ติดตามสถานะการณ์

Jun 5 , 2020 ฝรั่งเศสเตรียมใช้ไวน์ไปทำแอลกอฮอล์ล้างมือ หลังสต็อกล้นตลาด
.
ดิดิเย ยอสโซ หัวหน้าแผนกไวน์ของ FranceAgriMer ตัวแทนผู้ผลิตไวน์ของประเทศฝรั่งเศสได้ประกาศว่าโรงกลั่นสุรา 33 แห่ง ที่ขายไวน์ไม่ได้ในช่วงที่โควิด19 ระบาดทั่วโลก จะเริ่มรวบรวมไวน์จากโรงบ่ม เเละนำมาแปรรูปให้เป็นแอลกอฮอล์ล้างมือและเอทานอล เพื่อเตรียมเคลียร์รองรับไวน์ที่จะถูกผลิตในฤดูการเก็บเกี่ยวที่กำลังจะถึงนี้
.
เนื่องจากสถานการณ์การระบาดทั่วโลกทำให้การจำหน่ายและส่งออกไวน์ โดยเฉพาะการส่งออกไปยังตลาดใหญ่ในสหรัฐยอดทรุด ทำให้มีไวน์ที่ขายไม่ได้นับล้านลิตร จึงได้จะนำแอลกอฮอล์ที่ได้จากการกลั่นไวน์นำไปใช้ในทางการแพทย์และอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง รวมทั้งการผลิตแอลกอฮอล์ล้างมือ
.
ทั้งนี้ การส่งออกไวน์ของฝรั่งเศสยังได้รับผลกระทบจากมาตรการกำแพงภาษีของสหรัฐที่มีผลบังคับใช้เมื่อปีที่แล้ว ทำให้ผู้ผลิตต้องรีบเคลียร์สต็อกสินค้า เพื่อรองรับไวน์ที่กำลังจะผลิตล็อตใหม่
.
#ไวน์ #สุรา #เจลล้างมือ #Misterban

 

Jun 5 , 2020 EIC ปรับลดคาดการณ์ GDP ไทยปีนี้สู่ระดับ -7.3% จากเดิม -5.6% จากปัญหาโควิด 19 กระทบภาคการท่องเที่ยว ด้านส่งออกคาด -10.4% จากสภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย โดยเศรษฐกิจจะค่อยฟื้นตัวในลักษณะแบบ U shape
.
นายยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า EIC ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทย หรือGDP ปี 2563 ลดลงมาเป็น -7.3% จากเดิม -5.6% จากผลกระทบโควิด -19 โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยวและการลงทุนภาคเอกชน
.
พร้อได้ปรับลดคาดการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2563 เหลือเพียง 9.8 ล้านคน จากเดิมที่คาดไว้ที่ 13.1 ล้านคน ตามนโยบายปิดการเดินทางเข้าออกประเทศของไทยที่ยาวนานขึ้น แนวทางการเปิดการเดินทางระหว่างประเทศของประเทศต่าง ๆ ที่มีแนวโน้มค่อยเป็นค่อยไป และเศรษฐกิจโลกที่หดตัวมากกว่าคาดซึ่งจะกระทบต่อรายได้ของนักท่องเที่ยว
.
ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มหดตัวมากขึ้น ตามแนวโน้มการบริโภคและการส่งออกที่ซบเซา และความเชื่อมั่นภาคธุรกิจที่ปรับลดลงมาก สำหรับการส่งออกสินค้ามีแนวโน้มหดตัวสูงที่ -10.4% ใกล้เคียงกับที่คาดไว้จากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยและมาตรการปิดเมืองของหลายประเทศทั่วโลกที่ก่อให้เกิดปัญหา supply chain disruption ทั้งนี้มูลค่าส่งออกในภาพรวมอาจหดตัวน้อยลงเทียบกับประมาณการครั้งก่อนที่ -12.9% จากการส่งออกทองคำที่ขยายตัวสูงขึ้นมาก อย่างไรก็ดีการส่งออกทองคำไม่มีผลสุทธิต่อ GDPเนื่องจากจะถูกหักในส่วนสินค้าคงคลังด้วย)
.
ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนหดตัวรุนแรงโดยเฉพาะในช่วงที่มีมาตรการปิดเมือง สะท้อนจากดัชนีการบริโภค (PCI) ในเดือนเมษายนที่หดตัวไปกว่า -15.1%YOY อย่างไรก็ดี ภายหลังการผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง เครื่องชี้เร็วสะท้อนว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะการเดินทางในประเทศเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว แต่ก็ยังอยู่ต่ำกว่าระดับก่อนวิกฤติพอสมควรเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป
.
ขณะที่การฟื้นตัวของภาคธุรกิจต่าง ๆ จะมีความเร็วที่แตกต่างกัน ในภาพรวม EIC ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวในลักษณะ U shape โดย GDP จะกลับไปสู่ระดับของปี 2562 ซึ่งเป็นระดับเดิมก่อนเกิดโควิด-19 ได้ในปี 2565 เป็นผลจากแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวและความเปราะบางทางการเงินที่สูงขึ้นของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ SME ตั้งแต่ก่อนเกิดโควิด-19
.
ส่วนภาคธุรกิจรถยนต์และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเผชิญกับการหดตัวของอุปสงค์จากต่างประเทศอยู่แล้ว จะถูกซ้ำเติมจากการลดลงของยอดขายในประเทศด้วยตามการจ้างงานและรายได้ของภาคครัวเรือนที่ลดลง ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และการระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน ส่งผลให้ฟื้นตัวช้าเช่นกัน ในทางตรงกันข้าม การใช้จ่ายในหมวดสินค้าและบริการที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน เช่น อาหาร เครื่องดื่ม บริการทางการแพทย์ การสื่อสาร ซึ่งจะได้รับแรงสนับสนุนเสริมจากมาตรการโอนเงินช่วยเหลือและมาตรการพักหนี้ของภาครัฐจะฟื้นตัวได้เร็วกว่า
.
ด้านนโยบายการเงิน คาดว่า ธปท. จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.5% ตลอดทั้งปี และพร้อมใช้เครื่องมือต่าง ๆ รวมถึงมาตรการ Unconventional เพิ่มเติมหากมีความจำเป็น ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่หดตัว อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มติดลบ และความเสี่ยงด้านการผิดนัดชำระหนี้ของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่สูงขึ้น ธปท. จะให้ความสำคัญต่อการลดต้นทุนทางการเงินและการเสริมสภาพคล่องให้กับภาคเศรษฐกิจต่าง ๆ เพื่อประคับประคองฐานะทางการเงิน สนับสนุนการปรับโครงสร้างหนี้ และลดความเสี่ยงต่อเสถียรภาพระบบการเงิน
.
หากแนวโน้มเศรษฐกิจปรับแย่ลงกว่าคาดมาก ธปท. อาจลดดอกเบี้ยนโยบายได้เพิ่มเติม แต่ด้วย policy room ด้านดอกเบี้ยนโยบายที่มีน้อยลง จะทำให้ ธปท. ต้องพึ่งพาเครื่องมืออื่น ๆ รวมถึงมาตรการ Unconventional มากขึ้น เช่น การซื้อสินทรัพย์ทางการเงินเพื่อช่วยดูแลดอกเบี้ยในตลาดให้อยู่ในระดับต่ำ
.
ส่วนของค่าเงินบาท สิ้นปี 2563 จะอยู่ในช่วง 31.5-32.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นทิศทางอ่อนค่า เนื่องจากไทยจะเกินดุลบัญชีเดินสะพัดลดลงมาก จากดุลบริการที่หายไปตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่หดตัวในระดับสูง ประกอบกับแนวโน้มที่เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ตามภาคการท่องเที่ยวและอุปสงค์ในประเทศ จะเป็นปัจจัยกดดันค่าเงินบาทในระยะข้างหน้า
.
#EIC #ไทยพาณิชย์ #GDP #เศรษฐกิจ #Misterban

 

