วัตถุมงคล.คณาจารย์ทั่วไทย..พุทโธน้อย..หลวงปู่จรัญ.วัดอัมพวัน.คุณแม่บุญเรือน..หลวงปู่ดู่..วัดสะแก..อื่นๆๆ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย ญาณวโร นามะ, 18 เมษายน 2015.

  1. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,707
    ค่าพลัง:
    +4,635
    รายการที่85 รูปเหมือนหล่อหลวงพ่อสด พิมพ์เล็ก ใต้ฐานมีเลข ๙๙ เนื้อกะไหล่ทอง**มีผู้รับนิมนต์แล้วครับ**

    วิชชาธรรมกาย เป็นแนวการปฏิบัติธรรมที่หลวงพ่อวัดปากน้ำค้นพบ อันเป็นคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ปฏิบัติเมื่อปฏิบัติย่อมได้รับผลานิสงส์ตามสมควรแก่การปฏิบัติ วิชชาธรรมกายจึงเป็นที่แพร่หลาย มีผู้สนใจเป็นจำนวนมาก ในที่นี้ได้รวบรวมหลักปฏิบัติเบื้องต้นสำหรับผู้สนใจได้ค้นคว้าว่า ธรรมกาย มีความหมายและที่มา มีแนวทางการปฏิบัติอย่างไร เพื่อจะได้ศึกษาค้นคว้าในระดับที่ลึกซึ้งต่อไป
    ธรรมกาย คือกายภายในที่มีอยู่ในกายของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ไม่จำกัดว่าจะเป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน มนุษย์ เทวดา พรหม อรูปพรหม ล้วนต่างมีธรรมกายอยู่ภายในทั้งสิ้น แต่ภพภูมิที่สามารถเข้าถึง ธรรมกาย ได้นั้น จะต้องเป็นเวไนยสัตว์ที่อยู่ในสุขคติภูมิเท่านั้น จึงจะสามารถเข้าถึงได้

    **องค์นี้สภาพสวย พร้อมกล่องเดิมๆ ให้บูชา 300 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มิถุนายน 2015
  2. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,707
    ค่าพลัง:
    +4,635
    รายการที่86 พระหลวงพ่อปานขี่ปลา รุ่นสร้างมณฑป รวย เพิ่ม พูน 2545 มีอุดผงเก่าหลวงพ่อปาน**มีผู้รับนิมนต์แล้วครับ**

    พระหลวงพ่อปาน พิมพ์ทรงปลา โบราณว่า ค้าขายทางน้ำ ช่วยได้จริงทำมาค้าคล่อง

    หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อยุทธยา วัตถุมงคลที่ระบือนาม พระสี่เหลี่ยมผืนผ้า เนื้อดินเผา เป็นพระพุทธ ประทับบนสัตว์ 6 ชนิด ได้แก่

    ไก่ นก เม่น ครุฑ ปลา และ ลิง(หนุมาน)

    ไก่ หางพวงได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 ในแง่ของราคาและเนื้อหา

    แต่ถ้าจะถามว่า ที่หายากที่สุด คือพิมพ์อะไร ต้องยกให้เป็นพิมพ์ขี่ปลาที่หายากมากที่สุด อาจจะเป็นเหตุเพราะสร้างน้อย

    ในพิมพ์ปลา ก็ยังแยกความนิยมและความหายากออกไปอีกครับ นิยมอันดับ 1 และหายากสุดๆต้องยกให้พิมพ์ปลาจีน ครับ รองลงมาเห็นจะเป็นพิมพ์ปลากัด และปลาหมอ ตามลำดับ

    ว่ากันว่า พระเนื้อดินของท่านสามารถทำน้ำมนต์ ถอนพิษสัตว์ได้ ผงวิเศษที่ได้มาจากการเขียนยันต์เกราะเพชร แล้วนำมาบรรจุ ในองค์พระ เป็นยอดปรารถนาของบรรดานักสะสะม ยิ่งนัก
    ในปี พุทธศักราช 2446 นั้นท่านได้ครุ่นคิดถึงการจะปรับปรุ่งเสนาสนะในวัดบางนมโค ให้ดีขึ้นท่านได้หาทางที่จะได้ปัจจัยมาดำเนินการสร้างเสริมถาวรวัตถุในวัด สิ่งแรกที่ท่านจะทำก็คือ สร้างเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุแทนองค์เดิมที่ชำรุดทรุดโทรม เมื่อท่านครุ่นคิดหนักเข้าไปหาวิเวกในบริเวณป่าช้าท้ายวัดบางนมโค ในขณะที่ท่านเจริญฌาณอยู่นั้นเอง ชีปะขาวก็ปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าท่าน แล้วบอกท่านจะต้องสร้างพระจึงสามารถหาทุนมาทำงานได้
    โดยชีปะขาวได้ชี้แจงว่าให้ทำเป็นรูปสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับบนบัลลังก์เหนือสัตว์พาหนะทุกอย่าง โดยจะมานิมิตให้เห็นวันละหนึ่งตัวพร้อมพระคาถากำกับ
    ในคืนแรกนั้นชีปะขาว ได้บันดาลให้เกิดลมพายุพัดอื้ออึงแล้วก็ปรากฏร่างของหนุมานลอยลงมาหยุดตรงหน้าท่านยืนนิ่งอยู่ บนศรีษะหนุมานนั้นมีหัวใจพระคาถากำกับไว้ ท่านก็จดจำเอาไว้ ชีปะขาวก็ถามว่าจำได้ใหม ท่านก็บอกว่าจำได้หนุมานก็หายไป
    ในคืนที่สองก็มีลมพายุพัดแบบคราวแรกแล้วก็มีไก่บินมา ตรงหน้าท่านพร้อมพระคาถาบนหัวไก่ท่านก็ท่องจำได้ ไก่ก็หายไป
    ในคืนที่สาม ก็มีครุฑปรากฏขึ้นพร้อมด้วยคาถาบนศรีษะท่านก็จดจำไว้
    ในคืนที่สี่ ก็มีเม่นมาปรากฏตัวพร้อมคาถา
    ในคืนที่ห้า ก็มีนกกระจาบมาปรากฏ
    ในคืนที่หก ก็มีปลาเสือมาปรากฏ
    เมื่อท่านจำจำขึ้นใจแล้ว ชีปะขาวจึงว่าพระนี้ท่านปลุกเสกได้นานถึงสามปี จะมีอิทธิฤทธิ์ขึ้นมาก ถ้าปลุกเสกครบไตรมาศก็จะป้องกันอันตรายได้
    แม้ท่านจะได้รับการแนะนำ จากชีปะขาวแล้วท่านก็ยังมิได้สร้างพระคงรออยู่ ต่อมา จนถึงปี 2450 ท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาการปลุกเสกพระจากอาจารย์แจง ฆาราวาส ตามตำราพระร่วงเจ้า จึงตัดสินใจสร้างพระขึ้นเป็นครั้งแรกวัตถุประสงค์ของท่านเพื่อหาทุนมาสร้างพระเจดีย์ การสร้างครั้งนั้นนับเป็นครั้งแรกของท่าน
    การให้พระเครื่องหลวงพ่อปานช่วย(ใบปลิวพิมพ์แจกพร้อมพระ)

    วิธีจะไปทางไกลและทำกินสิ่งไร หรือการเจ็บไข้ต่างๆ อธิษฐานถ้าเย็นเป็นส่วนดี ถ้าร้อนเป็นของชั่ว คือให้บูชาพระเครื่องหลวงพ่อปานด้วยดอกไม้ธูปเทียน แล้วถวายพรด้วยอิติปิโส และพาหุงแล้วยกมือขวาแบไว้ตรงหน้า อธิษฐานว่าขอบารมีพระพุทธเจ้าและสัตว์ที่บูชาจงบันดาลให้เย็นในฝ่ามือ ถ้าจะมีภัยอันตรายต่างๆ ขอให้ร้อนในฝ่ามือยกมือไว้สักครู่หนึ่งก็รู้ได้ ถ้าเย็นไปได้ ถ้าร้อนอย่าไปเลย ถึงรักษาไข้เจ็บและทำกินเป็นต้น ให้อธิษฐานดูเสียก่อน ส่วนพระเครื่องทั้งหกอย่างที่กล่าวแล้ว บุคคลใดเอาไปกับตัว ห้ามมิให้กินเหล้าและกักขโมย และพระที่กล่าวมาที่หลวงพ่อปาน ได้แจกแก่มนุษย์หญิงชายที่เลื่อมใสในศาสนา แล้วฝอยที่พิมพ์แจกในใบนี้แจกแก่ท่านทั้งหลาย ไม่ได้ขายเป็นราคามากน้อยเป็นไม่มีเด็ดขาด ถ้าใครทำซื้อขายและพระเครื่องทั้งหกอย่าง ฉันไม่รับรองว่าเป็นของฉันจะใช้ได้ตามฝอยหรือไม่ได้ก็ตาม ถ้าเป็นของฉันแท้ๆ ให้ทดลองดูคนถูกน้ำมันพรายให้อมไว้ข้างแก้มสักครู่หนึ่ง ถ้าร้อนหูและร้อนหน้าแล้ว เอาพระมากำไว้ในมือสักครู่จนเมื่อยตลอดแขนให้แบมือออกดู เมื่อน้ำมันออกให้ดมดูแล
    ให้ติดปากแพล งูพิษ ตะขาบ แมลงป่อง นี้แหละเป็นของฉันแท้ๆ แล้วผู้ที่จะใช้ให้ประกอบเมตตาให้มากๆ ยังมีสรรพคุณอีกหลายสิบอย่างกล่าวไว้ให้ย่อๆ พอสมควร เท่านี้พระหกอย่างที่ฉันแจกนี้ ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดได้รับจากฉันเอาไปทำโดยบริสุทธิ์เมตตาต่อสัตว์มนุษย์ทั่วไป ขอบารมีของพระและบารมีที่ข้าพเจ้าได้สร้าง เพื่อโพธิญาณขอให้บันดาลให้ท่าน ทั้งหลายจะทำอะไร ให้ได้สำเร็จตาม ความปรารถนา อย่างที่ข้าพเจ้าได้อธิษฐานไว้เทอญ อายุ วรรโณ สุขัง พลัง
    พระเครื่องกับลูกอมมีสรรพคุณเหมือนกันอย่างเดียวกัน เมื่อไม่มีพระอาราธนาลูกอมใช้ก็ได้ วิธีอาราธนาบูชาอย่างเดียวกัน ใช้ดอกไม้ธูปเทียนอย่างเดียวกันตามแต่จะหาได้ การบูชาพระเครื่องกับลูกอมอย่างเดียวกันกับบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เช่นที่เคยบูชามาก็เหมือนกัน
    หมายเหตุ ได้แจกตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2460
    พระคาถาพระปัจเจกะโพธิ์

