!!เปิดกรุ!! วัตถุมงคลพระเกจิ-ธาตุกายสิทธิ์-หลากหลายสำนัก"หลักร้อย-ไม่ด้อยพุทธคุณ"

โอนแล้วครับ 03/04/67 จำนวน 550 บ.เวลา 08.01 น.จัดส่งที่เดิมครับ

 

ผ้ายันต์จีวร พระอาจารย์นก วัดเขาบังเหย ชัยภูมิ ปี 2546 (ของดี ไม่ควรพลาด)

วัตถุมงคลของพระอาจารย์นก วัดเขาบังเหย จ.ชัยภูมิมี สุดยอดประสบการณ์มากมาย เหรียญรุ่นแรกของท่านคือ เหรียญโหด รุ่นสอง เหี้ยม รุ่นสาม หด ถ้ามีครบชุดไปไหนไม่ต้องกลัวภัยอันตรายทั้งปวง จนมีคำกล่าวไว้ว่า เหรียญโหดเหี้ยมหด คือรุก รับ ทำลาย สลาย กันอันตรายทั้งปวง กันและแก้คุณไสยมนต์ดำ เป็นคงกระพันมหาอุด เป็นอีกหนึ่งของดีที่ลูกศิษย์ลูกหาอยากได้กัน เพราะต่างศรัทธาในตัวท่านอาจารย์นก อักขระยันต์ที่อยู่บนวัตถุมงคลทั้งหมด วัดเขาบังเหย จะเป็นอักขระ ขอมพิสดาร ตัวยันต์ที่เห็นเรียกว่า ขอมพิสดาร ต่างกับตัวยันต์วัดอื่นที่ใช้กันโดยทั่วไป และเป็นที่รูจักกันว่า ขอมกลาง วัดเขาบังเหย แห่งเดียวบนพื้นโลกนี้ เอา เป็นว่าตัวอักขระ ทั้งหลายเหล่านี้เป็นของสูง ฟังมาว่า แม้ตัวอักขระ ตัวเดียวโดดๆ แม้ไม่ต้องอธิษฐานจิต ก็มีพุทธคุณในตัว กันตาย กันอุบัติเหตุได้ ท่านพระอาจารย์ได้นั่งสมาธิ แล้วเกิดนิมิต ขึ้นเป็นตัวหนังสือว่า โหด เหี้ยม หด พอตัวหนังสือเกิดขึ้นครบแล้ว ก่อนที่ตัวหนังสือจะหายไป ดินก็ผ่าขึ้นไปบนฟ้า เสียงดังสนั่นแม้แต่พระเณรในวัด ตอนนั้นก็ได้ยินทั่วกัน

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199

 

บูชา ผ้ายันต์จีวร พระอาจารย์นก วัดเขาบังเหย ชัยภูมิ ปี 2546

 

รับทราบแจ้งจอง
ขอบคุณครับ

 

เหรียญเจริญลาภ “พระนิรันตราย” วัดราชประดิษฐ์ กะไหล่ทอง ปี 2515 หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ระยอง,หลวงปู่ดู่ วัดสะแก อยุธยา,หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กรุงเทพฯ ฯลฯ ร่วมเสกพิธีใหญ่ เหรียญนิรันตราย พิมพ์เสมา (เหรียญเจริญลาภ) จำนวนสร้าง 50,000 เหรียญ หลังจากทางเสด็จพระราชดำเนินเททอง เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2515 ผ่านไป ทางคณะกรรมการได้ประกอบพิธีพุทธาภิเษก และ มังคลาภิเษก ภายในพระวิหารหลวงวัดราชประดิษฐ์ฯ ระหว่างวันที่ 16-26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515 รวม 9 วัน 9 คืน อันเป็นระยะเวลาที่ตรงกับช่วงครบรอบสถาปนาพระอารามแห่งนี้ คณะกรรมการจึงได้นิมนต์พระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณทั่วพระราชอาณาจักรมาร่วมพิธี พุทธาภิเษกและมังคลาภิเษก คืนละ 12 รูป รวม 108 รูป เท่ากับอายุของวัดราชประดิษฐ์ในปี พ.ศ. 2515 สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ได้เมตตามาเป็นประธานในการจุดเทียนชัย และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระสุหร่ายวัตถุมงคล ซึ่งพระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณที่มาร่วมประกอบพิธี ประกอบด้วย

1. หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
2. หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กรุงเทพฯ
3. หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า จ.ระยอง
4. หลวงปู่ดู่ วัดสะแก จ.อยุธยา
5. หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช จ.อยุธยา
6. หลวงพ่อโชติ วัดตะโน
7. หลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล จ.อุดรธานี
8. หลวงปู่เทสก์ วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย
9. หลวงปู่ศรีจันทร์ วัดเลยหลง จ.เลย
10. หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม
11. หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ จ.สุพรรณบุรี
12. หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์ จ.สุพรรณบุรี
13. หลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง จนนทบุรี
14. หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี
15. หลวงพ่อหลิว วัดไร่แตงทอง จ.นครปฐม
16. หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี จ.สมุทรสาคร
17. หลวงพ่อรวย วัดตะโก จ.อยุธยา
18. หลวงพ่อประสิทธิ์ วัดไทรน้อย จ.นนทบุรี
19. พระอาจารย์วัน อุตฺตโม วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม จ.สกลนคร
20. หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ.ระยอง (ปกติ แล้วหลวงปู่ทิมจะไม่ออกจากวัดละหารไร่ไปร่วมพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลที่อื่น ๆ โดยเด็ดขาด จึงนับว่าพิธีในครั้งนี้เป็นกรณีที่พิเศษจริง ๆ โดยมีภาพถ่ายยืนยัน)
21. หลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี เป็นต้น

วัตถุมงคลที่จัดสร้างในคราว “ฉลอง 108 ปี” วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม เป็นอีกวัตถุมงคลที่ถึงพร้อมด้วย พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ และพระมหากษัตริยาธิคุณ เพราะมีประสบการณ์เรื่อง “แคล้วคลาด” เป็นเยี่ยม เนื่องจากประกอบไปด้วยพระคุณของ “พระรัตนตรัย” และ “พระมหากษัตริยาธิคุณ” ของพระมหากษัตริย์ ผู้ทรงคุณประเสริฐที่ยิ่งใหญ่แห่งแผ่นดินไทยถึง 2 พระองค์ ทั้งล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 4 และล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 9 เป็นวัตถุมงคลที่ควรอาราธนาติดตัว

พระกริ่งคลองตะเคียน เนื้อดินผสมผงใบลาน ยุคแรก ปี 2485-95 หลวงพ่อเพลิน วัดหนองไม้เหลือง จ.เพชรบุรี (สุดยอดมหาอุด) พระฝังกรุ กริ่งดัง สภาพสวยเดิม

หลวงพ่อเพลิน วัดหนองไม้เหลือง จ.เพชรบุรี ท่านเป็นเกจิที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก ของชาวจังหวัดเพชรบุรี นักเลงเมืองเพชร ให้ความเคารพนับถือเป็นที่สุด ด้วยอำนาจบารมีอันศักดิ์สิทธิ์ วาจาสิทธิ์อันเป็นเลิศ มหาอุดหยุดกระสุนปืน แคล้วคลาด ปลอดภัย จนเป็นที่กล่าวขานไปทั่วประเทศ พระเครื่องของท่านเป็นที่นิยม ในวงการพระเครื่องระดับประเทศ