Jun 5 , 2020 “วิษณุ เครืองาม”เผยการหยุดชดเชยสงกรานต์ อาจใช้วิธีเฉลี่ยสัปดาห์ละ 1 วัน พร้อมยันไม่เคยมีการหารือให้ชดเชยหยุดต่อเนื่อง 6 วัน
.
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการพิจารณากฎหมายรองรับหากยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินว่า ยังไม่มีความคืบหน้า แต่ได้ดูไว้คร่าวๆ แล้ว รอให้ชัดเจนก่อนจะแจ้งให้ทราบ ขณะนี้อยู่ระหว่างการประเมินการผ่อนคลายระยะที่ 3 และระยะที่ 4 อย่าเพิ่งไปพูดถึงคำว่าแทน เพราะตอนนี้ยังไม่เลิกใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เจอเหตุการณ์คนแออัดที่บางแสน ยังทำเอาสะอึก
.
ส่วนประเด็นการพิจารณาวันหยุด แทนวันสงกรานต์ จะเข้าสู่ที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ในสัปดาห์หน้านั้น ไม่รู้ว่าข่าวนี้มาจากไหน ใครเป็นคนปล่อยคนแรก อาจจะเป็นโฆษกพูดเมื่อมีคนถาม ลักษณะเลยเหมือนกลอนพาไป เนื่องจากเดือนหน้ามีวันหยุดติดต่อกัน 4 วันต่อเนื่อง
.
ยืนยันเรื่องนี้ไม่เคยพูดกันเลยเหมือนที่นายกฯ ได้บอกไปแล้ว และในระดับคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ไม่ได้พูดคุยกัน เอาแค่วันหยุดติดต่อกัน 4 วัน คือวันอาสาฬหบูชา และเข้าพรรษา วันที่ 4-7 ก.ค. ก็เอาให้อยู่รอดปลอดภัยก่อน
.
ดังนั้นการหยุดชดเชยสงกรานต์ ไม่จำเป็นต้องหยุดต่อเนื่องกัน อาจจะให้หยุดแบบผ่อนส่งก็ได้ ความจริงวันหยุดสงกรานต์ มีเพียงแค่ 3 วัน คือวันที่ 13-15 เม.ย. ไม่ใช่ 5 วัน เพราะตัดวันเสาร์-อาทิตย์ ที่เป็นวันหยุดอยู่แล้วออกไป ดังนั้นเมื่อเหลือ 3 วันก็ไม่ยากในการชดเชย อาจจะหยุดทิ้งช่วงกันให้ได้ครบ 3 วันก็ได้ เช่นสัปดาห์ละ 1 วัน
.
#วิษณุ #หยุดยาว #สงกรานต์ #Misterban

 

Jun 5 , 2020 โฆษก ศบค.ยันระบบ State Quarantine ของไทยมีมาตรฐานคุมโควิดได้ ส่วนสนามบินภูเก็ตยังอยู่ระหว่างการเฝ้าติดเชื้อในจังหวัด
.
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ได้กล่าวว่า ขอให้ประชาชนมั่นใจในระบบ State Quarantine ของไทย ว่ามีมาตรฐานที่ดีอย่างแน่นอน เพราะมีการคัดกรองก่อนเข้า // ระหว่างอยู่ในสถานที่กักตัว และก่อนออก รวมถึงมีการติดตามต่อเนื่อง แม้จะมีคนเข้าอยู่ในที่กักตัวหลักหลายหมื่นก็ค่อนข้างมั่นใจ เพราะถ้าทำไม่ถูกต้องระบบจะเเจ้งเตือน หากมีผู้เล็ดลอดออกไปจนเกิดการติดเชื้อสู่ชุมชน ซึ่งที่ผ่านมาระบบทำได้ดี ตัวเลขติดเชื้อในชุมชนลดลง และเจอผู้ป่วยในสถานกักกันของรัฐมากขึ้น ขอให้มั่นใจรัฐจะทำให้ดีที่สุด
.
ส่วนเหตุผลที่สนามบินภูเก็ต ยังไม่เปิดให้บริการเนื่องจากสนามบินเป็นเรื่องของการโดยสารอาจมีความแออัดต่อพื้นที่ ซึ่งการพิจารณาการเปิดสนามบินจะแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลักๆ ดังนี้
.
กลุ่ม 1 ท่าอากาศยานนอกสังกัดบริษัทท่าอากาศยานไทย และไม่พบประวัติการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายใน 14 วันที่ผ่านมา และมีระบบควบคุมโรคที่ดี
.
กลุ่มที่ 2 กลุ่ม ท่าอากาศยานสังกัดท่าอากาศยานไทย อยู่ในจังหวัดที่มีประวัติการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยมีข้อมูลผู้ป่วยประปราย ในช่วง 14 วันที่ผ่านมา และมีระบบควบคุมโรคที่ดี
.
กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มที่สังกัดท่าอากาศยานไทย อยู่ในพื้นที่จังหวัดที่มีความเสี่ยงสูงมีประวัติการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โควิด-19 จำนวนมาก และระบบควบคุมโรคยังคงต้องมีการประเมินอยู่
.
ล่าสุดมีการรายงานผู้ติดเชื้อในจังหวัดภูเก็ตในวันที่ 25 พ.ค. หากไม่พบผู้ติดเชื้อยาวถึงมีการประชุมศบค.ชุดใหญ่นั้น ก็จะนำเรื่องการเปิดสนามบินจังหวัดภูเก็ตนำกลับมาพิจารณาอีกครั้ง
.
#ศบค #ไวรัสโควิด19 #Misterban #ภูเก็ต #สนามบิน

 

Jun 5 , 2020 สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอเผยปีนี้โรงงานสิ่งทอจะปิดตัวกว่า 100 แห่งจากปัจจัยโควิด 19 พร้อมแนะควรปรับตัวสู่ตลาดการแพทย์ โดยให้รัฐสนับสนุน
.
นายชาญชัย สิริเกษมเลิศ ผู้อำนวยการ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้โรงงานทางด้านสิ่งทอในประเทศจะต้องปิดกิจการประมาณ 10% ภายในปีนี้ หรือประมาณ 100 โรงงานจากทั้งหมด 4,000 โรงงาน
.
โดยสัญญาณดังกล่าวเริ่มต้นมาตั้งแต่เดือนมกราคม ซึ่งยังไม่มีการแพร่ระบาดของไวรัส โดยการส่งออกสิ่งทอของไทยในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคมยังทรงตัว แต่เดือนเมษายนติดลบไปมากกว่า 50% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
.
ทำให้ขณะนี้มีหลายโรงงานที่จะต้องปิดกิจการอย่างแน่นอน เพราะทำผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีกลุ่มเป้าหมายชัดเจน หรือมีเป้าหมายเป็นจำนวนมากแบบไม่เฉพาะเจาะจง รวมถึงไม่มีการนำนวัตกรรมมาปรับใช้เพื่อเพิ่มมูลค่า และยังเน้นการแข่งขันทางด้านราคา
.
โดยผู้ประกอบการสามารถฝ่าวิกฤติไปได้ จะต้องปรับตัวเข้าสู่วิถีใหม่ของการทำธุรกิจ โดยตลาดสิ่งทอทางการแพทย์จะเป็นตลาดน่าสนใจ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสุขอนามัย และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการปกป้องตนเอง เพราะผู้บริโภคมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น
.
นอกจากนี้ จะต้องมุ่งเน้นการทำตลาดในประเทศเป็นหลัก โดยประเทศไทยมีโอกาสที่จะเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ ซึ่งอุตสาหกรรมสิ่งทอก็จะเป็นส่วนหนึ่งของมิติดังกล่าว ซึ่งไทยมีความโชคดีที่มีอุตสาหกรรมตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ แต่สิ่งที่ยังขาดคือเรื่องขององค์ความรู้ทางด้านมาตรฐาน ยังไม่ค่อยรู้เรื่องการทดสอบเพื่อให้ได้มาตรฐานสากล และไม่ค่อยรู้จากการวิจัยและพัฒนามากนัก โดยโรงงานขนาดใหญ่จะได้เปรียบเพราะมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ส่วนโรงงานขนาดเล็กจะต้องเชื่อมโยงกับดรงงานขนาดใหญ่ในการทำธุรกิจไปด้วยกัน
.
โดยปัจจุบันหลายโรงงานหันมาทำ หน้ากากผ้า ที่ได้มาตรฐาน ผลิต ชุด PPE ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของตลาดเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ โดยต้องเรียนว่าชุด PEE ไม่ได้ใช้เฉพาะทางการแพทย์เท่านั้น แต่ยังสามารถขยายตลาดไปสู่อุตสาหกรรมสปา คนเก็บขยะ และแอร์โฮสเตส ได้ด้วย
.
แต่ภาครัฐจะต้องเป็นผู้นำทางให้กับผู้ประกอบการ โดยการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้มองเห็นตลาด และนำไปสู่การผลิต ซึ่งสถาบันฯก็จะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงในการให้ความรู้ทางด้านการทอสอบให้ได้มาตรฐานสากล
.
#โรงงานสิ่งทอ #ไวรัสโควิด19 #Misterban #ปิดกิจการ

