สายพระป่ากรรมฐานลป.บุญจันทร์ อุดรธานี ลป.บุญหนัก หนองคาย

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
    pic_098.jpg
    ประวัติหลวงพ่อพุฒ
    พระครูสุนทรวุฒิคุณ หลวงพ่อพุฒ สุนฺทโร
    1.สถานะเดิม
    ชื่อพุฒ นามสกุลหาญสมัย เกิด6ฯ12 ค่ำ ปีจอ ตรงกับวันศุกร์ที่ 13พฤจิกายน พ.ศ.2453
    บิดาชื่อนายขำ มารดาชื่อนางปาน เกิดที่บ้านบางพระ เลขที่8 หมู่ที่4 ต.บางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
    2.บรรพชา
    วันที่2ฯ4ค่ำ ปีจอ วันจันทร์ที่ 1เมษายน พ.ศ.2489 ณ วัดบางพระ ต.บางแก้วฟ้า อ.นครชัยศรี
    จ.นครปฐม โดยมีพระอธิการหิ่ม อินทโชโต วัดบางพระเป้นพระอุปัชฌาย์
    3.อุปสมบท
    วันที่2ฯ4ค่ำ ปีจอ วันจันทร์ที่ 1เมษายน พ.ศ.2489 ณ วัดบางพระ ต.บางแก้วฟ้า อ.นครชัยศรี
    จ.นครปฐม โดยมีพระอธิการหิ่ม อินทโชโต วัดบางพระเป้นพระอุปัชฌาย์
    พระอาจารย์เปลี่ยน ฐิตธมโมวัดบางพระเป็นพระกรรมวาจาจารย์
    พระอาจารย์อยู่ ปทุมรตโน วัดบางพระเป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า สุนฺทโร
    4.วิทยฐานะ
    พ.ศ.2467 สำเร็จวิชาสามัญชั้นประถมศึกษาปีที่4จากโณงเรียนวัดบางพระ
    พ.ศ.2489 สอบได้นักธรรมชั้นตรี สำนักเรียนวัดบางพระ จังหวัดนครปฐม
    พ.ศ.2491 สอบได้นักธรรมชั้นโท สำนักเรียนวัดบางพระ จังหวัดนครปฐม
    พ.ศ.2535 สอบได้นักธรรมชั้นเอก สำนักเรียนวัดกลางบางพระ จังหวัดนครปฐม
    พ.ศ.2513 สำเร็จการศึกษาอบรมจากโรงเรียนพระสังฆาธิการส่วนกลางแผนกศึกษาอบรมรุ่นที่1
    5.งานปกครอง
    พ.ศ.2495 เป็นเจ้าอาวาสวัดกลางบางพระ
    พ.ศ.2497 เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    พ.ศ.2537 เป็นพระอุปัชฌาย์
    6.ความสามารถพิเศษ
    เป็นผู้มีความรอบรูในอักขระและคาถาต่างๆ ภาษาขอม ตำรายาแผนโบราณและมีความชำนาญในการก่อสร้าง
    7.สมณศักดิ์
    พ.ศ.2509 เป็นพระครูชั้นประทวนสมณศักดิ์
    พ.ศ.2513 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี
    พ.ศ.2517 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท
    พ.ศ.2533 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก
    ประวัติความเป้นมาโดยสังเขป
    หลวงพ่อพุฒเกิดที่บ้านบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม มีพี่น้อง5คนคือ
    -นางสาวบุญรอด หาญสมัย
    -นายพุฒ หาญสมัย (หลวงพ่อพุฒ สุนทโร)
    -นางปุ่น นาคละมัย
    -นายปั่น หาญสมัย
    -นางบุญนาค กลั่นสนิท
    หลวงพ่อพุฒได้รับการศึกษาเล่าเรียนมีความรู้ติดตัวมาจากวัดและจบชั้นประถม4ในเวลาต่อมา ครอบครัวของท่านมีอาชีพทำนาท่านจึงต้องช่วยบิดามารดาทำนา เมื่ออายุครบ20ปีได้เข้ารับการบรรพชาอุปสมบท ณ วัดบางพระ ต่อมาได้ลาสิกขาบทไปเป็นทาหรรักาพระองค์อยู่2ปี เมื่อครบกำหนดรับราชการทหารแล้วได้กลับมาช่วยบิดามารดาทำนาเช่นเดิมได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่1 ตำบลวัดละมุด อำเภอนครชัยศรีจังหวัดนครปฐม ท่านได้ดูแลลูกบ้านจนมีความร่มเย้นเป้นสุขตลอดมาและได้ทำหน้าที่อยู่ 5ปีเต็ม จึงได้ขอลาออกจากผู้ใหญ่บ้าน ขออนุญาตบิดามารดาลาชีวติทางโลกเข้าสู่ร่วมกาสาวพัตรด้วยความศรัทธาในพระรัตนตรัย เข้ารับการบรรพชาอุปสมบท ณ พัทธสีมวัดบางพระ เมื่อวันที่ เมษายน พ.ศ.2489 โดยมีหลวงพ่อหิ่ม วัดบางพระเป็นพระอุปัชฌาชย์ ซึ่งถือเป้นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของท่านโดยได้รับฉายาว่า “สุนฺทโร”
    มีความมุ่งมั่นในการศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยและเมื่อมีโอกาสจะศึกษาตำราต่างๆอาทิเช่นหนังสือขอม ตำรายาแผนโบราณ ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจในการศึกษาธรรมของท่านทำให้ท่านสอบได้นักธรมชั้นตรีและโทตามลำดับ ท่านเป้นผู้ฝักใฝ่ในการศึกษามีปัญญาดี มีความสามารถในการท่องจำและสวดมนต์อยู่ในระดับขั้นต้นๆของผู้ที่มีความสามารถ ทั้งยังมีความชำนาญในการเทศนาโวหารเป็นที่ยอมรับของคณะสงห์และสาธุชนทั่วไป ต่อมาท่านได้เห็นถึงความสำคัญของการปฎิบัติธรรมจึงเริ่มศึกษาหาความรู้ในเรื่องธุดงค์วัตรจนมีความเข้าใจและชำนาญ จึงเริ่มออกธุดงคืไปยังสถานที่ต่างๆเพื่อเจิรญสมาธิธรรมกัมมัฎฐาน ต่อมาท่านได้ศึกษาตำรายาสมุนไพรจากหมอชาวบ้านในชุมชนต่างๆที่เป็นผู้มีความสามารถ เพื่อมาช่วยรักษาชาวบ้านในถิ่นทุระกันดารที่ห่างไกลหมอและยา จนต่อมาท่านได้ศึกษาวิทยาคมต่างๆจากหลวงพ่อแช่มวัดตาก้อง หลวงพ่อน้อยวัดศรีษะทอง หลวงพ่อกี๋วัดหูช้าง และหลวงปู่เพิ่มวัดกลางบางแก้ว
    “พระอธิการพุฒวัดวัดกลางบางพระ”
    หลังจากที่ได้รับการบรรพชาอุปสมบทและมีโอกาสศึกษาพระธรรมวินัยตลอดจนวิทยาคมต่างๆรวมทั้งการออกรุกขมูล(ธุดงค์) เมื่อพรรษได้6พรรษาในปีพ.ศ.2494 เจ้าอาวาสองค์ที่6ของวัดกลางบางพระได้มรณะภาพลง คณะสงฆ์และชาวบ้านได้มีมติให้หลวงพ่อพุฒขึ้นดำรงตำแหน่งเป้นเจ้าอาวาสองคที่๗สืบต่อมา หลังจากที่หลวงพ่อได้รับภาระหน้าที่เจ้าอาวาสแล้วก็มุ่งมั่นที่จะบูรณะปฎิสังขรร์วัดกลางบางพระให้สามารถใช้งานได้เหมือนวัดทั่วๆไป เพราะถาวรวัตถุและสิ่งปลุกสร้างภายในวัดได้ทรุดโทรมไปตามการเวลา หลวงพ่อพุฒได้บูรณะปฎิสังขรณ์และสร้างถาวรวัตถุขึ้นมาใหม่คือ ศาลาการเปรียญ กุฎิพระสงฆ์ เมรุ วิหาร โรงเรียนพระปริยิติธรรม หอฉัน โรงครัง พระพุทธรูปองค์ใหญ่ ศาลาประชุม กำแพงวัด ซุ่มประตู ศาลาเอนกประสงค์ มณฑปพระเกศจุฬามณี ห้องน้ำ ศาลาการเปรียยหลังใหม่ กุฎิ ศาลาปติบัติธรรมและอุโบสถหลังใหม่ วัดกลางบางพระจึงมีความเจิรญรุ่งเรืองมาจนถึงทุกวันนี้
    คำสอนของหลวงพ่อพุฒ
    1.เว้นจากการฆ่า การเบียดเบียน และมีความเมตตากรุณาอยู่เป็นนิจ
    2.เว้นจากการลักทรัพย์และเลี้ยงชีพทำมาหากินในทางสุจริต
    3.เว้นจากการประพฤติผิดในกาม และให้มีความสำรวมเรื่องกาม
    4.เว้นจากการพูดเท็จ พูดคำหยาบ พูดส่อเสียด เพ้อเจ้อ สอนให้มีสัจจะ
    5.เว้นจากการดื่มของมึนเมา ให้มีสติสัมปชัญยะรุ้ตัวอยู่เสมอ
    หลักคสอนนี้คือเบญศีลเบญจธรรมในพุทธศาสนา
    ปฎิปทาข้อปฎิบัติ
    หลวงพ่อพุฒเป็นพระที่เคร่งครัดในการปฎิบัติตามพระธรรมวินัย และวิชาอาคมที่ได้ร่ำเรียนมาจากครูอาจารย์ มีความเป้นอยู่แบบเรียบง่ายไม่พิถีพิถันเป็นกันเอง พูดจามึงกูตามเอกลักษร์ของท่าน สมถะ ใจดีมีเมตตาเป็นพระเถระที่พบได้ง่ายที่สุดไม่ต้องมีพิธีรีตองเป็นกันเองและอารมรืดีอยู่เสมอ กิจวัตรของหลวงพ่อคือไหว้พระสวดมนตืปฎิบัติวิปัสสนาทุกเช้าไม่เคยให้ขาดให้ความสำคัญในการปกครองพระภายในวัดให้รักใคร่สามัคคีและอยู่ในพระธรรมวินัย ท่านได้ใช้วิชาความรู้ความสามารถที่ท่านได้ร่ำเรียนมาจากครูอาจารยืช่วยอนุเคราะห์สาธุชนโดยไม่แบ่งชั้นวรรณะจนเป็นที่เคารพศรัทธากับสาธุชนทั้งหลาย ในช่วงปีพ.ศ.2535-2540 ท่านได้รับนิมนต์พิธีพุทธาภิเษกมาแล้วทั่วประเทศเป็นพระเกจิคณาจารย์ที่ได้รับการยอมรับรุปหนึ่งของเมืองไทย วัตถุมงคลของท่านที่สร้างมาแต่ละรุ่นล้วนแล้วแต่มีพุทธคุณควรค่าแก่การบูชาเป็นสิริมงคล นอกจากนี้หลวงพ่อท่านยังเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิวัดกลางบางพระโดยมีวัตถุประสงคืเพื่อเก็บดอกออกผลบำรุงบูรณะปฎิสังขรร์ถาวารวัตถุภายในวัดและอุปถัมภ์การศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมของพระภิกุสามเณรวัดกลางบางพระ
    มรณะภาพละสังขาร
    หลวงพ่อเข้ารับการรักษาเส้นเลือดในสมองตีบที่โรงพยาบาลสนามจันทร์ เมื่อวันที่14มกราคม พ.ศ.2542 และได้ถึงแก่มรณะภาพละสังขารเมื่อวัน1ฯ3ค่ำ ปีขาล ตรงกับวันอาทิตย์ที่17มกราคม พ.ศ.2542 เวลา 8.45น. สิริรวมอายุได้88ปี2เดือน8วันศิษย์ยานุศิษย์ได้นำสังขารหลวงพ่อกลับมายังวัดกลางบางพระและจัดพิธีบำเพ็ญกุศลอย่างสมเกียรติ คงเหลือไว้แต่คุณงามความดีและคำสั่งสอนอบรมของท่านที่ศิษย์ยานุศิษยืจะยึดถือไว้เป็นทางแห่งการประพฤติดีปฎิบัติชอบสืบไป