โดยเฉพาะเหรียญรุ่นแรก ปี 2495 ของท่านโด่งดังมาก เช่าหาบูชากันในปัจจุบันราคาหลักแสน!! แต่หลายๆท่านคงยังไม่เคยทราบว่า ท่านเริ่มสร้างวัตถุมงคลในยุคแรกๆประมาณปี 2485 ก่อนสร้างเหรียญรุ่นแรกอันโด่งดัง ที่หลายคนตามหาเช่าบูชา ยุคแรกๆ ท่านสร้างพระสมเด็จ และพระกริ่งคลองตะเคียน สำหรับพระกริ่งคลองตะเคียนของท่านนั้น ต้องบอกว่าของแท้ๆหาชมได้ยากมาก!!! คนพื้นที่หวงแหนเป็นหนักหนา ใครมีต่างเก็บเงียบ ไม่ยอมปล่อยหลุดมือออกมาสนามพระเลย นานๆจะพบสักองค์ ด้วยพุทธคุณประสบการณ์หนักๆที่คนเมืองเพชรพบปาฏิหาริย์รอดตายอย่างน่าอัศจรรย์ เรื่องหนังเหนียวนั้นสมชื่อเกจิเมืองคนดุ พบว่าในคอนักเลงตัวจริงเสียงจริงของเมืองเพชร ต้องห้อยพระกริ่งคลองตะเคียนแทบทุกคน เพราะต่างพบประสบการณ์อาวุธปืนยิงไม่เข้า ยิงไม่ออก มีดดาบไม่ได้กินเลือดแน่นอน!! (ล่าสุดหนุ่มเมืองเพชรขับรถปิ๊กอัพข้ามทางรถไฟ แต่ไม่ทันได้มอง โดนรถไฟชนกระเด็น รถพังยับ กระเด็นไปไกลกว่า100 เมตร แต่หนุ่มผู้นั้นรอดตายราวปาฏิหาริย์ ใครเห็นสภาพรถแทบไม่น่าเชื่อว่ารอดตาย พบว่าที่คอห้อยพระกริ่งคลองตะเคียน หลวงพ่อเพลิน และเหรียญรุ่นแรกของท่าน) พระกริ่งคลองตะเคียนนั้น ท่านสร้างเพียงแค่ครั้งเดียวประมาณปี 2485 ท่านสร้างไว้พอประมาณ! ทำจากเนื้อดิน ผงใบลาน ข้างในอุดกริ่ง หากเขย่าจะได้ยินเสียงกริ่ง ท่านพิถีพิถันทำด้วยตัวท่านเองทุกขั้นตอน ตั้งแต่ผสมมวลสาร การอุดกริ่ง รวมทั้งการจารลงอักขระยันต์ ท่านจะจารมือด้วยตัวท่านเองทุกองค์เท่านั้น!! (หากพบว่ารอยจารเป็นลักษณะกดพิมพ์ ของปลอมแน่นอน!! ต้องหลีกหนีให้ไกล!!) จากนั้นท่านนำไปปลุกเสกเดี่ยวด้วยตัวท่านเอง ท่านปลุกเสกยาวนานมาก…หลายวาระ หลังจากนั้นท่านก็จะนำออกมาแจกแก่ญาติโยมที่มาทำบุญที่วัด พบว่าท่านแบ่งเพื่อยัดกรุไว้ในเจดีย์เก่าแก่ของวัดหนองไม้เหลืองส่วนหนึ่งด้วย เชื่อว่าวันเวลาผ่านมากว่า 70 ปีแล้ว น่าจะมีการนำออกมาจากกรุแล้ว หลังจากมีการบูรณะเจดีย์เก่าแก่ดังกล่าวของวัด

เผอิญ!!! องค์ที่นำเสนอนี้ เป็นพระบรรจุกรุสวยงามมาก องค์พระเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ของหลวงพ่อเพลิน หากท่านที่เคยพบองค์จริงแล้ว มีรอยจารมือคมชัด ยันต์ยังสวยสมบูรณ์ครบถ้วนทุกอักขระ มีคราบกรุเก่าทั่วองค์ เขย่ากริ่งดังตามตำรา พระไม่เคยผ่านการใช้เลย ใส่พานบูชามาตลอดเป็นมรดกตกทอดจากรุ่นปู่ย่าตายาย ซึ่งได้รับมากับมือหลวงพ่อเพลินจากคำบอกกล่าว!!

ภาพถ่ายแม่ชีบุญเรือน หลังหมึกตราวัดอาวุธ สวยเดิม ทันท่านแน่นอน สภาพเก็บดีมาก ถ่าย ณ วัดท่าผา จ.ราชบุรี ท่านเมตตาอธิษฐานจิตแจกให้ศิษย์ที่ใกล้ชิด ภาพถ่ายคุณแม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติม ขนาดห้อยคอ กระดาษหนังไก่ด้านหลังปั้มตรายางชื่อวัดอาวุธ

คุณแม่บุญเรือนอธิษฐานไว้ว่า ไม่ว่า "รูปนี้จะอัดขยายต่อไปอีกกี่พันกี่หมื่นกี่แสนครั้ง ทุกๆภาพก็จะมีความศักดิ์สิทธิ์เสมอกับรูปต้นแบบที่ถ่ายไว้ทุกประการ" ในช่วงก่อนวัน "มาฆบูชา" ซึ่งปีนี้เป็นปีอธิกมาส มีเดือน ๘ สองครั้ง วันมาฆบูชาของปีนี้จึงตรงกับวันเพ็ญ เดือน ๔ พ.ศ. ๒๔๙๙ (๒๕ ก.พ.) ท่านก็ออกเดินทางไปสงเคราะห์ผู้เดือดร้อนในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ อีกครั้ง ตามคำขอร้องของพระครูบุญคณูปถัมภ์ (หลวงปู่เชย ผลปุญโญ ) เจ้าอาวาสรูปแรกของวัดท่าผา ที่มีความประสงค์จะสร้างอุโบสถของวัดขึ้นมาหลังหนึ่ง แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เลยเดินทางมาขอให้คุณแม่บุญเรือน ซึ่งตอนนั้น มีชื่อเสียงแห่งบารมีธรรมขจรขจายเป็นที่เลื่องลือมากให้ช่วยเหลือ คุณแม่บุญเรือนจึงรับปากว่า จะเดินทางไปช่วยสร้างโบสถ์วัดท่าผาตามคำเชิญ การเดินทางไปครั้งนี้ เป็นการไปหลังจากที่ท่านได้เที่ยวตระเวนสงเคราะห์มา ๓ ภาคแล้ว คือ ภาคเหนือในปี ๒๔๙๑, ภาคใต้ ในปี ๒๔๙๕, ภาคอีสาน ในปี ๒๔๙๖ และในครั้งนี้ท่านได้ไปยังภาคสุดท้าย คือทางทิศตะวันตกของประเทศไทย ในแถบจังหวัดราชบุรีและกาญจนบุรี

คุณแม่บุญเรือน อธิษฐานรูป ในวันเดียวกันที่ศาลาการเปรียญวัดท่าผา คุณแม่บุญเรือนให้ศิษย์ไปตามช่างภาพท้องถิ่นมาถ่ายภาพคุณแม่นั่งพับเพียบหน้าโต๊ะหมู่บูชา ด้วยอาการสำรวม และท่านได้อธิษฐานขอให้ภาพนี้เป็นภาพแห่งกาลเวลา เป็นภาพศักดิ์สิทธิ์ อธิษฐานให้ครั้งเดียวในครั้งนี้ และเมื่อภาพนี้ อัด ย่อ ขยาย อีกกี่พัน กี่หมื่นครั้ง ก็จะมีความศักดิ์สิทธิ์ จึงได้มอบให้หลวงพ่อเชย เจ้าอาวาสวัดท่าผานำไปแจก

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199

 

เหรียญตะกรุดคู่ หลวงปู่ฤทธิ์ วัดชลประทานราชดำริ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ปี ๒๕๔๒ เนื้อทองแดงรมดำ เชือกเดิม สภาพเก่าเก็บ ไม่ผ่านการใช้ หายาก (หลวงพ่อฤทธิ์ รตนโชโต ผู้สร้างขลังแห่งเมืองขอม)