 

Jun 5 , 2020 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเผยคนกรุงฯว่างงาน 9.6% จากผลกระทบโควิด 19 พร้อมเชื่อว่าอัตราว่างงานจะปรับลดลงตั้งแต่ไตรมาส 2 แนะรัฐเร่งออกมาตรการเพื่อรองรับผู้ว่างงานหลังเศรษฐกิจฟื้น
.
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยทำการสำรวจสภาวะการครองชีพของครัวเรือนไทยที่อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพฯ - ปริมณฑล หลังสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ช่วงวันที่ 21-28 พ.ค. 2563 พบว่า อัตราการว่างงานในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เดือนพ.ค. 2563 อยู่ที่ 9.6% โดยส่วนใหญ่ของจำนวนผู้ว่างงานที่ทำการสำรวจ มีสาเหตุหลักมาจากผลกระทบของโควิด -19 และมาตรการล็อกดาวน์ที่ทำให้ครัวเรือนบางส่วนไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ
.
โดยอัตราการว่างงานน่าจะอยู่ในระดับสูงสุดช่วงไตรมาสที่ 2 และค่อยๆ ปรับตัวลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง ภายใต้สมมติฐานที่ไม่มีการแพร่ระบาดซ้ำของไวรัส จนนำไปสู่มาตรการล็อกดาวน์ ครั้งที่ 2
.
นอกจากนี้ครัวเรือนไทยส่วนใหญ่ตระหนักถึงความสำคัญของเงินออมและการสร้างรายได้หลายช่องทางมากขึ้น หลังเผชิญสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และส่วนใหญ่หันไปค้าขายออนไลน์เพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของภาคธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ในการดูดซับแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งเข้ามาแทนที่ภาคเกษตรกรรม ในขณะที่รูปแบบการใช้จ่ายของครัวเรือนกลับเปลี่ยนไปในทิศทางที่ระมัดระวัง และเร่งสร้างวินัยทางการเงินของตนเองเพิ่มขึ้น
.
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องเร่งด่วนสำหรับภาครัฐ ทั้งในเรื่องของการออกมาตรการเศรษฐกิจที่ช่วยสร้างงานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและรองรับจำนวนผู้ว่างงานใหม่หลังมาตรการเยียวยาสิ้นสุดลง และการออกมาตรการส่งเสริมการออมที่เอื้อต่อแรงงานหลายกลุ่ม
.
#คนกรุง #ว่างงาน #ไวรัสโควิด19 #misterban

 

June 5, 2020 โตเกียวถึงมาเลเซีย ยอดติดโควิด-19 รายใหม่พุ่งใจหาย รับสภาพเปิดภาคเศรษฐกิจมากขึ้น
.
โตเกียว ญี่ปุ่น: กระทรวงสาธารณสุข ญี่ปุ่น เปิดเผยว่า พบผู้ติดโรคโควิด-19 รายใหม่ 28 รายในวันนี้ที่กรุงโตเกียว ส่งผลทำสถิติจำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 เพิ่มมากกว่า 2 หลักเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน ทำให้ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา มีจำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 สะสมเป็น 128 ราย ทำสถิติการติดโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้นยาวนานที่สุดในรอบ 2 สัปดาห์กว่า หรือตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคมเป็นต้นมา
.
กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย: กระทรวงสาธารณสุข มาเลเซีย เปิดเผยว่า ในวันนี้ 4 มิถุนายน พบผู้ติดโรคโควิด-19 พุ่งทะยานถึง 277 ราย ทำสถิติการติดโรคโควิด-19 ใน 1 วัน ที่มากที่สุดนับตั้งแต่เกิดโรคระบาดโควิด-19 ในมาเลเซียเป็นต้นมา จำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 ที่มีทั้งสิ้น 277 รายดังกล่าวนั้น พบว่า 270 รายอยู่ในศูนย์กักกันผู้อพยพ ขณะที่ 7 ราย พบผู้ติดโรคโควิด-19 จากที่สาธารณะ
.
จาการ์ตา อินโดนีเซีย: ผู้ว่าการกรุงจาการ์ตา เปิดเผยว่า เตรียมประกาศผ่อนคลายมาตรการปิดล๊อคในกรุงจาการ์ตามีผล 8 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป เพื่อให้ภาคเศรษฐกิจกลับมาขับเคลื่อนกันต่อไป อย่างไรก็ตาม ยังคงจำกัดช่วงเวลาเปิดให้บริการเหลือเพียง 50% ของภาวะปกติ ทั้งนี้ กรุงจาการ์ตาเป็นศูนย์กลางการระบาดโรคโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อเกือบ 8,000 ราย และเสียชีวิตมากกว่า 500 ราย
.
#กัวลาลัมเปอร์ #มาเลเซีย #จาการ์ตา #Misterban

 

Jun 5 , 2020 สรรพสามิตเผยผลการปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตทั่วประเทศปีงบ 2563 พบว่าอันดับ 1 ยังคงเป็นสุรา ตามมาด้วยยาสูบเป็นอันดับ 2
.
นายวรวรรธน์ ภิญโญ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางสรรพสามิต และโฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ได้ดำเนินงานตามมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิด กฎหมายสรรพสามิตตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 และจูงใจผู้ที่อยู่นอกระบบให้เข้ามาสู่ ระบบภาษี ซึ่งที่ผ่านมา กรมสรรพสามิตได้จัดทำแผนเฉพาะกิจปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิต โดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่ ชุดเฉพาะกิจจากสำนักตรวจสอบ ป้องกันและปราบปราม และเจ้าหน้าที่สรรพสามิต พื้นที่ทั่วประเทศ
.
สำหรับผลการปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตทั่วประเทศ ปีงบประมาณ 2563 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 – 4 มิถุนายน 2563 พบว่ามีการกระทำผิด จำนวน 19,625 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 334.89 ล้านบาท โดยแยกเป็นสุรา จำนวน 11,157 คดี ค่าปรับ 114.22 ล้านบาท ยาสูบ จำนวน 5,869 คดี ค่าปรับ 137.43 ล้านบาท
.
นอกจากนี้ ยังมี ไพ่ จำนวน 409 คดี ค่าปรับ 6.39 ล้านบาท // น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน จำนวน 912 คดี ค่าปรับ 32.56 ล้านบาท // น้ำหอม จำนวน 42 คดี ค่าปรับ 1.31 ล้านบาท // รถจักรยานยนต์ จำนวน 864 คดี ค่าปรับ จำนวน 19.84 ล้านบาท และสินค้าอื่น ๆ จำนวน 372 คดี ค่าปรับ 23.14 ล้านบาท
.
ทั้งนี้ มีของกลางแยกเป็นน้ำสุรา จำนวน 1,258,168 ลิตร ยาสูบ จำนวน 350,641 ซอง ไพ่ จำนวน 58,623 สำรับ น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน จำนวน 2,137,615.000 ลิตร น้ำหอม จำนวน 40,940 ขวด รถจักรยานยนต์ จำนวน 958 คัน
.
#แอลกอฮอล์ #สุรา #Misterban

