ไม่รู้จักกัน

ก็สวยดีนะ แต่ดูผ่านรูป สายตา การมอง สูงไปนะ

 

สายตามองต่ำ มองดูปลายจมูก มองดู ลม หาย ใจ เข้า ออก..

 

สติอยู่ที่ฐาน ฐานสติคือกาย เห็นกายก็เห็นเวทนา เห็นเวทนาก็ไปเห็นจิต เห็นจิตก็เห็นธรรม
อยู่กับธรรม หายใจก็เป็นธรรม พูดก็ธรรม คิดก็ธรรม ทำก็ธรรม

วันนี้วันพระ แรม 8 ค่ำ
สีเลนะ สุคะติงยันติ สีเลนะ โภคะสัมปทา...
สีเลนะ นิพพุติง ยันติ ตัสมา สีลัง วิโสทะเย

ศีลยังให้คนเป็นมนุษย์ ศีลยังมนุษย์ให้ต่างจากสัตว์เดรัจฉาน
ศีลที่กายอย่างหนึ่ง ศีลที่ใจอย่างหนึ่ง
เวลาคิดชั่ว...ใครคิด เวลาทำชั่ว...ใครทำ
คิดแลบไปเพ่งโทษ นี่ก็คิดชั่วแล้ว
พอแลบไปแล้วก็กล่าวตัดกำลังใจ นี่ก็ทำชั่วแล้ว
ตัวกลางเชื่อมโยงระหว่างใจกับกายให้คิดชั่วทำชั่ว ก็คืออุปาทาน
สติปัฏฐาน ไม่ใช่ ปัดสติออกจากฐาน
ดอกอุตพิดจะเอามาเทียบกับดอกกุหลาบก็คงไม่ได้

มีแต่โรคภัยไข้เจ็บทั้งนั้น อยากได้กันจัง
โรคที่เกิดจากกาม
พาร่างกายไปหาโรคภัยไข้เจ็บ
กระทำย่ำยีกับร่างกายด้วยกามคุณ5
เคยมองบ้างมั้ยว่าทำตนเอง
คิด พูด ทำ นำโทษมาสู่ตน เพียรจัง
ผู้รู้แต่ไม่ใช่ผู้ละ
รู้...แต่ไม่ละ ก็ไม่ต่างจากไม่รู้

 

เมื่อเช้าก่อนตื่นได้ยินตัวเองพูดว่า "เหนืออารมณ์" ....อืม...จิตเหนืออารมณ์
**********************************
หลวงปู่สิม พุทธาจาโร บอกว่า....จิตอยู่เหนืออารมณ์ เหมือนเรืออยู่เหนือแม่น้ำ มันก็ไม่ทุกข์ไม่ร้อน จึงจำต้องฝึกอบรมตัวเองให้มีความอดทน_/|\_

อารมณ์... คือ ผลการเชื่อมโลกกับจิต

จิตใดอยู่เหนืออารมณ์...จิตนั้นอยู่เหนือโลก

จิตใดอยู่เหนือโลก...จิตนั้นย่อมมีกำลัง

จิตที่มีกำลังย่อมเป็นอิสระยิ่งใหญ่

ความอยากในอารมณ์ไม่เคยสิ้นสุดในโลก

การเสพอารมณ์ ไม่เคยอิ่มในโลก

การระบายอารมณ์ เป็นการผ่อนคลายในโลก

การละอารมณ์เสียได้...เป็นสุขในโลก...

คำสอนของพ่อแม่ครูบาอาจารย์_/|\_

 

อารมณ์

อา ลม..

มาแล้ว ก็ ผ่านไป..

