์ก่อน #ไทยพร้อม | ThaiPrompt เพื่อรู้ทัน #COVID19 #ThaiSafe #ไทยต้องรอด #โควิด19เราต้องรอด #อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ #socialdistancing #ตัวไกลใจใกล้

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,785
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จัดการไฟป่าภาคเหนือ "ไร้ผล"
    ทำวิกฤตยาว 5 เดือน
    ถึงเวลาเช็คบิลจริงจัง


    ปีนี้ทั่วภาคเหนือ พูดตรงกันว่าสถานการณ์ไฟป่า “อ่วม” หนักกว่าทุกปี ทั้งที่ มีการตั้งรับ เป็น “วาระแห่งชาติ” ของรัฐบาล รวมถึงมีคำขู่จากผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดว่า ถ้าเผา ก็จัดการจริง และจับปรับจริง รวมถึงจะระดมทุกสรรพกำลังลงไปจัดการเพื่อลด “ค่าฝุ่น” ให้ได้

    แต่เรื่องทั้งหมดก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริง เชียงใหม่ เชียงราย ผลัดกันขึ้นอันดับ 1 ของโลก ในฐานะเมืองที่มีมลพิษสูงที่สุด ค่า aqi ขึ้นสูงถึง 500 – 700 เป็นเรื่องธรรมดา เครื่องบินไม่สามารถลงจอดได้ โรงพยาบาลอำเภอ - โรงพยาบาลจังหวัด เต็มไปด้วยผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคปอด โรคปอดอักเสบเรื้อรัง ซ้ำเติมความเปราะบางของปอด สถิติผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือดสมอง เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

    แน่นอน หากมีการ “ระบาดหนัก” ของโรคโควิด – 19 ซ้ำอีก คนกลุ่มนี้ มีโอกาสที่จะมีอาการหนัก และเสี่ยงที่จะเสียชีวิตสูงมาก

    แล้วปีนี้ ยังเป็นปีที่หน้ากาก N95 อุปกรณ์เดียวในการป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก pm2.5 ขาดแคลนอย่างหนัก หนทางเดียวของคนภาคเหนือตอนบนก็คือ ต้องอยู่กับบ้าน ซื้อเครื่องฟอกอากาศราคาแพง และหากมีความจำเป็นต้องออกนอกบ้าน ก็หมายความว่าต้องสูดฝุ่นละอองเข้าปอดไปเต็มๆ

    ทั้งหมดนี้ คือความ “สิ้นหวัง” ที่ดำรงอยู่ต่อเนื่องในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งเป็นผลพวงจากความล้มเหลวในการบังคับใช้กฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการประกาศพื้นที่ “ห้ามเผา” ซึ่งต่อเนื่อง - ยาวนาน ตั้งแต่เดือน มี.ค. แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังเผากันอย่างต่อเนื่อง

    หรือการใช้บทลงโทษตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 ซึ่งเพิ่มโทษคนเผาโดยมีโทษจำคุก 4 – 20 ปี และปรับตั้งแต่ 400,000 – 2,000,000 บาท ซึ่งนับว่าหนักหน่วงเอาการเป็นปีแรก แต่ก็ไม่มีใครสนใจกฎหมายใหม่ฉบับนี้

    สาเหตุสำคัญ ปรากฏชัดในสถิติของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศภูมิสารสนเทศ พบว่าปีนี้ จุดความร้อนในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะเชียงใหม่นั้น บางวัน มีมากถึง 400 – 600 จุด โดยส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ป่า และในพื้นที่อุทยาน จากปีก่อนหน้าที่เต็มที่อย่างไรก็มีเพียง 100 – 200 จุด นั่นทำให้การดับไฟ ไม่สามารถทำได้ทันสถานการณ์ และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

    สิ่งที่ต้องตั้งคำถามก็คือ มีการระดมทรัพยากรลงไปในพื้นที่ป่า เพื่อจัดการหากับต้นตอการเผาหรือไม่ หรือนโยบายของรัฐคือการ “ตั้งรับ” และรอดับไฟป่าอย่างเดียว

    และในการจัดการไฟป่าปีนี้ ใช้นโยบายที่ต่างจากปีที่แล้ว ซึ่งมีการประกาศให้ไฟป่าภาคเหนือ เป็น “วาระแห่งชาติ” อย่างไร ทำไมจุด Hot Spot กลับมากขึ้น ทั้งที่ควรจะมีบทเรียนจากที่ผ่านๆ มา

    ที่น่าสังเกตก็คือ ต้นปีที่ผ่านมา กรมอุทยานฯ เพิ่งประกาศ “วิวาท” กับชาวบ้านบนพื้นที่ รีสอร์ทบนม่อนแจ่ม ใกล้อุทยานแห่งชาติสุเทพ – ปุย ซึ่งก็น่าสังเกตว่ามีการ “เผา” เพื่อ “ประท้วง” หรือกลั่นแกล้ง เจ้าหน้าที่ป่าไม้ แสดงความไม่เห็นด้วยกับการรื้อรีสอร์ทหรือไม่ ซึ่งหากเรื่องนี้จริง กรมอุทยานฯ ก็ต้องจัดการให้รู้ดำรู้แดง

    กับอีกส่วนหนึ่ง การจัดการไฟป่าในช่วงนี้ ก็บังเอิญ เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ไปคุมเข้มเรื่อง “โรคระบาด” พอดี ปัญหาหมอกควัน เลยกลายเป็นเรื่องที่ถูกละเลย และทำให้การจัดการหลายๆ อย่าง ที่ควรจะทำ ลงไปไม่ถึงหน้างานจริง

    มิหนำซ้ำ ยังมีทฤษฎี “สมคบคิด” ตามมา จากการกระทำแปลกๆ ของหน่วยงานรัฐ อย่างเช่น การให้ “งด” เรี่ยไรเงิน เพื่อช่วยภารกิจดับไฟป่า ของวรรณสิงห์ ประเสริฐกุล หรือการห้ามนำโดรนขึ้นไปถ่ายภาพมุมสูง เพราะจะไป “รบกวนการปฏิบัติงาน” ของเจ้าหน้าที่ จนตามมาด้วยการที่ทีมโดรนอาสาที่เชียงใหม่ ซึ่งคอยทำหน้าที่ หาจุดกำเนิดไฟป่ามาก่อนหน้านี้ ต้องถอนตัวออกจากภารกิจทั้งหมด

    นั่นหมายความว่าสาเหตุที่ทำให้ไฟป่ารุนแรงกว่าเดิมทุกปี นอกจากจะเกิดการ “เผา” โดยไม่สนใจใครของชาวบ้านแล้ว ยังเกิดจากการที่เจ้าหน้าที่รัฐดูเหมือนจะตั้งใจ “ปล่อยปละละเลย” โดยไม่ทราบสาเหตุ

    เพราะฉะนั้น เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลเผา และฤดูกาลฝุ่นปีนี้ น่าจะถึงเวลาหาคน “รับผิดชอบ” อย่างจริงจัง ไม่ใช่บอกแต่เพียงว่าเป็นเหตุสุดวิสัย หรือพื้นที่ป่ากว้างใหญ่ ความกดอากาศต่ำ และการเป็นพื้นที่ “แอ่งกระทะ” ซึ่งแทบจะเป็นข้ออ้างมาตลอดทุกปี

    จริงอยู่ ปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวถึง อาจเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้เกิดวิกฤตฝุ่น แต่ต้องไม่ลืมว่าปีนี้ ฝุ่นในภาคเหนือ ลากยาวตั้งแต่ปลายเดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว ถือว่ายาวนานกว่าปกติ ที่แทบจะเกิดขึ้นระหว่างเดือน มี.ค. – เม.ย. เพียงอย่างเดียว และจุดความร้อนที่เพิ่มขึ้น ทั้งในเขตป่า และเขตอุทยานนั้น ชาวบ้านล้วนต้องการคำตอบว่าเกิดจากอะไร แล้วจะทำอย่างไร ให้ไม่เกิดเรื่องแบบนี้อีก

    ทั้งหมดนี้ ต้องการนโยบายที่เข้มแข็ง และการบังคับใช้กฎหมาย ที่สามารถทำได้จริง ไม่ใช่แต่เพียงขึงขังแค่ช่วงเวลาเดียว แล้วก็มาขอความเห็นใจ บอกว่าเป็นเรื่องที่ประชาชนต้อง “ช่วยกัน” เท่านั้น

    มิเช่นนั้น ปีหน้า เราก็ต้องกลับมาพูด กลับมาบ่นกันเรื่องฝุ่นพิษใหม่ โดยที่ไม่ได้มีบทเรียนจากปีก่อนหน้าเลย แล้วคนก็จะป่วยมากขึ้นเรื่อยๆ ตายมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยภัยเงียบนี้ โดยที่ไม่สามารถป้องกันตัวเองได้เลย

    #ไฟป่า #ฝุ่นฟิษ #ฝุ่นpm25 #ไฟป่าภาคเหนือ

    ขอบคุณภาพจากเพจ WEVO สื่อสู้ฝุ่น วันที่ 27 มี.ค.63
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,785
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฟังชัดๆ สาเหตุปล่อยคนไทยเคสสุวรรณภูมิ ให้กลับบ้าน “สตม.” แจงชัดผ่านรายการ

    พลตำรวจตรีสุรพงษ์ ชัยจันทร์ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ในฐานะโฆษก สตม.ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “คนอ้วนอารมณ์เสีย” ทางสถานีวิทยุ เอฟเอ็ม 101 กรณีที่มีคนไทยเดินทางเข้าประเทศด้วย 5 เที่ยวบิน เมื่อวานนี้ (3 เม.ย.) จำนวน 158 คน

    โดยเปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ผู้โดยสารกลุ่มนี้ก่อม็อบ เท่าที่ทราบอาจเกิดจากไม่ได้รับการชี้แจงทำความเข้าใจ เพราะบางรายทยอยเดินทางมาถึงตั้งแต่เที่ยง และบ่าย ทยอยมา จนเจ้าหน้าที่ให้รอรวมกันประมาณ 158 คนที่โถงด้านใน ทำให้ผู้โดยสารเริ่มรู้สึกอึดอัดว่าจะถูกพาตัวไปที่ไหน และ ดำเนินการอย่างไรต่อ ประกอบกับยังไม่ได้รับคำตอบ เมื่อออกมาเจอญาติที่ด้านนอก อาจจะเป็นแรงจูงใจ และ แรงบวกที่ไม่อยากไปกักตัวจึงเกิดการรวมตัวกันขึ้น

    เจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่สนามบิน ขอรับคำยืนยันจากกรมควบคุมโรค ซึ่งเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ จะให้ดำเนินการอย่างไร เพราะผู้โดยสารเริ่มไม่ยินยอม ทางกรมควบคุมโรค จึงประเมินแล้วอนุญาตให้ทั้งหมดกลับไปก่อน และจะตามตัวมาอีกครั้ง เจ้าหน้าที่จึงให้คนกลุ่มนี้กลับบ้านไป

    “ปกติมาแต่ละไฟลท์มาแล้วก็ไปเลย แต่ครั้งนี้มาหลายไฟลท์ และ มารวมตัวกัน ประกอบกับการสื่อสาร ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และ ส่วนหนึ่งเขาขึ้นเครื่องมาแล้วคำสั่งที่จะให้ทุกคนมาถึงแล้วกักตัว เพิ่งจะเกิดขึ้นขณะที่คนเหล่านี้อยู่ระหว่างการเดินทางกลางอากาศ เมื่อมาถึงถูกปฏิบัติเลย จริงๆ ทุกอย่างเตรียมพร้อม แต่เกิดม๊อบ คุณหมอเลยเกรงว่าจะบานปลายเกิดความไม่ปลอดภัยขึ้น เลยบอกให้เขาไปก่อนแล้วค่อยตามตัวมา” รองผบ.สตม.กล่าว

    นอกจากนี้พล.ต.ต.สุรพงษ์ ยอมรับว่าเป็นห่วง รัฐห่วงเรื่องการแพร่กระจายของเชื้อโรคไวรัสโควิด-19 ที่อาจจะมากับตัวผู้โดยสารจึงตัดสินใจดำเนินการกับเที่ยวบินที่กลับจากเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นกลุ่มที่เดินทางมาถึงล่าสุด โดยให้ผู้โดยสารทั้งหมดไปกักตัวที่สัตหีบ

    ขณะเดียวกัน รองผบ.สตม.เปิดเผยด้วยว่า เมื่อคืน นายกรัฐมนตรี ,ผบ.ตร. และ ผบ.สตม. ทราบข่าวแล้ว เป็นห่วงสถานการณ์ นายกรัฐมนตรีจึงบัญชาการเอง ให้เร่งแก้ปัญหา จึงมีการใช้กำลังสตม. ตำรวจพื้นที่ และทหาร มาช่วยกัน ในส่วนของเที่ยวบินที่กลับมาจากเกาหลีใต้ โดยในที่ประชุมของผู้บังคับบัญชาเมื่อเช้า ได้มีการวิเคราะห์ถึงจุดอ่อน และได้รับคำสั่งให้ปรับกระบวนการใหม่ ไม่ให้มีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นอีก

    ดังนั้นหลังจากนี้เที่ยวบินที่เข้าสู่ประเทศไทยหลังวันที่ 6 เมษายน 2563 ผู้โดยสารทุกคนเมื่อผ่านการคัดกรองโรคแล้วจะถูกกักตัวในสถานที่ที่จัดให้ ก่อนที่จะให้กลับภูมิลำเนา และ มีการปรับให้หน่วยทหารเข้ามาเป็นผบ.เหตุการณ์ในพื้นที่

    รองผบ.สตม.อธิบายด้วยว่า สตม.เป็นด่านสุดท้ายที่รับผู้โดยสารที่ผ่านการคัดกรองด่านควบคุมโรคแล้ว มีหน้าที่ตรวจเอกสาร หนังสือเดินทาง และ วีซ่า เมื่อออกจากเครื่องกรมควบคุมโรคจะตรวจคัดกรองก่อนแล้วประทับตรา ก่อนเข้าตม. จากนั้นจะมารับกระเป๋าที่สายพาน ซึ่งเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่สนามบิน และ เจ้าหน้าที่จากสภ.สุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ และทหารที่ร่วมกันเชิญผู้ที่เดินทางกลับทั้งหมด มาขึ้นรถบัสที่ด้านหน้าอาคารผู้โดยสาร

    The post ฟังชัดๆ สาเหตุปล่อยคนไทยเคสสุวรรณภูมิ ให้กลับบ้าน “สตม.” แจงชัดผ่านรายการ appeared first on SpringNews.

    Source : #Springnews #สปริงนิวส์

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,785
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ห้าม! รพ.เอกชน เรียกเก็บค่ารักษาผู้ป่วยโควิด 19 ใครถูกเก็บแจ้งได้ทันที
    เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 63 เพจเฟซบุ๊ก ไทยคู่ฟ้า ซึ่งเป็นเพจของทำเนียบรัฐบาล ได้โพสต์ว่า ห้าม รพ.เอกชน เรียกเก็บค่ารักษาผู้ป่วยโควิด-19
    #ไทยคู่ฟ้า มีกรณีร้องเรียนว่า รพ.เอกชนบางแห่ง เรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลกับผู้ป่วยโรคโควิด-19 กระทรวงสาธารณสุขย้ำว่า ขอให้ รพ.เอกชนทุกแห่ง ดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างเต็มความสามารถ โดยไม่เอาค่าใช้จ่ายมาเป็นเงื่อนไข ห้ามเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลจากผู้ป่วยหรือญาติโดยเด็ดขาด และให้จัดเก็บเอกสารหลักฐานค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาล เพื่อนำไปประกอบการเบิกจ่ายตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศ ซึ่งผ่านความเห็นชอบของ ครม. ในเบื้องต้นแล้ว และจะประกาศใช้ในเร็ว ๆ นี้ ยกเว้นผู้ที่มีประกันชีวิต หรือประกันสุขภาพให้ใช้สิทธิดังกล่าวก่อน
    หากผู้ป่วยหรือญาติ พบว่า สถานพยาบาลเอกชนในพื้นที่ กทม. เรียกเก็บค่ารักษาพยาบาล สามารถแจ้งได้ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ โทร. 0 2193 7057 ในวันและเวลาราชการ ส่วนต่างจังหวัดแจ้งได้ที่ สนง.สาธารณสุขจังหวัด
    The post ห้าม! รพ.เอกชน เรียกเก็บค่ารักษาผู้ป่วยโควิด 19 ใครถูกเก็บแจ้งได้ทันที appeared first on SpringNews.
    Source : #Springnews #สปริงนิวส์
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,785
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นาทีอีเห็นหนีตาย ไฟป่าดอยสุเทพ

    (4/4/63)... สาวโพสต์ภาพนาทีช่วยชีวิต อีเห็น ถูกไฟป่าดอยสุเทพไหม้เป็นแผลฉกรรจ์ที่ดวงตาและปาก จนต้องกระเสือกกระสนออกจากป่ามาอยู่กลางถนน รีบนำส่งรักษาจนปลอดภัยแล้ว

    ไฟไหม้ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย โดยเฉพาะในจุดที่ใกล้กับวัดพระธาตุดอยสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นอกจากจะสร้างความกังวลใจให้กับคนเชียงใหม่และทำให้พื้นที่ป่าได้รับความเสียหายจำนวนมากแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อสัตว์ป่าและสิ่งมีชีวิตในพื้นที่ป่าด้วย

    โดยล่าสุดวันนี้ ( 4 เมษายน) ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Sukanya Ruangpratheep โพสต์ภาพพร้อมเรื่องราวสุดสะเทือนใจ และสร้างความหดหู่อย่างมากที่ไปประสบด้วยตัวเอง ระหว่างเส้นทางถนนขึ้นลงดอยสุเทพ เมื่อพบอีเห็น ซึ่งเป็นสัตว์ป่า กำลังกระเสือกกระสนดิ้นรนเอาชีวิตรอดออกจากป่าข้างทางมาอยู่กลางถนน ในสภาพที่ตามตัวมีแผลถูกไฟไหม้ โดยเฉพาะที่บริเวณปาก และดวงตา

    ซึ่งโพสต์ดังกล่าวบรรยายข้อความว่า #SAFE ดอยสุเทพ น่าสงสาร โดนไฟไหม้ปากกับตา ดีที่มาเจอ ทุกคนก็รักชีวิต ขอให้ดับเร็วๆ เอาไปส่งด่านป่าไม้ ขอให้ปลอดภัย ซึ่งโพสต์ดังกล่าวมีผู้แชร์ต่อและเข้าไปแสดงความเห็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ต่างเอาใจช่วยให้อีเห็น ที่ได้รับบาดเจ็บปลอดภัย และหายดี พร้อมขอให้ไม่มีไฟไหม้ป่าเกิดขึ้นอีก

    จากนั้นได้มีเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ที่รู้จักกันมาช่วยเหลือนำตัวอีเห็นตัวนี้ใส่กระสอบแล้วนำไปมอบให้เจ้าหน้าที่ที่ประจำด่านของอุทยานฯ เพื่อนำตัวส่งรักษาต่อไป ซึ่งล่าสุดทราบว่าอีเห็นตัวนี้ได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่อุทยานฯส่งตัวรักษาที่คลินิกสัตว์ป่าจนอาการปลอดภัยแล้ว