อันว่า หลวงพ่อพระครูฤทธิ์ หรือ หลวงปู่ฤทธิ์ รตนโชโต วัดชลประทานราชดำริ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ยอดพระเกจิอาจารย์แห่งแดนอีสาน ผู้สืบทอดสายวิชาเขมรที่มีอาคมขลังยิ่งนัก มีศิษยานุศิษย์มากมายทั้งในและต่างประเทศให้ความเลื่อมใสศรัทธา ท่านผู้อ่านบางท่านยังอาจจะไม่เคยได้ยินกิตติศัพท์หรือแม้กระทั่งชื่อของหลวงปู่ฤทธิ์มาก่อน แต่สำหรับผู้ที่อยู่ในเขตจังหวัดบุรีรัมย์และสุรินทร์กับผู้ที่นิยมวัตถุมงคลของเกจิอาจารย์ยุคปัจจุบันแล้ว หลวงปู่ฤทธิ์ท่านมีชาวบ้านชาวช่องนับถือและรู้จักกันดีเป็นอย่างยิ่ง มีลูกศิษย์ลูกหาที่นำวัตถุมงคลของท่านมาบูชา ติดตัว ติดบ้าน ติดร้านกันมาก วัตถุมงคลของท่านเป็นที่แพร่หลายมานับสิบปีโดยเฉพาะ :กิตติศัพท์หลวงปู่ฤทธิ์เป็นที่เลื่องลือมานานหลายสิบปีในจังหวัดแถบอีสาน แต่ในปัจจุบันชื่อเสียงของท่านได้ระบือไป ไม่แค่เพียงทั่วประเทศไทย ตั้งแต่เหนือจรดใต้เท่านั้น ยังแผ่ขยายออกไปประเทศต่างๆ อาทิเช่น ลาว ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา เป็นต้น อันเป็นการบอกเล่าและถ่ายทอดประสบการณ์ของวัตถุมงคลหลวงปู่ฤทธิ์ สู่กันและกัน จากปากสู่ปาก มากกว่าการเกิดจากการโฆษณาประสัมพันธ์ในหนังสือต่าง ๆ หลวงปู่ฤทธิ์ท่านเป็นพระเกจิดังเชื้อสายเขมร ที่มีความเชี่ยวชาญด้านคาถาอาคมทั้งของไทย ลาว และเขมร อย่างหาผู้เทียบเคียงไม่ได้ ท่านเป็นพระที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาอย่างสูง ไม่ว่า จะเป็นใครมาจากไหน ฐานะเป็นอย่างไร หลวงปู่ท่านจะให้การต้อนรับพูดคุยด้วยเป็นอย่างดี ไม่จำเป็นต้องนั่งรถยนต์ราคาแพงๆ ไปกราบท่าน แล้วถึงจะได้พบหลวงปู่ นอกจากจะได้รับการต้อนรับขับสู้จากท่านอย่างไม่ถือเนื้อถือตัวแล้ว หลวงปู่ยังจะปลุกเสกวัตถุมงคลในมือของท่านอีกอย่างดีก่อนมอบให้ บางครั้งท่านก็จะจารเป็นยันต์ให้ บางครั้งท่านก็จะพรมน้ำมนต์ให้ วัตถุมงคลของท่านถือว่า เป็นสุดยอดไม่ว่า จะได้โดยตรงจากมือ หรือที่ศูนย์พระเครื่องต่างๆ ก็ตาม ยังไม่พบว่าวัตถุมงคลของท่านมีของปลอมหรือเสริม โดยที่หลวงปู่ยังไม่ได้ปลุกเสก บรรดาผู้ที่บูชาวัตถุมงคลของท่าน ต่างก็พบกับอภินิหารแบบพลิกชะตาชีวิตให้อย่างทันตาเห็น ไม่ว่าจะเป็นทางด้าน เมตตา มหานิยม โชคลาภ ค้าขาย เรียกเงินเรียกทอง เป็นต้น แม้ว่า ทุกวันนี้จะเป็นยุค ไอเอ็มเอฟ ที่เศรษฐกิจฝืดเคือง ทำมาหากินลำบากกันถ้วนหน้า แต่คนที่บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ฤทธิ์มักจะได้พบกับสิ่งแปลกประหลาด เช่น ค้าขายดีขึ้นอย่างผิดปกติ มีโชคได้ลาภ ลองปืนไม่ออก เป็นต้นประสบการณ์ของวัตถุมงคลรุ่นก่อนๆ ของหลวงปู่ฤทธิ์ ที่มีประสบการณ์เป็นที่กล่าวขานทั้งในหมู่ลูกศิษย์ และบุคคลที่ได้บูชาวัตถุมงคลของหลวงปู่ไปแล้ว พุทธคุณด้าน เมตตา/มหานิยม คุ้มครองใน ด้านการเดินทาง โชคลาภ มหาอำนาจและอื่นๆ อีกมากมาย จะเน้นมากทางด้านโชคลาภ และ เมตตา/มหานิยมคนที่ใช้แล้ว พบว่า มีคนมาติดพันมากมาย

เหรียญหลวงปู่ฤทธิ์ วัดชลประทานราชดำริ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ปี ๒๕๔๒ ถือเป็นเหรียญที่มีประสบการณ์มากเหรียญหนึ่ง และปัจจุบันหายากแล้ว ทางด้านพระเวทย์วิทยาคม หลวงปู่ฤทธิ์ท่านเป็นพระที่มีบุญญาบารมี และพระเวทย์วิทยาคมสูงอีกท่านหนึ่งแห่งแดนอีสาน วัตถุมงคลที่หลวงปู่ได้อธิษฐานจิตปลุกเสกล้วนศักดิ์สิทธิ์เข้มขลังมาก สร้างประสบการณ์ดีๆให้แก่ผู้ที่ใช้บูชามากมาย วัตถุมงคลของท่านทุกประเภทได้รับความนิยมสูง เป็นที่เสาะแสวงหาของผู้ที่รู้ถึงพลังพระเวทย์วิทยาคมของหลวงปู่เป็นอย่างมาก หลวงปู่ฤทธิ์ ท่านมรณะภาพด้วยโรคชราอย่างสงบ เมื่อเวลา 04.00 น. ในวันที่ 1 มิถุนายน 2548 สิริรวมอายุได้ 89 ปี พรรษารวม 66 พรรษา

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199

 

รับทราบแจ้งจอง
ขอบคุณครับ

 

เหรียญปาดตาล เนื้อตะกั่ว หลังเรียบ จารมือ โดยหลวงพ่อพร้า วัดโคกดอกไม้ ชัยนาท สร้างปี 2558 (เนื้อตะกั่ว ติดชนวนเก่า มีโค๊ด ตัว พ และหมายเลข ๔๗๘ พร้อมกล่องเดิม ติดราคาทางวัด แท้-ทันแน่นอน) หลวงพ่อพร้า อดีตพระเกจิชื่อดังแห่งเมืองสรรคบุรี ได้รับสมญานามว่า "หลวงพ่อพร้า เจ้าตำรับน้ำมนต์บาทเดียว"

หลวงพ่อพร้า อัตตสันโต อดีตเจ้าคณะตำบลดงคอน อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท เป็นพระสงฆ์ที่เคร่งครัดและเปี่ยมด้วยคุณธรรมมีจิตที่เปี่ยมด้วยความเมตตาเป็นที่พึ่งของชาวบ้านดงคอน และสาธุชนโดยทั่วไป ชื่อเสียงของท่าน เป็นที่รับรู้กันทั่วท้องทุ่งเมืองสรรคบุรีถึงความขลังความศักดิ์สิทธิ์ของน้ำมนต์ ที่สามารถพลิกผันสถานการณ์อันเลวร้าย ให้กลับกลายเป็นดีได้อย่างน่าอัศจรรย์ จนได้รับสมญานาม "หลวงพ่อพร้า เจ้าตำรับน้ำมนต์บาทเดียว"

นอกจากนี้ หลวงพ่อพร้า ได้ให้ความสนใจศึกษาด้านวิทยาคม ค้นคว้าด้านปฏิบัติจิตภาวนา เพื่อให้จิตบังเกิดสมาธิ และได้กราบฝากตัวเป็นศิษย์ต่อ หลวงพ่อโต วัดวิหารทอง ซึ่งเป็นหลวงลุงของท่าน และได้รับความเมตตาถ่ายทอดวิชาให้จนหมดสิ้น หลวงพ่อโตยังให้ความเมตตาอุปถัมภ์ในการบูรณะวัดโคกดอกไม้ เป็นการช่วยเหลือพระหลานชายของท่านอีกทางหนึ่งด้วย และอีกท่านหนึ่ง ที่ได้ชื่อว่าเป็นพระอาจารย์ที่ได้มอบสรรพวิชา ให้กับหลวงพ่อพร้ามากมายหลายด้าน คือ หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท

พุทธาคมอันเข้มขลังที่หลวงพ่อพร้าได้รับถ่ายทอดจาก ๒ พระอาจารย์ ภายหลังได้นำมาสงเคราะห์ให้กับญาติโยมที่ประสบความเดือดร้อน โดยเฉพาะตำรับน้ำมนต์อันเข้มขลัง ซึ่งท่านมิได้เรียกร้องอะไร เพียงแต่ขอค่าบูชาครูเพียงบาทเดียว จนได้รับการยกย่องและเรียกขานนามของท่านว่า "หลวงพ่อพร้า เจ้าตำรับน้ำมนต์บาทเดียว"

หลวงพ่อพร้า ได้ถึงแก่มรณภาพด้วยโรคชรา ที่กุฏิวัดโคกดอกไม้ เมื่อเวลา ๑๗.๐๔ น. ของวันอาทิตย์ที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ สิริอายุ ๙๖ ปี พรรษา ๗๖

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199

 

รับทราบแจ้งจอง
ขอบคุณครับ

 

รูปหล่อปางมารวิชัย หลวงพ่อจง วัดหน้าตางนอก อยุธยา ออกวัดคอกหมู กรุงเทพฯ ปี 2484 พระรุ่นนี้จัดสร้างขึ้นมาด้วยกัน3พิมพ์ 1.พิมพ์นั่งสมาธิ 2.พิมพ์นั่งมารวิชัย 3.พิมพ์พระพุทธ ส่วนเนื้อโลหะที่นำมาหล่อเท่าที่พบมีเพียงเนื้อเดียวคือ (เนื้อทองเหลือง) หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ยุคเก่าของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่มีความเก่งกล้าทางด้านวิชาอาคมแขนงต่างๆเป็นอย่างสูงไม่เป็นสองรองใครใน(เมืองกรุงเก่า) วัตถุมงคลที่ท่านได้สร้าง และปลุกเสกเอาไว้โดยเฉพาะ(เหรียญปั๊ม/รูปหล่อโบราณ/รุ่นแรกๆ)ของท่านล้วนแล้วแต่เป็นของที่เปี่ยมล้นไปด้วยพุทธคุณที่สูงมากๆ มีประสบการณ์ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แก่สายตามาแล้วมากมาย คนในพื้นที่และ จังหวัดใกล้เคียงต่างก็รู้ซึ้งถึงพุทธคุณของท่านกันดี ใครมี(รูปหล่อโบราณ/พิมพ์ต่างๆ)ของท่านเอาไว้ครอบครอง ก็ต่างหวงแหนด้วยกันทั้งสิ้น ปัจจุบันรูปหล่อโบราณ(ออกวัดคอกหมู) เริ่มที่จะหาดูได้ยากเต็มทีแล้ว เพราะว่าจำนวนการสร้างนั้น จัดสร้างออกมาน้อยมากๆ