 

รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ ยอมรับ : การเหยียดผิวในสหรัฐอเมริกาเป็นความจริง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมยอมรับว่าการเหยียดสีผิวเป็นเรื่องจริงในสหรัฐอเมริกาและมีความพยายามเพียงเล็กน้อยในการแก้ไขปัญหาในประเทศ

Fox News รายงานว่า Mark Spear รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐกล่าวในการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันพุธว่า ปัญหาการเหยียดเชื้อชาติและสีผิวในสหรัฐอเมริกานั้นเป็นปัญหาที่ร้ายแรงและแท้จริงที่ต้องแก้ไขให้มากขึ้น

เขากล่าวเสริมว่า “ การเหยียดสีผิวในสหรัฐอเมริกาเป็นความจริง และเราต้องทำอย่างดีที่สุดเพื่อหยุดมัน เราต้องทำความรู้จักและจัดการกับปัญหานี้ให้หมดสิ้น"

https://www.tasnimnews.com/fa/news/...دفاع-آمریکا-نژادپرستی-در-آمریکا-یک-واقعیت-است

 

อดีตนักวิเคราะห์ ซีไอเอ ชี้ เหตุความรุนแรงในประเทศคือสัญญาณของการล่มสลายของอเมริกา

อดีตนักวิเคราะห์ของซีไอเอได้อธิบายถึงความรุนแรงในสหรัฐอเมริกาทุกวันนี้เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนการล่มสลาย

Gil Holt อดีตนักวิเคราะห์ของ CIA ที่รับผิดชอบในการติดตามสถานการณ์ในจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บอกกับ Washington Post ว่า ฉันเห็นความรุนแรงแบบนี้แล้ว นี่คือสิ่งที่ทรราชทำ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศก่อนที่มันจะล่มสลาย "มันทำให้ฉันเครียดจริงๆ"

Holt ปัจจุบันเป็นอาจารย์ที่ King's University ในรัฐเทนเนสซีกล่าวว่า:ภาพของเหตุการณ์ความไม่สงบในเมืองต่างๆในสหรัฐอเมริกา พร้อมกับคำพูดที่รุนแรงของโดนัลด์ทรัมป์นั้นคล้ายกับภาพเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อ 12 ปีก่อนที่เขารับผิดชอบในการติดตามตรวจสอบของ CIA ในประเทศจีน มาเลเซียและประเทศอื่น ๆ

https://www.farsnews.ir/news/139903...-سیا-از-نشانه‌های-فروپاشی-در-خشونت‌های-آمریکا

 

ครั้งแรกในประวัติศาสตร์....กองกำลัง ทหารอเมริกัน คุ้มกันหน้าทำเนียบขาว

 

#ย้อนรอยกฏหมายปราบกบฏฉบับแรกของสหรัฐ
#จากเจฟเฟอร์สันถึงทรัมพ์กับกองทหารของประธานาธิบดี

การชุมนุมประท้วงครั้งประวัติศาสตร์ของสหรัฐ เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาอันหน้าสิ่ว หน้าขวานของชาวอเมริกันหลายคน ที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นในอเมริกาได้ โดยที่ทางท่านเสี่ยอ่าง ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมพ์ แกก็ไม่ยอมลดราวาศอก บอกว่าจะส่งทหารเข้าไปจัดการให้ได้ จะได้จบไวๆ เนื่องจากท่านเสี่ยแกความอดทนน้อย เพราะหล่อ และ รีบ

แต่ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันว่า แกมีอำนาจในการส่งทหารของรัฐบาลกลาง เข้าไปจัดการระงับเหตุในรัฐที่มีความรุนแรงได้หรือไม่

บางคนก็บอกว่าไม่ได้ ตราบใดที่ผู้ว่าการรัฐยังไม่ได้ขอ เพราะอเมริกา เป็น "สหรัฐ" มีหลายรัฐ ไม่ใช่เป็นรัฐเดียว และแต่ละรัฐเขาแค่ลงมติให้เสี่ยทรัมพ์ แกมาเป็นประธานาธิบดีของรัฐบาลกลางเฉยๆ แต่อำนาจการจัดการภายในยังเป็นของแต่ละรัฐ

แต่บางคนก็บอกว่าได้ เพราะสหรัฐมีกฏหมายฉบับหนึ่งที่เรียกว่า "Insurrection Act 1807" หรือกฏหมายปราบจราจล และ กบฏ ที่ออกในปี 1807 ระบุว่า ประธานาธิบดีมีอำนาจที่จะส่งกองกำลังของทหารจากรัฐบาลกลางเข้าไปในรัฐไหน เมืองไหน ก็ได้ ที่เห็นว่ามีความไม่สงบ มีความรุนแรง จนอาจเป็นภัยคุกคามความมั่นคง หรือ เป็นกบฏ นั่นเอง

แต่ก็มีคนแย้งว่า นี่เป็นแค่การประท้วง แสดงความคิดเห็นตามสิทธิ์ที่ประชาชนจะทำได้ ไม่ใช่ประท้วงเพื่อล้มรัฐบาล หรือ แยกประเทศสักหน่อย ส่วนพวกที่ปล้นสะดม ก่อความรุนแรง เผาบ้าน เผาเมือง มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แยกเป็นประเด็นไป จะไปเหมารวม แล้วส่งทหารเข้าไปไม่ได้

ฝ่ายท่านเสี่ยทรัมพ์ แกก็ย้ำทวิตเตอร์ใส่ไฟทุกวันว่า แต่ในเหตุการณ์ประท้วง มันก็มีกลุ่มที่แกให้สารพัดคำจำกัดความ ไม่ว่าจะเป็น อันธพาล สถุล ชั้นต่ำ สวะ ขยะสังคม จนตอนนี้จะเป็นผู้ก่อการร้ายแล้ว คือแกจะส่งทหารเข้าไปให้ได้

และกฏหมาย Insurrection Act นี้ออกเมื่อ 213 ปีก่อน คือตอนนั้นก็ออกมาเพื่อปราบกบฏจริง แต่หลังจากนั้น เขาก็มีการปรับแก้ ตีความใหม่ และใช้เมื่อเกิดเหตุจราจล ที่เกินกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจของรัฐจะดูแลไหวก็ได้ อย่างเช่น เมื่อเกิดเหตุจราจลใน LA ปี 1992 ก็เคยใช้มาแล้ว ก็แสดงว่าใช้ได้สิ

ระหว่างที่คนอเมริกันเขากำลังเถียงกันเรื่องนี้ เรามาย้อนดูกันหน่อยดีกว่า ว่ากฏหมายปราบกบฏฉบับแรกของสหรัฐอเมริกานี้ มีประวัติความเป็นมาอย่างไร

ถ้ามีการร่างกฏหมายปราบกบฏ แสดงว่าเคยมีใครคิดกบฏต่อรัฐบาลกลางมาก่อน และเมื่อย้อนดูพบว่า กฏหมายปราบจราจล และกบฏนี้ เกิดขึ้นในสมัยของ โธมัส เจฟเฟอร์สัน ประธานาธิบดีคนที่ 3 ของสหรัฐ (1801 - 1809)

และในสมัยของเจฟเฟอร์สัน 1 แกมีรองประธานาธิบดีอยู่คนหนึ่ง ชื่อว่า นาย อารอน เบอร์

แต่ปรากฏว่า นายอารอน เบอร์ ไปมีเรื่อง มีราวกับนักการเมืองพรรคฝ่ายตรงข้าม ที่ชื่อว่า นายอเล็กซานเดอร์ แฮมมิลตัน ที่เคยเป็นถึงอดีตรัฐมนตรีคลังของรัฐบาลสมัยที่แล้ว เขม่นกันเบอร์แรง ถึงขั้นท้าไปดวลปืนกันที่รัฐนิวเจอร์ซี และปรากฏว่า อารอน เบอร์ เป็นฝ่ายชนะ ยิงอดีตรัฐมนตรีคลัง แฮมมิลตัน จนเสียชีวิต เหตุการณ์นี้เกิดเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 1804