    ว่า นะโม ฯลฯ สามจบ
    พุทธะ มะอะอุ นะโมพุทธายะ (พระคาถาบทนำว่าครั้งเดียว)
    วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มาณี มามะ พุทธัสสะ สวาโหม (ว่า สามจบ หรือ ห้าจบ หรือเจ็ดจบ หรือเก้าจบ ก็ได้แต่ต้องสม่ำเสมอจึงเกิดผล)
    ผู้ใช้พระคาถานี้ จะต้องใส่บารตรแก่พระสงฆ์อยู่เสมอ ตั้งแต่หนึ่งองค์ขึ้นไปทุกวัน มิได้ขาด รักษาศีล หมั่นสวดมนต์ และสวดพระคาถานี้ เวลาเช้าตื่นนอนให้ว่าพระคาถานี้ 3-5-7-9 จบเมื่อใส่บาตรให้ระลึกถึง พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ พระปัจเจกะโพธิ์ ท่านครูผึ้ง หลวงพ่อปานเป็นที่สุดก่อนแล้วจงจบข้าวที่จะใส่บาตร ถึงเวลานอนแล้วสวดพระคาถานี้ 3-5-7-9 จบถ้าปฏิบัติได้ดังนี้ เป็นนิจแล้ว จะมีความสุข ความเจริญ มีลาภยศสรรเสริญ
    พุทธคุณพระหลวงพ่อปาน

    ครุฑ เจริญในหน้าที่ราชการ แคล้วคลาดปลอดภัย มีอำนาจบารมี คู่ควรบูชากับผู้ทำงานราชการชั้นเจ้านาย
    หนุมาน มีเดชมีอำนาจ คงกระพันชาตรี คู่ควรบูชากับข้าราชการทหารตำรวจ ฝ่ายปกครอง
    เม่น ป้องกัน อันตราย จากสัตว์ร้าย สารพัดเขี้ยวงา อุบัติเหตุ คู่ควรบูชากับผู้เดินทางไกล ทำงานขนส่งทางบก ทางรถยนต์
    ไก่ เสน่ห์ เมตตา มหานิยม คนรักคนชอบ คู่ควรบูชากับผู้ทำธุรกิจส่วนตัว ห้างร้าน บริษัท ค้าขาย
    นก คุ้มกันภัยอันตราย ปลอดภัย เกษตรกรรมทำไร่ไถนาดี ทำให้เกิดสามัคคี เดินทางอากาศ การฑูตต่างประเทศดี
    ปลา ค้าขายเจริญ ทำมาค้าขึ้น เดินทางน้ำ ทางเรือ ปลอดภัย ทำธุกิจทางน้ำดี เจริญก้าวหน้าและโชคลาภ

    **องค์นี้สภาพสวย ผสมผงเก่าของหลวงพ่อปาน ให้บูชา 300 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_6629.JPG
      SAM_6629.JPG
      ขนาดไฟล์:
      65.7 KB
      เปิดดู:
      124
    • SAM_6631.JPG
      SAM_6631.JPG
      ขนาดไฟล์:
      61.2 KB
      เปิดดู:
      91
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มิถุนายน 2015
  3. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,707
    ค่าพลัง:
    +4,635
    รายการที่87 พระปิดตา จัมโบ้ ตะกรุดเงิน2ดอก รุ่นร่มเย็น หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จ.นครปฐม ปี 2537**มีผู้รับนิมนต์แล้วครับ**

    ขนาดพระปิดตา สูง 3.5 เซนติเมต และ กว้าง 2.8 เซนติเมตร + มีตลับใส่พระปิดตาเดิมๆจากวัดให้พร้อมพระปิดตา พระมหาเสน่ห์ ในท่านั่งขัดสมาธิ ยกมือทั้งสองขึ้นปิดตา เป็นพระที่คนนิยมชอบกันมากตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุปัน เป็นพระทีมีพุทธคุณเด่นทางด้าน เมตตามหาเสน่ห์ และโชคลาภ มีไว้ติดตัวเป็นสิริมงคลดียิ่งนัก เป็นที่ยอมรับมานานแล้ว พระปิดตา หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ ได้สร้างปลุกเสกไว้

    ***พระปิดตาองค์นี้ด้าน เมตามหาเสน่ห์ โชคลาภ ให้บูชา 300 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_6644.JPG
      SAM_6644.JPG
      ขนาดไฟล์:
      65.9 KB
      เปิดดู:
      266
    • SAM_6645.JPG
      SAM_6645.JPG
      ขนาดไฟล์:
      53.7 KB
      เปิดดู:
      72
    • SAM_6646.JPG
      SAM_6646.JPG
      ขนาดไฟล์:
      66 KB
      เปิดดู:
      62
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤษภาคม 2015
  4. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,707
    ค่าพลัง:
    +4,635
    รายการที่88 พระผงรูปเหมือนหลังโต๊ะหมู่ "หลวงปู่ท่อน ญาณธโร" วัดป่าศรีอภัยวัน จ.เลย ***มีผู้รับนิมนต์แล้วครับ***

    หลวงปู่ท่อน ญาณธโร

    วัดศรีอภัยวัน
    ต.นาอ้อ อ.เมือง จ.เลย

    ๏ อัตโนประวัติ

    “อย่ามีอคติ…อย่าลำเอียงกับใครเลย และอย่าขึ้นๆ ลงๆ อย่าเอารัดเอาเปรียบกันอีกเลย”

    ความตอนหนึ่งจากธรรมโอวาทของ “พระราชญาณวิสุทธิโสภณ” หรือ “หลวงปู่ท่อน ญาณธโร” ที่คอยอบรมสอนสั่งสาธุชนให้ปฏิบัติตาม ด้วยกุศโลบายอันแยบคายในการแสดงพระธรรมเทศนา ให้ผู้ฟังนำไปขบคิดพินิจพิจารณาด้วยปัญญา

    ท่านเป็นพระเถราจารย์ผู้ใหญ่สายวิปัสสนาธุดงค์กัมมัฏฐาน เป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านจิตตภาวนา การเทศนาธรรม และวิทยาคมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ

    หลวงปู่ท่อน ญาณธโร มีนามเดิมว่า ท่อน ประเสริฐพงศ์ เกิดเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม พุทธศักราช 2471 ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีมะโรง ณ บ้านหินขาว ต.สาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น โยมบิดา-โยมมารดาชื่อ นายแจ่ม และนางทา ประเสริฐพงศ์ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด 19 คน ท่านบุตรคนที่ 6 ปัจจุบัน สิริอายุได้ 79 พรรษา 59 (เมื่อปี พ.ศ.2550) ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดศรีอภัยวัน บ้านหนองมะผาง ต.นาอ้อ อ.เมือง จ.เลย และเจ้าคณะจังหวัดเลย (ธรรมยุต)

    ๏ การศึกษาเบื้องต้น

    ในวัยเยาว์ สำเร็จการศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จากโรงเรียนบ้านหินขาว ต.สาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น แต่ด้วยฐานะทางบ้านยากจน ท่านจึงได้ลาออกจากโรงเรียนมาช่วยบิดามารดาทำงานหาเลี้ยงครอบครัว

    ต่อมาได้เรียนต่อที่โรงเรียนผู้ใหญ่ที่บ้านหินขาว สอบเทียบได้ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4

    หลังจากจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 แล้ว ท่านไม่ได้เข้าศึกษาต่อ เพราะต้องเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครัว จึงเป็นเหตุให้ต้องออกจากโรงเรียนอีกครั้ง เพื่อมาทำงานหาเลี้ยงครอบครัว


    หลวงปู่คำดี ปภาโส

    ๏ การอุปสมบท

    ช่วงวัยหนุ่มฉกรรจ์ เป็นคนติดเพื่อนฝูง กินเหล้าเมายา จีบสาวตามบ้านต่างๆ ในละแวกนั้น ทำให้โยมบิดา-โยมมารดา เป็นกังวลใจมาก หากเป็นเช่นนี้ต่อไป บุตรชายคงจะเสียคนเป็นแน่ จึงได้ปรึกษากันขอให้บุตรชายบวชเรียน โยมบิดาจึงนำตัวบุตรชายไปฝากกับหลวงปู่คำดี ปภาโส พระเกจิชื่อดังแห่งวัดป่าชัยวัน ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น แต่หลวงปู่คำดีมีข้อแม้ว่า ก่อนบวชจะต้องรักษาศีล นุ่งห่มขาว เจริญภาวนา กินข้าวมื้อเดียวก่อน

    ครั้นอยู่ทดสอบจิตใจได้ 5 เดือน หลวงปู่คำดีได้อนุญาตให้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ขณะมีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2491 ณ พัทธสีมาวัดศรีจันทร์ (พระอารามหลวง) ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น โดยมีพระเทพบัณฑิต (มหาอินทร์ ถิรเสวี สินโพธิ์ ป.ธ.5) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่พระพิศาลสารคุณ วัดศรีจันทร์ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูคัมภีรนิเทศ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระมหาสุพจน์ อุตฺตโม เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    ภายหลังอุปสมบทแล้ว ท่านได้เดินทางไปพำนักจำพรรษาอยู่กับหลวงปู่คำดี ณ วัดป่าชัยวัน โดยหลวงปู่คำดีเป็นอาจารย์กัมมัฏฐาน คอยสอนให้ทำภาวนา นั่งสมาธิกัมมัฏฐาน เน้นเรื่องสติ สมาธิ และปัญญา ระยะเวลาผ่านไปนานพอสมควร ท่านได้ช่วยครูบาอาจารย์แบ่งเบาภาระในการสอนคนที่จะมาบวช ด้วยการสอนขานนาค เป็นต้น ครั้นถึงช่วงออกพรรษา ได้เป็นหัวหน้าออกเดินธุดงค์เข้าป่าเป็นกิจวัตร

