ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. Marnis

    Marnis สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +12
    เคยได้ยินมาว่า โลกมนุษย์นั้นได้มีมนุษย์ต่างดาวมาเยือนเมื่อหลายๆ พันล้านปีก่อนมนุษย์ต่างดาวได้เข้ามานำเสนอวิวัฒนาการ และ เทคโนโลยีมากมายให้กับชาวโลก (มนุษย์ต่างดาว เจริญกว่าเรามากมีวิวัฒนาการกว่าเรามาก)

    ในช่วงที่เกิดอดัมกับอีฟนั้นจะเห็นได้ว่าวิธีการที่มีการแยกเซลล์ของอดัมออกมาเป็นอีฟนั้นเหมือนกับการโคลนนิ้งสมัยนี้มาก (ข้อสันนิษฐานนี้ อาจเป็นได้ว่าอาจเป็นได้ว่า มนุษย์ต่างดาวผู้มีเทคโนโลยีเหนือกว่าเรามาก และ ทำให้สังคมเขาเสื่อมโทรมมาก จึงเกิดความคิดที่จะหาโลกใหม่ ก็มาเจอโลกมนุษย์ก็เลย นำเชื้อพันธ์ หรือ ยีนดีๆ ของหนุ่มสาวต่างดาว ออกมาผสมกัน แล้วแตกเซลล์ หรือทำโคลนนิ่ง อันนี้ไม่แน่ใจ แต่ทำให้ได้มนุษย์ที่สมบูรณ์ที่สุดในทุกๆ เรื่อง มาคู่หนึ่ง คือ อดัม กับ อีฟ นั่นเอง (จริงๆ แล้วข้อสันนิษฐานนี้ชาวตะวันตกเริ่มเชื่อ และ เชื่อว่าเป็นจริง แต่ไม่กล้าเปิดเผยเพราะจะทำให้ความเชื่อด้านศาสนาผิดเพี้ยนไป)ffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ข้อสันนิษฐานต่อไป ที่ว่ามนุษย์ต่างดาวมาโลกแล้วนั้น คือ อนุสรณ์ หรือสิ่งมหัศจรรย์ทั้งหลายทางประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะเป็น ชุมชนมายา (กับปฎิทิน ที่กำหนดวันสิ้นโลกไว้แล้ว) ไม่ว่าจะเป็นปิระมิดของอียิปต์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องหมายแปลกๆ บนพื้นดิน รวมไปถึงการค้นพบช่องสำหรับยานอวกาศในปิระมิดอีก (เมื่อฟังการบรรยายแล้วเสมือนว่าเป็นยานอวกาศ) นั้นคือสมัยนั้นมนุษย์ต่างดาวได้เข้ามาเผยแพร่อารยธรรม และ เทคโนโลยีให้ชาวโลก โดยลองนึกภาพว่าถ้าเราเป็นชาวป่า ไม่มีไฟฟ้าใช้ ปรากฎว่าวันดีคืนดีมีเครื่องบิน หรือ จรวดบินลงมาจอดในเผ่าของเรา แล้วมีเครื่องมีประหลาดๆ พูดสื่อสารกันได้ มีเสียง มีรูปออกมา คุณคิดว่าพวกเขาจะมองเทคโนโลยีเหล่านี้ว่าอะไร คงคิดว่าเป็นอำนาจลึกลับ หรือคิดว่าเป็นพระเจ้าแน่ๆ <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    เช่นเดียวกับมนุษย์โลกในสมัยก่อน หากให้อดัมกับอีฟ อยู่กันแบบไม่มีเทคโนโลยี (มนษย์ต่างดาวคงคิดเช่นนั้น คืออยากหาสังคมที่ใส บริสุทธิ์ให้กับสังคมนี้ แต่อยู่ไปอยู่มาด้วยความเป็นคน อยากรู้อยากเห็น .....พัฒนามาเรื่อยๆ ปฎิบัติผิดข้อห้ามของพระเจ้า (มนุษยต่างดาว) อยู่เรื่อยๆ สังคมมันก็ฟอนเฟะอีกเหมือนเดิม จึงเป็นอย่างทุกวันนี้<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ทีนี้กลับมาที่เรื่องว่ามนุษย์ต่างดาวได้คอยช่วยเหลือโลกมนุษย์มาตลอดนั้น เห็นได้จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ปรากฏภาพวาดแปลกๆ ภาพคนกับ UFO ภาพ และคำบรรยายเกี่ยวกับยานอวกาศ (รายละเอียดจะเล่าให้ฟังภายหลัง) รวมทั้ง ถ้านึกย้อนไปในยุคของโมเสส ที่บอกโมเสศติดต่อกับพระเจ้าได้นั้น<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    เห็นจะเป็นการติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวมากกว่า นั้นเป็นเพราะหากอ่านจากคำบรรยายว่าเวลาโมเสสจะติดต่อพระเจ้าจะต้องขึ้นไปที่ๆ เป็นภูเขาสูง (ในการนี้พระเจ้าได้บอกวิธีให้โมเสสสร้างกล่อง หรือ หีบขึ้นมาใบหนึ่งโดยภายในมีแผงวงจรบางอย่างซึ่งสร้างขึ้นตามพระบัญชาของพระเจ้า เพื่อเอาไว้ติดต่อกับพระเจ้า) แต่เวลาจะใช้กล่องนี้ได้ ต้องเป็นเวลาที่อากาศดี ท้องฟ้าแจ่มใส และ ต้องไปบนยอดเขา หากเราพิจารณาคร่าวๆ อาจคิดว่านี้เป็นอุปกรณ์สื่อสารแบบในยุคปัจจุบันก็เป็นได้ เพราะหากฟังต่อไปในเรื่องของโมเสส หีบที่ว่านี้ในคัมภีร์บอกว่า เวลาใช้งานจะมีพลังมหาศาล ห้ามคนเข้าใกล้ ใครไม่เชื่อพระเจ้าจะต้องตาย เช่นนี้ จะเห็นได้ว่า ถ้าหีบนั้นเป็นเครื่องเหนี่ยวนำไฟฟ้า หรือกระแสแม่เหล็กหละ แน่นอน เวลาใช้งานหากใครเข้าใกล้ ก็คงถูกช็อต เหมือนถูกพระเจ้าลงโทษงัย<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ทีนี้กลับมาที่เรื่องที่ว่าทำไม บทความนี้มันเกี่ยวกับเรื่องการสิ้นโลก ด้วยหละ<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    มันกำลังจะเกี่ยวค่ะ ไว้จะกลับมาเขียนเพิ่มอีกนะคะ<O:p></O:p>
     
