ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หลัง 00:01น. ที่ผ่านมา มีคนจำนวนหนึ่ง คือ ***ล๊อตแรก*** ได้เงินชดเชย 5,000 บาท เดือนแรกแล้ว (ยังมีล็อตอื่น ๆ อีกมากมายเป็น 10 ล็อต)

    แอดฯ จะอธิบายง่าย ๆ ดังนี้
    1) ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้เงินชดเชย
    2) จ่ายทุกธนาคาร จะมีพร้อมเพย์หรือไม่ก็ได้เหมือนกัน ไม่เกี่ยวกับว่า ธนาคารรัฐ อย่าง ออมสิน ต้องได้ก่อน ได้ทุกธนาคารพร้อมกัน ถ้าผ่านเกณฑ์แรก ๆ

    3) จ่ายตามอาชีพก่อน 4 อาชีพได้ก่อน
    คนขับแท็กซี่ ‍♂️ ‍♀️
    วิน
    มัคคุเทศน์ ✈
    ผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล
    ที่เห็นจะได้แล้ว ได้แก่ร้านอาหารที่ปิดไปแล้ว เป็นต้น ที่จะได้แน่นอน คือร้านค้าในตลาดนัด หรือทำงานห้าง

    4) เงินที่เขาให้ ไม่ใช่เงินที่ไม่มีเจ้าของ แต่...

    ¤ มันเป็นคนที่ทำงานในระบบภาษี
    จ่ายให้กับคนที่ทำงานนอกระบบภาษี

    ¤ ที่อาจจะไม่ได้เดือดร้อน หรือเดือดร้อนก็ตาม

    ¤ และคนที่ได้รับอาจจะเคยจ่ายภาษีมาก่อน
    หรือไม่เคยจ่ายภาษีก็ตาม

    ¤ จ่ายให้คนที่รวยกว่าตน หรือจนกว่าตนก็ตาม

    ซึ่งต้องยอมรับว่า คนที่ทำงานนอกระบอบภาษี จำนวนไม่น้อย มีความร่ำรวยอู้ฟู่กว่าคนที่ทำงานงก ๆ ๆ ในระบบภาษีอย่างเทียบกันไม่ได้ ไม่น้อยเลย

    5) คนที่ทำงานในระบบภาษีจำนวนหนึ่งนั้น ปัจจุบันยังทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำอยู่ ยังลำบากอยู่ และยังจนอยู่

    เห็นหลายคน อยากได้เงินชดเชย อย่างได้จนด่าทอมากมาย โดยลืมไปว่า รัฐบาลไม่อาจจะพิมพ์ธนบัตรเองเช่นเดียวกับสหรัฐอเมริกา

    และ ลืมไปว่า คนที่จ่ายเงินให้คุณ 5,000 บาท
    จำนวน 6 เดือนหรือ 30,000 บาทนั้น ....

    อาจจะเป็น ‍สาวโรงงาน‍ทำงานสายตัวแทบขาด หรือพนักงานออฟฟิศที่ขึ้นรถเมล์สาย 8 แน่นขนัด เสี่ยงโควิด ไปทำงานเลี้ยงชีพอยู่ทุกวันนี้มิได้หยุดก็ได้

    หากจะหาความยุติธรรม ให้ถามคนเหล่านี้สิ ว่าเขารู้สึกว่า มันช่างอยุติธรรมบ้างหรือไม่ ????

    แล้วลองถามคนที่ไปทำงาน แถว ๆ บ้านคุณ ว่าเขารู้สึกขมขื่นมากเช่นไร ที่ต้องจ่ายภาษีเลี้ยงคุณ 6 เดือน

    ดังนั้น อย่าด่า อย่าโลภมาก ทุกคนเสียโอกาส เสียอะไรหลาย ๆ อย่างเหมือนกันใน "สงครามโรคโควิด"

    ที่เรายังไม่เสีย คือ "ชีวิต" เหมือนกับในต่างประเทศเขา

    ให้มองคนที่แย่กว่า จะได้รู้สึกว่า ชีวิตเราก็ดีมากแล้ว

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ‍♂️‍ แอดฯ จะไขข้อข้องใจให้ ‍♀️‍

    บ้านเดี่ยวทั่ว ๆ ไปนั้น ใช้ไฟขนาด 5 แอมป์ทั้งนั้น ดังนั้นมิต้องกังวลใจ

    ไฟบ้านที่เกิน 5 แอมป์ คือ 15 แอมป์ สาย 15 A นั้น ต้องการการตรวจสอบสาย ต้องมีแท่งเหล็กฝังสายดินขนาดใหญ่กลางบ้าน และสายไฟต้องถูกตรวจทั้งบ้าน

    ดังนั้น ไฟที่บ้านคุณ ๆ ส่วนใหญ่ 5 แอมแปร์ คือจะได้รับการยกเว้นค่าไฟฟ้าตามมติ ครม. เริ่มสิ้นเดือนนี้ค่ะ

    ส่วนเรื่องกู้เงิน แนะนำให้ไปกู้ ธ. ออมสิน 4 หมื่นบาท ดอกเบี้ยต่ำมาก ๆ ไม่ซับซ้อน ให้ทดลองติดต่อกู้ดูนะคะ แอดฯ ก็จะลองไปดู แถวบ้านแอดฯ มีแต่ธนาคารห้าง ต้องไปไกลบ้านมาก นึกสาขาไม่ออกเลย ถ้าไปแล้ว จะมาอธิบายขั้นตอน เอกสารให้ฟังอีกทีค่ะ

    สำหรับหน้ากาก เดี๋ยวจะได้ แต่ตัวเลขการติดเชื้อ เราเริ่มลดลงมากแล้ว เส้นกราฟหักหัวลงแล้ว

    ไม่เกินสิ้นมิถุนายน 63 เราจะหายแล้ว จะเปิดโรงเรียนได้แล้ว ดังนั้น ให้อดทนไปก่อน อยู่ง่าย ๆ กินง่าย ๆ อย่าใช้เงินฟุ่มเฟือย

    ตอนนี้คนจนมากมาย ไปนอนอยู่สวนลุม ถ้าเรามี ก็ไปช่วยเขาได้ ไม่ต้องมีมาก เราก็แบ่งปันได้ แม้ว่าทางการจะมีที่พักฟรีให้ แต่คนเหล่านี้ อาจจะไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับชีวิต ใครจะช่วย ก็ช่วยเอาบุญนะคะ

    แต่ขอให้กลับถึงบ้านก่อน 4 ทุ่ม

    เมื่อวันก่อน มีหมอคนนึง ผ่าตัด เสร็จแล้ว ไปซื้อของ 7-11 กิน แล้วเข้าที่พักไปอาบน้ำ สวมกางเกงบอล ⚽️ แล้วขับรถฝ่าเคอร์ฟิลไปอีกที่พักหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่เลยเวลาเคอร์ฟิลแล้ว และอยู่ในที่พักอยู่แล้ว ไม่ควรขับรถออกไปวิ่งฝ่าด่าน ให้ตำรวจ‍♂️‍♀️จับเล่นอีก

    เลยโดนจับไปขังกินน้ำก๊อกในคุกคืนนึง แล้วขึ้นศาล ศาลตัดสินปรับ 4,000 บาท ออกมาให้ข่าวร้องไห้แงแงออกทีวี ให้แอดฯ สงสัยเล่น ว่าเขาทำไปเพื่ออะไร ?