    ๏ ได้รับโอวาทจากหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

    ครั้งหนึ่งท่านได้มีโอกาสพบหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต บูรพาจารย์สายพระป่า และได้รับโอวาทอันทรงคุณค่าอย่างหาที่เปรียบมิได้จากหลวงปู่มั่น “ให้เร่งทำความเพียร มิให้ประมาท ชีวิตนี้อยู่ได้ไม่นานก็ต้องตาย”

    หลวงปู่ท่อน ยังได้มีโอกาสไปกราบเยี่ยมครูบาอาจารย์หลายท่าน อาทิ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม, หลวงปู่หลุย จันทสาโร, หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี, หลวงพ่อมหาปิ่น ชลิโต เป็นต้น


    หลวงพ่อมหาปิ่น ชลิโต

    หลังจากช่วยงานการครูบาอาจารย์เสร็จสิ้น หลวงปู่คำดีได้นำหมู่คณะออกวิเวกไปทาง จ.เลย ตอนนั้นหลวงปู่ท่อนบวชได้ 7 พรรษาแล้ว

    พ.ศ.2497 หลวงปู่คำดี นำคณะเข้าป่าและถ้ำต่างๆ ได้ภาวนาทำความเพียร ตลอดจนให้ศรัทธาญาติโยมมาฟังธรรมะ และในพรรษานี้หลวงปู่ท่อนได้อยู่จำพรรษา ณ วัดถ้ำผาปู่นิมิตร ต.นาอ้อ อ.เมือง จ.เลย กับหลวงปู่คำดีด้วย

    หลวงปู่ท่อนอยู่ที่วัดถ้ำผาปู่นิมิตร ได้ 2 พรรษา ก็มีศรัทธาญาติโยมมาขอให้ไปโปรดที่วัดถ้ำตีนผา อ.เชียงคาน จ.เลย 1 พรรษา ต่อมาหลวงปู่คำดีเกิดอาพาธเจ็บป่วยด้วยโรคชรา ท่านจึงกลับมาเยี่ยมและช่วยสร้างวัดถ้ำผาปู่นิมิตรไปด้วย จวบกระทั่งหลวงปู่คำดีได้มรณภาพลงอย่างสงบ

    ๏ สร้างวัดศรีอภัยวัน

    พ.ศ.2500 ศรัทธาญาติโยมได้นิมนต์ให้หลวงปู่ท่อนไปอยู่ที่ป่าช้านาโป่ง และได้สร้างเป็นวัดศรีอภัยวัน บนเนื้อที่ประมาณ 40 ไร่ รวมทั้งรักษาความเป็นป่าอย่างสมบูรณ์ไว้

    จากนั้นมา หลวงปู่ท่อนได้จำพรรษาที่วัดศรีอภัยวัน จ.เลย ตราบจนถึงปัจจุบัน

    เนื่องจากหลวงปู่ท่อนเป็นพระป่า ที่วัดจึงไม่มีสิ่งก่อสร้างใหญ่โต กุฏิเป็นเพียงกุฏิเล็กๆ ปัจจัยที่ได้รับจากญาติโยม ล้วนแบ่งเอาไว้ใช้เท่าที่จำเป็น ส่วนใหญ่จะแบ่งปันให้แก่สำนักสงฆ์ วัด ที่ขาดแคลนหรือทุรกันดาร


    พระประธาน ณ วัดศรีอภัยวัน

    ๏ ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์

    พ.ศ.2503 เป็นเจ้าอาวาสวัดวัดศรีอภัยวัน

    พ.ศ.2510 เป็นเจ้าคณะตำบลเมือง เขต 2 (ธรรมยุต)

    พ.ศ.2526 เป็นเจ้าคณะอำเภอเชียงคาน-ภูเรือ (ธรรมยุต)

    พ.ศ.2532 เป็นเจ้าคณะอำเภอเชียงคาน-ปากชม (ธรรมยุต)

    วันที่ 26 มกราคม พ.ศ.2550 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะจังหวัดเลย (ธรรมยุต) ตามกฎของมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 23/2541 ว่าด้วยระเบียบการปกครองคณะสงฆ์

    ๏ ลำดับสมณศักดิ์

    พ.ศ.2514 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรีที่ “พระครูญาณธราภิรัติ”

    พ.ศ.2527 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก ในราชทินนามเดิม

    พ.ศ.2531 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นพิเศษ ในราชทินนามเดิม

    พ.ศ.2535 เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถ ครบ 5 รอบ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ในราชทินนามที่ “พระญาณทีปาจารย์” เป็นกรณีพิเศษ

    เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2550 เนื่องในวโรกาสมหามงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ในราชทินนามที่ “พระราชญาณวิสุทธิโสภณ”


    หลวงปู่ท่อน ญาณธโร-หลวงปู่จันทร์โสม กิตฺติกาโร-หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

    ๏ ร่มโพธิ์ร่มไทรของคณะศิษยานุศิษย์

    นับแต่ปี พ.ศ.2528 เป็นต้นมา หลวงปู่ท่อน เริ่มมีกิจนิมนต์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นที่กรุงเทพฯ ภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคใต้ รวมถึงต่างประเทศ แทบจะหาเวลาว่างไม่ได้เลย แต่หลวงปู่ก็มิเคยขัดศรัทธาญาติโยมแต่อย่างใด

    อย่างไรก็ตาม ในปี พ.ศ.2536 หลวงปู่ได้อาพาธด้วยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ทำให้หลวงปู่เกิดอาการวิงเวียนหน้ามืดเป็นประจำ

    ล่วงมาถึงปี พ.ศ.2537 หลวงปู่อาพาธอีก ด้วยโรคเส้นเลือดในช่องท้องโป่งพอง ต้องเข้ารับการผ่าตัดจากคณะแพทย์โรงพยาบาลวิชัยยุทธ แม้การผ่าตัดจะประสบผลสำเร็จ แต่ส่งผลให้หลวงปู่ท่อนไม่สามารถเทศนาบรรยายธรรมได้นานดังแต่ก่อน เพราะสุขภาพไม่อำนวย ทุกวันนี้หลวงปู่ยังคงเดินทางเข้าไปตรวจเช็กสุขภาพที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ อย่างสม่ำเสมอ

    หลวงปู่ท่อน มีความรู้ความสามารถในด้านวิทยาคม วิปัสสนากัมมัฏฐาน มีฌานสมาบัติแก่กล้า มีวิชาทำวัตถุมงคลตามตำรับโบราณคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงในยุคอดีต เป็นเหตุปัจจัยเสริมให้วัตถุมงคลทั้งหมดของท่านมีพุทธคุณศักดิ์สิทธิ์เข้มขลัง ท่านได้มีการสร้างวัตถุมงคลมากมาย อาทิ พระผงหลังโต๊ะหมู่บูชารุ่นแรก, พระผงหลังโต๊ะหมู่บูชารุ่นแรก (รุ่นสรงน้ำ) และอื่นๆ อีกมากมาย เป็นต้น

    ด้วยกุศลผลบุญทั้งมวลอันเกิดจากความอุตสาหะแห่งการบำเพ็ญเพียร ส่งผลให้หลวงปู่ท่อน มีอายุยืนยาว เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของคณะศิษยานุศิษย์ เป็นกำลังอันสำคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา รวมทั้งเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนไปตราบนาน

    ***องค์นี้ติดรางวัลที่1 มาครับแต่ใบหายตอนน้ำท่วม ให้บูชา 500 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_6640.JPG
      SAM_6640.JPG
      ขนาดไฟล์:
      55.3 KB
      เปิดดู:
      95
    • SAM_6642.JPG
      SAM_6642.JPG
      ขนาดไฟล์:
      67.3 KB
      เปิดดู:
      108
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2015
  5. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,707
    ค่าพลัง:
    +4,635
    รับทราบการโอนครับ
     
  6. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,707
    ค่าพลัง:
    +4,635
    รายการที่89 เหรียญหลวงพ่อลัด วัดหนองกระบอก จ.ระยอง ปี2530***มีผู้รับนิมนต์แล้วครับ***

    ถ้าเป็นเครื่องรางประเภทเสือ ต้องายหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย แต่ถ้าเป็นแพะ สุดยอดต้องหลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก ที่แกะจากเขาควายเผือก ซึ่งปัจจุบันหาของแท้ยากมากๆและมีปลอมมากเหลือกเกิน ที่เจอจะเป็นแกะมากกว่าแพะ สำหรับหลวงพ่อลัด วัดหนองกระบอก ท่านเป็นพระที่สืบทอดวิชาสายตรงมาจากหลวงพ่ออ่ำ ท่านเก่งไม่เบาและเป็นศิษย์ผู้น้องของหลวงปู่ทิม สำหรับแพะของหลวงพ่อลัด ยุคแรกๆ คนเล่นกันเป็นของหลวงพ่ออ่ำกันหมด เพราะได้ราคาดี ก่อนที่หลวงพ่อลัด จะมรณะภาพท่านได้สร้างแพะ เขาควายแกะ ในปี 2530 การเล่นหาไม่ยาก เพราะมีเอกลักษณ์ชัดเจน เครื่องรางแพะ จะมีคุณสมบัติเด่น คือ เมตตา มหานิยม แคล้วคลาด สำหรับคนอาชีพค้าขายบูชาดีมากใครไม่มีแพะหลวงพ่อลัดให้ใช้เหรียญของท่านแทนได้ครับ