 

ของฝากเช้านี้

"กรรม" (โควิค-19)

ไม่ว่าโยมจะไปอยู่กับคนที่เป็น เมื่อโยมไม่ส่งจิตออกไปภายนอก จิตโยมมีภาวนาแห่งจิต มีองค์บริกรรม จิตโยมก็ไม่ติดเชื้อ เพราะในขณะจิตที่โยมภาวนาอยู่ จะมีกระแสแห่งพระรัตนตรัยคุ้มครอง ก็คืออำนาจแห่ง "ศีล"

ถึงได้บอกว่าองค์ภาวนานี้ จะคุ้มครองภัยโยม ไม่ว่าโรคระบาดก็ตาม มันจะเป็นภูมิคุ้มกัน โยมก็สอนให้ลูกหลานภาวนาสิ มันยากมั้ย เค้าอาจจะไม่ชอบพุทโธก็ได้ เค้าอยากภาวนาอะไร ให้เค้าภาวนาไป

แต่คนเรามันกลัวตายเหมือนกันทั้งนั้น เอาสิ่งที่กลัวนี้แหละบอกเค้า "พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ" จงจำเอาไว้

ถ้าเรามีองค์ภาวนา แล้วจิตเราไม่ส่งออกไปภายนอก เชื้ออะไรก็ตามมันก็เข้าเราได้ยาก ถ้าเข้า มันก็ออก ทำไมมันเข้าแล้วมันถึงอยู่ไม่ได้ แล้วมันถึงออก

ก็จิตเรานั้นไม่ได้ไปกักอารมณ์นั้นไว้ มีจิตที่ปล่อยวาง และมีองค์ภาวนาอยู่ เค้าเรียกว่าเชื้ออะไรก็ตาม วิญญาณอะไรก็ตาม มันก็จะผ่านไป แต่ถ้าอย่างที่โยมกังวล เราจะทำยังไงให้ลูกหลาน หรือบุคคลอันเป็นที่รักรอดพ้นจากสิ่งเหล่านี้ โยมต้องรู้อยู่อย่างหนึ่งว่า "กรรม" มันเป็นของๆ ตน

ถ้าเค้าไม่เชื่อ ก็ไม่มีอะไรจะบังคับเค้าได้ นอกจากให้กรรมนั้นมันให้ผล คนที่เค้าเชื่อและศรัทธาในพระรัตนตรัยจริงๆ ถึงบอกว่าเป็นผู้มีบุญมีวาสนาบารมีนั่นเอง

คนที่มีบุญวาสนาบารมี ย่อมมีเทพเทวดารักษา คำว่ารักษาหมายถึงว่า แม้จะเป็นโรคเป็นภัย ก็ต้องมีหมอดีรักษา แล้วยาดีอะไรก็จะเจอ แต่คนที่มีกรรม แม้มีเงินมากเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถรักษาได้ เพราะเรียกว่ายาไม่ถูกกับโรค รักษาไม่ถูกหมอ

ดังนั้นแล้วขอให้โยมจงมีองค์ภาวนา ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องไปที่ตรงที่มีชุมชนมากก็ดี ให้เรามีสติมีองค์ภาวนาไว้ เชื้อโรคทั้งหลายมันไม่ค่อยชอบอากาศที่ถ่ายเท การที่เราภาวนาจิตอยู่ ลมหายใจเราเดินสะดวก อากาศถ่ายเทดี เชื้อโรคพวกนี้ไม่ชอบอยู่

แต่ไอ้พวกที่มีจิตอาฆาตพยาบาทจิตอิจฉาริษยา จิตที่มีโลภมีโกรธมีหลงอยู่ แต่ไม่รู้อารมณ์ของตัวเองนี้แล มันจะดึงพวกเชื้อพวกนี้เข้ามาได้ง่าย

ดังนั้นแล้วให้เราฝึกจิตออกจากบ้านมาก่อน เมื่อจิตสงบภาวนาจิตแล้วให้แผ่เมตตา อานิสงส์ของการแผ่เมตตานี้จะคุ้มครองเราได้ จิตที่ไม่ปรารถนาจะมุ่งร้ายใคร เรียกว่า "จิตเมตตา"

_/|\__/|\__/|\_
หลวงปู่อว้าน เขมโก
วัดป่านาคนิมิตต์ จ.สกลนคร

 

เบื้องบนฝากมาค่ะ

นะโมตัสสะภะคะวะโต อะระหะโตสัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะภะคะวะโต อะระหะโตสัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะภะคะวะโต อะระหะโตสัมมาสัมพุทธัสสะ

ปะโตเมตังปะระชีวินังสุขะโตจุติ จิตตะเมตะนิพพานัง สุขะโตจุติ
สาธุ อะระหังตา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระเมตตากรุณาต่อสรรพสัตว์ทั่วโลก ที่เกิดมาร่วมกันแล้วในชาตินี้แต่กำลังลำบากทุกชาติทุกศาสนา