XXXบูชาแล้วXXX

 

พระผงขมิ้นเสก “พิมพ์พระนาคปรก” ตัดขอบสี่เหลี่ยม หลังจาร “เฑาะว์มหาอุด” (ลายมือ) หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม พระขมิ้นเสก ของหลวงปู่เพิ่ม นับเป็นพระรุ่นที่สอง มีประวัติการสร้าง และการปลุกเสกน่าทึ่งมากทีเดียว

1. เนื้อหาขององค์พระ มีส่วนผสมหลักคือ ขมิ้นเสกหลวงปู่บุญ ลูกอมหลวงปู่บุญ ผงแร่หลวงปู่บุญ ผงพุทธคุณหลวงปู่บุญ พระเก่าหักๆ ได้แก่พระสมเด็จ พระผงสุพรรณ ขมิ้นเสกหลวงปู่เพิ่ม สุดยอดพุทธคุณทั้งนั้น
2. การปลุกเสก หลวงปู่เพิ่มท่านเมตตาปลุกเสกตั้งแต่ปี 2505-2526 ยาวนานถึง 21 ปีทีเดียว หลวงปู่ท่านดำริและเตรียมการสร้างตั้งแต่ปี 2504 พระที่สร้างในครั้งนี้มีด้วยกันทั้งหมด 5 พิมพ์ด้วยกัน ได้แก่

1. พิมพ์พระประธาน ปางมารวิชัย ฐานผ้าทิพย์
2. พิมพ์สมเด็จ ฐาน 5 ชั้น
3. พิมพ์นาคปรก กรอบสี่เหลี่ยม
4. พิมพ์นาคปรกกรอบมน หรือห้าเหลี่ยม
5. พิมพ์ชัยวัฒน์ ฐานบัว ซึ่งหลวงปู่เพิ่มท่านเรียกว่า (พระยอดธง)
พระทั้ง 5 พิมพ์ บางพิมพ์ก็ไม่ค่อยเห็นแล้ว บางพิมพ์พอที่จะเห็นบ้างแต่ก็น้อย..เนื่องจากผู้ที่มีไว้มักจะเก็บไว้อาราธนาติดตัว ด้วยพุทธคุณที่ประจักษ์ และปากต่อปาก ประวัติเล่าขาน ทำให้เกิดศรัทธาอย่างจริงใจ..ใครมีไว้จึงมักหวงแหน เป็นความภูมิใจ อุ่นใจทีมีไว้คุ้มครองป้องภัย และเป็นกำลังใจให้กับตนเอง จะไม่ให้หวงแหนได้อย่างไรในเมื่อพระชุดนี้ หลวงปู่เพิ่มท่านปลุกเสกนานถึง 21 ปี

2. ความเป็นมาของ พระผงขมิ้นเสก นี้ อ.สุธน ศรีหิรัญ ศิษย์วัดกลางบางแก้ว และเป็นผู้เขียนเรื่อง หลวงปู่บุญ-หลวงปู่เพิ่ม ได้อย่างเจาะลึกที่สุด บอกว่า ขมิ้นเสก นี้ หลวงปู่บุญ ได้เอาหัวขมิ้นมาลงอักขระและปลุกเสกเป็นครั้งคราวไป โดยทำครั้งละไม่มากนัก เมื่อเสกเสร็จแล้วก็เอาใส่ในโถเคลือบ ท่านว่าจะเอาไว้สร้าง "พระขมิ้นเสก" แต่ไม่ทันได้สร้าง หลวงปู่บุญ ก็ได้มรณภาพไปเสียก่อน หลวงปู่เพิ่ม จึงได้สืบสานงานนี้ต่อ โดยเอาหัวขมิ้นมาลงอักขระและปลุกเสก อีกจำนวนหนึ่งเพื่อให้ได้ปริมาณที่มากพอจะสร้างพระได้หลายๆ องค์ จึงได้ดำเนินการสร้าง พระขมิ้นเสก พิมพ์ต่างๆ นี้เมื่อ ปี ๒๕๐๔ โดยมี พระปลัดใบ คุณวีโร พระลูกศิษย์เป็นผู้ดำเนินการจัดสร้าง บดผง พิมพ์เป็นพระ ซึ่งตอนนี้เองที่ อ.สุธน ได้มีส่วนช่วยงาน พระปลัดใบ ในการสร้างพระรุ่นนี้ด้วย จึงทำให้ทราบถึงความเป็นมาของพระรุ่นนี้อย่างละเอียด หากมองจากมุมนี้จะเห็นได้ว่า พระขมิ้นเสก ทั้งหมดนี้เป็นพระที่น่าใช้มาก เพราะได้ผ่านพิธีปลุกเสกโดย ๒ พระเกจิอาจารย์ ผู้โด่งดังแห่งลุ่มแม่น้ำนครชัยศรี ย่อมมี อานุภาพ ๒ เท่าตัว พระผงขมิ้นเสก ถือว่าเป็นพระผงรุ่นที่ 2 ของหลวงปู่เพิ่ม

XXXบูชาแล้วXXX

 

พระปิดตา เนื้อดินผสมผง หลังเรียบ เป็นหนึ่งในพระพิมพ์พระปิดตาของ หลวงปู่ทอง อุทยญาโณ วัดราชโยธา กรุงเทพฯ ปี 2437 (ร.ศ.113) ที่เป็นที่นิยม (พิมพ์มาตรฐาน มีในหนังสือรวมวัตถุมงคลของท่าน) ซึ่งท่านได้จัดทำไว้หลากหลายพิมพ์ทรง ด้านหลังของพระหลวงปู่ทอง จะมีทั้งแบบจารมือและหลังเรียบในยุคต้นๆ และแบบปั๊มยันต์ในยุคต่อมา (สุดยอดเรื่องโชคลาภ แคล้วคลาด มหาอุตม์ พระดี ไม่ควรพลาด)

หลวงปู่ทอง ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์รุ่นเก่ายุคก่อนสงครามโลก ที่มีวิชาอาคมแก่กล้า เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ภู วัดเงิน ตลิ่งชัน และพระอาจารย์แสง วัดมณีชลขันธ์ ลพบุรี ผู้เป็นอาจารย์ของสมเด็จพระพุทธาจารย์โต นอกจากนั้นท่านยังได้มีโอกาสศึกษาวิชาเพิ่มเติมกับสมเด็จโตอีกด้วย (แม้แต่หลวงพ่อเนียม วัดน้อย ผู้เป็นอาจารย์ของหลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน และหลวงพ่อปาน บางนมโค ยังเป็นแค่ ศิษย์ของสมเด็จโต) แต่หลวงปู่ทองเป็นศิษย์อาจารย์เดียวกันกับสมเด็จโต ส่วนเกจิอาจารย์ที่คุ้นเคยไปมาหาสู่กัน เช่น หลวงปู่ปั้น วัดเงิน ตลิ่งชัน, หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย สมุทรปราการ ,หลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า ชัยนาท ,หลวงปู่ภู วัดอินทร์ กรุงเทพฯ ,ท่านเจ้ามา วัดสามปลื้ม ,หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ,หลวงปู่พริ้ง วัดบางปะกอก ,หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง ,หลวงปู่แช่ม วัดท่าฉลอง จ.ภูเก็ต ฯลฯ

สำหรับลูกศิษย์ของท่านที่เป็นเกจิชื่อดังมากมาย ก็มี
หลวงปู่เผือกวัดกิ่งแก้ว สมุทรปราการ
หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก ฉะเชิงเทรา
หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก อยุธยา
หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม สมุทรสงคราม
หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา ปราจีนบุรี
หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
หลวงพ่อคล้าย วัดสวนขันธ์ นครศรีธรรมราช
หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพระองค์ สมุทรสาคร
หลวงพ่ออี๋ สัตหีบ
หลวงพ่อเพชร วัดสามปลื้ม กรุงเทพ เป็นต้น
และ ยังมีลูกศิษย์ของท่านที่เป็นฆราวาส เช่น
อาจารย์แก้ว คำวิบูลย์
อาจารย์ชื้น ผลโพธิ์
อาจารย์เที่ยง
อาจารย์แถว และ อาจารย์เจ็ก ฯลฯ