    โดยภาวนาให้หายเป็นปกติในเร็ววัน สำหรับสาเหตุที่ทำให้อีเห็นตัวนี้ได้รับบาดเจ็บนั้น เชื่อว่าน่าจะมาจากไฟไหม้ป่าที่เกิดขึ้นวานนี้บริเวณใกล้วัดพระธาตุดอยสุเทพ ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากจุดที่พบอีเห็นตัวนี้ดิ้นรนเอาชีวิตรอดออกมาจากป่า ส่วนไฟไหม้ป่าที่เกิดขึ้นดังกล่าวนั้น ชาวบ้านได้ระดมกำลังช่วยกันดับแล้ว อย่างไรก็ตามยังคงต้องช่วยกันเฝ้าระวังต่อเนื่องและไม่อยากให้เกิดเหตุไฟไหม้ป่าขึ้นอีก

    ภาพจาก...ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Sukanya Ruangpratheep /ข่าว...สกุล กิตติวงศ์พหรม
    #ThaiPBSNorth #ThaiPBS #ThaiPBSNews
    https://www.facebook.com/giftgot.07
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,785
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กรุงฮานอย สั่ง “แกร็บไบค์” หยุดวิ่งชั่วคราว คุมแพร่เชื้อโควิด 19
    สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เวียดนามได้สั่งระงับบริการแกร็บไบค์ หรือบริการเรียกมอเตอร์ไซค์รับจ้างผ่านแอปพลิเคชัน ในกรุงฮานอย ไปจนถึงวันที่ 15 เม.ย.นี้ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)
    ด้านสำนักข่าวเวียดนาม รายงานในวานนี้ (3 เม.ย.) โดยอ้างอิงคำแถลงของบริษัทแกร็บที่ระบุว่า การตัดสินใจครั้งนี้ เกิดขึ้นเพื่อรับรองความปลอดภัยของลูกค้า และผู้ขับขี่ท่ามกลางการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ของโควิด-19 ขณะที่บริการอื่นๆ รวมถึงแกร็บเอ็กซ์เพรส และแกร็บฟู้ด ยังคงเปิดให้บริการตามปกติในหลายพื้นที่ของประเทศ
    Source : #Springnews #สปริงนิวส์
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,785
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อินเดียพบผู้ติดเชื้อใหม่มากกว่า 600 ราย เหตุชุมนุมทางศาสนา
    วันนี้ (4 เม.ย. 63) – กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการของประเทศอินเดีย รายงานว่า อินเดียได้พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โรคโควิด-19 รายใหม่ 601 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากวันก่อนถึง 26% โดยยอดผู้ติดเชื้อในอินเดียขณะนี้ สูงถึง 3,082 ราย และมีผู้เสียชีวิต 86 ราย
    ลาฟ อะการ์วาล (Lav Agarwal) เจ้าหน้าที่อาวุโสกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เหตุที่เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน มาจากเหตุการณ์การชุมนุมทางศาสนาที่มัสยิด ในเมืองนิวเดลี เมื่อเดือนมีนาคมที่มา โดยผู้คนจากทั่วอินเดียและต่างประเทศต่างมาร่วมกันเพื่อจัดงานดังกล่าว ซึ่งมีผู้ป่วยติดเชื้อถึง 647 รายที่มีความเชื่อมโยงโดยตรงกับการชุมนุม และคนเหล่านี้แยกตัวออกไปทั่ว 14 รัฐของอินเดีย
    The post อินเดียพบผู้ติดเชื้อใหม่มากกว่า 600 ราย เหตุชุมนุมทางศาสนา appeared first on SpringNews.
    Source : #Springnews #สปริงนิวส์
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,785
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “สงครามครูเสด (Crusades) สงครามศาสนาครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์” ตอนที่ 1
    จุดเริ่มต้นของสงครามศาสนา
    “สงครามครูเสด (Crusades)” เป็นสงครามศาสนาครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์
    แต่ที่มาที่ไปและรายละเอียดเป็นอย่างไรนั้น มาหาคำตอบได้เลยครับ
    ในยุคกลางนั้น เยรูซาเลมเป็นสถานที่ๆ ศักดิ์สิทธิ์สำหรับชาวคริสต์ โดยที่ใจกลางเมืองนั้น เป็นที่ตั้งของ “โบสถ์พระคูหาศักดิ์สิทธิ์ (Church of the Holy Sepulchre)” ซึ่งเป็นจุดที่เชื่อว่าพระเยซูเสด็จสู่สรวงสวรรค์
    ในแต่ละปี ชาวคริสต์จำนวนมาก ซึ่งก็คือเหล่าผู้แสวงบุญ จะเดินทางมาเป็นระยะทางยาวไกล มายังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นี้
    เหล่าผู้แสวงบุญนี้เดินทางมาไกลนับพันไมล์จากยุโรป พวกเขาเดินทางมายังตะวันออกกลางแห่งนี้
    หลายคนมาเพื่อขอบคุณพระเจ้า บางคนก็มาเพื่อสารภาพบาป ส่วนคนที่ป่วยหรือชรา ต่างก็ดั้นด้นมาที่นี่เพื่อหวังจะตายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์
    แต่เยรูซาเลมไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์เพียงกับชาวคริสต์เท่านั้น แต่ชาวมุสลิม ซึ่งคือกลุ่มคนที่นับถือศาสนาอิสลาม ต่างก็เชื่อว่า “มูฮัมหมัด (Muhammad)” ศาสดาของศาสนาอิสลามก็ได้ขึ้นสวรรค์ในบริเวณข้างกำแพงเมืองเยรูซาเลมนี้เอง
    ตั้งแต่ค.ศ.638 (พ.ศ.1181) เยรูซาเลมได้ตกเป็นของอาหรับ และอยู่ภายใต้อำนาจของอิสลาม
    ในแต่ละวัน ชาวมุสลิมนับพันจะไปทำพิธีทางศาสนายัง “โดมแห่งศิลา (Dome of the Rock)” ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง
    แต่ถึงจะมีความต่างทางด้านศาสนา แต่ชาวคริสต์และมุสลิม รวมทั้งชาวยิวและศาสนาอื่นๆ ต่างก็ใช้ชีวิตในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ด้วยกันอย่างสงบสุข
    แต่แล้ว เมื่อสิ้นศตวรรษที่ 11 ก็ได้มีกลุ่มนักรบมุสลิมที่ดุร้ายได้บุกมาจากเอเชียกลาง
    นักรบกลุ่มนี้คือนักรบจาก “จักรวรรดิเซลจุค (Seljuk Empire)”
    นักรบเซลจุคได้บุกเยรูซาเลม ก่อนที่จะมุ่งไปทางเหนือเป็นระยะทางอีกนับร้อยไมล์ มุ่งไปยังเมือง “คอนสแตนติโนเปิล (Constantinople)”
    ผู้นำชาวคริสต์ในคอนสแตนติโนเปิลคือ “จักรพรรดิอเล็กซิออสที่ 1 โคมเนนอส (Alexios I Komnenos)” จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์ ได้ทรงส่งสาส์นขอความช่วยเหลือไปยังกรุงโรม ให้กรุงโรมส่งกำลังมาช่วยคุ้มครอง
    เมื่อ “สมเด็จพระสันตะปาปาเออร์บันที่ 2 (Pope Urban II)” ได้รับสาส์นจากจักรพรรดิอเล็กซิออสที่ 1 พระองค์ก็เสด็จไปยังเมืองแกลร์มง-แฟร็อง ในฝรั่งเศส
    พระสันตะปาปาทรงมีรับสั่งปลุกใจกับประชาชนชาวแกลร์มง-แฟร็อง โดยพระองค์ได้ตรัสว่ากองทัพมุสลิมได้บุกมารุกรานเยรูซาเลม เข่นฆ่าชาวคริสต์ ทำลายโบสถ์ และทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้องแปดเปื้อน
    ประชาชนชาวฝรั่งเศสต่างมาออกันนอกโบสถ์เพื่อฟังรับสั่งของพระสันตะปาปา และต่างก็ตกใจและหวาดกลัวกับสิ่งที่ได้ยิน
    ที่จริงแล้ว ในเยรูซาเลมนั้น ทั้งชาวคริสต์และมุสลิม ต่างก็ไม่ได้รับผลกระทบมากมายนักจากการบุกมาของกองทัพเซลจุค แต่พระสันตะปาปาก็ทรงต้องการให้ผู้คนเชื่อว่าการมาของพวกเซลจุคนั้นเป็นเรื่องร้ายแรง
    การขอความช่วยเหลือจากคอนสแตนติโนเปิลมาได้ถูกเวลา พระสันตะปาปาไม่ได้ต้องการแค่ช่วยคอนสแตนติโนเปิล แต่ต้องการจะยึดเยรูซาเลมและดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดคืนจากพวกมุสลิม
    การจะทำอย่างนั้นได้จำเป็นต้องมีกองทัพ
    พระสันตะปาปาได้ตรัส
    “ชาวคริสต์แห่งยุโรป พวกเจ้ามีหน้าที่ในการปกป้องดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เจ้าต้องเข้าร่วมในสงครามทวงคืนเยรูซาเลมจากพวกมุสลิม”
    ประชาชนต่างนิ่งอึ้ง จนกระทั่งบิชอปท่านหนึ่งคุกเข่าลงตรงหน้าพระสันตะปาปาพร้อมกล่าวว่าจะไปเยรูซาเลม
    จากนั้น คนจำนวนมากก็ทำตาม ต่างอาสาที่จะไปเยรูซาเลม และฝูงชนที่อาสาจะไปเยรูซาเลมก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เสียงตะโกนปลุกใจกึกก้องไปทั่วบริเวณ
    นั่นคือวันที่ 27 พฤศจิกายน ค.ศ.1095 (พ.ศ.1638) และพระสันตะปาปาเพิ่งจะประกาศสงครามศักดิ์สิทธิ์ที่จะตราตรึงอยู่ในประวัติศาสตร์
    ข่าวการปลุกใจของพระสันตะปาปาได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว และในไม่ช้า ทั่วทั้งยุโรปก็ฮือฮาไปด้วยสงครามศาสนานี้
    พระสันตะปาปาได้เสด็จไปยังเมืองอื่นๆ ในฝรั่งเศสเพื่อบอกให้ทุกคนทราบถึงสงครามนี้
    ที่อิตาลีและเยอรมนี ประชาชนนับพันได้ปักลายไม้กางเขนสีแดงลงบนเสื้อ และนี่คือสัญลักษณ์ให้คนทราบว่าพวกเขากำลังจะมุ่งหน้าไปยังเยรูซาเลม
    คนเหล่านี้เป็นที่รู้จักในนามของ “อัศวินครูเสด (Crusaders)”