  2. GenerationXXX

    GenerationXXX เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    561
    ค่าพลัง:
    +2,163
    เรื่องอุบัติภัยของไทยถ้าจะหนักสุดก็คงเกี่ยวกับน้ำและน่าจะผ่านไปแล้ว ที่เหลือก็ความขัดแย้งภาคใต้ ซึ่งใกล้จะจบในไม่ช้า จะจับหัวโจกได้แล้วเรื่องก็จะจบโดยเร็วไม่น่าจะเกิดกลางปีนี้(อันนี้ตามความรู้สึกส่วนตัว) ภัยของไทยยังน้อยมากนัก แต่ที่น่าเป็นห่วงและหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือสงครามใหญ่ ช่วงที่ปฏิบัติจิตได้ดีมากในระดับนึงเคยกำหนดจิตถามเหมือนกันได้คำตอบว่า อีกประมาณ 6 ปี ซึ่งถ้านับแล้วก็ตรงกับปีนี้พอดี และก็สอดคล้องกับแหล่งข่าวที่ได้ยินมา(จากพระ)ว่าจะเกิดปีนี้ ระยะเวลาไม่ยาวนานเพียงแค่ 1 ปี แต่ยังไงก็แล้วแต่ก็ต้องใช้นิวเคลียร์กันอย่างแน่นอน ใครอยู่ต่างประเทศช่วงนี้ให้วางแผ่นกลับไทยไว้บ้าง กลับมาเที่ยวก็ยังดี เพราะถ้ามีเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นแล้วจะกลับมาลำบาก อันที่จริงหลวงพ่อ หลวงพี่ พระเกจิอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีก็เตือนกันมาเป็นระยะอยู่แล้ว สิ่งสำคัญที่ย้ำเตือนคือต้องมีสติไม่หวั่นไหวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะถ้าจะคิดกันจริงๆ มันก็ไม่ได้เป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงน่ากลัวอะไรเท่าไหร่ เพราะความจริงถ้ามองกันตรงๆ ชีวิตที่อยู่กันทุกวันนี้มันอันตรายและน่ากลัวกว่าสงครามอยู่แล้ว ใครมีสติก็จะเฉยและเตรียมพร้อม เตรียมใจได้ถูก สิ่งต่างๆ ที่ดูเหมือนว่าเลวร้าย แต่แท้ที่จริงเป็นสิ่งที่พิสูจน์จิตใจของเรานั่นเองว่าจะมั่นคงแน่วแน่ในการปฏิบัติแค่ไหน โดยส่วนตัวเรื่องเหล่านี้เคยคิดจนฟุ้งซ่านไปต่างๆ นานามาแล้ว ก็ขอแค่เตือนสติไว้ว่า มันไม่ต่างอะไรกันเท่าไหร่นัก กับการมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง หรือมีชีวิตอยู่เพื่อคนอื่น เอาเป็นว่าเหตุการณ์นี้ไม่น่าจะเกินสิ้นปีนี้แน่ พระพุทธเจ้าไม่เคยทำนายผิดอยู่แล้ว ทำใจให้มั่นคงดีที่สุด
     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    เหตุสืบเนื่องจากสึนามิ
    คัดลอกมาจากhttp://www.buddhapoem.com/index.php...w&Category=buddhapoemcom&thispage=1&No=144495

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550 align=center border=0><TBODY><TR><TD class=content style="BORDER-RIGHT: #99ff99 2px solid; PADDING-RIGHT: 10px; BORDER-TOP: #99ff99 2px solid; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-BOTTOM: 10px; BORDER-LEFT: #99ff99 2px solid; PADDING-TOP: 10px; BORDER-BOTTOM: #99ff99 2px solid">บางคนเมื่อตายคราวสึนามิถล่มไทยทางภาคใต้ มีพระโพธิสัตว์มารับตัวไปก็มี เขาไปอยู่ที่ไหน มีความหมายว่าอย่างไรครับ?

    ผู้ตั้งกระทู้โชคทวี มณีรัตน์ ( choketawee@thaimail.com ) ::วันที่ลงประกาศ 09-02-2006 16:27:47
    </TD></TR></TBODY></TABLE><!-- End Show Question --><!-- Start Answer Loop -->
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550 align=center border=0><TBODY><TR><TD class=content style="BORDER-RIGHT: #99ff99 1px solid; PADDING-RIGHT: 10px; BORDER-TOP: #99ff99 1px solid; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-BOTTOM: 10px; BORDER-LEFT: #99ff99 1px solid; PADDING-TOP: 10px; BORDER-BOTTOM: #99ff99 1px solid">ความเห็นที่ 1 (386861)


    สึนามิ-ไม่ได้เกิดจากเหตุการณ์ธรรมชาติปกติ การเกิดสึนามิ-มีเบื้องหลัง การเกิดจะมีอุกาบาตลูกหนึ่ง จะเข้ามาสูวงโคจรของโลกในวันที่ 14 กพ.2548 อุกาบาตลูกนี้ มีเส้นผ่าศูนย์กลางพอๆกับประเทศไทย นาซ่าไม่สามารถใช้จรวดนิวเคลียร์ยิงทำลายได้ เพราะไม่ใช่กลุ่มน้ำแข็ง แต่เป็นธาตุที่หนาแน่น แล้วมีเหลี่ยมมาก นาซ่าไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ถ้าหากปล่อยให้ลูกอุกาบาตมาชนโลก ก็จะเกิดมหันตภัย จึงเกิดเหตุธรรมชาติรักษาธรรมชาติ ถ้ามนุษย์เชื่อว่าศาสนามี ศาสดามี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผู้มีอิทธิปาฏิหาริย์มี ผู้รู้เหล่านี้-ก็สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้.......

    ใจของคน-ก็มีแก้วสารพัดนึก ธรรมชาติ-ก็ต้องมีผู้ดูแล ก็ต้องมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยแก้ไข เหมือนมนุษย์ที่คอยรักษาปกปักบ้านเมือง ประเทศชาติ และโลก จึงเกิดการผลักดันจากธรรมชาติ(สิ่งศักดิ์สิทธิ์)ให้ธรรมชาติรักษาธรรมชาติ แผ่นหินใต้โลกเกิดการเคลื่อนแล้วชน และมุดลงใต้แผ่นหินอีกแผ่นหนึ่ง ทำให้เกิดการเคลื่อนน้ำทะเลถาโถมเข้าใส่ฝั่ง เพื่อให้โลกเกิดเสียสมดุลในวงโคจรโลก ออกจากวงโคจรเดิม เพื่อหลบหลีกอุกาบาตที่จะชนโลก ถ้าหากเกิดการชนขึ้น น้ำทะเลในมหาสมุทร จะเกิดคลื่นยักษ์มากกว่าสึนามิหลายสิบเท่า คนจะตายกันเป็นร้อยล้าน ไม่ตายเท่าที่เราเห็น ฉะนั้น พระโพธิสัตว์ที่ช่วยโลก ถือว่า คนตายเหล่านี้ เสียสละชีวิต เพื่อให้โลกอยู่รอด ทำให้มีการบริจาคทานกันทั่วโลก เป็นการสะเดาะเคราะห์กรรมให้แก่โลก จึงถือเป็นวีรบุรุษของโลก จึงเสด็จมารับจิตวิญญาณนั้นไป ก็ไปอยู่สวรรค์ตามบุพกรรมที่ทำมา ผู้นั้นหรือถ้าหากจะคิดกลับมาเกิดก็ง่ายกว่ากินน้ำเสียอีก.....


    ผู้แสดงความคิดเห็นธรรมญาณ ( dhammayan2000@yahoo.com ) วันที่ลงประกาศ 11-02-2006 19:08:17
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#ffff00 colSpan=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. lolz

    lolz Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +54
    ว่ากันไปเรื่อย...
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    คาดมีคนตาย 142 ล้านคนหากไข้หวัดนกระบาดทั่วโลก

    ข่าวต่างประเทศ[​IMG]