    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระผงรูปเหมือนหลวงพ่อพุฒ ยุทธการสนามจันทร์ และ พระผงรูปเหมือน เนื้อผงผสมว่าน ให้บูชา 2 องค์คู่กัน 220 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240507_100423.jpg IMG_20240507_100444.jpg IMG_20240507_100359.jpg
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
    fb_img_1705571444097-jpg-jpg.jpg
    ปู่โทน หลำแพร เป็นชาวบ้านโพธิไทร อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี เมื่อสมัยยังเป็นหนุ่มน้อยได้บวชเป็นสามเณรอยู่ 3 พรรษาและอุปสมบทเป็นพระภิกษุต่ออีก
    2 พรรษา ขณะที่บวชเรียนอยู่นั้นปูโทนก็สนใจในวิชาวิปัสสนากรรมฐาน ได้เคยศึกษาและปฏิบัติจากูพระอาจารย์ผู้มีความรู้ทางด้านนี้หลายรูปต่อมาแม้เมื่อได้ลาสิกขาออกมาครองเพศฆราวาสแล้ว ปูโทนผู้นี้ก็ยังสนใจในวิชาวิปัสสนกรรมฐานอยู่พยายามหาโอกาสออกแสวงหาสถานที่วิเวกเพื่อบำเพ็ญธรรม อยู่ขณะที่ท่านมีอายุได้ประมาณ 30เสมอปี ครั้งหนึ่งก็ได้ออกไปแสวงหาสถานที่วิเวกเพื่อบำเพ็ญ และในที่สุดก็ได้พบกับสูถานที่ ที่ต้องการ
    แห่งหนึ่ง คือ ในถ้ำพระ ซึ่งอยู่หลังเขาช่องแคอำเภอตาคลีจังหวัดนครสวรรค์พบพระครูโลกอุดรคืนหนึ่งขณะที่ท่านนั่งสมาธิอยู่พอจิตได้อารมณ์เป็นสมาธิแน่วนิ่งแล้วก็บังเกิดความประหลาดขึ้นโดยมีพรภิกษุรูปหนึ่งได้ปรากฏให้เห็นในนิมิตตามคำบอกเล่าของปู่โทนบอกว่าพระภิกษุรูปนั้น มีลักษณะเหมือนคนโบราณ แต่ผิวพรรณผ่องใส มีสง่าราศีน่าเคารพนับถือ ดูจากรูปร่างภายนอกแล้วเห็นว่ายังหนุ่มแน่นแต่ศรีษะมีหงอกขาวโพลนครั้นได้เห็นพระภิกษุรูปนั้น ปู่โทนก็เข้าใจว่าคงจะเป็นพระอาจารย์ทางวิปัสสนากรรมฐานผู้มีญาณวิเศษสามารถถอดจิ๊ตมาสนทนากันได้ใน
    นิมิต และการมาของท่านก็คงจะมาเพื่อสนทนาธรรมหรือช่วยชีแนะข้อธรรมกรรมฐานที่ท่านติดขัดอยู่ ปู่โทนจึงได้เรี้ยกถามท่านไป(ในนิมิต)ว่า "พระคุณเจ้าเป็นใคร" พระภิกูษุหนุ่มผู้มีสง่าราศีน่าศรัทธายิ่งรูปนั้น ก็ตอบให้ทราบว่า ท่านคือหลวงปู่เทพโลกอุดร เป็นพระธุดงค์อาศัยอยู่ตามป่าเขาลำเนาถ้ำเป็นวัตร ที่มานี่กี๊เพื่อต้องการจะมาชี้แนะธรรมปฏิบัติบางอย่างเพราะเห็นว่าอุบาสกโทนยังปฏิบัติไม่ถูกต้องปู่โทนได้ทราบอย่างนั้นก็ปลื้มปีติยิ่งปู่โทนได้ทราบอย่างนั้นก็ปลื้มปีติยิ่งน้ำก ที่จะได้มีพระอาจารย์ผู้มีความูรอบรู้มีคุณวิเศษเลิศล้ำ มาเมตตาชี้แนะข้อธรรมให้ ซึ่งบัดนั้นปู้โทนไม่ได้ทราบว่า หลวงปู่เทพโลกอุดร ที่ว่านั้นเป็นใครมาจากไหน เพราะว่า ท่านไม่เคยได้พบเจอ หรือได้ยินได้ทราบกิตติศัพท์มาก่อนว่า ท่านผู้นี้อยู่ที่ไหนแต่ปโทนก็ยินดีที่จะน้อมรับคำแนะนำเรื่องการวิปัสสนาจากพระภิกูษุผู้มาอย่างแปลกประหลาดรูปนี้หลังจากนั้นหลวงปู่เทพโลกอุดรก็เมตตาชี้แนะวิธีทำกรรมฐานให้กับปู่โทนอธิบายจนปูโทนเข้าใจดีแล้วก็หายวับไป ปูโทนกลับคีนอารมณ์ปกติแต่ก็ยังจำเหตุการ์ณนั้นได้ติดตาและยังปูลื้มปีติไม่หาย ปู่โทนได้คำ
    แนะนำนั้นมาปฏิบัติจนเห็นผลในเวลา
    ไม่นานครั้นบำเพ็ญธรรมกรรมฐานอยู่ที่นั่นพอสมควรแล้วปโทนก็กลับมายังบ้าน
    เพื่อประกอบสั้มมาอาชีพเลี้ยงครอบครัวต่อไปแต่แม้ว่าปู่จะกลับมาอยู่บ้าน แต่ก็ไม่เลิกทำก้รรมฐานเสียเลยยังคงบำเพ็ญอยู่อย่างสม่ำเสุมอ แต่ก็น้อยกว่าเวลาไปบำเพ็ญในที่วิเวกตามป่าเขาลำเนาถ้ำเท่านั้นเอง และหลังจากนั้นปูโทนก็ได้หาโอกาสไปบำเพ็ญธรรมที่ถ้ำพระนั้นอีก และก็ได้พบพระอาจารย์ในนิมิต ที่ท่านร้จักในพบพระอาจารย์ในนิมิต ที่ท่านรู้จักในนาม หลวงปู่เทพโลกอุดรมาคอยชี้
    แนะข้อธรรมะให้อีก และสอนในระดับสูงขึ้นๆ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงรูปเหมือนหลวงปู่เทพโลกอุดรออกวัดคลองช่องแคปี 35 เนื้อผงอิทธิเจฝังตะกรุดมวลสารอธิษฐานปลุกเสกโดยปู่โทน หลำแพร ศิษย์ ในหลวงปู่เทพโลกอุดรหายากให้บูชา 750 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    สำหรับท่านที่ชอบ สายเหนือโลก สานในดง

    IMG_20240507_134754.jpg IMG_20240507_134720.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2024
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
    วันนี้ จัดส่ง

    1715080183900.jpg
    1715080183900.jpg
    ขอบคุณครับ
     
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
    FB_IMG_1715090187168.jpg

    พระปิดตารวยไม่เลิก วัดปรก หลวงพ่อเจิม กล่อง
    พระปิดตามหาลาภ " รุ่นรวยไม่เลิก " เป็นพระที่สร้างขึ้นจากผงพุทธคุณ และมวลสารศักดิ์สิทธิ์หลายชนิด เช่น ว่านมงคล 108 เกสรดอกไม้บูชาพระ 108 ไม้กาฝากอัศจรรย์นานาชนิด ฯลฯ ซึ่งเป็นผงพระเกจิอาจารย์ชื่อดังในยุครอบ 20 ปี ที่ผ่านมา ได้ทำพิธีลงพลังจิตแผ่เมตตาประจุพระพุทธคุณ ทางเมตตา มอบให้กับหลวงพ่อเจิม เก็บสะสมไว้เป็นเวลากว่า 20 ปี เมื่อนำมาสร้างเป็นพระปิดตาองค์นี้แล้ว ได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกครั้งสำคัญ ๆ ของวัดต่าง ๆ อีกหลายครั้ง เช่น วัดพระปฐมเจดีย์ วัดเพชรสมุทรวรวิหาร ( วัดหลวงพ่อบ้านแหลม ) และปลุกเสกเดียวโดยหลวงพ่อเจิมเองทุกคืน
    วัน .... จึงทำให้พระปิดตาองค์นี้มีพุทธคุณทางเมตตา และบันดาลโชคลาภขลังอย่างน่าอัศจรรย์ เป็นที่ประจักษ์แก่ผู้บูชามากมาย ... เป็นพระใหม่ ที่ควรค่าแก่การเสาะหามาบูชาอีกองค์หนึ่งในยุคนี้ เพราะประกอบไปด้วยลักษณะเด่น ๆ ครบถ้วนหลายประการ เช่น พิมพ์สวย เนื้องาม ทำพิธีปลุกเสกถูกต้อง
    พระครูสมุทรธรรมาภรณ์ ( หลวงพ่อเจิม จิรวฑฺฒโน ) อดีตเจ้าอาวาสวัดปรกสุธรรมาราม ( วัดปรกรวยไม่เลิก ) ชาติภูมิเดิมของท่าน อยู่ที่บ้านคลองวัว หมู่ที่ 6 ต.บางแค อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม เป็นบุตรของพ่อแจะ และแม่ผ่อง มณีฉาย เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2481 ปีขาล ... ท่านได้อุปสมบทที่วัดปรก ฯ เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2502 ตรงกับวันอาทิตย์ แรม 2 ค่ำ เดือน 6 ปีกุน ขณะอายุได้ 22 ปี โดยมีพระอัมพวันเจติยาบาล ( เจริญ ขนฺติโก ) วัดอัมพวัน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูบริหารสุตกิจ ( หลวงพ่อสอน ) วัดปรก ฯ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูบุญเหลือ วัดแจ้ง ราชบุรี เป็นพระอนุสาวนาจารย์ บวชแล้วอยู่จำพรรษาที่วัดปรกสุธรรมาราม เรื่อยมาจนถึงปี พ.ศ. 2559 สิริอายุรวม 78 ปี 57 พรรษา ...
    การศึกษาของหลวงพ่อ เมื่อบวชแล้วได้ศึกษาปริยัติธรรม สอบได้ น.ธ. ตรี - โท - เอก โดยใช้เวลา 3 ปี ติดต่อกัน จากนั้นได้ศึกษาวิชาโหราศาสตร์ เวทมนต์ คาถา จากตำรับตำราของวัด ซึ่งตกทอดมาจากบรูพาจารย์เจ้าอาวาสรุ่นก่อน ๆ จนมีความรู้พอสมควร ได้รับการแนะนำการทำสมาธิ และการปลุกเสกพระเครื่อง จากพระเกจิอาจารย์หลายรูป เช่น หลวงพ่อแหยม วัดบ้านเลือก โพธาราม ราชบุรี หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม นครปฐม หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิม ฯลฯ ...
    คือ พระผงปิดตามหาลาภ “ รวยไม่เลิก “ เป็นพระที่หลวงพ่อทำขึ้นจากผงพระพุทธคุณ ที่ผ่านการสั่งสมมาอย่างยาวนาน ครั้งหนึ่ง หลวงปู่หยอด วัดแก้วเจริญ ได้รับนิมนต์ให้ไปงานที่วัดของหลวงพ่อเจิม หลวงพ่อได้ขอความเมตตาให้หลวงปู่หยอด ช่วยปลุกเสกผงให้ พอหลวงปู่หยอดเอานิ้วจุ่มลงไปในปีบผง และเริ่มทำสมาธิเพื่อจะปลุกเสก หลวงปู่ ก็บอกว่า ไม่ต้องปลุกเสกแล้ว ผงนี้มีพลังที่เหนือกว่าพลังของท่านประจุอยู่แล้ว ให้เอาทำพระได้เลย ไม่ต้องปลุกเสกใหม่ ผงก็ขลัง พระปิดตารุ่นนี้ จากคำบอกเล่าของผู้ที่ได้รับประสบการณ์ พอจะประมวลได้ว่าเป็นไปในทางเมตตา ค้าขายคล่อง โชคลาภสมบูรณ์
    อะไรทำนองนี้
    หลวงพ่อเจิม นอกจากจะมีพระปิดตาขลังแล้ว ท่านยังอนุเคราะห์แก่ญาติโยมที่เป็นทุกข์ ด้วยการอาบน้ำมนต์ ของหลวงพ่อ ที่มีชื่อเรียกว่า “น้ำมนต์ช้างผสมโขลง “ เพราะว่าเป็นน้ำมนต์ที่หลวงพ่อ ได้รวบรวมมาจากที่ศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ทั่วประเทศ รวมกับน้ำมนต์ที่หลวงพ่อ บริกรรมพระคาถาด้วยตนเอง ... น้ำมนต์ช้างผสมโขลงนี้ ทางวัดก็ยังเก็บรักษาไว้ และยังอนุเคราะห์แก่ญาติโยมที่เป็นทุกข์ ด้วยการอาบน้ำมนต์ ตามตำรับของหลวงพ่อเจิม
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระปิดตารวยไม่เลิกพิมพ์จันทร์ลอย ให้บูชา 220 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ พร้อมส่งครับ (ใบฝอยยืมรูปมานะครับ )
    IMG_20240507_205422.jpg IMG_20240507_205439.jpg IMG_20240507_205351.jpg
    8047140bd21f64bddd96b4d19db71602.jpg
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
    พระกำลังแผ่นดิน พระราชทาน มวลสารจิตรลดา ที่ระลึกสร้าง "อาคารเรียนเทิดพระเกียรติ ญสส.๘๔ พรรษา" ในปี พ.ศ.๒๕๓๙ รูปทรงเช่นเดียวกับพระสมเด็จจิตรลดา มีมวลสารและส่วนผสมของสมเด็จจิตรลดาได้รับพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญตราสัญลักษณ์ฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ประดิษฐานด้านหลังองค์พระพระกำลังแผ่นดินองค์นี้ เป็นเนื้อผงสีดำอมน้ำตาล วัดบวรนิเวศวิหารจัดสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองในวโรกาสที่ในหลวงครองสิริราชสมบัติครบ 50 พรรษา ในปี 2539 ที่ระลึกพิธีมหาพุทธาภิเษก เสาร์ 5 รุ่น กาญจนาภิเษก (พิมพ์พิเศษ-พิมพ์กรรมการ) วัดบวรนิเวศวิหาร พร้อมกล่องเดิม
    พระผงชุดมวลสาร จิตรลดา วัดบวรนิเวศวิหาร รุ่นกาญจนาภิเษก ปี พ.ศ.2539 ไม่ค่อยมีให้พบเห็นง่ายๆครับ จัดสร้างเพื่อเป็นที่ระลึกแก่ ผู้ร่วมทำบุญสร้างอุโบสถ วัดอัมพุวราราม อ.สามโคก จ.ปทุมธานี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี
    ประกอบด้วยมวลสารหลักที่สำคัญๆ ดังนี้
    ผงจิตรลดาเก่า, ผงจิตรลดาใหม่ รุ่นโครงการหลวง CP, ผงไพรีพินาศ, ผงพระศาสดา, ข้าวสารหิน และที่สำคัญมีเส้นพระเกศาของสมเด็จ พระสังฆราช พระญาณสังวร, ผงสมเด็จวัดระฆัง, วัดเกศไชโย, มวลสารวัดปากน้ำ, มวลสารหลวงพ่อเกษม, หลวงพ่อคูณ, หลวงพ่อแพ, หลวงพ่ออุตตมะ, หลวงพ่อเปิ่น, เส้นพระเกศาของ หลวงปู่หล้า แห่งภูจ้อก้อ และมวลสารพระพุทธศักดิ์สิทธิ์จากทั่วประเทศ
    พิธีพุทธาภิเษกใหญ่ 2 วาระ ครั้งแรก วันอังคารที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2539 โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์วัดสระเกศ เป็นประธานจุดเทียนชัย พระเถราจารย์ทั่วประเทศ 108 รูป นั่งปรกอธิษฐานจิต
    ครั้งที่ 2 พิธีพุทธาภิเษก เสาร์ 5 ณ พระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 320 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240507_134544.jpg IMG_20240507_134634.jpg IMG_20240507_134511.jpg
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
    วันนี้ จัดส่ง
    1715162651037.jpg