    ป.ล.
    แอดฯ เป็นแอดมินที่โง่ประเภทหนึ่ง ที่ไม่ต้องการความดัง ในยุคที่ใคร ๆ ต้องการความโด่งดังทั้งสิ้น ที่เขียนเพจนี้ ความจริงไม่ได้อะไร ขอเพียงได้เขียนความจริงให้คนจำนวนเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พลัดหลงเข้ามา ได้เข้าใจ และรับรู้ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในสังคมบ้าง แค่นั้นเอง

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Fenómenos Naturales

    FIJI - พายุไซโคลนแฮโรลด์ได้สร้างผลกระทบในซูวาซึ่งเป็นเมืองหลวงของฟิจิ ทำให้มีลมแรงและฝนตกขณะที่มันเคลื่อนเข้าหาเกาะของฟิจิในวันนี้ที่ 7 เมษายน

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Fenómenos Naturales

    FIJI - น้ำขึ้นสูง น้ำทะเลขึ้นฝั่ง เนื่องจากพายุไซโคลนฮาโรลด์ซึ่งเริ่มต้นในฟิจิ ก่อนเดินทางมาถึง วันนี้ 7 เมษายน

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Fenómenos Naturales

    FIJI - ภาพมุมสูงใน Savusavu เกาะฟิจิ พายุไซโคลนฮาโรลด์ที่ใกล้เข้ามาทางเกาะ วันนี้ 7 เมษายน

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Fenómenos Naturales

    แปซิฟิก - พายุไซโคลนแฮโรลด์เป็นหนึ่งในพายุที่แรงที่สุดในประวัติศาสตร์ที่กระทบวานูอาตู พายุได้อ่อนกำลังลง แต่ยังคงเป็นพายุไซโคลน class ที่ 4 ตอนนี้มุ่งหน้าลงใต้ไปยังฟิจิและตองกาที่ ซึ่งทำให้เกิดกระแสน้ำที่อันตราย

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Fenómenos Naturales

    เม็กซิโก - มีรายงานไฟไหม้ครั้งใหญ่เมื่อเช้านี้ที่ Central de Abasto de Iztapalapa ในเม็กซิโกซิตี้ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก 7 เมษายน

    ไฟไหม้ได้สร้างความเสียหายประมาณ 300.00 ตารางเมตร บ้านที่ใช้กระดาษแข็งและบ้านไม้ถูกเผาไหม้ มีรายงานผู้ได้นับบาดเจ็บ 3 ราย

    คอลัมน์ของควันสามารถเห็นได้จากจุดต่าง ๆ ในเมืองหลวง แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่ทราบสาเหตุที่สร้างเหตุการณ์นี้



     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Fenómenos Naturales

    ยูเครน - ยูเครนต่อสู้ไฟป่าใกล้เชอร์โนปิล

    ไฟป่าที่อยู่ใกล้กับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลในยูเครนได้เพิ่มระดับรังสีในพื้นที่

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อินโดนีเซียระเบิดเวลาโควิดแห่งอาเซียน
    .
    ทางการอินโดนีเซียประกาศเตือนโควิดจากการที่มีแพทย์ถึง 24 คนเสียชีวิตแล้ว
    หลายประเทศตรงกันว่าตัวเลขผู้ติดเชื้ออินโดนีเซียนั้นเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านอยู่ระดับกลางๆแต่สัดส่วนผู้เสียชีวิตถือว่าสูงที่สุด และมีความเป็นไปได้ว่ายังมีผู้ติดเชื้อแฝงจำนวนมากในอินโดนีเซีย และทางอินโดนีเซียเองยังไม่ทั่วถึงในการตรวจสอบหรือรักษา
    หลายฝ่ายจึงพูดตรงกันว่าอินโดนีเซียคือระเบิดเวลาโควิดแห่งอาเซียน

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สถานที่กักตัวที่สิงคโปร์ ใช้กักตัวแรงงานต่างชาติ
    .
    โดยที่เดิมมันเป็นหอพักคนงานต่างชาติที่อาศัยกันอยู่นั้นเหละ แต่พอมีปัญหาในการพบว่าแรงงานต่างชาติที่อาศัยในหอพักติดเชื้อหลายราย รัฐบาลจึงปิดแล้วสั่งกักตัวทั้งหอเลย โดยรัฐบาลส่งอาหารและน้ำให้วันละ 3 เวลา
    อย่างไรก็ดีคนงานทั้งหมดต่างบ่นอุบเนื่องจาก อยู่ๆสั่งปิดก็สั่งปิดไม่มีใครได้เตรียมตุนอาหารหรืออะไรเลยนอกจากนี้อาหารที่รัฐบาลส่งมาก็ช้ามาก

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ประเทศไทยจะมาแนวนี้หรือไม่ รอติดตาม แต่เชื่อว่าคงไม่ทำแบบนี้

    อย่างไรก็ดีคนงานทั้งหมดต่างบ่นอุบเนื่องจาก อยู่ๆสั่งปิดก็สั่งปิดไม่มีใครได้เตรียมตุนอาหารหรืออะไรเลยนอกจากนี้อาหารที่รัฐบาลส่งมาก็ช้ามาก
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เอลซัลวาดอร์ ขยายมาตรการควบคุมโรค

    ประธานาธิบดีนายิบ บูเคเล่ (Nayib Bukele) แห่งเอลซัลวาดอร์ ประกาศ ขยายมาตรการกักกันทั่วประเทศอีก 15 วัน ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยประกาศแล้วเป็นเวลา 30 วัน ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 21 มีนาคม ไปจนถึงวันจันทร์ที่ 20 เมษายน โดยการขยายไปอีก 15 วัน จะทำให้ยืดไปถึงวันอังคารที่ 5 พฤษภาคม ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โรคโควิด-19 ผ่านทวิตเตอร์เลขาธิการสำนักเลขาธิการประธานาธิบดีเมื่อปลายวันจันทร์ที่ผ่านมา (6 เม.ย. 63)

    นอกจากนี้ ยังมีทวิตแยกจากทำเนียบประธานาธิบดีของเอลซัลวาดอร์ กล่าวว่า ตำรวจของประเทศกำลังปฏิบัติตามคำสั่งของประธานาธิบดีอย่างเข้มงวดกับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งกักกัน โดยจะส่งตัวไปยังศูนย์ฉุกเฉิน เพื่อกักตัวพวกเขา 30 วัน

    The post เอลซัลวาดอร์ ขยายมาตรการควบคุมโรค appeared first on SpringNews.