นับเป็นโชคดีของนาย อารอน เบอร์ ที่ชนะ แต่ก็โชคร้ายที่ไปดวลปืนกันที่รัฐนิวเจอร์ซี่ ที่การดวลปืนเป็นเรื่องผิดกฏหมาย เป็นคดีอาชญากรรมร้ายแรง มีโทษถึงแขวนคอ แถมคนร้ายยังเป็นถึงระดับรองประธานาธิบดีเสียด้วย

ด้วยเหตุนี้ อนาคตทางการเมืองของนายอารอน เบอร์ จึงจบลง เขาหนีคดีลงใต้ ไปที่หลุยส์เซียน่า และได้ไปพบกับเศรษฐีที่ดินชาวไอริชที่ย้ายมาอยู่อเมริกา ที่ชื่อว่า เฮอร์มาน เบลนเนอร์แฮสท์ ที่เขามีไอเดียผนวกดินแดนในเม็กซิโก เพื่อตั้งเป็นประเทศใหม่

พอนายอารอน ได้ฟัง เขาซื้อไอเดียนี้ แล้วออกไปสำรวจภูมิประเทศในแถบตะวันตก ตามชายแดนเม็กซิโก แล้วเริ่มเกณฑ์ไพร่พล นำไปฝึกซ้อมกันในเขจที่ดินของท่านเศรษฐีไอริช และติดต่อกับนายพล เจมส์ วิลคินสัน เพื่อรับหน้าที่เป็นแม่ทัพ

แต่หลังจากที่เตรียมกองรบได้เกือบปี นายพลวิลคินสัน เกิดป๊อด เปลี่ยนใจ รีบส่งจดหมายบอกรายละเอียดแผนการณ์ตั้งประเทศใหม่ของอารอน เบอร์ ไปให้ประธานาธิบดีเจฟเฟอร์สันรู้

เท่านั้นแหละ ปธน. เจฟเฟอร์สันรีบหารือในทีมรัฐบาลว่า พอจะนำกำลังเข้าไปจับกุมนายอารอน ที่หลุยส์เซียน่าจะได้หรือไม่

ซึ่งในขณะนั้น ยังไม่มีข้อกฏหมายใดที่ระบุว่า ประธานาธิบดีจะมีอำนาจสั่งการถึงขนาดนั้น และโธมัส เจฟเฟอร์สัน ก็ยึดรัฐธรรมนูญยิ่งชีพ ถ้าไม่มีในรัฐธรรมนูญก็คือ ทำไม่ได้

ดังนั้นจึงต้องร่างกฏหมายขึ้นมาใหม่ เพื่อเป็นช่องทาง การใช้อำนาจประธานาธิบดีในการส่งกองทัพของรัฐบาลกลางเข้าไปในรัฐที่พบกลุ่มก่อการกบฏได้ นั่นก็คือเจ้า Insurrection Act 1807 ฉบับนี้นี่เอง โดยมีการยื่นมติผ่านสภาคองเกรซ และแนบจดหมายของนายพลวิลคินสัน ที่ส่งถึงเจฟเฟอร์สัน เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการพิจารณา

แต่กว่าที่ร่างกฏหมายจะผ่านสภา ทางการสหรัฐก็จับกุมตัวนาย อารอน เบอร์ ได้เรียบร้อยแล้ว ยังไม่ทันได้ใช้กฏหมายฉบับนี้เลย

และหลังจากที่จับตัวนาย อารอน เบอร์ ได้แล้ว เขาถูกส่งตัวขึ้นศาลด้วยข้อหากบฏ ทรยศชาติ ซึ่งนายอารอน ก็สู้ยิบตา ตอบโต้ข้อกล่าวหาทุกข้อ จนหลุดคดีจริงๆ

เนื่องจากการจะตัดสินใครว่าทรยศชาติ คือต้องมีหลักฐานที่เห็นเป็นประจักษ์แล้วจริงๆ

แต่ตัวเขายังเพิ่งมีกองกำลังเล็กๆ เรียกกองทัพยังไม่ได้เลย แล้วก็ยังไม่ได้ยกไปตีเมืองที่ไหน แถมตอนที่ทางการบุกเข้าไปในค่ายทหารส่วนตัวบนที่ดินของเศรษฐีไอริช ตัวไอรอน เบอร์ ก็ไม่อยู่เสียด้วย เลยพิสูจน์ว่าเขาจะเป็นกบฏไม่ได้

แต่อารอน เบอร์ ก็นับเป็นนักการเมืองสหรัฐคนแรกที่เคยถูกดำเนินคดีข้อหากบฏ

ถึงแม้ว่า โธมัส เจฟเฟอร์สัน จะไม่ได้ใช้ประโยชน์จาก Insurrection Act เท่าไหร่ แต่กฏหมายฉบับนี้ก็มีประโยชน์กับรัฐบาลในสมัยต่อๆมา เพื่อส่งกองกำลังทหารระงับเหตุจราจลฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที ตามดุลพินิจของประธานาธิบดี

และตั้งแต่มีกฏหมายฉบับนี้มา มีการหยิบยกขึ้นมาใช้แล้วถึง 20 ครั้ง และครั้งสุดท้ายถูกใช้โดยประธานาธิบดีจอร์จ บุช (คนพ่อ) เพื่อระงับเหตุจราจลใน LA ตอนปี 1992 ที่เกิดจากคดีทำร้ายร่างกายชายผิวดำนาม ร็อดนี่ คิง โดยตำรวจ LAPD

ดังนั้น ก็อาจจะไม่ต้องถึงระดับกบฏ แยกประเทศ ล้มรัฐบาล ก็สามารถหยิบเจ้า Insurrection Act มาปัดฝุ่นใช้ได้ ถ้าจำเป็นจริงๆ

แต่จะสังเกตว่า ทุกครั้งที่มีการใช้ คือใช้ระงับเหตุจราจลในพื้นที่เฉพาะจุด บุกไว เคลมไว แล้วรีบถอนกำลังออกมา ไม่ใช่เหตุที่กระจายตัวไปแทบทุกรัฐในประเทศอย่างในครั้งนี้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะใช้เวลานานเท่าใด ถึงจะระงับเหตุได้ด้วย จึงกลายเป็นโจทย์ใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน

หรือถ้าท่านเสี่ยทรัมพ์จะกล้าเสี่ยง เซ็นสั่งไปก่อน แล้วค่อยมาตีความทีหลัง ก็ตัวใครตัวมันหล่ะค่า แล้วจะมีใครกล้าเสี่ยงกับเสี่ยไหมค้า

แหล่งข้อมูล

https://www.history.com/news/insurrection-act-thomas-jefferson-aaron-burr
https://www.history.com/news/aaron-burrs-notorious-treason-case
https://www.washingtonpost.com/history/2020/06/03/insurrection-act-trump-history/
https://www.usnews.com/news/nationa...tion-act-and-how-could-president-trump-use-it
https://en.wikipedia.org/wiki/Aaron_Burr
https://en.wikipedia.org/wiki/Insurrection_Act_of_1807

 

“คานเย เวสต์” รับส่งเสียค่าเล่าเรียนลูกสาว “จอร์จ ฟลอยด์” ระดับวิทยาลัย

วันที่ 5 มิ.ย. เดลีเมล์ สื่อชื่อดีงของอังกฤษ รายงานว่า คานเย เวสต์ แรปเปอร์ชื่อดังระดับโลกชาวอเมริกัน สามีของ คิม คาร์เดเชียน เสนอจ่ายค่าเล่าเรียนระดับวิทยาลัยให้กับ ด.ญ.จีอานน่า ฟลอยด์ ลูกสาววัย 6 ขวบ ของ นายจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวดำที่ถูกตำรวจใช้กำลังจับกุมจนถึงแก่ชีวิต และกลายเป็นกรณีล่าสุดที่ชาวอเมริกัน รวมถึงผู้คนทั่วโลกต่างลุกฮือร่วมประท้วงความรุนแรงเหยียดผิว