    ซิดนีย์ 17 ก.พ.- นักวิชาการออสเตรเลียวาดภาพสถานการณ์เลวร้ายที่สุดว่า หากไข้หวัดนกระบาดทั่วโลกอาจมีผู้เสียชีวิตมากถึง 142 ล้านคน สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจประมาณ 4.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 176 ล้านล้านบาท)
    ผลการศึกษาของสถาบันโลวี ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านนโยบายอิสระ ชี้ว่า หากไข้หวัดนกระบาดในระดับปานกลาง คาดว่าจะทำให้มีผู้เสียชีวิต 1.4 ล้านคน สร้างความสูญเสียร้อยละ 0.8 ของผลิตภัณฑ์มวลรวม หรือ จีดีพี ของเศรษฐกิจโลก แต่เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวอย่างรุนแรงหากเกิดระบาดขั้นรุนแรงที่สุด จะมีคนล้มตายมากถึง 142.2 ล้านคน สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจสูงถึง 4.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภาวะนี้น่าจะทำให้ทุนของโลกเคลื่อนย้ายจากประเทศกำลังพัฒนาไปยังภูมิภาคที่มีความปลอดภัยกว่า เช่น อเมริกาเหนือและยุโรป
    ภายใต้สภาพการณ์เลวร้ายที่สุดนั้น ชาวออสเตรเลียจะเสียชีวิตเพราะไข้หวัดนกประมาณร้อยละ 1 หรือ 214,000 คน เศรษฐกิจของประเทศจะหดตัวลงร้อยละ 10.6 นักวิชาการออสเตรเลียระบุว่า มีความไม่แน่นอนมากมายว่าไข้หวัดนกจะกลายพันธุ์เป็นโรคที่ติดต่อจากคนสู่คนได้หรือไม่ แต่แนะนำให้ลงทุนขนานใหญ่เพื่อสร้างความมั่นใจว่าไข้หวัดนกจะไม่ระบาดทั่วโลก
    นอกจากนี้ไข้หวัดนกระบาดยังจะทำให้จำนวนแรงงานลดลงมากเพราะคนล้มตายและเจ็บป่วย ค่าใช้จ่ายในการทำธุรกิจจะเพิ่มขึ้น และผู้บริโภคจะเลี่ยงธุรกิจที่เสี่ยงต่อการติดโรค เช่น การท่องเที่ยวและการทานอาหารนอกบ้าน.-สำนักข่าวไทย



    [ 2006-02-17 : 15:26:09 ]

    น้ำแข็งกรีนแลนด์ละลายเร็วกว่าที่คิด
    ข่าวต่างประเทศ[​IMG]

    เซนต์หลุยส์ 17 ก.พ.- คณะนักวิจัยอเมริกันชี้ว่า แผ่นน้ำแข็งของเกาะกรีนแลนด์แตกตัวและละลายไหลลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติกเร็วกว่าที่คิดกันไว้เกือบ 2 เท่า ส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น 1 ใน 6 ส่วน
    นิตยสารไซเอินซ์ฉบับวันนี้ระบุว่า ผลการตรวจวัดแผ่นน้ำแข็งทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะกรีนแลนด์ตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมาพบว่า อุณหภูมิที่สูงขึ้น 3 องศาเซลเซียสในรอบ 20 ปีที่ผ่านมาทำให้น้ำแข็งข้างใต้ละลายมากขึ้นและไหลลงสู่มหาสมุทรเร็วขึ้น ผลการคำนวณจากข้อมูลใหม่ชี้ว่า ปี 2548 แผ่นน้ำแข็งของเกาะกรีนแลนด์ละลายไหลลงมหาสมุทรแอตแลนติก 150 ลูกบาศก์กิโลเมตรต่อปี เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าจากปี 2539 ที่ละลาย 50 ลูกบาศก์กิโลเมตรต่อปี น้ำแข็งที่ละลายนี้ทำให้ระดับน้ำทะเลโลกเพิ่มขึ้น 0.5 มิลลิเมตรจากที่เพิ่มขึ้นทั้งหมดปีละ 3 มิลลิเมตร
    เกาะกรีนแลนด์มีแผ่นน้ำแข็งทั้งหมด 1.7 ล้านตารางกิโลเมตร เกือบเท่าพื้นที่ของเม็กซิโก หากแผ่นน้ำแข็งทั้งหมดละลายจะทำให้ระดับน้ำทะเลของโลกเพิ่มขึ้นถึง 7 เมตร.-สำนักข่าวไทย



    [ 2006-02-17 : 10:16:38 ]

    โคลนถล่มในฟิลิปปินส์ฝัง 200 คนตายทั้งเป็น
    ข่าวต่างประเทศ[​IMG]

    ฟิลิปปินส์ 17 ก.พ.- นายริชาร์ด กอร์ดอน หัวหน้ากาชาดฟิลิปปินส์ แจ้งว่า เกิดโคลนถล่มฝังหมู่บ้านทางตอนกลางของประเทศจมหายไปทั้งหมู่บ้าน คาดว่ามีผู้เสียชีวิตประมาณ 200 คน หายสาบสูญอีกราว 1,500 คน
    นายกอร์ดอน ระบุว่า โคลนถล่มเกิดขึ้นที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเมืองเซนต์เบอร์นาร์ด ทางตอนใต้ของเกาะเลย์เต รายงานเบื้องต้นแจ้งว่า หมู่บ้านดังกล่าวน่าจะมีบ้านเรือนประมาณ 500 หลังคาเรือน ด้านเจ้าหน้าที่กลาโหมรายงานว่า จนถึงขณะนี้กู้ศพได้แล้ว 4 ศพ และยังไม่ทราบความรุนแรงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเนื่องจากยังไม่สามารถเข้าถึงสถานที่เกิดเหตุได้ กองทัพฟิลิปปินส์ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ไปช่วยกู้ภัยแล้ว
    รายงานระบุเพิ่มเติมว่า พื้นที่ดังกล่าวเกิดฝนตกหนักติดต่อกันตลอด 10 วันที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย



    [ 2006-02-17 : 14:27:41 ]

    ที่มาhttp://tna.mcot.net/search.php?type=2#
     
  6. กรเกตุ

    กรเกตุ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2005
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +61
    เรื่อง สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา จริงๆแล้วมันคือ แดนลับแลครับ คน เครื่องบิน เรือเดินทะเลที่สูญหายไป จริงๆแล้วไม่ได้ไปไหนหรอกครับ ก็อยู่ในสามเหลี่ยมเบอร์มิวดานั่นแหละ เพียงแต่เราไม่เห็นเขาเท่านั้นเอง บริเวณนั้นจะเป็นแดนที่มีการดำเนินชีวิตตามปกติ มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย คนที่นี่เขาจะมองเห็นเรา แต่เรามองไม่เห็นเขา เขาสามารถออกจากแดนนี้ได้ โดยที่เราไม่เห็นเขา ในประเทศไทยก็มีอยู่เหมือนกันครับ รู้สึกจะ 2 ที่ แต่ไม่ทราบว่าที่ไหน
     
  7. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือ

    ข้อความข้างล่างนี้ผมได้เคยใส่ไว้ในกระทู้หลวงปู่เทพโลกอุดร....แล้วแต่อยากให้ลองอ่านกันอีกครั้งดังนี้

    มีคำบอกเล่าจากพระเกจิอาจารย์ท่านหนึ่งที่จังหวัดศรีษะเกษเมื่อปีพ.ศ.2545 โดยท่านได้เล่าฟังหมู่ผู้ปฏิบัติธรรมประมาณ 8 ท่านไว้ว่าในปีพ.ศ. 2548 - 2550 จะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ขึ้นซึ่งจะมีทั้งแผ่นดินไหวแผ่นดินยุบน้ำท่วมจากคลื่นในทะเลมีการระบาดของโรคร้ายชนิดแปลกๆ มีสงครามที่รุนแรงแต่ไม่ใช่สงครามโลกโดยการบรรยายของท่านเป็นการบรรยายด้วยภาษาอิสาน ซึ่งท่านได้พูดไว้ชัดเจนว่าปลายปี 2547 อาจจะได้เห็นเหตุการณ์บางอย่างเป็นการชิมลางซึ่งเทียบกันไม่ได้เลยกับสิ่งที่จะเกิดในปี 2549 และ 2550 หลังปี 2550 ผู้คนบนโลกจมีเหลือรอดไม่ถึง 1 ใน 3 แต่คนไทยจะโชคดีหน่อยที่มีชีวิตเหลือรอดมาได้ประมาณครึ่งหนึ่งโดยที่ภาคใต้ทั้งภาคจะหายไปจากแผนที่ ส่วนทางภาคกลางภาคตะวันออกบางส่วนก็จะจมทะเลอันเนื่องมาจากน้ำเข็งขั้วโลกทั้งสองละลายหมดน้ำทะเลจะสูงขึ้น 10 เมตร โดยที่ในปี 2550 ระบบเงินตราทั่วโลกพังทะลายหมดเงินหนึ่งดอลลาร์มีค่าไม่ถึงบาทการซื๊อขายสินค้าก็จะใช้เป็นแบบของแลกของหรือใช้ทองคำแทนเงินในการซื๊อขายจากนั้นเหตุการณ์ก็จะค่อยๆสงบลงแล้วผู้คนที่เหลือรอดก็จะมาเริ่มต้นกันใหม่คนที่ตายไปส่วนใหญ่จะเป็นพวกที่สร้างกรรมไม่ดีไว้โดยวิญญาณที่ไม่ดีเหล่านี้จะถูกส่งไปกักตัวไว้ในแดนนรกภูมิเพื่อรอการพิจารณาโทษโดยที่ไม่มีโอกาสมาเกิดบนโลกมนุษย์อีกในช่วง 80,000 ปีนี้เนื่องจากเป็นช่วงยุคของพระศรีอาริยะเมตตรัย ตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นไปใครที่ทำผิดศีลธรรมไม่ต้องรอให้กฏหมายลงโทษหรอกจะขาดใจตายในขณะเริ่มต้นทำชั่วทันทีและวิญญาณก็จะไปลงนรกภูมิทันทีและไม่มีสิทธิ์มาเกิดอีกแม้จะหมดโทษทัณฑ์ในนรกแล้วก็ตามจนกว่าจะหมดยุคของพระศรีอาริยะเมตตรัย
    <O:p</O:p