    Source : #Springnews #สปริงนิวส์

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฮ่องกงพบผู้ติดเชื้อเพิ่มวานนี้ 21 ราย รวมยอดสะสม 935 ราย

    Dr Chuang Shuk-kwan หัวหน้าสาขาโรคติดต่อของศูนย์คุ้มครองสุขภาพได้เปิดเผยว่า ในกลุ่มผู้ติดเชื้อวานนี้ มี 12 รายที่มีประวัติการเดินทางต่างประเทศ

    รวมทั้งยังมีการติดเชื้อจากในฮ่องกงอีก โดยพบเพิ่มอีก 3 รายจากกลุ่มที่ไปร้องคาราโอเกะด้วยกันก่อนหน้านี้ ที่ CEO Neway ย่าน Causeway Bay วันที่ 15 มีนาคม

    และอีก 4 รายที่เป็นสมาชิกในครอบครัวของผู้ที่ติดเชื้อมาจากผับ บาร์ก่อนหน้านี้

    นอกจากนี้ Dr Wong Ka-hing ผู้ควบคุมศูนย์ฯ ได้ออกมายอมรับว่ามีการส่งตัวผู้ติดเชื้อผิดที่ โดยได้ส่งพ่อผู้ติดเชื้อไปโรงพยาบาลแทนที่จะส่งไปศูนย์กักกันเชื้อ ในขณะที่ลูกชายที่ติดเชื้อควรต้องส่งตัวไปโรงพยาบาล

    ทั้งนี้ฮ่องกงได้ประกาศเพิ่มเติมอีกว่า จะปิดโรงเรียนต่อไปอีกอย่างน้อยถึงปลายเดือนพฤษภาคม 2020

    ***ติดตามอัพเดทสรุปประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าในฮ่องกงได้ที่กระทู้ปักหมุด***


    Source : https://www.scmp.com/news/hong-kong...-kong-records-21-new-coronavirus-cases-tally?

    #ข่าวฮ่องกง #khaohongkong #ข่าวจีน

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คืนนี้ชวนดู! #สัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้นสิ่งใหม่ อยู่บ้านเตรียมพร้อมถ่างตา พุธที่ 8 เมษายนนี้ชม Super Pink Moon ดวงจันทร์เต็มดวงใกล้โลกสุดในรอบปี! สัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้นสิ่งใหม่

    เตรียมถ่างตาให้พร้อม 8 เมษายนนี้ รอชมดวงจันทร์เต็มดวงใกล้โลกมากที่สุดในรอบปี !! "Super Pink Moon"

    วันพุธที่ 8 เมษายน 2563 จะเกิดปรากฏการณ์ “ดวงจันทร์เต็มดวงใกล้โลกที่สุดในรอบปี” หรือ ซูเปอร์ฟูลมูน (Super Full Moon)
    ห่างจากโลก 357,022 กิโลเมตร หากเปรียบเทียบกับดวงจันทร์เต็มดวงช่วงเวลาปกติ จะมีขนาดใหญ่กว่า 7% และสว่างกว่า 16%
    สังเกตได้ด้วยตาเปล่าทางทิศตะวันออก ตั้งแต่เวลา 17:52 น. เป็นต้นไป จนถึงรุ่งเช้า ผู้สนใจสามารถรอชมและเก็บภาพความสวยงามของดวงจันทร์ได้ในคืนดังกล่าว

    “Super Moon” เป็นเหตุการณ์ที่ดวงจันทร์เข้าใกล้โลกมากที่สุดในรอบปี นักวิทยาศาสตร์เรียกว่า “Perigee”

    ดวงจันทร์มีวงโคจรเป็นวงรี ทำให้ระยะห่างระหว่างโลกกับดวงจันทร์ไม่เท่ากัน บางครั้งอยู่ใกล้บางครั้งอยู่ไกล ซึ่งเหตุการณ์ที่ดวงจันทร์ไกลโลกมากที่สุดจะเรียกว่า “Apogee”

    หากนำเอาภาพดวงจันทร์ในวันที่ 8 เมษายน ไปเปรียบเทียบกับภาพดวงจันทร์ในวันที่ 31 ตุลาคม ในปีเดียวกันนี้ เราก็จะได้ภาพดวงจันทร์ที่เห็นขนาดที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน (ต้องถ่ายด้วยอุปกรณ์เดียวกัน) ดวงจันทร์เต็มดวงไกลโลกมากที่สุด (Micro Full Moon) โดยในปีนี้ Micro Full Moon จะเกิดขึ้นตรงกับวันที่ 31 ตุลาคม 2563

    ที่พิเศษไปกว่านั้นพระจันทร์เต็มดวงในเดือนเมษานั้นถูกเรียกว่า Pink Moon เป็นคืนที่พระจันทร์เต็มดวงใกล้โลกในเดือนเมษายน มองเห็นได้ทุกที่ เรียกว่า 'Pink Moon' หรือ 'พระจันทร์สีชมพู' ประกอบรวมกันจึงเป็นชื่อ Super Pink Moon

    อย่างไรก็ตามมันไม่ได้เป็นสีชมพู แต่ตั้งชื่อตามช่วงที่ดอกไม้ป่าสีชมพูชื่อ "กราวด์ ฟล็อกซ์” จะเบ่งบาน ถือเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ นั่นเอง

    ที่มา

    http://www.narit.or.th/index.php/astro-photo-article/887-8

    https://news.thaipbs.or.th/content/279393

    ร่มธรรม ขำนุรักษ์
    เด็กหญิงแก้มยุ้ยเป็นมิตร
    environman

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “จับแล้ว นทท.ชาวจีน ยอมรับเข้าพื้นที่ตามภาพข่าวจับปลาสวยงามในอ่าวนุ้ย”

    ตามที่เพจเสริฐ ภูเก็ต ลงข่าวกรณี นักท่องเที่ยวจับปลาสวยงามในแนวปะการังพื้นที่อ่าวนุ้ย ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นั้น วันที่ (๗ เมษายน ๒๕๖๓) กรม ทช. โดยสำนักงาน ทช.ที่๖ (พังงา) รับการประสานจากสถานีตำรวจท่องเที่ยวทราบว่าชาย ๒ คน (ในภาพข่าว) เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน ชื่อ Mr. Ning Peng และ Mr. Shang Hao ได้เช่ารถยนต์ จากบริษัทภูเก็ตคาร์เร้น เข้าไปในพื้นที่และรับว่าเป็นบุคคลในภาพจริง

    จึงได้เชิญตัวนักท่องเที่ยวทั้ง ๒ คน และบุคคลที่ถ่ายภาพส่งให้ลงสื่อออนไลน์ ทางเพจเสริฐ ภูเก็ต เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.กะรน เพื่อสอบสวนเพิ่มเติม