    สงครามกำลังจะเกิดแล้ว จะเป็นอย่างไรต่อไป
    ติดตามได้ในตอนหน้านะครับ
    References: https://www.historytoday.com/archive/feature/crusades-complete-history
    https://www.bbc.co.uk/bitesize/guides/zjbj6sg/revision/1
    https://www.ancient.eu/Crusades/
    https://www.britannica.com/event/Cr...ade-and-the-establishment-of-the-Latin-states
    https://www.history.com/topics/middle-ages/crusades
    https://en.m.wikipedia.org/wiki/Crusades
    https://www.metmuseum.org/toah/hd/crus/hd_crus.htm
    ต้นฉบับ: https://www.blockdit.com/articles/5e6109a660b1b40464c773f0
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,785
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “สงครามครูเสด (Crusades) สงครามศาสนาครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์” ตอนที่ 2
    ความผิดพลาดของกองทัพครูเสด
    สำหรับอัศวินส่วนมาก สงครามครูเสดคือสงครามที่ไม่เข้าร่วมไม่ได้
    อัศวินส่วนมากเป็นลูกขุนนางชั้นสูง และได้รับการฝึกฝนการต่อสู้มาตั้งแต่ยังเด็ก
    โดยปกติ ก่อนออกรบ อัศวินมักจะต้องสวดมนตร์ อ้อนวอนต่อพระเจ้าเป็นเวลานับเดือนเพื่อให้พระเจ้ายกโทษต่อบาป บาปที่เกิดจากการสังหารศัตรูในสนามรบ
    แต่สงครามครูเสดนี้ไม่เหมือนกับสงครามครั้งก่อนๆ การปกป้องดินแดนศักดิ์สิทธิ์คือหน้าที่ของอัศวิน ขณะที่รับสั่งปลุกใจ พระสันตะปาปาถึงกับตรัสว่าบาปทุกอย่างที่กระทำในสงครามศักดิ์สิทธิ์นี้จะได้รับการงดเว้น ผู้คนถึงกับเชื่อว่าการฆ่ามุสลิมจะทำให้ได้ขึ้นสวรรค์ซะด้วยซ้ำ
    แต่อย่างไรก็ตาม มีอัศวินเพียงไม่กี่คนที่เฝ้ารอการเดินทางไปในสงครามครั้งนี้
    สงครามครั้งนี้จะต้องเดินทางยาวไกลเป็นระยะทางกว่า 3,000 ไมล์ อีกทั้งเส้นทางก็เต็มไปด้วยอันตราย ไม่มีแผนที่หรือคนนำทาง และไม่มีใครรู้อะไรเกี่ยวกับศัตรูที่จะต้องเผชิญหน้าเลย
    นอกจากนั้น การเดินทางครั้งนี้ต้องใช้เงินทุนสูง อัศวินแต่ละคนต้องหาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับอาวุธและเสบียง การวางแผนและเตรียมตัวก็ต้องใช้เวลาหลายเดือน
    แต่สำหรับชาวบ้านที่ยากจน สงครามครูเสดคือโอกาสที่จะสร้างชื่อและลืมตาอ้าปาก
    ชีวิตของชาวบ้านในยุคนั้นยากลำบาก หนูและแมลงทำให้โรคระบาดกระจายไปทั่ว น้ำท่วมและความหนาวเย็นก็ทำให้พืชผลเสียหาย และในแต่ละปี ก็มีเด็กๆ ที่ต้องอดตายนับพัน
    หลายๆ ครอบครัวจึงมองว่าสงครามครูเสดคือการผจญภัยครั้งใหญ่และอาจจะสร้างชื่อให้พวกเขาได้อีกด้วย
    อัศวินและทหารนับพันได้ปฏิญาณที่จะสู้ตามพระประสงค์ของพระเจ้า และต่างก็ใส่เครื่องแบบที่มีลายกางเขนสีแดง
    ในไม่ช้า ทหารกว่า 100,000 นายก็พร้อมที่จะเดินทางสู่เยรูซาเลม
    ฤดูใบไม้ผลิค.ศ.1096 (พ.ศ.1639) ทหารซึ่งเป็นชาวบ้านธรรมดาได้เริ่มออกเดินทาง
    ทหารกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มาจากภาคเหนือของฝรั่งเศสและเยอรมนี และระหว่างการเดินทาง ก็ได้มีผู้เข้าร่วมกับกองทัพอีกนับพัน
    กองทัพชาวบ้านนี้มีจำนวนมาก แต่ก็ไม่มีการเตรียมพร้อม ไม่มีการวางแผน ไม่มีการจัดการ แทบไม่มีใครรู้เลยว่าจะไปถึงเยรูซาเลมได้ยังไง ที่สำคัญ พวกเขาไม่รู้ว่าหากไปถึงเยรูซาเลมแล้วจะต้องทำยังไงเพื่อจะยึดเมืองจากศัตรู
    ชาวบ้านเหล่านี้คิดแต่เพียงว่าพระเจ้าจะนำพาชัยชนะมาสู่พวกเขา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่มีเสบียง ไม่มีทุน และไม่รู้ว่าการเดินทางครั้งนี้ยากลำบากแค่ไหนก็ตาม
    ดูเหมือนการขาดความรู้และเสบียง เรียกได้ว่าไม่มีความพร้อมเลย เริ่มจะส่งผลเสียในภายหลัง
    ภายหลังจากเดินทางมาเป็นเวลานับเดือน ทหารชาวบ้านกลุ่มนี้ก็เริ่มจะไม่ไหว พวกเขานั้นอดอยาก เหน็ดเหนื่อย อ่อนล้าและหิวโหย
    ทหารกว่าพันนายตายระหว่างการเดินทัพ อีกนับพันหันหลังกลับบ้าน และในไม่ช้า พวกเขาก็สิ้นหวัง และความสิ้นหวังก็กลายเป็นความโกรธ
    ภายหลังจากมาถึงฮังการี กลุ่มทหารชาวบ้านที่เข้าร่วมในสงครามครูเสดได้ทำการปล้นร้านค้าและบ้านเรือน เข่นฆ่าทุกคนที่ขวางทาง
    ที่เมืองเซมลิน กลุ่มทหารได้ทำการฆ่าชาวยิวกว่า 4,000 คน และที่เบลเกรด ทหารก็ได้ทำการเผาเมืองไปกว่าครึ่ง และดูเหมือนจะเหลืออัศวินครูเสดเพียงไม่กี่คนที่ยังมุ่งมั่นจะไปให้ถึงเยรูซาเลม
    เมื่อทหารชาวบ้านมาถึงคอนสแตนติโนเปิล องค์จักรพรรดิก็ทรงตกพระทัยในสิ่งที่เห็น
    พระองค์ทรงคาดหวังว่าจะได้กองทัพมาช่วยปกป้องและขับไล่พวกมุสลิม แต่สิ่งที่พระองค์เห็นคือกลุ่มชาวบ้านที่ป่าเถื่อน
    เมื่อไม่รู้จะทำอย่างไร พระองค์จึงต้องพระราชทานเสบียงให้ทหารชาวบ้านอย่างเลี่ยงไม่ได้ และทหารชาวบ้านก็เดินหน้าต่อ มุ่งไปยังดินแดนตุรกี ทำการโจมตีหมู่บ้านแต่ละแห่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
    แต่ชะตากรรมของทหารชาวบ้านก็ไม่ดีนัก พวกเขายึดปราสาทร้างเป็นที่มั่น แต่กองทัพตุรกีที่กำลังโกรธแค้นก็ได้ล้อมรอบปราสาทและฆ่าทหารชาวบ้านตายเกือบหมด
    ทหารชาวบ้านจากกองทัพครูเสดนั้นสร้างความเสียหายไว้มาก ในบรรดาชายหญิงที่ออกเดินทางจากยุโรปกว่า 100,000 คน เหลือรอดเพียงไม่ถึง 3,000 คน และพวกเขาก็เดินทางไปยังคอนสแตนติโนเปิลเพื่อรวมกับอีกกองทัพที่กำลังเดินทัพมาจากทางตะวันตก
    กองทัพอัศวินครูเสดเดินทางมาถึงชายแดนของยุโรปในฤดูร้อน ค.ศ.1096 (พ.ศ.1639) โดยกองทัพอัศวินครูเสดได้ตั้งค่ายนอกเมืองคอนสแตนติโนเปิล
    กองทัพอัศวินครูเสดกว่า 40,000 นายได้ทำการตั้งค่าย และทั้งค่ายก็เต็มไปด้วยเกวียนที่บรรทุกอาวุธ และสัตว์ที่ทำหน้าที่ขนเสบียง
    นอกจากอัศวินแล้ว ยังมีผู้แสวงบุญที่ติดตามมาด้วยอีก 60,000 คน มีทั้งคนรับใช้ พ่อครัว รวมทั้งครอบครัวของอัศวิน
    กองทัพที่ใหญ่โตนี้ได้ปักหลักอยู่ที่คอนสแตนติโนเปิลเป็นเวลาแรมเดือน และในระหว่างนั้น เหล่าอัศวินก็ใช้เวลารวบรวมเสบียงและวางแผนลงใต้ ก่อนที่จะเริ่มออกเดินทางในฤดูใบไม้ผลิของปีค.ศ.1097 (พ.ศ.1640)
    การเดินทัพของกองทัพอัศวินครูเสดนั้นล่าช้าตั้งแต่ต้น
    เกวียนและม้าต่างต้องบรรทุกเสบียงจำนวนมาก อัศวินเองก็ต้องใส่เกราะที่หนาและหนัก ทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างล่าช้า แค่เดินทัพทั้งหมดออกจากที่มั่นก็ใช้เวลากว่าสามวัน
    ในยามค่ำคืน เหล่าผู้นำทัพ ทั้งเจ้าชายและลอร์ดจากดินแดนต่างๆ ทั่วยุโรปได้ประชุมกัน และตัดสินใจที่จะแบ่งทัพ
    ครึ่งหนึ่งของกองทัพจะเดินทัพล่วงหน้าไปหนึ่งวัน โดยมีเจตนาเพื่อที่จะให้กองทัพนั้นเดินทางได้รวดเร็ว
    แต่จริงๆ แล้วนี่เป็นการทำให้ทัพนั้นยิ่งอ่อนแอลงไปอีก
    กองทัพครูเสดครึ่งหนึ่งเดินทัพมาถึงเมือง Dorylaeum และอยู่ๆ เสียงแตรก็ดังก้องไปทั่วทั้งหุบเขา
    ทันใด ทหารม้ามุสลิมกว่า 30,000 นายก็ได้บุกเข้ามาในหุบเขา โจมตีกองทัพครูเสดและล้อมกองทัพครูเสดไว้
    กองทัพครูเสดครึ่งหนึ่งที่มานี้มีจำนวนน้อยกว่าศัตรูมาก สิ่งเดียวที่ทำได้ นั่นคือการเกาะกลุ่มกันเป็นวงกลม โดยอัศวินครูเสดได้ล้อมผู้หญิงและเด็ก ทำตัวเป็นเกราะกำบังให้ผู้หญิงและเด็ก
    ห้าชั่วโมงผ่านไป ซึ่งตลอดเวลา อัศวินครูเสดต้องพยายามต้านทานศัตรู และอัศวินครูเสดนับร้อยก็ได้ถูกฆ่าตาย แต่วงกลมของทัพครูเสดยังคงหนาแน่นและเกาะกลุ่มกันอย่างดี
    ภายหลังจากเวลาเที่ยงวันผ่านไป กองทัพครูเสดอีกครึ่งหนึ่งก็ได้มาถึงหุบเขา และรีบรุดมาช่วยกองทัพครูเสดที่กำลังแย่
    ทหารมุสลิมนั้น เมื่อเห็นกองทัพครูเสดอีกกองทัพมาถึง ต่างก็รีบสั่งถอยทัพ เนื่องจากทหารมุสลิมนั้น เครื่องแต่งกายก็คือผ้าธรรมดา ในขณะที่อัศวินครูเสดนั้นใส่เกราะอย่างดี การโจมตีของทหารมุสลิมนั้นจะเน้นความว่องไวและโจมตีโดยไม่ให้ศัตรูตั้งตัว
    กองทัพมุสลิมรีบถอยทัพ โดยระหว่างทางนั้น ทหารมุสลิมได้ทำการวางยาพิษในบ่อน้ำและเผาไร่พืชผลต่างๆ ตลอดเส้นทางเพื่อไม่ให้ศัตรูมีน้ำและอาหาร