    ประมาณปี 2552 เป็นต้นไปจะมีการเรียนการสอนวิชชาสาม และวิชชาหก โดยฆราวาท 4 ท่านที่มีบารมีและพลังจิตสูงมากซึ่งจะมีการเรียนการสอนกันอย่างแพร่หลายโดยเฉพาะอย่างยิ่งการสอนการใช้โทรจิตติดต่อกันโดยไม่ต้องใช้โทรศัพท์มือถือหรือโทรศัพท์บ้านหลังจากนั้นจะมีการปรากฏตัวขององค์พระศรีอาริยะเมตตรัยการเรียนการสอนวิชชาต่างๆเหล่านี้จะทำได้ที่เดียวในโลกคือประเทศไทยที่อื่นๆในโลกไม่สารถทำการสอนได้เพราะนี่เป็นเรื่องฟ้าลิขิตชาวต่างชาติจากที่อื่นๆทั่วโลกที่มีชีวิตเหลือรอดมาได้จะมาเรียนวิชชาเหล่านี้ที่เมืองไทยที่เดียวสุดท้ายเมืองไทยจะได้รับการแต่งตั้งจากทั่วโลกให้เป็นศูนย์กลางสมาพันธ์โลกและศูนย์กลางอารยธรรมใหม่ของโลกภาษาไทยได้กลายเป็นภาษาสากลที่ใช้กันทั่วโลกทั้งหมดที่กล่าวจะเกิดขึ้นในปีพ.ศ.2560 นี้ คนรวยจะไม่มีใครสนใจไม่ได้รับการเคารพมีแต่คนที่มีบารมีสูงมีแสงรัศมี(ออร่า)สว่างๆจะได้รับการเคารพ

    ผู้นำประเทศตั้งแต่ปี 2552 จะเป็นผู้ทรงศีลมีบารมีและพลังจิตสูงมากและใครก็ตามที่อยู่ในเครื่องนุ่งห่มจีวรพระหากทำผิดพระวินัยก็จะเจ็บป่วยอย่างหนักจนถึงตายเลย หลวงปู่ท่านนี้ก็ได้ยืนยันหนักแน่นว่าสิ่งท่านพูดให้ฟังท่านไม่ได้เห็นเองแต่เป็นเบื้องบนบอกให้พูดไปตามนี้ผมมีข้อสังเกตอย่างหนึ่งว่าจิตของดวงวิญญาณใดก็ตามจะมีความสามารถในการเห็นอนาคต(อนาคตังคญาณ)ได้แม่นยำไม่เกิน 5 วันของระดับชั้นที่ดวงจิตนั้นอยู่ ซึ่งถ้าเทียบ 1 วันบนชั้นของเทพสูงสุดจะเท่ากับ 80 ปีบนโลกมนุษย์ การที่หลวงปู่บอกว่าเบื้อบนบอกมาว่าจะเกิดในอีก 5 ปีบนโลกมนุษย์ซึ่งก็คือ 1.5 ชั่วโมงบนชั้นเทพสูงสุดซึ่งน่าจะมีความแม่นยำสูงมากซึ่งเทียบกับคนที่มีณานญาณในการดูอนาคตบนโลกก็จะมีความแม่นยำแค่ 5 วันบนโลกเท่านั้นหมายความว่าถ้าหลวงปู่บอกว่าท่านมองเห็นอนาคตเองเองว่าจะเกิดในปี 2549 ความแม่นยำก็จะมีไม่มากนักแต่หลวงปู่ยืนยันว่าเบื้องบนให้มาบอกตามนี้ก็น่ามีน่าเชื่อถือสูงมาก

    สุดท้ายไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ขอให้พวกเราจงตั้งมั่นอยู่ในความไม่ประมาทมั่นทำกุศลกรรมให้มากฝึกสมาธิให้มากๆหลวงปู่ได้บอกไว้ว่าคนจิตใจดีมีศีลสมาธิดีถึงเวลาใกล้จะเกิดภัยพิบัติก็จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าคอยบอกให้ไปอยู่ในที่ปลอดภัย

    ขอคนดีทุกคนจงปลอดภัยกันทั่วหน้าเพื่อจะได้เจอะเจอกัมใหม่ในยุคใหม่ของยุคพระศรีอารย์ทุกคนเทอญ<O:p</O:p
     
  8. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ใช่ครับ..บ้านช่องถ้ารกรุงรัง เรายังต้องทำความสะอาดเลย ..โลกใบนี้ก็เช่นกันใกล้ถึงเวลาที่ต้องชำระปัดกวาดครั้งใหญ่เหมือนกัน.เพื่อให้สะอาดและน่าอยู่ขึ้นกว่าเดิม..รู้สึกว่าจะเป็นครั้งที่ 4 แล้ว ในรอบ 60,000 ปีนี้....

    จึงไม่ใช่วันสิ้นโลกแน่นอน..เพียงชำระระบบโลกให้น่าอยู่ขึ้น ให้เกิดความเจริญทางจิตมากกว่าด้านวัตถุ โดยจะมีคนรุ่นใหม่ๆมาเกิดมาทำหน้าที่กันมากมายในยุคใหม่นี้..เหมือนกันว่าเราเช่าบ้านหลังนี้อยู่ และหมดสัญญาเช่าแล้ว..ตนใหม่ๆจะมาเช่าบ้าน(โลก) ต่อจากเรา เราจะออกไปอย่างสง่าผาเผยดีกว่า หรือจะยึดบ้านหลังนี้ไว้ไม่ให้ใครมาอยู่...

    บางคนอยู่กันมา ตั้ง 60,000 ปี ก็ยังนิพพานกันไม่ได้ บางคนก็เป็นจิตวิตวิญาณที่เพิ่งมาใหม่ ยังมีความบริสุทธิ์ในจิตอยู่มาก ล้วนมาทำหน้าที่กันบนโลกใบนี้ให้มีความสมดุล...แต่เวลาเหลือน้อยลงเรื่อยๆ นับถอยหลังสัญญาเช่าใกล้จะหมด โลกมีแต่จะเสียสมดุล ยากต่อการเยียวยา ดูแล้วการชำระระบบโลกคงหลีกเลี่ยงได้ยากเสียแล้ว...

    เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกโดยรวมของมนุษย์โลกเท่านั้นครับ ว่าจะไปในทิศทางใด เราอาจช่วยได้เพียงผ่อนหนักเป็นเบาได้ โดยการไม่สร้างกรรมใหม่ที่เบียดเบียนก้น ลดความรุนแรง ลดความโกรธลงบ้าง ให้อภัยกันสักหน่อย สร้างพลังที่เป็นด้านบวก ลบล้างพลังงานที่เป็นด้านลบ ให้เจือจางลงไป เพื่อให้เรามีเวลาบำเพ็ญมากขึ้น..เหตุการณ์ต่างๆในวันข้างหน้านั้น ย่อมเกิดขึ้นได้ครับ เพราะมันเป็นของมันเช่นนั้น..

    "นักวิทยาศาสตร์โลกหลายท่านก็ให้ความเห็นตรงกัน จากการปรากฏการณ์สิ่งแวดล้อม และแนวโน้มของอุณหภูมิโลกที่ร้อนขึ้นทุกๆปี เป็นสาเหตุสำคัญ ที่คาดว่าไม่เกิน 40-50 ปีข้างหน้าที่โลกต้องถึงจุดวิกฤติใหญ่ อย่างแน่นอนทั้งน้ำทะเลที่เข้าท่วมเมืองใหญ่หลายๆประเทศ พายุที่รุนแรงขึ้นกว่าที่เคยมีมา หรือคลื่นยักษ์ตามชายฝั่ง ที่อาจก่อตัวได้สูงถึง 30-60 เมตรหรือมากกว่านั้น ถึงขั้นที่ต้องเขียนแผนที่กันใหม่หมดทั่วทั้งโลกเลยทีเดียว..

    และเป็นการยากอย่างยิ่ง ที่จะนัดผู้นำประเทศต่างทั่วโลกให้มาตระหนักถึงวิกฤตเหล่านี้ เพราะเขาเหล่านั้นแทบไม่เห็นความสำคัญ นอกไปจากเรื่องเศรษกิจของตนเองเลย..."(จากรายการสารคดี ทางช่อง9 อสมท.)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2006
  9. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,568
    ค่าพลัง:
    +4,560
    อ่านแล้วเพลินเหมือนอ่านนิยาย
    หนังสือที่เขียนกันเขาถอดมาจากไหน สถาบันใดวิจัย?.
    ในทางวิทยาศาสตร์ เขามีทฤษฎีโลกร้อน ก็กำลังป้องกันกันอยู่
    แผ่นดินไหว มนุษย์ยังไม่มีเครื่องมือพยากรณ์ได้
    อุกาบาตชนโลก นาซ่ายิงดาวหางด้วยยานดีปอิมแพกต์แล้ว
    ภูเขาไฟเขามีเครื่องมือมอนิเตอร์ตามรอยกันอยู่ว่าลาวาเคลื่อนตัวหรือไม่อย่างไรอาจรู้ล่วงหน้าได้บ้างแต่ไม่นานกำลังวิจัยกันอยู่
    ในทางศาสนาพลังจิต ส่วนใหญ่เป็นพวกกิเลศปรุงแต่ง เพ้อเจ้อกันไปเองว่าเห็นนิมิตโน่นนี่ แท้แล้วเป็นจิตกิเลศปรุงแต่งร้อยทั้งร้อย เป็นเหมือนจิตไร้สำนึกมาหลอดเจ้าของ
    เชื่อถือไม่ได้ครับ
     
  10. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,568
    ค่าพลัง:
    +4,560
    จิตฟุ้งซ่าน ปราสาทวิทยาเรียกสารเคมีในสมองผิดปกติ
    กิเลศปรุงแต่งจิตให้เห็นเป็นนิมิตรลวง
    เอาความจริงนิดเดียวผสมความเท็จที่หลงผิด
    แล้วเชื่อเป็นตุเป็นตะ
    อนาคตเปิดสำนัก
    แล้วถูกปิด
    ส่งศรีธัญญาแล
     
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    ความรู้เรื่องระเบิดนิวเคลียร์

    เชื่อว่าคุณคงเคยได้อ่านประวัติของระเบิดปรมาณู ในสงครามโลกครั้งที่ 2 มาบ้างแล้ว และตอนนี้ก็มีภาพยนตร์ที่แสดงถึงความพินาศย่อยยับหลังการเกิดระเบิดออกมาให้ดูเรื่อยๆ ดังเช่น คนเหล็ก และ วันล้างโลกเป็นต้น หลายประเทศกำลังวิตกเรื่องภัยคุกคามจากนิวเคลียร์ มีการออกมาตรการต่างๆ เพื่อจำกัดอาวุธนิวเคลียร์ และเซ็นสัญญากันวุ่นวายไปหมด ขณะที่บางประเทศไม่เห็นด้วยกับสัญญา และกำลังเร่งสะสมอาวุธนิวเคลียร์ ตัวอย่างเช่น อินเดีย และปากีสถาน และเมื่อเร็วๆนี้ ประเทศเกาหลีเหนือได้ทดลองอาวุธนิวเคลียร์ โดยอ้างความจำเป็นในการป้องกันตนเอง

    [​IMG]
    ภาพการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ ในปี 1953 โดยยิงจากปืนใหญ่
    การทำลายล้างของระเบิดนิวเคลียร์สูงมากจนน่าตกใจ

    ผลของระเบิดนิวเคลียร์
    การระเบิดของนิวเคลียร์ เป้าหมายหลักอยู่ที่พลเรือน สิ่งก่อสร้าง และตัวเมืองขนาดใหญ่ ความเสียหายวัดได้จาก ระยะทางจากจุดศูนย์กลางของการระเบิด ซึ่งมีชื่อเรียกว่า ไฮโปเซนเตอร์ (Hypocenter) หรือ กราวซีโร( ground zero) ยิ่งอยู่ใกล้ Hypocenter มากเท่าไร ความเสียหายก็ยิ่งรุนแรงมากเท่านั้น

    อำนาจการทำลายเกิดจาก
    • คลื่นความร้อน
    • ความดันจากคลื่นกระแทก
    • กัมมันตรังสี
    • ฝุ่นผงรังสี (Radioactive fallout ) คือหมอกหรือฝุ่นผงที่มีสารกัมมันตรังสี จะตกลงมาบนพื้น หลังจากการระเบิดแล้ว
    ที่ไฮโปเซนเตอร์ ทุกๆสิ่งทุกๆอย่าง ระเหยกลายเป็นไอไปหมด เพราะอุณหภูมิสูงถึง 300 ล้านองศาเซลเซียส ระยะห่างจากไฮโปเซนเตอร์ สิ่งก่อสร้างทุกชนิดจะไหม้ไฟหมด หรือไม่ก็ถูกคลื่นกระแทกทำลายจนไม่มีเหลือ ฝุ่นผงจำนวนมากบนพื้นดินถูกแรงระเบิดยกสูงขึ้น กระจายออกเป็นบริเวณกว้าง ทำให้ผู้คนที่อยู่ห่างไกลจากระเบิดได้รับฝุ่นผงของกัมมันตรังสีโดยผ่านการหายใจ