    ทั้งนี้ หากเข้าองค์ประกอบความผิด ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม จ.ภูเก็ต ซึ่งออกตามมาตรา ๔๕ แห่ง พรบ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ.๒๕๓๕ พนักงานสอบสวน จะแจ้งข้อกล่าวหาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

    ที่มา





     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เลื่อนปีใหม่เขมร
    .
    สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกฯ กัมพูชา ประกาศยกเลิกการจัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่กัมพูชา วันที่ 13-16 เม.ย.เพื่อสกัดกั้นการระบาด #โควิด19
    ในช่วงนั้นไม่ถือเป็นวันหยุด ทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชนจะเปิดปกติ
    โดยรัฐบาลจะชดเชยวันหยุดให้เมื่อเสร็จภารกิจ #COVID19
    #Cambodia

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    น่ากลัวและอัตราการตายสูงกว่าโควิทช์มาแล้ว
    .
    ตอนนี้ไข้เลือดออกกำลังระบาด จำนวนผู้ป่วยสูงกว่า #โควิด19 สามเท่าแล้ว ฝากบอกต่อ ให้ทุกคนในชุมชนช่วยกันกำจัดแหล่งเพาะพันลูกน้ำยุงลาย

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Sovereign Man
    The global food supply chain wasn’t designed for this
    ห่วงโซ่ซัพพลายอาหารของโลก..ไม่ได้มีเผื่อไว้สำหรับเรื่องแบบนี้เลย

    Simon Black April 6, 2020

    เมื่อช่วงต้น ๆ ของทศวรรษ 1980s แพทย์และนักวิจัยทางการแพทย์ทั่วโลกพากันแปลกใจถึงการที่คนวัยหนุ่มสาว ซึ่งมีร่างกายแข็งแรงต้องมาเสียชีวิต..จากโรคซึ่งปกติจะเกิดขึ้นในคนไข้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอมาก ๆ

    สถานการณ์นั้นสร้างความตื่นตระหนก จน CDC ในสหรัฐต้องจัดตั้งหน่วยพิเศษขึ้นในปี 1982 ศึกษาถึงการหาวิธีหยุดการแพร่กระจายของเชื้อนี้

    จนปี 1983 วงการแพทย์จึงได้คำตอบ : พวกเขาค้นพบ retrovirus ตัวใหม่ที่น่ากลัว ที่สามารถเข้าไปทำลายระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์ได้

    มีการเรียก retrovirus ตัวใหม่นี้ว่า Human Immunodeficiency Virus - HIV ......ซึ่งหลังจากนั้นมาอีกเกือบ 40 ปี ในขณะที่มีความก้าวหน้าทางการรักษาและวิธีป้องกันได้แล้ว ...แต่ก็ยังคงไม่มีวัคซีน

    และก็ยังมีเรื่องของโรคงูสวัสดิ์ (shingles) โรคที่เกิดจาก varicella-zoster virus ซึ่งเป็นโรคที่ทำให้เกิดอาการเจ็บแสบผิวหนังของคนไข้

    บริษัท GlaxoSmithKline ได้ผลิตวัคซีนสำหรับไวรัสโรคนี้ ให้ชื่อว่า Shingrix ...โดยใช้เวลาพัฒนาและทดสอบถึงมากกว่า 10 ปี ...บริษัทเคยแจ้งหลายครั้งแล้วว่าดีมานด์ของวัคซีนตัวนี้เยอะมาก ถึงหลายร้อยล้านคน

    จนไม่กี่เดือนก่อนนี้เองที่ Glaxo ประกาศว่า มันเต็มกำลังการผลิตสำหรับวัคซีนตัวนี้ของพวกเขาแล้ว ...พวกเขาได้มีการสร้าง facility ใหม่ ...เครื่องปฏิกรณ์ชีวภาพ (bioreactor) เพื่อการผลิตให้ได้ถึง 20 ล้านหน่วยต่อปี

    แต่ facility ใหม่นี้ก็จะยังไม่เสร็จก่อนปี 2024

    แล้วก็มาถึงเรื่องของ Coronavirus ตัวใหม่นี้ มันมีชีวภาพที่แตกต่างออกไป ....หลายอย่างแตกต่างออกไป

    แต่ก็มักจะมีข่าวแพร่ไปทั่วโลกเลยว่าจะมีวัคซีนสำหรับไวรัสนี้ ภายใน 12 - 18 เดือน

    แล้วมันใช่แน่หรือ?

    ไอ้ประมาณการ "12-18 เดือน" เนี่ย ..นักการเมืองและพวกสื่อ จะพูดถึงบ่อยมาก ...จนสาธารณชนก็พากันเก็บไว้เป็นข้อสรุปไปหมดแล้ว

    แต่บางทีก็แทบไม่ต้องคิดเลยว่ามันจะเป็นไปได้หรือ..การพัฒนาวัคซีนมันไม่ง่าย มันอาจต้องใช้เวลานานมากกว่านั้น

    บางทีถ้าอย่างเร็ว การพัฒนาวัคซีนก็ยังต้องใช้เวลาถึงอย่างน้อย 5 ปีในการผลิต การจัดการและขนส่ง วัคซีนถึงนับพันล้านหน่วย

    ลองคิดดู ..Glaxo ต้องใช้เวลาอีกถึงสี่ปีเพื่อสร้าง facility ใหม่เพื่อการผลิตวัคซีน Shinglex แค่ 10-20 ล้านหน่วยต่อปี

    แล้วนี่จะต้องมี biotech facilities จำนวนเท่าไหร่ทั่วโลกถึงจะผลิต โคโรน่าไวรัสวัคซีนได้ถึงนับพันล้านหน่วย?

    และถึงแม้ว่าศูนย์ผลิตที่มีอยู่ตอนนี้ทั้งหมดจะหันมาเปลี่ยนจากการผลิตวัคซีนอื่น ๆ มาผลิตโคโรน่าไวรัสวัคซีนได้ .....แล้วค่าเสียโอกาส (opportinity cost) จะเป็นเท่าไหร่กันล่ะ?