    ภายหลังจากที่กองทัพมุสลิมถอยทัพไปแล้ว สิ่งที่กองทัพครูเสดพบคือหายนะ
    พวกเขาอยู่บนที่ราบแห้งแล้งในภาคกลางของตุรกี รอบๆ มีแต่ความแห้งแล้ง เหล่าทหารต่างกระหายและอ่อนล้า ม้าก็ตายไปหลายตัว
    ในยามค่ำคืน ค่ายของพวกเขาก็เต็มไปด้วยแมงมุมและงูพิษ และในแต่ละวันก็มีอัศวินครูเสดตายไปนับร้อยราย
    บรรยากาศในค่ายตึงเครียด เหล่าทหารเริ่มเครียดและทะเลาะกันเอง ทหารหลายกลุ่มเลือกที่จะหนีทัพและหันไปยึดเมืองเล็กๆ ระหว่างทางแทน
    กองทัพที่เหลือได้บุกตีเมืองแอนติออก และได้พักผ่อน รวมทั้งรวบรวมเสบียงในเมือง
    แต่ภายหลังได้เกิดโรคระบาดและแผ่นดินไหว ทำให้ทหารบาดเจ็บล้มตายเป็นอันมาก เมื่อกองทัพครูเสดเดินทัพออกจากแอนติออกในเดือนมกราคม ค.ศ.1099 (พ.ศ.1642) กองทัพก็เหลือคนไม่ถึง 15,000 คน และมีอัศวินครูเสดเพียงแค่ 1,300 นายเท่านั้น
    แต่เมื่อเดินทัพไประยะหนึ่ง ภาพเลือนรางของเยรูซาเลมก็เริ่มปรากฎสู่สายตาของพวกเขา
    เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามได้ในตอนหน้านะครับ
    References: https://www.metmuseum.org/toah/hd/crus/hd_crus.htm
    https://www.historytoday.com/archive/feature/crusades-complete-history
    https://www.ancient.eu/article/1249/the-crusades-causes--goals/
    https://www.ancient.eu/Crusades/
    https://www.britannica.com/event/Crusades
    https://www.history.com/topics/middle-ages/crusades
    https://en.m.wikipedia.org/wiki/Crusades
    https://www.historynet.com/first-crusade-peoples-crusade.htm
    https://isj.org.uk/exploring-the-peasant-crusaders/
    http://uo-medievalchristianity.weebly.com/blog/crusades
    https://www.thoughtco.com/the-peoples-crusade-1788840
    https://en.m.wikipedia.org/wiki/People's_Crusade
    https://warfarehistorynetwork.com/2...first-christian-muslim-clash-of-the-crusades/
    http://www.historyofwar.org/articles/battles_dorylaeum.html
    https://www.historynet.com/first-crusade-battle-of-dorylaeum.htm
    https://www.britannica.com/event/Crusades/From-Constantinople-to-Antioch#ref955854
    https://en.m.wikipedia.org/wiki/Battle_of_Dorylaeum_(1097)
    https://www.britannica.com/event/Siege-of-Antioch-1097-1098
    https://en.m.wikipedia.org/wiki/Battle_of_Antioch_(1098)
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,785
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ย้อนไทม์ไลน์เหยื่อ ‘โควิด 19’ รายแรกจังหวัดสกลนคร
    สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสกลนคร ได้ตรวจสอบไทม์ไลน์ของผู้ป่วยหญิง วัย 21 ปี รายนี้ ดังนี้
    20 มี.ค.63
    เวลา 14.30 น.ขึ้นเครื่องบินที่สนามบินภูเก็ต
    เวลา 16.30 น. ถึงสนามบินอุดรธานี
    เวลา 19.00 น. ถึงบ้านพักในพื้นที่ อ.เจริญศิลป์
    (ระหว่างทางไม่ได้แวะที่ไหน)
    21 มี.ค.63 อยู่บ้านกักตัวไม่ได้ไปไหน
    22 มี.ค.63 เข้ามาซื้อของใช้ส่วนตัว ที่บ้านดงสง่า หมู่ 7 (สวมหน้ากากอนามัย เปิดจมูกแต่ปิดปาก) ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที
    28 มี.ค. – 1 เม.ย.63 อยู่บ้านไม่ไปไหน
    2 เม.ย.63 เข้ามาซื้อของใช้ส่วนตัว ที่บ้านดงสง่า หมู่ 7 (สวมหน้ากากอนามัย เปิดจมูกแต่ปิดปาก) ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที
    3 เม.ย.63 เดินทางไป รพ.เจริญศิลป์ ด้วยรถยนต์ส่วนตัว ผลตรวจพบเชื้อโควิด-19
    มาตรการที่ดำเนินการ
    1.ส่งตัวผู้ป่วยไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลศูนย์สกลนคร ตั้งแต่ 4 เมษายน 2563
    2.ผู้สัมผัส
    – กลุ่มเสี่ยงสูง : คนในครอบครัว 4 คน จะตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในวันที่ 7 เมษายน 2563 ขณะนี้ให้กักตัว 14 วัน แบบเข้มงวด ทั้ง 4 คน
    – กลุ่มเสี่ยงต่ำ : แม่ค้าร้านขายของชำ 1 คน เจ้าหน้าที่ รพ.เจริญศิลป์ 11 คน ให้ดูแลตามมาตรการกระทรวงสาธารณสุข และให้ปิดร้านขายของชำดังกล่าวเป็นเวลา 14 วัน
    โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสกลนคร จะแจ้งผลการตรวจหาเชื้อของผู้สัมผัสให้ทราบต่อไป ทั้งนี้ข้อมูลปรากฏตามสื่อโชเชียล ว่าผู้ป่วยเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ และไม่กักตัวนั้น ยืนยันว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง
    ที่ศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน โรคโควิด-19 ชั้น 3 อาคารศาลากลางหลังใหม่ นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผวจ.สกลนคร ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสกลนคร แถลงผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 ของหญิงสาว วัย 20 ปี ชาว อ.เจริญศิลป์ พบผลออกมาเป็นบวก ทำให้ต้องมีมาตรการเร่งด่วนมารองรับ เน้นเป็นมากน้อยไม่ห่วง แต่อย่าให้เชื้อกระจาย
    นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผวจ.สกลนคร กล่าวว่า มีประชาชนที่เดินทางเข้ามาอยู่ในจังหวัดสกลนครขณะนี้ อยู่ประมาณ 1.3 หมื่นคน และมีรายงานผู้ติดเชื้อ 1 ราย ถือเป็นรายแรกของจังหวัด แต่ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก ทางผู้เกี่ยวข้องมีการติดตามเฝ้าระวังเป็นพิเศษ และกรณีผู้ติดเชื้อรายนี้ มีการดูแลตัวเองอย่างดี ด้วยการไปกักตัวในที่นาตนเองพื้นที่ 3 ไร่ ห่างหมู่บ้านไป 3 กิโลเมตร สิ่งที่ได้ทำไปแล้วคือทำความสะอาด ฉีดพ่นสารฆ่าเชื้อ 2 แห่ง ที่บ้านผู้ป่วยและร้านค้าชุมชน และทำการกักตัวสมาชิกในบ้านที่สัมผัสผู้ป่วย 4 คน ส่วนเจ้าของร้านชุมชนมีความเสี่ยงต่ำ ก็อาจจะมีการกักตัว ย้ำว่ามาตรการจังหวัดมีความชัดเจน ขอให้ประชาชนได้เชื่อมั่น และให้ความร่วมมือกับทางจังหวัด เราไม่สามารถห้ามคนกลับมาบ้านได้ จึงย้ำเสมอว่าใครกลับมา หรือมีเชื้ออยู่ ต้องอยู่บ้านไม่ไปไหน ขอความร่วมมือ ไม่ว่าจะมาจากไหนให้แจ้งกำนัน ผู้ใหญ่ อสม. ดูแลกักตัวเอง 14 วัน เป้าหมายจังหวัดวันนี้ จะติดเชื้อมาก ติดเชื้อน้อย ไม่สำคัญ แต่ติดแล้วไม่ให้กระจายไปสู่ครอบครัว ไม่ให้กระจายไปสู่สังคม ซึ่งต้องร่วมมือกัน อย่าให้สกลนครตกอยู่ในความเสี่ยง เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องเสียสละอย่าเห็นแก่ตัว ใครไปพื้นที่เสี่ยงกลับมาต้องแจ้งอย่าปกปิดข้อมูล
    นายแพทย์ มานพ ฉลาดธัญญกิจ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสกลนคร กล่าวว่า พบผู้ป่วยรายแรก เป็นเพศหญิง อายุ 21 ปี มาจากกลุ่มจังหวัดเสี่ยงที่มีการระบาดอย่างต่อเนื่อง คือ จังหวัดภูเก็ต โดยพบว่า เดินทางเข้ามาในจังหวัดสกลนคร เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ไม่มีการแสดงอาการของโรค และหญิงรายนี้ ก็มีการป้องกันตนเองด้วยการสวมหน้ากากตลอดเวลา และอยู่ในพื้นที่กักตัวเอง จนถึงวันที่ 2 เมษายน ก็ยังไม่มีอาการใดๆ มีเพียงอาการเจ็บคอเล็กน้อย การสังเกตอาการตนเองอยู่เป็นประจำของผู้ป่วยรายนี้ ทำให้ตัดสินใจเข้าไปตรวจคัดกรองเบื้องต้น ที่ รพ.เจริญศิลป์ มีการซักประวัติ ตอบข้อสงสัย นำเลือดไปตรวจ และเอ็กซ์เรย์ปอด พร้อมนำตัวอย่างไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 จนผลออกมาเป็นบวก