    นักวิทยาศาสตร์ได้เก็บข้อมูลที่เมืองฮิโรชิมา กับนางาซากิ หลังจากที่ได้เกิดระเบิดแล้วทั้งผลระยะสั้น และผลระยะยาว พบการเปลี่ยนแปลงของเซลในร่างกาย ( ผม , ลำไส้ , ไขกระดูก . อวัยวะสืบพันธุ์ ) ปีค.ศ. 1980 นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า หลังจากสงครามนิวเคลียร์อุบัติขึ้น จะเกิดฤดูหนาวนิวเคลียร์ เพราะการระเบิดของนิวเคลียร์ทั้งหมดที่มนุษย์มีครอบครองอยู่ในปัจจุบัน จะทำให้ฝุ่นผงที่อยู่บนพื้นโลก ถูกยกตัวสูงขึ้น ลอยอยู่ในชั้นของบรรยากาศเบื้องบน และฝุ่นผงเหล่านี้จะไปบดบังไม่ให้แสงอาทิตย์ส่องมายังพื้นโลก ทำให้อุณหภูมิของโลกเย็นลง จนเกิดยุคน้ำแข็งขึ้นอีกครั้ง การสังเคราะห์แสงของพืชและแบคทีเรียจะลดลงด้วย ห่วงโซ่อาหารขาดออก สัตว์ต่างๆรวมทั้งมนุษย์ด้วยจะสูญพันธุ์ ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดมาแล้ว เมื่อ 60 ล้านปีก่อน กับไดโนเสาร์ และทำให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ทั้งหมด แต่ตอนนั้นไม่ได้เกิดจากการระเบิดของนิวเคลียร์ แต่เป็นลูกอุกกาบาตขนาดใหญ่ที่วิ่งเข้าชนโลก และทำให้เกิดฤดูหนาวเช่นเดียวกัน แต่เป็นฤดูหนาวอุกกาบาต การเย็นตัวในลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งบนพื้นโลก และเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ก็มี ดังเช่น การระเบิดของภูเขาไฟหลายๆแห่ง ถ้าเป็นการระเบิดครั้งใหญ่ รอบๆบริเวณนั้นอุณหภูมิจะลดลง และอาจจะมีหิมะตกอยู่หลายสัปดาห์ทีเดียว

    อาวุธนิวเคลียร์มีอำนาจการทำลายล้างสูงมาก ถ้าใครมีไว้ในครอบครอง มีโอกาสที่จะนำมาใช้ได้ทุกเมื่อ และทุกสถานการณ์ แต่ถ้าใครไม่มี ก็ใช่ว่าจะปลอดภัย เพราะมีโอกาสจะถูกทำลายล้าง เช่นเดียวกัน

    ที่มาhttp://www.rmutphysics.com/charud/howstuffwork/nuclear/nuclearthai.htm
     
  12. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    อยากให้ข้อมูลเดิมอีกครั้งเพื่อยืนยันในกระทู้นี้

    มีข้อมูลอยู่ 3 เรื่อง ที่น่าเป็นห่วง<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    1) เรื่องโลกร้อนขึ้นมากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานี้มีผลการบันทึกอุณหภูมิที่ขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ไว้ดังนี้ เมื่อ 5 ปีที่แล้วขั้วโลกเหนือมีอุณหภูมิต่ำสุดประมาณ -150 องศาเซลเซียสสูงสุดอยู่ที่ประมาณ -100 องศาเซลเซียส ส่วนขั้วโลกใต้มีอุณหภูมิต่ำสุดประมาณ -180 องศาเซลเซียส สูงสุดอยู่ที่ประมาณ -120 องศาเซลเซียสในปัจจุบันพบว่าขั้วโลกเหนือมีอุณหภูมิต่ำสุดประมาณ -110 องศาเซลเซียสสูงสุดอยู่ที่ประมาณ -70 องศาเซลเซียส ส่วนขั้วโลกใต้มีอุณหภูมิต่ำสุดประมาณ -130 องศาเซลเซียส สูงสุดอยู่ที่ประมาณ -90 องศาเซลเซียสซึ่งดูจากอุณหภูมิของขั้วโลกทั้งเหนือและใต้แล้วจะเห็นว่าโลกเรานี้มีอุณหภูมิสูงขึ้นถึง 40 ถึง 50 องศาเซลเซียส<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    2) เรื่องการศึกษาการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิบนโลกโดยเฉพาะบริเวณขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้จากผลของ Greenhouse Gas Effect บวกกับ การสลายของชั้นโอโซน<O:p</O:p
    พบว่าในช่วงระยะ 5 ปีที่ผ่านมานี้อุณหภูมิของขั้วโลกทั้งสองจะสูงขึ้นไม่เกิน 3 องศาเซลเซียสหมายความว่าที่โลกร้อนขึ้นที่ขั้วโลกมากมายขนาด 40 ถึง 50 องศาเซลเซียสนี้ไม่ได้เกิดจาก Greenhouse Gas Effect กับการสลายของชั้นโอโซนแล้วมันเกิดจากอะไรล่ะ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    3) เกิดทฤษฎีโลกบวมมีการพูดถึงทฤษฎีนี้กันมากขึ้นในวงการวิทยาศาสตร์ทางธรณีโดยที่เชื่อกันว่าการเกิดขึ้นของดาวโลกคล้ายกันกับดาวพฤหัสคือที่ใจกลางของดวงดาวเป็นปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชั่นเช่นเดียวกับดวงอาทิตย์แต่มีกำลังไม่มากมายเหมือนดวงอาทิตย์มีแค่พอรักษาสภาพหินหลอมละลาย(Magma)ที่ใต้เปลือกโลกไว้ไม่ให้แข็งตัวเป็นการรักษาสมดุลย์ของโลกไว้แต่ในปัจจุบันไม่ทราบแน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกับใจกลางโลกทำให้ปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชั่นเกิดเสียสมดุลย์ขึ้นทำเกิดความร้อนใต้เปลือกโลกเพิ่มขึ้นจนส่งผลให้ขั้วโลกทั้งสองมีอุณหภูมิสูงขึ้นอีกตั้ง 50 องศาเซลเซียสและทฤษฎีนี้กำลังบอกเราว่าเมื่อใจกลางโลกร้อนขึ้นก็จะทำให้หินหลอมละลาย(Magma)ขยายตัวทำให้เกิดแรงดันกระทำต่อเปลือกโลกทำให้โลกเราเกิดอาการบวมขึ้นแล้วถึงจุดหนึ่งเปลือกโลกก็จะเกิดการปริแตกซึ่งน่ากลัวมากการเกิดสึนามิเมื่อปลายปี 2547 นั้นได้สนับสนุนทฤษฎีโลกบวมนี้อย่างชัดเจนเพราะสาเหตุของสึนามินี้เกิดจากแตกของแผ่นเปลือกโลกข้างๆเกาะสุมาตราเป็นแนวยาวประมาณ 200 กิโลเมตรและเปลือกโลกฝั่งหนึ่งของรอยแตกได้ตกลงประมาณ 4 เมตรจึกทำให้เกิดคลื่นสึนามิที่มีพลังการทำลายล้างสูงมากนอกจากนี้ยังมีข้อมูลของภูเขาไฟที่ดับไปแล้วหลายสิบลูกทั่วโลกที่เกิดการประทุขึ้นมาใหม่ก็สนับสนุนทฤษฎีนี้เช่นกัน (มีเกจิอาจารย์บางท่านเคยบอกว่าความสมดุลย์ของพลังงานในใจกลางโลกนั้นขึ้นอยู่กับกำลังจิตรวมของคนทั้งโลกคือถ้าทั้งโลกมีคนที่มีจิตใจดีงามเป็นกุศลมากๆพลังงานในใจกลางโลกก็จะไม่เสียสมดุลย์ แต่ในสภาวะปัจจุบันนี้มันตรงกันข้ามเพราะคนทั้งโลกส่วนใหญ่มีจิตที่ไม่ดีหรือจิตอกุศลเยอะมากนั่นคือสมดุลย์ในใจกลางโลกถึงเสียไปมีทางแก้ทางเดียวคือการทำความสะอาดโลกเสียใหม่ให้เหลือคนที่มีจิตเป็นกุศลมากๆก็จะทำให้พลังงานในใจกลางโลกกลับมาสมดุลย์ใหม่ได้อีกครั้ง)<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    [b-wai] [b-wai] [b-wai]
    หวังว่าพวกเราคงจะเห็นความไม่เที่ยงของโลกและคงจะตาสว่างพอที่จะพร้อมเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ทางจิตของพระพุทธองค์ได้แล้วนะครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <!-- / message -->
     
  13. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    "เกจิอาจารย์บางท่านเคยบอกว่าความสมดุลย์ของพลังงานในใจกลางโลกนั้นขึ้นอยู่กับกำลังจิตรวมของคนทั้งโลก"

    ในเรื่องนี้เป็นไปได้ครับ ขอขยายความอีกหน่อยนะครับ...
    เป็นไปได้ว่าในใจกลางของโลก มีการตอบสนองกับคลื่นพลังงานที่มาจากจิตสำนึกของมนุษย์โดยตรง พลังงานที่เป็นประจุไฟฟ้าจะถูกเหวี่ยงออกมาจาก"ตาที่สาม" (เมื่อมนุษย์สร้างอารมณ์ต่างๆขึ้นมา จะเกิดเป็นพลังงานรูปแบบหนึ่ง) เข้าไปจุดระเบิดอะตอมธาตุในใจกลางโลกได้...