    แล้วถ้าโลกสามารถจะบริหารจัดการให้ facilities ทุกแห่งที่มี..หันมาผลิตวัคซีนนับพันล้านหน่วยได้แล้ว แล้วจะมีใครเหลือไปผลิตยาอื่น ๆ เช่นมะเร็งหรือยาปฏิชีวนะ หรือยาอื่น ๆ ที่ผู้ป่วยรอใช้อยู่ล่ะ

    ผมไม่ได้เขียนแบบมองในแง่ลบนะ เราต้องรู้ด้วยว่าทุก ๆ scenario น่ะ มันวางกางอยู่บนโต๊ะแล้ว

    แต่มันก็มีเหตุผลมากมายว่า การระบาดครั้งนี้มันอาจจะนานมากกว่าที่เรา ๆ ทั้งหลายคิดกัน มันก็เป็นการดีที่เราจะต้องเตรียมรับความจริงนี้ทั้งอย่างเป็นรูปธรรมและนามธรรม

    ถ้าไวรัสนี้จะสอนอะไรเราบ้าง มันก็คือ..วันพรุ่งนี้จะแตกต่างกับวันนี้อย่างถอนรากถอนโคนเลยแหละ

    เรื่องนี้มันขัดกับอคติพื้นฐานของคนเราส่วนใหญ่ นั่นคือสิ่งที่นักจิตวิทยาเรียกว่า cognitive bias ...ความเอนเอียงทางประชาน (เปิดดูจากูเกิ้ล...ผู้แปล)

    นั่นคือ สมองของคนเรามักจะคิดเอาว่า วันพรุ่งนี้ก็คงจะเหมือน ๆ กับวันนี้ ....แล้วเราก็จะไม่ยอมรับง่าย ๆ กับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น

    และถึงแม้ว่าเมื่อความเปลี่ยนแปลงแบบถอนรากถอนโคนที่เกิดขึ้นจะเป็นที่ยอมรับแล้ว ....เราก็มักจะเชื่อต่อไปอีกว่า มันจะไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้อีก

    แต่อะไรก็อาจเกิดขึ้นได้ ทุก scenario เป็นไปได้ทั้งนั้น ...เป็นการอันตรายถ้าจะทึกทักเอาว่ามันจะไม่เลวร้ายกว่านี้ หรือการระบาดจะไม่ลากยาวไปกว่านี้

    เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ก่อนที่ไวรัสจะเป็นปัญหาระดับโลก ผมเคยเขียนแนะนำให้ท่านเก็บสต้อคอาหารและหน้ากากอนามัยก่อนที่จะมี shit hits the fan

    ผมก็อยากจะแนะนำซ้ำอีกครั้งในวันนี้ อย่างน้อยก็เรื่องอาหาร

    มันเป็นไปได้มากที่เราจะเห็น disruptions ของ supply chain อาหาร ...มันก็ไม่แน่ซะทีเดียว แต่ความเสี่ยงมันก็ค่อนข้างชัดมาก ๆ

    มันเป็นไปได้มากว่า breakfast ที่คุณกินไปเมื่อเช้านี้ มีแหล่งกำเนิดที่อยู่ไกลจากคุณมาก ๆ

    อาหารบนโต๊ะอาหารของคุณอาจเดินทางมานับร้อย ๆ หรือพัน ๆ ไมล์ก่อนขึ้นโต๊ะ ....อาจจะเริ่มจากในนาหรือไร่ของเกษตกร เข้าสู่การแปรรูป ตรวจสอบ ส่งไปท่าเรือ..ลงเรือข้ามประเทศ ขนส่งโดยรถบรรทุก..รถไฟ ..หรือเครื่องบิน มายังศูนย์กระจายสินค้าในย่านถิ่นที่อยู่ของคุณจนถึงชั้นวางของในร้าน

    supply chain ด้านอาหารของโลกมันค่อนข้างซับซ้อน ถ้ามีห่วงโซ่ข้อใดข้อหนึ่งขาดตอนก็จะมีปัญหาทันที

    ผมก็ไม่คิดหรอกว่า supply chain ของโลกจะต้องมีการ shutdown ไปเลย ...แต่มันอาจเกิดอาการสะอึกได้ ทำให้มีการล่าช้าหรือเกิดขาดแคลนในช่วงสั้น ๆ ได้

    การขาดตอนลักษณะนี้อาจสร้างแรงกดดันในร้านจำหน่ายได้ ...เอาแค่เหตุการณ์ Black Friday เราก็ได้เห็นจากในคลิปแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

    นี่ไม่ใช่ต้องการให้เกิด paranoid ...แต่การระบาดครั้งนี้อาจยาวนานกว่าที่คาดกัน เราต้องเข้าใจด้วยว่า supply chain อาหารไม่ได้มีการเผื่อเอาไว้ให้มัน function ได้เลยภายใต้สถานการณ์ที่กดดันขนาดนี้

    ไม่มีอะไรที่แน่นอน การสต้อคอาหารเอาไว้เป็นการเตรียมการที่ดีที่สุดในการ offset ความเสี่ยงที่กำลังจะมา....

    (แต่ในประเทศไทยเราไม่ต้องเตรียมการขนาดนั้นนะครับ)

    sovereignman
    The global food supply chain wasn’t designed for this

    Simon Black April 6, 2020

    In the early 1980s, doctors and medical researchers around the world were confounded by the growing number of young, otherwise healthy patients who were dying of rare infections that typically only occurred in people with very weak immune systems.

    The situation was so alarming that the CDC in the United States set up a special task force in 1982 to study the condition and stop its spread.

    By 1983 the medical community had found the answer: they discovered a terrifying new retrovirus that utterly and permanently vanquished the human immune system.

    This retrovirus eventually became known as the Human Immunodeficiency Virus– HIV. And nearly four decades later, while there has been substantial progress in treatment and prevention, there is still no vaccine.

    Then there’s shingles– an infection caused by the varicella-zoster virus– which is brutally painful for older adults.

    GlaxoSmithKline produces a vaccine for this virus called Shingrix that took them more than 10 years to develop and test. And the company has stated repeatedly that they are overwhelmed with demand: hundreds of millions of people want the vaccine.

    A few months ago, Glaxo announced that they already reached maximum production capacity of the vaccine, and they’ll have to build a new bioreactor facility just to increase production to ~20 million units per year.

    That new facility won’t be online until 2024.

    Obviously the novel Coronavirus is different. Its biology is different, the circumstances are different.

    But there does seem to be a prevailing attitude worldwide that there will be a vaccine ‘within 12-18 months.’

    We can certainly hope so. Fingers crossed.

    But this “12-18 month” estimate has been repeated so many times by politicians, reporters, etc. that the public now views it as a foregone conclusion.

    And there seems to be zero consideration given to the possibility that, maybe just maybe, vaccine development could take a lot longer.

    Or perhaps, even if a vaccine is rapidly developed, that it would take at least five years to produce, transport, and administer BILLIONS of vaccines.

    Think about it– Glaxo will spend the next four years building a new facility just to be able to produce 10-20 million annual units of its Shingles vaccine.

    How many biotech facilities worldwide will be needed to produce billions of coronavirus vaccines?

    And even if existing production centers are able to quickly switch from producing other drugs and start producing coronavirus vaccines– what will be the opportunity cost?

    If the world manages to be able to produce billions of vaccines, who will be left to produce cancer drugs? Or antibiotics? Or the countless other life-saving drugs that people depend on?

    I’m not writing all of this to be negative. Far from it. And it’s important to remember that absolutely every scenario is on the table right now, including positive and favorable ones.

    But there are clearly a number of reasons why this pandemic could last much longer than most people probably think. So it’s prudent to be physically, mentally, and financially prepared for that reality.