    ซึ่งกระบวนการต่างๆอยู่ในการสอบสวนโรค เฝ้าระวัง และควบคุม การซักประวัติย้อนกลับไป ถึงผู้ที่สัมผัสใกล้ชิด เป็นมาตร การที่ป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่กระจายไปสู่คนอื่นๆ ขอให้ทุกคนมั่นใจว่า จากข้อมูลของทีมสอบสวนโรค พบว่า ยังไม่มีการแพร่กระจายของเชื้อในวงกว้าง อยู่ในวงจำกัดในพื้นที่ของผู้ป่วยเอง ส่วนคนในครอบครัวจากการเฝ้าระวังและจำกัดพื้นที่ ยังไม่มีใครแสดงอาการผิดปกติ แต่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะในครอบครัวผู้ป่วย มีแม่ และยายที่อายุมากถึง 80 ปี และลูกชาย อายุ 5 ขวบ อยู่ในข่ายใกล้ชิดกับผู้ป่วย เป็นกลุ่มเสี่ยง แต่ขอให้ทุกคนวางใจได้ เพราะระบบการรักษาของจังหวัดสกลนคร ตั้งเป้าหมายไว้ว่า หากมีผู้ป่วยติดเชื้อจะไม่ให้เสียชีวิตหรือเจ็บป่วยรุนแรง จึงได้ส่งตัวผู้ป่วยหญิงรายนี้ ไปที่โรงพยาบาลศูนย์สกลนคร เพื่อเฝ้าดูแลในห้องเนกาทีฟ เฟสเซอร์ สำหรับไว้ดูแลผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะ จะมีเครื่องมือแพทย์ทันสมัย จึงให้ความมั่นใจว่า แม้จะมีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เข้ามาในพื้นที่ ขอย้ำว่าจังหวัดสกลนคร ยังไม่มีการแพร่ระบาดของโรคแต่อย่างใด เป็นกรณีที่นำเชื้อเข้ามาจากพื้นที่เสี่ยง แต่ตอนนี้เราสามารถคุมสถานการณ์ได้ให้อยู่ในวงจำกัด คือ ควบคุมในเขตพื้นที่หมู่บ้านของผู้ติดเชื้อ และควบคุมไม่ให้เชื้อแพร่กระจายไปที่อื่น
    Source : #Springnews #สปริงนิวส์
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,785
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผบช.ตม. ประกาศเปิดเผยรายชื่อผู้โดยสารที่ไม่มารายงานตัวภายในเวลา 18.00 น. เนื่องจากถือว่าไม่รับผิดชอบต่อสังคม และจะดำเนินคดีฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.สาธารณะสุข มีอัตราโทษ จำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ #กักตัว #COVID2019 #เคอร์ฟิวทั่วประเทศ
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,785
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เทส เทส เทส แล้วก็เทส
    บทความล่าสุดจาก The Economist น่าสนใจดี แล้วก็ช่วยให้มุมมองเชิงบวกนิดนึงเกี่ยวกับการระวังคลื่นลูกที่สอง สรุปได้ประมาณนี้
    1. ตอนนี้กำลังมีการเร่งพัฒนาอุปกรณ์ตรวจโรค COVID19 ขึ้นมาจากหลายๆที่ แต่ที่น่าสนใจอยู่ตรง Antibody ที่อุปกรณ์ตรวจจะหาจะมี 2 ชนิด ชนิดแรก (immunoglobulin m - IGM) เป็น Anitbody ที่ร่างกายผลิตขึ้นมาเพื่อสู้กับไวรัส ไอ้ตัวนี้จะอยู่ในร่างกายไม่นาน 3-4 สัปดาห์เท่านั้น ส่วนชนิดที่สอง (immunoglobulin g - IGG) เป็น Antibody แบบที่จะอยู่ในร่างกายไปอีกนานหรืออาจจะทั้งชีวิตเลยก็ได้ เพราะจะเป็นส่วนที่ร่างกายเอาไว้ใช้เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต่อไป (พอดีเป็นส่วนเกี่ยวกับการแพทย์ไม่มีความรู้ อาจจะแปลไม่ถูกต้อง 100% ครับ)
    2. ถ้าเราพัฒนาอุปกรณ์ตรวจ Anitobdy ชนิดที่สองที่หา IGG ได้ จะทำให้เราสามารถตรวจว่าคนไหนติดไวรัสไปแล้วแล้วก็หายไปแล้วด้วย เพราะเราทราบกันแล้วว่าบางคนติดไวรัสแล้วไม่มีอาการเลย จนไม่รู้ว่าตัวเองติด ดังนั้นบางคนอาจจะมีภูมิคุ้มกันไปแล้วแต่ไม่รู้
    3. ตัวตรวจชุดนี้ถึงจะยังผลิตได้ไม่เยอะมากในช่วงแรก แต่จะทำให้คุณหมอ เจ้าหน้าที่พยาบาล เจ้าหน้าที่ต่างๆที่มีความเสี่ยงใกล้สามารถสบายใจได้ว่าอ๋อเรามีภูมิคุ้มกันแล้ว การทำงานต่างๆก็จะลดความกดดันได้เยอะขึ้น ไม่ต้องคอยมากักตัวเองอยู่บ่อยๆ
    4. มันจะทำให้มาตรการป้องกันคลื่นลูกที่สองของการระบาดง่ายขึ้น ถ้าเรามีอุปกรณ์ตรวจมากพอ เพราะถ้าคนไหนป่วยแล้วหายแล้วก็ออกไปเลย ไปใช้ชีวิตตามปกติ เกิดเผอิญไปใกล้กลุ่มเสี่ยงก็ไม่ต้องไปตามตัวกลับมาตรวจหรือกักตัว ไปทำงาน Work from Office ให้สบายใจ
    5. การตรวจเพื่อหาคนติดทั้งแบบแรกและแบบสองเป็นส่วนสำคัญในการจะช่วยลดผลกระทบทางเศรษฐกิจในอนาคตได้พอควร ในเคสที่เราหาวัคซีนไม่ได้ซักที เพราะเราต้องการรู้ให้ชัดๆว่าการกระจายตัวของโรคมันไปถึงไหนแล้วกันแน่
    รูปที่แนบมาเป็นตัวอย่างคนติดไวรัสที่ยืนยันแล้วของประเทศไอซ์แลนด์กับเนเธอร์แลนด์เทียบกัน จริงๆอาจจะเทียบกันแล้วสรุปแบบนี้ไม่ได้ทั้งหมด เพราะไอซ์แลนด์ก็ประชากรน้อยกว่า มีคาแรคเตอร์อะไรหลายๆอย่างที่เทียบกันตรงๆไม่ได้ แต่ก็น่าสนใจดี
    เนเธอแลนด์จะเน้นตรวจคนที่มีอาการแล้ว เหมือนประเทศส่วนใหญ่ ส่วนไอซ์แลนด์เขาตรวจแบบทั่วไปเลย คือไม่มีอาการ ไม่เสี่ยง ไม่เป็นไรก็เอามาตรวจ (แต่สุ่มนะ ไม่ได้ตรวจทั้งประเทศ)
    จะเห็นว่าการกระจายตัวของกลุ่มอายุคนติดไวรัสแตกต่างกันไปเลย คือถ้าเราจะตรวจคนมีอาการอย่างเดียวจะเห็นว่ากลุ่มคนติดเอียงไปทาง คนอายุ 50+ ส่วนไอซ์แลนด์ตัวเลขเยอะๆยมาอยู่กลางๆแล้วกระจายออกไป 2 ทั้งเด็กและผู้สูงอายุ (ย้ำอีกทีว่ามันอาจจะเป็นเพราะสาเหตุอื่น เช่นคนไอซ์แลนด์อายุเฉลี่ยต่ำอยู่แล้ว หรือต่างๆนานา)
    6. เท่าที่อ่านดูประสบการณ์ของไอซ์แลนด์ก็คล้ายๆที่อื่น แต่ก็ช่วยยืนยันได้ว่า 50% ของคนติดไวรัสจะไม่มีอาการเลย คือไม่รู้ว่าติดแล้วหายแล้วด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น เวลาเราอ่านรายงานยอดคนป่วยต่างๆนานา เป็นไปได้สูงมากว่าเราจะเห็นภาพไม่เต็ม และเห็นแค่ตัวเลขของคนมีอาการเท่านั้น
    7. อุปกรณ์การตรวจหาไวรัสเลยเป็นสิ่งจำเป็นมากๆ และตรวจได้แบบที่สองก็ดี เพราะถ้าจริงๆแล้วคนติดมากกว่าที่เราทราบ ก็อาจมองในเชิงบวกได้ว่าคนมีภูมิคุ้มกันแล้วเยอะกว่าที่เราคิด และจำนวนคนที่ต้องถูกกักตัว หรือมีความเสี่ยงก็จะลดลงไปได้ ถ้าบวกกับการใช้เทคโนโลยีในการติดตามตัวแบบที่จีน เกาหลีใต้ ไต้หวันใช้ (เช่นคนมีภูมิคุ้มกันแล้วไปไหนมาไหนก็ได้) การระวังคลื่นลูกที่สองก็อาจจะเลือกใช้มาตรการที่เป็นลบน้อยลงหน่อยได้
    จะเห็นว่าการต่อสู้กับไวรัสในระยะยาว ไม่ใช่แค่โฟกัสที่จำนวนคนป่วยใหม่รายวันเท่านั้น แต่ระบบเศรษฐกิจก็ต้องอยู่รอดให้ได้ด้วย ถ้าอยากให้คนป่วยน้อยลงปิดเมืองซักเดือนก็ต้องลดลง แต่เศรษฐกิจก็พัง ดังนั้นเรื่องจำเป็นคือการสร้าง Infrastructure ของทั้งระบบให้สู้ไปได้เรื่อยๆ (พัฒนาระบบติดตามคนติดเชื้อ คนเสี่ยง เพิ่มจำนวนอุปกรณ์การแพทย์ต่างๆ)
    ปล.1 แต่ในบทความไม่ได้บอกว่าจะผลิตได้เมื่อไหร่นะ แค่บอกว่า should soon become available แล้วกว่าจะผลิตได้สำหรับตรวจคนจำนวนมากๆๆๆๆๆ คงอีกนานนน
    ปล.2 อุปกรณ์ตรวจที่เป็นข่าวห้ามขายก่อนหน้านี้ก็คือแบบที่ตรวจหา Antivirus ประเภทแรก(มั้ง) แต่ช่างมันเพราะเหมือนจะยังไม่ได้รับการยืนยันประสิทธิภาพเท่าไหร่
    ใครอยากอ่านลง Link ไว้ให้ เข้าใจว่าเฉพาะช่วงนี้เขาให้อ่านฟรีไม่ต้องเป็นสมาชิกนะ
    https://www.economist.com/science-a...-the-novel-coronavirus-will-soon-be-available
    https://edition.cnn.com/2020/04/01/europe/iceland-testing-coronavirus-intl/index.html
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,785
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #รายงานความเสียหายจากพายุฤดูร้อน
    จ.ชัยภูมิ 4เม.ย.63 ฤทธิ์พายุซัดถล่มชัยภูมิเมื่อคืนวานที่ผ่านมา ถนนนิเวศรัตน์ขาออกเมืองชัยภูมิเสาไฟฟ้าล้มจำนวนหลายต้นปิดการจราจรขาออกเมืองใช้เส้นทางเบี่ยง บ้านโพนทองหมู่2ถูกลมกรรโชกได้รับความเสียหายหลายสิบหลัง
    เพิ่มเติมครั้งที่ 10
    ห้อง 61 สาธารณภัย ปภ ได้รับรายงานวาตภัย
    วันที่ 1 เม.ย 63
    จ.สกลนคร มีความเสียหาย
    จ.พิจิตร มีความเสียหาย
    จ.นครราชสีมา มีความเสียหาย
    จ.อุบลราชธานี มีความเสียหาย
    จ.ศรีสะเกษ มีความเสียหาย
    จ.เลย มีความเสียหาย
    วันที่ 2 เม.ย. 63
    จ.ตราด มีความเสียหาย
    จ.ขอนแก่น มีความเสียหาย
    จ.ชัยภูมิ มีความเสียหาย
    จ.ร้อยเอ็ด มีความเสียหาย
    จ.สุรินทร์ มีความเสียหาย
    จ.บุรีรัมย์ มีความเสียหาย
    จ.มุกดาหาร มีความเสียหาย
    วันที่ 3 เม.ย.63
    จ.ลพบุรี มีความเสียหาย
    จ.ขอนแก่น มีความเสียหาย
    จ.ชัยภูมิ มีความเสียหาย
    จ.เพชรบูรณ์ มีความเสียหาย
    วันที่ 4 เม.ย.63
    จ.ชัยภูมิ มีความเสียหาย/ห้อง 61
    ขอขอบคุณข้อมูลจากห้องLINE 61 ปภ.
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,785
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ⚠️ ด่วนนน ⚠️ การประชุมของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันที่ทำให้ราคาน้ำมัน +40% ในอาทิตย์ก่อน ❌ อาจต้องเลื่อนออกไป 2-3 วัน เป็นวันที่ 8 หรือ 9 เมษา !