    ขอบคุณครับ
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
    FB_IMG_1715176204098.jpg

    "หลวงพ่อสุนทร" วัดหนองสะเดา พระบริสุทธิสงฆ์ที่น่ากราบไหว้
    พระครูโสภณถิรคุณ (หลวงพ่อสุนทร จนฺทเถโร) เจ้าอาวาสวัดหนองสะเดา ต.หนองปลิง อ.หนองแค จ.สระบุรี ชาติกำเนิดเดิมเป็นชาวกัมพูชา ในตระกูล "วัฒนาสาคร" โยมบิดาชื่อ "คง วัฒนาสาคร" โยมมารดาชื่อ "ริม คงควร" เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๒ มีนาคม ๒๔๗๖ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาด้วยกัน ๕ คน คือ หลวงพ่อสุนทร จนฺทเถโร, นายจอน วัฒนาสาคร, นายหอม วัฒนาสาคร, น.ส.ราย วัฒนาสาคร และน.ส.สุวรรณ วัฒนาสาคร
    ครอบครัวของหลวงพ่อประกอบอาชีพทำนาและค้าขายในหมู่บ้าน สมัยนั้นท่านมักจะเที่ยวเล่นอยู่ในวัดตามประสาเด็กในชนบท จวบจนท่านอายุได้ ๑๒ ปี จึงได้ขอโยมบิดามารดาบรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดเวียนเภา ต.โพธิ์เรียง อ.โพธิ์เรียง จ.ไปรแวง ประเทศกัมพูชา เมื่ออายุครบบวช ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดเดิม โดยมีหลวงพ่อสุย ซึ่งเป็นสหายธรรมกับพระเทพรัตนากร วัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ เป็นพระอุปัชฌาย์

    เมื่ออุปสมบทแล้วได้ศึกษาเล่าเรียนอยู่กับหลวงพ่อสุย ๑ พรรษา ในขณะเดียวกันบ้านเมืองกัมพูชาได้เกิดความแตกแยกและมีสงคราม ไม่เหมาะที่จะอยู่ปฏิบัติธรรม ประกอบกับเกิดความเบื่อหน่ายสังคมบ้านเมือง จึงคิดที่จะออกธุดงค์ เพื่อจะได้ไม่ต้องวุ่นวายหรือเกี่ยวข้องกับทางโลก ท่านได้ตัดสินใจออกจากบ้านเกิด โดยเดินธุดงค์มุ่งหน้าสู่เมืองไทย ผ่าน อ.ตาพระยา จ.ปราจีนบุรี
    ตลอดเส้นทาง ท่านได้แวะพักจำพรรษาตามวัดต่างๆ เช่น วัดหนองหัวลิง, วัดหนองตะเข้, วัดเสนานฤมิตร, วัดหนองตาน้อย, วัดกระทงลอย และวัดหนองสะเดา ต.หนองปลิง อ.หนองแค จ.สระบุรี

    ที่วัดแห่งนี้ท่านได้จำพรรษาเป็นการถาวร เพราะเห็นว่าเป็นสถานที่สงบ ไม่พลุกพล่าน เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม โดยอาศัยโบสถ์หลังเก่าเป็นที่จำพรรษา และประกอบกิจทางศาสนา ซึ่งขณะนั้นมีพระครูสุวรรณ เขมโก เป็นเจ้าอาวาส
    ต่อมาพระครูสุวรรณ ได้ลาสิกขา ชาวบ้านจึงได้นิมนต์ท่านขึ้นดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสแทนจนถึงทุกวันนี้
    ขณะที่จำพรรษาอยู่ที่วัดหนองสะเดา ท่านได้รับความเมตตาและความไว้วางใจจากพระครูสรกิจพิจารณ์ (หลวงพ่อผัน) วัดราษฎร์เจริญ (วัดแปดอาร์) เช่น ให้ท่านลงอักขระตะกรุด และจัดทำเครื่องรางให้หลวงพ่อผันอยู่เสมอ
    หลวงพ่อสุนทร ได้ปฏิบัติศาสนกิจและบำรุงพระพุทธศาสนามาอย่างต่อเนื่อง จนปี ๒๕๓๘ ท่านได้ดำริที่จะก่อสร้างอุโบสถหลังใหม่แทนหลังเดิมที่ชำรุดทรุดโทรมตามกาลเวลา แต่ยังขาดปัจจัยที่จะดำเนินการก่อสร้าง เนื่องจากเป็นวัดบ้านนอก ด้วยข้อจำกัดนี้ก็ไม่เป็นอุปสรรค ท่านตัดสินใจเดินหน้าก่อสร้างอุโบสถหลังใหม่ ด้วยคิดว่าเมื่อตั้งใจทำแล้วการใดที่เป็นบุญเป็นกุศลก็ต้องทำให้สำเร็จ

    ท่านบอกว่า หลังจากเริ่มก่อสร้างแล้วเหมือนปาฏิหาริย์ ได้มีคณะศิษย์ที่ทราบข่าวต่างร่วมอนุโมทนาและเป็นกำลังสำคัญในการดำเนินงาน จนการก่อสร้างอุโบสถหลังใหม่สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี โดยได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อปี ๒๕๓๘ และได้เฉลิมฉลองจัดงานปิดทองฝังลูกนิมิตในปีต่อมา นับว่าหลวงพ่อสุนทร ท่านได้อุทิศทั้งแรงกายและแรงใจในการที่จะทำนุบำรุงและบูรณปฏิสังขรณ์ศาสนสมบัติและศาสนสถานไว้เป็นอนุสรณ์แก่คนรุ่นหลังสืบไป
    โดยปกติ หลวงพ่อสุนทร ท่านเป็นพระที่รักสันโดษ พูดน้อย ถ้าคนที่ไม่คุ้นเคยหรือใกล้ชิดมักจะฟังท่านพูดไม่ถนัด ต้องถามย้ำอยู่เสมอ
    แต่เป็นเรื่องแปลก ไม่ว่าท่านจะให้ศีลหรือให้พรผู้คนส่วนใหญ่จะได้ยินถนัด ด้วยน้ำเสียงดังฟังชัดเสมอ

    หลวงพ่อมีความเมตตามาก จะเห็นได้จากทุกครั้งที่ลูกศิษย์มากราบไหว้ท่าน และขอของดีจากท่าน ไม่ว่าจะเป็นตะกรุด หรือวัตถุมงคลใดๆ โดยเฉพาะ "สีผึ้ง" ที่ท่านหุงเอง ท่านจะหยิบให้เสมอ โดยไม่ต้องมีปัจจัยทำบุญแต่อย่างใด
    ขณะเดียวกัน โดยส่วนตัวของท่านเองก็ไม่นิยมสะสมทรัพย์สมบัติสิ่งของใดๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งปัจจัยที่มีลูกศิษย์นำมาถวาย ท่านจะนำไปทำนุบำรุงพระศาสนาทั้งหมด โดยเฉพาะการอนุเคราะห์ค่าเล่าเรียนของพระภิกษุในวัดของท่านเอง และวัดละแวกใกล้เคียง ตลอดจนค่าใช้จ่ายภายในวัดและต่างวัด ท่านจะอนุเคราะห์หมดตามกำลังที่มีอยู่ ขอ

    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระผงรูปเหมือนอายุ 80 ปีให้บูชา 170 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    ทาทอง ลพ.สุนทร วัดหนองสะเดา

    IMG_20240508_202032.jpg IMG_20240508_202104.jpg IMG_20240508_202006.jpg
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
    FB_IMG_1715174570038.jpg

    ขออนุญาตินำประวัติหลวงพ่ออ่อง ถาวโร มาไห้เพื่อนๆได้ศึกษากัน หลวงพ่ออ่อง อายุ80พรรษา๕๙ ถ้ำเขาวงกต
    หลวงพ่ออ่อง ถาวโร ประธานสงฆ์วัดเขาวงกต จ.จันทบุรี เป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบควรกราบไหว้บูชาอีกท่านหนึ่ง ท่านเป็นพระที่มีลูกศิษย์ลูกหา ทั้งในพื้นที่ และต่างจังหวัดมากมาย โดยเฉพาะจ.จันทบุรีจะรู้กันดี หลวงพ่ออ่อง เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2481 ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 มีพี่น้องทั้งหมด 7 คน เป็นพี่ชาย 3 คน พี่สาว 2 คน ครอบครัวของท่านนับถือพุทธศาสนา เข้าวัดเข้าวาเป็นประจำ หลวงพ่อเองท่านจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 บวชเณร 7 ปี เมื่อ พ.ศ.2496
    พ.ศ.2503 บวชพระ
    พ.ศ.2504 ย้ายมาอยู่ที่จันทบุรี ที่วัดบางกระจะ
    พ.ศ.2506 แล้วก็ย้ายอยู่กับท่านพ่อวัดสิงห์ ที่วัดสิงห์
    พ.ศ.2513ได้รักษาการเจ้าอาวาส ที่สำนักสงฆ์เขาวงกต
    พ.ศ.2514 ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส สำนักสงฆ์เขาวงกต
    พ.ศ.2524 เกิความเบื่อหน่ายในด้านการปกครอง จึงลาออกจากการเป็นเจ้าอาวาส เพื่อที่จะได้แสวงหาความสงบ หนีจากความวุ่นวาย ปัจจุบันหลวงพ่ออ่อง ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดถ้ำเขาวงกต ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี
    หลวงพ่ออ่องท่านเอง ท่านเป็นคนที่ชอบอยู่สันโดด ชอบที่จะอยู่องค์เดียว ปฏิปทาของท่านที่ดำเนินมานั้น ท่านได้ยึดการภาวนา โดยใช้การกำหนดลมหายใจเข้า หายใจออก ตามที่ครูบา อาจารย์ได้อบรมสั่งสอนมา ท่านเคยอยู่ที่วัดป่าหนองน้ำขุ่น อยู่กับพระครูศรีสังวร ซึ่งท่านเป็นลูกศิษย์ของ พระครูญาณโสภิต( หลวงปู่มี ญาณมุนี ) วัดป่าสูงเนิน จ.นครราชสีมา หลวงปู่มีเป็นพระสำคัญองค์หนึ่ง ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่เสาร์ และหลวงปู่มั่น ฝ่ายมหานิกาย หลวงปู่มั่นเป็นอาจารย์ใหญ่ของพระในยุคปัจจุบัน มีลูกศิษย์เป็นพระสำคัญในยุคปัจจุบันมากมาย พระที่เป็นลูกศิษย์ท่าน มีทั้งฝ่ายมหานิกาย และนิกายธรรมยุติ ที่เป็นฝ่ายธรรมยุติก็เช่น หลวงปู่สิงห์ หลวงปู่ฝั้น หลวงปู่แหวน หลวงปู่ขาว หลวงตามหาบัว เป็นต้น ส่วนฝ่ายมหานิกายก็มี หลวงปู่มี หลวงปู่ชา เป็นต้น หลวงตามหาบัวท่านเคยกล่าวถึงหลวงปู่มีว่า เป็นเพชรน้ำหนึ่งของฝ่ายมหานิกาย หลวงพ่ออ่องท่านจะปฏิบัติตามครูบาอาจารย์ที่ท่านเคยได้ไปศึกษามา วัดป่าหนองน้ำขุ่นที่ท่านอยู่ๆที่ จ.นครราชสีมา วัดนั้นจะอยู่ใกล้กับวัดหลวงปู่มีเวลาท่านจะลงโบสถ์ท่านก็ไปลงโบสถ์ที่วัดหลวงปู่มี เวลาท่านมีปัญหาในการปฏิบัติท่านมักจะไปถามขอสงสัยจากหลวงปู่มี ซึ่งการปฏิบัติจะเน้นแนวทางของสายพระป่า แม้นท่านจะเป็นมหานิกายก็ตาม ท่านมีความมุ่งมั่นที่จะได้ปฏิบัติเพื่อที่จะได้พบธรรมะอันประเสริฐขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตั้งแต่เป็นสามเณรแล้ว ท่านตั้งจิตปรารถนาว่าจะไม่กลับมาเกิดอีก ท่านปฏิบัติอยู่ในพระพุทธศาสนามาหลายปีแล้ว ธรรมะที่ท่านเทศน์มีประโยชน์สำหรับผู้แสวงบุญอย่างแท้จริง
    เรื่องเล่าเกี่ยวกับหลวงพ่ออ่องที่เคยได้รับฟังมา ด้วยท่านเป็นพระสันโดดท่านจึงมักจะขึ้นไปบำเพ็ญเพียรบนถ้ำเขาวงอยู่เป็นประจำ ท่านเป็นพระที่เน้นการเจริญภาวนาอยู่เป็นนิจ เวลามีลูกศิษย์ที่ไปกราบท่าน สนทนากับท่าน ท่านมักจะพูดด้วยเสียงราบเรียบ ท่านจะไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ แต่หากลูกศิษย์ถามปัญหาธรรมะ ปัญหาการภาวนา ท่านมักจะตั้งใจอธิบายอย่างละเอียดที่เดียว หลวงปู่พิศดู ธรรมจารีย์ วัดเทพธารทอง เขาคิชกูฎ จ.จันทบุรี ศิษย์ใหญ่ท่านพ่อลี พระผู้มีอภิญาสูงท่านเคยกล่าวไว้ว่า หลวงพ่ออ่อง ท่านเป็นพระที่ปฏิบัติดี ท่านหลวงปู่พิศดู ท่านได้เคยฝากลูกศิษย์ไปบอกหลวงพ่ออ่องว่าท่านอยากเจอ เมื่อมีคนไปกราบเรียนหลวงพ่ออ่อง ท่านก็ว่ายังไม่เคยไปเลย จนกระทั้งหลวงปู่พิศดู ท่านมรณะภาพ หลวงพ่ออ่องท่านก็่ยังไม่ได้ไป ในความเห็นส่วนตัวของผมเองนะ (ย้ำ) ผมว่าท่านคงไปพบในนิมิตจากการภาวนาแล้วก็อาจเป็นไปได้ ส่วนเรื่องประสบการณ์จากวัตถุมงคลที่ท่านได้สร้าง และที่ลูกศิษย์สร้างมาให้ท่านอธิฐานจิต นั้นก็มีประสบการณ์มากมาย แต่ไม่อาจจะมากล่าวในที่นี้ได้ เกรงว่าจะไม่เป็นการสมควร หากท่านผู่้อ่านอยากทราบให้ถามจากคนพื้นที่ที่อยู่บริเวณใกล้วัดได้นะครับ
    ประวัติของหลวงพ่ออ่อง ที่ผมได้นำมาลงนี้เพื่อวัตถุประสงค์ให้เพื่อนสมาชิกที่เข้ามาใหม่ได้มีโอกาสได้ศึกษาประวัติพระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ หากผิดพลาดประการใด ข้าพเจ้าขอขมาต่อครูบาอาจารย์ และองค์หลวงพ่ออ่องไว้ ณ.ที่นี้ด้วยครับ
    (ขอบคุณข้อมูลเก่าจากเว็บด้วยครับ)
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระพิมพ์ขุนแผนหลวงพ่ออ่อง ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240508_201934.jpg IMG_20240508_201903.jpg
     