ในสมัยก่อนหลวงปู่ทอง ท่านเป็นพระที่มีอาวุโสสูง และทรงไว้ซึ่งวิทยาคมแก่กล้า ดังนั้นไม่ว่าใครก็ล้วนมาขอเรียนวิชาต่างๆจากท่าน หลวงปู่ทองมีอายุยืนยาวถึง 117 ปี จึงมรณภาพด้วยโรคชราเมื่อปี 2480 ท่าน ได้สร้างพระเครื่องไว้มากมายหลายรุ่นหลายพิมพ์มีทั้ง พิมพ์สมเด็จยันต์ข้าง พิมพ์ปิดตายันต์ข้าง พิมพ์แม่ธรณีบีบมวยผมยันต์ข้าง พิมพ์ปิดตาหลังยันต์อุเนื้อเมฆพัด เป็นต้น สำหรับพระเครืองวัตถุมงคลต่างๆ หลวงปู่ทอง ปัจจุบัน ไม่ค่อยได้เห็นกัน เพราะหายากมาก คนรุ่นเก่าๆต่างเก็บไว้ใช้กันหมด ที่เราพอจะได้เห็นกันบ้างก็คือ สมเด็จเขียวเหนียวจริง หรือพระสมเด็จกรุบึงพระยาสุเรนทร์ ซึ่งท่านสร้างและปลุกเสกให้ แม้แต่ตอนสงครามอินโดจีน พระยาพหลพลพยุหเสนา อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ยังได้นิมนต์ท่านขึ้นเครื่องบิน ไปโปรยทรายเสก รอบวัดพระแก้ว และสนามหลวง รวมทั้งบริเวณใกล้เคียง เพื่อให้คุ้มครอง มิให้เป็นอันตรายจากระเบิดของข้าศึก และยังได้ขอร้องให้ท่านสร้างเสื้อยันต์เพื่อแจกทหารไปใช้ในสงคราม ซึ่งเสื้อยันต์นี้มีกิตติศัพท์เลื่องลือกันมาก ว่าแคล้วคลาดยิงไม่ถูกหรือโดนยิงแล้วไม่เป็นอะไร บางคนโดนยิงล้มลง ก็ยังลุกขึ้นมาสู้ใหม่ได้ จนได้รับฉายาว่า “ทหารไทยเป็นทหารผี” ซึ่งตอนนั้น เสื้อยันต์ที่ท่านสร้าง จะจารเขียนด้วยดินสอดำ เนื่องจากต้องทำแจกจ่ายจำนวนมาก ท่านเองทำให้ไม่ทัน จึงได้ขอให้พระอาจารย์อีก 5 ท่านมาร่วมสร้างด้วย คือ

หลวงปู่แช่ม วัดตาก้อง นครปฐม
หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม
หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก อยุธยา
หลวงพ่อจาด วัดบางกะเบา ปราจีนบุรี
หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว สมุทรปราการ

หลวงปู่ทอง ท่านเป็นพระที่ความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างยิ่ง ท่านมีอภิญญาปาฏิหาริย์มากมาย แม้แต่คนจะถ่ายรูปท่าน ก็ยังถ่ายไม่ติดเลยสักครั้ง นอกจากท่านจะอนุญาตให้ถ่ายได้ ทำให้ปัจจุบัน จึงไม่ค่อยมีรูปท่านให้เห็นกัน จะมีที่เห็นก็เพียงรูปเดียวก็คือ รูปที่บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายร่วมกันไปอ้อนวอนขอถ่ายรูปท่าน ซึ่งเป็นรูปที่ท่านกำลังลงจากกุฏิไปฉันเพลเท่านั้น ส่วนเนื้อหาของพระเครื่องของท่าน ก็มีทั้ง เนื้อดิน เนื้อผง ดินผสมผง และเมฆพัด พระเครื่องของท่านมีพุทธคุณสูงทางด้านเมตตาแคล้วคลาด และคงกระพัน ขนาดที่ว่าพี่น้องชาวมุสลิมที่อาศัยบริเวณใกล้เคียงวัดยังให้ความเคารพ นับถือท่านเป็นอย่างสูง

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199

 

พระกรุวัดประยุรวงศาวาส กรุงเทพฯ (ปางยืนห้ามสมุทร) เนื้อดินเผา พระสมัยอยุธยาคาบเกี่ยวรัตนโกสินทร์ ที่มีประสบการณ์มากมาย

สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าพระยาพระคลัง ได้อุทิศสวนกาแฟ เพื่อสร้างเป็นวัด เมื่อ พ.ศ. 2371 และถวายเป็นพระอารามหลวง ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่ รัชกาลที่ 3 โดยพระองค์ได้พระราชทานนามว่า “วัดประยุรวงศาวาส” อันมีความหมายว่า “พุทธสถานแห่งวงศ์พระประยุรญาติ” แต่ชาวบ้านขณะนั้นนิยมเรียกว่า “วัดรั้วเหล็ก” เหตุเพราะมีรั้วเหล็กที่ทำเป็นรูปอาวุธ คือ หอก ดาบ และขวาน สูงราว 3 ศอกเศษ เป็นกำแพงวัดอยู่ตอนหน้าพระอุโบสถ พระวิหาร ศาลาการเปรียญ ฯลฯ

กรุพระวัดประยุรฯแตก ซึ่งพบในบริเวณฐานสี่เหลี่ยมก่อนถึงยอดพระบรมธาตุมหาเจดีย์ พบสถูปทองคำ คาดภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ แถมพบพระเครื่องศิลปะสมัยลพบุรีอายุกว่า 1,200 ปี เจ้าอาวาสวัดประยูร ประสานตำรวจมารักษาความปลอดภัย ด้านกรมศิลปากรเตรียมขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกชาติ หลังจากได้พบพระพุทธรูปทองคำและพระพุทธรูปโบราณอายุกว่า 700 ปีที่วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร (วัดประยูร)

สันนิษฐานว่าจากพุทธศิลป์ น่าจะจัดสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลายคาบเกี่ยวกับรัตนโกสินทร์ตอนต้น เพราะมีขุดพบเจอลักษณะพระพิมพ์ต่าง ๆและพุทธศิลป์ที่มีลักษณะเหมือน และคล้ายกัน ภายหลังมีผู้พบอีกหลายครั้ง และกรุตามวัดสำคัญ ๆต่าง ๆรวมถึง “วัดรั้วเหล็ก” หรือ “วัดประยุรวงศาวาส” ต่อมาก็ได้พบพระแบบเดียวกันนี้อีกตามกรุต่างๆ ในกรุงเทพฯ และอยุธยา ซึ่งเมื่อพิจารณาจากพุทธศิลป์แล้วสันนิษฐานได้ว่า เป็นพระสมัยอยุธยาตอนปลาย เมื่อเสียกรุงศรี ฯ ครั้งที่ 2 หลังจากเริ่มสร้างกรุงเทพฯ นั้นก็ได้มีการชะลอพระพุทธรูปจากโบราณสถานต่างๆ ในจังหวัดที่เป็นวัดร้างเข้ามาประดิษฐานไว้ตามพระอารามต่างๆ ในกรุงเทพฯ พระพุทธรูปจากอยุธยาเอง ก็ถูกนำเข้ามาไว้ในกรุงเทพฯ หลายองค์ ประจำอยู่ตามวัดต่างๆ ในกรุงเทพฯ นอกจากพระพุทธรูปที่ได้นำเข้ามาไว้ในกรุงฯแล้ว ก็ยังได้นำพระเครื่องที่พบตามกรุในอยุธยา เข้ามาบรรจุไว้ตามวัดต่าง ๆด้วย และพระโคนสมอก็ได้ถูกนำเข้ามาบรรจุไว้ตามสถานที่ต่างๆ ในครั้งนั้นด้วยเช่นกัน แต่เป็นที่น่าเสียดายคือ ไม่มีบันทึกไว้ว่า พระทั้งหมดนั้นได้นำมาจากที่วัดใดในอยุธยา

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199

 

ขอบูชาครับ

 

รับทราบแจ้งจอง
ขอบคุณครับ

 

ขอจองครับ

 

พระลีลา (ยอดขุนพลศรีเทพ) พิมพ์ใหญ่เนื้อแดง สีผ่าน กรุวัดธุตังคาราม จ.เพชรบูรณ์ (พระเนื้อดินกรุศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ศิลปะคุปตะ ยุคกลางๆ ของทวารดี ประเภทเนื้อดินเผา) ที่สุดของหายาก กรุแตกกำแพงวัด