    **เหรียญนี้สภาพสวย เดิมๆ ให้บูชา 300 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_6647.JPG
      SAM_6647.JPG
      ขนาดไฟล์:
      96.9 KB
      เปิดดู:
      134
    • SAM_6649.JPG
      SAM_6649.JPG
      ขนาดไฟล์:
      99 KB
      เปิดดู:
      64
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2015
  7. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,707
    ค่าพลัง:
    +4,635
    รายการที่90 ล็อกเก็ตหลวงพ่อสด วัดปากนํ้าภาษีเจริญ กรุงเทพ ให้บูชา300 บาท***มีผู้รับนิมนต์แล้วครับ***
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_6654.JPG
      SAM_6654.JPG
      ขนาดไฟล์:
      58.7 KB
      เปิดดู:
      94
    • SAM_6655.JPG
      SAM_6655.JPG
      ขนาดไฟล์:
      71.8 KB
      เปิดดู:
      60
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2015
  8. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,707
    ค่าพลัง:
    +4,635
    รายการที่91 ล็อกเก็ตหลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี ให้บูชา 300 บาท
    ***มีผู้รับนิมนต์แล้วครับ***
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_6652.JPG
      SAM_6652.JPG
      ขนาดไฟล์:
      84.5 KB
      เปิดดู:
      82
    • SAM_6653.JPG
      SAM_6653.JPG
      ขนาดไฟล์:
      87.6 KB
      เปิดดู:
      84
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2015
  9. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,707
    ค่าพลัง:
    +4,635
    รายการที่92 ตะกรุดพิศมร ของ หลวงพ่อไสว วัดปรีดาธรรม ซองเดิมๆ**มีผู้รับนิมนต์แล้วครับ**

    ลพ.ไสว วัดปรีดาราม ต.คลองจินดา อ.สามพราน จ.นครปฐม ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์อีกรูปหนึ่งที่ก้มกราบได้อย่างสนิทใจครับ เพราะท่านเก่งเงียบ ของที่ท่านทำให้ล้วนดีจริง มีประสบการณ์เล่าลือกันจนถึงทุกวันนี้ โดยเฉพาะหมวดเครืองราง อาทิ ปลัดขิก ตะกรุด นกสาริกา ฯลฯ จนท่านได้รับฉายาว่า "เทพเจ้าแห่งคลองจินดา" ตั้งแต่ยังดำรงขันธ์อยู่

    ไม่ ลองหรือจะรู้!!!..."ส่วนสัพคุณนั้น เมื่อใช้แล้วจะรู้กำลังมาแรงครับ!!!) ตะกรุดพิศมร "นวะหรคุณ" หลวงพ่อไสว ขนาดประมาณ ๑ นิ้ว ของดี
    ที่ท่านเสกแบบทิ้งทวน ทำจากใบลานอายุ ๑๐๐ ปี ที่อยู่คู่มากับวัดปรีดาราม ขนาดกว้าง ๑ นิ้ว ลงอักขระหัวใจนวะหรคุณ ๙ ตัว ดังนี้"อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ" มีลงองค์พระปิดท้ายทั้ง ๒ ด้าน ด้านสันของใบลานด้านหนึ่งมีลงชาดสีแดงไว้ อีก ด้านไม่ลง สร้างและปลุกเสกไว้เมื่อ กลางปี ๔๓ ก่อนท่านจะมรณภาพในวันลอยกระทง เดือน ๑๒ (๑๑ พ.ย. ๔๓) หมายเหตุ ; หลวงพ่อแย้ม วัดสามง่ามท่านบอกว่า "ตะกรุดพิศมร คัดถอนไม่ ออก" หมายถึงไม่มีวันเสื่อม


    ตะกรุดพิศมร ของ หลวงพ่อไสว วัดปรีดาธรรม เทพเจ้านะหน้าทอง วิธีลงทองของทั้งคือเป่าทองทั้งแผ่นโดยไม่ต้องแกะทองออก หายวับไปกับตา ขนาดอาจารย์เปล่ง บุญยืน ท่านยังยอมรับว่าเรื่องมหาเสน่ห์ต้องยกให้หลวงพ่อไสวฯ ตะกรุดดอกนหลวงพ่อท่านเน้นด้านเมตตามหานิยมสุดยอด ใครใช้แล้วจะรู้ ตะกรุดเก่าเก็บจากวัด ยาวขนาด ๑ นิ้ว ทำจากใบลานอายุ ๑๐๐ ปี สร้างและปลุกเสกไว้เมื่อ กลางปี ๔๓ ก่อนท่านจะมรณภาพในวันลอยกระทง เดือน ๑๒ (๑๑ พ.ย. ๔๓) หลวงพ่อแย้ม วัดสามง่ามท่านบอกว่า "ตะกรุดพิศมร คัดถอนไม่ ออก"
    จนบัดนี้กลายเป็นตำนานที่คนกล่าวขานกันมาก ด้านมหาเสน่ห์ อยากให้ตัวเองเสน่ห์แรง พกตะกรุดนี้ไว้ได้ครับ ประสบการณ์ครบเครื่องทั้งเมตตา คงกระพัน นะจังงัง ภูติผีปีศาจมิอาจกร้ำกราย ฯลฯ ซึ่งเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของตะกรุดพิสมรของท่านนั้นลพ.แย้ม วัดสามง่าม เคยกล่าวไว้ว่า "คัดถอนไม่ออก" ซึ่งแปลว่า "ไม่มีวิธีใดที่จะทำลายความศักดิ์สิทธิ์ได้" ดอกนี้สภาพสวยมากจากพื้นที่พร้อมใบฝอยพระคาถาเดิม ๆ ครับ

    คาถาปลุกตะกรุดพิสมร

    พระครูสถิตโชติคุณ (หลวงพ่อไสว) เจ้าอาวาสวัดปรีดาราม ต.คลองจินดา อ.สามพราน จ.นครปฐม

    ก่อนใช้ให้ตั้งนะโม 3 จบ แล้วว่าคาถาพิสมร

    อม พระฤาษีทั้งสี่ตน พ่อให้กูปลุกมนต์และพิสมร เป็นเมตตามหานิยมแก่บุคคลทั่วไปทั้งหญิงชาย ทางไกลและทางใกล้ กูจะปลุกเลขยันต์พันคาถา ปลุกทั้งเนื้ออันอยู่ที่ใต้หนัง ปลุกทั้งที่นั่ง ปลุกทั้งที่นอน กูจะปลุกพิสมรอันอยู่ที่อกและที่เอว กูจะปลุกเลือดเหลวและเลือดข้น ให้เลื่อนขึ้นเร็วๆ พัลๆ กูจะปลุกจะปลุกมือและอาภรณ์ ทั้งหลังนอนและหมอนฟูก ทั้งกระดูกและเลือด พระพุทธเกสา พระธรรม พระสูตร พระวินัย อาโป เตโช ปฐวี คงคา สวาโหมฯ

    **ยาวขนาด ๑ นิ้ว ทำจากใบลานอายุ ๑๐๐ ปี "ตะกรุดพิศมร คัดถอนไม่ ออก" หมายถึงไม่มีวันเสื่อม ตะกรุดดอกนี้หลวงพ่อท่านเน้นด้านเมตตามหานิยมสุดยอด ให้บูชา 799 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 517 (1).jpg
      517 (1).jpg
      ขนาดไฟล์:
      50 KB
      เปิดดู:
      105
    • 515 (1).jpg
      515 (1).jpg
      ขนาดไฟล์:
      55 KB
      เปิดดู:
      139
    • 516.jpg
      516.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.2 KB
      เปิดดู:
      68
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มิถุนายน 2015
  10. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,707
    ค่าพลัง:
    +4,635
    รายการที่93 ขุนแผน รุ่นรวยเป็นหนึ่ง วัดบรมฯ จ.อยุธยา

    ขุนแผนรุ่นนี้ได้ประกอบพิธีปลุกเสกวันพุธเที่ยงคืน(วันเป็งปุด)สุดยอดเข็มขลัง พุทธคุณครบถ้วน เมตตามหานิยม เสน่ห์ โชคลาภ เป็นเลิศ

    **สวยเดิมพุทธคุณครบถ้วน เมตตามหานิยม เสน่ห์ โชคลาภ เป็นเลิศ ให้บูชา 400 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_6662.JPG
      SAM_6662.JPG
      ขนาดไฟล์:
      69 KB
      เปิดดู:
      53
    • SAM_6663.JPG
      SAM_6663.JPG
      ขนาดไฟล์:
      67.9 KB
      เปิดดู:
      101
    • SAM_6660.JPG
      SAM_6660.JPG
      ขนาดไฟล์:
      46 KB
      เปิดดู:
      63
    • SAM_6657.JPG
      SAM_6657.JPG
      ขนาดไฟล์:
      46.6 KB
      เปิดดู:
      52
    • SAM_6658.JPG
      SAM_6658.JPG
      ขนาดไฟล์:
      28.9 KB
      เปิดดู:
      58
    • SAM_6659.JPG
      SAM_6659.JPG
      ขนาดไฟล์:
      51.4 KB
      เปิดดู:
      92
  11. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,707
    ค่าพลัง:
    +4,635
    รายการที่94 เหรียญหลวงพ่อเกษม กรมทหารปืนใหญ่ รักษาพระองค์ จัดสร้างปี 2522 สร้างน้อย สภาพเดิม หายาก **คุณsupachaipnuจองแล้วครับ**


    หายากมากครับ เหรียญที่ กรมทหารปืนใหญ่รักษาพระองค์ จัดสร้างในปี2522 และปลุกเสกที่สำนักสุสานไตรรักษ์ เป็นเหรียญแปลก ที่ไม่ค่อยได้พบเห็นกันสักเท่าไหร่ครับ ยิ่งเหรียญนี้สภาพสวยเดิมเลยครับ ไม่แพงมากครับ พอเเอื้อมกันไหวจ้า