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
    1715226337595.jpg
    หลวงปู่มา ญาณวโร อรหันต์มีกิเลสแห่งลุ่มน้ำชี
    หลวงปู่มา ญาณวโร เป็นผู้บริบูรณ์อยู่ในฐานะ 4 ประการ คือ อาจารย์ที่ดี ครูที่ดี ผู้นำที่ดี และมิตรที่ดี อันต้องประกอบด้วยคุณสมบัติ 7 ประการ....

    หลวงปู่มา ญาณวโร เป็นผู้บริบูรณ์อยู่ในฐานะ 4 ประการ คือ อาจารย์ที่ดี ครูที่ดี ผู้นำที่ดี และมิตรที่ดี อันต้องประกอบด้วยคุณสมบัติ 7 ประการ....

    โดย...ภัทระ คำพิทักษ์

    ก่อนที่กระแสบูชาพระนวโกฏิจะพุ่งสูงในปีนี้ ไม่กี่เดือนก่อนหน้านั้น พระมงคลญาณเถร หรือ หลวงปู่มา ญาณวโร ประธานสงฆ์แห่งวัดสันติวิเวก บ้านโนนคำ ต.เมืองไพร อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด พระมหาเถระผู้สร้างพระเศรษฐีนวโกฏิมานานกระทั่งเป็นเสมือนเจ้าตำรับกลับมรณภาพไปเสียก่อนในวันที่ 2 พ.ย. 2552

    น่าเสียดายว่า คนที่บูชาพระนวโกฏิจำนวนมากก็ไม่ได้รู้จักหลวงปู่มา

    น่าเสียดายว่า คนอีกจำนวนไม่น้อยก็รู้จักหลวงปู่มาแค่พระเศรษฐีนวโกฏิ เพราะแท้จริงแล้วท่านมีอะไรมากกว่านั้นเยอะ

    เมื่อหลวงปู่มามรณภาพ มีหนังสือพิมพ์บางฉบับรายงานว่า เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำชีสิ้นแล้ว แม้การรายงานดังกล่าวจะเป็นการเปรียบเทียบแบบโลกๆ เพราะพระกับเทพย่อมเทียบกันไม่ได้ แต่ความมุ่งหมายก็คงต้องการสื่อให้เห็นถึงความสำคัญและศรัทธาของประชาชนที่มีต่อท่าน ของอย่างนี้แท้จริงอย่างไรต้องดูวัตรปฏิบัติ ปฏิปทาของท่านและฟังครูบาอาจารย์

    [​IMG]หลวงปู่มา ญาณวโร

    สำหรับประการหลังนั้น คุณดำรงค์ ภู่ระย้า เคยเขียนไว้ในหนังสือโลกทิพย์ ฉบับเดือน ก.พ. 2533 ว่า หลวงปู่ศรีจันทร์ วัณณาโภ และหลวงปู่อ่อน จักกธัมโม อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าประชานิยม จ.กาฬสินธุ์ (2505-2529) ได้ระบุถึงหลวงปู่มาตรงกันว่า “เป็นพระดี ขยัน มีความคุ้นเคยกับหมู่คณะง่าย เคร่งครัดในระเบียบวินัย หากพูดถึงภาระที่ถูกมอบหมายให้ ท่านจะทำกิจอันนั้นให้ลุล่วงทุกครั้ง ไม่มีจะตำหนิกันเลยทีเดียว เป็นคนสม่ำเสมอ ครูอาจารย์รักชอบกันทุกคน”

    นับถัดใกล้เข้ามาอีกนิด เมื่อท่านละขันธ์ ไม่เพียงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานน้ำหลวงสรงศพและพระราชทานพวงมาลาวางหน้าหีบศพ พระมหาเถระทั้งหลายก็กล่าวถึงท่าน ซึ่งถ้อยคำเหล่านั้นได้แสดงให้เห็นถึงวัตรปฏิบัติ และปฏิปทาของท่านเป็นอย่างดี อาทิ เป็นรัตตัญญู เป็นพระเถระสุปฏิบัติ เป็นพระสงฆ์ผู้ยิ่งใหญ่ เป็นเพชรเม็ดงามในวงการคณะสงฆ์ เป็นผู้ทรงคุณธรรม ทรงวิทยาคม มีเมตตาโดยเสมอหน้า

    “เป็นพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มุ่งมั่นทำความเพียร ปฏิบัติภาวนาทำความดี...อาตมามีความผูกพันเคยอยู่ใกล้ชิด ได้เห็นข้อวัตรปฏิบัติและปฏิปทาของหลวงปู่แล้วมีความประทับใจ ชีวิตท่านเป็นไปเพื่อพุทธศาสนาโดยแท้” (หลวงปู่สรวง สิริปุญโญ วัดศรีฐาน อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร)

    เป็นผู้บริบูรณ์อยู่ในฐานะ 4 ประการ คือ อาจารย์ที่ดี ครูที่ดี ผู้นำที่ดี และมิตรที่ดี อันต้องประกอบด้วยคุณสมบัติ 7 ประการ คือ 1.เป็นที่รัก 2.เป็นที่เคารพ 3.เป็นที่นับถือ 4.เป็นผู้เฉลียวฉลาดในการพูดจาปราศรัย 5.เป็นผู้อดทนต่อการรบกวนของลูกศิษย์ 6.เป็นผู้กล่าวคำสุขุมลุ่มลึกให้ตื้นเขิน ผู้ฟังเข้าใจและนำไปปฏิบัติได้ผลสำเร็จ 7.เป็นผู้ไม่ชักจูงแนะนำไปในทางที่ผิด (พระเทพวงศาจารย์ เจ้าอาวาสวัดหนองแวง) ฯลฯ

    หลวงปู่มา มีนามเดิมว่า มา วรรณภักดี เกิดเมื่อวันที่ 14 พ.ค. ที่บ้านโนนคำ ต.เมืองไพร อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ในสกุลชาวไร่ชาวนา ซึ่งมีนายคูณและนางตั้ว วรรณภักดี เป็นหลัก มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด 5 คน โดยท่านเป็นบุตรลำดับที่ 4

    ท่านลิขิตชีวิตตนเองโดยคำของมารดา

    ขณะอายุได้ 8 ขวบ โยมมารดาป่วยหนัก ระหว่างนั้น แม่ได้สั่งเสียท่านว่า “เมื่อแม่ตายแล้ว ให้บักน้อยบวชให้แม่เด้อ” เมื่อโยมมารดาเสียชีวิต เด็กชายมาจึงบรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2464 โดยพระอธิการสอน อุตฺตโม เป็นพระอุปัชฌาย์ ณ วัดดอนประดิษฐาราม บ้านดอนน้อย ต.เมืองไพร อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด

    บรรพชาเช้า บ่ายสามเณรมาก็จูงศพมารดาไปสู่ป่าช้าดอนหมากเหลื่อม ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านราวกิโลเศษ เสร็จพิธีแล้วตกเย็นโยมบิดา พี่ชาย และพี่สาว ก็ไปหาที่วัด ถามว่า “จะสึกไหม” ท่านก็บอกว่า “ยังไม่สึก เพราะก่อนตายแม่สั่งไว้ว่าให้น้อยบวชให้แม่ น้อยจะอยู่ไปก่อน”

    ตั้งแต่บัดนั้นและต่อมาถึง 89 ปี ผ้าเหลืองก็ไม่เคยพรากจากตัวและตั้งแต่แม่สั่งจนถึงกาลที่ตัวเองต้องสิ้นไปคำว่า “เมื่อแม่ตายแล้ว ให้บักน้อยบวชให้แม่เด้อ” ก็ยังติดหูไม่รู้ลืม

    “ความคิดที่จะสึกไปใช้ชีวิตอย่างฆราวาสไม่เคยเกิดขึ้นในสมองแม้แต่ครั้งเดียว คิดเพียงว่าให้หลุดพ้น และขอตายคาผ้าเหลือง” ท่านว่า

    ระหว่างเป็นสามเณร ก็ได้ติดตามครูบาอาจารย์ไปศึกษาเล่าเรียนยังที่ต่างๆ และฉายแววว่า มีความสามารถโดดเด่นต่างจากคนอื่นเพราะฝึก “แหล่” คือ เทศน์เป็นทำนองตามภาษาเฉพาะถิ่นแล้วปรากฏว่า ได้รับการโจษกันทั่วไปว่า เป็นสามเณรเสียงทอง จากนั้นมาไม่ว่าละแวกใกล้หรือไกลยโสธร ซึ่งในเวลานั้นยังเป็นแค่อำเภอยังมิได้เป็นจังหวัด จึงมักนิยมนิมนต์สามเณรมาไปเทศน์มหาชาติอยู่เนืองๆ

    ตลอดเวลา 12-13 ปี แห่งการเป็นสามเณรนั้น นอกจากประสบความสำเร็จเรื่องเทศน์แหล่แล้ว ท่านยังสอบไล่ได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอกได้ 3 ปีติดต่อกัน คือ ระหว่าง พ.ศ. 2471-2473 และต้องรับหน้าที่ครูสอนพระปริยัติธรรมไปพร้อมๆ กับได้รับการฝึกให้รับผิดชอบงานต่างๆ เพราะอยู่กับพระเถระและครูบาอาจารย์มาตลอด

    พออายุครบ 20 ปี ใน พ.ศ. 2475 ก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ โดยมี หลวงปู่สอน อุตฺตโม วัดดอนประดิษฐาราม บ้านดอนน้อย ต.เมืองไพร อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด เป็นพระอุปัชฌาย์ พระสมุห์ฉิม ฉันโน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระใบฎีกาสะอาด โมขิโต เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    [​IMG]

    หลวงปู่มามีครูบาอาจารย์หลายรูป ที่ท่านเอ่ยถึงก็มี หลวงปู่สอน พระครูอุตตรานุรักษ์ (อินทร์ อินฺทสาโร) หรือหลวงปู่เสือ วัดมิ่งเมือง ต.กลาง อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด พระราชสิทธาจารย์ (บุญเรือง ปภสฺสโร) วัดมิ่งเมือง หลวงปู่มหาดไทย วัดบ้านบัว ต.เหล่า อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด และหลวงปู่พรหม พระธุดงค์ ซึ่งปรากฏแหล่งที่อยู่และเป็นหลวงปู่สอนผู้เป็นพระอุปัชฌาย์นี่เองที่เป็นผู้จาริกนำท่านไปสู่สำนักพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

    คุณดำรงค์ ภู่ระย้า ได้ลำดับการศึกษาเล่าเรียนของหลวงปู่มาไว้อย่างน่าสนใจว่า 1.เรียนพระปริยัติธรรมจนได้เป็นครูสอนพระปริยัติธรรมตั้งแต่เป็นสามเณร ณ สำนักหลวงปู่สอน อุตฺตโม

    2.เรียนกรรมฐาน ติดตามธุดงค์ไปศึกษากรรมฐาน ณ สำนักหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต โดยมีหลวงปู่สอนนำไปศึกษา เป็นศิษย์อยู่หลายพรรษา

    3.เรียนวิชาแพทย์โบราณ ได้รับความรู้ความสามารถในการต่อกระดูกให้ประสานกันได้สนิท ณ สำนักท่านพระครูอุตตรานุรักษ์ (อินทร์ อินฺทสาโร) หรือหลวงปู่เสือ แห่ง จ.ร้อยเอ็ด

    4.เรียนภาษาขอมและมูลกัจจายน์ ท่านได้ไปศึกษาความรู้จากหลวงปู่โส ผู้เรืองเวทวิทยาคมแห่งวัดบ้านฟ้าเลื่อม อ.อาจสามารถ

    5.เรียนวิชาอาคม จากหลวงปู่เสือและหลวงปู่พรหม

    ท่านร่ำเรียนมาหลายอย่างก็จริง แต่กว่าครึ่งศตวรรษถัดมาท่านได้กล่าวว่า ช่วงอยู่ในสำนักหลวงปู่มั่นนั้น เป็นช่วงที่ได้สุดยอดวิชา

    ช่วงที่ท่านไปสู่สำนักหลวงปู่มั่นห้วงเวลานั้นเป็นจังหวะที่หลวงปู่มั่นยังไม่ได้ผินหลังจากภาคอีสานมุ่งไปวิเวกทางเหนือ

    ท่านอยู่กับหลวงปู่มั่นหลายพรรษา กระทั่งพระอาจารย์มั่นขึ้นเหนือ ท่านจึงอยู่ปฏิบัติกับหลวงปู่สอน

    อะไรคือสุดยอดวิชาที่ท่านได้จากหลวงปู่มั่น?