พระกรุศรีเทพ พิมพ์ ลีลายอดขุนพล ผิวเนื้อสีผ่าน ฉาบไปด้วยคราบกรุ ปกคลุม ที่ขึ้นทับถม ตามอายุกาล ศิลปะสวยงาม อ่อนช้อย และคม ชัด ลึก มากๆ ผู้ใดมีอาราธนาติดตัว กล่าวว่าผู้นั้นไม่ห่างหายเรื่อง โภคทรัพย์ และความเจริญรุ่งเรืองดังเมืองศรีเทพในอดีต เรื่องแคล้วคลาดปลอดภัยก็ไม่แพ้กรุใดๆเช่นกัน พระกรุเมืองศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ อายุการสร้างนั้นแน่นอนว่าไม่ใช่น้อย ๆ แน่ พิมพ์พระก็มีเสน่ห์ และชื่อก็เป็นมงคล

วัดธุตังคาราม ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านเกาะลำโพง หมู่ที่ 8 ตำบลศรีเทพ อำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้สร้างขึ้นเป็นวัดนับตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ.2360 เดิมเรียก "วัดโบสถ์" เพราะมีอุโบสถเก่าแก่ ใบเสมาทำด้วยหินสีเขียวเป็นหลักฐาน

ครั้งหนึ่ง "หลวงพ่อประเทือง" ซึ่งอยู่จำพรรษาที่วัดแห่งนี้ ท่านได้นิมิตและบอกว่าใกล้ๆ กับต้นโพธิ์ด้านทิศตะวันออกของโบสถ์จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ฝังอยู่ และเป็นโอกาสดีที่พระครูเกษมพัชรสาร มีความประสงค์ที่จะสร้างกำแพง จึงได้มาปรึกษากับคณะกรรมการ ซึ่งกำแพงนี้อยู่ติดกับต้นโพธิ์ หลังจากตกลงเรียบร้อยแล้วได้จ้างคนงานและชาวบ้านนับร้อยคนมาขุดดินบริเวณนี้ ก็ได้พบไหดินเป็นจำนวนมาก ปรากฏว่าภายในไหพบพระกรุองค์เล็กบ้างใหญ่บ้าง เป็นเนื้อหินและเนื้อโลหะปะปนกันอยู่ บางองค์เป็นเนื้อตะกั่ว รูปทรงแบบยืนและนั่ง เป็นลักษณะ "พระซุ้มกอ" เป็นเทวรูปก็มี พอนำขึ้นมาตรวจดู พระกรุนี้เป็น "พระยอดขุนพลเนื้อดิน" และก็ได้มาพบอีกพิมพ์พระหูยาน พระนาคปรก พระร่วงยืน พระยืนปางลีลาต่างๆ และพระรอด พระสมเด็จนางพญา เนื้อหามีทั้งเนื้อละเอียดเนื้อหยาบ ลงรักปิดทองก็มี

พอชาวบ้านได้เห็นต่างพากันตื่นเต้น แห่กันมาดูเป็นจำนวนมาก ต่างพากันก้มลงกราบและจุดธูปบอกกล่าวเทพเทวา พอข่าวนี้แพร่สะพัดออกไปมีชาวบ้านในจังหวัดใกล้เคียงมาขอบูชา แต่ทางวัดยังไม่พร้อม และไม่รู้ว่าจะตั้งราคาเท่าไหร่ แต่ถ้าเกิดอยากได้ก็จะให้บูชาในราคาตามจำนวนที่ขุดพบว่ามีกี่องค์ และพิมพ์ไหนที่เป็นพิมพ์นิยม ราคาก็จะแพง เพราะทางวัดต้องการนำเงินมาสร้างกำแพงวัด

ในการพบพระกรุที่อยู่ในไห ถือว่าเป็นของมีค่าที่พระเกจิอาจารย์รุ่นเก่า หรือชาวบ้านได้สร้างเอาไว้ เพื่อที่จะเป็นมรดกตกทอดกันมาถึงในยุคปัจจุบัน จนได้มาขุดพบเจอสิ่งมีค่าควรบูชาไว้ครอบครอง ก่อนทำจะนำให้ญาติโยมบูชาได้ประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2553 โดยมี พระครูบวรชัยกิจ (หลวงปู่ไสย) จุดเทียนชัย ,พระราชสุเมธี วัดภูตูมวนาราม ดับเทียนชัย ,หลวงเตี่ย สุรเสียง วัดป่าเลิงจาน พร้อมด้วยพระเกจิอาจารย์มากมายร่วมนั่งปรกอธิษฐานจิตปลุกเสก

สำหรับการขุดพบพระกรุเก่า นี้ พระครูเกษมพัชรสาร ได้สันนิษฐานว่า เมื่อสมัยขอมเริ่มเสื่อมอำนาจ "พระยากฬวรรดิส" ราชโอรสพระยากากพัตรแห่งเมืองนครชัยศรี เป็นผู้สร้างเมืองลพบุรี เมื่อปี พ.ศ.1191 และตั้งชื่อว่าเมืองละโว้ ซึ่งตรงกับสมัยทวารวดี ในยุคนั้นซึ่งครอบครองไปถึงเมืองศรีเทพ และมีความเจริญรุ่งเรือง ผู้คนเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และนับถือศาสนาพุทธ บางชุมชนก็มีความศรัทธาต่อพระฤๅษีดาบส นับถือเทพเทวดา ในการสร้างพระเครื่องหรือของขลัง จึงได้ผสมผสานอยู่ในพระกรุที่ค้นพบในครั้งนี้ และเป็นความเชื่อถือของชาวบ้านในสมัยนั้น

พระเครื่องต่างๆของกรุศรีเทพ มีความหลากหลายและมีความเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม และศิลปะเชิงช่างตามคติความเชื่อแต่ละยุคแต่ละสมัยตลอดเวลา เพราะเมืองศรีเทพมีความรุ่งเรือง และยาวนานเกือบ 1,000 ปี ถึงจะสิ้นสุดของเมืองศรีเทพ ตั่งแต่พุทธศตวรรษที่ ๑๑-๑๘ และก็สิ้นสุดลงและก้าวเข้าสู่ยุคของลพบุรีโดยสมบูรณ์ พระพิมพ์ของทางลพบุรีไม่น้อย ที่ยังคงสืบสานรูปแบบศิลปะเชิงช่างมาจากเมืองศรีเทพ อย่างเช่น พระร่วงนั่ง และ พระยอดขุนพล เป็นต้น ซึ่งล้วนแล้วได้รับอิทธิพลทางศิลปะมาจากยุคทวาราวดีในยุคเมืองศรีเทพเป็นส่วนมาก

XXXบูชาแล้วXXX

 

พระยอดขุนพลศรีวิชัยเมืองใต้ กรุไชยา สุราษฎร์ธานี เป็นพระเนื้อดินศักดิ์สิทธิ์ แก่เม็ดแร่ (แม่เหล็กดูดติด) ผสมว่านอมฤต เนื้อจัดมากๆ (ยุคศรีวิชัย) พบตามถ้ำ ตามเขาแถบภาคใต้ เนื้อหาจะใกล้เคียงกันแทบทุกกรุ ภาคกลางพบที่จังหวัดนครปฐม ของดีศรีวิชัยโบราณ สภาพเดิมๆนาน ๆ พบที ขนาดเส้นผ่าศูนย์ 5 ซม. (พิมพ์ใหญ่) อายุราว 1000-1200 ปี

พระยอดขุนพลกรุศรีวิชัยนั้น ถูกพบโดยบังเอิญ ในครั้งแรกเมื่อปี พุทธศักราช ๒๕๓๓ - ๒๕๓๕ ขณะสร้างถนนบริเวณเขาศรีวิชัย โดยพบพระเนื้อดินเผาสัณฐานกลมๆ ขนาดย่อม ๒ แบบ คือแบบต้อและแบบชะลูด ทั้งสองพิมพ์เป็นรูปองค์พระประทับนั่งปางสมาธิ มีขอบพิมพ์ยื่นออกมาทั้งสองพิมพ์ ด้านหลังมนโค้ง องค์พระประทับนั่งบนฐานบัว ๒ ชั้น บัวชั้นบนเป็นบัวหงาย ๗ กลีบ ชั้นล่างเป็นบัวคว่ำ ๓ กลีบ พระพักตร์ค่อนข้างกลม พระเกศสั้นลักษณะเป็นมุ่นมวยผมแบบศิลปะทวารวดี