    ***เหรียญสวยเดิม ให้บูชา 300 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_6670.JPG
      SAM_6670.JPG
      ขนาดไฟล์:
      80.5 KB
      เปิดดู:
      106
    • SAM_6672.JPG
      SAM_6672.JPG
      ขนาดไฟล์:
      72.7 KB
      เปิดดู:
      71
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤษภาคม 2015
  12. supachaipnu

    supachaipnu ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,368
    ค่าพลัง:
    +7,310
    close รายการที่94 เหรียญหลวงพ่อเกษม กรมทหารปืนใหญ่ รักษาพระองค์ จัดสร้างปี 2522 สร้างน้อย สภาพเดิม หายาก


    หายากมากครับ เหรียญที่ กรมทหารปืนใหญ่รักษาพระองค์ จัดสร้างในปี2522 และปลุกเสกที่สำนักสุสานไตรรักษ์ เป็นเหรียญแปลก ที่ไม่ค่อยได้พบเห็นกันสักเท่าไหร่ครับ ยิ่งเหรียญนี้สภาพสวยเดิมเลยครับ ไม่แพงมากครับ พอเเอื้อมกันไหวจ้า

    ***เหรียญสวยเดิม ให้บูชา 300 บาท
     
  13. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,707
    ค่าพลัง:
    +4,635
    รับทราบการจองครับ:cool::cool::cool::cool:
     
  14. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,707
    ค่าพลัง:
    +4,635
    ให้บูชาพระเครื่อง วัตถุมงคล หลากหลายรายการ ค่าจัดส่ง50บาททั่วประเทศครับรับประกันแท้ยินดีคืนเงินเต็มจำนวน โดยไม่มีเงื่อนไขครับ (พระต้องกลับมาสภาพเดิมครับ)
    ท่านที่สนใจจองได้ไม่เกิน3วัน โอนเงินได้ที่รายละเอียดที่อยู่ด้านล่าง หลังจากโอนแล้ว รบกวนโทร.หรืออีเมล์มาบอกชื่อที่อยู่สำหรับจัดส่งด้วยครับ
    ติดต่อสอบถามได้ที่
    - Pm
    - เบอร์โทร 0817933946
    ชำระเงินได้ที่
    ธ.กรุงไทย สาขา ศรีย่าน
    ชื่อบัญชี นายวรัญญู เล้ารัตนอารีย์
    เลขที่บัญชี 012-0-14398-4
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤษภาคม 2015
  15. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,707
    ค่าพลัง:
    +4,635
    รายการที่95 เหรียญล้อแม็ก หลวงพ่อเชิญ วัดโคกทอง อ.ผักไห่ จ.อยุธยา เหรียญสวยเดิมๆ มาพร้อมกล่องเดิม**มีผู้รับนิมนต์แล้วครับ**

    หลวงพ่อเชิญ เกิดในตระกูล กุฎีสุข ที่หมู่บ้านดงตาล ตำบลโผงเผง อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง เมื่อวันศุกร์ ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 6 ปีมะแม ตรงกับวันที่ 12 เมษายน พ.ศ.2450 มีโยมบิดาชื่อ นายเคลือบ โยมมารดาชื่อ นางโล่ โดยที่หลวงพ่อเชิญเป็นบุตรของพี่น้องทั้งหมด 3 คน น้องสองคนเป็นฝาแฝดหญิงทั้งคู่ ชื่อ นางเจียม และ นางจอม

    เมื่อหลวงพ่ออายุได้ 5 ขวบ โยมมารดาก็ถึงแก่กรรม จึงต้องอยู่ในความเลียงดูของโยมบิดาแต่ผู้เดียว ยามใดที่โยมบิดาไปทำไร่ไถนา ท่านต้องรับภาระเลี้ยงดูน้องสาวฝาแฝดแทนถึง 2 คน นับเป็นความยากลำบากมากทีเดียว เพราะขณะนั้นท่านเองเพิ่งจะมีอายุ 5-6 ขวบเท่านั้น

    เมื่อท่านอายุได้ 8 ขวบ โยมบิดาพาไปฝาก หลวงพ่อขาบ วัดฤาชัย ที่ตำบลกุฎี ในอำเภอผักไห่ อันเป็นถิ่นกำเนิดของโยมบิดา เพื่อให้เล่าเรียนหนังสือ โดยที่หลวงพ่อเชิญเล่าเรียนหนังสืออยู่กับหลวงพ่อขาบ 2 ปี จนสามารถอ่านออกเขียนได้พอสมควร

    หลวงพ่อขาบขณะนั้นมีตำแหน่งเป็นเจ้าคณะตำบลกุฎี เห็นว่าหลวงพ่อเชิญเป็นเด็กดี ขยันหมั่นเพียร เฉลียวฉลาดและว่านอนสอนง่าย จึงนำไปฝาก พระครูบวรสังฆกิจ หรือ หลวงพ่อเพิ่ม วัดโคกทอง ซึ่งเป็นเจ้าคณะอำเภอเสนา

    หลวงพ่อเพิ่มองค์นี้เป็นพระอาจารย์ที่มีความรู้ด้านปริยัติธรรมสูงส่ง เชี่ยวชาญทั้งสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน เพียงพร้อมด้วยศีลาจารวัตรเคร่งครัดพระธรรมวินัย นอกจากนี้ยังเชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนโบราณ และเรืองวิทยาคมขลัง เนื่องจากเป็นศิษย์หลวงปู่กลั่น วัดพระญาติ และ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า อีกด้วย

    ดังนั้นหลวงพ่อเพิ่มจึงมีชื่อเสียงด้านแก้คุณแก้การกระทำทางไสยศาสตร์และรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ชื่อเสียงของหลวงพ่อเพิ่มสมัยนั้นจึงโด่งดังไม่ต่างกับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ซึ่งเป็นสหธรรมิกที่มีอายุแก่กว่าหลวงพ่อเพิ่ม 5 ปี

    ในสมัยนั้นหลวงพ่อปานท่านมาพำนักที่วัดโคกทองเสมอ เมื่อปี พ.ศ.2467 หลวงพ่อเพิ่มสร้างศาลาการเปรียญ หลวงพ่อปานยังมาช่วยยกเสาเอกให้ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่หลวงพ่อเพิ่มไม่เคยสร้างพระเครื่องไว้เลย ชนรุ่นหลังจึงไม่มีใครรู้จักท่าน

    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่หลวงพ่อเพิ่มทิ้งไว้เป็นอนุสรณ์เพียงอย่างเดียวคือ แผ่นอิฐลงอาคมที่ก้นบ่อน้ำมน 2 แผ่น อีกแผ่นหนึ่งเป็นของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ซึ่งกล่าวกันว่าน้ำมนต์ในบ่อนั้นศักดิ์สิทธิ์มาก หลวงพ่อเชิญท่านนำมารดให้กับลูกศิษย์ลูกหาอยู่เสมอ

    บรรพชาและอุปสมบท หลวงพ่อเชิญมาอยู่วัดโคกทองคอยรับใช้หลวงพ่อเพิ่มอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติหน้าที่การงานอย่างสม่ำเสมอ ด้วยความวิริยะอุตสาหะและเชื่อฟังคำสั่งสอนของหลวงพ่อเพิ่มเป็นอย่างดี

    หลวงพ่อเชิญบรรพยาเป็นสามเณรเมื่ออายุได้ 16 ปี ในวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ.2466 หลวงพ่อเพิ่มเป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่ออายุครบบวชจึงอุปสมบทต่อโดยมิได้ลาสิกขา ณ พัทธสีมาวัดโคกทอง ในวันที่ 1 มิถุนายน 2470 โดยมีพระอาจารย์องค์แรกคือ หลวงพ่อขาบ วัดฤาไชย เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อเพิ่ม วัดโคกทอง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระปลัดแจ่ม วัดโคกทอง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาเป็นภาษาบาลีจากพระอุปัชฌาย์ว่า ปุญญสิริ

    การศึกษาและพระปริยัติธรรม หลวงพ่อเชิญอุปสมบทอุปสมบทแล้วอยู่ช่วยหลวงพ่อเพิ่มบูรณะวัดโคกทองเรื่อยมา พร้อมกันนั้นได้ศึกษาพระปริยัติธรรมโดยสอบได้นักธรรมตรีตั้งแต่เมื่อยังเป็นสามเณรในปี พ.ศ.2469 แล้วสอบได้นักธรรมโทในปีแรกที่อุปสมบท และอีก 8 พรรษาต่อมาจึงสอบได้นักธรรมเอก

    สาเหตุที่หลวงพ่อเชิญสอบได้นักธรรมเอกช้า เนื่องจากไม่มีเวลาอ่านหนังสือ เพราะเอาเวลาส่วนใหญ่ช่วยงานหลวงพ่อเพิ่มในการบูรณะพัฒนาวัดด้วยความอุตสาหะ ในปี พ.ศ.2474 จึงได้รับการแต่งตั้งเป็นฐานานุกรมที่ พระสมุห์เชิญ

    ปี พ.ศ.2478 สอบได้นักธรรมเอก พร้อมกับได้รับการแ่ต่งตั้งเป็น พระปลัด ในปี พ.ศ.2480 ท่านจึงต้องทำหน้าที่ทุกอย่างแทนหลวงพ่อเพิ่ม ปฏิบัติภารกิจในตำแหน่งเลขานุการเจ้าคณะอำเภอเสนา ไม่ว่าจะเป็นการต้อนรับแขก ดูแลพระภิกษุสามเณรภายในวัด และเป็นผู้จัดสถานที่ให้กับคนเจ็บที่มารักษาตัว

    แม้แต่ศาสนกิจนอกวัดเกี่ยวกับราชการคณะสงฆ์ เทศนาตามกิจนิมนต์ หรือการเข้าประชุมตามพระเถระกำหนด และออกตรวจตราตามบริเวณวัดและสอบนักธรรมสนามหลวง ภารกิจเหล่านี้ตกอยู่กับท่านเพียงองค์เดียวเท่านั้น นับเป็นภารกิจที่หนักมาก แต่หลวงพ่อเชิญก็สามารถปฏิบัติด้วยความเรียบร้อยเสมอมาจวบจนหลวงพ่อเพิ่มถึงแก่กาลมรณภาพในปี พ.ศ.2491