    If this virus has taught us anything, it’s that tomorrow can be radically different than today.

    This goes against some of our most basic human tendencies, what psychologists call ‘cognitive bias’.

    The bottom line is that our brains cling to the idea that tomorrow is going to be just like today. And we have a very difficult time accepting rapid change.

    And even when radical changes do take place and we eventually become accustomed to our new realities, we still cling to the belief that things can’t get any worse.

    They can. Again, anything is possible now. All scenarios are on the table. So it would be dangerous to assume that it can’t get any worse, or that the pandemic won’t drag on for a longer period of time.

    Back in early February before the virus became a global concern, I suggested that you stock up on food and masks before it all hit the fan.

    I want to suggest the same thing again today– at least the food part.

    It is entirely possible that we could see supply chain disruptions. It’s not a certainty—nothing is certain right now. But there are pretty obvious risks.

    Chances are high that whatever you ate for breakfast this morning probably originated in some far off place.

    The food on your plate can easily travel hundreds if not thousands of miles before it arrives to your table, starting off in a farmer’s field, to an inspection center, and then to the port where it is shipped/trucked/railed/flown to a regional distribution center and ultimately to your grocery store.

    The global food supply chain is incredibly complex and not especially resilient; I’ve seen this firsthand over the past few years from running a large agriculture business.

    I don’t think it’s likely that the global supply chain would shut down completely. But there’s definitely a risk for hiccups, i.e. slowdowns that cause delays and sporadic shortages.

    This kind of scarcity could create some high stress situations in the grocery store; just take a look at Black Friday videos on YouTube to get a sense of what I’m talking about.

    It’s best to avoid that kind of environment altogether. So I’d definitely encourage you to stock up on food, and remain stocked up.

    This isn’t about being paranoid. We can hope for the best, but still acknowledge this pandemic could last a lot longer, and understand that the supply chain wasn’t designed to function under such stress.

    Nothing is certain. But stocking up on food is a simple precaution to offset some obvious risks… which is the cornerstone of any good Plan B.

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Sovereign Man
    There’s a major sovereign debt crisis looming
    วิกฤตหนี้สาธารณะกำลังจะมา

    Simon Black April 2, 2020

    ช่วงกลาง ๆ ของปี 1300s สาธารณรัฐฟลอเรนซ์ หรืออิตาลีในปัจจุบัน เกิดอาการบูมทางเศรษฐกิจแบบฉุดไม่อยู่ ...สุด ๆ ในประวัติศาสตร์มนุษยชาติกันเลย

    ในชั่วไม่ถึงศตวรรษ ฟลอเรนซ์เติบโตขึ้นจากเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่หลังเขา กลายเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในยุโรป และเป็นศูนย์กลางการเงินที่โดดเด่นสุด ๆ

    ประชากรของฟลอเรนซ์เพิ่มเป็น 10 เท่า ...มีความเด่นในการผลิตอาวุธ และสิ่งทอ

    (ผู้เชี่ยวชาญทางภาษาเชื่อว่า คำว่า pistol (ปืนพก) มาจากชื่อเมืองแห่งหนึ่งในฟลอเรนซ์คือ Pistoia ชื่งมีชื่อเสียงด้านการผลิตอาวุธ)

    นวัตกรรมด้านธุรกิจแบ้งกิ้งของฟลอเรนซ์ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจทั่วทั้งยุโรปยุคนั้น

    ความสำเร็จทางเศรษฐกิจที่โดดเด่นของฟลอเรนซ์เหมือนกับสหรัฐอเมริกาในประวัติศาสตร์ยุคแรก ๆ

    แต่แล้ว..พวกเขาก็พังมันลงจนได้

    ในช่วงต้น ๆ ของยุค 1300 หนี้สาธารณะของสาธารณรัฐฟลอเรนซ์อยู่ในระดับที่จัดการได้ แค่ 50,000 gold florins ...นั่นมันน้อยกว่า $100 ต่อหัว ถ้าคิดในอัตราเงินปัจจุบัน

    ปี 1338 หลังจากใช้เงินในการทำสงครามแบบเป็นซีรี่ส์ และโปรเจ็คท์งานสาธารณูปโภคที่แสนแพง หนี้ของฟลอเรนซ์กลายเป็นบัลลูนขึ้นไปถึง 450,000 gold florins ...หลังจากนั้น 4 ปี และอีก 1 สงคราม ก็กลายเป็น 600,000 gold florins

    มันแทบทำให้สาธารณชนเป็นง่อยไปเลย เพราะรัฐบาลจ่ายได้แค่ดอกเบี้ยที่สูงถึง 10% - 15%

    ที่แสบไปกว่านั้น หลายแบ้งค์ใหญ่ของฟลอเรนซ์ยังไปปล่อยกู้ให้กับรัฐบาลต่างประเทศ ..รายใหญ่เลยก็คือคิงเอ็ดเวิร์ดที่สามของอังกฤษ ที่กำลังแพ้สงครามกับฝรั่งเศส ในสงครามที่เรียกว่า "สงครามร้อยปี"

    สุดท้ายแล้ว คิงเอ็ดเวิร์ดก็ชักดาบหนี้ทั้งหมดของแบ้งค์อิตาเลียน เป็นการจุดชนวนวิกฤตแบ้งกิ้งในฟลอเรนซ์

    ข่าวกระจายอย่างรวดเร็วว่า ศูนย์กลางการเงินที่แข็งแกร่งที่สุดของยุโรปกำลังจะเจ๊ง รัฐบาลก็ใกลัพังเต็มทน ธนาคารก็กำลังจะ collapse

    แถมก็ยังมีกาฬโรคตามมาอีก ....เวรกรรม

    ปี 1348 กาฬโรคระบาดเข้าฟลอเรนซ์ คร่าชีวิตประชากรไป 25%

    ธุรกิจการค้าพังพาบ การเก็บภาษีเป็นศูนย์ รัฐบาลฟลอเรนซ์ไม่สามารถจ่ายหนี้

    Giovanni Villani นักการเมืองยุคนั้นอธิบายถึงสถานการณ์ ...."ประเทศเรากำลังสูญเสียทุกอย่างแล้ว ประชาชนทั้งประเทศกำลังกลายเป็นยาจกในพริบตา"

    แล้วที่น่าอัศจรรย์ยิ่งกว่านั้นคือ มันไม่ได้หยุดอยู่แค่ฟลอเรนซ์

    ในปลายช่วง 1340s ฝนตกหนักจนเกิดน้ำท่วมที่ทำลายผลผลิตทางการเกษตรไปทั่ว ส่งผลให้เกิดทุพภิกขภัยเป็นวงกว้าง

    ผู้บริหารรัฐพยายามอย่างสิ้นหวังที่จะสั่งนำเข้าอาหาร แต่เครดิตของฟลอเรนซ์ไม่เหลือแล้ว ไม่มีใครอยากเป็นคู่ค้าด้วยอีกแล้ว