พุทธศักราช ๒๕๓๓ มีชาวบ้านซึ่งอาศัยอยู่บริเวณด้านตรงข้ามวัดเขาศรีวิชัย อันเป็นวัดโบราณเก่าแก่ มีวัตถุโบราณมากมาย และกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ในท้องที่ตำบลศรีวิชัย อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ก่อนที่ชาวบ้านดังกล่าวจะขุดนั้น ได้ฝันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งมาบอกว่า "เฝ้าอยู่นานแล้ว เอาไปเสียที” แล้วก็ชี้ทิศทางให้ ในวันรุ่งขึ้นจึงได้ขุดดินบริเวณรั้วบ้านของตน ซึ่งความตั้งใจเดิมนั้น คิดว่าจะได้ลูกปัด ซึ่งเป็นสิ่งที่ขุดได้อยู่เสมอ และการขุดในครั้งนั้นก็ได้ลูกปัด และพบพระเครื่องด้วย ในวันแรกพบพระไม่มากเท่าไรนัก พอรุ่งขึ้นจึงได้ขุดต่อ และได้พระมาเป็นจำนวนมาก พระที่พบก็เหมือนกับที่พบในครั้งทำถนนในปี พุทธศักราช ๒๕๒๓ ทุกประการ

พระเม็ดกระดุมศรีวิชัยนี้ ท่านอาจารย์ชะเอม แก้วคล้าย ผู้ชำนาญภาษาโบราณประจำหอสมุดแห่งชาติกรุณาสละเวลาอ่านอักษรโบราณที่ผนังขององค์ และท่านได้บอกว่าอักษรที่ปรากฏเป็นอักษรปัลลวะ อันเป็นอักษรที่ใช้อยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๑ - ๑๒ ในสมัยทวารวดี อักษรที่ปรากฏนั้น มีใจความว่า “เย ธัมมา เหตุปปภวา เตสัง เหตุง ตถาคโต ชาติเต สัญจโย นิโรโธจะ เอวัง วาที มหาสมโณ” แปลว่า “ธรรมทั้งหลายเหล่าใด มีเหตุเป็นแดนเกิดพระตถาคต ตรัสเหตุและความดับของธรรมทั้งหลายเหล่านั้น พระมหาสมณะ มีปกติตรัสอย่างนี้”

โบราณวัตถุที่ค้นพบ บริเวณเขาศรีวิชัย มักจะเป็นศิลปะยุคสมัยศรีวิชัยเป็นส่วนมาก จากการพิจารณาพระเม็ดกระดุมศรีวิชัยโดยรวมแล้ว สันนิษฐานว่า น่าเป็นพระที่สร้างอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๓ ซึ่งน่าจะอยู่ในปลายๆ ของสมัยทวารวดี-ต้นสมัยศรีวิชัย นับว่าพระเม็ดกระดุมศรีวิชัยนี้ เป็นพระที่ทรงคุณค่าทางด้านศิลปะยุคสมัย พร้อมทั้งมีอักษรปัลลวะจารึกคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอยู่ที่องค์พระด้วย ยิ่งนับว่าทรงคุณค่ามากทีเดียว พุทธคุณเท่าที่ปรากฏนั้นปกป้องคุ้มครองให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข ฯลฯ

(พระยอดขุนพลเมืองใต้ กรุไชยา สุราษฎร์ธานี ยุคศรีวิชัย อายุราว ๑,๐๐๐-๑,๒๐๐ ปี เป็นพระเก่าโบราณ มีประวัติ สภาพสุดคลาสสิค พระชุดนี้ เป็นพระที่พบตามถ้ำและเขาแถบภาคใต้ โดยจะมีเนื้อหาใกล้เคียงกันแทบทุกกรุ สันนิษฐานว่าจะสร้างในสมัยศรีวิชัย อายุราว ๑,๐๐๐-๑,๒๐๐ ปี ส่วนในแถบภาคกลาง ก็เคยพบที่จังหวัดนครปฐมด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ อาจารย์ชุม ไชยคีรี ยังได้นำเอาแบบพิมพ์มาสร้างเป็นพระเนื้อดินของท่านด้วย เนื้อหาผิวนวลมีคราบกรุดูง่ายสบายตา ปัจจุบันพบเห็นน้อย นับเป็นอีกหนึ่งของดีในอาณาจักรศรีวิชัยโบราณ ที่ควรค่าแก่การสะสม และบูชา หายากน่าเก็บน่าใช้)

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199

 

พระสมเด็จโนนผึ้ง เนื้อผงว่าน รุ่นแรก หลังยันต์ห้า หลวงปู่หมุนเสกหลายวาระ ปี 2538 หายากกว่า พระสมเด็จโนนผึ้ง ปี 2540 หลายเท่า พุทธคุณสุดยอดเกินคำบรรยาย (ความจริงแล้วพระสมเด็จโนนผึ้ง หลังยันต์ห้า ปี 2538 นี้ จัดเป็นพระรุ่นแรกของหลวงปู่หมุน อย่างแท้จริง แต่ในหนังสือวัตถุมงคลหลวงปู่หมุน ไม่ได้ลง แต่ไปลงสมเด็จโนนผึ้ง ปี 2540 เป็นพระรุ่นแรกของท่าน คนในพื้นที่ต่างก็รู้กันดี ว่าสมเด็จ ปี 2538 เป็นรุ่นแรกของท่าน และด้วยพุทธคุณที่สุดยอด และมากด้วยประสบการณ์ ทำให้ต่างคนต่างก็หวงแหน เก็บรักษาเป็นอย่างดี และด้วยจำนวนที่สร้างน้อยกว่าปี 2540 มาก ทำให้หายากกว่าสมเด็จปี 2540 หลายเท่าตัว)

ประวัติการสร้าง และการปลุกเสก เมื่อครั้งหลวงปู่หมุน ฐิตสีโล จำพรรษาที่ วัดโนนผึ้ง ซึ่งเป็นวัดที่หลวงพ่อประสาน สหธรรมมิกรุ่นน้องของท่านเป็นเจ้าอาวาสอยู่ จัดเป็นพระรุ่นแรกๆ ของหลวงปู่หมุน / หลวงพ่อประสาน วัดโนนผึ้ง จ.ศรีสะเกษ เป็นศิษย์ใกล้ชิดที่สุดของหลวงปู่หมุน ฐิตสีโล มาตั้งแต่ยุคต้น ซึ่งนอกจากท่านจะได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมหลายอย่างจากหลวงปู่หมุนแล้ว ท่านยังเป็นผู้ที่เก่งมากด้านเมตตามหาเสน่ห์ ผูกดวงคู่ และเชี่ยวชาญแตกฉานในเรื่องว่านยาต่างๆเป็นอันมากอีกด้วย จนหลวงปู่หมุนเอ่ยปากชมว่า "หลวงพ่อประสานเป็นเอกทางด้านว่านเป็นที่สุด จะหาใครมาเทียบรัศมีได้ยาก" หลวงพ่อประสานท่านได้สร้างเป็นรุ่นแรก เมื่อปี 2538 โดยหลวงปู่หมุนท่านได้มอบชนวนมวลสารสำคัญให้หลายอย่าง และได้ร่วมปลุกเสกให้ด้วย กับทั้งยังมีพระเกจิอาจารย์ผู้เรืองวิทยาคมชื่อดังอีก 2 ท่านได้ร่วมปลุกเสกให้ด้วย คือ หลวงปู่สรวง วัดไพรพัฒนา จ.ศรีสะเกษ และหลวงปู่เครื่อง วัดสระกำแพงใหญ่ พุทธคุณและประสบการณ์เป็นที่กล่าวขานกันในพื้นที่มานานเกือบ 20 ปี พระรุ่นนี้บางส่วนที่เหลือจากการแจกมอบให้กับผู้มีจิตศรัทธานำไปบูชา ในปี 2538 แล้วหลวงพ่อประสานได้นำมาเข้าร่วมปลุกเสกในพิธีจัดสร้าง "สมเด็จโนนผึ้ง" ของหลวงปู่หมุน รุ่นแรก ในปี 40 อีกครั้งหนึ่งด้วย ....พระสมเด็จโนนผึ้ง สร้างและเสกด้วยเจตนาบริสุทธิ์ มวลสารที่อยู่ในองค์นั้นหามารวมกันหลายชั่วอายุคน รุ่นต่อรุ่นมาจากอาจารย์สู่ลูกศิษย์ ผงนี้มี อาถรรพ์ยิ่งนัก มวลสารจากชานหมากครูบาอาจารย์อีกมากมาย หลวงปู่หมุนท่านลบผงช่วยในโบสถ์ หลวงปู่หมุนท่านบอกว่าการลบผงนี้ทำได้ยากมากๆ ในชีวิตคนๆ หนึ่งจะทำสำเร็จนั้นได้เพียงไม่กี่ครั้ง ยากนักจะหาใครทำได้ เห็นจะมีก็แต่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต แห่งวัดระฆังฯ, หลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร และหลวงปู่สี แห่งวัดถ้ำเขาบุญนาค ซึ่งหลวงปู่หมุนท่านเคยไปขอศึกษาการลบผงตำรับของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต จากหลวงปู่สี จนสำเร็จครบกระบวนความรู้ ด้วยความอุตสาหะของท่าน ด้วยบุญญาธิการของท่าน ด้วยสายวิชาการเดินธาตุทั้ง ๔ ที่ท่านสำเร็จมา ท่านจึงเรียน และพยายามจนประสบผลสำเร็จได้ทุกประการ นับเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ศึกษาจนสำเร็จได้ จึงไม่ต้องสงสัยแต่อย่างใดเลยว่า พระสมเด็จ วัดโนนผึ้ง ชุดนี้ดีจริงหรือไม่ เพราะเมื่อครั้งที่หลวงปู่หมุนมาจำพรรษา ที่วัดป่าหนองหล่มโดยการนิมนต์เชิญโดย พระอาจารย์จ่อย สิริคุตโต หลวงปู่หมุน ได้นำพระสมเด็จโนนผึ้งติดย่ามมาด้วย ตอนนั้นเป็นพิธีหล่อพระแก้วมรกตองค์ใหญ่ ๕๙ นิ้ว ที่วัดป่าหนองหล่ม เมื่อปี ๒๕๔๑ – ๒๕๔๒ ปู่หงษ์ พรหมปัญโญ เป็นประธาน หลวงปู่หมุนท่านกำหนดราคาไว้ที่ทำบุญองค์ละ ๕๐๐ บาท มีคนถามว่าหลวงปู่ทำไมแพงจัง หลวงปู่หมุนท่านยิ้มๆ แล้วตอบว่าทำได้ยากนะ เก็บกันไว้เถอะ อนาคตจะแพง และหากันไม่ได้นะ พุทธคุณเหลือล้นสุดยอด ดีทั้งนอกดีทั้งใน ใครได้ไว้ครอบครองถือว่าเป็นมงคลแก่ชีวิตอย่างยิ่ง สมัยนั้น ๕๐๐ บาท ถือว่าแพงมากๆ สำหรับพระผงเนื้อว่านแบบนี้ (เป็นพระที่ทรงคุณค่า ดีทั้งนอกดีทั้งใน)