    คำตอบนั้นมีอยู่ว่า

    “สิ่งที่ไม่เคยเห็นก็ได้เห็น

    เห็นนั้นเห็นอะไร?

    เห็นในกายเรานี้ กายของเรามองเห็นแต่ภายนอกก็เนื้อหนังติกิเลส ตัณหา โลภ โกรธ หลง มองไม่ค่อยเห็น ไม่รู้จักกัน ฉะนั้นวิชานี้จึงเป็นวิชาสุดยอด

    ใครได้เรียนรู้ก็ควรทำความเข้าใจ เรียนแล้วก็อย่าทิ้งเสีย”

    วัดของท่านสอนพระปริยัติธรรม ท่านสร้างวัตถุมงคล และมีลูกศิษย์ลูกหาเป็นทหารและนักปกครองเยอะ คนใช้วัตถุมงคลของท่านแล้วมีประสบการณ์กันก็มากราย แต่ท่านว่า

    “กรรมฐานเป็นเอกในวิชาที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ ป่าเป็นมหาวิทยาลัยใหญ่ที่สุด มหาวิทยาลัยทางโลกทั่วๆ ไปเรียนเท่าไหร่ก็มองไม่เห็นตัว เห็นแต่ของภายนอกทั้งนั้น สู้ป่าดงพงไพรไม่ได้ รู้ละเอียดถึงภายในดวงจิตดวงใจ กายเราหรือที่ประชุมธาตุ ใครปฏิบัติก็จะรู้เองเห็นเอง”

    ตั้งแต่หนุ่มยันชราท่านรับภาระทางการปกครองสงฆ์ การพัฒนา เป็นพระธรรมทูต การสงเคราะห์ผู้คน ฯลฯ แต่ตลอดเวลานั้นท่านปฏิบัติภาวนาเยี่ยงพระป่ากรรมฐานอยู่เสมอ
    ท่านเคยกล่าวถึงผู้ที่คนมาขอให้ท่านช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ ว่า

    “มันมาขอฉันทุกอย่าง มันคิดว่าฉันเป็นผู้วิเศษที่จะดลบันดาลให้ได้ตามที่ขอ ที่มาขอเลขขอหวยก็เยอะ ขอให้รวย ขอให้ประสบความสำเร็จก็มากมี...”

    “คนที่อยากรวยมันคงคิดว่า วัดของฉันเป็นโรงงานผลิตเหรียญผลิตแบงก์ ไอ้พวกที่มาขอเลข (หวย) มันคงคิดว่า วัดเป็นกองสลาก ถ้าฉันรู้ฉันจะไปบอกบุญญาติโยมทำไมกัน ฉันจะไปช่วยมันหมดทุกคนได้อย่างไร ขนาดฉันยังต้องช่วยตัวเองเลย และฉันยังต้องให้คนอื่นช่วยเหลือฉันด้วย อย่างห่มจีวรยังต้องให้ลูกศิษย์ช่วยเลย”

    เมื่อถูกถามว่า แล้วของดีล่ะ (วัตถุมงคล) แล้วของดีนั้นดีจริงหรือเปล่า?

    ท่านว่า “อันนั้นก็เป็นเรื่องของเขา เมื่อมันอยากได้อะไรฉันก็ให้ไป มันก็คิดว่าเป็นของดีหมด มันคิดว่าเป็นของขลัง โดนยิงก็ยังตายอยู่ พวกที่มาเพื่อให้ค้าขายเจริญรุ่งเรืองนั้น ฉันก็บอกไปว่า พยายามรักษาทรัพย์ที่หามาได้ ใช้แต่พอประมาณอย่าน้อยหรือมากเกินไป ฉันจะบันดาลให้ใครรวยทันตานั้นเห็นเป็นไปไม่ได้เลย คิดเอาง่ายๆ ก็แล้วกัน ขนาดกุฏิฉันยังต้องออกแรงสร้างเองเลย”

    ขณะที่คนจำนวนมากบูชาพระเศรษฐีนวโกฏิ เพราะเชื่อว่าจะบันดาลโชคลาภให้นั้น ท่านกลับว่า เวลาคนที่นิมนต์ท่านไปนั่งปรกในพิธีปลุกเสกเครื่องรางของขลังนั้น ท่านหลับตาทำสมาธิ

    “ของมันจะขลังไม่ขลัง เป็นเรื่องของเขา ถ้าเขาว่าไม่ขลังก็ไม่ขลัง ถ้าเขาว่าขลังมันก็ขลัง มันอยู่ที่คนถือ จะถืออะไร ถ้าเขาคิดว่าอะไรขลังมันก็ขลัง มันอยู่ที่จิตของเขาไม่ได้อยู่ที่จิตของเรา” (คม ชัด ลึก 28 เม.ย. 2548)

    สำหรับท่านเองนั้นได้ตำราพระมหาเศรษฐีนวโกฏมาจากเจ้าคุณปราจีนบุรี ส่วนเจ้าคุณปราจีนบุรียุคนั้นก็ได้มาจากท่านเจ้าคุณอุบาลี (จันทร์ สิริจันโท) ซึ่งอัญเชิญตำรานี้มาจากลาว
    พระรูปประหลาดที่มีพระพักตร์เป็นหน้าถึง 9 หน้านั้นเป็นอุบายซึ่งมีคติธรรมแทรกอยู่ว่า ในครั้งพุทธกาลมีเศรษฐี 9 คนที่ร่วมประกอบบุญกัน และต่างก็เป็นพระอริยบุคคลชั้นโสดาบันขึ้นไปทั้งสิ้น ท่านนั่งสมาธิเพชรหมายถึงความมุ่งมั่น มั่นคงในคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ โดยไม่แปรเปลี่ยน การประณมมือหมายคงความอ่อนน้อมพร้อมอุทิศขันธ์ 5 เพื่อปฏิบัติบูชาโลกุตตรธรรมทั้ง 9 เกศบัวตูมหมายถึงปัญญาที่พร้อมจะโผล่พ้นน้ำ ฯลฯ แต่กี่คนจะน้อมหรือนึกถึงอุบายธรรมเหล่านี้หรือปฏิบัติตามที่เศรษฐีทั้ง 9 ซึ่งเคยค้ำจุนศาสนาครั้งพุทธกาล
    หลวงปู่มา ได้ชื่อว่าพระปฏิบัติและปฏิบัติดี แล้วผลแห่งการปฏิบัตินั้นเป็นอย่างไร?

    หลวงปู่ว่า คนคิดว่าท่านสำเร็จพระอรหันต์ แต่ท่านว่า ฉันยังเป็นพระที่มีกิเลสเต็มตัวเหมือนพระทั่วไป

    “มันคิดว่าฉันสำเร็จเป็นพระอรหันต์ แต่ฉันก็ย้อนไปว่า ฉันก็ยังเป็นพระที่มีกิเลสเต็มตัวเหมือนพระทั่วๆ ไป”

    ไม่ว่าท่านจะว่าอย่างไร แต่ท่านก็เป็นที่พึ่งของปวงชนมายาวนาน จนกระทั่งเดือน พ.ค. 2552 หลังฉลองอายุวัฒนะครบ 97 ปี ก็เริ่มมีอาการอาพาธและมรณภาพ ด้วยอาการสงบ เมื่อเวลา 10.59 น. วันที่ 2 พ.ย. 2552
    ยุติสังขารนี้ไปขณะอายุ 97 ปี พรรษา 77

    คาถาบูชาพระเศรษฐีนวโกฎิ
    พระคาถาบูชาพระ ว่าดังนี้ ตั้งนะโม ๓ จบ
    มาขะโย มาวะโย มัยหัง มาจะโกจิ อุปัททะโว
    ธัญญะ ธารานิ ปะวัสสันตุ ธนัญชัย ยัสสะ ยะถาคะเร
    สุวัณณานิ หิรัญญาจะ สัพพะโภคา จะ รัตตะนา
    ปะวัสสันตุ เม เอวังคะเร สุมะนะ ชะฎิสัสสะ จะ
    อะนาถะบิณฑิกะ เมทะ กัสสะ โชติกะ สุมังคะ สัสสะ จะ
    มัณฑาตุ เวสสันตะ รัสสะ ปะวัสสันติ ยะถาคะเร
    เอเตนะ สัจจะ วัชเชนะ สัพพะ สิทธิ ภะวัน ตุ เม
    - หากทำมาค้าขาย ก่อนเปิดร้าน ให้อาราธนาพระมหาศรษฐีนวโกฎิ ด้วยพระคาถานี้ ครบ ๓ จบ ด้วยใจยึดมั่นและมั่นคง จะค้าขายดี มีเงินทองมากมาย ไม่นานจะเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี นะครับ
    - อนึ่งถ้ามีทุกข์ ภัย ให้อาราธนาพระมหาเศรษฐีนวโกฎินี้ ลงสรงน้ำ อาราธนาให้น้ำกลายเป็นน้ำพระพุทธมนต์ สวดพระคาถานี้ ๙ จบ เอาน้ำรด อาบ กิน ทุกข์จะโยก โศกจะหมด เคราะห์กรรม จะคลาย มลายสิ้นไป จะบันดาลความสุขสวัสดิ์ และโชคลาภมาให้
    ปีนี้ผู้รู้ทุกท่านแนะนำให้บูชาพระมหาเศรษฐีนวโกฎิ ถูกโฉลกดีนักแล หากโดนใจศิษย์สายตรง และผู้มีจิตศรัทธาในหลวงปู่
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระเศรษฐีนวโกฏิหลวงปู่มาพิธีใหญ่ พร้อมตลับสแตนเลสห่วงเชื่อม
    ให้บูชา
    170 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240509_102643.jpg IMG_20240509_102705.jpg IMG_20240509_102813.jpg
    IMG_20240509_102754.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤษภาคม 2024
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
    1343101-3cc42.jpg