    พ.ศ.2491 รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดโคกทอง
    พ.ศ.2492 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโคกทอง
    พ.ศ.2505 เป็นเจ้าคณะตำบลกุฎี และเป็นพระกรรมวาจาจารย์
    พ.ศ.2509 เป็นพระอุปัชฌาย์จารย์
    พ.ศ.2511 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี ราชทินนามที่ พระครูวิชัยประสิทธิคุณ
    พ.ศ.2517 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท
    พ.ศ.2522 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก
    พ.ศ.2524 สำนักนายกรัฐมนตรี ถวายพัดชั้นพิเศษในฐานะที่เป็นผู้อุปการะโรงเรียนวัดโคกทอง (บวรวิทยา)
    พ.ศ.2532 สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร ประทานพัดพัฒนาที่มีผลงานดีเด่นแก่หลวงพ่อเิชิญ


    การศึกษาพระเวทวิทยาคม หลวงพ่อเชิญเป็นพระอาจารย์ที่มีมากครูมากอาจารย์ เพราะท่านมีใจรักทางด้านพระเวทวิทยาคมมากกว่าการศึกษาด้านพระปริยัติธรรม เมื่อได้รับการปูพื้นฐาน โดยที่ หลวงพ่อเพิ่ม เป็นพระอาจารย์องค์แรกที่ถ่ายทอดวิชาความรู้ต่างๆ ให้ อาทิ

    การศึกษาอักษรสมัยทั้งภาษาไทยและภาษาขอม การท่องบ่นมนต์คาถา การลงอักขระเลขยันต์ แพทย์แผนโบราณ ยาแก้กันกระทำคุณไสย์ นั่งเจริญสมาธิภาวนาพระกรรมฐาน ตลอดทั้งสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน มาตั้งแต่หลวงพ่อเชิญมีอายุเพียง 10 ขวบ

    ในคราวที่บวชเณรแล้วได้ติดตามหลวงพ่อเพิ่มไปซื้อซุงที่ชัยนาท ได้ไปกราบนมัสการ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อเพิ่ม หลวงพ่อเชิญจึงโชคดีได้วิชาบางประการมาจากพระปรมาจารย์อันยิ่งใหญ่ที่มีชื่อเสียงเกรียงไกรอย่างหลวงปู่ศุข

    เมื่ออุปสมบทในพรรษาแรกก็ไปขึ้นพระกรรมฐานกับ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก แล้วเดินทางไป ๆ มา ๆ ร่ำเรียนวิชากับหลวงพ่อจงมากมายเป็นระยะเวลาหลายปี

    หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค สหายทางธรรมของหลวงพ่อเพิ่ม ชอบมาพำนักที่วัดโคกทอง หลวงพ่อเชิญก็ฝากตัวเป็นศิษย์คอยปรนนิบัติรับใช้แล้วติดตามพายเรือไปส่งและพักเรียนวิชาที่วัดบางนมโคเป็นประจำ

    ในปี พ.ศ.2473 หลวงพ่อเพิ่มพาท่านไปฝากตัวเป็นศิษย์พระอาจารย์อีกรูปหนึ่งของท่านคือ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ ซึ่งขณะนั้นหลวงพ่อกลั่นชราภาพมากแล้ว

    ในปี พ.ศ.2482 หลวงพ่อเชิญเกิดอาพาธด้วยโรคตาอักเสบจึงเดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อพักรักษาตัวอยู่กับ หลวงปู่กล้าย วัดหงษ์รัตนาราม บางกอกใหญ่ เลยได้รับการแนะนำวิชาการต่าง ๆ จากหลวงปู่กล้ายอีกรูปหนึ่ง

    ขณะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 เวลานั้นวัสดุก่อสร้างขาดแคลน การบูรณะวัดก็หยุดชะงักลง หลวงพ่อเชิญจึงถือโอกาสเรียนวิชาแพทย์แผนโบราณว่าด้วยสาขาเวชกรรมกับ ครูนพ ที่โรงเรียนประทีป ตลาดพลู เป็นเวลา 2 ปีด้วยกัน

    นอกจากนั้นยังมีพระอาจารย์เรืองวิชาที่มีชื่อเสียงในอยุธยาที่หลวงพ่อเชิญเคยไปขอศึกษาวิชามาก็มี หลวงปู่ยิ้ม วัดเจ้าเจ็ดใน หลวงพ่อแจ่ม วัดบัวหัก และหลวงพ่อแพ วัดกลางคลอง ฯลฯ ซึ่งล้วนแต่เป็นพระอาจารย์ยุคเก่าที่เรืองวิชาทั้งสิ้น

    ***เหรียญนี้สวยเดิม พร้อมกล่อง ให้บูชา 300 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_6678.JPG
      SAM_6678.JPG
      ขนาดไฟล์:
      62.8 KB
      เปิดดู:
      49
    • SAM_6679.JPG
      SAM_6679.JPG
      ขนาดไฟล์:
      64.3 KB
      เปิดดู:
      63
    • SAM_6681.JPG
      SAM_6681.JPG
      ขนาดไฟล์:
      67.8 KB
      เปิดดู:
      94
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มิถุนายน 2015
  16. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,707
    ค่าพลัง:
    +4,635
    รายการที่96 รูปหล่อโบราณ หลวงพ่อจ้อย วัดศรีอุทุมพร จ.นครสวรรค์ ปี 2540 ฉลองอายุครบรอบ 84 ปี พร้อมกล่องเดิม**มีผู้รับนิมนต์แล้วครับ**

    แต่เดิมโยมท่านและตัวท่านมีภูมิลำเนาถิ่นฐานอยู่บ้านดอนหวาย ตำบลพรวงสองนาง อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี โยมชายหญิงของท่านเห็นว่าที่ทำกินมันชักจะแคบเข้าทุกที ทำนาไม่พอเลี้ยงลูกที่มีเพิ่มขึ้น ชีวิตในโลกนี้คือการดิ้นรนคนส่วนมากของประเทศ โดยเฉพาะชาวไร่ชาวนา ดิ้นรนเพียงเพื่อมีชีวิตอยู่ ทุ่มเทชีวิตเรี่ยวแรงหยาดเหงื่อทุกหยด เพื่อความมีชีวิตของตน สมัยนั้นที่ดินป่าไม้ยังรกร้างว่างเปล่า ไม่ต้องยื้อแย่งกรรมสิทธิ์อะไรกัน ผู้คนพลเมืองยังมีน้อย “ ดินดีเพราะป่าปก ป่ารกเพราะเสือยัง ” มีอยู่มากมาย ใครมีกำลังเรี่ยวแรงเท่าไร ก็มาหักร้างถางพงให้เป็นไร่เป็นนาเอาตามความสามารถของตน พอทำกินเลี้ยงลูกเมียแล้วก็พอใจ มิได้กำเริบใจจะเป็นนายทุนเจ้าของที่ดินเป็นหมื่นเป็นพันไร่อย่างในปัจจุบันนี้
    เมื่อทราบว่าทางบ้านวังเดื่อ ตำบลหนองกรด จังหวัดนครสวรรค์ ยังมีที่ดินว่างเปล่าอยู่มาก จึงได้ปรึกษาชักชวนกันอพยพจากถิ่นเดิม เอาพริก เอาเกลือ เอาข้าวใส่เกวียนเทียมโคมา จอบเสียมเครื่องมือทำกินก็เอามาพร้อม เดินทางรอนแรม พักไหนนอนนั่น มาหลายวันหลายคืน ผ่านมาทางหนองขุย ห้วยอีด่าง ลัดเข้าหนองกล้ำ เข้าดอนเพชร โนนแดง ข้ามแม่น้ำแควตากแดด ขึ้นบ้านวังหินดาร หนองกระทุม เรื่อยมา ทางรถเรียบ รถยนต์วิ่งได้สบายบรื๋อ อย่างเดี๋ยวนี้หามีไม่ เกวียนมีสิทธิ์ที่จะใช้ทางเกวียนอย่างเต็มที่ ก็ทางเกวียนนี้แหละครับ เป็นเครื่องวัดนิสัยใจคอของคนไทยแต่ไรมา เมืองไทยอากาศมันร้อน จะเดินทางไปข้างไหนก็ลดเลี้ยวเลี่ยงไปเดินตามร่มเงา หรือที่ไหนรกทึบด้วยแมกไม้ ยากเกินไปที่จะบุกป่าผ่าหนาม ก็เลี่ยงเดินเสียที่มันเตียนไม่ต้องออกแรง ทางที่เริ่มขึ้นเป็นทางเดินเท้าต่อมาก็ขยายกว้างเป็นทางเกวียน โคกระบือเทียมเกวียนจึงพาเกวียนเลี้ยวลดไปตามทางที่มีอยู่ ที่จะลัดตัดตรงนั้นไม่มี โบราณว่าเกวียนหนีทางไม่ได้ กว่าจะพาครอบครัวอพยพถึงวังเดื่อได้ ก็หลายวันเต็มที่
    ครอบครัวของหลวงพ่อจ้อย นับว่าเป็นผู้บุกเบิกดินแดนถิ่นนี้เป็นครั้งแรก ตั้งหน้าหักร้างถางป่าอีกหลายปีจึงมีที่ดินทำไร่ไถนาได้พอเลี้ยงกัน จากนั้นก็ไปชักชวนเพื่อนพวกพี่น้องในถิ่นเดิม ให้มาบุกเบิกทำกินเอาตามกำลัง “ ดินดีเพราะป่าปก ป่ารกเพราะเสือยัง ” เหลืออยู่อีกมากมาย ไม่หวงแหนกีดกันเอาเป็นของตนแต่ผู้เดียว เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันตามประสาไทย ใครมีแรงมากเอาให้มาก มีแรงน้อยก็เอาแต่พอแรงของตน บ้านวังเดื่อที่เคยเป็นป่า บัดนี้ก็ค่อย ๆ กลายเป็นแหล่งชุมชนของหมู่บ้าน และที่เราเรียกกันว่า “ บ้านวังเดื่อ ” เพราะว่าได้มีต้นมะเดื่อขนาดสูงใหญ่ขึ้นอยู่ที่ริมคลองหลังวัด และในปัจจุบันนี้ก็คงเหลือเพียงแต่ตอของต้นมะเดื่อที่จมอยู่ในคลองด้านหลังวัด และเราจะสามารถเห็นตอนี้ได้ก็ต่อเมื่อน้ำในคลองได้ลดลง ต่อมาโยมพ่อโยมแม่แล้วก็ญาติชาวบ้านวังเดื่อได้พร้อมใจกันยกที่ให้หลวงพ่อได้ทำการสร้างเป็นที่พักสงฆ์ เพื่อจะเอาไว้เป็นสถานที่สาธารณประโยชน์ในการบำเพ็ญกุศล แล้วจึงได้นิมนต์พระภิกษุสงฆ์มาจำพรรษาอยู่ที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ ต่อมาทางคณะสงฆ์ได้จัดตั้งวัดขึ้นให้เป็นวัดที่สมบูรณ์แบบถูกต้องตามกฎหมาย ชื่อว่า “ วัดศรีอุทุมพร ” เพราะว่าตามหลักของภาษาบาลี “ ไม้มะเดื่อ ” นั้นแปลว่า “ ไม้อุทุมพร ” พอเติมคำว่า “ ศรี ” เข้าไปก็เป็น “ วัดศรีอุทุมพร ” คือ “ วัดที่เป็นศิริงดงาม ” จึงเป็นมงคลนาม