    การประชุมของผู้ผลิตน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลกกว่า 23 ประเทศที่ตอนแรกจะมีขึ้นในวันวันจันทร์ที่ 6 เมษายนนี้ ซึ่งทางประเทศหลักๆอย่าง สหรัฐ ซาอุ รัสเซีย ได้ยอมตอบรับการเข้าประชุมหมดแล้ว จนทำให้ราคาน้ำมันดิบ Brent และ WTI ปรับตัวขึ้น +40% ในอาทิตย์ที่ผ่านมา...
    ราคาน้ำมันดิบ Brent ได้ปิดอาทิตย์ที่ 34.1 เหรียญ บวกขึ้นมาจากต้นอาทิตย์ที่ระดับ 24 เหรียญ เป็นการกลับทิศทางอย่างสิ้นเชิงจาก #ความหวังว่า ผู้ผลิตจะกลับมาร่วมมือกันลดกำลังการผลิต 10 ล้านบาร์เรลต่อวันได้จากการประชุมใหญ่ผ่าน Zoom ครั้งนี้
    ล่าสุดมีรายงานออกมาว่าการประชุมอาจต้องเลื่อนออกไปก่อนเพื่อให้แต่ละประเทศมีเวลาคิดและวางแผนการเจรจามากขึ้น... ไม่ได้มาจากความขัดแย้งที่ทางซาอุออกมาประกาศเมื่อเช้าว่า #ทางรัสเซียเป็นผู้ผิดสัญญา และดึงตัวออกจากการประชุมครั้งก่อน ทั้งๆที่ประเทศอื่นๆพยายามห้ามไว้ ทางซาอุเองไม่ได้เป็นคนทำให้กลุ่ม OPEC+ ต้องล่ม
    ทางด้าน Executive Director ของ IEA สำนักงานพลังงานสากล นาย Faith Birol ได้ออกมากล่าวเตือนว่าการลดการผลิตที่ 10 ล้านบาร์เรลต่อวันนั้น ถึงแม้จะทำได้จริงๆก็ยังไม่อาจทำให้น้ำมันหายล้นตลาดได้ เพราะว่าการใช้นั้นได้หายไปกว่า 30 ล้านบาร์เรลต่อวันแล้ว !
    หลายๆท่านอาจบอกว่า #ถ้าอย่างนั้นราคาน้ำมันก็ควรจะต้องลงต่อ สิ ?
    ในฐานะนักวิเคราะห์นี้ผมอยากบอกว่าจริงครับ ในระยะสั้นนี้การลดกำลังการผลิตเท่านี้นั้นไม่อาจสู้กับการใช้ที่หายไปได้ ซักวันนึงถังน้ำมันโลกก็จะต้องกลับมาเต็มและล้นอยู่ดี เพราะการผลิตที่ยังสูงกว่าการใช้
    แต่... #ในฐานะเทรดเดอร์ นั้น ผมจะไม่ได้มองว่าราคามีสิทธิลงเพียงอย่างเดียว จริงๆแล้วอาจจะปรับขึ้นได้ #ถึงแม้ว่าน้ำมันจะยังล้นตลาดอยู่
    เพราะว่าถ้าหากผู้ผลิตมาร่วมกันลดกำลังการผลิตได้ 10 ล้านบาร์เรลต่อวันจริงๆ มันก็ยังจะช่วยบรรเทาภาวะการล้นของน้ำมันได้ ทำให้ถังน้ำมันไม่เต็มเร็วจนเกินไป ช่วย "Flatten the curve" คล้ายๆกับเหตุการณ์ของผู้ป่วยไวรัสโควิด
    การที่เราทำ Social Distancing กันนั้น เราไม่ได้พยายามทำเพื่อไม่ให้เกินผู้ป่วยใหม่ เราทราบดีว่ายังจะมีผู้ป่วยติดเชื้อใหม่เรื่อยๆ แต่การรักษาระยะห่างนั้นจะทำให้ Curve ชันน้อยลง ช่วยให้แพทย์และโรงพยาบาลต่างๆสามารถรักษาผู้ป่วยได้ทันการมากขึ้น และเพียงแค่ Curve นั้น Flat ลงเมื่อไหร่ และเราเริ่มเห็นสัญญาณตัวเลขที่ดีขึ้น ทางตลาดหุ้นก็จะดีดกลับขึ้นอย่างรวดเร็ว
    เหตุการณ์นี้อาจจะเกิดขึ้นได้กับตลาดน้ำมันและทำให้ราคาดีดขึ้นได้ #ถึงแม้ว่าน้ำมันยังล้นอยู่
    ในฐานะเทรดเดอร์ผมอยากแนะนำว่าราคาที่จะขึ้นลงนั้นขึ้นอยู่กับแรงซื้อขายเป็นหลัก ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐานเพียงอย่างเดียว ราคาสามารถเทรด Over หรือ Under Value ได้เป็นเวลานานๆ เพราะฉะนั้นเราจะต้องเตรียมรับมือกับทุกสถานการณ์ราคาที่เกิดขึ้นได้ อย่าไปแน่ใจว่าราคาอาจจะมีสิทธิไปแค่ในทิศทางเดียว ไม่ว่าปัจจัยพื้นฐานจะชี้ไปในทิศทางนั้น
    ข่าวที่ออกมาว่าการประชุมอาจต้องเลื่อนไปเป็นวันที่ 8 หรือ 9 เมษานั้นย่อมจะส่งผลลบต่อตลาด เพราะตลาดมีความมั่นใจและรับรู้ไปแล้วว่าผู้ผลิตน่าจะตกลงกันได้ โดยวันนี้นั้นเป็นวันที่ตลาดปิดทำให้เราไม่เห็นผลกระทบของราคา
    สาเหตุของการเลื่อนนั้นคือปล่อยให้แต่ละประเทศมีเวลาคิด แต่เราทราบกันดีว่าการจะตกลงกันได้ในครั้งนี้นั้นอาจจะไม่ใช่ง่ายๆ หลายประเทศจะต้องพร้อมที่จะร่วมมือและสูญเสียรายได้กันครั้งใหญ่ทีเดียว
    ส่วนในวันพรุ่งนี้นั้นก็ #มีความสำคัญมาก จะเป็นวันที่ทางซาอุออกมาประกาศราคา OSP หรือราคาขายน้ำมันดิบให้ลูกค้าของตัวเองในเดือนถัดไป โดยเราจะได้รู้กันว่าทางซาอุนั้นจะยังเอาจริงกับสงครามครั้งนี้ต่อไป หรือพร้อมที่จะกลับมาจับมือกันแล้ว ? เพราะเมื่อครั้งที่ซาอุประกาศสงครามออกไปนั้น ทางซาอุก็ได้ประกาศผ่านการลดราคา OSP ลงสู่ระดับที่ต่ำสุดในรอบ 20 ปี ! ทำให้ตลาดทราบอย่างแน่ชัดตอนนั้นว่า... ⚔️สงครามกำลังจะมาแล้ว ...
    ⛔️ ทางเราจะคอยติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิดและรายงานไปนะครับ ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดแบบทันท่วงที แนะนำให้กดไลค์ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของเราที่อัพเดทใหม่ๆ ที่อาจออกมาก่อนสื่ออื่นๆครับ ⛔️
    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรานะครับ ฝากกดไลค์และแชร์ให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์นะครับ ขอบคุณมากๆครับ
    #OilTradingKP
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,785
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ⚠️ ทาง รัสเซียประกาศออกมาแล้วครับ ⚠️ ว่าจะยอมลดกำลังการผลิตน้ำมัน 10% บนเงื่อนไขเดียวคือหากว่าทางสหรัฐจะต้องยอมลดกำลังการผลิตด้วย !
    แต่... ลองมา #วิเคราะห์ กันดูครับว่าต่อให้ลดกันจริงๆ 10% จะน้อยไปไหม ??
    อย่างแรกเลยนี่ยังถือว่าเป็นข่าวดีกับตลาดนะครับ เพราะอย่างที่ทางเราวิเคราะห์มาตลอดว่าประเทศที่เราเป็นห่วงมากที่สุดว่าอาจจะทำให้การประชุมล่มได้คือทางรัสเซีย เพราะเป็นผู้ที่มีปัญหากับทางซาอุมาตลอดทุกครั้งเวลามีการกำหนดโควตา และรัสเซียก็เป็นผู้ผลิตใหญ่ที่สุดอันดับที่ 2 ของโลกที่เกือบ 11 ล้านบาร์เรลต่อวัน (ปัจจุบันอาจจะที่ 3 แล้วเพราะซาอุเร่งผลิตแซงขึ้นมา) หากถอนตัวขึ้นมาการประชุมครั้งนี้จะล่มลงแน่ๆ การที่ #รัสเซียแสดงความจำนงว่าพร้อมลด นั้นถือเป็นข่าวดีในขั้นแรก
    เป้าที่กลุ่มผู้ผลิตอยากจะลดจริงๆคือ 10-15 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่ลองใช้ 10 ล้านบาร์เรลต่อวันขั้นน้อยสุดเป็นตัวตั้งก่อนนะครับ
    หาก รัสเซียลดจริงๆ 10% เท่ากับว่าจะลดไป 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ยังเหลืออีก 8.9 ล้านบาร์เรลต่อวันที่ต้องลด ซึ่งส่วนนี้จะมาจากใครได้อีก ? นอกจากผู้ผลิตใหญ่อย่าง สหรัฐ และ ซาอุ ที่ผลิตกันอยู่ที่ใกล้ๆ 13 ล้านบาร์เรลต่อวัน ถ้าทั้งสองประเทศยอมลดในสัดส่วนพอๆกันที่ 10% แปลว่าน้ำมันจะหายไปอีกเพียง 1.3 +1.3 = 2.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน
    รวมกัน 3 พี่ใหญ่ลดไป 3.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งน้องๆเล็กๆต้องลดกันต่อให้ได้อีก 10 - 3.7 = 6.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ? ซึ่ง #เป็นไปไม่ได้แน่ๆ ครับ การผลิตของน้องเล็กที่เหลือรวมกันนั้นไม่ถึง 30 ล้านบาร์เรลต่อวันด้วยซ้ำ จะไปขอให้เค้าลดถึง 20% ทุกคนได้อย่างไร โดยเฉพาะน้องๆเจ้าใหญ่อย่างอิหร่านและเวเนซุเอลาที่อาจพอช่วยลดได้ก็ยังโดนทางสหรัฐคว่ำบาตรอยู่เลย
    เพราะฉะนั้นทางพี่ใหญ่ทั้ง 3 ประเทศต้องลดกำลังการผลิตมากกว่า 10% ให้ได้ครับ หากจะอยากบรรลุเป้าที่ 10 ล้านบาร์เรลต่อวันได้จริง และ #ทางรัสเซียจะต้องยอมลดเยอะกว่านี้ !
    นี่คือเหตุผลที่การประชุมครั้งนี้ยังต้องติดตามต่อไปและยังไม่มีอะไรแน่นอน เพราะถึงแม้ทุกฝ่ายแม้จะอยากลดกำลังการผลิตร่วมกันเพราะได้ประโยชน์กันทุกคน แต่ถึงเวลาจริงๆ #ใครจะยอมลดเยอะสุด ! เพราะนี่คือรายได้และผลประโยชน์ของแต่ละประเทศล้วนๆ
    ติดตามกันต่อไปกับเพจเราได้ครับ ทางเราจะคอยติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิดและรายงานไปนะครับ
    ⛔️ ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดแบบทันท่วงที แนะนำให้กดไลค์ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของเราที่อัพเดทใหม่ๆ ที่อาจออกมาก่อนสื่ออื่นๆครับ ⛔️
    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรานะครับ ฝากกดไลค์และแชร์ให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์นะครับ ขอบคุณมากๆครับ
    #OilTradingKP
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,785
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Michael DiFato