    ท่านเป็นพระประเภทคมในฝัก เก่งจริงๆครับ แต่ไม่ยอมอวด สมัยก่อน เวลาท่านจะลงทองให้ลูกศิษย์ ท่านลงให้ทีละหลายๆแผ่นเลย ตามตำราของท่าน ที่เห็นคือ 9 แผ่นเลย แล้วเวลาลงทอง ท่านไม่ลงเหมือนพระเกจิทั่วไป ที่ต้องเปิดกระดาษ ปิดทองลงไปทีละแผ่น แล้วเสกเป่าทอง เข้าไม่เข้าไม่รู้ บางทีเราเอามือลูบไปเองไปติดที่ผมแล้วคิดว่าเข้า แต่ของหลวงพ่อไสวท่าน เวลาลงทองให้ ท่านวางแผ่นทองพร้อมกระดาษทั้งปึกเลย ไม่ต้องเอากระดาษออก ตอนเราเอาทองไปก็เห็นกันอยู่ชัดๆ พอท่านวางแผ่นทองทั้งปึกที่หน้าผาก เป่าพรวดเดียว ทองหายทะลุกระดาษเข้าไปในตัวทั้งหมดเลยครับ เหลือแต่กระดาษเปล่า มหัศจรรย์จริงๆ
    สำหรับวัตถุมงคลที่ท่านสร้าง มีประสบการณ์ทุกรุ่น ทั้งโชคลาภ ร่ำรวย ปลดหนี้ แคล้วคลาด คงกระพันชาตรี มหาอุด มหาเสน่ห์ มหานิยม ครบเครื่องครับ ปัจจุบัน
    ระวัติ หลวงพ่อไสว ฐิตวณฺโณ วัดปรีดาราม จ.นครปฐม
    พระครูสถิตโชติคุณ(หลวงพ่อไสว ฐิตวณฺโณ) วัดปรีดาราม (ยายส้ม) ต.คลองจินดา อ.สามพราน จ.นครปฐม
    ณ ดินแดนศรีทวาราวดี เมืองแห่งพระปฐมเจดีย์อันศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง ซึ่งมีตำนานประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ที่สุดนับด้วยพันปีของสุวรรณภูมิ ได้ปรากฏกำเนิดยอดแห่งเกจิอาจารย์ เป็นที่ศรัทธาเป็นที่พึ่งของชาวบ้านทุกระดับชั้นมีมานานนับเนื่องหลายร้อยรูป จนมาถึงปัจจุบันก็ปรากฏ “หลวงพ่อไสว ฐิตวณฺโณ” ปรากฏบุญญฤทธิ์บารมีโดดเด่นลือลั่นไปทั่วประเทศ ด้วยสรรพวิทยาพุทธาคม ไสยเวทย์ที่เจนจบ ร่ำเรียนสั่งสมมาจากบยอดเกจิอาจารย์มากมายในอดีต ตลอดทั้งได้จาริกธุดงค์ ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานในเถื่อนถ้ำ ภูเขาลำเนาไพรอันเติมไปด้วยภยันอันตรายสรรพสัตว์ร้ายและภูติไพรนานา กระทั่งสำเร็จวิชาชาคมพุทธเวทย์ก็ล่วงเวลาก็ล่วงเวลามาเกือบค่อนศตวรรษ อายุ ๗๗ ปี พรรษที่ ๕๖
    หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม ถือกำเนิดเมื่อ ๑๘ มกราคม พ.ศ.๒๔๖๔ ตรงกับพุธ แรม ๖ ค่ำ เดือนยี่ ปีระกา ณ บ้าน ราชคราม อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา บิดาชื่อ “เสือ” มาราชื่อ “ยิ้ม” นามสกุล “พุทธศร” โดยโยมบิดาเป็นผู้ใหญ่บ้านจอมขมังเวทย์ เป็นคนใจดี แต่สนใจเรื่องวิชาอาคมต่างๆ เวลาดื่มเหล้าชอบเคี้ยวแก้วเล่นประจำ แสดงให้ชาวบ้านเห็นว่าวิชาคงกระพันชาตรีของโบราณเป็นของแท้มีจริง แถมยังมีพุทธาคมดับพิษไฟได้ถึงขนาดพ่นไฟ อมไฟเล่นให้ชาวบ้านเห็นเสมอๆ และเป็นการจุดประกายขึ้นภายในจิตใจของ ด.ช. ไสว พุธทศร ให้ชอบและเชื่อในเรื่องของอำนาจเวทมนต์คาถาอาคมขมัง และพุทธานุภาพของพุทธมนต์ต่างๆ ตั้งแต่ยังอยู่ในวัยเยาว์ ต่อมาบิดาเสียชีวิตแล้ว ท่านก็ได้ร่อนเร่พเนจร ไปอยู่ที่ต่างๆ หลายแห่งกระทั่งผลบุญนำมาเป็นเด็กวัดยายส้มหรือวัดปรีดารามในปัจจุบัน ได้ศึกษาเล่าเรียนจนจบชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนวัดปรีดารามเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๑ จึงบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดปรีดาราม โดยหลวงปู่ใจ วัดเชิงเลนเป็นพระอุปัชฌาย์สามเณรไสว พุทธศร ได้ศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ที่วัดปรีดารามเป็นเวลา ๔ ปี ครั้นที่วันที่ ๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๘๔ เวลา ๑๔.๐๐ น.จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมา วัดปรีดาราม โดยหลวงพ่อใย วัดบางช้างใต้ เป็นอุปัชฌาย์ พระอาจารย์เจิมวิสุทธิญา โณ เจ้าอาวาสวัดยายส้ม (วัดปรีดาราม) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์เปลื้อง ยติมณี วัดจินดาราม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ฐิตวณฺโณ” จำพรรษาอยู่ที่วัดปรีดาราม ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมสอบ ได้นักธรรมชั้นเอก พร้อมทั้งศึกษาด้านวิปัสสนากรรมฐาน และร่ำเรียนอย่างอุกฤษฏ์ด้านวิทยาคม ไสวเวทย์ วิชาอาถรรพณ์ เร้นลับ พุทธคมต่างๆ มีความรู้ลึกซึ่งเป็นพหูสูตมาตั้งต้น และนำมาช่วยญาติโยมเห็นผมเป็นที่ประจักษ์
    บูรพาจารย์ที่ถ่ายทอดวิทยาคม ให้หลวงพ่อมีทั้งฆรวาสและบรรพชิต โดยท่านเป็นผู้คงแก่เรียนเมื่อทราบว่ามีครูบาอาจารย์ดีเก่งกล้าอยู่ที่ทิศใด ท่านก็จะดั้นด้นไปหา ขอศึกษาหาความรู้จนแตกฉาน เรียกว่า ปรนนิบัติอาจารย์เป็นเลิศ อาจารย์ก็เมตตาเห็นว่าตั้งใจจริง จึงถ่ายทอดวิชาให้ ชนิดแบบหมดไส้หมดพุง ถึงลูกถึงคนถึงพริกถึงขิง คือทดลอง ให้เห็นกันจะจะเลยทีเดียว ศิษย์ทำได้ถือว่าสำเร็จ แม้บางครั้งเสี่ยงต่อชีวิตแต่หลวงพ่อก็ไม่ย้อท้อ ขอเพียงให้ได้วิชาหรือศาสตร์อันลึกล้ำพิสดารนั้นมาท่านก็พอใจแล้วครูบาอาจารย์ของหลวงพ่อไสว เท่าที่พอจะประมวลได้พอสังเขปมีดังนี้
    ๑.หลวงปู่พูน เกสโร อดีตเจ้าอาวาสวัดใหม่ปิ่นเกลียว เป็นยอดพระเกจิฯ ร่นเดียวกับหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง นครปฐม หลวงพ่อวงษ์ วัดทุ่งผัดกูด และสหธรรมิกรุ่นพี่ของ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ซึ่งหลวงพ่อเงินท่านนับถือหลวงปู่พูน ในฐานะเป็นพระเกจิฯ รุ่นอาวุโสและเคยนิมนต์ให้มาปลุกเสกวัตถุมงคลรุ่นแรกๆ ของท่านหลวงปู่พูนท่านเป็นเจ้าตำรับวิชาคงกระพันชาตรี ขนาดใช้ฝ่ามือผ่าไม้รวกได้ วัตถุมงคลหลวงปู่พูน เซียนพระรุ่นเก่าๆรู้จักกันดี เช่นพระสังกัจจายน์ เนื้อผงใบลาน นางกวัก เนื้อผงดินเผา ปลัดขิก เหรียญรุ่น ๑ พ.ศ.๒๔๙๐ ผ้ายันต์-ผ้าประเจียด-ตะกรุดโทนปัจจุบันโด่งดังแต่หายากมาก หลวงพ่อไสว ได้รับการถ่ายทอดวิชา การลงอักขระเลขยันต์คงกระพันชาตรี วิชามหาอุด วิชาเมตตามหานิยม และอาถรรพ์เวทย์หลายด้านครบถ้วนจากหลวงปู่พูน ชนิดที่เรียกว่าครอบจักรวาลทีเดียว ที่หลวงพ่อไสวโด่งดังมากคือ ตะกรุดโทน ตำรับหลวงปู่พูน
    หลวงปู่พูน มรณะภาพ เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๑ ปัจจุบันมีรูปเหมือนขนาดเท่าองศ์จริงประดิษฐานอยู่ที่ ณ วัดใหม่ปิ่นเกลียว เป็นที่เคารพนับถือของคนนครปฐมมาก ทุกครั้งที่ทางวัดมีงานสำคัญ จะนิมนต์หลวงพ่อไสว ไปร่วมงานในฐานนะศิษย์เอกหลวงปู่พูน วัดใหม่ปิ่นเกลียว อันเป็นที่ อมตะในตำรับผ้ายันต์-ตะกรุดโทน
    ๒.หลวงพ่อเงิน วัดยายส้ม (วัดปรีดาราม) ท่านบวชที่ วัดใหม่ปิ่นเกลียว เป็นศิษย์รับใช้ใกล้ชิดหลวงปู่พูน ลำได้รับการถ่ายทอดพุทธวิทยาคมไปจากหลวงปู่พูน หลวงพ่อไสว ได้รับการฝึกฝนสมาธิจิตพื้นฐาน จากหลวงพ่อเงิน วัดยายส้ม เมื่อได้เคล็ดวิชาเบื้องต้นแล้ว หลวงพ่อเงิน วัดยายส้ม จึงได้นำหลวงพ่อไสวไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่พูน ซึ่งเป็นปรมาจารย์จึงได้รับการถ่ายทอดสรรพวิทยาคาทั้งหมดฯลฯ ในปัจจุบันมีรูปเหมือนเท่าจริงหลวงพ่อเงิน ประดิษฐานอยู่หน้าอุโบสถหลังเก่าวัดปรีดาราม
    ๓.อาจารย์ยัง เพชรบุรี เป็นครูสักยันต์ชื่อดังระดับประเทศ เคยบวชเรียนและศึกษาพุทธาคมจากหลวงปู่พูน วัดใหม่ปิ่นเกลียว อาจารย์ยัง ท่านเก่งทางวิชาหาสะเดาะ สะเดาะลูกกุญแจหรือกลอนประตูดุจ ขุนแผน กลับชาติมาเกิด หลวงพ่อเงิน วัดยายส้ม นำหลวงพ่อไสว ไปเรียนวิชาบางประการ อันเป็นเอตทัคคะของอาจารย์ยัง อาจารย์ยังเกรงใจหลวงพ่อเงิน จึงถ่ายทอดวิชาพิเศษให้ หลวงพ่อไสว อาทิเช่น การทำมหายันต์กำเนิดนารายณ์ อันมีฤทธานุภาพยิ่งต่อมาผ้ายันต์กำเนิดนารายณ์ของหลวงพ่อไสว ก็โด่งดังลือลั่นมีศิษย์หลวงพ่อคนหนึ่งเผชิญมหาภัย ใช้ผ้ายันต์อธิษฐาน ทำให้ฝ่ายตรงข้ามมองมาเห็นตัว กลับเห็นคนโพกผ้าแดงเต็มไปหมด จึงหนีรอดจากปวงภัยไปได้ด้วยปาฏิหาริย์ผ้ายันต์นั้น นอกจากนี้ป้องกันภูตผีปีศาจ ด๗รผู้ร้ายไม่อาจทำอันตรายได้ นิยมติดผ้ายันต์นี้ไว้เหนือประตูบ้าน มีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก มีผู้นักพบประสบการณ์มากมาย
    ๔.เสือย้อยชูรอด เป็นเสือร้ายจำใจในอดีต เป็นคนหมู่บ้านถนนขาด แถวเกาะวังไทร นครปฐม ตอนหลังกลับใจเป็นคนดีเป็นจอมขมังเวทย์ฤทธิ์เวทย์ขมังขลังนักเป็นที่เลื่องลือหลวงพ่อไสว ได้ขอเรียนวิชา “ยันต์หน้าพระ” หรือนะหน้าคนจากเสือย้อย ซึ่งได้รับการประสิทธิ์ประสาทให้ด้วยความเต็มใจชนิดครอบครูยกตำรับตำราให้เลย หลวงพ่อไสวฝึกฝนสูตรสนธิแม่นยำ และประทับใจในยันต์หน้าพระมาก หลวงพ่อไสวจึงใช้ยันต์เป็นสัญลักษณ์ประจำตัวท่าน โดนใช้ยันต์นี้ประทับอยู่ด้านหลังเหรียญของท่านแทบทุกรุ่น ได้รับปรากฏอิทธานุภาพเป็นที่รำลือเช่นกัน ตำรับยันต์หน้าพระเสือย้อยได้มอบแก่ “พระอาจารย์สำราญ” วัดเขาตะเครา และพระราชสุธรรมเมธี (หลวงพ่อ-เทพ) เจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ราชวิหาร อีกด้วย หลวงพ่อไสวจะเขียวยันต์นี้เจิมบ้าน เจิมรถ ลงกระหม่อมให้ลูกศิษย์ โดยบริกรรมภาวานาเรียกสูตรเรื่อยไปตากตำรับ ห้ามยกดินสอ กระทั่งเขียวเสร็จ
    ๕.หลวงพ่อขาว วัดสวนส้ม อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาครเป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชา “ปิดทองเข้าหน้าผาก” หรือลงนะหน้าทองตำรับพิสดารให้แก่หลวงพ่อไสว เป็นสิ่งมหัศจรรย์ยิ่ง ต้องใช้พลังจิตชั้นสูงบริกรรมภาวานา โดยปิดทองคำเปลวที่หน้าผาก โดยใช้ ๓ แผ่นบ้าง ๙แผ่นบ้าง โดยไม่ต้องแกะกระดาษปิดออก หลวงพ่อเสกบริกรรม แล้วตบเบาๆ เปรี้ยงเดียวแผ่นทองคำก็หายไปในหน้าผากทั้งหมด มีอาณุภาพทางเมตตามหานิยม คุ้มภัยนานา
    ๖.อาจารย์ปิ่น รอดคลองตัน สมุทรสาคร เก่งในเรื่อง “ปลัดขิก” เพราะเป็นศิษย์หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ จ.ชลบุรี เป็นศิษย์หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก จ.ฉะเชิงเทรา เป็นศิษย์หลวงปู่พูน วัดใหม่ปิ่นเกลียว ปลัดขิกของหลวงพ่อไสวมีผู้อาราธนาฟาดสายรุ้ง ขาดออกจากกัน และเมื่อปลุกเสกในบาตรน้ำมนต์ วิ่งพล่านดุจมีชีวิต และกระโดดออกจากบาตรได้ ปัจจุบันหลวงพ่อไสว เป็นศูนย์รวมหนึ่งเดียวของการปลุกเสกปลัดขิกมีอานุภาพอัศจรรย์ปรากฏชื่อเกียรติคุณอยู่ในขณะนี้
    ๗.อาจารย์แช่ม ตะโกสูง จ.นครปฐม เป็นศิษย์หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง หลวงพ่อแช่มนั้นเป็นศิษย์ของหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก ซึ่งมีอิทธิฤทธิ์หลายประการรวมทั้งย่นระยะทางได้ อาจารย์แช่มเป็นผู้ถ่ายทอดวิชาแพทย์แผ่นโบราณตำรับพุทธมนต์โอสถแก่หลวงพ่อไสว ซึ่งหลวงพ่อไสว เคยรักษาโรคร้ายแรง ที่โรงพยาบาลไม่รับ หายมาแล้วมากมาย ฯลฯ
    ๘.พระปลัดตู่ วัดหนองเสือ มีวิชาเร้นลับสำคัญอยู่ เรียกว่า วิชาตกวิญญาณ สำหรับใช้เรียกวิญญาณคนตกน้ำตายเพื่อนำวิญญาณไปอยู่ในที่อันควร พระปลัดตู่ได้ถ่ายทอดวิชาตกวิญญาณ ให้หลวงพ่อไสวอย่างสมบูรณ์แบบได้ผลอัศจรรย์ยิ่งพิธีสังเขปคือ เมื่อเรียกวิญญาณปลุกเสกหุ่นเสร็จ ตั้งเครื่องเสียกบาลต่างๆ แล้วใส่กระทงกากล้วย ทำบัตรพลี ใช้เบ็ดตกปลาเกี่ยวดินอาคมหย่อนลงไปในน้ำที่มีคนตกไปตาย บริกรรมคาถาเรียกวิญญาณ ผู้ที่มาเห็นปรากฏการณ์ประหลาดมีคลื่นวิ่งเป็นทางยาว สายเบ็ดกระตุกดุจมีปลาใหญ่มากินเหยื่อ จนคันเบ็ดโค้งโก่งไปโก่งมา ต้องกันดึงขึ้นมา ฯลฯ เรื่องนี้ชาวบ้านคลองจินดาต่างประจักษ์กันดี การตายโหงทุกรูปแบบหลวงพ่อก็ไปทำพิธีมาหมดแล้วแม้แต่มีผีเจ้าของสิงที่ไหนท่านก็เคยปรากมาหมดแล้ว โดยมากพาคน โดนผีเข้าที่อาการหนัก มารดน้ำมนต์หลวงพ่อ ผีดิ้นพราด ร้องโหยหวนวังเวง ก่อนจะออก
    ๙.หลวงพ่อประพันธ์ คำสิงห์ อยู่ในถ้ำดงพญาไฟ ได้ถ่ายทอดวิชาสร้างพระปรอท-ธาตุกายสิทธิ์ให้ศิษย์คนหนึ่งที่รับสัจจะเลิกเป็นโจรสลัด ต่อมาศิษย์คนนั้น ได้ถ่ายทอดวิชาให้แก่หลวงพ่อไสว หลวงพ่อได้สร้างพระปรอทแจกทหารเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ ๒ ทหารหาญผ่านสมรภูมิอย่างโชกโชน ถูกยิงไม่เข้า แคล้วคลาดจากระเบิด ปราศจากโรคภัยรอดมาได้ฯลฯนอกจากนี้หลวงพ่อไสวยังได้ไปเรียนวิชาอาคมเป็นเกร็ดเล็กน้อย จากพระเกจิอาจารย์อีกหลายรูป อาทิ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง เจ้าแห่งการสร้างพระราหูดันเลื่องลือ เป็นต้น เหตุที่หลวงพ่อไสวมีจิตตานุภาพสูง ก็เพราะท่านได้บำเพ็ญธุดงค์วัตรฝึกสมาธิจิตหลังจากสอบได้นักธรรมเอก โดยอธิฐานออกธุดงค์ในพรรษาที่ ๓ มุ่งหน้าสู่ภาคอีสานไปมนัสการ พระธาตุพนม พรรษที่ ๗ ธุดงค์จาริกไปทางเขาวงพระจันทร์ ดินแดนถ้ำผาท้าวกกขนาก จ.ลพบุรี สู่ จ.อุตรดิตถ์ ฯลฯ สมัยนั้นเป็นป่ารกทึบ เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายนานาชนิด และคลาคล่ำด้วยภูตผีปีศาจโขมดดง ผีก็องกอย ไข้ป่า และกฎอันศักดิ์สิทธิ์ของการสมาทานธุดงค์ เช่นครั้งท่านปักกลดลงไปแล้วครอบเอารังมดเข้าถอนกลดก็ไม่ได้จึงสมาธิแผ่เมตตาว่าคาถากันหมด ซึ่งได้มาจากหลวงพ่อพระครูสาครคุณาธาร เจ้าอาวาส วัดเดชาฯ จ.นครปฐม เกิดปรากกฎการณ์อัศจรรย์ มดฝูงใหญ่รวมกันอยู่ภายในกลดไม่มาไต่ท่านเลย เรื่องราวปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม ยังอีกมาก
    คาถาของหลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม
    อิสิหะพะยัคโค อิปิภะวาระสัมสัมโธ ชาระสัมโนคะโลวิอะ ตะปุสะ มะระสัตเทมะ สาพุทภะวาติคะโธนัง นุสวะถะถิสารทัมระโร นุตทูกะโต สุปัณณะจะวิพุท มาหังอะคะโสติ สิงหะนาถัง จายังประสิทธิเม
    เสกข้าวกินทุกวัน สวดมนต์ก่อนนอน 3 จบ ตื่นนอนตอนเช้า 1 จบ เป็นสวัสดิมงคล อายุยืน
    หลวงพ่อไสว ได้ถึงกาล มรณะภาพ 11 พฤศจิกายน 2543 วันเพ็ญเดิอน 12
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงรูปเหมือนหลวงพ่อไสวครบรอบ ๗๗ ปี พิมพ์ใหญ่ ๒ องค์คู่กัน
    ให้บูชา 270 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240509_115715.jpg IMG_20240509_115743.jpg IMG_20240509_115657.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2024
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
    วันนี้ จัดส่ง
    1715243062843.jpg
    ขอบคุณครับ
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
    วัตถุมงคลหลากหลายทั่วทุกภูมิภาคของประเทศครับค่าจัดส่งต่อครั้ง 30 บาท ems ไปรษณีย์ไทย 08--1--70--4--72--64 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง line ตามเบอร์โทรศัพท์
    บัญชีธนาคาร กรุงไทย 125-00-89-239
    Supachai thu
    โอนแล้วแจ้งบอก ทางข้อความ พร้อมที่อยู่จัดส่ง ป้อง กัน การเอาข้อมูลจากมิจฉาชีพครับ