ผลชันสูตรศพฉบับเต็มชี้ “จอร์จ ฟลอยด์” ติดเชื้อโควิด 19 เกือบ 2 เดือนก่อนเกิดเหตุ

ทั้งนี้ “คานเย เวสต์” ได้จัดตั้งกองทุนการศึกษาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในเงินบริจาค 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 62.9 ล้านบาท เพื่อมอบให้ครอบครัวคนผิวดำหลายคนที่ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงและเสียชีวิตโดยฝีมือของตำรวจและคนผิวขาว สำหรับใช้จ่ายด้านต่างๆ รวมถึงค่าดำเนินคดีเรียกร้องความยุติธรรม

ไทม์ไลน์: การตายของ จอร์จ ฟลอยด์ จุดชนวน ประท้วง จนกลายเป็นจลาจล

ก่อนหน้านี้ คานเย เวสต์ ได้ช่วยเหลือ ครอบครัวของ น.ส.บรีโอนา เทย์เลอร์ เจ้าหน้าที่แพทย์ห้องฉุกเฉินสาวผิวดำ วัย 26 ปีที่ถูกตำรวจยิงเสียชีวิตคาห้องพักในรัฐเคนทักกี เมื่อเดือนมี.ค. โดยกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งปฏิบัติภารกิจจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด อ้างว่าเคาะประตูเรียกและแจ้งว่ามีหมายค้น เพราะเชื่อว่าคนร้ายใช้ห้องดังกล่าวเป็นที่ส่งยา ก่อนบุกเข้าไปในห้องกระทั่งเกิดการเผชิญหน้าและลงเอยด้วยการยิงใส่น.ส.เทย์เลอร์หลายนัดจนเสียชีวิต

ที่มาข่าว : www.dailymail.co.uk

The post “คานเย เวสต์” รับส่งเสียค่าเล่าเรียนลูกสาว “จอร์จ ฟลอยด์” ระดับวิทยาลัย appeared first on SpringNews.

Source : #Springnews #สปริงนิวส์

 

กรมการขนส่งทางบก ประกาศ เปิดให้บริการด้านใบขับขี่ครบทุกกระบวนการ 22 มิ.ย. 63

ตามที่ได้มีประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง การดำเนินการด้านใบอนุญาตขับรถและผู้ประจำรถ ตามประกาศสถานะการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้งดการดำเนินการด้านใบอนุญาตขับรถตามกฏหมายว่าด้วยรถยนต์ และใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถตามกฏหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก งดการเรียนการสอนทั้งภาคทฤษฏี และภาคปฏิบัติของโรงเรียนสอนขับรถที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก และงดการให้บริการหน่วยเคลื่อนที่ในช่วงเวลาที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า ๒๐๑๙ (COVID-19) นั้น

โดยที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิิน พ.ศ.๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๙) ผ่อนคลายให้ประชาชนทำกิจกรรมบางอย่างเพิ่มมากขึ้น รวมถึงให้มีการจัดการเรียนการสอนหรือการฝึกการอบรมของโรงเรียนนอกระบบตามกฏหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนได้ ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการด้านใบอนุญาตขับรถและผู้ประจำรถ และการดำเนินการด้านทะเบียนและภาษีรถ สอดคล้องกับการผ่อนคลายตามข้อกำหนดดังกล่าว กรมการขนส่งทางบกจึงเห็นควรเปิดดำเนินการด้านใบอนุญาตขับรถและด้านทะเบียนและภาษีรถ ภายใต้การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ.๒๕๔๕ อธิบดีกรมการขนส่งทางบกจึงออกประกาศไว้ ตามรายละเอียดที่ปรากฏในประกาศดังกล่าวข้างต้น ตามเอกสารแนบบด้านล่างที่แนบมาพร้อมนี้



The post กรมการขนส่งทางบก ประกาศ เปิดให้บริการด้านใบขับขี่ครบทุกกระบวนการ 22 มิ.ย. 63 appeared first on SpringNews.

Source : #Springnews #สปริงนิวส์

 

งานวิจัยพบ ผู้ป่วยโควิด-19 ไม่แสดงอาการ สามารถแพร่เชื้อได้นาน 12 วัน
โฆษก ศบค. เผยงานวิจัย พบกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการ สามารถแพร่เชื้อได้นาน 12 วัน ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการ จะแพร่เชื้อสูงสุด 24 วัน
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

เข้าใจพื้นหลังและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการประท้วง เหยียดผิว ในสหรัฐฯ

การประท้วง เหยียดผิว ทั่วสหรัฐฯในรอบเกือน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดขึ้นหลัง จอร์จ ฟลอยด์ ถูกตำรวจเมืองมินนีแอโพลิสเข้าจับกุมเมื่อวันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม ข้อหาใช้ธนบัตรปลอมเพื่อซื้อบุหรี่ เขาเสียชีวิตหลังถูกเจ้าหน้าที่ใช้เข่ากดคออยู่นานกว่า 8 นาที แม้จะร้องว่าเขาหายใจไม่ออก

ตำรวจรับมือความไม่สงบจากเหตุจลาจลที่เกิดทั่วสหรัฐฯด้วยแก๊สน้ำตาและกระสุนยาง ขณะที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ก็ขู่ว่าจะใช้กำลังทหาร

สำนักข่าวบีบีซีเผยแพร่บทวิเคราะห์ของนักข่าวอาวุโส อลิซ คัดดี้ ระบุว่า มีปัจจัย 5 ด้านที่จะทำให้เข้าใจการประท้วงครั้งนี้ได้มากขึ้น

ความรุนแรงของตำรวจและระบบยุติธรรม

ที่ผ่านมา มีข่าวการเสียชีวิตของชายผิวดำเพราะเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายในสหรัฐฯมากมาย และเจ้าหน้าที่ที่ก่อเหตุก็มักไม่ได้รับโทษในคดีอาชญากรรม

ผู้ประท้วงคนหนึ่งในกรุงวอชิงตัน กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เขาเหนื่อยใจที่ได้ยินเรื่องคนผิวดำเสียชีวิต และเขา “เหนื่อยที่จะต้องหวาดกลัวเพียงแค่ถูกตำรวจเรียกให้หยุด”

การตายของ จอร์จ ฟลอยด์ ทำให้คนนึกถึงการเสียชีวิตของชายผิวดำชื่อ เอริก การ์เนอร์ ในปี 2014

การ์เนอร์ พ่อลูก 6 ถูกจับกุมในเมืองนิวยอร์ก ต้องสงสัยว่าขายบุหรี่ผิดกฎหมาย มีผู้เห็นเหตุการณ์บันทึกภาพวิดีโอขณะจับกุมไว้ได้ เห็นว่าการ์เนอร์ถูกใส่กุญแจมือ และยังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจล็อกคอเอาไว้ วิดีโอได้ยินการ์เนอร์พูดว่า “ฉันหายใจไม่ออก” ก่อนที่จะหมดสติ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

อย่างไรก็ตาม คณะลูกขุนกลับตัดสินใจไม่ต้องข้อหาฆาตกรรมกับเจ้าหน้าตำรวจคนดังกล่าว

การเสียชีวิตของการ์เนอร์จุดประกายการประท้วงทั่วสหรัฐฯ กับวลีที่ได้ยินผู้ชุมนุมตะโกนกึกก้อง “ฉันหายใจไม่ออก” ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องไม่เคยถูกตั้งข้อหาอาชญากรรม และถูกให้ออกจากงาน 5 ปีต่อมา

อดีตประธานาธิบดี บารัก โอบามา กล่าวว่าการประท้วงเพราะการเสียชีวิตของฟลอยด์นั้นเป็น ความขุ่นเคืองที่สมเหตุสมผลและจริงใจ กับความล้มเหลวกว่าทศวรรษในการปฏิวัติตำรวจและระบบยุติธรรม