    จากข้อมูลอาจารย์ปริญญา ตันสกุล บอกว่ามีสิ่งหนึ่งที่อยู่บริเวณใจกลางโลกเป็นก้อน"ออกซิเจนเหลว"ข้นๆหนืดๆ สีเขียวปีกแมลงทับที่มีความไวต่อประจุไฟฟ้าทุกชนิด เมื่อกระทบกับประจุไฟฟ้าที่เป็นบวก จะเกิดปฏิกริยาระเบิดแตกตัวออกมาเป็นก๊าซออกซิเจน(ให้เราใช้หายใจ) รวมถึงการสร้างแรงบิด แรงเหวี่ยงหมุนรอบตัวเอง (เป็นพลังงานที่ทำให้โลกหมุนรอบตัวเองอย่างต่อเนิ่อง) และการยกระดับสนามแม่เหล็กของโลก (ที่ห่อหุ้มเป็นฉนวนหรือเกราะป้องกันเทหวัตถุเข้ามาชนเหมิอนรั้วบ้าน)

    "จิตสำนึกรวมหมู่" ของมนุษย์ในช่วงเวลาต่างๆของแต่ละยุคสมัยนั้น มีค่าไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจ และสิ่งแลดล้อม ที่เป็นตัวแปร ช่วงไหนที่โลกมีสงคราม หรือความขัดแย้งกัน หรือยึดติดในวัตถุกันมากๆ ค่าพลังงานจะอ่อนแอลง ส่งผลให้โลกไม่สมดุล แกนโลกจะส่ายไปมา สนามแม่เหล็กโลกจะกระพือขึ้น-ลง ต่างระดับกันมาก ส่งผลกับสิ่งแวดล้อมทุกด้าน กับธาตุทั้งสี่ ถึงแม้จะเป็นสิ่งที่เราอาจมองไม่เห็น แต่มันก็มีและเป็นอยู่ของมันเช่นนั้นมาตลอดเวลา...

    การที่โลกเสียสมดุล อาจมีเบี้องหลังที่เราไม่รู้มากมาย แต่ผลรวมของจิตสำนึกของมนุษย์โลกที่ไม่เหลวไหล อาจช่วยแก้ไขเรื่องเหล่านี้ได้ไม่มากก็น้อยนะครับ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2006
  14. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เมื่อดาวใหญ่สองดวงเข้ามาใกล้โลก</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย พลตำรวจตรี สุชาติ เผือกสกนธ์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>2 มีนาคม 2549 19:00 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> .ในช่วงเวลาระหว่างนี้ได้มีปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ มีดาวพระเคราะห์ใหญ่ที่สำคัญ ๒ ดวง ได้แก่ ดาวพฤหัสบดี และดาวเสาร์โคจรเข้ามาใกล้โลก ซึ่งตามหลักวิชาโหราศาสตร์เรียกว่า เป็นการโคจรวิกลคติ (โคจรถอยหลังแทนที่จะโคจรไปข้างหน้า) หรือ พักร (Retrograde) กล่าวคือ ดาวพฤหัสบดีจะพักรอยู่ในราศีตุลย์ตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2549 จนถึงวันที่ 7 กรกฎาคม ปีเดียวกัน และดาวเสาร์ซึ่งได้พักรอยู่ในราศีกรกฎมาตั้งแต่เดือนกันยายน 2548 จนถึงวันที่ 6 เมษายน 2549

    ในแต่ละปี ดาวพระเคราะห์ต่างๆ ยกเว้น ดวงอาทิตย์ และดาวจันทร์ซึ่งเป็นดาวพระเคราะห์ขนาดเล็กกว่าดาวพฤหัสบดี และดาวเสาร์จะมีการโคจรวิกลคติเป็นประจำเช่นกัน ถ้าเป็นดาวเล็กซึ่งมีวงโคจรไม่ห่างจากดวงอาทิตย์ได้แก่ ดาวอังคาร ดาวพุธ และดาวศุกร์จะใช้เวลาพักรไม่นานนัก หากเป็นดาวเล็กที่มีวงโคจรห่างจากดวงอาทิตย์มากได้แก่ ดาวมฤตยู ดาวเน็ปจูน และดาวพลูโตจะใช้เวลาพักรนาน

    เรื่องการโคจรวิกลคติของดาวพระเคราะห์ดังกล่าว ตามหลักวิชาโหราศาสตร์ถือว่า จะส่งผลเบียนเป็นทุกข์โทษแก่เจ้าชะตา โดยจะปรากฎผลให้เห็นเมื่อดาวพระเคราะห์ที่พักรมีเชิงมุมที่ไม่ให้คุณกับดาวพระเคราะห์รวมทั้งลัคนา และจุดที่ตั้งของเรือนหรือภพต่างๆ ในดวงชะตานั้น

    ในการตรวจสอบดวงเมืองว่า จะได้รับอิทธิพลจากการโคจรวิกลคติของดาวพระเคราะห์ นอกจากจะใช้ดวงเมืองซึ่งเป็นวันพระราชพิธีตั้งเสาหลักเมือง กรุงเทพมหานคร โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก องค์ปฐมบรมราชจักรีวงศ์ ได้ทรงกำหนดพระฤกษ์นี้ด้วยพระองค์เอง คือ วันที่ 21 เมษายน พ.ศ.2325 เวลา 06:54 นาฬิกาซึ่งวงการโหราศาสตร์ไทยได้ยอมรับใช้ในการพยากรณ์มาโดยตลอด ผมยังใช้หลักวิชาโหราศาสตร์ก้าวหน้า ซึ่งโหราศาสตร์สากลใช้ชื่อว่า
     
  15. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    เรียนคุณ ZZ

    ผมยังมีความเห็นที่ไม่ตรงนักกับผู้เขียนท่านนี้ในส่วนของอิทธิพลแห่งดวงดาวผมมองว่าอิทธิพลแห่งดวงดาวนั้นจะไม่ส่งผลเกิน 50% ถ้าวิบากกรรมของผู้นำประเทศที่ทำอะไรๆไว้ในทางบวกหรือกุศลมากๆ แต่ถ้าผู้นำประเทศทำในสิ่งทีเป็นอกุศลกรรมมากๆอิทธิพลแห่งดวงดาวจะส่งผลเต็ม 100% อย่างแน่นอน พวกเราต้องยอมรับอย่างเต็มใจเพราะนี่คือวิบากกรรมของประเทศเราจริงๆหลีกเลี่ยงไม่ได้หนีก็ไม่ได้ ยกเว้นจะเกิดปาฏิหารย์โดยที่ผู้นำยอมเสียสละลาออกเพื่อแก้วิบากกรรมของประเทศและเป็นการไถ่บาปส่วนหนึ่งใหกับตัวผู้นำเองแต่ปาฏิหารย์ที่ว่าคงเป็นไปไม่ได้แน่เพราะตัวผู้นำเอาแต่ยึดหลักทางกฏหมายอย่างเดียวไม่คำนึงถึงจริยธรรมและคุณธรรมและศีลธรรม