    @ มิจฉาชีพอย่ารีบโทรมานะครับ ยังไม่พร้อมรับสาย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤษภาคม 2024
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
    FB_IMG_1715263160012.jpg

    รูปหล่ออายุ ๑๐๐ ปีหลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรีเจริญสุข
    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240508_213854.jpg IMG_20240508_213925.jpg
     
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
    fb_img_1714924454797-jpg.jpg
    ประวัติหลวงพ่อเมือง อุตฺตโม วัดท่าแหน
    หลวงพ่อเมือง อุตฺตโม
    วัดท่าแหน ตำบลแม่ทะ อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง
    "พระผู้มีอตีตังสญาณ ผู้หยั่งรู้"
    พระครูอุดมเวทวรคุณ (นามเดิม เมืองใจทาหลี) เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน 2435 ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 7 ปีมะโรง เป็นบุตรคนโตของ นายดวงแก้ว นางต่อม ใจทาหลี ณ บ้านเลขที่ 15 บ้านท่าแหน ต.แม่ทะ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง มีพี่น้องด้วยกันทั้งหมด 5 คน คือ
    1. พระครูอุดมเวทวรคุณ (หลวงพ่อเมือง)
    2. นายมูล ใจทาหลี
    3. นางเกี๋ยง โยธา
    4. นายซุน ใจทาหลี
    5. นางคำใส ฟูชุม
    เมื่อเยาว์วัยได้เข้าเล่าเรียนศึกษากับอาจารย์คันธรฐ ที่วัดท่าแหน โดยเรียนอักขระภาษาภาคพายัพ (ภาษาพื้นเมือง) จนจบหลักสูตร เมื่อท่านได้เรียน อักขระพื้นเมือง ตลอดจนเจ็ดตำนานและสิบสองตำนานจบแล้ว จึงได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2449 ณ วัดท่าแหน โดยมีอาจารย์ตันธวงศ์ วัดสันดอน ต.ดอนไฟ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง เป็นพระอุปัชฌาย์
    เมื่อบรรพชาเป็นสามเณร ก็ได้เล่าเรียนตำรับตำราต่างๆ และเมื่ออายุครบบวช จึงได้ทำการอุปสมบท ในวันที่ 21 มิถุนายน 2455 ณ วัดท่าแหน โดยมีพระคันธวงศ์เป็นผู้อุปชฌาย์ พระคันทะรต เป็นพระกรรมวาจารย์ พระปิ่นไชย วัดบ้านหลวง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลังจากอุปสมบทแล้ว ได้ปฏิบัติศาสนกิจอยู่วัดท่าแหน ก็ได้มีความสนใจใคร่เรียนรู้วิธีปฏิบัติสมถะ วิปัสสนากัมมัฏฐานจึงได้ค้นคว้าจากตำราเก่าแก่ และทดลองปฏิบัติเรื่อยมา โดยไปศึกษาค้นคว้านอกสำนักบ้าง โดยมีหลักฐานจากการบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่สืบต่อกันมา อาทิเช่น
    1. ไปจำพรรษา ณ วัดสันดอน อ.แม่ทะ จ.ลำปาง 1 พรรษา
    2. ไปจำพรรษา ณ วัดพระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง 1 พรรษา
    3. ไปจำพรรษา ณ วัดศรีหมวดเกล้า อ.เมือง จ.ลำปาง 1 พรรษา
    4. ไปจำพรรษา ณ วัดสันดอน อ.แม่ทะ จ.ลำปาง 1 พรรษา
    ซึ่งทั้งนี้ไปเพื่อค้นคว้าศึกษาด้านสมถะวิปัสสนากัมมัฏฐาน หลวงพ่อเมือง ท่านเสาะแสวงหาหนทางวิธีวิปัสสนากัมมัฏฐานไปแทบทั่วทุกแห่ง เมื่อครั้งที่พระเทพวิสุทธิโสภณ (อดีตเจ้าคณะจังหวัดลำปาง) ในปี พ.ศ.2473 ขณะนั้นยังเป็นพระสิงห์คำได้ไปตรวจตราคณะสงฆ์แทน เจ้าคณะมณฑลพายัพกับพระมหาปู อัตตลีโว อดีตเจ้าคุณอุบาลีคณูปมาจารย์ วัดพระสิงห์เจ้าคณะภาค 5 ได้ตรวจไปจนถึงวัดท่าแหน พบหลวงพ่อเมืองอยู่ในกุฎิมืดทึบไม่มีหน้าต่าง มีแต่ช่องลมเล็กๆ ประมาณคืบเศษ มีเนื้อตัวผอมเหลือง จึงได้ถามหลวงพ่อเมืองว่าเป็นโรคอะไร หลวงพ่อเมืองก็ได้ตอบว่าไม่เป็นอะไร และภายหลังได้ทราบว่า หลวงพ่อเมืองท่าเป็นพระชอบอยู่ป่าช้าเจริญสมถะ และวิปัสสนากัมมัฏฐานเพ่งกสิณอยู่เป็นนิจ กระทั่งวันหนึ่ง หลวงพ่อเมืองได้เป็นพบคำภีร์โบราณ (หนังสือภาคพายัพ) ในตู้พระไตรปิฎก ณ วัดบ้านหลุก ต.นาครัว อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ได้ทราบถึงวิธีปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน ในขณะที่อ่านนั้น ท่านก็ได้สัมผัสกลิ่นหอมของดอกไม้ชนิดหนึ่ง ซึ่งมีกลิ่นหอมมาก หลวงพ่อเมืองไม่เคยได้สัมผัสกลิ่นชนิดนี้มาก่อน ดังนั้นหลวงพ่อเมืองจึงขออนุญาตเจ้าอาวาสวัดบ้านหลุก นำเอาตำราวิปัสสนากัมมัฏฐานนี้กลับไป วัดท่าแหน เพื่อศึกษาและปฏิบัติ โดยศึกษานานอยู่ 6 ปี จึงสามารถกระทำจิตใจให้แน่วแน่เป็นสมาธิได้ คือสามารถรวมใจเป็นดวงเดียว ซึ่งเรียกกันว่า บริกรรมนั่งทางใน จนสามารถนั่งทางในมองเห็นสิ่งต่างๆ ที่คนธรรมดาสามัญมองไม่เห็นได้ ตั้งแต่นั้นมาก็มีลูกศิษย์ลูกหาให้ท่านนั่งทางในดู หลวงพ่อเมืองก็สามารถทำนายทายทักให้ถูกต้องแม่นยำ หรือแม้กระทั่ง หลวงพ่อเกษม เขมโก ยังได้เอ่ยกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อพระองค์ทรงตรัสถามหลวงพ่อเกษมว่า "ชาติที่แล้วพระองค์ทรงเป็นนักรบใช่หรือไม่" หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้ตอบพระองค์ท่านว่า "เราไม่รู้สิต้องไปถามหลวงพ่อเมือง ท่านมีอตีตังสญาณ" แสดงให้เห็นว่า หลวงพ่อเกษม ทราบดีว่า หลวงพ่อเมือง ได้สำเร็จในการปฏิบัติธรรมถึงขั้น ทิพย์จักษุฌาน ซึ่งเป็นระดับความสำเร็จของการปฏิบัติกัมมัฏฐานขั้นสูงชั้นหนึ่ง

    หลวงพ่อเมือง ได้ช่วยเหลือประชาชนด้วยความกรุณา โดยไม่เลือกชั้นวรรณะมีหรือจน ท่านปฏิบัติต่อทุกคนด้วยความเท่าเทียมทั่วกัน โดยไม่คำนึงถึงความเหนื่อยยาก ท่านช่วยเหลือประชาชนในด้านสุขภาพ และเดือดร้อนประการอื่นๆ ด้วยการนั่งสมาธิแล้วแจ้งให้ผู้มาขอความช่วยเหลือได้ทราบถึงมูลเหตุ และแก้ไขด้วยวิธีต่างๆ เช่น ทำบุญให้ทาน หรือกำจัดสิ่งที่เป็นอุปสรรคและเป็นมูลเหตุให้เกิดความเดือดร้อนที่ได้ขุดพบ ซึ่งทั้งนี้เป็นผลที่พอใจของทุกคน ฝูงชนจึงได้หลั่งไหลไปสู่วัดท่าแหนไม่ขาดสายบางวันก็มาเต็มคันโดยสาร และค้างคืนที่วัดก็มี ที่กรุงเทพมหานครก็เช่นกันหากหลวงพ่อเมืองมาพัก ณ วัดใด ฝูงชนจะพากันไปวัดนั้นอย่างคับคั่ง