ข้อมูลจากสำนักข่าวบีบีซีระบุว่า ในปี 2019 ที่ผ่านมา จากข้อมูลกรณีเสียชีวิตจากการยิงของเจ้าหน้าที่ตำรวจราว 1,000 เหตุ แต่ชาวอเมริกันผิวดำที่เป็นสัดส่วนประชากรเพียง 14 เปอร์เซ็นต์ในสหรัฐฯ กลับมีอัตราการเสียชีวิตจากการยิงถึงกว่า 23 เปอร์เซ็นต์

ชาวอเมริกันผิวดำที่ถูกจับกุมเพราะใช้สารเสพติดป็นอัตราที่สูงกว่าคนผิวขาวมาก แม้ว่าการสำรวจจะพบว่าทั้งสองกลุ่มมีอัตราการใช้สารเสพติดพอๆ กัน

ปี 2018 มีชาวอเมริกันผิวดำถูกจำคุกคิดเป็นสัดส่วนถึงราว 30 เปอร์เซ็นต์ นั่นหมายความว่าชาวอเมริกันผิวดำทุก 100 คน จะมี 1 คนที่อยู่ในเรือนจำ ในขณะที่สัดส่วนของคนผิวขาวอยู่ที่ 500 คนต่อ 1 คน

เหตุรุนแรงไม่ได้เกิดขึ้นในที่ลับ

การเสียชีวิตของฟลอยด์เกิดขึ้นในที่สาธารณะ ในขณะที่ช่วงนั้นมีหลายข่าวในสหรัฐฯที่ทำให้เกิดการถกเถียงเรื่อง เหยียดผิว เป็นวงกว้าง อย่างกรณีที่ผู้หญิงผิวขาวเรียกตำรวจให้มาจับ คริสเตียน คูเปอร์ ชายผิวดำในสวนสาธารณะ ระบุว่าเขาขู่เอาชีวิตเธอ ทั้งๆ ที่ชายคนนั้นแค่ขอให้ผู้หญิงใส่เชือกจูงสุนัขของเธอ

หลังจากนั้น คูเปอร์ได้ให้สัมภาษณ์ออกโทรทัศน์ และได้พูดถึงกรณีที่ชายผิวดำวัย 25 ปี ถูกยิงเสียชีวิตด้วยชายผิวขาว 2 คน ขณะที่ออกมาวิ่งออกกำลังกายเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และเหตุการณ์นั้นก็มีคนบันทึกวิดีโอไว้ได้ด้วย และตำรวจใช้เวลาถึง 2 เดือนกว่าที่จะตั้งข้อหาผู้ต้องสงสัย

คูเปอร์กล่าวว่า เราอยู่ในยุคที่ชายผิวดำถูกยิงเพราะสิ่งที่คนทึกทักเอาเองเกี่ยวกับคนผิวดำ

การแบ่งแยกทางเศรษฐกิจสังคม และซ้ำด้วยโควิด 19 ระบาด

คัดดี้ระบุว่า การแบ่งแยกสีผิวในสังคมอเมริกา ยังเห็นได้จากการแบ่งโซนที่อยู่อาศัย บริการสุขภาพ และการจ้างงาน

จากสถิติของปี 2016 พบว่า “ความมั่งคั่งสุทธิ” ของครอบครัวคนผิวขาวในสหรัฐฯสูงเกือบ 10 เท่าของครอบครัวคนผิวดำ และคนผิวดำส่วนใหญ่ทำงานในอุตสาหกรรมบริการ และอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่น

ปัจจัยเหล่านี้มีส่วนที่ทำให้คนผิวดำในอเมริกาได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด 19 และข้อมูลของเมืองนิวยอร์กระบุว่า ชาวอเมริกันผิวดำมีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าคนผิวขาวมาก

นอกจากนี้ เรื่องปัญหาการว่างงานในช่วงโรคระบาด แน่นอนว่ามีสูงกว่าในประชากรผิวดำ อย่างฟลอยด์ที่ตกงานจากการเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสถานบันเทิองยามค่ำคืน เพราะการล็อกดาวน์

ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันบร๊กกิ้งส์ อังเดร เพอร์รี กล่าวว่า ไวรัสโคโรนาไม่ได้แบ่งแยก แต่พื้นที่อยู่อาศัย เศรษฐกิจ และนโยบายสาธารณสุขต่างหาก (ที่แบ่งแยก)”

“การเหยียดด้วยสิ่งแวดล้อม บ้านที่ราคาสูงเกิน การขาดโอกาสในการทำงาน ความยากจน และสาธารณสุขที่บกพร่อง เป็นรากฐานของเงื่อนไขทางสังคม อิทธิพลของนโยบาย ที่ทำให้คนผิวดำและย่านของพวกเขามีความเสี่ยง” เพอร์รีกล่าว

ในเมืองมินนีแอโพลิสที่ฟลอยด์เสียชีวิต และเมืองเซ็นต์พอลที่อยู่ติดกัน มีชาวผิวดำอยู่ในฐานะยากจนถึง 32 เปอร์เซ็นต์ ย่านที่อยู่อาศัยในเมืองนี้แบ่งแยกอย่างมาก และเป็นพื้นที่ที่มีอัตราส่วนคนผิวดำเป็นเจ้าของบ้าน ต่ำที่สุดในประเทศ

“ทัศนคติที่ทำให้ตำรวจคุกเข่าบนคอคนผิวดำ เป็นทัศนคติเดียวกับคนที่อยู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีส่วนทำให้ช่องว่างระหว่างการเป็นเจ้าของบ้านของคนผิวดำและผิวขาวต่างกันถึง 46 ถึง 79 เปอร์เซ็นต์” เพอร์รีกล่าวเพิ่มเติม

ปัจจัยที่ชื่อว่า โดนัลด์ ทรัมป์

การเป็นประธานาธิบดีของทรัมป์ เริ่มต้นด้วยการประท้วงเพื่อสิทธิผู้หญิงทั่วประเทศในปี 2017 ตามมาด้วยการประท้วงเรื่องเหยียดผิวครั้งนี้ แม้ว่าเรื่องเหยียดผิวจะมีเหตุผลมาจากความอยุติธรรมระหว่างสีผิวและความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ไม่น่าแปลกใจ หากทรัมป์จะรู้สึกขุ่นใจเป็นการส่วนตัว

ผู้เชี่ยวชาญด้านอเมริกาเหนือ แอนโทนี เซอร์เชอร์ ระบุว่า ทรัมป์มองการประท้วงว่าเป็นสิ่งบั่นทอนการเป็นประธานาธิบดีของเขา ทั้งครั้งที่ตอนเข้ารับตำแหน่ง และครั้งนี้ที่ก่อนจะถึงเลือกตั้งใหญ่ในอีกไม่กี่เดือน

เซอร์เชอร์วิเคราะห์ว่า สถานการณ์การเมืองของทรัมป์ มีอิทธิพลต่อวิธีที่ทรัมป์รับมือการประท้วง ทรัมป์ระบุว่าจะนำความมีระเบียบเรียบร้อยของสังคมกลับคืนมา

แม้ว่ารากเหง้าของการประท้วงที่จุดชนวนด้วยการตายของฟลอยด์จะเป็นเหตุสะสมมาตั้งแต่ก่อนทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง แต่ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม การกระทำและคำพูดหลายอย่างของทรัมป์กลับกลายเป็นการเติมเชื้อไฟ

ยุทธาภิวัฒน์ตำรวจ

การประท้วงที่เกิดจากการตายของฟลอยด์ ทำให้คนเกิดความสนใจกับการใช้ยุทโธปกรณ์ของทหารโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ คัดดี้ระบุว่า แม้ภาพยานพาหนะกองทัพใช้ในการควบคุมฝูงชนจะทำให้หลายๆ คนตกใจ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ในสหรัฐฯ