    อุปนิสัยเมื่อเยาว์วัยของหลวงพ่อจ้อย จนฺทสุวณฺโณ
    ท่านเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตน ว่านอนสอนง่าย ชอบความยุติธรรม ขยันขันแข็ง เอาการเอางาน จนกระทั่งคนในหมู่บ้านพากันยกย่องเชิดชูกันว่าท่านเป็นคนขยันประจำหมู่บ้าน เพราะว่าท่านนั้นจะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อที่จะนำควายออกจากคอกไปไถนาก่อนใครเสมอ จนไม่มีใครสามารถที่จะสู้ท่านได้ พร้อมกับท่านเป็นคนที่มีปฏิภาณไหวพริบ ว่องไวกว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน ตลอดจนคนอื่น ๆ ในหมู่บ้าน ทำงานเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครัว มากกว่าพี่น้องคนอื่น ๆ ท่านมักจะลงมือทำงานก่อนใครเขา แต่มักจะเลิกทำงานที่หลังใครเขาเสมอ และจะเห็นได้ว่าแม้แต่ในเวลาทำงาน เช่นในเวลาเกี่ยวข้าวแม้ท่านจะปวดหลังท่านก็ยังคุกเข่าเกี่ยวข้าวต่อไป หรือแม้แต่ว่าเวลาพักท่านก็มิได้นั่งอยู่เฉย ๆ ท่านจะจักตอกเหลาไม้เพื่อที่จะนำมาสานเป็นกระบุงเป็นตะกร้า ตามวิถีชีวิตของชาวบ้านท้องถิ่น ส่วนตัวท่านนั้นมักจะมีความเมตตากรุณาไม่นิยมการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ครั้งหนึ่งพี่สาว-น้องชาย ของท่านได้ไปจับกบจับปลา เอามาขังไว้เป็นจำนวนมาก ท่านก็ได้ไปนั่งพิจารณาดูจนเกิดความสังเวชสงสานต่อสัตว์ที่ถูกจับมาขังเหล่านั้น ท่านจึงได้ลักนำเอาปลาและกบเหล่านั้นไปปล่อยโดยที่ไม่ให้พี่สาว-น้องชาย ของท่านรู้ ต่อมาในช่วงที่ท่านกำลังเป็นหนุ่มพวกเพื่อน ๆ มักจะมาชักชวนกันไปไปเที่ยวคุยกับสาว (จีบสาว) ตามบ้านโน้นบ้านนี้ ในเวลากลางคืน ท่านก็มักจะตอบไปเสมอว่าให้ไปกันก่อน แล้วจะตามไปทีหลัง แต่แล้วท่านก็ไม่เคยตามไปสักที ท่านจะไม่ชอบเที่ยว มุ่งทำแต่ที่จะทำงานอย่างเดียวแม้แต่ในเวลากลางคืนก็ยังจุดตะเกียงทำ แล้วท่านก็ยังชอบที่จะสนทนากับผู้มีอายุหรือ คนแก่ในหมู่บ้านเรื่องศีล เรื่องธรรมอยู่เสมอ อีกอย่างหนึ่งคือท่านมักจะติดตามโยมของท่านไปทำบุญ ฟังเทศน์ที่วัดอยู่เสมอ จนกระทั่งอายุ ๒๐ ปี

    สาเหตุที่ต้องอุปสมบท
    ๑. ท่านมีความศรัทธาเลื่อมใสในคำสอนของพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก
    ๒. ท่านเป็นคนที่มีความกตัญญูรู้คุณ ต่อ บิดา-มารดา จึงต้องบวชบูชาคุณ และเพื่อเป็นการตอบสนองต่อบุญคุณ บิดา-มารดา ส่วนหนึ่ง
    ๓. ท่านมาเล็งเห็นว่าการครองเพศฆารวาสมีแต่ความวุ่นวายเป็นอย่างมาก ในเรื่องความเป็นอยู่ บ้างก็เบียดเบียนกัน บ้างก็เอารัดเอาเปรียบกัน แย่งชิงสมบัติกัน กินเหล้าเมายา ขาดความเคารพซึ่งกันและกัน ท่านก็จึงได้เกิดอาการเบื่อหน่าย
    ๔. ต้องบวชเรียนตามประเพณี คนสมัยก่อนถือกันว่าถ้าเกิดมาเป็นชาย ต้องบวชเรียนเสียก่อน ถ้าใครยังไม่ได้บวช
    เรียนเขาเรียกกันว่า “ คนดิบ ” ส่วนถ้าใครบวชเรียนแล้วจึงถือได้ว่าเป็น “ คนสุก ” จึงเป็นเหตุให้หลวงพ่อจ้อยได้อุปสมบท

    ซึ่งทั้ง ๔ ประการที่ได้กล่าวมานี้ถือได้ว่าเป็นสาเหตุให้หลวงพ่อจ้อยได้บวช จึงได้ไปปรึกษาบิดา-มารดา ญาติพี่น้อง ต่างๆ ก็ได้รับอนญาติ จึงได้พาหลวงพ่อจ้อยไปอุปสมบทที่ จังหวัดอุทัยธานี เมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ ที่วัดดอนหวาย ตำบลพรวงสองนาง อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี โดยมีพระครูปลัดตุ้ยเป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์บุญธรรมเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์บุญตาเป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ จนฺทสุวณฺโณ ” ซึ่งแปลว่า “ ผู้มีผิวพรรณงามดั่งพระจันทร์ ” และยังถือได้ว่าท่านมีอุปัชฌาย์องค์เดียวกันกับ “ หลวงพ่อเสน่ห์ ” แห่งวัดสว่างอารมณ์ เกจิชื่อดังแห่งจังหวัดอุทัยธานี

    หลังจากที่ท่านได้ทำการบวชแล้วนั้น ท่านได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดดอนม่วง ตำบลวังม้า อำเภอลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์ เป็นเวลา ๕ พรรษา เพราะว่าท่านมีญาติพี่น้องอยู่ที่นั้น และได้ทำการศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมจนท่านสามารถสอบได้นักธรรมตรีในปี พ.ศ. ๒๔๗๘ หลังจากนั้นท่านก็ได้ย้ายไปอยู่จำพรรษาที่วัดพรหมจรรยาวาส อำเภอเมืองฯจังหวัดนครสวรรค์เพื่อศึกษาต่อนักธรรมโท จนกระทั้งท่านสามารถสอบนักธรรมโทได้ในปีต่อมาคือ พ.ศ. ๒๔๗๙

    หลังจากนั้นท่านก็มุ่งหน้าเดินทางเข้าสู่กรุงเทพฯ ไปยังระฆังโฆษิตาราม เพื่อจะไปศึกษาต่อเพราะว่าท่านนั้นรู้จักคุ้นเคยกับ ท่านเจ้าคุณภาวนาภิราม (สุก ปวโร) เพราะว่าท่านเจ้าคุณสุกนั้น เป็นคนจังหวัดอุทัยธานี และที่สำคัญคือท่านเจ้าคุณสุก นั้นเป็นญาติกับหลวงพ่อจ้อย สาเหตุที่ท่านจะไปนั้นเพื่อจะไปศึกษาเล่าเรียนเกี่ยวกับบาลี แต่บังเอิญว่าความจำของท่านไม่ค่อยดี ท่องหนังสือไม่จำ ท่านเลยไปสนใจที่จะเรียนพระอภิธรรมที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏ์ กับท่านพระอาจารย์เจชิน ที่มาจากประเทศพม่า ซึ่งตอนนั้น อาจารย์แนบ มหานีรานนท์ ก็ได้ไปเรียนอยู่ด้วย