XXXบูชาแล้วXXX

 

พระขุนแผน “พิมพ์พุทธกวัก” หลวงพ่ออ่อน วัดหนองไผ่ไพศาลี นครสวรรค์ ปี 2482 สุดยอดแห่งเมตตามหาเสน่ห์ไม่มีใครเกิน "ผงเมตตาหัวใจพุทธคุณ" หลวงพ่ออ่อน วัดหนองไผ่ เป็นตำนานเล่าขานกันสืบมา ขนาดหลวงพ่อเดิมยังนำผงของท่านไปบรรจุไว้ในด้ามมีด และเป็นส่วนผสมในวัตถุมงคลต่างๆ ,หลวงพ่อโอน วัดโคกเดื่อ ก็ได้นำมาผสมเป็นมวลสารหลักในการสร้างพระของท่านเช่นกัน

นี่คือข้อความของข้าราชการบำนาญท่านหนึ่งที่กล่าวถึงหลวงปู่อ่อนเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว มื่อตอนมาย้ายมาทำงานที่ อ.ท่าตะโก ใหม่ พบปะผู้คนมากหน้าหลายตา หลายระดับ คนยุคใหม่ยุค 2500 ขึ้นมา ก็ต้องหลวงพ่อฮวด,หลวงพ่อผ่อง,หลวงพ่อพันธ์,หลวงพ่อพุธ,หลวงพ่อโอน ถ้าเป็นยุคเก่า คนเก่าแก่ ปี 2500 ลงไป ก็หลวงพ่อคล้าย,หลวงพ่อเดิม,หลวงพ่ออ่อน วัดหนองไผ่ ต.สำโรงชัย อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ ฯลฯ

หลวงพ่ออ่อน เนอญฺญา เกิดปี 2439 มรณภาพปี 2501 สิริอายุ 72 ปี 51 พรรษา "พระนางห้อง" เป็นฉายาที่หลวงพ่อเดิม ตั้งให้ เพราะท่านไม่ไปไหนมาไหน สันโดษอยู่อย่างสมถะ ท่านเป็นพระปฏิบัติ เจริญสมถะ วิปัสสนากัมมัฏฐาน เก่งที่สุด คือ ผงวิเศษ ที่ท่านทำเขียนลบในเวลากลางคืน ดังขนาดที่หลวงพ่อเดิม สร้างพระเนื้อผง ต้องนำผงหลวงพ่ออ่อน ผสมด้วยทุกครั้ง เป็นที่เสาะแสวงหา วิชาทำผงต่างๆ และผงวิเศษก็ได้ตกมาอยู่ที่ หลวงพ่อฮวด วัดหัวถนนใต้ อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ จึงมีส่วนผสมของ ผงวิเศษ หลวงพ่ออ่อน เนอญฺญา ในพระผงรุ่น ๗ รอบ ปี 2531 (จึงเป็นเรื่องเก่าที่เล่าสนุก และเป็นเหตุผลที่ทำไม่รุ่นนี้ถึงน่าเก็บน่าสะสม และน่าบูชา)

ยังมีเรื่องเล่าหลายๆท่าน ที่ทันรู้เห็น ไม่ใช่ตำนานหรือนิทาน มีอาจารย์ท่านหนึ่งลองของ ผสมอาราธนา และผสมผงวิเศษของหลวงพ่ออ่อน ให้ไก่ที่เลี้ยงไว้ที่บ้านที่ชอบไปไหนมาไหน (กลัวหาย) กิน เข้าไปเดินตามชนิดไปไหนไปด้วย เฝ้าเป็นองครักษ์พิทักษ์ และต้องเลี้ยงดี ดูแลอย่างดี ไม่อย่างนั้นท่านแช่งไว้

มีอยู่ยุคหนึ่ง ผงวิเศษ ของหลวงพ่ออ่อน โด่งดังมาก ขนาดวัดหนองไผ่ เดินทางไปยากลำบาก ผู้คนจากทุกสารทิศทั่วประเทศ เมื่อต้องการของดี ต้องเดินทางไป ค้าขาย ใช้แล้วขายดิบขายดี ชายหนุ่มหลงรักสาว เวลาเข้าหาใช้นำติดตัว หรือผสมให้กิน จะหลงรักชนิดตามไปหา หมาแมวไม่เชื่องผสมให้กิน แล้วเชื่องเดินตาม ถึงขั้นหึง ใครเข้าใกล้เจ้าของ จะโดดกัดทันที ตลับสีผึ้งหลวงพ่อเดิม พานมีจาร ยุคต่อมาประมาณปี 2480 ถึงปี 2490 หลวงพ่อเดิม ท่านมาช่วยสร้างโบสถ์ นำน้ำมันผสาน(ตั้งอิ้ว) มาให้เป็นส่วนผสมกลับกล้วยน้ำว้า,น้ำตำลึง กดพิมพ์จากพิมพ์ดินเหนียว ยุคปลาย ประมาณ 2490 หลวงตาผิน ได้ผสมผงท่านน้อยลง มีส่วนผสมต่างๆมากขึ้น แต่แบบพิมพ์เดิมแจก

พระพิมพ์สมเด็จหลวงพ่อเดิม ยุคแรกท่านยังไม่ทำเป็นพระเครื่อง ทำปั้นเป็นลูกกลมๆ ขนาดเล็ก นำติดตัวได้ง่าย ทำเป็นแท่งไว้เขียน (เหมือนแท่งชอล์ค) ทำปริมาณยังไม่มาก ใครขอก็ทำให้ ความศักดิ์สิทธิ์ขนาด "เวลาจับ ถ้าผงท่านติดนิ้วมือ ต้องล้างให้สะอาด ถ้าเกิดไปโดนใคร หรือหล่นไปในอาหารแล้ว จะทำให้บาปติดตัว" มีข้าราชการชั้นผู้น้อยท่านหนึ่งเป็นที่จงเกลียดจงชังของเจ้านาย ทำอะไรก็ผิด เป็นไม่ถูกใจไปเสียหมด ได้มาเช่าพระและลูกอมหลวงปู่อ่อน ไปใส่กาแฟให้เจ้านายดื่ม จากนั้นมา ทำอะไรก็ถูกใจ ดีไปหมด จากที่ดุด่าเกลียดชังก็กลายเป็นคนโปรด อย่างไม่น่าเชื่อ

หลวงพ่ออ่อน ท่านสำเร็จวิชาลบผง วันๆมักปิดตัวเงียบ อยู่ในห้องเจริญกรรมฐาน ด้วยการลบผงของท่านไปเรื่อยๆ จนได้รับฉายาจากหลวงพ่อเดิม ว่า “พระนางห้อง” ถือว่าเป็นยอดผงแห่งเมืองสี่แควแท้ๆ แม้หลวงพ่อเดิมจะสร้างพระ หรือบรรจุกั่นมีด ยังให้ลูกศิษย์มาขอผงจากหลวงพ่ออ่อนไปผสม สุดยอดเรื่อง เมตตา-มหานิยม-มหาเสน่ห์ และโชคลาภแคล้วคลาดปลอดภัย เป็นที่เชื่อถือกันมาก

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199