    ขอคนดีทุกคนจงอยู่รอดปลอดภัยเทอญ
    ทศพร
     
  16. wong3210

    wong3210 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    553
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,392
    ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วครับ
     
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    "28 AUGUST 2006" จากคุณ : <!--MsgFrom=6-->ศรีวรุณะอิสโร

    โหรโสรัจจะ พยากรณ์ ดวงเมืองว่า

    สิงหาคม หุ้นตกอย่างรุนแรง จะเกิดดีเปรสชันผ่านตอนเหนือของประเทศ น้ำป่าเริ่มไหลบ่าจากทางภาคเหนือและอีสานลงมาทางใต้ต่อเลยมาถึงกรุงเทพฯ เขื่อนทั้งเล็กและใหญ่จะพังทลาย เกิดน้ำท่วมใหญ่ในหลายจังหวัด พืชพันธุ์ธัญญาหารเสียหายหนักยิ่งกว่าครั้งใด
    กรุงเทพฯ ต้องจมอยู่ใต้บาดาลเป็นเวลายาวนาน
    ปลายเดือน จะมีเรือชนกันเสียหายมากที่อ่าวไทย เรือบรรทุกน้ำมันเสียหายที่สุด น้ำทะเลจะเต็มไปด้วยคราบน้ำมันลอยเป็นแพไปทั่ว
    ปลายเดือน สนามบินแห่งใหม่ มีถูกก่อวินาศกรรม

    ไม่เท่านั้น แม้แต่ ใน BIBLE CODE ก็ถูกถอดรหัส ออกมา ซึ่งเกี่ยวกับประเทศไทยว่า "จะถูกทำลายล้าง ในวันที่ 28 AUGUST 2006"

    ดังในภาพประกอบข้างล่างนี้ <!--MsgEdited=6-->


    [SIZE=-1][/SIZE]<!--MsgFile=6-->
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10>[SIZE=-3] [/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10>[SIZE=-3] [/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>
    หลายท่านอาจจะดูเป็นเรื่องเหลวไหล แต่...

    คุณรู้มั๊ยว่า

    "ทำไมพม่าจึงย้ายเมืองหลวงจากย่างกุ้ง ไป เมืองเปียงมะนา?"

    ถ้าคุณรู้..คุณก็จะตอบได้ว่า

    "ทำไม พ.ต.ท. ทักษิณ และเครือญาติ จึงรีบเร่งขายหุ้นชินคอร์ป ทั้งที่เป็นเรื่อง sensitive ทางการเมือง?"

    ที่รีบขายก็เพราะ...โหรพม่าตาบอด ที่ท่าน พ.ต.ท. ทักษิณและคุณหญิงพจมาน เชื่อเข้ากระดูกดำ ก็ทำนายได้เหมือนโหรโสรัจจะว่า "น้ำจะท่วมกรุงเทพฯ และพื้นที่ 13 จังหวัด โดยรอบอ่าวไทย"

    แล้ว "ทำไม พวกท่าน นายกฯ จึงคิดเอาตัวรอด แต่พอตัว โดยไม่บอกความจริงกับประชาชน?"

    เรื่องนี้ไม่ใช่เพียงแค่คำทำนายของโหรเท่านั้น....

    แต่เป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ และหลายประเทศให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก โดยเฉพาะ องค์การอวกาศ NASA และ ESA หรือ สถาบัน HYDERABAD ของอินเดีย นั่นคือ ความจริงที่ว่า

    "โลกกำลังเผชิญกับสภาวะที่เรียกว่า ขั้วแม่เหล็กโลกพลิกตัว เนื่องจากถูกเหนี่ยวนำจาก การพลิกขั้วแม่เหล็กของดวงอาทิตย์"

    เรื่องดังกล่าว...ผมได้นำกราบเรียน ท่านยงยุทธ ติยะไพรัช รมว. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปตั้งแต่ปีที่แล้ว คำตอบที่ได้รับคือ

    "ถ้าเป็นอย่างที่น้องว่า พี่ก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้แล้ว!"

    จนกระทั่ง ผมได้นำเรื่องนี้ เข้าเสนอต่อ คณะกรรมาธิการการทรัพยากรธรรมชาติฯ สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2548 ซึ่งมีทั้ง อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี และผู้แทนกรมต่างๆ มาชี้แจง

    แต่คำตอบที่ได้ จาก อธิบดีทั้งหลาย คือ

    "เรื่องนี้ ไม่อยู่ในอำนาจที่จะเปิดเผย เพราะอาจทำให้เกิดการตื่นตระหนก"

    เอวัง...ตัวใครก็ตัวมันครับ เพราะถ้าใครสังเกตให้ดีว่า หลังสึนามิ 26 ธ.ค. 2547 โลกของเรา ได้เผชิญเรื่องร้ายๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในรอบ 20 ปี 30 ปี 50 ปี อย่างไรบ้าง ถี่แค่ไหน?

    นั่นคือสัญญาณเตือนจากธรรมชาติ
    และและล้วนเป็นผลข้างเคียงจาก ปรากฏการณ์ "ขั้วแม่เหล็กโลกพลิก" ทั้งสิ้น

    รัฐบาลทำอะไรอยู่? ท่านนายกฯ ทำอะไรอยู่?

    ประชาชนตาดำๆ ที่เสียภาษีให้ท่าน ต้องทำอย่างไร?

    ตอบด่วน...ก่อนไม่มีเวลาตอบคำถาม! <!--MsgFile=9-->

    จากคุณ : <!--MsgFrom=9-->ศรีวรุณะอิสโร
    [​IMG] - [ <!--MsgTime=9-->4 มี.ค. 49 10:19:31 <!--MsgIP=9-->]

    ที่มา http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4160513/P4160513.html<!--pda content="end"-->
     
  18. natthawara

    natthawara Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2006
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +60
    ุ้ถ้ารอดก็จะมาเจอกันใหม่นะ

    เราเองก็อยู่แถวชายฝั่งอ่าวไทย และครอบครัวเราก็อยู่แถวนั้นเหมือนกัน เราเตือนเขา เขาก็ไม่เชื่อ แช่งกลับต่างหาก

    เราเองก็ย้ายมาอยู่กรุงเทพแล้วในตอนนี้ อาจจะย้ายไปอยู่ที่อเมริกาที่ลอสแองเจิลลีสในระยะอันใกล้นี้ ไม่รู้ซิ เหมือนกับมีใครกระซิบบอกให้เราไป แต่เราไม่รู้จริงๆ ว่าไปไหนดี ตัวคนเดียวด้วย รู้แต่ว่าล่าสุดเราเพิ่งกลับมาจากอเมริกา เราเลยไปที่นั่นตั้งหลักก่อน

    แต่พอเราอ่านเว๊ปแล้วเราก็จะลองไปนั่งสมาธิดูให้เป็นเรื่องเป็นราว เผื่อเทวดามากระซิบบอก แต่จริงๆ อาจจะช้าไปแล้วก็ได้ เพราะความรู้สึกบอกให้ไปเดี๋ยวนี้
     
  19. chatsiri

    chatsiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +195
    ปฏิบัติธรรมให้เต็ม ๑๐๑ %......... แล้วเจอกันในยุคพระศรีอริยะเมตตรัยครับ ธรรมะรักษาศิษย์ตถาคต
     
  20. deejaimark

    deejaimark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +16,511
    ตอนนี้ที่Philippine อากาศค่อนข้างขมุกขมัวมาก ท้องฟ้ามืดมัวทุกวัน ทั้งๆ ที่เข้าสู่ summer แล้ว....อากาศชวนเหงา เศร้า มาก...ผู้คนก็ทะเลาะกัน พ่อ แม่ ลูก ทะเลาะกันมากขึ้น...ก็รอดูอยู่เหมือนกันว่าจะเป็นงัยต่ิอ...แต่ว่าที่ผ่านมา ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน....น่ากลัวจริงๆ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...