    ถึงแม้นท่านจะมีความเมตตาธรรมต่อผู้อื่นทั่วไปอย่างไรก็ตาม แต่ทุกชีวิตที่เกิดย่อมที่จะหนีไม่พ้นสังขารไปได้ ดังนั้นเมื่อปลายแห่งชีวิต โรคภัย ไข้ เจ็บ ก็เริ่มคุกคามหลวงพ่อเมือง จนกระทั่งศิษยานุศิษย์ได้นำท่านไปรักษายังโรงพยาบาลหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายได้นำท่านไปทำการผ่านตัด และรักษาที่โรงพยาบาลสวนดอก จังหวัดเชียงใหม่ แต่อาการของหลวงพ่อก็ไม่ดีขึ้น ในที่สุดเห็นว่าอาการไม่ดีขึ้น ศิษยานุศิษย์จึงได้นำท่านกลับมายังวัดท่าแหนและแล้วหลวงพ่อเมืองก็ได้ถึงแก่มรณภาพ ณ วัดท่าแหน เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2519 เวลา 21.39 รวมอายุได้ 85 ปี ซึ่งนำความเศร้าโศกเสียใจมาสู่ญาติพี่น้องและคณะศิษยานุศิษย์ ประชาชนทั่วไป ที่ได้สูญเสียท่านพระครูอุดมเวทวรคุณ (หลวงพ่อเมือง อุตฺตโม)ไปอย่างไม่มีวันกลับ
    อ้างอิงจากหนังสือ พระเครื่องเมืองลำปาง 2556 หน้า 119-120 โดย ธีรเดช จังตระกูล(ต้น ลำปาง)

    fb_img_1714924463823-jpg.jpg fb_img_1714924472933-jpg.jpg fb_img_1714924476010-jpg.jpg fb_img_1714924478616-jpg.jpg fb_img_1714924481221-jpg.jpg fb_img_1714924483515-jpg.jpg

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญรุ่น ๓ ปี๒๕๑๗ หลวงพ่อเมืองวัดท่าแหน ลำปาง
    ให้บูชา 800 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    img_20240505_225757-jpg.jpg img_20240505_225837-jpg.jpg
     
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
    วันนี้ จัดส่ง

    1715528108446.jpg
    ขอบคุณครับ
     
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
    FB_IMG_1715587167954.jpg
    พระสมเด็จเนื้อผงหลวงพ่อพระเสริมสร้างโดยมูลนิธิศาลาพระราชศรัทธา-มูลนิธิถาวรจิตตถาวโร-วงศ์มาลัย โดยพระอาจารย์มหาถาวรหรือพระเทพวิมลญาณ (พระตาถาวร จิตฺตถาวโร) วัดปทุมวนาราม กรุงเทพฯ เป็นผู้จัดสร้าง พิธีใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ เนื้อหามวลสารศักดิ์สิทธิ์จํานวนมาก**อีกหนึ่งพระดีพิธียิ่งใหญ่ เจตนาการจัดสร้างโปร่งใส เพื่อนํารายได้ไปสมทบทุนการก่อสร้างศาลาพระราชศรัทธา วัดปทุมวนาราม ซึ่งพระเครื่องรุ่นนี้แกะพิมพ์โดย นายช่างเกษม มงคลเจริญ
    เนื้อหามวลสารต่างๆ ที่นํามาจัดสร้างพระผงรุ่นนี้ มีดังนี้ พระผงธูปวัดพระศรีรัตนศาสดาราม วัดบวรนิเวศวิหาร วัดปทุมวนาราม วัดโสธรวนาราม วัดไร่ขิง วัดบ้านแหลม วัดป่าบ้านตาด วัดหินหมากเป้ง วัดหลวงพ่อโต(บางพลี) ศาลพระกาฬลพบุรี แผ่นอิฐประตูเมืองกบิลพัสด์ ด้านตะวันออก อันเป็นด้านที่เจ้าชายสิทธัตถะ เสด็จทรงผนวช ดินจากสถานพุทธประสูติลุมพินี ประเทศเนปาล ผงพระของขวัญหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ผงวัดระฆัง ผงปิโยมหาราช ผงตรีนิสิงเห และผงจากพระคณาจารย์สายพระกรรมฐานภาคอีสาน และภาคต่างๆ อีกมากมาย ฯลฯ จัดพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 5 พ.ค พ.ศ.2535 โดยมีสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงเป็นประธานจุดเทียนชัย และอธิษฐานจิต พระธรรมไตรโลกาจารย์(หลวงปู่รักษ์ เรวโต) วัดศรีเมือง จ.หนองคาย***ศิษย์เอกรุ่นใหญ่หลวงปู่มั่น*** เป็นประธานดับเทียนชัย พร้อมพระคณาจารย์ทั้งสายธรรมยุตและสายมหานิกายถึง 142 รูป ซึ่งเป็นพิธีใหญ่พิธีหนึ่งที่ไม่ธรรมดา
    ท่านเจ้าพระคุณพระอาจารย์ถาวร (พระอาจารย์มหาถาวร จิตฺตถาวโร) วัดปทุมวนารามฯ กรุงเทพฯ ท่านถือเป็นกําลังหลักในสายธรรมยุติ และเป็นศิษย์องค์สําคัญในสายพระอาจารย์มั่นได้รับการอบรมกรรมฐานจากครูบาอาจารย์พระกรรมฐานหลายรูป อาทิ เช่น หลวงปู่ขาว อนาลโย , หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี , พระราชมุนี (โฮม โสภโณ) , หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เป็นต้น ท่านทั้งเป็นพระนักปฏิบัติและพระนักพัฒนาที่น่าเคารพกราบไหว้มาก
    หลวงพ่อพระเสริมวัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร พระพุทธรูปเก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง ที่เกี่ยวพันกับองค์หลวงพ่อ พระใส ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองชาวหนองคายมาช้านาน ตามประวัติได้กล่าวไว้ว่า จัดสร้างขึ้นพร้อม กันกับหลวงพ่อพระเสริม และหลวงพ่อพระสุก ซึ่งได้อัญเชิญมาจากนครเวียงจันทร์ โดยลำเลียงมาทางลำน้ำโขง แต่ในระหว่างที่ล่องมา องค์พระสุกได้จมน้ำหายไปจึงเหลือพระเพียงสององค์ เท่านั้น องค์พระเสริมนั้นประดิษฐานอยู่ ณ วัดปทุมวนาราม กทม. ส่วนองค์พระใสนั้น ประดิษฐานอยู่ ณ วัดโพธิ์ชัย เป็นมิ่งขวัญปกป้องคุ้มครองพี่น้องชาวอีสานให้มีความสุขสงบ เรื่องความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เลื่องลือมาช้านาน
    พิธีมหาพุทธาภิเษกท่านเจ้าพระคุณ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีเบิกพระเนตรพระพุทธปฏิมา และพิธีชัยมังคลาภิเษกในวันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 ณ มณฑลพิธีศาลาพระราชศรัทธาวัดปทุมวนาราม โดยอาราธนาพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณทั่วประเทศ 142 รูป มาร่วมพิธีมหาพุทธาภิเษก อาทิเช่น
    1. หลวงปู่วิริยังค์ วัดธรรมมงคล
    2. หลวงปู่หลอด วัดสิริกมลาวาศ
    3. พระอาจารย์มหาถาวร วัดปทุมวนาราม กรุงเทพฯ
    4. หลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรีเจริญสุข สิงห์บุรี
    5. หลวงปู่ดี วัดพระรูป สุพรรณบุรี
    6. หลวงปู่ม่น วัดเนินตามาก ชลบุรี
    7. หลวงพ่อจำเนียร วัดดอนไร่ สุพรรณบุรี
    8. หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ นครปฐม
    9. หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม นครปฐม
    10. หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ สมุทรสงคราม
    11. หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการม กาญจนบุรี
    12. หลวงพ่อเกตุ วัดเกาะหลัก ประจวบคีรีขันธ์
    13. หลวงปู่เหรียญ วัดอรัญบรรพต หนองคาย
    14. หลวงปู่ศรีจันทร์ วัดเลยหลง เลย
    15. หลวงปู่คำพอง วัดพัฒนาราม อุดรธานี
    16. หลวงปู่ท่อน วัดถ้ำอภัยคีรีวัน อุดรธานี
    17. หลวงปู่หลวง วัดป่าสำราญนิวาส ลำปาง
    18. หลวงพ่อวิชัย วัดถ้ำผาจม เชียงราย
    19. หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า ระยอง
    20. หลวงพ่อเริ่ม วัดจุกกระเชอ ชลบุรี
    21. หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ ระยอง เป็นต้น
    ที่มา : หนังสือมหามงคลแห่งแผ่นดิน โดย คุณอลุย์นันท์ทัต กิจไชยพร และ หนังสือ สระปทุมฯ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระสมเด็จหลวงพ่อพระเสริมปี 2535 และเหรียญหลวงพ่อพระเสริมปี 2539
    ให้บูชา 400 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20240513_145335.jpg IMG_20240513_145208.jpg IMG_20240513_145223.jpg IMG_20240513_145251.jpg IMG_20240513_145312.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2024
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
    FB_IMG_1715588975633.jpg
    หลวงพ่อบุญนำ ชิตมาโร" หรือ "พระครูนิเทศธรรมวิศิษฏ์" เป็นพระเถระแห่งเมืองปากน้ำโพ มีวิสัยทัศน์ อุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนา เคร่งครัดในธรรมวินัย มีจริยวัตรที่งดงาม มีความพยายามที่จะเห็นชุมชนมีการพัฒนาทุกด้าน
    นามเดิม บุญนำ ภู่มณี เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 13 ก.ย. 2472 ที่บ้านหนองโพ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์
    มีศักดิ์เป็นหลานและเป็นศิษย์ของพระครูนิวาสธรรมขันธ์ หรือหลวงพ่อเดิม พุทธสโร วัดหนองโพ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ เทพเจ้าแห่งเมืองปากน้ำโพ ที่มีชื่อเสียงลือลั่นในเรื่องวัตถุมงคล ไม่ว่าจะเป็นรูปหล่อ เหรียญ มีดหมอ นางกวัก สิงห์งาแกะ เป็นต้น
    ในวัยเยาว์ ศึกษาที่โรงเรียนวัดหนองโพ จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากนั้นเดินทางเข้ามาศึกษาต่อระดับมัธยมศึกษาในตัวเมืองนครสวรรค์
    พ.ศ.2492 เข้าพิธีอุปสมบทที่วัด หนองโพ มีพระครูนิพัทธศีลคุณ หรือ หลวงพ่อทอง วัดหัวเขา อ.ตาคลี เป็นพระอุปัชฌาย์
    ช่วงระยะ 2-3 พรรษาแรก หลวงพ่อ บุญนำอยู่ปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อเดิม ศึกษาพระธรรมวินัย ฝึกจิต ศึกษาวิชาการทำเครื่องรางของขลังและศึกษาวิทยาคมควบคู่ไปด้วย ซึ่งเป็นช่วงที่หลวงพ่อเดิมอายุมากแล้ว
    ภายหลังจากหลวงพ่อเดิมมรณภาพ หลวงพ่อบุญนำย้ายเข้ามาอยู่จำพรรษาที่วัดนครสวรรค์ รวมทั้งได้รับการครอบครูเพื่อศึกษาวิชาจากหลวงพ่อโอด วัดจันเสน พระเกจิอาจารย์รูปหนึ่งของนครสวรรค์ ซึ่งเป็นหลวงลุงและเป็นศิษย์หลวงพ่อเดิม
    หลวงพ่อบุญนำศึกษาวิชา รวมทั้งฝึกปฏิบัติบำเพ็ญจิต และศึกษาพระปริยัติธรรมควบคู่ไปด้วย สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ตามลำดับ
    ด้านงานปกครองคณะสงฆ์ ในปีพ.ศ.2524 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2533 เป็นผู้ช่วย เจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ และเป็นเจ้าคณะตำบลปากน้ำโพ
    ต่อมา สุขภาพร่างกายหลวงพ่อบุญนำ เริ่มเสื่อมลง เนื่องจากอายุมากขึ้น จำต้องหยุดรับกิจนิมนต์ภายนอก รวมทั้งยกเลิกตำแหน่งงานต่างๆ ทั้งหมด เพื่อให้ท่านได้พักรักษาตัว
    ด้านวัตถุมงคล หลวงพ่อบุญนำสร้างวัตถุมงคลครั้งแรก เป็นพระผงพิมพ์หยดน้ำใหญ่ ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อศรีสวรรค์ พระพุทธรูปประธานในอุโบสถวัดนครสวรรค์ มีส่วนผสมที่สำคัญ คือ ผงรักและทองจากองค์หลวงพ่อศรีสวรรค์ เป็นที่นิยมมาก ปัจจุบันหายากอย่างยิ่ง
    คณะศิษย์ยังจัดสร้างวัตถุมงคลหลาย รูปแบบ เพื่อให้หลวงพ่อแจกจ่ายให้บรรดา ผู้ที่เคารพนับถือ มีทั้งที่เป็นรูปหล่อรุ่นปลดหนี้ รูปหล่อรุ่นร้อยล้าน พระผงพิมพ์กลีบบัว เหรียญทองแดง เหรียญทองเหลือง รูปไข่ ฯลฯ
    ในเวลาต่อมา หลวงพ่อบุญนำมีอาการอาพาธ ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นประจำ ประกอบกับท่านลื่นล้มในกุฏิ ต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อผ่าตัดที่ศีรษะ อาการทรุดหนักลง นอนไม่รู้สึกตัวเป็นเวลาหลายปี และมรณภาพที่ร.พ.สวรรค์ประชารักษ์ เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2557 สิริอายุ 85 พรรษา 65 "ประวัติหลวงพ่อบุญนำ เครดิตจากทีมงานหนังสือพิพ์ ข่าวสด"
    พระสมเด็จหลังเงารุ่นแรกปี๒๕๓๘ คู่กัน ๒ องค์
    ให้บูชา 220 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240513_152729.jpg IMG_20240513_152752.jpg
     
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
    พระสิวลีเดินเทศน์พระสังกัจจายน์รูปงามวัดทุ่งเศรษฐี ราม๒ ลพ.เณร
    พิธีใหญ่ ปี๔๕
    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240514_172146.jpg IMG_20240514_172208.jpg IMG_20240514_172112.jpg
     
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
    วันนี้ จัดส่ง
    1715781217417.jpg
    ขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...