........ชาตะมะสะละวา
สะโรนะกา โททายะโม พุทธะตะมะ.....
สวดทุกเช้าค่ำนะคะ

 

มาทำความเข้าใจและดูแลตัวเองกันเถิด ค่ะ..
✨✨✨

❤️❤️❤️❤️ *สั้นๆแต่สำคัญ จาก ยูนิเซฟ* ❤️❤️❤️❤️

โคโรนาไวรัสมีขนาดใหญ่ 400-500 ไมโคร และด้วยเหตุนี้ *หน้ากากใดๆก็ป้องกันการผ่านเข้ามาของไวรัสโคโรนาได้ทั้งนั้น*

เชื้อมันลอยอยู่ในอากาศไม่ได้ แต่อยู่ที่พื้น เพราะฉะนั้น*เชื้อจึงไม่เดินทางไปเองในอากาศ*

โคโรนาไวรัส เมื่อตกลงบนพื้นผิวโลหะ จะมีอายุอยู่ได้ 12 ชม. เพราะฉะนั้น *ล้างมือด้วยสบู่และน้ำอย่างเพียงพอ*

โคโรนาไวรัสเมื่อตกลงบนพื้นผ้า จะอยู่ได้ 9 ชม. ดังนั้น *ซักผ้า* หรือ*ตากแดด* เป็นเวลา 2 ชม. ก็สามารถฆ่าเชื้อได้

ไวรัสมีชีวิตอยู่บนมือได้นาน 10 นาที ดังนั้น ทำความสะอาดมือด้วย*แอลกอฮอล์* ก็ป้องกันได้

ถ้าไวรัสเจออุณหภูมิ 26-27°C มันก็ตาย เพราะมันอยู่ในอากาศร้อนไม่ได้ *ดื่มน้ำอุ่นและออกแดด* ก็เป็นการป้องกัน

และท้ายสุด ต้องขอโทษเด็กๆ ที่จะบอกว่า การ*งดเว้นไอศครีมและของเย็น* เป็นสิ่งสำคัญ

*การบ้วนปากด้วยน้ำเกลืออุ่นๆ* ฆ่าเชื้อโรคที่ต่อมทอนซิล และป้องกันเชื้อหลุดลอดไปถึงปอด

การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้ สามารถป้องกันไวรัสได้

ยูนิเซฟ

 

ท่านพ่อลี ธมฺมธโร สอนว่า ... "คนที่ตัดเสียได้ซึ่งอุปาทานความยึดถือ จะเปรียบเหมือนคนที่ลอยเด่นอยู่ในอากาศ ปราศจากความยุ่งยากทั้งปวง มีแต่ความเบาสบาย กายก็เด่น ใจก็เด่น ที่ว่าเด่นเพราะมันลอยขึ้นสู่ที่สูง เหมือนลูกโป่งที่เขาตัดเชือกขาดลอยแล้ว ย่อมจะขึ้นไปได้สูงเต็มที่ ผิดกับลูกโป่งที่เขาผูกไว้ยังไม่ได้ตัดเชือกให้ขาดออก ถือแม้จะลอยก็ลอยอยู่ต่ำๆ และใกล้ๆ เท่านั้น"

 

#ข้อหมายเหตุจากการสวดรัตนสูตรเมื่อวานนี้

1 ) ปี 2020 คือปีแห่งหายนะของมนุษย์ จากสัพพะโรคสัพพะภัย ซึ่งทุกร้อยปีจะเกิดขึ้นและเรียกว่าปีแห่งซาตาน ในประเทศไทยก็ประสบภัยนี้มาแล้ว 2 ครั้งตอนต้นรัตนโกสินทร์ทรงโปรดเกล้าให้ตั้งการพิธีอาเพศพินาศสวดรัตนสูตร อัญเชิญพระแก้วมรกตออกเลียบพระนครโดยมีพระสังฆราชสวดรัตนสูตรและประพรมน้ำมนต์ไปตลอดทาง โรคห่ากินเมืองก็หายไป