    เป็นการร่วงจากอำนาจแบบเป็นประวัติการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน ฟลอเรนซ์ร่วงจากประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในยุโรปมาเป็นขอทานภายในเวลาชั่วหนึ่งทศวรรษ

    ทำให้ผมเริ่มอยากรู้แล้วว่า ในยุควิกฤตโมเดอร์นอย่างเวลานี้ ประเทศไหนจะกลายเป็นขอทาน ในแบบที่ฟลอเรนซ์เป็นเมื่อยุค 1300s บ้าง....เท่าที่ดูแล้วผมประมาณได้นับโหล ๆ ที่กำลังเจอกับปัญหาการเงินขนาดหนัก ภายใต้โรคระบาด

    ตอนนี้รายรับภาษีของประเทศเหล่านี้ก็หดตัวลง แต่ก็ยังจำต้องใช้จ่ายเงินเพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจยังเดินหน้าต่อไปให้ได้

    เราเห็นแพกเกจการกระตุ้นกำลังเกิดขึ้นทุกประเทศทั่วโลก

    ในสหรัฐเอง รัฐบาลผ่านกฏหมายแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ $2 ล้านล้าน ...ซึ่งผมคิดว่าก็คงซื้อเวลาไปได้ซัก 4 - 6 สัปดาห์แค่นั้นแหละ

    แล้วถ้าโรคระบาดนี้มันลากยาวยืดเยื้อไปเรื่อย ๆ ก็คงต้องมีการใช้เงินอีก $2 ล้านล้าน ...และก็อีก $2 ล้านล้าน ยาวไปโลด

    ถ้ายังไม่ลืม รัฐบาลสหรัฐได้เพิ่มหนี้ไว้ $10 ล้านล้านในช่วงไม่กี่ปีแรกหลังจากวิกฤตการเงินครั้งล่าสุด มันก็คงเกิดซ้ำซากไปแบบนี้แหละ

    บางประเทศก็สามารถใช้เงินมหาศาลขนาดนี้ได้

    เช่นอย่างนอร์เวย์ซึ่งมีหนี้สาธารณะเป็นศูนย์ รัฐบาลนอร์เวย์มีเงินเหลือในคลังมากพอที่จะบอกกับประชาชนว่า "จงอยู่ที่บ้านแล้วไม่ต้องทำอะไรไปอีกสักหกเดือนได้เลย ....จะซื้อของใช้ก็แค่เขียนเช็คจ่ายไป" ...รัฐบาลมีเงินให้ประชาชนของตนใช้ได้โดยไม่ต้องสร้างหนี้เลย

    แต่กับอิตาลีแล้ว เป็นคนละเรื่องเลย ...ฐานะการเงินแย่สุดๆ (a basket case)

    รัฐบาลอิตาลีไม่เคยมีเงินเหลือในคลังเลย ภาระหนี้ของประเทศถึงแม้ก่อนเกิดวิกฤตไวรัส ก็ปาเข้าไปเกินกว่า 120% ของ GDP อยู่แล้ว

    ยิ่งกว่านั้น ธนาคารในประเทศเองแกว่งตัวอยู่บนขอบของความพินาศก่อนที่ไวรัสจะมาถึงซะอีก ป่านนี้คิดว่าแบ้งค์พวกนี้ก็คงเจ๊งกันไปหมดแล้ว

    ถ้าจะให้ทำ forecast ตอนนี้ก็คงจะยากน่าดู ...เอาทุก scenario มากางบนโต๊ะได้เลย ...ทุก scenario เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น

    ประเทศที่มีหนี้หนักสุดดูเหมือนจะเป็นประเทศที่อยู่ใน big trouble สุดๆ .....เราคงต้องได้เห็น วิกฤตหนี้สาธารณะในหลาย ๆ ประเทศแน่ ๆ ในช่วงไม่กี่เดือนจากนี้

    Sovereign Man

    There’s a major sovereign debt crisis looming

    Simon Black April 2, 2020

    By the mid 1300s, the Republic of Florence in modern day Italy had experienced one of the greatest economic booms in human history.

    In less than a century, Florence had grown from a tiny, irrelevant backwater to become one of Europe’s largest cities and preeminent financial center.

    The expansion was truly impressive. Florence’s population had grown 10x. It had become a leading manufacturer in both weapons and textiles.

    (Many etymologists believe the word ‘pistol’ is derived from the name of a town near Florence called Pistoia, which was renowned for its quality arms.)

    And the city’s innovations in the banking industry were revolutionizing business across Europe.

    Florence’s phenomenal economic success is quite similar to what the United States experienced in its early history.

    Naturally, though, they managed to screw it up.

    At the turn of the century in the year 1300, the Republic of Florence’s public debt was quite manageable at just 50,000 gold florins. That’s less than $100 per capita in today’s money.

    By 1338, after a series of costly wars and expensive public works projects, Florence’s debt had ballooned to 450,000 gold florins. Four years later (after yet another war) it had grown to 600,000 gold florins.

    This was crippling to public finances given that the government of Florence was paying between 10% and 15% interest on its debt.

    To make matters worse, some of Florence’s most prominent banks had made bad loans to foreign governments– most notably to King Edward III of England, who had suffered terrible defeat against France in what would become known as the Hundred Years War.

    Edward would ultimately default on his Italian bank loans, sparking a terrible banking crisis in Florence.

    News traveled quickly that the most powerful financial center in Europe was in trouble. The government was near ruin, and the banks were collapsing.

    And then came the plague.

    In 1348, the Black Death ravaged Florence, wiping out at least 25% of its population. The famed Italian author Giovanni Boccaccio was living in the city at the time, and he wrote about his first-hand experiences in the Decameron:

    uch terror was struck into the hearts of men and women by this calamity, that brother abandoned brother, and the uncle his nephew, and the sister her brother, and very often the wife her husband. What is even worse and nearly incredible is that fathers and mothers refused to see and tend their children, as if they had not been theirs.”

    Business and commerce ground to a halt. Tax revenue dried up. Florence’s government was unable to pay its debts. People were wiped out.

    As local politician Giovanni Villani described the situation, “Our republic has lost all its power and our citizens have nearly all been impoverished.”

    Amazingly enough, Florence’s misfortune didn’t stop there.

    In the late 1340s, torrential rains destroyed local agricultural production, resulting in widespread famine.

    City managers tried desperately to import food, but because Florence’s credit was so poor, few traders were willing to do business with them.

    It was a historic and unprecedented fall from power; Florence had gone from being one of the wealthiest cities in Europe to literally begging for food in less than a decade.

    I can’t help but wonder which countries are going to be begging as a result of our modern crisis.

    Just like Florence in the 1300s, there are dozens of countries who were already in severe financial hardship going into this pandemic.

    Now their tax revenues are dwindling, and they’re forced to spend absurd amounts of money to stimulate their economies.