    EFMBE

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,785
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan

    ที่ Guarapari, ประเทศบราซิล วันที่ 3 เมษายน 2020

    Guarapari, Brazil April3 2020

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,785
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan

    ภูเขาไฟ #Sakurajima ปะทุ ที่ญี่ปุ่น: 3800 เมตรเหนือปล่องภูเขาไฟ 4 เมษายน 2020 12:58. และ 16:30 น. JST

    การไหลที่เกี่ยวกับภูเขาไฟ: กลุ่มเถ้าภูเขาไฟทางตะวันออกเฉียงใต้ ขนาดใหญ่ปานกลาง

    #Sakurajima Japan eruption Volcanic plume: 3800m above crater. April 4, 2020 12:58 & 16:30 JST

    Volcanic flow: southeast Volcanic plume: moderately large

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,785
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan

    ในไม่กี่วันที่ผ่านมา กิจกรรมภูเขาไฟของ # Stromboli อิตาลี ทวีความรุนแรงมากขึ้นบนเกาะ eponymous ในอิตาลี กระแสลาวาไหลไปถึงทะเล

    รูปภาพที่ถ่ายทำวันพุธ 1 เมษายน 2020

    In recent days, the volcanic activity of #Stromboli,Italy has intensified on the eponymous island in Italy, lava flows have reached the sea.

    Images filmed Wednesday April 1 2020.

     

แชร์หน้านี้

Loading...