2 ) สมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบันเป็นองค์ที่ 20 แห่งรัตนโกสินทร์ ทำให้อาถรรพ์ของเลข 2020 แปรผันไป ทรงรับพระราชธุระนี้ ตามแบบอย่างที่มีมา ทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจแล้ว 3 ประการคือ มีพระบัญชา ให้สวดรัตนสูตร มีพระบัญชาให้ทุกวัดที่สามารถทำได้จัดตั้งโรงทานช่วยเหลือราษฎรผู้ยากไร้ ทั่วประเทศ ทรงประทานคติธรรม เกี่ยวกับแนวทางในการต่อสู้เอาชนะการแพร่ระบาดของไวรัส และที่สำคัญทรงเตือนผู้ลบหลู่พระรัตนตรัยว่า สิ่งที่มองไม่เห็นนั้นอย่าคิดว่าไม่มี

3 ) ทรงเป็นปฐมสังฆราช ในรัชกาลที่ 10 นับแต่สถาปนาเป็นต้นมาไม่ว่า ในพระราชพิธีหรือการงานใดๆ มีใครเคยเห็นพระองค์ทรงนั่งสมาธิให้เห็นบ้าง มาครั้งนี้ ในขณะทำพิธีสวดรัตนสูตร พระองค์ทรงนั่งสมาธิ และผู้ทรงภูมิธรรมอันประเสริฐบางระดับ ย่อมรู้ว่าทรงสถิตอยู่ใน อุปจารสมาธิ ที่อาจหยั่งได้ว่าทรงกระทำสัตยาธิฐาน อันเป็นเบื้องต้นของการกระทำอธิษฐานฤทธิ์ ตามความในรัตนสูตรนั้น

4 ) ณ.เวลาที่ทำพิธีสวดรัตนสูตร อยู่ในฤกษ์อันถือได้ว่าเป็นพิษครุฑ ซึ่งปกติต้องห้ามทำพิธีมงคล แต่นี่ ไม่ใช่พิธีมงคลแต่เป็นพิธีขับไล่อาเพศพินาศ และครุฑนั้นคือ คือเทพพาหนะของพระนารายณ์เป็นเจ้า เป็นเทพพาหนะที่สยบพระราหูได้ และพระราหูนั้นก็คือ เทพอสูรที่เป็นเจ้าแห่งโรคและไวรัสทั้งหลาย

5 ) ก่อนพิธีสวด 1 ชั่วโมง ผมได้โพสต์แจ้ง ให้แฟนเพจทั้งหลายเตรียมพร้อม เพื่อสดับรัตนสูตร และขอให้ช่วยสังเกต ท้องฟ้าอากาศไว้ด้วย ผลปรากฏว่าทัองฟ้าอากาศเป็นไปดังที่ Fanpage ได้แจ้งเข้ามาและผมได้สรุปเมื่อคืนนี้

6 ) ในครั้งพุทธกาลและเมื่อครั้งตั้งพิธีอาเพศพินาศตอนต้นรัตนโกสินทร์ ก็มีฝนห่าใหญ่ตกลงมา แล้วโรคห่าก็หายไปเป็นที่อัศจรรย์

7 ) สมเด็จพระสังฆราชทรงเตือน ผู้ลบหลู่พระรัตนตรัย ว่าสิ่งที่มองไม่เห็นนั้นอย่าคิดว่าไม่มี เป็นพระกรุณาอย่างยิ่งต่อคนเหล่านั้น ซึ่งขออธิบายตรงนี้ว่า ไวรัสโควิคที่แพร่ระบาดอยู่นี้ก็มองไม่เห็น แต่ก็มีอยู่ไม่ใช่หรือ อานุภาพแห่งรัตนปริตร ก็เป็นสิ่งที่มองไม่เห็นเหมือนกัน และสิ่งที่มองไม่เห็น 2 สิ่งนี้ จะสยบขับไล่กันอย่างไรก็คอยดูกัน…

Cr. อาจารย์ไพศาล พืชมงคล

จาก...เพจแจกจ่ายธรรมะหลวงพ่อวิริยังค์

 