    ในขณะที่หลวงพ่อจ้อยได้อยู่ที่วัดระฆังโฆษิตารามซึ่งได้มีหลวงปู่นาก เป็นเจ้าอาวาสอยู่ และถือได้ว่าหลวงปู่นาก นั้นเป็นสายเดียวกันกับสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ซึ่งในยุคนั้นหลวงพ่อพิมพา วัดหนองตางู ก็ได้ไปศึกษาอยู่ที่นั้นด้วย ถือได้ว่าหลวงพ่อพิมพา เป็นศิษย์รุ่นพี่ของหลวงพ่อจ้อย นั้นเอง หลวงพ่อเคยเล่าให้ฟังอยู่ครั้งหนึ่ง ว่าสมัยที่ท่านอยู่วัดระฆังโฆษิตารามนั้น ท่านท่องหนังสือไม่ค่อยจำ ได้หน้าก็มักจะลืมหลัง ท่านก็เลยเข้าปฏิบัติกรรมฐานอยู่เป็นเวลาถึง ๘ เดือน พอท่านออกจากการปฏิบัติกรรรมฐาน ท่านก็ได้เดินทางกลับมาเยื่ยมโยมพ่อโยมแม่ที่บ้านวังเดื่อแล้วท่านก็ได้เดินทางกลับไปศึกษาเล่าเรียนต่อทางด้านวิปัสสนากรรมฐานที่วัดระฆังฯ และที่วัดมหาธาตุฯ ต่อมาเมื่อชาวบ้านก็ได้เล็งเห็นความลำบากในการทำการอุปสมบทของกุลบุตรว่าต้องเดินทางไปทำการอุปสมบทที่อื่น และพระภิกษุสงฆ์ต้องทำสังฆกรรม เช่นต้องลงอุโบสถในวันพระ ๑๕ ค่ำ ซึ่งเป็นกิจวัตร เป็นต้น

    ชาวบ้านจึงได้ทำการปรึกษาหารือคิดที่จะสร้างพระอุโบสถ แต่ยังขาดท่านเจ้าอาวาส จึงได้นึกถึงหลวงพ่อจ้อย และได้พากันเดินทางไปนิมนต์หลวงพ่อ โดยมีโยมทายกสุวรรณ เกษสุวิทย์ ซึ่งเป็นนักบวชที่วัดมหาธาตุฯ ในอดีตมาก่อนได้ลาสิกขาออกมามีครอบครัว และได้ชักชวนทายกคนอื่นโดยมี ทายกทิม-ทายกขัน-ทายกจ้อย และชาวบ้านอีกส่วนหนึ่งได้เดินทางไปยังที่วัดระฆังฯ เพื่อที่จะนิมนต์หลวงพ่อจ้อย กลับมาเป็นเจ้าอาวาส พอได้เดินทางมาถึงยังที่กุฏิที่พักของหลวงพ่อจ้อย ก็ได้แจ้งวัตถุประสงค์ให้ท่านทราบ และก็ได้อาราธนานิมนต์ให้หลวงพ่อได้เดินทางมาเป็นเจ้าอาวาส หลวงพ่อจ้อยเห็นถึงความลำบากของญาติโยม จึงเกิดความเมตตา จึงได้รับปากว่าจะมาเป็นเจ้าอาวาส แต่ใจจริงของท่านนั้นไม่อยากจะเป็น แต่เป็นเพราะสงสารญาติโยมและเพื่อจะได้กลับมาอยู่ใกล้โยมพ่อ โยมแม่ซึ่งท่านทั้งสองนั้นก็อายุมากแล้ว และคิดถึงความสำคัญต่อส่วนรวม จึงได้เดินทางมารับตำแหน่งนี้ในปี พ.ศ. ๒๔๘๕ เป็นต้น

    มาจนถึงปัจจุบันจึงนับได้ว่าหลวงพ่อจ้อย ท่านเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดศรีอุทุมพร ต่อมาหลังท่านได้เป็นเจ้าอาวาสแล้วนั้น ท่านก็ได้ทำหน้าที่ปกครองพระภิกษุสงฆ์ ซึ่งก็มีจำนวนไม่มากนัก ในพรรษาก็จะมีพระอยู่จำพรรษาประมาณ ๕ - ๖ รูป พอออกพรรษาแล้วก็พากันลาสิกขาไปกันหมด จึงเหลือแต่เพียงหลวงพ่อจ้อยรูปเดียว กับเด็กวัดจำนวน ๑๐ - ๒๐ คนเป็นประจำ หลวงพ่อก็จะช่วยสอนหนังสือให้เด็กวัดเหล่านั้นได้รู้จักระเบียบวินัย ในระหว่างนั้นวัดก็จะยังไม่ค่อยมีความเจริญสักเท่าที่ควร มีป่ารกร้างเป็นจำนวนมาก จึงยังต้องขุดร้างถางพงอีกมาก ก็ได้อาศัยพวกเด็กวัดบ้าง ชาวบ้านใกล้เคียงบ้างได้ช่วยกันขุดร้างถางพงต่าง ๆ ต่อจากนั้นท่านก็ได้พยายามสั่งสอนอบรมชาวบ้านให้มีศีลมีธรรม ไม่ให้เอารัดเอาเปรียบกัน บ้างปีท่านก็ไปนิมนต์พระมหาเปรียญมาอยู่จำพรรษาเพื่อที่จะมาเป็นอาจารย์สอนพระปริยัติธรรมแผนกบาลี และนักธรรม แก่พระภิกษุสงฆ์ – สามเณร ก็ปรากฏว่ามีพระภิกษุ – สามเณร จำนวน ๓๐ กว่ารูป ได้เดินทางมาศึกษาเล่าเรียนแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะพระภิกษุสงฆ์ – สามเณรที่มาเล่าเรียนนั้นไม่มีใครตั้งใจที่จะเรียนจริง ดังนั้นจึงได้ทำการยุบการเรียนการสอนแผนกบาลีออกไป คงเหลือไว้แต่เพียงแผนกนักธรรม

    เมื่อเป็นดังนั้นแล้วท่านก็มีโครงการว่าจะอบรมสั่งสอนประชาชนให้เข้าวัดมาฝึกนั่งกรรมฐานภาวนา แต่ท่านก็มาเล็งเห็นว่าชาวบ้านส่วนใหญ่นั้นประกอบอาชีพเป็นเกษตรกร ทำไร่ ทำนา เป็นส่วนใหญ่ ประกอบกับท่านนั้นได้กำลังทำการก่อสร้างพระอุโบสถอยู่นั้น จึงไม่สามารถจะทำตามเป้าหมายที่ท่านวางไว้ได้ บางปีพอหลังจากท่านออกพรรษาแล้วหลวงพ่อก็นิยมการออกธุดงค์รุกขมูล (อยู่โคนต้นไม้เป็นวัตร) ขึ้นไปทางเหนือทางจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ เชียงดาว ขณะท่านได้ออกเดินธุดงค์ไปนั้นก็ได้มีชีปะขาวติดตามไปด้วยชื่อว่า บุญเกิด ภายหลังได้อุปสมบทอยู่ในร่มกาสาวพัสตร์จนได้เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้มรณภาพไปแล้ว หลวงพ่อได้ออกธุดงค์ไปเพื่อแสวงหาความวิเวก ทดสอบความอดทน และเพื่อเป็นการเผาผลาญกิเลสตัณหา อันได้แก่ความโลภ ความโกรธ และความหลง และเพื่อศึกษาสัจจธรรมอันเป็นหนทางแห่งความหลุดพ้น

    **องค์นี้สวยเดิม มีคราบเบ้า แป้งเดิมๆ กล่องเดิมจากวัด ให้บูชา 300 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_6682.JPG
      SAM_6682.JPG
      ขนาดไฟล์:
      75.2 KB
      เปิดดู:
      58
    • SAM_6683.JPG
      SAM_6683.JPG
      ขนาดไฟล์:
      66.3 KB
      เปิดดู:
      67
    • SAM_6686.JPG
      SAM_6686.JPG
      ขนาดไฟล์:
      61.1 KB
      เปิดดู:
      47
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มิถุนายน 2015
  17. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,707
    ค่าพลัง:
    +4,635
    รายการที่97 หลวงปู่ทวด เตารีดเล็ก วัดช้างให้ ปี2539 อาจารย์นองวัดทรายขาวปลุกเสก พร้อมกล่องเดิมจากวัด**มีผู้รับนิมนต์แล้วครับ**

    **องค์นี้สวยเดิมๆพร้อมกล่องจากวัด ให้บูชา 300 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_6675.JPG
      SAM_6675.JPG
      ขนาดไฟล์:
      78.6 KB
      เปิดดู:
      142
    • SAM_6676.JPG
      SAM_6676.JPG
      ขนาดไฟล์:
      61.1 KB
      เปิดดู:
      67
    • SAM_6677.JPG
      SAM_6677.JPG
      ขนาดไฟล์:
      49.2 KB
      เปิดดู:
      89
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มิถุนายน 2015
  18. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,707
    ค่าพลัง:
    +4,635
    รายการที่98 พระปิดตาครูบาน้อยวัดศรีดอนมูล หลังปั้มหนังสือ จ.เชียงใหม่

    **องค์นี้ด้านเสน่ห์ โชคลาภ เมตตา มหานิน ให้บูชา 300 บาท
    ***มีผู้รับนิมนต์แล้วครับ***
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_6753.JPG
      SAM_6753.JPG
      ขนาดไฟล์:
      76.9 KB
      เปิดดู:
      80
    • SAM_6754.JPG
      SAM_6754.JPG
      ขนาดไฟล์:
      82.4 KB
      เปิดดู:
      106
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2015
  19. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,707
    ค่าพลัง:
    +4,635
    รายการที่99 พระพุทโธ หลังยันต์พุทโธ ผสมผงเก่าคุณแม่บุญเรือน โรยทรายเงินทรายทอง ให้บูชา 300 บาท***มีผู้รับนิมนต์แล้วครับ***
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_6750.JPG
      SAM_6750.JPG
      ขนาดไฟล์:
      49.4 KB
      เปิดดู:
      94
    • SAM_6751.JPG
      SAM_6751.JPG
      ขนาดไฟล์:
      52.1 KB
      เปิดดู:
      51
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2015
  20. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,707
    ค่าพลัง:
    +4,635
    รายการที่100 ผ้ายันต์นางกวักมหาลาภ ท่านพ่อเขียน วัดกะทิง เรียกโชคกวักลาภ เมตตา มหานิยม ให้บูชา 300 บาท***มีผู้รับนิมนต์แล้วครับ***
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_6761.JPG
      SAM_6761.JPG
      ขนาดไฟล์:
      73.9 KB
      เปิดดู:
      44
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2015

แชร์หน้านี้

Loading...