ในช่วงปี 1990 กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เริ่มโครงการ 1033 ที่อนุญาตให้นำอุปกรณ์ของทหารไปให้ตำรวจใช้ได้ แต่มีเป้าหมายหลักที่ปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดและผู้ก่อการร้าย ปัจจุบัน มีหน่วยงานรักษากฎหมายถึง 8,000 หนวยทั่วประเทศที่เข้าร่วมโครงการนี้

อุปกรณ์กองทัพที่โอนถ่ายไปให้เจ้าหน้าที่รักษากฎหมายในพื้นที่ต่างๆ ภายใต้โครงการนี้ เพิ่มมากสูงขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา อย่างปี 2015 มีการจัดส่งอุปกรณ์ทหารมูลค่าถึง 5 พันล้านดอลลาร์ไปยังหน่วยงานรักษากฎหมายในโครงการทั่วประเทศ

ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยชิคาโก พอล โพสต์ กล่าวว่า ตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการตอบโต้จลาจลในอิรักและอัฟกานิสถาน ฝั่งผู้ผลิตเริ่มพัฒนาอาวุธที่เริ่มใช้ได้หลายทางมากขึ้น คือใช้ได้กับการต่อต้านจลาจล และใช้ได้กับการรักษากฎหมายในเมือง

อดีตประธานาธิบดี บารัก โอบามา ได้สั่งห้ามการโอนถ่ายอุปกรณ์บางชนิด หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ไม้แข็งเกินไปกับการรับมือการประท้วงที่เมือง เฟอร์กูสัน รัฐมิสซูรี เมื่อวัยรุ่นผิวดำที่ไม่มีอาวุธ ถูกฆ่าตายโดยเจ้าหน้าที่ผิวขาวในปี 2014

แต่ โดนัลด์ ทรัมป์ ก็ได้ยกเลิกข้อจำกัดที่โอบามาวางไว้ เมื่อปีที่เขาเข้ารับตำแหน่ง

ยุทโธปกรณ์ที่สามารถโอนถ่ายกันได้ภายใต้โครงการ 1033 รวมไปถึง อากาศยาน รถหุ้มเกราะ และหมวกนิรภัยกันกระสุน

โพสต์กล่าวว่า การใช้อุปกรณ์ทหารโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นตัวอย่างสำคัญที่ทำให้เห็นว่า แคมเปญต่อต้านจลาจลที่สหรัฐฯใช้ในต่างประเทศ ก็มีอิทธิพลกับนโยบายความมั่นคงในประเทศ

ไทม์ไลน์: การตายของ จอร์จ ฟลอยด์ จุดชนวน ประท้วง จนกลายเป็นจลาจล

การเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์ ในเมืองมินนีแอโพลิส รัฐมินนิโซตา ในสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม นำไปสู่การ ประท้วง ที่เขย่ามินนีแอโพลิสและอีกหลายเมืองทั่วประเทศ เมื่อคนออกมารวมตัวกันเพื่อแสดงความไม่พอใจต่อการกระทำที่ตำรวจใช้ความรุนแรงระหว่างจับกุม จอร์จ ฟลอยด์ และการประท้วงก็บานปลายเป็นจลาจล

ย้อนดูอดีตการ ประท้วง เหยียดผิวในสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

หลายคนย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์จลาจลเมื่อปี 1992 ในเมืองลอสแองเจลิส ที่ปะทุจากเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงกับผู้ใช้ถนนซึ่งเป็นคนผิวดำ แต่หากย้อนกลับไปไกลกว่านั้น การ ประท้วง เหยียดผิวในสหรัฐฯเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหตุ ป ระท้วง ที่บานปลายเป็นจลาจลในเมืองมินนีแอโพลิส เพราะชายผิวดำเสียชีวิตระหว่างอยู่ในการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นแค่เหตุล่าสุดของปัญหา เหยียดผิว ที่มีมาตั้งแต่ช่วงปี 1960

The post เข้าใจพื้นหลังและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการประท้วง เหยียดผิว ในสหรัฐฯ appeared first on SpringNews.

Source : #Springnews #สปริงนิวส์

 

ออสเตรเลียวางแผนสกัดชุมนุมประท้วง "จอร์จ ฟลอยด์" หวั่นโควิดระบาดซ้ำ
ทางการออสเตรเลียกำลังเร่งหาทางยุติการชุมนุมเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่ "จอร์จ ฟลอยด์" หลังทางการกลัวว่ายอดป่วยโรคโควิด-19 จะพุ่งในประเทศซ้ำ
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

เม็กซิโกหนัก ติดโควิดวันเดียวกว่า 4.4 พัน ยอดสะสมทะลุแสน ตาย 1.2 หมื่น
โควิด-19 ระบาดหนักในลาตินอเมริกา เม็กซิโกพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ วันเดียวเกิน 4,400 คน ยอดสะสมกว่า 1 แสนแล้ว ขณะที่ผู้เสียชีวิตเพิ่ม 816 ศพ ทำเหยื่อโควิดเกิน 12,000 ศพแล้ว
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

June 5, 2020 สุดงง ช๊อคเต็มๆ คนอเมริกันกลับมามีงานทำกว่า 2 ล้านคน ท่ามกลางโควิด-19 ระบาดต่อเนื่อง สวนเดือนก่อนตกงานกว่า 20 ล้านคน

กระทรวงแรงงาน สหรัฐ เปิดเผยว่า การจ้างงานคนอเมริกันนอกภาคการเกษตรในเดือนพฤษภาคมกลับเพิ่มขึ้น 2,509,000 คน ซึ่งเหนือความคาดหมายอย่างน่าประหลาดใจ โดยผลสำรวจสำนักข่าวรอยเตอร์ ประเมินว่าคนอเมริกันยังคงตกงานอีก 8 ล้านคนในเดือนพฤษภาคม ไม่เพียงเท่านั้น ในเดือนเมษายนที่ผ่านมานั้น คนอเมริกันตกงานอย่างมากมายถึง 20,687,000 คน ซึ่งเป็นสถิติการตกงานที่มากที่สุดนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 สำหรับตัวเลลการจ้างงานคนอเมริกันนอกภาคการเกษตรที่เพิ่มขึ้น 2.5 ล้านคน ทำสถิติตัวเลขจ้างงานที่เพิ่มขึ้นใน 1 เดือนที่มากที่สุดในรอบอย่างน้อย 81 ปี หรือตั้งแต่ปี 1937 เป็นต้นมา โดยครั้งสุดท้ายที่มีการจ้างงานคนอเมริกันเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านคน เกิดขึ้นในเดือนกันยายน ปี 1983 หรือในรอบ 37 ปี

ในขณะเดียวกัน อัตราการว่างงานในสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนพฤษภาคมลดลงมาอยู่ที่ระดับ 13.3% ซึ่งดีขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย หากเปรียบเทียบกับผลสำรวจสำนักข่าวรอยเตอร์ที่คาดการณ์ว่าอัตราการว่างงานจะพุ่งสูงขึ้นถึงระดับ 19.8% ในเดือนพฤษภาคม ทั้งๆที่อัตราการว่างงานในเดือนเมษายนพุ่งสูงขึ้นแตะที่ระดับ 14.7%

สาเหตุที่ทำให้การจ้างงานคนอเมริกันกลับมาเพิ่มขึ้น พบว่า มาตรการทยอยเปิดภาคเศรษฐกิจ และผ่อนคลายการรักษาระยะห่างในสหรัฐที่เริ่มอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้เจ้าของธุรกิจกลับมาจ้างคนทำงานครั้งใหม่ เช่น ธุรกิจพักผ่อนหย่อนใจ และสถาบันโรงพยาบาลกลับมาจ้างงานเพิ่มขึ้นถึงครึ่งหนึ่งของจำนวนทั้งหมด 2.5 ล้านคน

#สหรัฐ #จ้างงาน #misterban #usa #america

 

4 มิถุนายน ... จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ของภาคตะวันตกในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงผันผวนต่อเนื่อง