บ้านเมืองสงบเรียบร้อยขึ้นตั้งเยอะเพราะโควิด อบายมุขลดลง ความมีสมดุลย์ของทรัพยากรกำลังจะเกิดขึ้นในเวลาถัดไป เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจ นินทาว่าร้าย ด่าทอ ค่อยๆ จางหายไป ด้านมืดกำลังอ่อนแรง ด้านสว่างกลับมีกำลัง

เมื่อคืนเดินไปเซเว่นตอนสี่ทุ่ม ร้านค้ารายทางปิดเงียบ แต่ละบ้านนั่งเล่นพูดคุยกันแต่ในบ้าน บรรยากาศแบบนี้ไม่ได้เห็นมาตั้งนานแล้ว มันเงียบ สงบ และอบอุ่น

 

หมกมุ่นมากก็ฟุ้งมาก นี่คือธรรมชาติ เมื่อรู้จักธรรมชาติดีแล้ว เราก็สามารถนำธรรมชาติมาใช้ให้เกิดประโยชน์ตนในทางธรรมได้ เลือกที่จะหมกมุ่น

จมจ่อมกับเรื่องใด จิตก็ใฝ่หาเสพอยู่แต่เรื่องนั้น ความแตกฉานใดนำมาซึ่งทุกข์ เว้นเสีย

โลกไม่เที่ยง สังขารไม่เที่ยง โลกไม่เคยยึดเรา มีแต่เราที่ไปยึดโลก รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน ล้วนอนัตตา

 

จากเฟสบุค...ชื่นศิริ

เมื่อเรายอม จนผู้อื่นเคยชิน ไม่ว่าจะผิดหรือถูก อย่าคิดว่า คนเหล่านั้นจะซึ้งใจเรา เสียทุกคน

เพราะเมื่อไหร่ที่เรายอมไม่ได้ ยากเกินจะยอม รู้สึกมันไม่ถูกต้องเกินจะยอมได้ จนเราลุกขึ้นแสดงความไม่ยอม เพียง 1ครั้ง สิ่งที่เคยยอมมาเป็น5ปี10ปี ก็จะไม่มีค่าขึ้นมาทันที การไม่ยอม การขัดใจ เพียง1ครั้ง กลับร้ายแรง สร้างปัญหาให้มากกว่าที่คิดนัก

เราจึงต้องอยู่ด้วยสติ และปัญญา ไม่ใช่หัวใจและความรู้สึกอย่างเดียว ทุกอย่าง ไม่ใช่แค่ถูกใจ แต่ต้องถูกต้องด้วย "และที่สำคัญต้องถูกคน" อย่าเป็นคนอะไรก็ได้ เมื่อไหร่ก็ยอม จนเป็นความเคยชินให้ใคร โดยไม่แยกว่าถูกหรือผิด สิ่งเหล่านั้นมันไม่มีค่าเสมอไป

-สุดท้าย มันก็ทำร้ายหัวใจเราเอง-

 

บทอธิษฐานขออโหสิกรรม สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

"กายะกัมมัง วะจีกัมมัง มะโนกัมมัง สัญจิจจะกัมมัง
อะสัญจิจะกัมมัง ขะมันตุ เม อะโหสิกัมมัง ภะวะตุ เม."

กรรมใดๆ ไม่ว่าจะเป็นกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ที่ข้าพเจ้าได้ทำล่วงเกินแก่ผู้ใด ทั้งโดยตั้งใจก็ดี ไม่ได้ตั้งใจก็ดี ในภพชาติใดก็ตาม ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโปรดยกโทษให้เป็นอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้า อย่าได้จองเวรจองกรรมต่อกันอีกเลย แม้แต่กรรมใดที่ใครๆ ทำแก่ข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้ทั้งสิ้น ยกถวายพระพุทธเจ้าเป็นอภัยทาน ขอจงดลใจให้เขาเหล่านั้นกลับมีเมตตาจิต คิดเป็นมิตรกับข้าพเจ้า เพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อกันตลอดไป