    A few years back our holding company acquired a private business in Australia that, thankfully, is holding up extremely well.

    The CEO of that company called me a few days ago to tell me about some of Australia’s stimulus efforts; in addition to waiving payroll taxes, extending tax deadlines, and making direct loans to businesses, the Australian government is now directly subsidizing certain employee wages, up to $3,000 per month.

    We’re seeing similar stimulus packages all over the world.

    In the United States, of course, the government recently passed a $2 trillion stimulus plan… though I expect they’ll quickly realize that $2 trillion buys them about 4-6 weeks.

    So if this pandemic drags on, they’re going to have to spend another $2 trillion, and another $2 trillion after that.

    Remember that US government debt increased by $10 trillion in the first few years following the last financial crisis. It certainly seems reasonable to expect a repeat performance.

    Some places will be able to afford such prodigious spending.

    Norway, for example, has ZERO net debt. Norway’s government has such a massive financial surplus that they could tell every citizen, “Stay home and do nothing for the next six months,” and just write a check for everything. They wouldn’t need to go into debt by a single penny.

    Italy, on the other hand, is a basket case.

    The Italian government has no savings, and its debt burden even before this crisis was more than 120% of GDP.

    Moreover, Italian banks were also teetering on the edge of disaster before the pandemic hit. I suspect most of them are completely insolvent now.

    Making any forecast right now is remarkably difficult. Every scenario is on the table, and absolutely anything can happen.

    But it seems pretty clear that the most heavily indebted countries are in big trouble… and we may be looking at a major sovereign debt crisis over the next few months.

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คนไทยที่กลับจากดาวะห์ที่อินโดนีเซีย 111 คน ผลตรวจเชื้อ #โควิด19 ออกมาแล้ว ติดเชื้อถึง 42 คน
    เดิมสตูลยังไม่มีผู้ติดเชื้อ เจอรวดเดียว 16 คน! ***
    ..................
    FB_IMG_1586311416279.jpg
    ดาวะห์อินโดฯเจาะไข่แดง "สตูล" ทีเดียวพวงใหญ่ดันผู้ป่วยโควิด-19 "ชายแดนใต้" พุ่งกระฉูด
    #COVID19 #โควิด19 #ไวรัสโคโรนา #Coronavirus
    (ผู้จัดการออนไลน์ 7 เม.ย. 2563 22:08 น.)
    https://mgronline.com/south/detail/9630000036053

    ศูนย์ข่าวภาคใต้ - พบคนไทยกลับจากดาวะห์ที่อินโดนีเซียมีไข้สูง 52 คน ตรวจพบมีเชื้อ 42 คน สตูลถูกเจาะไข่แดง พบผู้ป่วยพุ่งพรวด 16 คน สงขลาเจออีก 10 คน เผยอีก 24 คนที่ไม่ได้กลับเพราะไม่ผ่านการคัดกรองก่อนขึ้นเครื่องบิน
    จากกรณีที่เมื่อวานนี้ (6 เม.ย.) มีกลุ่มคนไทยที่เดินทางไปเข้าร่วมกิจกรรมดาวะห์ที่ประเทศอินโดนีเซีย จำนวน 76 คน ได้เดินทางกลับมาถึงประเทศไทยโดยเที่ยวบินพิเศษเหมาลำของสายการบินไลอ้อนแอร์ บินตรงจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย มาลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่นั้น

    วันนี้ (7 เม.ย.) พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ เสนาธิการกองทัพภาคที่ 4 ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์แก่สถานีโทรทัศน์พีพีทีวีว่า คนไทยที่เดินทางกลับมาจากประเทศอินโดนีเซียทั้ง 76 คนดังกล่าวมีอยู่ 52 คน ที่มีไข้สูง ซึ่งจะต้องตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง ทั้งนี้ เมื่อตรวจเบื้องต้นเสร็จแล้วได้แยกไปกักตัวตามแต่ละจังหวัด ส่วนอีก 24 คนที่ไม่ได้เดินทางมาด้วยนั้น เนื่องจากไม่ผ่านการคัดกรอง ขณะนี้ สถานเอกอัครราชทูตดูแลอยู่ โดยให้อยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่งในอินโดนีเซีย

    ทั้งนี้ กลุ่มเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้จัดทำผลการคัดกรองผู้ที่เดินทางกลับจากอินโดนีเซียระบุว่า พบผู้มีอาการ 52 คน ซึ่งตรงกับที่ พล.ต.ปราโมทย์ให้สัมภาษณ์ และตรวจพบเชื้อทั้งสิ้น 42 คน แยกตามรายจังหวัดได้ดังนี้

    (1) จ.สงขลา 22 คน ส่งไปกักตัวที่สนามกีฬาเมืองหลักภาคใต้ หรือสนามกีฬาพรุค้างคาว ต.บ้านพรุ อ.หาดใหญ่ เป็นชาว จ.สงขลา 20 คน กรุงเทพฯ 1 คน และเชียงราย 1 คน ปรากฏว่า มีอาการ 11 คน ตรวจพบเชื้อ 10 คน

    (2) จ.นราธิวาส 7 คน ส่งไปคัดกรองและกักตัวที่ โรงเรียนแสงธรรม ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ นราธิวาส มีอาการ 5 คน ตรวจพบเชื้อ 2 คน

    (3) จ.ปัตตานี 14 คน ส่งไปคัดกรองที่สนามกีฬา อบจ.ปัตตานี แล้วให้อำเภอรับตัวไปกักตัว ณ สถานที่ที่จัดไว้ของแต่ละอำเภอ มีอาการ 8 คน ตรวจพบเชื้อ 7 คน

    (4) จ.ยะลา 7 คน ส่งไปกักตัวที่ศูนย์พัฒนาการสาธารณสุขชายแดนภาคใต้ อ.เมือง จ.ยะลา มีอาการ 7 คน ตรวจพบเชื้อทั้ง 7 คน

    และ (5) จ.สตูล 26 คน ส่งไปกักตัวที่วิทยาลัยราชภัฏสงขลาวิทยาเขตสตูล อ.ละงู จ.สตูล มีอาการ 21 คน ตรวจพบเชื้อ 16 คน นอกจากนี้ ยังมีลูกเรือของเที่ยวบินนี้อีก 35 คน ที่ต้องกักตัวเช่นกัน โดยนำไปกักตัวที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.หาดใหญ่ แต่ไม่มีใครมีอาการและตรวจไม่พบเชื้อ

    อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ จ.สตูลยังไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แม้แต่คนเดียว แต่เมื่อมีกลุ่มดังกล่าวกลับมาจะทำให้ จ.สตูลมีจำนวนผู้ป่วยพุ่งพรวดในคราวเดียวถึง 16 คน โดยผลการคัดกรองนี้จะมีการแถลงอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้
    cr.Watcharin Niwatsawat
     

แชร์หน้านี้

Loading...