ด้วยอานิสงส์แห่งอภัยทานนี้ ขอให้ข้าพเจ้าพร้อมทั้งครอบครัว ตลอดจนวงศาคณาญาติ ผู้มีอุปการคุณของข้าพเจ้า พ้นจากความทุกข์ยากลำบากเข็ญใจ ความทุกข์อย่าได้ใกล้ ความเจ็บไข้อย่าได้มี ขอได้มีความสุขสวัสดีมีชัย เสนียดจัญไรและอุปัทวันตรายทั้งหลาย จงเสื่อมสิ้นหายไป นึกคิดปรารถนาสิ่งใดที่เป็นไปโดยชอบประกอบด้วยธรรมแล้ว ขอให้สิ่งนั้นจงพลันสำเร็จ ลงพลันสำเร็จ จงพลันสำเร็จเทอญ _/|\__/|\__/|\_

 

ใช่ว่าร่างกายของทุกคนจะสะอาดปราศจากโรคภัยมาตั้งแต่เดิม พอเกิดมาเค้าก็ฉีดเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายให้แล้ว (วัคซีนทั้งหลาย)

ในร่างกายเรามีสารพัดเชื้อ ทั้งเชื้อโรค เชื้อรา แบคทีเรีย และพยาธิต่างๆ ร่างกายไม่ใช่ของเรามาตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะกายคือที่อยู่อาศัยและรังของโรค

กายในกายมีมากมายสารพัดกาย เรือนกายคือที่อยู่อาศัยของสรรพชีวิต ไม่ต้องเป็นห่วงกังวลถ้าต้องมีสมาชิกใหม่เข้ามาอาศัยอีก ขอแค่อยู่ร่วมกันด้วยความสงบสันติก็พอ

อย่ากังวลไปเลย สรรพสิ่งเคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัย เพียรมุ่งมั่นรักษาใจให้เป็นปกติดีกว่า...นะ...นะ...นะ

 

ปัญหาของตัวเอง...ใครเป็นผู้แก้ ?
ปัญหาในครอบครัว...ใครเป็นผู้แก้ ?
ปัญหาในองค์กร...ใครเป็นผู้แก้ ?
ปัญหาในจังหวัด...ใครเป็นผู้แก้ ?
ปัญหาในประเทศ...ใครเป็นผู้แก้ ?
ปัญหาในโลก...ใครเป็นผู้แก้ ?

ผู้นำ..หน่ะ...มีไหม? ถ้าไม่มี...เดี๋ยวไปนำเอง
นำสวดมนต์นะ

...กุสลา...ธัมมา อกุสลา...ธัมมา....

 

"ความหลุดพ้น ที่มนุษย์ทุกคนพึงหานั้น อยู่ที่ตนเอง หากตนเองมุ่งปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ก็จะได้พบไม่ยาก ขอให้มุ่งปฏิบัติเถิด

การหลุดพ้นนั้น จะต้องทำจิตใจของตนให้หมดกิเลส หมดสิ้นจากทุกข์ทกอย่าง หมดสิ้นจากสิ่งที่อยากได้ สิ่งที่เรียกว่า โลภ โกรธ หลง ตัดสิ่งนี้ให้หมดสิ้น และเจริญวิปัสสนากรรมฐานจึงได้พบทางหลุดพ้น"

....พระนิพพานเปรียบเหมือนคุณของอากาศอธิบายว่า อากาศมีคุณอยู่ 10 ประการ

คือ ๑. ไม่รู้จักเกิด ๒. ไม่รู้จักแก่ ๓. ไม่รู้จักตาย ๔. ไม่จุติ ๕. ไม่กลับเกิดอีก ๖. เป็นของดำรงค์สภาพไว้ได้โดยไม่ต้องอาศรัยอะไร ๗. สำหรับฝูงนกบินไปมา ๘. ใครจะข่มเหง ลอบลักเอาไปไม่ได้ ๙. ไม่รู้มีอะไรมากางกั้น และที่สุด ๑๐. ไม่ปรากฏ

การเห็นเป็นเหตุแห่งการคิด การคิดเป็นเหตุแห่งการเห็น ถ้าคิดดีก็เป็นทางเย็น ถ้าคิดไม่เป็นก็เย็นสบาย ตายไปเหม็นเน่า เราเขาเหมือนกัน อยู่ไปทุกวัน ใครได้ก็ดี ใครมีก็ได้

การกินก็ต้องเป็นห่วง เพราะอยู่ในบ่วงของตัณหา กินเพื่อเลี้ยงอาตมา ให้มีอยู่ได้เป็นวันๆ ตั้งแต่เกิดมา ได้กินหรือยัง กินแล้วให้เหลือ 1 คำ อย่าให้หมดเกลี้ยง จะฝึกโบราณ

ความหลุดพ้น ที่มนุษย์ทุกคนพึงหานั้น อยู่ที่ตนเอง หากตนเองมุ่งปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ก็จะได้พบไม่ยาก ขอให้มุ่งปฏิบัติเถิด

การหลุดพ้นนั้น จะต้องทำจิตใจของตนให้หมดกิเลส หมดสิ้นจากทุกข์ทุกอย่าง หมดสิ้นจากสิ่งที่อยากได้ สิ่งที่เรียกว่า โลภ โกรธ หลง ตัดสิ่งนี้ให้หมดสิ้น และเจริญวิปัสสนากรรมฐานจึงได้พบทางหลุดพ้น

ชีวิตและปฏิปทาของหลวงพ่อเกษม เขมโก ย่อมเตือนใจให้ระลึกถึงพระพุทธพจน์ที่ว่า สีลคนโธ อนุตตโร กลิ่นศีลยอดเยี่ยมกว่ากลิ่นทั้งปวง"

ป่าเป็นธรรมชาติ ธรรมชาติไม่ได้บอกให้เราคิดเพ้อเจ้อ ฟุ้งซ่าน แต่มนุษย์ไม่ได้ทำตามหน้าที่ตามธรรมชาติ คิดเก่ง คิดชอบ คิดไร้สาระ คิดเอาแต่ใจตัวไม่รู้จบ มนุษย์ทำเกินหน้าที่ของตัว ไม่ทำตามธรรมชาติ เมื่อใดมนุษย์ถือมั่น ความทุกข์ก็ไม่มี มีแต่ประโยชน์...

-คำสอนหลวงพ่อเกษม เขมโก
_/|\_ _/|\_ _/|\_

 

เพื่อน

คือ คนแรกที่ทำให้เรารู้จักผู้อื่น เพื่อน..คือคนแปลกหน้าคนแรก…ที่ทำให้เรารู้จักความรัก
นอกเหนือจากคนในครอบครัว..ที่เรารักกันมาตั้งแต่เกิด เพื่อน..โผล่หัวมาตอนโต…เป็นใครไม่รู้..แล้วจู่ๆ วันหนึ่งเราก็รักมันได้ ฉันมองความรักเพื่อน..เป็นความรักที่น่าเคารพยกย่อง

แต่ต้องเป็นเพื่อนแท้ด้วยนะ..เพื่อน..จะรักกันแบบพอดีๆ ไม่หวง..ไม่หึง.ไม่ต้องการอะไรตอบแทน..เรารักกันสบายๆ มีปัญหาปรึกษากัน...มีเรื่องเดือดร้อนช่วยกัน.. มีอะไรไม่สบายใจปรับทุกข์กัน แต่ในขณะเดียวกันต่างคนต่างก็มีโลกเป็นของตัวเอง เธอมีแฟนฉันไม่ว่า..เธอสนุกของเธอไป..เราต่างยินดีในความสุขของกันและกัน ไม่ต้องมาเจอกัน…ก็ยังห่วงกัน..ยังคิดถึงกัน

ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบอยู่เสมอ ถ้ามั่นใจว่าเจอเพื่อนแท้แล้ว..เชื่อเถอะว่า...ไม่ว่าเราจะห่างกันอย่างไร....เราจะคิดถึงกัน และเราจะไม่มีวันเลิกคบกัน..เพราะเธอไปมีเพื่อนใหม่...ต่างฝ่ายต่างมีเพื่อนใหม่..ก็ยังเป็นเพื่อนกันได้…

มันเป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข คนบางคนบอกว่า..คุยกับเพื่อนได้ทุกเรื่อง..แต่คุยกับแฟน..กับพ่อแม่ได้บางเรื่อง นี่แหละ..ที่มันเป็นความรักที่ประหลาด…แต่งดงาม มันมีความเข้าใจ.. ไว้ใจ ..เชื่อใจ..ในจุดสมดุล

 

กะมันวัยเดียวกัน รุ่นราวคราวเดียวกัน ย่อมเข้าใจกันเป็นธรรมดา..